วันสงกรานต์แล้ว อิอิ ไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไหร่
เอาเป็นว่า สุขสันต์วันสงกรานต์ คนอ่านที่น่ารัก น่าหื่นทั้งหลาย เอิ๊กๆ
ต่อกันเลยจ้า
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
นับวันเรื่องราวของผม มันก็วนเวียนอยู่กับการบริการทางเพศให้กับคนที่แสวงหาความสุข ความสมบูรณ์ของการมีเซ็กส์ ซ้ำๆเดิมๆทุกวัน
จะมีต่างกันก็เพียงในแต่ละครั้ง ผมจะเลือกรูปแบบการบริการ รายละเอียด การแสดงของผมที่ต้องทำให้ตรงใจกับตัวลูกค้ามากที่สุด
คุณเคยเหนื่อยอย่างไม่มีเหตุผลมั้ย
คุณเคยเบื่ออย่างไม่มีสาเหตุหรือเปล่า
และคุณเคยอยาก แต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่อยากคืออะไร อยากแต่ก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วสิ่งที่อยากมันจะทำให้มีความสุขได้มั้ย
……………………………………………………
ทุกคืน ทุกวันผมยังคงเดินทางมาที่สะพานควาย ผมยังคงเป็นสิ่งๆหนึ่งที่ในแต่ละคืนจะมีผู้คนแวะเวียนมาชมอย่างมิขาดสาย
นึกกันบ้างมั้ยว่าผมจะรู้สึกอย่างไร ผมควรดีใจมั้ยเวลาที่มีคนชี้มาที่หน้าผม แล้วบอกว่า เขาอยากนอนกับผม ไม่เคยมีใครที่ชี้มาที่ผมแล้วบอกว่า เขาเห็นความดีของผมจึงอยากจะนอนด้วย
หลายครั้งสายตาของแขกที่มองมาที่ผม มันทำให้ผมรู้สึกกลัว กลัวว่ามันจะมีอีกกี่ครั้ง กี่ที หรือนานแค่ไหน หรือต้องชั่วชีวิต ที่ผมจะต้องทำงานแบบนี้
มีใครบางคนเคยบอกว่า เราทุกคนล้วนมีจุดมุ่งหมาย มีปลายทางแห่งชีวิต ทุกคนล้วนแต่อยากพบกับคำว่า ประสบความสำเร็จ แต่ละคน จะมีหนทางในการไขว่คว้า ที่จะมุ่งหน้าไปให้ถึงยังจุดฝัน และอยากอยู่กับมันให้นานที่สุด หรือตลอดไปถ้าเป็นได้
พื้นฐานของแต่ละบุคคล เป็นสิ่งนึงที่ใช้ในการเลือกเส้นทางการเดินทางไปยังฝัน
…………………………………………………..
เหมือนกับเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดัง ที่มีเนื้อร้องกล่าวไว้ประมาณว่า ในการเดินทางไปยังปลายฝัน มันต้องใช้สิ่งนึงที่เรียกว่า ตั๋ว ( Ticket) หลายคนพยายามที่จะหาตั๋วแห่งความสำเร็จนั้นมาให้ได้และเดินทางไปกับรถขบวนๆนั้นๆ
ใช่ว่าทุกคนที่มีตั๋วแล้วจะมีโอกาสที่จะเดินทางไปยัง ความสำเร็จ
บางทีมีตั๋วแต่ไม่มีที่ให้คุณ
ไม่ใช่ทุกคนที่ไปได้ถึงฝัน
สำหรับผม ตั๋วแห่งความสำเร็จใบนั้น ไม่ได้มีสำหรับผม ผมยังไม่เคยมองเห็นมัน ถามผมว่าผมควรจะทำยังไง ผมควรเดินทางด้วยตั๋วใบเดิมที่มี ไปอย่างเชื่องช้าและไม่รู้ว่าวันใดจะไปถึง อย่างนั้นรึ
หรือ ผมควรพยายามหาตั๋วใบใหม่ เพื่อเดินทางไปถึงยังจุดหมายความสำเร็จให้เร็วขึ้น ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่า การเดินทางด้วยตั๋วใบนั้น หนทางช่างอันตรายและไม่มีใครเห็นดีด้วยกับผม
ผมอาจได้ตั๋วมา แต่ไม่มีที่นั่ง
http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?songID=V2B7BD7DPD&Autoplay=1……………………………………………………
เหมือนสังคมบ้านเรา ผู้คนยกย่องคนที่มีทรัพย์สมบัติ เงินทอง ไม่มีใครสนใจว่าหนทางแห่งการได้มาคืออย่างไร แน่นอนว่าเขาเหล่านั้นอาจไม่ได้เป็นเกาหลีอย่างผมมาก่อน
แล้วจะมีใครกล้าพอมั้ยที่จะบอกว่าเคยเป็นเกาหลีมา จนได้ดิบได้ดี
ถ้าเกาหลีคือความเลวทรามของสังคม แล้วคนที่โกงกินบ้านเมือง คนที่โกงคดคนยากจน คนทรยศ ใช้ความรู้ในแนวทางที่ผิดกับคนที่รู้น้อยกว่า จะเรียกว่าอะไร เขาเหล่านั้นควรเรียกว่า นักธุรกิจที่ดีอย่างนั้นรึ เพราะเขาช่างเก่งและฉลาดเห็นแนวทางแห่งการได้เงิน และต่อยอดแห่งความสำเร็จได้ดี
แต่ถ้าวันหนึ่งผมไปถึงยังปลายทาง และประสบผมสำเร็จ อยู่กับมัน จะมีใครสนใจผมมั้ย ว่าผมเดินทางมายังไง ใช้ตั๋วแบบไหนกัน หรือเพียงแค่สนใจว่าผมเป็นคนมีเงินคนนึง
………………………………………………………….
อย่าบอกให้ผมคิดเหมือนคุณ เพราะคุณไม่มีทางคิดเหมือนผมเช่นกัน
รู้มั้ยว่า ถ้ายอมรับความจริงและเปิดหูเปิดตา เกาหลีมีอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง
เกาหลี อาจเป็นคนที่นั่งข้างๆคุณบนรถไฟฟ้าขบวนแรกตอนเช้าตรู่หลังจากที่เขาเพิ่งเสร็จงาน แต่คุณเพิ่งไปทำงาน
เกาหลี อาจเป็นคนที่นั่งโต๊ะข้างๆคุณในร้านอาหารชั้นดี ที่คุณคิดว่ามีแต่คนดีๆเท่านั้นที่มานั่งได้ (คนดีตามที่คุณให้ความจำกัดความเอง)
เกาหลี อาจเป็นคนที่คุณเพิ่งยกมือใหว้ในฐานะลูกค้า ในร้านเสื้อผ้าแบรนแนมใจกลางกรุงเทพฯ
เกาหลี อาจเป็นคนที่คุณเพิ่งพะเน้าพะนอ ให้ซื้อสินค้าจากพวกคุณ
และเกาหลีอาจยังเป็นใครต่อใครที่คุณไม่รู้ว่า เขาเหล่านั้นคือเกาหลี
……………………………………………….
ถ้าคุณคือนักธุรกิจ คุณกำลังขาดเงินหมุนเวียนในระบบ ตอนนี้มีคนสองคนกำลังจะนำเงินมาลงทุนกับคุณ
คนแรกคุณทราบว่าเขานำเงินที่ได้มาจากการเป็นเกาหลีมาลงทุนกับคุณ
ส่วนอีกคน คุณเข้าใจว่าเขาคือนักธุรกิจ และกำลังจะจะเอาเงินที่ได้มาจากไหนไม่รู้มาลงทุนกับคุณ
ถามว่าคุณจะลงทุนกับใคร
ผมว่าคุณลงทุนกับคนทั้งสองคนนั่นแหละ เพราะคุณเลือกคนที่จะลงทุนด้วยจากเงิน ไม่ได้เลือกว่าเงินมาจากไหน แต่ไม่แน่ คุณอาจจะเลือกลงทุนกับเกาหลีเพียงคนเดียวเท่านั้น
เพราะอะไรน่ะรึ
เพราะคุณยังมองว่า เกาหลียังไงก็ฉลาดสู้คนอย่างคุณไม่ได้ เกาหลีมาจากฝั่งนึงของความมืดมน และเกาหลีเป็นเพียงกลุ่มคนอีกชนชั้น คุณอาจมีแนวทางในการได้เงินก้อนนั้นมาฟรีๆ แล้วเที่ยวบอกใครต่อใครว่า เงินก้อนนั้นคุณได้มาจากความสามารถทางกลยุทธการตลาด ไม่ได้โกง
………………………………………………………
ตอนเด็กๆผมอยากเป็นครู
โตมาหน่อย ผมอยากเป็นนักพูด นักจัดรายการวิทยุ ผุ้ประกาศข่าวหรือไม่ก็ทำงานโฆษณา
มีแต่คนบอกผมว่า ผมมีความเหมาะสมกับอาชีพนั้นๆที่ผมอยากเป็นทั้งสิ้น ยกเว้นบริษัทที่จะรับผม เนื่องจากเพราะสาเหตุว่าผมไม่มีสิ่งที่รับรองความรู้ของผมที่เรียกว่าใบปริญญา
ผมชอบฟังเพลง วันนึงผมอยากมีเพลงที่แต่งเนื้อร้องด้วยตัวผมเอง แล้วเอาไปให้นักร้องดังๆร้อง ผมคงมีความสุขที่ได้ถ่ายทอดอารมณ์ช่วงนึงไปกับบทเพลง แต่มันก็คงดูยากอีก ที่จะก้าวเข้าไปในที่ๆไม่มีใครสนใจคนอย่างผม
ผมเริ่มเปลี่ยนความอยากของตัวเอง เปลี่ยนจากนักแต่งเพลง มาเป็นนักเขียน ผมอยากเป็นนักเขียน และกระทู้นี้มันก็เป็นงานที่ผมกำลังพยายามฝึกฝนอยู่ ผมพยายามเรียบเรียง และสื่อสารออกมาในช่วงเวลาที่จำกัด งานที่ผมทำอยู่มันไม่ได้เอื้อให้มานั่งเขียนได้มากนัก
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ติดตามตอนจบ พร้อมเฉลยว่างานเขียนที่คุณได้อ่านไปแล้วทั้งหมดนี้ เป็นงานเขียนลวงโลก หรืองานเขียนจากชีวิตจริง
Sunset