พระจันทร์พยายามที่จะไม่คิดมาก แต่ข้อความและภาพที่อยู่บนกระดาษหนังสือพิมพ์ก็ยังอยู่ติดตาเขา เคยคิดไว้อยู่เหมือนกันว่าสักวันเหตุการณ์แบบนี้มันจะต้องเกิด...และสุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจริงๆ...
แต่ก็ยังดีที่ทำใจเอาไว้ก่อนหน้านี้มาโดยตลอดตั้งแต่วันที่เจอพี่หงส์...วันนั้นที่ฟังเขาบอกรักในเรือก็เลยไม่ได้เชื่อเขาไปเต็มร้อย ที่ผ่านมาก็เลยทำใจไว้แล้วว่าแค่ช่วงสั้นๆก็ยังดี...ได้เป็นเหมือนคนรักของเขาแบบนี้ก็เหมือนฝันแล้ว...
ความจริงก็รู้สึกเหมือนตัวเองงี่เง่าเอามากๆ ทำตัวไม่ต่างจากนางเอกในละครที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนร้องไห้ให้คนอื่นเขามาดูถูกว่าอ่อนแอ...เขาเองก็เถียงไม่ออกหรอก และก็คงได้แต่แก้ตัวด้วยคำซ้ำๆเดิมๆเหมือนกัน...
...ว่าใครไม่มาเป็นเขาตอนนี้ก็คงไม่เข้าใจหรอก...ว่ามันรู้สึกเจ็บแค่ไหน ที่ต้องมารับรู้ความจริงว่าคนที่ตัวเองรัก...กำลังจะต้องแต่งงานกับคนอื่น แล้วตัวเขาก็จะค่อยๆกลายเป็นคนอื่นแทนในที่สุด
“พระจันทร์...” เสียงเรียกแผ่วเบาของใครบางคนดังขึ้นจากเบื้องหลัง พระจันทร์พลิกตัวกลับไปมองเมื่อคุ้นหูเสียงนั้นเหลือเกิน
“พี่ฟ้า...คุณหญิง...”
เสียงพระจันทร์สั่นเครือจนคนเพิ่งเข้ามาใหม่ใจสั่นเพราะสงสารน้องจับใจ น้ำฟ้าอ้าแขนรับพระจันทร์ที่โผเข้ามาซบเอาไว้เต็มอ้อมแขน พร้อมลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยนคนที่ปล่อยโฮออกมากับอกเขาจนเสื้อชื้นน้ำตาไปหมด
“...นี่ดูท่าว่าคงจะเห็นข่าวแล้วล่ะสิ...ไม่เอาลูกไม่ร้อง...” คุณหญิงดารกานต์ทรุดนั่งลงข้างๆน้ำฟ้า ยื่นมือข้างหนึ่งไปลูบศีรษะคนที่กอดเอวน้ำฟ้าเอาไว้อย่างหาที่พึ่ง พระจันทร์สะดุ้งเล็กน้อยตอนที่เธอแตะตัว จากนั้นจึงช้อนมองหล่อนด้วยดวงตาฉ่ำน้ำ ก่อนที่มือน้อยทั้งสองจะยกขึ้นพนมแล้วกล่าวกับเธอเสียงเครือ
“ผมขอโทษนะครับคุณหญิง...ที่หลงรัก...ลูกของคุณ แต่ผมสัญญา...ว่าผมจะตัดใจ...”
“เด็กบ้านี่ มาขอโทษอะไร ฉันว่าอะไรสักคำรึยัง...” ดารกานต์ยกมือขึ้นไปหยุดการไหว้ของพระจันทร์ แล้วเป็นคนดึงร่างสั่นเทาของพระจันทร์มากอดเอาไว้เอง
“คุณหญิง...ผม...”
“เอาล่ะไม่ต้องร้อง...ถึงจะยังไม่แน่ใจแต่ยังไงเราก็ต้องพาพระจันทร์ไปตรวจ หลานแม่ทั้งคน ถ้าเขามาอยู่กับเราจริงยังไงแม่ก็ไม่มีทางปล่อยให้หลานแม่ต้องกำพร้าแน่ ต่อให้ต้องเถียงกับคุณศิลาจนแตกหักกันไปข้างแม่ก็ยอม!”
“เดี๋ยว...ก่อน คุณหญิง...พูดเรื่องอะไร...” พระจันทร์ผลักตัวเองออกจากอ้อมกอดของหญิงตรงหน้าแล้วถอยตัวห่างออกมาเล็กน้อย ดวงตาเบิ่งกว้างพร้อมอาการปวดหัวที่เริ่มปวดตุ้บขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่บอกเรื่องของเรากับคุณแม่หมดแล้ว...คุณแม่รู้แล้ว เรื่องที่พระจันทร์...อาจจะท้อง...”
บรรยากาศภายในห้องเงียบงันลงไป เมื่อเจ้าตัวค่อยๆยกมือขึ้นมาวางทับลงไปที่หน้าท้องของตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้าไปมาช้าๆแล้วพูดขึ้นเบาๆพร้อมรอยยิ้มที่ฝืดเฝือนเต็มที
“ไม่จริง ไม่ใช่หรอก...เรื่องบ้าๆแบบนั้น...”
“อย่าพูดว่าเรื่องหลานของแม่เป็นเรื่องบ้าๆนะพระจันทร์ แม่รู้หมดแล้วทั้งเรื่องที่เราสองคนรู้จักกันมาก่อนตอนอยู่ที่อังกฤษ และเรื่องคนไข้ในโครงการศึกษาพิเศษของทางโรงพยาบาลนั่นด้วย...แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น เด็กในท้องเราคือลูกตาอาทิตย์ใช่มั้ย แม่จะได้...”
“คุณแม่ครับ ใจเย็นๆก่อน น้องอาจจะยังตั้งตัวไม่ทัน...” น้ำฟ้ารีบยึดมือขาวนวลของหญิงสาวคนเดียวในห้องให้หยุดที่จะยกโทรศัพท์ขึ้น แล้วพยักหน้าบอกคุณหญิงดารกานต์ว่าตนจะคุยกับน้องเอง “...พระจันทร์ฟังพี่ดีๆนะ เมื่อคืนพี่หมอโทรหาพี่ บอกให้พี่พาเราไปอังกฤษเดี๋ยวนี้ เพราะอาการที่เราเป็นอยู่ตอนนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก ว่าเราอาจจะ...ท้อง”
“แล้วพี่หมอ...รู้เรื่องของจันทร์ได้ยังไง ขนาดพี่ฟ้า...” พระจันทร์แทบจะกลืนเสียงหายลงไปในลำคอ เมื่อเห็นนัยน์ตาดุของน้ำฟ้าที่จ้องมองมาทางตน
“เพราะขนาดพี่จันทร์ยังไม่ยอมบอกเลยใช่มั้ย” น้ำฟ้าเอ่ย เสียงแข็งๆแต่แฝงแววน้อยใจเอาไว้เล็กๆ พระจันทร์ก้มหน้าหลบตาแล้วเอ่ยขอโทษแผ่วเบา “เอาเถอะ...เมื่อคืนมีเด็กในคลาสออนไลน์ของพี่หมอชื่อโรซาน่า ส่งอีเมล์ถามอาการเพื่อนของเธอกับพี่หมอ ว่าทั้งปวดหัวและอาเจียน พี่หมอบอกว่าเขาคงจะวิเคราะห์ว่าเป็นโรคเครียดหรือเพราะสาเหตุอื่นไปแล้วถ้าไม่ใช่ว่าท้ายอีเมล์ โรซาน่าลงชื่อของพระจันทร์ไปด้วย เพราะคิดว่าบางทีพี่หมออาจจะรู้จักเพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน...แล้วก็แจ็กพอต...พี่หมอรู้จัก ‘เรา’ สองคนดีจริงๆ”
“หมะ...หมายความว่า...คือ...ผม...” พระจันทร์เริ่มมีอาการหน้ามืดและวิงเวียนตีตื้นอาการปวดหัวขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามจะอดทนไว้ ดวงตากลมโตชื้นน้ำตาช้อนมองน้ำฟ้าและคุณหญิงดารกานต์แล้วก็พูดอะไรไม่ออก บอกไม่ถูกจริงๆว่าสถานการณ์อย่างนี้เขาควรจะพูดอะไรดี
“เอาล่ะ แม่โทรจองตั๋วไปอังกฤษให้แล้วนะ เราจะไปที่นั่นกันสามคน ไฟลท์สามทุ่ม...พรุ่งนี้”
“คุณหญิง!...แต่...คือจันทร์...ไม่...”
“คุณศิลากับตาอาทิตย์จะไม่มีทางรู้เรื่องนี้แน่ เพราะเราได้ไฟลท์นี้ก็พอดีงานตาอาทิตย์เริ่ม ถึงตอนนั้นทุกคนคงจะไปรวมกันอยู่ที่งาน ไปฟ้า...ช่วยแม่เก็บของ...พาสปอร์ตน้องอยู่ในห้องอาทิตย์ใช่มั้ย แม่จะให้แหม่มเอากุญแจสำรองมาไขนะ...”
“ดะ...เดี๋ยวก่อน...ครับ จันทร์...อยากคุยกับพี่ยะก่อน...ได้มั้ยครับ...” น้ำเสียงแผ่วหวิววอนขอ เรื่องที่เพิ่งได้รับรู้ว่าพี่ยะกำลังจะแต่งงานยังไม่สั่นคลอนความรู้สึกที่ว่าพรุ่งนี้ตัวเองอาจจะต้องจากคนที่รักไปไกล...อย่างน้อยถ้าทุกคนเห็นควรว่าเขาควรจะไปอังกฤษเขาก็จะไป ขอแค่ได้คุยกับพี่ยะอีกครั้งก่อนก็พอ...
“...” น้ำฟ้าที่หันไปเปิดตู้เสื้อผ้าของน้องชายต่างสายเลือดหันมองสบตากับคุณหญิงดารกานต์ และเป็นหล่อนที่เป็นคนพยักหน้าอนุญาตให้พระจันทร์โทรหาสุริยะมณฑลได้
โทรศัพท์สีเงินส่องประกายล้อแสงโคมไฟอยู่บนโต๊ะข้างเตียง พระจันทร์เอื้อมมือไปหยิบ เขากดเลขหนึ่งแล้วกดโทรออก มือสั่นเทายกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ส่วนอีกข้างก็ยกขึ้นมาปาดรอยน้ำตาแล้วก็ปิดปากตัวเองไว้เพื่อกลั้นก้อนสะอื้น สัญญาณเสียงรอสายในรอบแรกดังอยู่นานจนมันดับไป พระจันทร์ก็เฝ้าเพียรโทรหาซ้ำอีกครั้ง จนพอถึงครั้งที่สาม ปลายสายถึงได้มีคนตอบรับ
“ฮัลโหล...พี่ยะ...” พระจันทร์พยายามสกัดกลั้นเสียงสั่นของตัวเองเอาไว้อย่างสุดชีวิต
‘พระจันทร์...โทษที แต่ตอนนี้พี่กำลังยุ่งมาก มีอะไรหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการให้เสร็จ...แต่เราโทรมาก็ดีแล้ว เพิ่งตื่นใช่รึเปล่า...’
“...อ...อืม...จันทร์เพิ่งตื่น ก็เลยโทรหาพี่ยะ เห็นเมื่อคืนไม่ได้กลับมา...” พระจันทร์อยากจะคิดว่าอุปาทานไปเองว่าได้ยินเสียงพี่ยะถอนหายใจยาวตอนที่เขาโกหกไปว่าเพิ่งตื่นด้วย...สงสัย คงไม่อยากให้เขารู้เรื่องนั้นจริงๆสินะ...
‘ขอโทษนะที่ไม่ได้โทรบอก...แต่สาบานได้ว่าไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหนแน่นอน’ ท้ายประโยคเหมือนจะติดเสียงหัวเราะแผ่วๆของคนปลายสายมาด้วย...อย่างน้อยก็ดีแล้วที่พี่ยะยังสบายดี...
“พี่ยะ...จันทร์ปวดหัว” ไม่ได้อยากจะอ้อนหรืออะไร เขาแค่รู้สึกยังไงก็พูดออกไปอย่างนั้น ก็ระหว่างพวกเขาสองคนเป็นอย่างนี้มาตลอดเลยนี่นา
‘พระจันทร์ พี่สั่งให้ตี้เฉินพาเราไปหาหมอแทนพี่แล้วนะ เรารู้สึกยังไง อาการไม่ดีตรงไหนต้องบอกหมอเขาให้หมดรู้รึเปล่า แล้วพี่จะโทรไปถามหมอเขาเองอีกทีว่าเราเป็นอะไร...’
“...แล้วจันทร์ก็อยากเจอพี่ยะ...ตอนนี้...เดี๋ยวนี้เลยได้มั้ย” ประโยคเอาแต่ใจที่ตัดสินใจพูดออกไป...เพราะรู้ดีว่ามันไม่มีทางได้รับการตอบสนองแน่ๆก็เลยกล้าพูด...
‘...พระจันทร์...พี่ก็อยากกลับไปหา อยากกลับไปกอดเราจะแย่แล้ว...แต่...’
“แต่ถ้าพี่ยุ่งอยู่ก็ไม่เป็นไร ไว้คืนนี้ก็ได้...พี่กลับบ้านมาหาจันทร์หน่อยได้มั้ย...จันทร์คิดถึง...” น้ำเสียงสั่นเครือในตอนท้ายทำให้สุริยะมณฑลรู้สึกใจแกว่งแปลกๆ บอกตามตรงว่าตอนนี้ที่ยืนอยู่นี่มีแต่ร่างกายของเขาล้วนๆ ส่วนหัวใจนั้นวิ่งไปหาเจ้าของเสียงที่โทรมาหานี่ตั้งนานแล้ว
‘เป็นอะไรครับ ป่วยแล้วงอแงเหรอ...’
“กลับมาหาจันทร์หน่อยได้มั้ย...จันทร์อยากเจอพี่ยะ...นะ” พระจันทร์เอ่ย ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าน้ำเสียงที่พูดวอนขอออกไปมันบาดลึกลงในจิตใจคนฟังขนาดไหน
‘...ก็ได้ครับ แต่ถ้าพี่กลับดึกมากก็ไม่ต้องรอนะ หลับไปก่อนได้เลย พักผ่อนให้มากๆนะ...อย่าลืมทานข้าวทานยาตามที่หมอสั่งด้วย พี่จะโทรถามอาการเรากับป้าแหม่มเป็นระยะ’
“...จันทร์รักพี่ยะ...”
‘พี่ก็รักเรา...รักมากที่สุด รู้มั้ย...’
“รู้...”
ไม่มีคำพูดบอกลาอื่นใดอีกระหว่างคนสองคน เสียงคุยโทรศัพท์เงียบไปแล้ว...แต่เสียงร้องไห้ของพระจันทร์ยังดังแผ่วออกมาไม่หยุด...
น้ำฟ้าเดินไปจับมือของมารดาบุญธรรมอย่างต้องการขอความคิดเห็น ภาพพระจันทร์นั่งร้องไห้กอดเข่าและแนบโทรศัพท์เอาไว้ที่อกทำให้เขาต้องคิดหนัก...
“แม่ครับ...”
“แม่รู้ว่าฟ้ากำลังจะบอกอะไรแม่...แม่ไม่ได้อยากแยกสองคนนั้นออกจากกัน ถ้าเป็นในสถานการณ์อื่นแม่คงจะให้พระจันทร์บอกตาอาทิตย์เรื่องนี้ไปแล้ว แต่ฟ้าก็เห็นท่าทีของคุณศิลากับลูกชายคนโตของแกไม่ใช่เหรอตอนที่เราสองคนไปคัดค้านเรื่องที่จะให้ตาอาทิตย์แต่งงานกับหนูหงส์...เพราะเราคัดค้านพวกนั้นไม่ได้เราถึงได้มาที่นี่กันไม่ใช่รึไง”
“แต่แม่ครับ เหมือนน้องไม่อยากจะไปเลย...”
“จะอยากหรือไม่อยากไม่ใช่สิ่งที่พระจันทร์จะตัดสินใจคนเดียวได้นะฟ้า ถ้าในท้องพระจันทร์มีหลานของแม่อยู่จริงแม่ไม่ยอมให้น้องอยู่ที่นี่แน่ น้องจะต้องได้รับการดูแลรักษาจากหมอที่ดีที่สุดเท่านั้น...ถ้าปล่อยไว้ที่นี่รับรองได้ว่าพระจันทร์คงจะเครียดตายเสียก่อนที่แม่จะได้เห็นหน้าหลาน...หึ ต้องมาทนเห็นพ่อของลูกในท้องตัวเองแต่งงานไปกับผู้หญิงคนอื่น...ไม่มีทางที่พระจันทร์จะทนได้แน่ๆ แค่เห็นข่าวตาอาทิตย์จะแต่งงานยังร้องไห้จะเป็นจะตายเลย แบบนี้ไม่ไหวหรอก”
“แต่ฟ้าว่าการที่น้องจะต้องอยู่ห่างจากคนที่เขารัก...จะไม่ยิ่งทำให้เขาเครียดหนักกว่าเดิมเหรอครับ”
“อาจจะเครียดในช่วงแรก แต่ที่นั่นเรามีหมอ...ยังไงแม่ก็มั่นใจว่าน้องจะปลอดภัยมากกว่าอยู่ที่นี่”
“แต่แม่ครับ ลองให้เขาได้คุยกันก่อน...”
“แม่รู้ว่าฟ้าเป็นคนขี้ใจอ่อน แม่ถึงไม่ไว้ใจเราให้มาพาน้องไปอังกฤษคนเดียวไง เชื่อแม่เถอะ...ทำแบบนี้น่ะดีที่สุดแล้ว พระจันทร์น่ะอ่อนแอเกินไป เขาควรที่จะได้เรียนรู้การอยู่โดยไม่มีอาทิตย์คอยปกป้องบ้าง...บางทีการที่เราจะทำให้ใครคนหนึ่งเข้มแข็งขึ้นมาได้ เราจะต้องยอมลดปีกที่คอยปกป้องเขาลง เพื่อให้ปีกของเขาได้ทำหน้าที่ปกป้องตัวเอง...ซึ่งนั่นคือเกราะกำบังชั้นที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขาเอง แม่เชื่อว่าพระจันทร์เข้มแข็งกว่าที่เราคิดไว้เยอะ...” คนผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าอธิบายให้ลูกชายคนโปรดฟัง น้ำฟ้ายังคงมีท่าทีลังเลและกังวลใจฉายชัด แต่กระนั้นก็ไม่ได้ค้านความคิดอะไรของหล่อนอีก
“ส่วนสาเหตุหลักอีกประการที่เราควรแยกสองคนนี้ออกจากกันก็คือ...แม่ต้องการให้ตาอาทิตย์ทำทุกอย่างให้มันถูกต้องและชัดเจนเสียที แม่ไม่ชอบที่เขาทำเหมือนน้องเป็นของตาย เป็นสิ่งที่เขามั่นใจว่าเขาจับเอาไว้แน่นพอแล้ว ก็เลยทำสิ่งที่อยากจะทำทุกอย่างได้โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงจิตใจของพระจันทร์ เพราะยังไงซะพระจันทร์ก็ไม่มีวันที่จะไปจากเขาได้...แม่จะสั่งสอนให้อาทิตย์รู้ว่าเขาเข้าใจผิด ชีวิตคนนะลูก...ไม่ใช่หมาแมวหรือสัตว์เลี้ยงอย่างซิมบ้า ชิวชิว ที่จะรักเจ้าของได้จนหมดหัวใจโดยไม่แคร์ว่าเจ้าของจะทำร้ายร่างกายหรือด่าทออะไรพวกมันบ้าง...แม่ก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าที่คุณศิลากับอาทิตย์ยอมจัดงานแต่งขึ้นในวันพรุ่งนี้นั้นมันคงจะมีสาเหตุสำคัญบางอย่างที่พวกเขาไม่ยอมบอกเราอยู่ แต่เราจะอยู่รอจนกว่าพวกเขาจะบอกเราไม่ได้...อาการของพระจันทร์ไม่ดีเลยฟ้าก็เห็น...”
เหตุผลที่คุณหญิงดารกานต์เอ่ยออกมานั้นถูกต้องหมดทุกอย่าง เขาเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อแม้ แต่กระนั้นในหัวใจส่วนลึกก็อยากคัดค้านจุดไหนสักจุดหนึ่งในคำพูดนั้น แต่มันไม่มีช่องโหว่ให้น้ำฟ้าใช้งานได้เลย...ใจหนึ่งเขาก็อยากให้น้องได้อยู่ใกล้ๆกับคนที่รัก อยากให้พูดปรับความเข้าใจกันก่อน บางทีสิ่งที่คิด หรืองานแต่งงานในวันพรุ่งนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นจริงก็ได้...
คืนนี้จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ทั้งอาทิตย์และพระจันทร์จะได้อยู่ใกล้กัน เขาหวังว่าทั้งคู่จะใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด...ถ้าหากพระจันทร์ไม่ยอมพูดกับสุริยะมณฑลเรื่องลูกก่อนที่งานแต่งงานจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ น้ำฟ้าก็ภาวนาขอให้พระจันทร์อย่าได้มีเรื่องค้างคาใจกับคนรักอีกเลยก่อนจะไป เพราะเขาเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าทั้งคู่จะได้กลับมาพบกันอีกเมื่อไหร่...ลองว่าเรื่องนี้คุณหญิงดารกานต์มาลงมือเองแล้วล่ะก็ คุณสุริยะมณฑลคงได้กระอักเลือดแน่ๆ เขาเองโดนมากับตัว...
...อาการเกลียดแรง รักแรง และโกรธนานของคุณหญิงน่ะ...น้ำฟ้ารู้ซึ้งดีเลยทีเดียวล่ะ...
---------------------------------------------------------
ตอนเปลี่ยนวันที่ตอนเลยเพิ่งได้รู้ตัวเอง...ว่าอัตราการลงนิยายคือเดือนละตอน
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด *ถอนหายใจสังเวชความเฉื่อยของตัวเองแรงๆ