☪ [เรื่องสั้นสองตอนจบ] ☪ ทาสรักเงารัตติกาล (Dark)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☪ [เรื่องสั้นสองตอนจบ] ☪ ทาสรักเงารัตติกาล (Dark)  (อ่าน 28901 ครั้ง)

shishikima

  • บุคคลทั่วไป

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪☪

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเองโดยใช้จินตนาการของคนเขียนล้วนๆ เลยนะคะ ไม่มีส่วนเกี่ยวกับสถานที่หรือบุคคลใดๆ

เนื้อหาเป็นแนวแฟนตาซี คนเขียนพึ่งคิดได้สดๆ ร้อนๆ เมื่อวานนี้เองจึงนั่งปั่นแบบมาราธอน

หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยท่านผู้อ่านไว้ล่วงหน้า

ขอบคุณล่วงหน้าที่เปิดเข้ามาอ่านนิยายมึนๆ เรื่องนี้นะคะค่ะ ○(  ̄ v  ̄ )○

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2013 20:07:55 โดย shishikima »

shishikima

  • บุคคลทั่วไป



ทาสรักเงารัตติกาล (Dark)   


Part 1 (K)


          ‘หัวใจของผมถูกพันธนาการตั้งแต่ได้พบเจอกับเขา...เมื่อตอนนั้น...’

         “ไอ้เด็กนี่ใช่ไหมที่นายบอกให้ผ่าเอาอวัยวะไปขาย” เสียงผู้ชายตัวโตผิวคล้ำกล้ามเป็นมัดๆ ที่ยืนอยู่ค้ำหัวผมเอ่ยถามเพื่อนคนข้างๆ

         “เออ คนนี้แหละ แม่งเป็นใบ้เลยดันขายไม่ออก น่าเสียดายว่ะทั้งๆ ที่หน้าตาก็ดูน่ารัก แต่อย่างว่าไม่มีเสียงมันจะไปมีอารมณ์อะไร” เพื่อนคนข้างๆ ที่ผิวขาวกว่าเอ่ยบอก ก่อนที่สายตาจะลามเลียไปทั่วร่างกายที่เปล่าเปลือยเกือบทั้งหมดของผม

         นี่ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงนะ...สมองตอนนี้เบลอไปหมด ดวงตาเลื่อนลอยดูไม่มีจุดหมายปลายทาง

         ...อืม...จริงด้วยสิ...พ่อกับแม่ขายผมเพื่อปลดหนี้การพนันของบ่อนแห่งหนึ่ง จากนั้นผมก็ถูกขายต่อมาจากที่นั่นมายังคลับ ‘สัตว์เลี้ยง’ นี่พ่อกับแม่คงไม่ได้บอกใครสินะว่าผมเป็นใบ้เพราะจากที่ได้ยินเขาพูดๆ กันมาว่าราคาตัวผมแพงอยู่พอตัว แต่คลับนี่ก็ยอมทุ้ม หึๆ แล้วเป็นไงสุดท้ายก็ได้ของมีตำหนิจนต้องเอามาผ่าตัดขายอวัยวะ

         “จริงอย่างที่มึงพูด นี่กูก็ไม่ได้ปล่อยมาหลายวันแล้ว เจ้านายคงไม่ว่าหรอกใช่ไหมว๊ะที่จะ ‘เอา’ ของมีตำหนิก่อนที่จะควักเครื่องในขาย” เสียงผู้ชายตัวผิวคล้ำพูดต่อ มือหยาบเริ่มลูบไล้ไปตามแขนของผมอย่างช้าๆ เหมือนกับยั่วอารมณ์ แต่สำหรับผมมันไม่ใช่เลย มันขยักแขยงจนอยากจะอ้วกกับสัมผัสนี้เสียมากกว่า ถ้าไม่ติดที่ว่าถูกจับกรอกยาอะไรสักอย่างก่อนที่จะถูกเอาขึ้นไปโชว์เหมือนสัตว์เลี้ยงบนเวทีประมูล ผมคงมีแรงที่จะขัดขืน หากแต่ตอนนี้ขนาดแรงที่จะขยับร่างกายยังแทบจะไม่มีแล้วผมจะเอาแรงอะไรไปขัดขืนมัน

         ...เอาเถอะ จะตายอยู่แล้ว อยากทำอะไรก็ตามแต่พวกมันจะทำเถอะ...

         “ฮะๆ ถ้ามึงจะเอามึงต้องให้กูเอามันก่อนแล้วมึงก็ค่อยเอาต่อจากกู ตอนนี้กูเงี่ยนโคตร” ผู้ชายผิวขาวที่เป็นคนแบกผมลงจากเวทีมาถึงหลังคลับเอ่ยบอกเพื่อน

         “อ้าว! ไหงงั้นว๊ะ” อีกฝ่ายเริ่มโวยวายเมื่อถูกเอาเปรียบ

         ผมมองดูคนทั้งสองที่กำลังทะเลาะกันอย่างเลื่อนลอย ก่อนที่จะเงยหน้ามองเพดานบนห้องอย่างไม่มีอะไรจะทำ อยากให้พวกมันทำอะไรก็ทำจะได้ฆ่าผมให้ตายเสียที ไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว

         ...ไม่เหลือใครแล้ว

         ...ไม่มีที่ไปแล้ว

         ...อยากตายไปให้พ้นๆ ...

         “กูเล็งมันตั้งแต่ก่อนที่จะเอาขึ้นประมูลแล้ว แม่ง เนื้อนุ่มได้โล่เลยว่ะ น่าตาก็น่าเร้าอารมณ์ แต่เสียทีดันไม่มีเสียง ไม่อย่างนั้นมันคงไม่มีทางรอดมาถึงขี้ข้าอย่างกูหรอก เข้าใจ๋” ผู้ชายผิวขาวอธิบายให้เพื่อนฟังอย่างกวนๆ แต่ดูเหมือนผู้ชายผิวคล้ำจะยังไม่เข้าใจเพราะคิ้วขมวดกันไม่ยอมคลาย

         “ไม่โว้ย! ถ้าจะเอาก็ต้องเอาด้วยกัน อย่าเอาเปรียบกันสิวะ!” ชายผิวคล้ำตะคอกอย่างหัวเสีย แต่คนผิวขาวดันผิวปากอย่างอารมณ์ดีที่ได้ แกล้งเพื่อนตัวเอง

         “เออๆ เล่นกันสามคนก็สนุกนะกูว่า” คำพูดหยาบคายทุกคำพูดเสียดแทงเข้ามาในหูของผม ผมค่อยๆ หลับตาช้าๆ สูดหายใจเข้าออกเมื่อทั้งสองร่างเริ่มโลมเลียตามร่างกายของผม

         “ทำอะไรกันอยู่” เสียงเย็นๆ ดังสะท้อนไปทั่วห้องแคบๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นสาบ ผู้ชายสองคนที่กำลังโลมเลียผมหยุดชะงักการกระทำก่อนที่จะหันหน้าไปหาคนที่ยืนอยู่หน้าประตู แต่ตัวผมเลือกที่จะหลับตาอยู่อย่างนั้นราวกับคนที่ใกล้จะตาย จากนั้นทุกสัมผัสบนตัวของผมก็หายไปเมื่อคนทั้งสองเดินตรงไปหน้าประตู

         “เฮ้ย! มึงเป็นใคร เข้ามาที่นี่ได้ยังไง!” เสียงตะโกนของผู้ชายผิวคล้ำเอ่ยถามคนที่เข้ามาขัดจังหวะอย่างอารมณ์เสีย ถึงผมจะไม่ได้ลืมตามองผมก็รู้ว่าตอนนี้มันโกรธขนาดไหนที่มีคนมาขัดอารมณ์มัน

         “ฉันถามว่าพวกนายทำ...”

         “ขอโทษครับที่กระผมมาช้า!” เสียงตะโกนของผู้มาใหม่คนที่สองเอ่ยบอกใครบางคนก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงเท้าเข้ามาในห้อง

         “เจ้านายมีอะไรเหรอครับ” เสียงผู้ชายตัวขาวเอ่ยถามผู้ที่มาใหม่

         “พวกแกไปเอาเด็กคนนั้นมา มีคนมาซื้อเด็กคนนั้นแล้ว” ผู้ชายที่เป็นเจ้านายเอ่ยบอกลูกน้องทั้งสองคน จากนั้นผมก็รู้สึกได้ว่ามีคนคว้าแขนผมให้ลุกขึ้น แต่ผมก็ไม่มีแรงพอที่จะลุกขึ้น แล้วจู่ๆ ก็มีคนโอบตัวผมไปอุ้มในท่าอุ้มเจ้าหญิง ก่อนจะมีเสื้อมาคลุมผมไว้ทั้งตัว

         กลิ่นหอมเย็นๆ กับสัมผัสจากมือของคนที่อุ้มผมอยู่เย็นยะเยือกราวกับจะไม่มีความอบอุ่นอะไร แต่มันกลับทำให้ใจของผมเต้นแรงอย่างน่าประหลาด แม้ตัวไม่รู้สึกอบอุ่นกายแต่ใจกลับอบอุ่น

         “สินค้าเป็นยังไงบ้างครับ มีตำหนิหรือเปล่า หากมีตำหนิท่านสามารถนำมาคืนทางคลับเราได้ภายในสามวันนะครับ แต่ทางคลับเราจะขอดูสภาพของสินค้า ก่อนถ้าหากเสียหายเพราะท่านเราก็จะหักเงินที่ท่านจ่ายตามสภาพของสินค้าส่วนเงินที่เหลือก็จะคืนให้กับท่านนะครับ” ผู้ชายที่เป็นเจ้านายเอ่ยบอกลูกค้าที่กำลังอุ้มผมอยู่

         “อืม” คนที่อุ้มผมตอบสั้นๆ ก่อนที่จะขยับคล้ายกำลังเดินออกจากห้องแสนอับนี้

         “ขอบคุณที่ใช้บริการทางคลับเรา โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ” เสียงตะโกนเบาๆ บอกคนที่กำลังอุ้มผมอยู่

         ผมรู้สึกได้หลังจากที่เดินมาไม่นาน รู้สึกได้ว่า...ผมออกมาจากคลับนรกนั่นแล้ว ความปิติยินดีแล้นเข้ามาในอก...รู้สึกได้ว่าไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไปแล้ว เมื่อคนที่อุ้มผมเดินออกมาได้สักพักก็หยุดเดินแล้วค่อยๆ วางผมลงบนพื้นที่มีหิมะคลุมไปหมดก่อนที่จะดันไหล่ของผมให้อิงกับอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหลัง ร่างกายเย็นสะท้านอยากโผไปหาอ้อมกอดเดิมแต่ก็ทำไม่ได้เพราะฤทธิ์ของยาที่ถูกจับกรอกปากยังไม่หมด

         “จำไว้นะเด็กน้อย จากวันนี้เจ้าเป็นของข้า ข้าคือชีวิตและหัวใจของเจ้า เจ้าจะไม่ได้เป็นอิสระจนกว่าข้าจะตาย เจ้าจะตาย หรือข้าจะปลดปล่อยเจ้าไป” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะพยักหน้าอย่างช้าๆ

         “ดี เช่นนั้นจากวันนี้เจ้าจะกลายเป็นทาสของข้า จงทิ้งอดีตที่เลวร้ายของเจ้าไปเสียแล้วมาเริ่มชีวิตใหม่ตั้งแต่วันนี้ ด้วยนามของข้า ลาร์ค อัลเกร เดอเมอรัส ผู้เป็นเจ้าชีวิตของเจ้า จะขอเปลี่ยนนามเจ้าได้หรือไม่” ผมพยักหน้าช้าๆ อย่างเข้าใจ และร่างกายของผมก็เริ่มขยับได้เกือบปกติ แต่ผมก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้น

         “นามจากนี้ของเจ้าลูซ...ลูซ อัลเกร เดอเมอรัส” เสียงเย็นก้องกังวานไปทั่วหัวใจของผมทำให้รู้สึกอุ่นวาบ ก่อนที่เสื้อที่คลุมหัวผมจะถูกเปิดออกช้าๆ แสงสว่างส่องลอดเข้ามาในดวงตาที่ปิดอยู่ของผม มือเย็นเยียบเอื้อมมาสัมผัสที่แก้มของผมอย่างแผ่วเบา

         ผมลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสว่างวาบเข้ามาดวงตา ก่อนที่ผมจะเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

         ผู้ชาย ใบหน้าคม จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากอย่างพอดี ผมสีเทา สีผิวซีดราวกับกระดาษ และที่ทำให้ผมใจเต้นแปลกๆ ก็คือดวงตาสีเทาแสนเย็นชา แค่มองดูก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าสูงส่งกว่าผมมากขนาดไหน ทุกอย่างที่หล่อหลอมเป็นตัวเขาดูลงตัวทุกอย่าง หล่อเหลาปนงดงามแต่ก็แฝงไปด้วยความดุดัน แข็งกร้าว เข้มแข็งและเย็นชาราวกับน้ำแข็งที่จะไม่มีวันละลายลงได้ง่ายๆ

         ผมมองคนตรงหน้าก่อนที่ดวงตาสีฟ้าของตัวเองจะรื้นด้วยน้ำตาสีใสและไหลลงสู่พื้นหิมะด้านล่าง ผมโผเข้าไปกอดร่างตรงหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีเสียง

         ไม่รู้ทำไม...ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้ แต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดแม้เขาจะไม่ได้ยิ้มให้หรือหัวเราะ แต่ทุกสัมผัสที่เขากระทำกับผม ผมรับรู้ได้ว่าเขาทะนุถนอมผม สำหรับผมเด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างไม่เคยได้รับความรักจากพ่อหรือแม่แค่การกระทำแค่นี้ก็สามารถทำให้ผมกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ ของเขาได้แล้ว

         ‘ผมสัญญาจะอยู่กับคุณตลอดไปจนลมหายใจสุดท้ายของผมจะเหลืออยู่’ ผมพึมพำออกมาอย่างไม่มีเสียง



         ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ก็ล่วงเลยมาได้ถึง 3 อาทิตย์ แล้วที่ผมมาอยู่กับลาร์ค ผมกับเขาไม่ได้คุยอะไรกันมากเพราะผมพูดไม่ได้ ตอนแรกผมนึกว่าเขาจะเสียใจที่ผมพูดไม่ได้ แต่ไม่ใช่เลย เขาบอกว่าเขารู้อยู่แล้วว่าผมเป็นอย่างนี้แล้วอีกอย่างเขาก็ไม่ชอบคนพูดมากมันน่ารำคาญ

         อ่า นี่แหละคือความโชคดีของผม ผมพูดคุยกับเขาโดยขยับปากแม้จะไม่มีเสียงออกมาแต่เขากลับรู้ได้โดยทันที ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงผมจะไม่มีเสียงผมก็สามารถใช้ชีวิตอยู่กับเขาได้อย่างปกติ

         ก๊อกๆ

         ตอนนี้ผมมาเคาะประตูหน้าห้องของลาร์ค ก่อนที่คนในห้องจะตะโกนบอกผมว่า

         “มีอะไรลูซ!” เสียงตะคอกนั่นผมชินมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้วล่ะ

         ‘ทานข้าวครับ’ ผมบอกอย่างไม่มีเสียง แต่คุณเชื่อเถอะว่ายังไงลาร์คก็รู้ว่าผมต้องการจะบอกอะไร

         “ขอโทษทีทานไปก่อนแล้วกัน ตอนนี้ข้ากำลังยุ่งอยู่!” ลาร์คบอกผม ผมพยักหน้าเบาก่อนที่จะเตรียมตัวหันหลังเดินออกไปจากหน้าห้อง

         เพล้ง!

         เสียงแก้วแตกดังออกมาจากในห้อง ผมตกใจก่อนที่จะตั้งสติได้ก็รีบไปทุบประตูหน้าห้องของลาร์คทันที

         ปัง! ปัง! ปัง!

         ‘ลาร์ค! ลาร์ค! ลาร์คเป็นอะไรหรือเปล่า!’ ผมตะโกนถามคนในห้องแบบไม่มีเสียง

         “ไม่! ข้าไม่เป็นอะไร เจ้ารีบไปกิน... อ้าาาาาาาาาาา!” ลาร์คยังพูดไม่จบประโยคผมก็ทุบประตูปังๆ อีกรอบ ตะโกนถามแล้วก็แล้ว ทุกอย่างในห้องเงียบเมื่อผมแนบหูเข้ากับประตู แม้แต่เสียงหายใจผมก็ไม่ได้ยิน รับรู้ได้เพียงความหนาวยะเยือกที่ลอดออกมานอกห้อง แม้จะเป็นความหนาวยะเยือกที่คุ้นเคยแต่ผมก็อดรู้สึกว่าหนาวมากไม่ได้

         ผมตัดสินใจไปหยิบกุญแจจากห้องเก็บของของลาร์คที่อยู่ชั้นใต้ดิน ที่ๆ ผมอยู่กับลาร์คเป็นคฤหาสน์หลังเก่าๆ หากมองดูจากภายนอกจะคิดว่าเป็นเพียงคฤหาสน์ร้างผีสิงเพราะมีแต่ต้นไม้แปลกๆ ปกคลุมเต็มไปหมด แต่พอเข้ามาด้านในที่นี่งามยิ่งกว่าที่ใดๆ เสียอีก

         เมื่อผมได้กุญแจแล้วก็รีบสาวเท้าไปยังห้องของลาร์คทันที ในใจก็ภาวนาแต่ว่าอย่าให้ลาร์คเป็นอะไรไป ไม่อย่างนั้นผมคงอยู่ต่อไปไม่ได้หากว่าไม่มีเขา

         แก๊ก!

         ผมไขกุญแจห้อง เมื่อปลดล็อคได้ก็เปิดประตูออก

         ...ความเย็นยะเยือกจากในห้องทำให้ผมต้องกอดอกตัวเองอย่างเหน็บหนาว ในนี้มืดสนิท แต่ก็ยังพอมีแสงลอดเข้ามาเล็กน้อย ทำให้ผมมองเห็นบ้างนิดหน่อย ผมยืนนิ่งสักพักสายตาก็เริ่มปรับจนชินกับความมืด ผมมองไปรอบๆ เห็นเตียงใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องจึงรีบสาวเท้าตรงไปที่เตียงทันที

         เคร้ง!

         เสียงเหล็กขยับกระทบกันทำให้ผมหรี่ตาลงมองคนที่อยู่บนเตียง

         ...แต่จู่ๆ เหมือนกับร่างที่อยู่บนเตียงจะกระโจนมาหาผมหากก็มาไม่ได้คย้ายติดอะไรอยู่ ผมอ้าปากเมื่อเห็นสิ่งนั้น

         ‘ลาร์ค!!!!’ ผมตะโกนอย่างไร้เสียง มองสีหน้าของลาร์คมองผมอย่างกับอาหารชั้นเลิศ ราวกับเวลาหยุดนิ่ง ในหัวผมตีกันวุ่นวายไปหมด

         นี่มันอะไรกัน ทำไมลาร์คถึงเป็นอย่างนี้ ผมจ้องเข้าไปในดวงตาที่เคยเป็นสีเทาแต่บัดนี้กลับกลายเป็นสีแดงฉานราวกับเลือด ตัวผมสั่นสะท้านไปหมดอยากจะช่วยร่างตรงหน้าแต่ก็กลัวเกินไป ทั้งตัวสั่นไปด้วยความหนาวบวกกับความกลัว ลาร์คเริ่มแยกเขี้ยวขู่ผม ทำให้ผมเห็นเขี้ยวที่ยาวกว่าปกติอยู่สองซี่ ลาร์คจ้องผมไม่วางตา

         ...ไม่ใช่สิ! ลาร์คจ้องมองคอของผมไม่วางตาต่างหาก คำแรกที่ผุดเข้ามาในหัวของผมก็คือ

         แวมไพร์!

         ไม่จริงน่า...ลารค์น่ะเหรอจะเป็นแวมไพร ลาร์คที่แสนจะใจดีของผมน่ะเหรอจะเป็นปีศาจไร้หัวใจอย่างนั้น นี่ผมคงฝันไปสินะ ที่จริงตอนนี้ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงอยู่ผมยังไม่ตื่นแน่ๆ

         ...ผมหลับตาลงอย่างนิ่งๆ สูดหายใจเข้าออกก่อนที่จะลืมตาขึ้น

         ทุกอย่างไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม ลาร์คยังคงมีตาสีแดงและแยกเขี้ยวใส่ผมไม่หยุด แต่แล้วลาร์คก็หยุดและทรุดตัวนอนกับที่นอน หน้าตาคล้ายคนใกล้จะตายทำให้ผมสั่นไปทั้งตัว

         ‘ลาร์ค!’ ผมตะโกนอย่างตกใจ ลาร์คค่อยๆ ลืมตาที่อ่อนแรงขึ้นดวงตาเป็นสีเทาแต่เพียงพริบตาก็กลายเป็นสีแดง

         “หนีไปลูซ หนีไป...” ลาร์คพึมพำเบาๆ พอที่ผมจะได้ยินเพราะห้องนี้มันเต็มไปด้วยความเงียบ

         ผมลังเลอยู่ชั่วครู่ ชั่งใจว่าลาร์คใช่แวมไพร์จริงหรือไม่ ก่อนจะอ้าปากแล้วกัดที่นิ้วโป้งของตัวเองพอให้เป็นแผลและมีเลือดไหลออกมาไม่มากแล้วยื่นไปใกล้ๆ ลาร์ค

         เคร้ง!

         “อ้าาาาาาาาาาาาา!!!!!!!” ลาร์คร้องตอบสนองก่อนที่จะพยายามขืนโซ่ที่พันธนาการทั้งแขนและขาของตัวเอง เมื่อได้กลิ่นเลือดจากนิ้วผม

         ผมปิดปากร้องไห้เมื่อเห็นลาร์คเป็นอย่างนี้ ลาร์คดิ้นร้นและคลั้งราวกับสัตว์ป่า ดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองผมอยากกระหาย ผมทรุดตัวร้องไห้ลาร์คก็เริ่มสงบและกลับไปนอนแน่นิ่งอยู่เหมือนเดิมเมื่อไม่มีสิ่งกระตุ้น

         เมื่อร้องไห้จนเหนื่อยอ่อนผมก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้อง แต่ก่อนที่จะออกจากห้องก่อนไม่วายหันไปมองลาร์ค ที่กำลังนอนแน่นิ่งดวงตาสีแดงทอดมองผมอย่างเศร้าๆ

         ผมเดินเข้ามาภายในห้องครัวที่แสนกว้างพลางนึกถึงลาร์ค

         ลาร์คเป็นแวมไพร์กินอาหารไม่ได้ กินได้เพียงแต่เลือดแต่ทำไม...ลาร์คมานั่งกินข้าวกับผมทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าตัวเองกินไปก็ไม่อิ่มอยู่ดี...หรือว่า...

         ...ลาร์คทำอย่างนี้ก็เพื่อผม

         น้ำตาที่เหือดแห้งไปเริ่มไหลมาอีก ผมปิดหน้าร้องไห้อย่างเสียใจ

         ไม่ใช่! ลาร์คไม่ได้ไร้หัวใจเสียหน่อย ลาร์คมีความรู้สึก ลาร์คไม่ใช่ปีศาจไร้หัวใจ ผมลุกขึ้นเดินไปหยิบมีดและแก้วมาก่อนที่จะหลับตากรีดข้อมือตัวเองจนเลือดสีแดงคาวคลุ้งไหลออกจากข้อมือเป็นทางยาวและเอาแก้วมารองเลือดที่หยดลง




มีต่อด้านล่างอีกนะคะ
VVVV
VVV
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2013 10:41:46 โดย shishikima »

shishikima

  • บุคคลทั่วไป
VV
V


         เมื่อได้เลือดเต็มแก้วผมห้ามเลือดให้หยุดไหลก่อนที่จะชั่งใจนิดหน่อยว่าเลือดแก้วเดียวมันจะพอไหมสำหรับลาร์ค ถ้าหากนับนี่ก็เหมือนกับเป็นเวลาสามอาทิตย์แล้วที่ลาร์คยังไม่ได้กินเลือดเพราะอยู่แต่กับผมไม่ได้ไปไหน คิดได้ดังนั้นผมจึงเอาอีกแก้วมารองเลือดสีแดงของตัวเอง แผลที่ถูกกรีดเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็เจ็บไม่เท่าหัวใจของตัวเองตอนนี้ที่กำลังจะตายให้ได้เมื่อเห็นสภาพของลาร์คเป็นอย่างนั้น พอเลือดเต็มแก้วก็ไปล้างแผลและทำความสะอาดแผลของตัวเองก่อน

         ‘ผมจะไม่ยอมให้ลาร์คเป็นอะไรครับผมสัญญา’ ผมพึมพำบอกกับตัวเอง


         เมื่อล้างแผลและปิดปากแผลเสร็จแม้จะไม่เรียบร้อยมากก็ตามผมก็เดินไปที่ห้องของลาร์คอย่างรวดเร็ว

         ...ผมเดินเข้าไปในห้องที่มืดของลาร์คและเดินตรงไปที่เตียงนอนที่ลาร์คนอนอยู่ ก่อนที่จะทรุดตัวนั่งข้างๆ เตียงวางเลือดแก้วหนึ่งไว้ที่ใต้เตียงส่วนอีกแก้วถือมาจ่อใกล้ๆ กับหน้าของลาร์ค

         เคร้ง!

         เสียงโซ่ดังกระทบกัน ลาร์คลืมตาขึ้นเมื่อได้กลิ่นเลือดเมือเห็นผมถือแก้วสีแดงที่ข้างในมีของเหลวข้นอยู่ก็ลุกขึ้นมาหมายจะแย่งแก้วจากผมแต่ก็ต้องทรุดตัวลงอย่างไม่มีแรง ผมมองหน้าลาร์ค ริมฝีปากของลาร์คแห้งผากราวกับคนไม่ได้กินน้ำมานาน

         ผมขยับเข้าไปนั่งติดกับลาร์คที่ตอนนี้ได้แต่นอนนิ่งๆ และส่งเสียงคำราม แค่จะขยับตัวลาร์คยังขยับยากเลย ก่อนที่จะสอดมือไปที่ใต้คอของลาร์คแล้วออกแรงดันคอของลาร์คขึ้นและจ่อแก้วติดกับปากแห้งๆ ของลาร์คค่อยๆ ยกแก้วขึ้นสูงเพื่อให้ของเหลวในแก้วไหลลงริมฝีปากของลาร์ค ลาร์คดื่มอึกๆ ราวกับตายอดตายอยากดวงตาสีแดงทอดมองผมอย่างไม่อาจจะคาดเดาได้ว่าลาร์คคิดอะไร เมื่อแก้วแรกหมดผมก็เอื้อมไปหยิบแก้วที่สองที่อยู่ใต้เตียงมาจ่อที่ริมฝีปากลาร์คอีกครั้ง ลาร์คมองผมนิดหนึ่งก่อนที่จะดื่มของเหลวที่อยู่ในแก้วอย่างรวดเร็วพร้อมกับมีเสียงคำรามในลำคอเล็กน้อย

         เมื่อลาร์คกินหมดทั้งสองแล้วแล้วผมก็ดันหัวของลาร์คมานอนที่ตักของตัวเองและลูบหัวให้ลาร์คช้าๆ จนลาร์คหลับไปในที่สุด

         ผมอมยิ้มเมื่อเห็นท่าหลับของลาร์คนั้นน่ารักและไร้ความเย็นชาแตกต่างจากตอนที่ลืมตามาก ก่อนที่จะค่อยๆ ขยับไปจูบริมฝีปากสีซีดนั้นอย่างเบาๆ ยิ้มนิดๆ ถึงแม้ปากของลาร์คจะเย็นชืดไร้ชีวิตแต่ก็นั่นแหละ มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมอีกแล้ว

         ผมยิ้มนิดๆ ก่อนที่จะเผลอหลับไป


         “ให้ตายสิ! ทำอะไรของเจ้ากันลูซ ทำไมเจ้าถึงทำอย่างนี้!” เสียงตะคอกของคนที่ผมคุ้นเคยดังขึ้น ผมกับลืมตาขึ้นมองเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยนั่นก็คือลาร์คเองที่กำลังจับมือข้างที่ผมกรีดอยู่

         ‘ลาร์ค...’ ผมเอ่ยเรียกชื่อของเขาเบาๆ ลาร์คหันหน้ามามองผมอย่างโมโห ผมทำหน้าสงสัยว่าตัวเองทำอะไรผิด มองดูรอบๆ ก็เห็นว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงของลาร์คและลาร์คกำลังดูแผลที่ข้อมือของผมอยู่

         “ทำเจ้าถึงทำอย่างนี้ลูซ ทำไมเจ้าไม่ปล่อยข้าไว้ในห้อง ทำไมเจ้าถึงกรีดเลือดตนเองมาให้ข้าดื่มเช่นนี้!” ลาร์คตะคอกผมเสียงดังทำให้ผมสะดุ้ง น้ำตาที่เหือดแห้งเริ่มไหลมาอีกครั้ง ผมเอามือปิดหน้าตัวเองแล้วร้องไห้ส่ายหัวไปมา

         ‘ผม...ผมกลัวลาร์คเป็นอะไร ผมไม่อยากเห็นลาร์คทรมาน เลือดแค่นี้ถ้าสามารถทำให้ลาร์คอยู่ได้ผมก็จะให้ ถึงจะเอาไปหมดตัวผมผมก็ยอมให้หมดเลย ขอแค่ลาร์คอย่าเป็นอะไรก็พอ ฮือๆ’ คำพูดทุกคำพูดที่อยูในใจของผมถูกเอ่ยด้วยเสียงที่ว่างเปล่า แต่ผมรู้ว่าลาร์คฟังผมเข้าใจ

         ผมร้องไห้พลางเอามือทั้งสองข้างเช็ดน้ำตาและสะอื้น แต่แล้วจู่ๆ ฝ่ามือเย็นยะเยือกของลาร์คก็กกกอดผมเอาไว้ก่อนที่จะดันหัวผมซบกับอกของลาร์ค ผมร้องไห้ไม่หยุดกลัวว่าลาร์คจะว่า กลัวว่าลาร์คจะโกรธ กลัวว่าลาร์คจะไม่ยอมคุยด้วยเพราะผมมีเพียงแค่ลาร์คคนเดียว แต่เหนือความกลัวนี้ผมก็กลัวว่าลาร์คจะเป็นอะไรไป ถ้าหากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกผมก็จะทำอย่างนี้ ต่อให้ลาร์คจะโกรธผมมากกว่าเดิมผมก็จะทำ ผมยอมให้ลาร์คโกรธผมดีกว่าจะยอมให้ลาร์คเป็นอะไรไป

         ‘ผมอยู่ไม่ได้ถ้าหากไม่มีลาร์ค’ ผมพึมพำบอกลาร์คเสียงอู้อี้

         “ข้ารู้ ข้าขอโทษ” ลาร์คลูบหัวผมเบาๆ อย่างปลอบประโลม

         แต่แล้วจู่ๆ ทั้งตัวหนักอึ้งไปหมดราวกับมีหินมาถ่วงไว้จนไม่สามารถขยับตัวได้ มือผมร่วงลงพื้นและผมก็แน่นิ่งไป แต่ก่อนจะหลับผมก็ได้ยินเสียงของลาร์คพูด

         “รอเดี๋ยวนะลูซเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปหาหมอเอง ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรไป เจ้าอย่าทิ้งข้าไว้เพียงลำพัง!”



         คุณหมอเฮนรี่บอกว่าผมมีไข้อ่อนๆ บวกกับเสียเลือดทำให้สลบไปเฉยๆ ผมตื่นขึ้นมาก็โดนลาร์คสวดซะยาวจนสุดท้ายลาร์คก็กอดผมและบอกผมว่าผมทำให้ลาร์คเป็นห่วงแทบแย่ ก่อนทำอะไรหัดคิดซะบ้าง ผมอยากจะตอบลาร์คกลับไปว่า ผมคิดเป็นสิบๆ รอบแล้วและคำตอบมันก็ออกมาเหมือนเดิมอยู่ดี แต่ก็ไม่บอกเพราะกลัวว่าลาร์คจะโกรธมากกว่าเดิม

         และหลังจากนั้นลาร์คก็มีอาการเดิมและผมก็ช่วยลาร์คเหมือนเดิม แล้วลาร์คก็โกรธผมเหมือนเดิม แต่โกรธไม่นานเราก็ดีกัน ลาร์คเลยตัดปัญหาว่าหากหิวก็จะออกไปล่าสัตว์ที่ชายป่าก็แล้วกัน ผมก็เลยไม่ได้ให้เลือด เวลาที่ผ่านมาเกือบจะปีหนึ่ง สิ่งที่อยู่ในหัวใจของผมมันก็เด่นชัดตามกาลเวลา ความรู้สึกที่บอกว่า...

         ผมรักลาร์ค...



         “ลูซเจ้าจะไปซื้อของหรือไม่วันนี้” ลาร์คเอ่ยถามผมตอนเช้าก่อนเข้านอน เพราะแวมไพร์ต้องนอนตอนเช้าและตื่นตอนกลางคืนผมพยักหน้าก่อนที่จะชูตะกร้าซื้อของให้ลาร์คดู ตั้งแต่วันที่ผมรู้ว่าลาร์คเป็นแวมไพร์และไม่จำเป็นต้องกินอาหารผมก็บอกกับลาร์คว่าไม่ต้องมานั่งกินข้าวกับผมก็ได้ แต่ลาร์คก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะนั่งกินข้าวกับผมช่วงเช้ากับช่วงเย็นส่วนตอนกลางวันจะนอน การดำเนินชีวิตของผมกับลาร์คจึงเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

         ผมเคยถามลาร์คครั้งหนึ่งว่าลาร์คเอาเงินมาจากไหนตั้งเยอะตั้งแยะให้ผมไว้ใช้ซื้อของ แล้วลาร์คก็พาผมไปยังประตูลับที่อยู่ในห้องของลาร์ค สิ่งที่เห็นคือเพชร พลอย ไข่มุก และเงินเต็มไปหมด เหมือนกับคลังเก็บสมบัติยังไงยังงั้น ผมใช้ชาตินี้ไม่มีวันหมดแน่นอน แต่ผมก็ยังพูดกวนๆ ไปว่า
 
         
‘ผมเป็นคนกินจุนะ แถมใช้เงินเปลืองด้วย เงินแค่นี้ไม่กี่ปีก็หมดแล้ว’

         “แน่ใจเหรอว่าจะใช่หมด เงินมากมายขนาดนี้”

         ‘มากมายอะไรกันครับ แป๊ปเดียวก็หมด’

         “แล้วเจ้าคิดว่าตลอดเวลาร้อยกว่าปีของข้าจะหาเงินได้เพียงเท่านี้หรือลูซ”

         ‘งั้นก็หมายความว่าลาร์คมีเงินเยอะกว่านี้อย่างนั้นเหรอครับ’

         “แน่นอนเงินที่อยู่ในนี้เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวที่ข้าใช้เวลาหามาได้เท่านั้นเอง ถ้าหากเจ้าใช้เงินพวกนี้หมดจริงๆ เดี๋ยวข้าจะไปขนจากที่อื่นมาให้เจ้าใช้เอง”

         ‘บ้าสิ ใครมันจะไปใช้หมดกันล่ะครับ ผมก็แค่พูดเล่นๆ เงินขนาดนี้ใครใช้หมดก็เกินคนแล้ว’

         “ก็เจ้าไงที่ใช้หมด เจ้าเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอ”

         ‘ผมก็แค่ล้อเล่น ไม่นึกว่าลาร์คจะจริงจังขนาดนี้สักหน่อย’



         “งั้นข้าฝากเอานาฬิกาของข้าเรือนนี้ไปใส่ถ่านให้หน่อยแล้วกัน มันหมดนานแล้วยังไม่ได้เอาไปใส่เลย” ลาร์คยื่นนาฬิกาข้อมือของตัวเองให้กับผม ผมเอื้อมมือไปรับแล้วมองดูนาฬิกาจำได้ว่านาฬิกาเรือนนี้ลาร์คหวงมาก พอถามว่าทำไมถึงหวงลาร์คก็บอกว่าเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่เก็บตังซื้อเองก่อนที่จะกลายเป็นแวมไพร์

         ‘ครับ แล้วลาร์คอยากได้อะไรอีกไหมครับ’ ผมเอ่ยถามแบบไร้เสียง ลาร์คส่ายหน้าก่อนที่จะเดินไปที่ห้อง ผมจึงเดินออกไปซื้อของด้านนอก

         ผมอยู่ที่ซุปเปอร์มาเก็ตซื้อของอย่างสนุกสนานจนถึงช่วงกลางวันก็มานั่งกินพิซซ่าที่ห้างสรรพสินค้า ไม่ต้องห่วงเรื่องที่ลาร์คจะเป็นห่วงเพราะลาร์ครู้อยู่แล้วว่าหากผมออกมาซื้อของผมจะซื้อจนเกือบจะเย็นนู่นกว่าจะกลับ พอกินอิ่มผมก็มานั่งย่อยอยู่ที่ร้านหนังสือ เดินดูรอบๆ หาเรื่องที่อยากจะอ่าน และอ่านเพลินจนลืมไปว่านี่มันบ่ายสี่โมงเย็นแล้ว จึงเตรียมจะเดินไปขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะลืมเอานาฬิกาที่ลาร์คฝากไปใส่ถ่าน คิดได้ดังนั้นผมก็รีบจ้ำอ้าวเข้าไปในห้างสรรพสินค้าอีกรอบและตามหาร้านประจำที่ลาร์คเคยบอกกว่าชอบเอานาฬิกามาซ้อมหรือใส่ถ่าน

         ฮู่...กว่าจะใส่เสร็จก็ตั้งนานเพราะนาฬิกาลาร์คมันเป็นแบบพิเศษ ถ้าหากคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรมาทำจะทำให้นาฬิกาพัง ผมก็เลยต้องรอช่างที่ออกไปทำธุระนอกร้าน กว่าจะได้ออกจากร้านก็ปาไปห้าโมงเย็นเกือบจะหกโมงแล้ว ผมไม่เคยกลับบ้านค่ำขนาดนี้เลยอย่างมากก็ห้าโมงเย็นนี่มันจะหกโมงเย็นแล้ว ลาร์คจะตื่นก็ตอนหนึ่งทุ่มเกือบจะสองทุ่มนู่นแหละ ผมก็เตรียมอาหารเสร็จพอดี ผมเดินออกมานอกห้างสรรพสินค้าและโบกรถแท็กซี่ตรงกลับบ้าน

         ผมบอกหรือยังนะว่าคฤหาสน์ของลาร์คมันอยู่ไกลจากตัวเมืองมา พอแท็กซี่มาส่งก็ต้องเดินอีกเกือบกิโลกว่าจะถึง ตอนนี้ก็หกโมงเย็นแล้ว ทำให้บรรยากาศโดยรอบเริ่มมืดสนิท ไฟตามทางก็ไม่มี ช่างกันดานสิ้นดีเลย รีบจ้ำอ้าวไปตาม แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นเงาตะคุ้มๆ ขวางอยู่ที่ถนน ความกลัวเริ่มเข้ามาเกาะกุมหัวใจตามสัญชาตญาณ

         และมันก็เป็นดังคาดผู้ชายสองสามคนเดินมาดักหน้าผมไว้

         “ว่าไงหนุ่มน้อย มาคนเดียวไม่กลัวเหรอ ให้พวกพี่ไปส่งบ้านไหม” ผมส่ายหน้าวืดแล้วเริ่มจะเดินหนี พวกมันคนหนึ่งคว้าแขนผมไว้

         “โห แค่ถาม ทำเป็นกลัวไปได้ พวกพี่ไม่ทำอะไรหรอกแต่จะเดินไปส่งเท่านั้นเอง” พวกมันทั้งสามคนจัดการลากผมเข้าป่าข้างทางทันที

         ‘ไม่!!!!!!!!!!! ลาร์ค!! ช่วยด้วย!!!!!!!!!!!!!!!!!’

         ความรู้สึกเดิมเริ่มเข้ามา ขยักแขยง อยากตาย รังเกียจ ผุดขึ้นมาบนหัว เวียนหัวอยากอ้วกเมื่อหลายๆ มือเริ่มลูบไล้ตามผิว พยายามปัดป้องจนถูกต่อยท้องและตบจนเลือดกบปากทำให้ตอนนี้สมองผมมันมึนไปหมด

         “ฮ่าๆ สะดีดสะดิ้งดีนักพี่ก็เลยต้องทำรุนแรง อย่าว่าพี่เลยนะหนูน้อย” ผมมองผู้ชายทั้งหมดก่อนจะให้น้ำตาไหลลงมา

         ‘ลาร์ค ช่วยผมด้วย ลาร์ค ผมกลัว ช่วยผมด้วย ฮือๆๆๆๆ’ แม้จะส่งเสียงไปขนาดไหนผมก็รู้ว่าลาร์คไม่มีทางได้ยินเสียงที่ผมต้องการส่งไปหา

         “เฮ้ย! เชี่ย ทำไมไม่ร้องว๊ะ” ผู้ชายตัวอ้วนถามอย่างอารมณ์เสียที่ไม่ว่าจะยั่วอะไรผมก็ไม่มีเสียงใดออกมา จะเป็นเสียงครางหรือเสียงร้องก็ไม่มีแม้แต่เสียงเดียว

         “ไอ้เวร! ไอ้เด็กนี่แม่งมันเป็นใบ้ กูจ้องมานานแล้วถึงได้รู้” ผู้ชายที่ต่อยท้องผมแถมตัดผมทรงสะกิดเฮดบอกเพื่อน

         “อ้าว แล้วก็ไม่บอก แต่ไม่เป็นไร ไม่มีเสียงอย่างนี้สิดีจะได้ไม่มีเสียงตอนที่พวกเราทำอะไรมันส์ๆ ถึงจะเสียอารมณ์ไปหน่อยก็เถอะ” ผู้ชายอีกคนที่ตาตี่ๆ บอกเพื่อนก่อนที่จะถอดกางเกงผมและเริ่มสอดนิ้วเข้ามาทางช่องทางด้านหลัง “แม่ง! ฟิตโครต ซิงอยู่นี่หว่า โชคดีจริงๆ ได้เปิดซิงคน ฮ่าๆๆๆ”

         พวกมันทั้งหมดหัวเราะอย่างพอใจก่อนที่จะเริ่มข่มขื่นผมโดยมีสองคนจับแขนจับขาผมไว้ไม่ให้ขัดขืน

         “เฮ้ย! ทำไงดีว๊ะ” หลังจากที่พวกมันกระทำกับผมเสร็จผู้ชายที่ตัวอ้วนเอ่ยถามคนตัดสกินเฮด ตัวผมตอนนี้ไม่มีแรงจะทำอะไรอยากตายเสียให้ได้ตอนนี้ แต่เพราะคำสัญญาของลาร์คทำให้ผมต้องอยู่

         “มึงจะโง่ปล่อยมันให้พาตำรวจมาจับเราหรือยัง ก็ฆ่ามันสิว๊ะ จะเก็บไว้หาพ่อมึงเหรอ” คนที่ตัดสกินเฮดเอ่ยบอก

         “แล้วเราจะเอาอะไรฆ่ามันดี กูไม่ได้เอาปืนมาว่ะ” คนตาตี่ถามเพื่อน

         “กูเอามีดมาแทงครั้งสองครั้งแล้วปล่อยให้มันตายช้าๆ ดีกว่าว่ะ ทรมานดี ฮ่าๆ” ผู้ชายที่ตัดสกินเฮดพูดก่อนที่จะเอาสปาร์ต้าขึ้นมาและเลียก่อนที่จะแทงเขาที่ท้องของผมสองครั้งแล้วดึงมีดออก “ไปดีนะหนูน้อย หึๆ”

         พูดจบพวกมันทั้งหมดก่อนเดินออกจาพุ่มไม้นี้ทันที

         เลือดสีแดงค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากปากแผลที่โดนแทงและช่องทางที่โดนทำก็เลือดไหลไม่หยุดเช่นกัน คราบของพวกมันยังติดอยู่กับตัวผม เกลียดตัวเองในตอนนี้ ขยักแขยงตัวเอง ไม่ว่าจะร้องไห้สักเท่าไหร่ก็ล้างความสกปรกนี้ไม่ได้

         ‘ขอโทษนะครับที่ผมทำอย่างที่สัญญากับลาร์คไว้ไม่ได้ ผมทนอยู่ไม่ได้จริงๆ ผมมันสกปรกเกินกว่าจะไปพบลาร์คแล้ว ถ้าหากพระเจ้ามีจริงขอให้ชาติหน้าผมได้เกิดมาเจอกับลาร์คอีกครั้ง ผมรักลาร์คนะครับ’ ผมพูดออกเบาๆ อย่างไม่มีเสียงเหมือนเดิม น้ำตาไหลไม่หยุดอยากมีชีวิตอยู่แต่ก็สกปรกเกินกว่าจะให้คนที่รักแตะต้อง



To Be Continued


○(  ̄ v  ̄ )○
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2013 19:53:49 โดย shishikima »

Syntyche

  • บุคคลทั่วไป
สนุกดีค่ะ ชอบแนวแวมไพร์
เป็นกำลังใจให้นะคะ

Syntyche

  • บุคคลทั่วไป

สงสารลูซ ลาร์คมาช่วยลูซเร็ว
จัดการเจ้าพวกโหดร้ายนั้นซะ!

tegomon

  • บุคคลทั่วไป
ว้าว แวมไพร์
จะจบเศร้าไหมคะเนี่ย
ติดตามค่ะติดตาม

ออฟไลน์ jilantern

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ลาร์คจะทำให้รูซเป็นแวมไพร์ไหมมมมมมม >,<

ออฟไลน์ Lovecartoon1996

  • ชอบกินมาม่า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
    • -

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
น้องน่าสงสารมาก

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
ลูซทำไมคิดแบบนั้น แล้วลาร์คจะว่ายังไงกันนะนั่น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ paojijank

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เปิดเรื่องมาก็มาม่าซะแล้ว ตอนจบจะเป็นไงเนี่ย

shishikima

  • บุคคลทั่วไป
ทาสรักเงารัตติกาล (Dark)   

Part 2 (M)


         “ชีวิตอันมืดสนิทของข้า...ขาดเจ้าที่เป็นดั่งแสงอาทิตย์มิได้...”

         “ลูซ ลูซ เจ้าอยู่ที่ไหนลูซ” ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาข้าก็ตะโกนเรียกชื่อนี้เป็นร้อยๆ ครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของชื่อเลยแม้แต่น้อย ข้าเดินเข้าไปหา ในห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น สวนหรือแม้แต่ห้องเก็บของก็ไม่เห็นแม้เพียงเงาหรือกลิ่นอายของลูซเลยแม้แต่น้อย

         ข้านั่งลงฟังเสียงการเคลื่อนไหวรอบๆ คฤหาสน์ หากแต่ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ทุกอย่างเงียบสนิท เวลานี้เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว แต่ลูซยังไม่กลับมาทำอาหาร ข้าตื่นมาตั้งแต่หนึ่งทุ่มครึ่งร้องตะโกนหาลูซจนถึงบัดนี้ แต่กลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมา

         ‘ลูซ เจ้าหายไปไหนของเจ้า รู้ไหมว่าตอนนี้ข้ากำลังเป็นห่วงเจ้าอยู่ รีบๆ กลับมาหาข้าเถอะ’

         ข้าทำได้เพียงสวดภาวนาอยู่ในใจของให้พระผู้เป็นเจ้าช่วยดลบันดาลให้ลูซกลับมา แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักกี่นาที ก็ไม่มีแม้เพียงเสียงการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ข้าจึงเดินออกจากคฤหาสน์ตามหาลูซ

         ใจข้าตอนนี้ร้อนดั่งถูกไปเผา ปากตะโกนเรียกชื่อลูซไปตลอดทาง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบ

         ลูซเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้แวมไพร์ไร้หัวใจเช่นข้างร้อนรนได้ถึงขนาดนี้ แวมไพร์ที่ไร้หัวใจมีชีวิตอยู่ร้อยกว่าปีเป็นทุกข์เพียงเพราะเด็กหนุ่มเพียงคนเดียว

         “ลูซ! ลูซ! เจ้าอยู่แถวนี้หรือเปล่า ตอบข้าด้วย ลูซ!” ทุกอย่างเงียบสนิทแม้แต่เสียงแมลงก็ไม่มี ข้าเดินฝ่าความมืดและหิมะที่เริ่มตกลงมามากขึ้นเรื่อยๆ

         แก๊ก!

         เสียงเหมือนข้าเหยียบอะไรบางอย่าง ข้ายกเท้าขึ้นมองดูสิ่งที่เหยียบ ก่อนที่จะเบิกตากว้างตะโกนหาผู้ที่ข้าใช้ให้เอาสิ่งนี้ไปใส่ถ่าน...

         ...ใช่แล้วสิ่งนี้คือนาฬิกาเรือนแรกของข้าที่ข้าใช้เงินที่หามาได้ซื้อ ก่อนที่จะถูกแวมไพร์กัดจนกลายเป็นแวมไพร์

         “ลูซ! ลูซ!! เจ้าอยู่แถวนี้ใช่ไหม ตอบข้าหน่อยสิลูซ! ลูซเจ้าได้ยินข้าไหมลูซ!” ข้าเดินลงข้างทางเพื่อหาลูซ เผื่อลูซจะบาดเจ็บแล้วนั่งพักอยู่แถวนี้

         แต่แล้วจู่ๆ ข้าก็ได้กลิ่นหอมหวานลอยมาแตะจมูก ข้าชะงักตัวสั่นสะท้านไปหมด สองขาเริ่มเดินตามกลิ่นนั้นไปอย่างไม่รู้ตัวภาวนาแค่ว่า อย่าให้เป็นดังที่ข้าคิด ข้าเดินเข้ามาในป่าลึกเรื่อยๆ เรื่อยๆ กลิ่นมันยิ่งเด่นชัดมากขึ้น กลิ่นหอมหวานที่ชวนให้ข้าน้ำลายสอด้วยความหิว

         ...เลือดสีแดงของมนุษย์ และเป็นกลิ่นเดียวกับที่ข้าเคยได้รับทุกครั้งที่กำลังทรมานจากการคลั้งของแวมไพร์

         “ละ...ลูซ เจ้าอยู่แถวนี้ระ...” พูดยังไม่จบประโยค ข้าก็แทบจะทรุดตัวลงตรงนั้น ร่างเล็กที่ข้าเคยสัมผัสแตะต้องพูดคุย เมื่อเช้านั้น บัดนี้ถูกแต้มสีแดงไปทั่วร่าง ข้าเบิกตากว้างกระโจนเข้าไปหาร่างนั้นอย่างรวดเร็ว ดึงร่างนั้นมาซุกไว้ที่อกก่อนที่จะเขย่าและเรียกชื่อ

         “ลูซ!! ลูซ!!! ลูซตอบข้าสิ ลูซอย่างหลับตา ลืมตาสิ ลูซ!!!!” ข้าเอื้อมมือแตะไปทั่วร่างที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดง เขย่าและร้องเรียก แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดส่งกลับมา

         “ไม่นะลูซ เจ้าอย่าจากข้าไปเช่นนี้ เด็กน้อยของข้าลืมตาขึ้นมาสิ ลืมตาขึ้นมามองหน้าข้าสิลูซ อย่าทิ้งข้าไว้เช่นนี้ลูซ เจ้าอย่าทิ้งข้าไปสิลูซ...” ข้าพร่ำบอกร่างที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง ก่อนที่จะเอาหัวแนบกับหน้าอกด้านซ้าย...

         ...ไม่มีเสียงเต้นของหัวใจ...ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจ...

         ข้ากรีดร้อง คำรามอย่างเคียดแค้นผู้ที่ทำให้คนที่ข้ารักเป็นเช่นนี้

         ตึก...

         ตึก...

         ตึก...

         ตึก...

         เสียงนี้ทำให้ถึงกับชะงัก มองดูร่างที่หลับตานิ่งและเริ่มเย็นชืดอย่างดีใจ

         เด็กน้อยของข้า ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรไป แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของข้า ข้าก็ต้องช่วยเจ้าให้ได้

         ข้าอ้าปากกว้าง ก่อนที่จะฝังคมเขี้ยวลงบนซอกคอขาวเนียน แล้วดูดกลืนเลือดที่เริ่มจะไม่อุ่น

         ...ตึก...

         เสียงหัวใจเงียบไป ข้าถอนคมเขี้ยวออก ก่อนที่จะกัดข้อมือตัวเองแล้วดูดเลือดป้อนให้กับร่างเล็ก ป้อน...

         ป้อน...

         ป้อน...

         ครั้งแล้วครั้งเล่า.... แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงเต้นที่ยืนยันว่าเด็กน้อยของข้ายังมีชีวิต ข้ากัดลงไปบนซอกคอนั้นอีกครั้งและดูดกลืนเลือด ก่อนที่จะถอนปากออกและดูดเลือดของตนเองป้อนให้กับร่างที่นอนแน่นิ่ง

         ไร้เสียงลมหายใจ....

         ไร้เสียงหัวใจ...

         เย็นชืด...ราวกับศพ

         “ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”



         ก๊อก! ก๊อก!! ปัง!!ๆๆๆๆ

         เสียงทุบประตูทำให้หมอหนุ่มสะดุ้งเกือบแทงเข็มฉีดยาให้กับคนไข้ผิดที่ รีบวางเข็มทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ฉีดให้กับคนไข้แล้วรีบสาวเท้าไปเปิดประตูให้กับคนด้านนอกเพราะดูเหมือนว่าหากไม่รีบไปเปิดประตูอีกฝ่ายคงจะพังประตูเข้ามาเป็นแน่

         “มีอะไรเหรอครับ ตอนนี้คลินิกของผมปิดละ...ลาร์ค!” หมอหนุ่มตะโกนอย่างตกใจ มองดูเพื่อนสนิทของตนเองที่กำลังอุ้มบางสิ่งที่ส่งกลิ่นหอมหวาน

         “ช่วยด้วยเฮนรี่! ช่วยลูซด้วย!!!” เฮนรี่ดึงเพื่อนเข้ามาภายในคลินิกก่อนที่จะสั่งให้ไปนั่งรออยู่ที่ห้องทำงาน

         “เดี๋ยวฉันตามไป นายไปรออยู่ที่ห้องทำงานฉันก่อน” พูดจบก็ไปเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในห้องถัดไป

         “อลิซดูแลคนไข้แทนผมด้วยนะ” เฮนรี่วิ่งเข้ามาบอกพยาบาลสาวที่กำลังตรวจคนไข้อยู่ก่อนที่จะตะโกนสั่งอย่างรวดเร็ว

         “ได้ค่ะหมอ” พอได้รับการยืนยันก็เดินเข้าไปในห้องทำงานทันที

         เมื่อเข้ามาในห้องทำงานก็เดินตรงไปหาร่างที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่ที่เตียงคนป่วยทันที มองดูร่างตรงหน้าที่ราวกับถูกอาบไปด้วยเลือด ตรงหว่างขาเต็มไปด้วยเลือดกับของเหลวสีขาวขุ่นแห้งเกราะอยู่และตรงท้องมีรอยคล้ายถูกแทง ตรงซอกคอมีรอยกัดอยู่เป็นสิบๆ แห่ง ก่อนที่จะเริ่มตรวจชีพจรแต่ต้องชะงัก

         “เสียใจด้วยลาร์ค นายมาช้าไป” เฮนรี่เอ่ยด้วยเสียงเจ็บปวด มองดูเพื่อนของตัวเองที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง

         ...

         “มะ...ไม่จริง เจ้าโกหกข้า เจ้าเป็นหมอ เจ้าต้องช่วยลูซได้สิ เจ้าช่วยลูซสิ เจ้ายังไม่ได้ช่วยลูซเลย เจ้าจับมือของลูซ แล้วเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าลูซตายแล้ว เฮนรี่เจ้าต้องช่วยลูซ เจ้าเป็นหมอนะเฮนรี่เจ้าต้องช่วยลูซได้สิ!!!!” ข้าเขย่าร่างของเพื่อนรักให้ช่วยลูซ แต่เฮนรี่กลับถอนหายใจและเริ่มเช็ดตัวให้กับลูซ “เจ้า ทำอะไรเฮนรี่!!”

         ข้าตะคอกมองดูเฮนรี่ที่กำลังเช็ดทำความสะอาดร่างกายของลูซ โดยที่ยังไม่ได้ล้างแผลหรือทำแผลให้ลูซเลยแม้แต่น้อย

         “ทำความสะอาดร่างกายให้กับเด็กคนนี้ อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสะอาดก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยทำพิธี...” เฮนรี่เอ่ยเสียงเรียบ ข้าชะงักกระชากร่างของเฮนรี่มาเขย่า

         “ลูซยังไม่ตาย!! เจ้าต้องช่วยลูซสิเฮนรี่! เจ้าเป็นหมอนะเจ้าต้องช่วยลูซสิ!!!!” ข้าเขย่าร่างของเฮนรี่จนเฮนรี่หัวสั่นคลอนๆ  เฮนรี่สะบัดตัวออกจากมือของข้า ก่อนที่จะสวนหมัดกระแทกใส่แก้มของข้าอย่างจัง

         “หยุดบ้าสักที่ลาร์ค เด็กคนนี้ตายแล้ว ฉันเป็นแค่หมอฉันไม่ใช่พระเจ้า!” เฮนรี่ตะคอกใส่ข้า ก่อนที่จะเริ่มเช็ดตัวลูซอีกครั้ง

         “ไม่!!!!” ข้ากระชากตัวลูซมาซุกไว้ในอ้อมกอดก่อนที่จะเอาผ้าห่มที่อยู่บนเตียงมาคลุมร่างของลูซไว้

         “จะทำอะไรน่ะลาร์ค!” เฮนรี่ตะคอกก่อนที่จะกระโจนเข้ามาหาข้าทันที ข้ากระโจนหลบก่อนที่จะไปนั่งอยู่ที่มุมห้องที่อยู่หลังโต๊ะทำงานของเฮนรี่ “ปล่อยเด็กคนนั้นซะลาร์ค เด็กคนนั้นตายแล้ว!!!”

         “ข้าไม่ปล่อย!!!” พูดจบก็กอดร่างของลูซไว้แน่นไม่ว่าเฮนรี่จะพยายามแกะเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ร่างของลูซยังอยู่ในอ้อมแขนของข้าเช่นเดิม

         “งั้นก็ตามใจ! ทำใจได้เมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน!” เฮนรี่พูดจบก็เดินออกไปจากห้องอย่างหัวเสีย

         ข้ากอดลูซไว้แน่น จะไม่ยอมปล่อยให้ใครเอาตัวลูซไปโดยเด็ดขาด

         แม้ใครจะไม่เชื่อ แม้ใครจะว่าลูซตายแล้ว แต่หัวใจของข้ามันกลับบอกว่าอีกไม่นาน พิษของแวมไพร์ที่ข้าให้ไปจะทำให้ลูซฟื้นขึ้นมา ฟื้นขึ้นมาเป็นเช่นเดียวกับข้า ถึงจะไม่อยากให้ลูซต้องมาทนทุกข์กับเวลาที่ไม่มีวันสิ้นสุดเช่นข้า แต่ข้าก็ไม่ใจแข็งพอที่จะปล่อยให้คนที่ข้ารักจากข้าไป ทั้งๆ ที่สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะให้ลูซใช้ชีวิตอย่างเช่นปกติเป็นมนุษย์ทั่วไป แก่ เจ็บ ตายอย่างคนทั่วไป พอได้เจออย่างนี้ข้ากลับทนไม่ได้

         ข้ากดจมูกลงบนซอกคอขาวสูดดมกลิ่นของลูซเข้าจมูก ไหวตัวไปมาราวกับกำลังกล่อมเด็กน้อย ลูซนอนแน่นนิ่งไร้การตอบรับแม้แต่เสียงของหัวใจก็ยังไม่มี ข้าเอื้อมมือลูบไล้ใบหน้าขาวที่เกรอะไปด้วยคราบน้ำตา

         ‘ทรมานมากสินะลูซ ข้าขอโทษที่ไม่ได้ไปกับเจ้า จากนี้ไปข้าจะอยู่กับเจ้าไม่ยอมปล่อยให้เจ้าไปไหนคนเดียวอีกแล้ว’

         ข้าจูบไปทั่วใบหน้าของลูซ เลียน้ำตาที่แห้งเกรอะเต็มหน้าแล้วจับมือนุ่มมากุมไว้ ตอนนี้อุณหภูมิร่างกายของข้ากับของลูซพอๆ กัน

         ...เย็นราวกับเกร็ดหิมะ

         “นี่ จะมานั่งในห้องทำงานฉันจนถึงเมื่อไหร่กันลาร์ค ไปที่ห้องนอนฉันก็ได้” สองวันผ่านมาข้าไม่ยอมขยับตัวไปไหน นั่นอยู่ที่เดิมกอดร่างของลูซไว้แน่นเหมือนเดิม จนเฮนรี่เริ่มหมดความอดทนจึงบอกให้ข้าไปพักที่ห้องนอนของเขา

         “ไม่” ข้าตอบอย่างไร้เยื่อใย ก่อนที่จะไหวตัวไปมากล่อมลูซ

         “พอสักที่เถอะลาร์ค! นายต้องพักผ่อนนะ นายไม่ได้หลับมาสองวันแล้วไปพักบ้างเถอะเชื่อฉัน ส่วนเด็กคนนี่ฉันดูแลเองไม่ต้องห่วง” เฮนรี่เอ่ยอย่างเป็นห่วง ข้าเข้าใจในความหวังดีของเพื่อน แต่ว่าข้าไม่มีทางที่จะปล่อยให้ลูซออกจากอ้อมแขนแน่นอน

         “ไม่ ข้าจะรอจนกว่าลูซจะฟื้น” น้ำเสียงที่หนักแน่นของข้าทำให้เฮนรี่ถึงกับเหนื่อยใจ เดินออกจากห้องไปแต่ก็ไม่วายโยนถุงเลือดมาให้ข้า

         “กินซะจะได้ไม่มาตายอยู่ในคลินิกของฉัน” เฮนรี่เป็นพวกปากแข็ง แต่ก็ใจดี แถมเฮนรี่ยังเป็นแวมไพร์เช่นเดียวกับข้า อายุมากกว่าข้าเกือบสิบปี เวลาไม่มากทำให้ข้าและเฮนรี่เข้ากันได้

         ข้ามองดูถุงเลือดก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมาดูดก่อนที่จะป้อนเลือดที่อยู่ภายในปากให้กับลูซ แต่ก็เหมือนเดิมไร้เสียงหายใจ ไร้เสียงหัวใจ...

         ‘ตื่นมาเถอะเด็กน้อย อย่าหลับไปนานขนาดนี้เลย ข้ารอเจ้าอยู่นะ ตื่นขึ้นมาหาข้ามองหน้าข้า ข้ารอเจ้าอยู่นะลูซ’

         เลือดที่ป้อนไหลลงเลอะแก้มของลูซ ข้าเลียคราบเลือดก่อนที่จะดูดเลือดทั้งหมดในถุงลงท้องทันที



         “นี่มันอาทิตย์หนึ่งผ่านไปแล้วนะลาร์ค เด็กคนนี้ตายแล้วจริงๆ นายก็รูว่าแวมไพร์ใช้เวลาวิวัฒนาการอย่างมากก็ห้าวัน แต่นี้มันผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้วนะ เด็กคนนี้ไม่มีวี่แววจะตื่นขึ้นมาเลย เสียงลมหายใจ หรือแม้แต่เสียงหัวใจก็ยังไม่มี นายหมดหวังแล้วล่ะลาร์ค ปล่อยเด็กคนนี้ไปเถอะ ให้เขาได้ไปสู่สุขคติเถอะ เชื่อฉัน” เฮนรี่บอกก่อนที่จะเอื้อมมือมาตบไหล่ของข้า “แล้วนายก็ควรพักผ่อนได้แล้ว แวมไพร์ถึงจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ก็ควรจะนอน”

         “ขออีกวันเฮนรี่ แค่อีกวันเดียว ถ้าหากลูซไม่ตื่นขึ้นมาจริงๆ เจ้าก็เผาข้าไปพร้อมกับลูซเลย” ข้าบอกอย่างตัดสินใจ เฮนรี่ดูตกใจกับการตัดสินใจของข้า แต่ก็พูดอะไรไม่ได้เพราะรู้ว่าคนอย่างข้า หากตัดสินใจสิ่งใดไปแล้ว ไม่มีทางจะเปลี่ยนแปลง

         “อย่าทำอย่างนี้ลาร์ค เด็กคนนี้เขาคงไม่ได้ต้องการอย่างนี้หรอก เขาคงต้องการเห็นนายมีความสุข ไม่ใช่มามัวนั่งอยู่กับร่างที่ไร้วิญญาณอย่างนี้” เฮนรี่พยายามพูดเกลี้ยกล่อมข้า แต่ก็ไม่เป็นผล

         “ข้าจะอยู่ได้อย่างไรในเมื่อหัวใจของข้าได้ให้ลูซไปหมดแล้ว ข้าคงอยู่ไม่ได้หากไม่มีหัวใจ"

         “ก็ได้ ในเมื่อนายตัดสินใจอย่างนั้น แล้วอย่ามาเสียใจที่หลังก็แล้วกัน” เฮนรี่พูดพลางถอนหายใจ

         “ข้าไม่มีวันเสียใจภายหลังแน่นอนเฮนรี่”



         “กรอด...อือ...” เสียงแปลกประหลาดคล้ายเสียงร้องขู่ของสัตว์ทำให้ข้าที่กำลังเคลิ้มจะหลับในรอบหนึ่งอาทิตย์ สะดุ้งตื่นมองดูรอบๆ แต่ก็ไม่พบอะไร

         “ฮืม...กรอดดดด...อือ...”เสียงประหลาดดังขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่ร่างที่ข้างกอดไว้จะเริ่มขยับตัว ข้าชะงักมองดูลูซที่กำลังดิ้นเบาๆ อย่างดีใจ ความผิดหวังกับพรุ่งนี้หายไป เพราะลูซได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว

         กึก!

         เสียงเปิดประตูทำให้ข้าละสายตาจากร่างของลูซมองคนที่เข้ามา

         “อะไรลาร์ค มองฉันอย่างนี้ทำไม ฉันยังไม่เผานายกับเด็กนั่นตอนนี้หรอกน่า รอให้ถึงคืนพรุ่งนี้ก่อนจะรีบร้อนไปไหน” เฮนรี่ที่เข้ามาเอาของบอกข้า

         “เฮนรี่ลูซฟื้นแล้ว เฮนรี่ลูซฟื้นแล้ว!!!” ข้าตะโกนออกมาอย่างดีใจทำให้ร่างที่กำลังครางอยู่สะดุ้งและดีดตัวออกจากอ้อมกอดของข้า “ลูซ!!!”

         “แฮ่...” เสียงครางนั้นทำให้ข้าชะงักมองสบตากับลูซ เห็นสีแดงขยายไปทั่วม่านตาสีขาวและสีฟ้าที่เคยสดใส สิ่งนี้เป็นสิ่งบ่งบอกได้เลยว่าตอนนี้ลูซนั้นได้กลายเป็น

         “ผีดูดเลือด!!!!” เฮนรี่ตะโกนอย่างตกใจ ลูซหันไปมองเฮนรี่ก่อนที่จะหันมามองข้าและกระโจนเข้ามาหาข้าทันที “ลาร์ค ระวัง!!!”

         เขี้ยวคมสีขาวงอกออกมาจากริมฝีปากบาง ก่อนที่จะฝังลงบนต้นคอของข้าอย่างรวดเร็ว เสียงดูดเลือดอย่างตะกละตะกลามมาพร้อมกับความเจ็บปวด

         “ไม่เป็นไรลาร์ค เดี๋ยวฉันจัดการเอง!” เฮนรี่ตะโกนก่อนที่จะตั้งท่าจะกระโจนมาใส่ลูซที่กำลังดูดเลือดข้าอยู่

         “อย่าเฮนรี่! อย่าเข้ามา!!!” ข้าเอ่ยปากห้ามเพราะกลัวว่าเฮนรี่จะทำร้ายลูซ

         “แต่ว่าเด็กคนนี้กำลังจะฆ่านายนะ!!!"

         “ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไรใช่ไหม...ลูซ” ข้าตอบเฮนรี่ก่อนที่จะเอ่ยกับร่างเล็กที่กำลังฝังเขี้ยวอยู่บนซอกคอของข้า ข้าเอื้อมมือลูบหัวของลูซเบาๆ กอดร่างเล็กไว้และไหวตัวไปมาราวกับกำลังกล่อมเด็กที่เสียขวัญ “ไม่เป็นไรลูซ ไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้หรอก ข้าอยู่ข้างเจ้าเสมอ เด็กน้อยของข้า”

         ข้ากระซิบลงบนหูของลูซก่อนที่จะจูบต้นคอของอีกฝ่ายเบาๆ

         แรงดูดเลือดหายไป ร่างที่อยู่ในอ้อมกอดของข้าเริ่มขยับตัวและจ้องมองข้า ข้ายิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

         “ลาร์ค...” ลูซครางชื่อของข้าออกมาเบาๆ ก่อนที่จะซุกหน้าลงบนอกของข้าเหมือนจะร้องไห้

         “ไม่เป็นไรลูซ ไม่เป็นไร ข้าอยู่นี่แล้ว ข้าจะไม่จากเจ้าไปไหนอีกแล้ว” ข้าประคองใบหน้านวลขึ้นมาจูบริมฝีปาก ลูซส่งเสียงครางในลำคอและจูบตอบข้าอย่างไร้เดียงสา

         ข้าเลือนมาจูบหน้าผากและแก้มนวลเนียนนั่นอย่างแผ่วเบา แต่ว่า...

         “อะ แฮ้ม!! เกรงใจกันบ้างสิ นี่มันห้องฉันนะ” เสียงขัดจังหวะทำให้ข้ากับลูซหันไปมองก่อนที่เด็กน้อยของข้าจะซุกหน้าลงบนอกข้าด้วยความเขิน

         ข้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับก้างชิ้นโตที่ชวางคออยู่ ก่อนตัดสินใจเอ่ยเสียงเรียบๆ ให้อีกฝ่ายรู้
         
         “ออกไป” ข้าเอ่ยบอกคนที่ยืนอยู่ตรงประตู

         “อะไรนะ” เฮนรี่ตอบอย่างไม่เข้า

         “เฮนรี่ออกไปจากห้องนี้”ข้าเอ่ยปากไล่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของห้อง

         “อะไรนะ! นี่มันห้องทำงานฉันนะ นายกล้าไล่ฉันเลยเหรอลาร์ค” เฮนรี่ถามพร้อมมองข้าด้วยตาขวางๆ

         “ใช่”

         “เอ้อ! ออกไปก็ได้ ไอ้เพื่อนเลว” เสียงตะโกนที่ดังอยู่หน้าห้องทำให้ข้าหันมามองร่างเล็กที่ซุกอกข้าอยู่

         “ลูซ...”

         “ครับ...” ลูซเงยหน้าขึ้นมามองข้า ตวงตาใสแจ๋วที่เมื่อครู่ถูกครอบไปด้วยสีแดงบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นเหมือนดังตาปกติแล้ว หากแต่ตาสีฟ้าที่เคยสวยงามตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงเลือดนก

         ข้ายิ้มให้กับเด็กน้อยตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยหยอกล้ออีกฝ่าย...

         “มาต่อจากเมื่อกี้กันเถอะ”

         “แต่...อ๊ะ!...อา...”



THE END
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2013 21:07:30 โดย shishikima »

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
ห๊าาา จบแล้วหรอออ ขอตอนพิเศษได้ไหม

ลาร์คต้องไปแก้แค้นให้ลูซด้วยนะ

ไอ้สกินเฮด 3 คนนั้น น่าฆ่าให้ตายนัก

honeystar

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ะะะ จบแค่นี้หรอออออออ ต่ออีกหน่อยจิ TT

ออฟไลน์ Gnannanz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-3
เอาตอนพิเศษมาาาาาาาาาาาาาาาา T^T
ฮือ ห้ามจบนะั! .
 :z3:

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
:z3: เอาตอนพิเศษมา
ไม่ยอมมมมมมมมมมมมมม  :serius2:  :serius2:

shishikima

  • บุคคลทั่วไป
ทาสรักเงารัตติกาล (Dark)

ตอนพิเศษ Part 1 แก้แค้น


         “ความทุกข์ของเจ้า...คือความทุกข์ของข้า”

         ตั้งแต่วันที่ลูซฟื้นขึ้นมาจากความตาย ลูซก็ตัวติดกับข้าไม่ยอมห่าง ไม่ว่าจะยอมนอน ทานเลือด อาบน้ำ เราทำร่วมกันทั้งหมด ตอนนี้ลูซของข้ากลายเป็นเจ้าแมวตัวน้อยขี้อ้อน แต่ก็อ้อนเฉพาะข้าเพียงคนเดียว

         ...สิ่งที่น่าหนักใจที่สุดก็คือ ลูซไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ข้าในระยะสามเมตร ถ้าหากมีคนเข้ามาใกล้ข้ามากกว่านั้นเจ้าตัวจะกระโจนใส่หมายจะฝังคมเขี้ยวลงบนซอกคอทันที ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือแวมไพร์ ชายหรือหญิง และพอเห็นข้ามีท่าทางนิ่งๆ เหมือนกำลังโกรธลูซจะแปลงร่างกลายเป็นลูกแมวน้อยขี้อ้อนทันที เฮนรี่ก็เคยเกือบจะโดนลูซฝังเขี้ยวลงคอแล้วยังดีที่ตอนนั้นข้าดึงแขนของลูซไว้ทัน หลังจากนั้นเจ้าเฮนรี่ก็ขยาดลูซไปเลย

ถ้าหากใครสงสัยว่าหลังจาก THE END นี้มาคั่นละก็ข้าจะบอกไว้เลยว่าข้าก็แค่จูบและกัดซอกคอเพื่อให้เกิดเป็นสีแดงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเฉยๆ แต่ลูซนี้สิอยากจะทำบ้างเลยฝังเขี้ยวซะจมคอข้ามิดเลย แถมยังมาดูดเลือดข้าอีก อารมณ์ที่กำลังขึ้นของข้าหดลงทันที แทบอยากจะนอนหลับซะตรงนั้นเลย

อีกเรื่องหนึ่งที่ข้ากำลังหาทางจัดการอยู่นั่นก็คือเจ้าพวกที่ทำให้ลูซตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น ตามจริงข้าอยากจะฝังคมเขี้ยวและฉีกกระชากร่างของพวกมันเป็นชิ้นๆ เสียตั้งแต่ลูซฟื้นคืน หากแต่ก็เป็นห่วงลูซเกินที่จะปล่อยให้อยู่เพียงลำพัง

“ลาร์ค ข้าหิวแล้ว” เสียงอ้อนของลูซดังขึ้นจากอกแกร่งของข้า เด็กน้อยใช้หัวทุยๆ ถูกอกของข้าไปมา ตอนนี้เป็นช่วงค่ำแล้วประมาณสองทุ่มล่ะมั้ง ข้ากับลูซย้ายกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์เช่นเดิม “หิวแล้วๆ ข้าหิวแล้วลาร์ค”

ไม่พูดเปล่าดันฝังคมเขี้ยวกับแขนของข้าและเริ่มดูดเลือด ลูซยังเป็นแวมไพร์อ่อนอยู่ทำให้ยังไม่รู้จักการระงับอาการหิวของตัวเอง และอารมณ์ของลูซยังไม่คงที่แปรปรวนเหมือนแมว แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับข้า ลูซก็ยังเป็นลูซ

...เป็นคนที่ข้ารัก

จากนี้และตลอดกาล...

เอ๊ะ! ข้าลืมบอกอะไรไปหรือเปล่า

จริงสิ! ข้าลืมบอกเรื่องที่ลูซพูดได้สินะ เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน พอถามเฮนรี่เจ้านั่นก็แค่ยักไหล่แล้วบอกว่าไม่รู้ ตอนมันตอบอย่างนั้นข้าอยากจะขย้ำคอมันเสียจริง เป็นหมอภาษาอะไรดันไม่รู้เรื่องอะไรเลย น่าสงสารคนไข้ที่มารักษากับมันจริงๆ กลัวว่าวันดีคืนดีจะตายแบบไม่รู้ตัวเพราะหมอไม่รู้จักโรคที่กำลังรักษา แต่นั่นแหละ ข้าก็ดีใจกับลูซที่ในที่สุดก็พูดได้เสียที

เรื่องบางเรื่องมันก็เกิดขึ้นได้อย่างอัศจรรย์...

“ไม่เอาน่าลูซหยุดกัดข้าได้แล้ว ถ้าข้าตายไปใครจะพาเจ้าไปหาเลือดกินกัน” ข้าบอกลูซ เจ้าตัวจึงยอมถอนเขี้ยวออกจากแขนข้าแล้วมาจ้องข้าตาแป๋ว

“ไม่เอา ลาร์คอย่าตายนะ ลูซไม่ให้ลาร์คตาย” ลูซเริ่มงอแงกอดคอข้าแน่นไม่ยอมปล่อย

“รู้แล้วคนดี ลาร์คจะไม่ยอมตายง่ายๆ แน่ ลาร์คจะอยู่กับลูซตลอดไปเลยดีไหม” ข้าถามเด็กน้อยที่ซุกหน้าอยู่บนซอกคอของข้า ลูซส่งเสียงอืมในลำคอ ก่อนที่เงยหน้าขึ้นสบตากับข้า

“ลูซรักลาร์คที่สุด” บอกรักได้อย่างหน้าตาเฉยคงมีแค่เพียงคนเดียวนี่แหละมั้ง ข้ายิ้มตอบรับก่อนที่จะจูบปากนุ่มที่มีอุณหภูมิเดียวกับข้า

“เมื่อวานนั้นก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ” ข้าถาม

“เมื่อวานนั้นบอกแล้ว แต่วันนี้ยังไม่ได้บอกเลย ลูซจะบอกรักลาร์คทุกวันเลยว่าลูซรักลาร์ค รักมากถึงมากที่สุด รักกว่าสิ่งใดในโลก รักกว่าเลือดอีก” มันจะน่าดีใจไหมที่ถูกเปรียบกับเลือด ข้ากดจมูกลงบนหน้าผากมน เจ้าตัวน้อยหัวเราะคิกคักก่อนที่ลุกขึ้นทับข้าและขย่มๆ ไปมาราวกับเด็กเล็ก “ไปๆ ไปกินเลือดกันเถอะนะลาร์ค”

ข้าหัวเราะด้วยความเอ็นดูก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงนอน ลูซรีบดึงข้าขึ้นจากเตียงนอน

“อย่าพึ่งลูซ อย่าพึ่ง ข้ามีอะไรสนุกๆ ให้เจ้าทำก่อนกินอาหาร” ลูซชะงักมองหน้าข้า เอียงคอทำหน้าสงสัย

“มีอะไรน่าสนุกเหรอ”

“ตามข้ามาสิ แล้วเจ้าจะได้รู้” ข้าจูงมือนุ่มเข้าไปยังหลังคฤหาสน์ แล้วพบบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง หากฟังดีๆ จะมีเสียงดังอู้อี้อยู่ภายในบ้าน ข้านำทางลูซตรงไปยังหน้าบ้านก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป

สิ่งที่ปรากฏทำให้ลูซตกใจ แล้วรีบมาหลบหลังข้าทันที

...ในบ้านมีผู้ชายสามคนถูกตรึงขาและแขนทั้งสองข้างด้วยโซ่ ปากมีผ้าปิดไว้ทำให้พูดไม่ได้แต่ก็ยังมิวายส่งเสียงอู้อี้รอดมา คนแรกตัดผมทรงสกินเฮด คนที่สองตัวอ้วนตุ๊ต๊ะ และคนที่สามซึงเป็นคนสุดท้ายตาตี่กว่าเพื่อน ลูซคำรามในลำคออย่างขู่ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมเคลื่อนตัวออกจากด้านหลังข้า

“ไม่เป็นไรลูซ พวกมันทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอก ดูสิ พวกมันมีโซ่ตรึงไว้ทั้งสามคนเลย” เมื่อข้าพูดเช่นนั้นลูซจึงค่อยๆ เดินออกมาด้านหน้า ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

“ฉันจะฆ่าพวกแก!!!” ลูซคำรามออกมาก่อนที่จะตั้งท่ากระโจนใส่พวกมัน พวกมันทั้งสามกรีดร้อง ข้าจับมือนุ่มนั้นไว้

“อย่าพึ่งลูซ อย่าพึ่งคนดี” ข้าสวมกอดลูซจากด้านหลังไว้ตัวไปมาเหมือนกล่อมทำให้ลูซเริ่มสงบลงและซุกหน้ากับอ้อมแขนของข้า “กลัวไหมเด็กน้อย”

“กะ...กลัว” ลูซตอบเสียงสั่น ก่อนที่จะกอดแขนข้าไว้แน่น

“แล้วเจ้าจะทำยังไงกับพวกนี้” ข้าถามต่อ ลูซเงยหน้าสบกับข้า ดวงตาสีแดงข้นสั่นระริกอย่างไม่แน่ใจ

“อยากให้พวกมันทรมานเหมือนที่ผมทรมาน อยากให้มันเจ็บปวดเหมือนที่ผมเจ็บปวด ให้พวกมันจำฝังใจว่าเคยทำอะไรกับผม” ข้าจูบลงที่หัวทุยๆ ก่อนที่จะปล่อยลูซออกจากอ้อมกอด ลูซเดินตรงไปหาพวกมันก่อนที่จะกรีดเล็บลงบนผิวหน้าของพวกมันทีละคนๆ เลือดสีแดงสดไหลอาบใบหน้าหยดลงบนพื้น พวกมันทั้งสามกรีดร้องอย่างโหยหวน เมื่อทำร้ายใบหน้าและร่างกายพวกนั้นจนพอใจลูซก็เดินมาอยู่เคียงข้างผม

“เข้ามาได้!” ข้าตะโกนเรียกคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามา เป็นชายฉกรรจ์ ท่าทางเถื่อนราวกับพวกบ้านป่าเมืองเถื่อนรวมทั้งหมดก็เกือบสิบคน ลูซมองดูอย่างงงๆ ก่อนที่จะขยับตัวมาซุกอยู่ในอ้อมกอดข้า “จัดการได้ อย่าให้ถึงตาย”

เมื่อข้าพูดจบชายฉกรรจ์ทั้งหมดก็กรูเข้าไปหาร่างทั้งสามอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อผ้าปิดปากถูกเปิดออก เสื้อผ้าที่พวกมันทั้งสามถูกกระชากออกราวกับผ้าขี้ริ้ว ชายฉกรรจ์ทั้งหมดเริ่มเซ็กหมู่กับร่างทั้งสาม เสียงกรีดร้องโหยหวนเจ็บปวดดังขึ้น เมื่ออวัยวะเพศชายที่มีขนาดใหญ่สอดใส่เข้าไปแต่ละร่างตั้งแต่คนตัวอ้วน คนตาตี่และคนสุดท้ายที่ตัดสกินเฮดที่ข้าสั่งให้จัดหนักกว่าเพื่อนจึงได้รับเพิ่มอีกคนรวมเป็นสองเท่า ทำให้ช่างทางทางด้านหลังที่ยังไม่ได้ปลุกเร้าหรือทำการขยายเริ่มฉีกขาดจากความใหญ่ของอวัยวะเพศทีมีถึงสอง

ลูซกอดข้าไว้แน่ซุกหน้าอยู่กับอกแกร่งของข้า ตัวสั่นนิดๆ ด้วยความหวาดกลัว ข้าจัดการอุ้มคนตัวเล็กขึ้นขี่หลังแล้วไหวตัวไปมาเพื่อเป็นการปลอบ

“ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!” เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของพวกมันไม่มีทางเทียบเท่ากับเสียงกรีดร้องของข้ากับเสียงกรีดร้องของลูซ เทียบกันไม่ติดแม้เพียงสักนิด

ข้าอุ้มลูซออกจากบ้านหลังนั้นตรงไปที่คฤหาสน์ การแก้แค้นให้กับความเจ็บปวดของข้ากับลูซเสร็จสมบูรณ์ แม้จะแค้นมากมายแต่ก็ไม่อยากเอาให้ถึงตาย เพราะพวกมันได้ทรมานเพียงแค่ครู่เดียว ที่ข้าเลือกวิธีนี้ก็เหมือนกับการใช้วิธีแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ใครทำเช่นไรย่อมได้เช่นนั้น!

“ลูซ ยังหิวอยู่หรือเปล่า” ข้าเอ่ยถามร่างที่กำลังซุกอยู่กับแผ่นหลังของข้านิ่ง

“ไม่แล้ว ผมอยากนอน นอนกอดลาร์ค” ลูซตอบเสียงอู้อี้ หน้านวลยังคงซุกอยู่ที่แผ่นหลังของข้าไม่ยอมขยับไปไหน

ข้ารู้ว่าตอนนี้ลูซกำลังเจ็บปวด ทรมานและสงสารพวกนั้น แต่จะให้ทำเช่นไรได้ก็ในเมื่อพวกนั้นมันทำลูซเช่นนี้ แถมยังมีการวางแผนมาตั้งแต่ต้นอีก ถ้าหากมันเป็นเพียงความบังเอิญข้าคงลงโทษเบาแต่นี่มัยเกิดจากความตั้งใจลงโทษเพียงแค่นี้ข้าว่ามันยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ

“ได้งั้นเราไปนอนกับเถอะ” ข้าพาเดินตรงพาลูซเข้าไปยังห้องนอน เมื่อมาถึงห้องนอนข้าก็วางลูซกับเตียงนอนก่อนที่จะเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูมาสองผืนแล้วจูบร่างเล็กเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำด้วยกัน “ไปอาบน้ำกัน ล้างความสกปรกออก”

ลูซพยักหน้าก่อนที่จะกระโดดกอดคอข้าราวกับลูกลิง ข้าหัวเราะชอบใจพาตัวเองและร่างที่กำลังเกาะคออยู่เข้าห้องน้ำไป แต่ก่อนเข้าห้องน้ำเจ้าตัวก็ยังไม่วายเงยหน้าขึ้นมาหอมแก้มข้าแล้วเอ่ยว่า

“ลูซรักลาร์คที่สุด”

“ลาร์คก็รักลูซเช่นกัน รักตั้งแต่บัดนี้ไปจนตลอดกาล...”


FIN


ตามจริงตอนพิเศษก็แต่งไว้แล้ว

แต่ยังไม่เอามาลง เพราะกลัวไม่ใครอยากอ่าน  :m15:

คำผิดก็ยังไม่ได้ตรวจหากผิดพลาดประการใดก็โปรดขออภัยด้วยนะคะทุกท่าน

ตอนพิเศษจะมีสองตอนเหมือนเนื้อเรื่องนะคะ แต่มันจะไม่ยาวเท่าเนื้อเรื่อง เพราะเดี๋ยวจะข้ามหน้าข้ามตากัน

คนที่รอหวานๆ NC นิดๆ ก็รอตอนพิเศษตอนหน้าคะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ

 :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2013 21:26:41 โดย shishikima »

ออฟไลน์ Ju

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ CheetahYG

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
เข้ามาอ่านรวดเดียว อยากจะบอกว่า ลาคกับลูซน่ารักมากๆเค้าชอบ  :m3: :m3: :m3: แต่เค้าชอบฉากเอ็นซีมากกว่า ฮุฮุ :z1: :z1: :z1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2013 23:09:25 โดย CheetahYG »

ออฟไลน์ mro

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
อ่านรวดเดียวจบ ขอบคุณคะชอบมาก

shishikima

  • บุคคลทั่วไป

ทาสรักเงารัตติกาล (Dark)

ตอนพิเศษ Part 2 Valentine

“ลูซตื่นได้แล้ว นี้มันจะสามทุ่มแล้วนะ” เสียงกระซิบที่ข้างหูพร้อมกับแรงกดหนักๆ ที่แก้ม ทำให้ผมขมวดคิ้วก่อนจะหันหน้าหนีสัมผัสอย่างรำคาญ

“อืม...ขออีกนิด...” พูดจบก็เตรียมจะหลับต่อ แต่จู่ก็ดันมีมือปริศนาคว้าหมับเข้ามาที่แก้มทั้งสองข้างก่อนที่จะมีบางสิ่งบางอย่างนุ่มๆ ชื้นๆ สัมผัสกับริมฝีปาก ผมอ้าปากรับ...รสชาติมันช่าง...อร่อย...หอม หวาน เหมือนกับ...

...สิ่งที่ผมกินอยู่ทุกวัน!

ผมสะดุ้งตื่น ก่อนจะจับจ้องร่างที่อยู่ตรงหน้า นั่นก็คือลาร์คนั่นเอง มองที่มือของลาร์คก็เห็นถือถุงเลือดเอาไว้อยู ผมกระโจนเข้าใส่ลาร์คแล้วกอดแน่น ลาร์คหัวเราะในลำคออย่างเอ็นดูก่อนที่จะโยกตัวผมไปมาเหมือนกล่อมเด็ก ลาร์คชอบทำอย่างนี้ตลอดเลยตอนที่ผมกอด ทำอย่างกับผมเป็นเด็ก (แต่ผมก็ชอบให้ลาร์คทำอย่างนี้นะ)

“ตื่นได้แล้วครับคนดี วันนี้วันอะไรเอ่ย” เสียงทุ้มๆ ติดเย็นๆ หากแต่ก็อ่อนโยนสำหรับผมเอ่ยบอกพร้อมกับจูมพิตที่หน้าผากผมเบาๆ ผมหลับตาซึมซับสัมผัสแผ่วเบาและนุ่มนวลนั้นก่อนจะลืมตาขึ้นเมื่อลาร์คผละริมฝีปากออกไป

“วันพฤหัสบดี ทำไมเหรอ” ผมตอบก่อนที่จะมองหน้าลาร์คที่กำลังยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเล่ห์นัย “อะไรอ่ะ ทำไมลาร์คต้องมองผมอย่างนั้น มีอะไรบอกมานะ วันนี้เป็นวันอะไร”

“หึ หึ” ยิ่งเสียงหัวเราะยิ่งน่าขนลุก ผมรีบลุกจากตักของลาร์ค นี่ผมไม่ได้กลัวนะ! ก็แค่...แบบว่า...แค่ไม่ไว้ใจอ่ะ...เปล่ากลัวสักหน่อย! เชื่อกันสิ!

“ไม่เอาแล้ว ไปหาอะไรกินดีกว่า” ผมทำมึนเดินออกจากตักของลาร์คแล้วแถเนียนหาเรื่องอื่นมาคุย

หมับ!

แต่ก็ดันไม่รอดพ้นจากฝ่ามือใหญ่ที่คว้าหมับที่ข้อมือของผม ก่อนที่จะกระตุกเล็กน้อยทำให้ผมถลามานั่งบนตักและหัวซุกอยู่ที่อกเหมือนเดิม

“ก็วันที่ข้าจะรักเจ้าให้ถึงที่สุดไง” พูดจบยังไม่ทันที่ผมจะได้โต้แยง ริมฝีปากของลาร์คก็ประกบจูบผมทันที ผมจึงได้แต่ส่งเสียงทักท้วงในลำคอ

ลาร์คค่อยๆ ผละออกจากริมฝีปากผมอย่างช้าๆ ก่อนที่จะก้มลงจูบสอดลิ้นเข้ามาในปากผม ลัดเลาะไปตามกระพุ้งแก้มหยอกเย้ากับลิ้นน้อยๆ ของผมผมได้แต่ครางในลำคอ ความรู้สึกของผมตอนนี้ราวกับจะล่องลอยออกไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ เม็ดสีทับทิมที่ประดับอยู่บนอกผมถูกขยี้เบาๆ ผมแอ่นตัวอย่างลืมตัว แต่ท่าทางผมมันคงจะแปลกๆ ลาร์คจึงย้ายร่างเราทั้งสองมานอนปุ๊กอยู่ที่เตียง ผมพยายามปีนเตียงหนี แต่ดันโดนลาร์คจับประกบปากอีกรอบ คราวนี้ลิ้นสอดเข้าไปลึกกว่าเดิมทำให้ผมต้องถอยลิ้นหนี แต่ก็ไม่รอดเมื่อผมเริ่มเคลิ้มกับมัน

“อือ...อือ...” ผมครางในลำคออย่างลืมตัว ลาร์คถอนปากออกจากปากของผม ก่อนที่ลาร์คจะเอื้อมมือเช็ดคราบน้ำลายออกจากผมเบาๆ ก่อนจะเอ่ย

“ขอข้านะคนดี สัญญาจะไม่ให้เจ้าเจ็บเหมือนพวกนั้น” ผมส่งเสียงอือในลำคอ แม้จะกลัวแต่ถ้าทำแค่ข้างนอกก็คงไม่เจ็บเท่าไหร่ เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงเอื้อมหยิบหมอนมาปิดหน้าด้วยความอาย เพราะถึงแม้ผมจะเคยโดนทำแบบนั้นมาแล้ว แต่ครั้งนั้นผมโดนบังคับแทบจะอยากตายไปให้เสียพ้นๆ หากแต่เมื่อเห็นผลกรรมที่ลาร์คได้แก้แค้นให้ ทำให้พวกมันกลายเป็นบ้าใช้ชีวิตอยู่กับสังคมธรรมดาๆ ไม่ได้

ลาร์คขยับตัวขึ้นคร่อมผมแล้วค่อยๆ ลากริมฝีปากจากลำคอของผม กัดลงที่ไหปลาร้าทำให้ผมอดส่งเสียงครางไม่ได้ มือของลาร์คนวลเฟ้นหน้าอกของผม มือหนึ่งบี้ที่เม็ดทับทิมสีชมพูที่ดูจะชันสู้มือ ริมฝีปากสีซีดครอบครองอีกข้างของผม ก่อนที่จะดูดดุนอย่างหยอกเย้า ผมเกร็งแอ่นตัวรับอย่างห้ามไม่อยู่ มือที่ถือหมอนปิดหน้าไว้พลันหมดแรงเอาดื้อๆ ทำให้หมอนตกลงมาข้างแก้ม เราทั้งสองสบตากันก่อนที่ผมจะหลบตาก่อนอย่างเขินอาย ลาร์คยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะเริ่มลากปากออกจากเม็ดทับทิมของผม มาที่ร่องสะดือแหย่ลงไป ผมครางก่อนที่จะเอื้อมมือขย้ำหัวของลาร์คอย่างลืมตัว เพราะนี่คือความรู้สึกที่ผมไม่เคยรู้สึก มับวาบหวิวแปลกๆ ยิ่งลาร์คลากลิ้นต่ำลงไปเรื่อยๆ ผมก็ยิ่งส่ายหน้าไปมา ขมวดคิ้วแน่นอย่างสับสน

...แปลก

...ไม่เคยสัมผัส

...หากแต่ก็กลัว
...กลัวว่ามันจะซ้ำรอยเดิม

...แต่ก็อยากจะลอง...เพราะคนๆ นี้ไม่เหมือนคนพวกนั้น เขาอ่อนโยนและไม่มีทางทำร้ายผมให้เจ็บปวด

“อื้อ! อือ! ลาร์ค...ตรงนั้น ตรงนั้นมัน” ลาร์ถอดกางเกงของสั้นของผม ก่อนที่จะประคองแท่งร้อนของผมไว้อย่างเบามือ ผมมองตาลาร์ค ลาร์คมองตาผมอย่างรู้ความหมาย ผมส่ายหน้าห้าม “ไม่ลาร์ค...มะมันสกปรก...อ๊ะ!”

ลาร์คครอบครองแท่งร้อนของผมย่างไม่ฟังคำห้าม ผมเกร็งหน้าท้อง รู้สึกแปลกๆ กับสัมผัสที่ได้รับเพราะทำให้ตัวเองมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ว่า...แบบนี้...แบบนี้...มันไม่เคย...

หัวลาร์คผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ตรงหว่างขาของผม ผมบิดตัวไปมา ปากก็ส่งเสียงร้องครางอย่างไม่เป็นภาษา เล็บจิกลงบนลำคอของลาร์ค ทิ้งรอยเล็บสีแดงเอาไว้บนผิวขาวซีด ปากผลุบเข้าออกพร้อมกับแรงรัดที่แท่งร้อนของผม ทำให้ผมปลดปล่อยออกมาอย่างง่ายดาย

“อ้า!...” หมดแรงเลยครับงานนี้ ผมได้แต่หอบอย่างอ่อนแรง มองดูลาร์คที่กลืนสิ่งที่ผมปลดปล่อยออกมาอย่างไม่รังเกียจ ใครบอกว่าแวมไพร์หอบไม่เป็นเหนื่อยไม่เป็นกันครับ ผมบอกได้เลยว่าถึงตอนนี้ผมเป็นแวมไพร์ (แม้ยังไม่เต็มตัวก็เถอะ) ผมเนี่ย...เหนื่อยโคตร!

“ยังไม่จบคนดี เจ้าเสร็จ แต่ข้ายังไม่เสร็จเลย” ผมเบิกตากว้างเมื่อลาร์คร่นกางเกงลง แท่งร้อนขนาดใหญ่ชูชันขึ้นขู่ผมอย่างน่ากลัว ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืนๆ มองดูแทงร้อนของลาร์คที่กำลังขยายใหญ่กว่าเดิม เอามือปิดหน้าตัวเองอย่างอายๆ เพราะตั้งแต่เกิดผมยังไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครเลย เคยแต่เป็นผู้โดนกระทำแถมไม่เต็มใจอีกด้วย ไม่รู้ว่าลาร์คต้องการแบบไหน

...จะให้ผมอมแล้วดูด

...หรือจะเอาไอ้แท่งใหญ่ๆ นั่น แทงเข้าด้านหลังของผม

พอคิดถึงข้อที่สองก็ทำเอาผมรู้สึกสยองขึ้นมาทันที ภาพอันโหดร้ายไหลเข้ามาในความทรงจำ

ถ้าเจ้านั่นเสียบลงไป ผมได้ตายแน่ๆ ใหญ่ซะขนาดนั้น (ใหญ่กว่าคนพวกนั้นเสียอีก) แค่ครึ่งแท่ง ผมก็กระอักแล้ว!

ผมเตรียมจะปีนหนีลงเตียงอีกรอบ ลาร์คก็ดูเหมือนจะรู้ จับขาผมไว้แล้วลากผมมาอยู่ที่เดิน เมื่อการหนีไม่เป็นผล ผมจึงส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ สะบัดจนหัวแทบหลุดก็ได้ยินแต่เสียงหัวเราะหึหึ ชวนขนลุกนั่น

“ข้าไม่ทำเจ้าเจ็บหรอก ข้าสัญญา เชื่อข้านะคนดี” หวานซะ! ผมเบือนหน้าหนีก่อนที่จะครุ่นคิด

ทำ...ไม่ทำ

...ทำ...ไม่ทำ

ทำ...ไม่ทำ

...ทะ...ทำ...ทำก็ได้...

ผมพยักเบาๆ ก่อนที่จะพยายามปิดหน้าตัวเองอีกรอบ แต่ลาร์คก็ดันรู้จับข้อมือผมไว้แล้วจูบริมฝีปากผมเบาๆ สอดลิ้นเข้ามาในปากหยอกล้อกับลิ้นของผม ผมก็จูบตอบแต่ก็ยังดูเก้ๆ กังๆ กำลังจูบกันอยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมสอดเข้ามาภายในชิ่งด้านหลังของผม ผมจึงกระตุกเกร็งส่งผลให้ผนังนุ่มๆ รัดสิ่งที่เข้ามาลาร์คหยุดสอดนิ้วเข้ามาเมื่อเห็นว่าร่างกายของผมต่อต้าน ก่อนที่จะใช้มืออีกข้างบี้เม็ดทับทิมที่แข็งไปไตและช้ำหน่อยๆ ของผม ปากก็จูบดูดดุนและชักชวนให้ผมคล้อยตาม เมื่อเห็นว่าผมละจากความเจ็บนั้นก็สอดนิ้วเข้ามาอีกครั้ง ผมกระตุกเกร็งอีกครั้งรู้สึกอึดอัดแน่ๆ กับสิ่งที่สอดเข้ามา แม้จะเป็นเพียงนิ้วชี้และนิ้วกลางก็ตาม แต่ก็ยังแปลกอยู่ดี ช่องทางที่ถูกปิดตายตั้งแต่กลายเป็นแวมไพร์มันคงแน่นเสียยิ่งกว่าตอนที่เป็นมนุษย์อีก

พอเห็นว่าเมื่อไม่ได้การ เมื่อร่างกายของผมต่อต้านไม่ยอมให้เข้าไป ลาร์คก็เริ่มหามองหาสิ่งที่พอจะช่วยได้ ดวงตาสีเทามองผมอย่างเป็นกังวลแต่ก็ยังไม่ยอมละนิ้วออกจากช่องทางของผม ก่อนที่จะเลือนสายตาไปที่ลิ้นบนหัวเตียง เปิดดูก่อนจะยิ้มร่าหยิบของที่อยู่ด้านในออกมา นั่นก็คือโลชั่นยี่ห้อแสนแพง แต่เหนียวเหนอะนะติดผิวและแห้งช้าออกมา ผมเคยใช้แล้วตอนที่ยังเป็นมนุษย์ แต่ก็ต้องเป็นอันต้องเก็บใส่ลิ้นชักเพราะมันเหนอะหนะตัวเกินไปแถมยังแห้งช้าอีกด้วย ลาร์คบีบโลชั่นสีขาวจากขวดก่อนที่จะละเลงลงที่ช่องทางด้านนอกของผม และถอนนิ้วออกจากผนังนุ่มๆ ของผมอย่างช้าๆ แต่ผมก็ยังกระตุกเกร็งรัดแน่นเหมือนเดิม

ลาร์คเริ่มสอดนิ้วใส่อีกครั้งและค่อยๆ นวลเฟ้นบริเวณปากทางจนผมเริ่มคุ้นจึงสอดใส่นิ่วที่สามอีก ผมกระตุกและรัดนิดๆ แต่ก็ต้องเคลิบเคลิ้มกับรสจูบที่แสนอ่อนหวานปนร้อนแรงของลาร์ค เมื่อคิดว่าผมเริ่มปรับตัวได้ก็ยื่นแท่งร้อนจ่อที่ปากทางก่อนจะค่อยๆดันเข้าไปอย่างช้าๆ ผมกระตุกอย่างรุนแรงเกร็งเมื่อสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วสามนิ้วนั้นเข้ามา

“อ๊ะ!...เจ็บ...ละ...ลาร์ค...อึด...อัด...” ผมบอกลาร์คก่อนที่จะกอดคอลาร์คแน่น ลาร์คจึงเริ่มเล้าโลมผมอีกครั้งจนผมเคลิบเคลิ้มและดันแท่งร้อนไปจนสุด

ความคับแน่น อึดอัด ทำให้ช่องทางของผมบีบรัดสิ่งที่เข้ามา ลาร์คซี๊ดปาก

“ซี๊ด...อย่าเกร็งคนดี มองตาข้าสิลูซ อย่าเกร็ง" ผมพยักหน้า สักพักร่างกายก็เริ่มปรับตัวได้ ผมผ่อนหายใจเมื่อความคับแน่นแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น

ลาร์ถอดแท่งร้อนออกจากช่องทางด้านหลังและเริ่มดันเข้าไปใหม่ ผมสะดุ้งสุดตัวแต่แรงต่อต้านน้อยลงกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าเข้าที่เข้าทางแล้วลาร์คจึงเริ่มขยับพร้อมกับประกบจูบปากของผม ขยับแรกๆ มันอึดอัด แต่สักพักก็เสียวซ่านอย่างไม่เคยเป็น ผมจึงเริ่มขยับตามจังหวะของลาร์คอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ลาร์คเริ่มจากขยับเบาและเริ่มแรงขึ้นเล็กน้อยเพราะคงรู้ว่านี้เป็นครั้งแรกของผมตั้งแต่เป็นแวมไพร์ จะรีบร้อนไปไม่ได้

“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊ะ! ละ...ลาร์ค!!”ผมกรีดร้องกระตุกและปลดปล่อยสายธารสีขุ่นออกมาอีกครั้งจนมันกระเด็นไปเลอะหน้าท้องของลาร์คและหน้าท้องของผม เมื่อลาร์คเห็นผมปลดปล่อยก็คว้าตัวผมมากอดไว้และประกบจูบผม แต่ข้างล่างเริ่มกระแทกผมถี่ขึ้นๆ จนในที่สุดสายธารก็ถูกปลดปล่อยเข้าทางช่องด้านหลังของผม

“อ๊า!!!!!”

“อา...”

ลาร์คกอดผมนิ่ง คงจะเหนื่อยพอๆ กับผม ผ่านไปสักพักแท่งร้อนที่หมดฤทธิ์ก็ถูกถอดถอนออกจากตัวผม ทำให้มีเสียงคล้ายๆ เสียงย่ำเท้าลงบนน้ำเสียงดัง แฉะ และผมก็รู้สึกว่ามีของเหลวบางอย่างไหลออกมาด้านนอก

“เก่งมาคนดี ไม่เป็นไร หลับซะ เดี๋ยวข้าจะทำความสะอาดเจ้าเอง” ราวกับเสียงเพลงกล่อม ผมค่อยๆ เข้าสู่ห้วงนิทราแม้ว่านี่จะเป็นช่วงกลางคืนก็ตาม

แต่ก่อนหลับผมก็ได้ยินเสียงเดิมกระซิบที่ข้างหูเบาๆ

“Happy Valentine’s day, I love you My Darling”

“ผมก็รักลาร์ค...เช่นกันครับ”


FIN


แถมสักนิดอวสานแล้ว

เวลาเดิมวันถัดไป ลูซได้แต่นอนบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน แต่หางตาก็คอยชำเลืองดูลาร์คที่นั่งอยู่บนโซฟา

ลาร์ค : มีอะไร ทำไมถึงมองหน้าข้าอย่างนั้น?

ลูซ : เอ่อ...คือ ผมพึ่งรูว่าที่จริงแล้วลาร์คเป็นคนแบบนี้//อึกอัก แสหันหน้าไปทางอื่น

ลาร์ค : แบบนี้? แบบไหน?//ทำหน้างง

ลูซ : ก็แบบ...ร้อนแรง//ก้มหน้าลงอย่างเขินๆ

ลาร์ค : หึๆ นี่มันแค่เริ่มต้น//หัวเราะอย่างน่ากลัว

ลูซ : ! //สะดุ้ง

ลาร์ค : จะลองดูตอนนี้ก็ยังได้นะ//ลุกขึ้นจากโซฟา มานั่งแปะอยู่ที่ข้างเตียง

ลูซ : มะ...ไม่เป็นไรดีกว่า...อื้อ!//พยายามปฏิเสธ แต่ก็โดน...จนได้

เฮ่อ...สงสารเด็กน้อยมีลุงแก่จอมหื่นคอยทำมิดีมิร้ายอยู่ตลอดเวลา (ใครหื่นกัน! : ลาร์ค)



เอาอีกนิดนึงเนาะ

เฮนรี่ : เฮ้ยๆ ช่วงนี้เป็นไงบ้างหายหน้าหายตาไปตั้งนาน ตัวติดกันอยู่แต่กับเด็กนั้นจนลืมเพื่อนลืมฝูงสินะ//ถามเพื่อนที่นานๆ ทีจะยอมมาหาที่คลินิก

ลาร์ค : อย่ามากวนข้าเฮนรี่

เฮนรี่ : เหอะ! ไม่กวนก็ได้ ว่าแต่มีอะไรถึงได้ถ่อมาหาฉันถึงที่ ให้เดาไม่ได้มาเพราะความคิดถึงเพื่อนแน่ๆ//ปลายตามองเพื่อน ก่อนจะเชิดหน้า

ลาร์ค : อืม ข้าอยากจะถามว่าที่คลินิกเจ้าพอจะมีพวกเจลหล่อลื่นไหม พอดีข้ากำลังหาอยู่//ถามอย่างหน้าตาย คนเป็นเพื่อนถึงกับอึ้งอ้าปากค้าง

เฮนรี่ : ยะ...อย่าบอกนะว่านายกับเด็กนั่น...//ชี้หน้าเพื่อน

ลาร์ค : ได้กันแล้ว แล้วตกลงมีไหม ถ้ามีก็รีบๆ เอามา

เฮนรี่ : ใครมันจะมีกันเล่า!...แต่ว่าเจ้านั่นมันก็น่าจะก็ตอนนั้นมันยังทาให้เรา//ตะคอกเพื่อนเสียงดังก่อนที่จะกระซิบกระซาบกับตัวเองเบาๆ หน้าขาวๆ เริ่มแดงขึ้นเมื่อคิดถึงใครบางคน

ลาร์ค : หือ? หมายความว่ามีหรือไม่มี แล้วเมื่อกี้พึมพำอะไรของเจ้าที่บอกว่าเจ้านั่นๆ ทาให้เรา ใช่เจลหรือเปล่า//มองเพื่อนที่กำลังเขินอย่างจับผิด

เฮนรี่ : ปะ...เปล่า! ใครมันจะไปมีของพรรคนั้นกัน นอกจากไอ้เด็กบ้ากามนั้นแหละ!//ตะโกนอย่างไม่ทันคิด ก่อนที่จะพึ่งรู้ตัวว่าดันเผลอพูดสิ่งที่คิดออกไป

ลาร์ค : อืม...เด็กสินะ//ทำท่าคิดก่อนที่จะมองหน้าเพื่อนที่ตอนนี้ทั้งเขินทั้งโกรธ

เฮนรี่ : บ้า! เด็กไหนกัน ไม่ได้เป็นคนป่วยในคลินิกซะหน่อย อุ๊บ!//ไม่ทันแล้วดันพูดจบประโยคก่อนปิดปากตัวเอง

ลาร์ค : เป็นคนป่วยที่นี่ด้วย อย่างนั้นเหรอ//ยิ้มให้เพื่อนอย่าล้อเลียน

เฮนรี่ : ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ!//ปฏิเสธเสียงแข็ง

ลาร์ค : ไม่เป็นไร งั้นข้าจะลองไปหาที่อื่นดูก็ได้//ตบไหล่เพื่อนอย่างเป็นกำลังใจ

เฮนรี่ : เจ้าบ้า! ฟังกันก่อนสิ!//กำลังจะไปลากเพื่อนมาฟัง แต่คนร่างสูงกับเปิดประตูออกไป เลยไม่อยากตาม กลับมานั่งที่เก้าอี้ทำงานตัวเดิม อย่างคิดหนัก

ก็อกๆ

? : คุณหมอครับ//เสียงทุ้มเอ่ยก่อนที่เปิดประตูเข้ามายิ้มแฉ่งให้กับคุณหมอยังหนุ่ม

เฮนรี่ : ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก//ตกเก้าอี้


จำได้ว่านี่มันคนละเรื่องกัน (โฆษณาก่อนว่างั้น) ฮาๆ ไปก่อนแล้วกันนะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม เรื่องนี้อวสานเรียบร้อยแล้วววว

ว่างๆ เจอกันใหม่ค้าาาาาาาาาาาา

สุขสันต์วันแห่งความรักนะคะ ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับรัก และท่านที่เป็นโสดก็โชคดีพบคู่ครองนะคะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-02-2013 19:59:49 โดย shishikima »

tegomon

  • บุคคลทั่วไป

น่าร๊ากกกกก
ลูซน่ารักจริงๆ
เฮียลาร์คแกหื่นสงารเด็กอย่างที่ว่าแหละ // โดนลาร์คกระซวกตับ
มีเกริ่นเรื่องของเฮนรี่ด้วย
น่าติดตาม
ให้เดาเฮนรี่เป็นเคะแน่ๆ
ปล.ตกใจถึงขนาดตกเก้าอี้เลยเหรอเนี่ย
 :กอด1:

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
จะมีคู่ของเฮนรี่ไหมหนอ??
อยากอ่านจังเหมือนจะสนุกเลยนะเนี้ย o13  :กอด1:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
อยากอ่านเรื่องถัดไป เรื่องนี้สนุกดี แอบซึ้งด้วย  o13

ออฟไลน์ Zalzah_iP

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
สนุกค่ะ
รอเรื่องต่อไป ^^

ออฟไลน์ duck-ya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกมากกกกกกกกกกกกกก
ชอบแนวแวมไพร์ ชีวิตอมตะ แต่หาอ่านได้ยากเหลือเกิน
รอติดตามผลงานจ้าาาา

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3

น่ารักเวอร์ๆ เลยลูซอ่ะ
อยากมีแบบนี้มั้ง (ฝัน)
หวานเกิ๊น
จบแล้วน่าเสียดาย แต่ก็จะติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ

ปล.เรื่องนาทีอย่าลืมอัพนะคะคนเขียน เค้ารอยู่
 

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
อย่างน้อยก็จบดีล่ะนะ รักกันดีจริงๆ

ฉาก :oo1:........ก็แบบ :jul1: อ๊ายยยย

คู่เฮนรี่ก็น่าสน (โดนเด็กกินด้วยอ่ะ )

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด