สวัสดีค่า
ต้อนรับเดือนใหม่ วันใหม่กันค่า
พาน้องจอมใจมาทักทายรับวันใหม่กันเลยค่ะ
และหลังจากนี้จะหายหน้าหายตาไปสักสองสามวัน
เลยถือโอกาสอัพน้องใจแล้วลาพักร้อนไปในตัวเลยนะค่ะ
เมื่อวานพาน้องติงเปาออกสื่อไปแล้ว ไปเอ็นดูน้องเปาเปาได้ใน วณิพกพเนจร กันได้นะค่ะ
ขอให้มีความสุขกับการอ่าน
และมีความสุขกับวันหยุดนะค่ะ
น้องๆคนไหนที่สอบแกทแพท อาทิตย์นี้ น้ำแข็งใสก็อวยพรให้สอบได้ เดาถูก สอบติดมหาลัยกันทุคนค่า
อ่านหนังสทอเสร็จแล้ว แวะมาทักทายกันบ้างนะค่ะ
ปล. มีคอมเม้นหนึ่งถามว่า โลเกชั่นมหาลัยของน้องใจกับพี่เวทย์ใช่ ลาดกระบังหรือเปล่า
คงต้องบอกว่า มหาลัยที่มีรถไฟผ่านมีที่เดียวประเทศไทยนี่เนอะ อิอิ
คำตอบคือใช่ค่า ใครอยากเจอน้องใจไปเยี่ยมเยียนสองพี่น้องได้นะค่ะ
บทที่ 16
[/b]
“อาทิตย์หน้าใจมีแข่งแบตด้วยนะครับทุกคน” เจ้าหนูส่งเสียงเจื้อยแจ้วบนโต๊ะอาหารในพลบค่ำวันศุกร์ วันสุดท้ายของวันธรรมดา
ทุกคนบนโต๊ะหยุดชะงัก แต่วันนี้พวกผู้ใหญ่ออกไปดินเนอร์ข้างนอกกัน หันมาหน้ามามองคนพูดเต็มตา
“ว่าอะไรนะ” จอมเวทย์ที่นั่งตรงข้ามถามซ้ำอีกครั้ง แทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าน้องชายคนเล็กจะลงแข่งกีฬา เนื่องจากทุกทีเจ้าตัวจะชอบแข่งอะไรที่เป็นพวกวิชาการมากกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าหนูเล่นกีฬาไม่เป็น แต่หากเล่นเป็นการออกกำลังกายมากกว่าแข่งเป็นจริงเป็นจัง
“อึ้ยๆๆ ก็บอกว่าเขาลงแข่งแบตไงเล่า” เจ้าหนูทำหน้าง่องแง่งใส่ ตักข้าวคำโตเข้าปาก
“แล้วทำไมละ” คราวนี้พี่จอมทัพสุดเซอร์ที่ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจ ตั้งคำถามขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เจ้าตัวทำหน้าอ้อน “ไปเชียร์หน่อยนะครับ” ยิ้มร่าเริงให้ทุกคน
จอมราชันยิ้มอ่อนโยน “ไปสิครับ” ไม่มีคำว่าขัดใจอยู่ในพจนานุกรมของชายหนุ่มสำหรับน้องชายคนเล็กเสมอ
น้องน้อยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “พี่ทัพไปนะครับๆ พี่เวทย์ด้วยนะ ต้องไปด้วย ใจบังคับ” คราวนี้หันมาทำหน้าโหดใส่พี่ชายคนที่สี่ อีกฝ่ายแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“เอาน่าไปอยู่แล้ว” ชายหนุ่มตอบรับเออออไป
“แต่...พี่พลจะว่างไหมนะ” เจ้าตัวทำหน้าหมองเล็กน้อย เพราะรู้ว่าพี่หมอไม่ค่อยจะมีเวลาว่างมากเท่าไร
“พรุ่งนี้พี่พลกลับบ้านก็ลองถามสิ” จอมทัพเสนอขรึมๆ เจ้าลูกหมูพยักหน้า
หลังจากกินข้าวเสร็จ ทั้งสี่พี่น้องที่ขาดพี่หมอก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ เจ้าหนูที่มีเสื้อผ้าอยู่บ้านใหญ่อยู่แล้วก็ขึ้นไปอาบที่ห้องตัวเอง ท่านประธานใหญ่ยกห้องนอนหนึ่งห้องเอาไว้ให้เจ้าหนูน้อยเพราะมานอนบ่อยจนเหมือนเป็นเรื่องปกติ
ห้องนอนจอมใจที่บ้านใหญ่เป็นห้องขนาดกลาง ทาสีด้วยสีครีมอ่อนที่เจ้าตัวเลือกเอง เตียงนอนหลังใหญ่ที่มีผ้าปูลายหมีตัวเล็กๆเต็มไปหมด มีตุ๊กตามิกกี้ที่เจ้าตัวทิ้งไว้ที่นี่หนึ่งตัวนั่งน่ารักๆอยู่เป็นเพื่อนด้วย ร่างกลมรีบค้นเสื้อผ้าในตู้ ได้เสื้อยืดเนื้อนิ่มที่พี่จอมพลซื้อมาฝากและกางเกงบอลขาสั้นที่เคยเป็นของพี่ทัพแต่เจ้าตัวจิ๊กมาใส่เพราะมันนิ่มและสบายตัว
เข้าไปอาบน้ำไม่นานก็เดินผมเปียกออกมา มีผ้าขนหนูคล้องอยู่ที่คอ เดินฮัมเพลงลงมาข้างล่าง เจอกับร่างสูงของพี่ชายคนที่สามที่ยังคงอยู่ในชุดลำลองไม่ได้อาบน้ำแต่อย่างใด
“ไม่อาบน้ำหรือครับ” นั่งลงข้างแล้วถาม
อีกฝ่ายเหล่ตามอง “ขี้เกียจน่ะ” แล้วมือใหญ่ก็มาขยี้หัวเปียกเบาๆ “เช็ดผมให้แห้งสิ เดี๋ยวเป็นหวัดหรอก”
มือขาวก็ทำตามโดยการหยิบผ้าที่คล้องที่คอขยี้หัวตัวเอง มีการแกล้งพี่ชายคนที่สามด้วยการสะบัดน้ำใส่เป็นพักๆ แต่คนโดนแกล้งก็ไม่ได้ว่าเพียงแต่เหล่ตามองเงียบ
“โอ๋ๆๆ งอนหรือครับ” เจ้าหนูทำหน้าบ้องแบ๊วใส่ “ใจขอโทษ ไม่แกล้งแล้ว ดีกันน้า” ยื่นนิ้วก้อยเล็กมาโบกตรงหน้า คนหน้าขรึมก็มองแล้วก็เมินหนี แต่เจ้าลูกหมูตาไวเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของพี่ชายสุดเซอร์ ขยับตัวเข้าไปใกล้มากขึ้น “น้าๆๆ ดีกันน้าคร้าบบบ” ทำตาปริบออดอ้อนที่ใครเห็นก็ใจอ่อน สุดท้ายร่างสูงก็หันมายิ้มน้อยยื่นนิ้วมาเกี่ยวก้อยด้วย
“เช็ดผมซักทีเราน่ะ เดี๋ยวไม่สบาย” จอมทัพเตือนอีกครั้ง เจ้าหนูรีบเช็ดๆจนหมาดๆ พี่ใหญ่ก็เดินลงมาในชุดนอนกางเกงขายาวและเสื้อยืดสีขาว ในมือหอบเอาตั้งเอกสารมากมายลงมาด้วย
“มีงานหรือครับ” เจ้าหนูถาม
จอมราชันพยักหน้ารับ “ครับตรวจเอกสารนะครับ”
และคนสุดท้ายก็ลงมาจากข้างบน จอมเวทย์เดินหัวฟูลงมา เจ้าหนูจึงนั่งเล่นที่บ้านใหญ่ไม่ไปไหนเพราะไม่อยากไปอยู่บ้านตบยุงคนเดียว
จอมทัพเลี่ยงไปอาบน้ำบ้างอีกคน เจ้าหนูเปิดโทรทัศน์ดูการ์ตูนไปเรื่อย พี่ใหญ่นั่งอยู่ที่โซฟาด้านข้างเงียบๆเช็คงานไปเรื่อยๆ ส่วนจอมเวทย์นั่งเล่นมือถือเช่นกัน
“ดูนี่กันดีกว่า” จอมเวทย์ถือแผ่นหนังโบกไปมา ยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่
เจ้าหนูรีบหันไปดูว่าแผ่นหนังเรื่องอะไร พอเห็นเท่านั้นแหละร้องงอแงทันที “ไม่เอ๊า...ใจไม่อยากดูหนังผี” เบ้ปากร้องแง้วๆ เอาหน้าซุกกับหมอนอิงนุ่มนิ่ม โผล่มาแค่ตากลมโต แต่ร่างสูงกลับไม่แยแสเดินไปกดเปิดเครื่องเล่นแผ่นพร้อมทำงาน ใส่แผ่นเข้าไปเรียบร้อยเสร็จสรรพ “ไม่ดูไม่ได้หรือ” ครางเสียงอ่อย ขยับไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับร่างสูงใหญ่ของพี่ชายคนโต
จอมราชันละสายตาจากกองเอกสารมาที่ร่างกลมๆที่นั่งชิด “กลัวหรือครับ”
เจ้าลูกหมูพยักหน้าพร้อมกับทำหน้าตาให้น่าสงสาร “พี่เวทย์แกล้งใจอีกแล้ว”
“เวทย์อย่าแกล้งน้อง” เอ็ดน้องชายในไส้เสียงดุ
“โห...พี่ราชันดูหนังอย่างอื่นบ้างเหอะ วันๆดูแต่การ์ตูน เซ็งจะแย่” เจ้าตัวไม่พูดพร่ำทำเพลงกดเครื่องให้เล่นแผ่นทันที จอมทัพรีบขยับเขยื้อนตัวเองให้นั่งสบายที่สุดเพื่ออรรถรสในการชมภาพยนตร์สุดโปรด
จอมใจเลยนั่งหน้ายู่ แต่ก็ไม่ขัดเพราะรู้ว่าพี่ชายคนที่สามชอบดูหนังสยองขวัญ แต่ชายหนุ่มไม่เคยบ่นเวลาเขาดูการ์ตูน ชายหนุ่มเพียงนั่งหน้าขรึมเป็นเพื่อน ไม่เหมือนพี่เวทย์ที่ชอบว่าเขาว่าติงต๊อง
...ชิๆ ที่ยอมให้ดูเพราะพี่ทัพอยากดูหรอกนะ...
หนังสยองขวัญที่เริ่มเรื่องมาก็ทำเอาเจ้าหนูหัวตั้ง นั่งเบียดพี่ชายคนโตแน่นสนิท กอดหมอนใบเขื่องไว้แน่นไม่ปล่อย หยีตาดูอย่า
งกล้าๆกลัวๆ
หนังในเรื่องเป็นหมู่บ้านผีสิงที่ทุกคนเริ่มย้ายออก ยกเว้นบ้านพระเอกเพียงหลังเดียวที่ไม่เชื่อว่ามีผีจึงไม่ยอมย้าย หนังที่ส่วนมากเป็นฉากตอนกลางคืนดูหลอนๆ สายตากลมโตมองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก เห็นร่างสูงของพี่ชายคนที่สามและคนที่สี่ที่ตั้งใจดูสุดๆ ส่วนจอมราชันนั้นนั่งอ่านเอกสารต่อไปหาได้สนใจเนื้อเรื่องไม่ มีแต่ร่างกลมๆที่นั่งกลัวอยู่คนเดียว แอบดูนาฬิกาบนมือถือบ่งบอกเวลาสามทุ่มตรง ป่านนี้พวกผู้ใหญ่ยังดินเนอร์กันไม่เสร็จแน่นอน อย่างเร็วคงสี่ทุ่มกว่า
“พี่ราชัน...” เรียกเสียงเบา ขยับตัวชิดเข้าไปอีก พี่ใหญ่มองน้องน้อยขี้กลัว
“ครับ” วางเอกสารในมือลงกับโต๊ะหันมาสนใจน้องอย่างเต็มที่
“ใจไม่อยากดูแล้วอะ”
“ไปนอนไหมเดี๋ยวพาไป” เขารู้ว่าน้องดูหนังผีทีไรหลอนทุกทีแค่เดินขึ้นข้างบนเดียวยังส่ายหน้า
“ไม่เอา นอนคนเดียวหลอนจะตาย” เจ้าหนูหน้าเบ้ ใช่สิ...นอนคนเดียวน่ากลัวจะตาย เดี๋ยวจู่ๆมีใครมานอนด้วยนี่ไม่ตลกแน่ๆ
“งั้นก็ปิดตาสิ อย่าดู” พี่ใหญ่แนะนำ “จะได้...”
“อ๊าๆๆ...” แต่ยังไม่ได้พูดอะไรต่อ เจ้าหนูก็แหกปากลั่นเมื่อเจอผีเต็มตา หน้าใสๆซุกลงกับอกกว้างหลับตาปี๋ไม่ยอมเงยสักนิด พี่
ใหญ่อมยิ้มกดหน้าน้องลงกับอก กระซิบข้างหู
“โอ๋ๆๆ ไม่มีอะไรๆ” ลูบหัวทุยบนอกตัวเอง ร่างกลมยังคงไม่ขยับไปไหน แต่ก็เงยหน้าเหล่หนังต่อนิดหน่อยแล้วก็รีบกลับเข้าไปมุดอกแกร่งของพี่ชายต่อไป
“แงะๆ ใจเกลียดหนังผี” พูดอู้อี้กับอกกว้างๆ เงยหน้ามองเจ้าของอกที่ซุกอยู่ “ไม่เห็นสนุกเลย” คราวนี้พี่ใหญ่อมยิ้มกว้าง ปลอบเบา
“ไม่ดูก็นอนซะนะครับคนเก่ง” บอกให้น้องนอน เจ้าหนูก็ทำตามจริงๆโดยการขยับตัวเอาหัวทุยมาวางไว้บนตักแกร่ง เหยียดขายาวเพื่อความสบาย หันหน้าเข้าหาหน้าท้องแข็งๆสูดเอากลิ่นหอมจากร่างสูงใหญ่ แล้วก็พูด
“นอนดีกว่า” ขยับหน้าเข้าไปชิดท้องแกร่งมากขึ้น “ตักพี่ราชันนอนสบายจัง” เขาไม่ได้ล้อเล่น ตักพี่ชายเขานุ่นสบายจริงๆ
สายตาคมกริบมองหัวทุยที่อยู่บนตัก มือใหญ่ลูบผมนิ่มๆราวกับเป็นการกล่อมน้องน้อยให้หลับสบาย อีกมือก็อ่านเอกสารต่อไป
คอหนังผีสองคนก็ดูไปหลอนกันไปอย่างเมามันส์ เจ้าหนูน้อยไม่นานก็หลับฟี้ๆไปซะอย่างนั้น
ใบหน้ายามหลับของเจ้าหนูบนตักแกร่ง แถมยังซุกหน้ากับหน้าท้องแกร่งจนหน้าจะติดไปด้วย ช่างดูน่ารักน่ากอดจริงๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ปาป๊าอยู่ตรงไหนแล้วครับ” เจ้าหนูถือโทรศัพท์กรอกเสียง เท้าก็เดินไปเดินมา
“ป๊าอยู่หน้ามหาลัยแล้ว ลูกอยู่ที่ไหนละ” ปาป๊าตอบกลับ ตอนนี้เขากำลังขับรถเพื่อไปหาลูกชายที่มีแข่งแบตวันนี้ ผู้โดยสารใน
รถก็มีตัวเอง ภรรยา ด้านหลังเป็นท่านจอมไตรและคุณหญิง
“อยู่ที่คณะฮะ ป๊ารู้จักทางใช่ไหมครับ” จอมใจถามเพื่อความแน่ใจว่าปาป๊ารู้จักทางแน่นอนจะได้ไม่หลง
“อื้ม คิดว่ารู้นะ” คุณพ่ออารมณ์ดีหยอดลูกชาย
เจ้าหนูย่นจมูกใส่โทรศัพท์ “ป๊าอะ มาถูกแน่นะฮะ”
“ถูกสิ เดี๋ยวจะถึงแล้ว แค่นี้ก่อนละลูก” ว่าแล้วก็วางสายไป
เจ้าหนูเดินกลับไปสมทบกับเพื่อนที่กำลังยืนคุยกันอยู่ วันนี้มีแข่งเพียงไม่กี่รายการ มีแบตมินตัน แล้วก็รักบี้ แต่คณะเขาไม่ได้ลงรักบี้ ทุกคนจึงเฮโลกันไปเชียร์แบตมินตัน
ไม่นานรถตู้ก็แล่นเข้ามาที่ตึก จอมใจที่เห็นก็จำได้ทันทีรีบวิ่งลงมาที่ลานจอดหน้าคณะ ร่างสันทัดเปิดประตูลงมาจากทางด้านคนขับ หม่าม้าก็ลงมา เจ้าหนูวิ่งมาเปิดประตูให้ลุงไตรกับป้านงค์อย่างเร็ว
“ว่าไงน้องใจ” ป้านงค์ลูบหัวน้องอย่างเอ็นดู
“แหะๆ คิดถึงป้านงค์จังครับ” อ้อนผู้ใหญ่นี่ขอให้บอก จอมใจถนัดนักละ
“อ้อนอย่างนี้จะเอาอะไรเจ้าใจ” ลุงไตรไม่ยอมน้อยหน้าขยับเข้ามาแซว
“ไม่เอาคร้าบบบบบ” แกล้งตอบเสียงยานคางหน้าทะเล้น “แล้วพี่ๆละครับ” มองไปรอบๆไม่เห็นร่างสูงของพี่สักคนเดียว
“เจ้าเวทย์เดี๋ยวมาจากห้าง ส่วนพี่ใหญ่เรากับทัพกำลังขับรถมา” ท่านจอมไตรตอบ “พี่พลก็กำลังออกจากโรงพยาบาล”
คราวนี้จอมพลที่พยายามเคลียร์งานให้เสร็จทันมาตามที่นัดกับน้องไว้ เพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเจ้าหนูไปอ้อนขอให้ไปดูตัวเอง
แข่งแบต
“อ้อครับ” จอมใจเชิญผู้ใหญ่มานั่งใต้ตึกคณะก่อน เพื่อนๆที่เจอก็สวัสดีทำความรู้จัก เพื่อนบางคนก็เข้ามาแซวว่ามาเชียร์กันทั้งบ้านเลยนะ เจ้าหนูก็หน้าบานแล้วบานอีก
หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถคันโฟร์คคันสวยก็แล่นเข้ามา พร้อมกับฮอนด้าที่เข้ามาในจอดเวลาไล่เลี่ยกัน พอเจ้าหนูเห็นร่างของพี่ชายทั้งสามคนเดินเข้ามาใต้ตึกก็ยิ้มกว้าง
“พี่ราชัน พี่พล พี่ทัพ...” วิ่งหัวฟูเข้ามาหา ยิ้มซะปากจะฉีกถึงหูแล้ว
“เป็นไงครับ ตื่นเต้นไหม” ร่างสูงโปร่งขยับเข้ามาใกล้ ยิ้มเจิดจ้าใส่
“นิดหน่อยครับ”
เพื่อนๆที่อยู่แถวนั้นเห็นคนมาใหม่ก็เลียบๆเคียงเข้ามาถามว่าใคร
“นี่พี่ชายคนที่โตชื่อพี่ราชันที่เคยเจอที่ร้านหมูกระทะ” เจ้าหนูเอ่ยแนะนำ เพื่อนๆยิ้มเจื่อน ทำไมพวกเขาจะจำไม่ได้ “ส่วนพี่คนนี้ชื่อพี่จอมพล เป็นพี่ชายคนที่สอง” คราวนี้พี่ชายคนสวยยิ้มให้น้องๆ “แล้วคนนี้คือพี่จอมทัพน่ะ” พอน้องหันไปก็แทบสะดุ้งกับหน้าตาโหด ทั้งเคราเขียว ผมประบ่าเซอร์สุดใจ
“แล้วเวทย์ละ” จอมพลหันไปถามพี่คนโต ได้คำตอบเป็นการส่ายหน้า
“มาแล้วคร้าบ” เสียงทักร่าเริงดังมาจากด้านหน้าของตึก ร่างสูงเดินยิ้มตาหยีเข้ามา
“มาช้าจัง” เจ้าหนูง่องแง่งใส่
“เอาน่า แล้วนี่แข่งที่ไหนลูก” หม่าม้าเข้ามาไกล่เกลี่ย ถามถึงสถานที่แข่งขัน
เจ้าลูกหมูยิ้มแฉ่งบอกว่าแข่งที่โรงยิม และให้เดินตามเขามาเลย
เมื่อทั้งบ้านเคลื่อนพลเดินไปที่โรงยิม จอมเวทย์ขอแวะซื้อของในเซเว่นก่อน เจ้าตัวหอบทั้งขนม นมเนย น้ำ ลูกอม หลายอย่างออกมา แบ่งให้ทุกคนกินรองท้องกันก่อน
พอเดินมาถึงโรงยิม มีนักศึกษาเต็มไปหมดทั้งคนที่มาแข่งและคนที่มาเชียร์ ร่างสูงห้าคนแลดูเป็นจุดเด่นของโรงยิมไปโดยปริยาย อาจเป็นเพราะหนึ่งในนั้นเป็นหนุ่มวิศวกรรม ภาคไฟฟ้าคนดังอย่างจอมเวทย์ ที่ยังคงโปรยยิ้มเสน่ห์ไม่หยุด ทำเอาสาวแท้หนุ่มเทียมใจละลาย พี่ชายคนอื่นๆก็ตกเป็นเป้าสายตา แต่คนที่แผ่รังสีไม่นาเข้าใกล้เห็นจะมีเพียงจอมทัพ ที่คนเห็นก็ได้เคลิ้มไกลๆ ส่วนพี่ราชันไม่สนใจใครเดินคุยกับน้องน้อยเพียงคนเดียว
เอาของมาวางบนเก้าอี้นั่งริมสนาม เจ้าหนูก็วอร์มร่างกายกับเพื่อนๆที่ลงแข่งด้วย
คู่แข่งวันนี้มาจาก...คณะวิทยาศาสตร์ แอบเห็นแอบเหล่คู่แข่งมาสักพัก รูปร่างไม่สูงไม่เตี้ย ยืนวอร์มอยู่กับเพื่อนของเขาอีกฝั่ง
พอได้เวลาการแข่งขันเริ่ม กรรมการประจำที่ นักกีฬาประจำที่ ยืนประจันหน้ากันคนฝั่ง จ้องตาปลาบๆกันผ่านตาข่ายที่ขึงกั้นอยู่ เดินไปประจำที่ที่เส้นหลัง ฝ่ายวิทยาฯเป็นฝ่ายเซิร์ฟก่อน
ลูกขนไก่ลอยลิ่วมาทั่งน้อง เจ้าหนูตบไม้ขวับส่งลูกกลับไป
ผลัดกันรุกผลัดกันตบจนจบเซตแรกซึ่งเจ้าหนูพลาดเกมส์แพ้ไปอย่างเสียดาย 1-0 เซต
เดินหอบน้อยๆเข้ามาที่กองเชียร์ มีรุ่นพี่ในคณะเข้ามาดูแลนักกีฬาหาน้ำหาท่าให้น้อง เพื่อนก็ส่งเสียงเชียร์สุดใจ บอกไม่เป็นไรเซตหน้าเอาใหม่ ทางครอบครัวก็ส่งเสียงให้กำลังใจ ร่างกลมเดินหน้าแหยมาหา
“ว้า ใจแพ้เซตแรกไปแล้วอะ” ยิ้มอ่อยๆ เสียงก็อ่อย หน้าตาน่าสงสาร ร่างสูงโปร่งของพี่จอมพลปลอบใจ
“ไม่เป็นไรๆ เอาใหม่ๆครับ”
จอมราชันเห็นน้องน้อยหน้าหมองก็เดินเข้ามากอดไหล่ “สู้ๆๆๆ พวกเราทุกคนเชียร์อยู่ คนเก่งชนะอยู่แล้ว”
พอได้กำลังใจเพิ่ม ความฮึกเหิมก็เพิ่ม เปลี่ยนมาเป็นสีหน้ามั่นใจสุดๆ
พอเซตสองเริ่มก็เข้าประจำที่ เจ้าหนูเล่นตามแบบที่ตัวเองถนัด จนเป็นฝ่ายทำแต้มนำ ฝ่ายวิทยาฯขอเวลานอก เจ้าหนูก็มีรุ่นพี่มาคอยแนะนำ แต่พอหลังจากฝ่ายตรงข้ามขอเวลานอก เหมือนจะแก้เกมส์ได้มากขึ้น เจ้าหนูตกเป็นรองอีกฝ่ายจนแต้มเสมอกัน กองเชียร์ก็ลุ้นตัวโก่ง จนในที่สุด เจ้าจอมใจของเราก็แพ้ไปตามระเบียบเมื่อไม่สามารถงัดลูกหยอดที่ฝ่ายตรงข้ามส่งมาให้ข้ามเนตได้ ลูกขนไก่กระทบตาข่ายแล้วเด้งกลับไปอยู่ที่หน้าเจ้าหนูเหมือนเดิม
กรรมการเป่าจบเกมส์การแข่งขัน นักกีฬาจับมือกัน ทำความเคารพกรรมการ ฝ่ายนู้นเดินส่งเสียงดีใจดังลั่นโรงยิม นักกีฬาเดินหน้าบาน
แต่...ร่างกลมๆเดินคอตกกลับมาที่ตัวเอง เพื่อนก็ปลอบใจ
พี่ชายทั้งสี่ก็เดินมาหา ผู้ใหญ่ก็ยืนอยู่ด้วย
ร่างสูงทั้งสี่คนยืนล้อมน้องน้อยที่อยู่ตรงกลาง เจ้าหนูหน้าหมองเสียใจที่ที่บ้านอุตส่าห์มาเชียร์แต่ก็แพ้ แต่หาก พี่ชายทั้งหมดยังคงยิ้ม
เจ้าหนูยืนเป็นดาวล้อมเดือนจนในที่สุดก็เปิดปาก “ใจแพ้แล้ว”
พี่ใหญ่ยิ้ม “ไม่เป็นไรนี่ครับ” คนอื่นก็ยิ้ม
ชายหนุ่มทั้งสี่คนพูดพร้อมกันเป็นเสียงเดียวกันว่า “
ถึงจะแพ้เกมส์แต่ชนะใจพวกพี่ครับ”
เจ้าหนูยิ้มกว้างในที่สุด...
...ใช่...
...เขาทำดีที่สุดแล้ว...
...และเขาก็
ชนะ...
To be Continue
+++++++++++++++++++++++++++++++++
เจอกันตอนหน้านะค่ะ