- 8 -
ช่วงนี้ผมขอเข้างานสายกับเฮียโกวยาวๆเลยครับ เพราะว่านิทรรศการหมุนเฟืองของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ เฮียโกวเข้าใจครับ เฮียบอกว่าอย่าโหมงานหนักมาก เดี๋ยวทรุดไปแล้วจะแย่ ส่วนรอยฟกช้ำตามตัวนั้นอาการดีขึ้นมากครับ เหลือเพียงแค่รอยจางๆ หัวสมองที่โดนกระแทกนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้รับการกระทบกระเทือนตรงไหน คงไม่จำเป็นที่ผมจะต้องถ่อไปโรงพยาบาลเสียเงินเพื่อเอ๊กซเรย์หรอกเนอะ
พูดถึงยาที่ผมใช้อยู่ตอนนี้แล้วก็นึกถึงคลินิกเสริมความงามของที่เด็กคนนั้นพาไป ผมไม่ได้โทรไปเลยแหะ จะโดนหาว่าเบี้ยวไหมล่ะเนี่ย? ว่าแล้วก็โทรหาดีกว่า ผมเซฟเบอร์ของเด็กคนนั้นไว้เรียบร้อยแถมตอนนี้ผมก็เดินมาเข้าห้องน้ำระหว่างเรียน ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่
ผมรอสายอยู่นานแต่ไม่มีคนรับ สงสัยอาจจะไม่ได้ยินหรือไม่ว่างรับก็ได้มั้ง ช่วยไม่ได้แหะ ถือว่าโทรไปแล้วนะ..
เมื่อทำธุระของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วมาล้างมือ แต่ขณะที่กำลังจะเดินออกนั้น ใครบางคนที่ผมพยายามเลี่ยงไม่เจอหน้ามาตลอดตั้งแต่เกิดเรื่องก็ปรากฏกาย
หลายวันที่ผ่านมา ผมทำเหมือนกับเขาเป็นอากาศ ไม่ใส่ใจ ไม่ได้ยิน ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ไอ้จ๊อบและไอ้หลามมันพอสัมผัสได้ถึงความเย็นชาของผมที่มีต่อมัน พักนี้มันถึงไม่ค่อยแหย่เล่นอะไรสักเท่าไหร่
เมื่อคืนไอ้บูมโทรมาบอกผมว่าจัดการเรื่องเว็บเกย์ให้เรียบร้อยแล้ว เข้าไปเช็คได้เลยว่าจะไม่มีรูปผมหรือประวัติ เบอร์โทรอะไรของผมหลงเหลือในเว็บนั้นอีก ผมไม่รู้ว่ามันจัดการยังไง แต่ก็ต้องขอบคุณมันมากจริงๆ อย่างน้อยก็หมดไปหนึ่งปัญหาแล้ว
ส่วนรูป...มันบอกว่า...มันยังไม่พร้อมที่จะตายตอนนี้
เฮ้อออ ผมเข้าใจมันนะ เกรงใจมันด้วย อยากให้มันเลิกยุ่งจะ แค่นี้ผมก็เป็นภาระให้มันมากพอแล้ว แต่มันไม่ยอมง่ายๆเนี่ยสิ
“โทรนัดลูกค้าเหรอไง?”
มาแล้ว ประโยคถากถาง ซ้ำซาก แบบเดิมๆ...มันคงเห็นตั้งแต่ที่ผมโทรหาปกป้องสินะ
แต่ผมก็ทำแบบเดิมๆเช่นกันคือทำเป็นไม่ได้ยิน ทำเหมือนมันไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ ก็แค่ธาตุอากาศ ผมตั้งใจจะเดินออกไป แต่มันยืนขวางอยู่หน้าประตูและไม่คิดจะหลบทางให้ผมด้วย
“กูถามก็ตอบสิวะ!” มันตะคอกใส่ผม “โธ่เว้ยย!!”
ผมยืนอยู่อย่างนั้น ไม่ขอให้มันหลีก ไม่ตอบมัน ไม่มองหน้า ขนาดมันกระชากผมอย่างแรง ผมยังไม่ร้องสักแอะ เดี๋ยวคงมีคนมาแล้วมันก็เลิกไปเอง...ผมคิดอย่างนั้น
แต่ขณะที่มันกำลังจะลากผมเข้าห้องน้ำ ก็มีเสียงสวรรค์มาช่วยผมซะก่อน
“เฮ้ย ไอ้เตี้ย! ตายยังวะ!?” เสียงมาจากที่ไกลๆ แต่ผมว่าอีกไม่นานเจ้าของเสียงคงได้ปรากฏตัวในห้องน้ำ
“มึงไปเยี่ยวไปขี้หรือไปช่วยเค้าทำความสะอาดห้องนะ...” อีกเสียงถึงกับผงะค้าง ผมกับไอ้โทหันไปมอง ไอ้หลามกับไอ้บูมยืนจ้องด้วยความมึนงง หน้าตาทั้งคู่บ่งบอกเลยว่าตกใจมาก
“เฮ้ย! มึงจะต่อยไอ้โมเหรอ!?” ไอ้หลามรีบเข้ามาแยกผมออกจากไอ้โท
“นี่มันเกิดเรื่องเหี้ยไรกัน? กูเห็นพวกมึง2ตัวแล้วกูอึดอัดแทนสัด คนนึงเอาแต่จ้อง คนนึงเอาแต่หนี ไอ้เหี้ย ชาตินี้คงรู้เรื่องกันหรอกเนอะ” ไอ้หลามระเบิด มันคงทนเก็บความรู้สึกไว้นาน
แต่คงไม่เท่ากูหรอกว่ะ...
“หึ! ถามมันสิ” ไอ้โทตอบ
ไอ้บูมรีบมายืนข้างๆผม ส่วนผมเอาแต่ก้มหน้า ไม่มองใครทั้งนั้น
“ถ้ามึงไม่ตอบไอ้หลาม กูตอบแทนได้นะ..” ไอ้เหี้ยโทมันขู่ผม
“ไม่มีไรหรอก กลับไปเรียนกันเหอะ” คนข้างๆผมรีบพูดขึ้น พลางดันตัวผมให้เดินเพื่อหนีไปจากสถานการณ์แย่ๆนี้
“..ขายตัว...”
ผมตัวชาวาบ เงยหน้าไปมองคนพูดทันที
“เพื่อนนะโมสุดที่รักของมึงขายตัวยังไงล่ะ” ไอ้โทพูดต่อ “ทีหลังมึงไม่ต้องให้เงินมันแล้วนะ ตอนนี้มันขายตูดจนรวยเละแล้วมั้ง”
“พอ...”
ผมควรทำยังไง?
ไอ้หลามมองมายังผม
“ไม่จริง ไอ้โมมันไม่ได้ขาย...อย่างที่มึงว่า มันโดนแกล้ง โดนเอารูปไปโพสในเว็บเกย์!” ไอ้บูมตอบแทนผมเพราะตอนนี้ผมตัวแข็งเป็นหินไปแล้ว
ผมไม่ได้อยากให้ไอ้หลามมันรู้ด้วยวิธีนี้...ผมยังไม่พร้อมที่จะเสียเพื่อนไปอีกคน
“เหรอ? งั้นรูปพวกนี้มึงจะอธิบายยังไง” ไอ้โทหยิบไอโฟนมันขึ้นมาแล้วเปิดรูปส่งให้ไอ้บูมดู ผมยังไม่เห็นรูปนั่น ได้แต่มองตามมือที่ไอ้โทส่งให้บูม
ซึ่งแทนที่ไอ้บูมจะตอกกลับไปทันทีว่านั่นไม่ใช่ผม หรือเป็นรูปตัดต่อ...แต่ไอ้บูมกลับเงียบ ไม่มีเสียงค้านใดๆเล็ดรอดออกมาจากปากมัน
“ลองเลื่อนสิ ไม่ใช่แค่รูปเดียวนะ มาเป็นแกลลอรี่เลย”
ไอ้บูมเงยหน้าขึ้นมามองผมช้าๆ แววตาที่มันเคยเชื่อมั่นในตัวผมเปลี่ยนไป มันมองผมอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างแผ่วเบา
“จริงเหรอวะ? มึง...”
ทำไมไอ้บูมมองผมแบบนั้น...
ผมไม่ได้ขายตัว ขายตูด ขายเหี้ยไรทั้งนั้น...
ผมแย่งไอโฟนมาจากมือไอ้บูม สิ่งที่โชว์บนหน้าจอมันทำให้ผมถึงกับมือสั่น ริมฝีปากแห้งสนิท ตัวเย็นเฉียบราวกับมีใครเอาน้ำเย็นมาราด
ผู้ชายเปลือยกาย 2 คนนอนกอดกัน มีเพียงแค่ผ้าห่มที่คลุมตัวทั้ง 2 ไว้อย่างหมิ่นเหม่ ใบหน้าของผู้ชายหนึ่งในนั้นผมจำได้ จำได้อย่างแม่นยำเลยล่ะ...ในเมื่อผมเห็นใบหน้านี้ทุกครั้งที่ส่องกระจก
ใช่แล้ว...ตัวผมเองที่อยู่ในรูป
ส่วนผู้ชายที่นอนกอดผมข้างๆนั้น ผมมองไม่ถนัดเพราะมีเส้นผมปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งนั้นจมอยู่กับแผ่นหลังของผม ถ่ายแบบนี้ราวกับจงใจให้เห็นเพียงแค่ใบหน้าผมเท่านั้น
ตัดต่อ...มันต้องตัดต่อแน่ๆ...ผมบอกตัวเองอย่างนั้น แม้ในใจจะไม่เชื่อเลยก็ตาม มีบางสิ่งบางอย่างตะกุยตะกายในความคิดผมว่านั่นคือตัวผมจริงๆ
“หึ ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอวะ? มีภาพหลุดโผล่มาแบบนี้”
ผมไม่ได้สนใจสิ่งที่ไอ้โทพูดเลย ผมไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าไปมองคนอื่นด้วยซ้ำ มือผมกำลังสั่น ไม่กล้าเลื่อนดูรูปถัดไป
อยากหายตัวไปจากตรงนี้
แต่มันคงเป็นไปไม่ได้...นี่คือชีวิตจริงไม่ใช่หนังหรือละคร คือความจริงที่ผมต้องเผชิญ
“ไหนกูขอดูหน่อย” ไอ้หลามมันแย่งไอโฟนออกไปจากมือผม พอมันเห็นรูปมันก็หันมามองผมสลับไปมาอยู่หลายที “เอ่อ...คนในรูปนี่หน้าเหมือนมึงแหะ แฝดมึงเหรอ? ฮ่าๆๆ ฮ่า ฮา ...” ไอ้หลามพยายามทำให้มันเป็นเรื่องตลก มันฝืนหัวเราะ แต่ทุกคนไม่ขำด้วย
ตลกจนขำไม่ออก
ผมเสียเพื่อนไปอย่างสมบูรณ์แบบ ไอ้หลามพยายามเลี่ยงที่จะคุยกับผมตรงๆ ไอ้จ๊อบมองผมแบบแปลกๆ ซึ่งผมคิดว่ามันรู้เรื่องเรียบร้อยแล้ว มีแต่ไอ้บูมที่คุยกับผมเพียงคนเดียว
“มา กูช่วยทาสี” ไอ้บูมหยิบแปรงจุ่มลงกระป๋องสีแล้วนั่งลงกับพื้นตรงข้ามผม
“มึงไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้นะ” ผมรู้ว่ามันลำบากใจ “กูอยู่คนเดียวได้”
“เฮ้อ...ถ้าพวกมันรู้ว่ากูเป็นเกย์ พวกมันก็คงเลิกคบกู...สู้กูแยกตัวมาอยู่กับมึงเลยไม่ดีกว่าเหรอ?” มันยิ้ม “เหมือนบอยแบนด์เกาหลีไง ชื่อวงไรน๊า..อ้อ ดงบังๆ ให้ไอ้พวกนั้นเป็น JYJ ส่วนกูกับมึงก็ยุนโฮกับชางมินไง ฮ่าๆๆๆ”
จู่ๆมันก็ลุกขึ้น ย่อขาลงต่ำๆเหมือนจะนั่งแต่ไม่นั่ง กางมือ2ข้างออก แล้ว...
“Keep your head downnnnnnn” ร้องเสียงต่ำซะด้วย
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ มึง...นั่งลงเถอะ คนเค้ามองหมดละ ฮ่าๆๆๆๆ”
“มองเพราะกูหล่ออะสิ” กล้าพูดเนอะไอ้บูม
แล้วมันก็ยอมนั่งลงทาสีเหมือนเดิมครับ
ตอนนี้ผมกำลังช่วยเพื่อนๆในเจอร์จัดสถานที่เพื่องานนิทรรศการอยู่ ซึ่งจะมีขึ้นในอีก 2 วัน แต่ทำไม...งานเหมือนจะไม่คืบหน้าเลยวะ? ทั้งๆที่ผมก็มาช่วยจนถึง 2 ทุ่มทุกวัน
“กูว่าย้ายป้ายไปไว้ตรงต้นไม้ดีกว่า” เสียงประธานเจอร์ครับ “เอ๊ยไม่เหมาะๆ เอาไปไว้ตรงมุมดีกว่า...อืมมม...ไม่โอๆ ตรงนั้นไม่มีใครมองเห็นภาควิชาเราแน่ๆ เอากลับไปไว้ที่เดิมอะดีและ”
ครับ ก็อย่างที่ได้ยิน ผมว่างานคงเสร็จหลังจากที่เค้าจัดนิทรรศการกันไปเรียบร้อยแล้วอะ
“ยิ้มไรวะ?” ผมถามไอ้บูมที่เหลือบมองผมแล้วยิ้ม “อย่าบอกนะว่ามึง...”
“ใช่ กูแอบชอบมึงมานานละ”
“ไอ้เหี้ย!” ผมโดดตัวหนีเลยครับ
“ถุ๊ย! รอชาติหน้าตอนบ่ายๆเถอะ กูไม่เอาเมียเตี้ยๆแบบมึง”
“สัด อย่างกับว่ามึงจะหาเมียได้งั้นแหละ” ประโยคหลังผมพูดเบาๆ กลัวมันจะได้ยินแล้วเอาสีมาป้ายผม
“อะไรนะ? กูได้ยินไม่ชัด” ฮันแน่ ทีนี้เสือกหูดีเชียวนะ
“อ้อ เปล่า กูบอกว่าพรุ่งนี้มึงเอาโทริโกะเล่มใหม่มาให้กูด้วย” ผมเฉไฉไปเรื่องอื่นพลางก้มหน้าก้มตาทาสี
เห็นผมร่าเริงแบบนี้ แต่อันที่จริงผมก็เครียดนะครับ ผมเสียเพื่อนไปแล้วแต่ยังดีที่ไม่ได้เสียไปทั้งหมด ผมยังเหลือไอ้บูมที่เข้าใจ ตอนแรกผมนึกว่ามันจะทิ้งผมไปอีกคน เพียงแต่มันบอกว่าถ้าผมขายจริงๆ ผมก็น่าจะแนะนำวิธีการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชายได้เป็นอย่างดี
เอิ่ม พอได้ยินมันพูดแบบนั้นผมก็ด่ามันว่าพ่อตัวเย็นไปทีนึง มันหัวเราะ ก่อนจะทำหน้าตาจริงจัง
‘ตราบใดที่มึงไม่ได้ขโมยเงิน ฆ่าปาดคอ ขายยา ลักทรัพย์ใคร กูก็จะยังเห็นมึงเป็นเพื่อน เพราะมึงขายตัวเอง ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนี่หว่า’
แต่ก่อนที่มันจะเข้าใจผิดไปไกลหรือปักใจเชื่อจริงๆว่าผมขายตูด ผมก็รีบบอกมันทันทีว่าผมไม่ได้ขาย ซึ่งมันขมวดคิ้ว เอียงคอถามกลับว่า
‘แล้วรูป? นั่นมึงนี่...คือกู...’
‘กูก็ยังไม่มั่นใจตัวเองเลย กูอยากให้มันเป็นรูปตัดต่อ แต่...ไม่รู้วะ กูว่าผู้ชายในรูปนั่นคือกูจริงๆ’
‘อ้าวไอ้เหี้ย กูงงละ’
‘เออ กูก็งง’
‘มึงจำผู้ชายที่นอนกอดมึงได้มั้ยล่ะ?’
ผมนึกถึงรูปที่ได้เห็น ผู้ชายที่นอนกอดผมนั้นก็เหมือนผู้ชายธรรมดาๆทั่วไป ที่จะเป็นใครก็ได้ แต่ก็นั่นแหละ...อะไรบางอย่างทำให้ผมรู้สึกคุ้นตากับสีผมและรูปร่างแบบนั้นมากๆ
เพียงแต่ผมคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก พยายามรื้อฟื้นความทรงจำทั้งหมดเท่าที่จำได้...แต่ก็ไม่มีส่วนเสี้ยวใดในสมองของผมที่บอกว่าผมรู้จักผู้ชายคนนั้นจริงๆ
“แล้วมึงมองกูแล้วยิ้มไมวะ?” ย้อนกลับมาที่ปัจจุบัน
“มึงหัวเราะได้กูก็สบายใจ”
เฮ้ออออ บางทีฟ้าลิขิตให้เราเจออุปสรรคที่แตกต่างกัน เพียงแต่อุปสรรคของกูมันหนักหนากว่าชาวบ้านเค้าหน่อยก็เท่านั้นเอง แต่คนที่เจอหนักกว่าก็มีเยอะแยะไป ขึ้นอยู่กับว่าใครรับได้ รับไม่ได้ ทนอยู่กับมันได้มั้ย แค่นั้นแหละ...
ซึ่งในกรณีของผม...ผมคิดว่าผมทนได้ ผมรับได้
เสียเพื่อน เสียตัว เสียใจ แต่สักวัน...มันจะดีขึ้นเอง
ขอเพียงแค่ไอ้คนที่ทำผมเสียเพื่อน เสียตัว และเสียใจแบบนี้มันต้องไม่ได้อยู่ดี!
Next Chapter >> - 9 - (part1)Talk
เปลี่ยนไปเป็นนิยายสืบสวนสอบสวนดีกว่า -.-