รถยนต์ของรังสิมันต์และสุริยะมณฑลวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านตรงตามเวลานัดตอนเที่ยงเป๊ะ แต่คนที่มายืนรอรับอยู่หน้าบ้านกลับมีแค่คุณป้าแหม่ม น้ำฟ้า หนูลิน และบอดี้การ์ดร่างโตสูงใหญ่อีกสองคนเพียงเท่านั้น จำนวนคนที่หายไปทำเอาสุริยะมณฑลอารมณ์เริ่มคุกรุ่น และเมื่อยิ่งรู้ถึงสาเหตุการหายไปของคนคนนั้นสุริยะมณฑลก็แทบอยากจะเอาปืนมาจ่อยิงหมาขโมยตัวนั้นทันที
“คือ...ฟ้าไม่รู้นี่นาว่าคุณอาทิตย์เขาไม่ถูกกับคุณกร...ฟ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขารู้จักกันด้วย...”
“แล้วฟ้าถามไว้หรือเปล่า ว่าสองคนนั้นเขาจะพากันออกไปไหน...” รังสิมันต์ถามต่อ ระหว่างที่รับหนูน้อยตัวปุ๊กลุ๊กมาอุ้มเองเพื่อให้น้ำฟ้าเข้าไปนั่งในรถได้ เมื่อครู่กว่าจะยัดเจ้าพี่ชายตัวโตเข้ารถไปได้ก่อนก็แทบแย่ อารมณ์โกรธควันออกหูขนาดนี้เขาเองก็ไม่ได้เห็นมานานมากแล้วเหมือนกัน
“จันทร์เขาบอกฟ้าแค่ว่า เพื่อนที่ชื่อคุณกรโทรมาชวนไปทานข้าวด้วยกันข้างนอก...แล้วฟ้าก็เห็นว่ามีคุณตี้ตามไปดูแลอยู่แล้วก็เลยไม่ว่าอะไร...ฟ้าก็เลย...”
“อาตี้!...” เสียงคำรามต่ำๆในลำคอเรียกชื่อบอดี้การ์ดเงาของตัวเองพาเอาซานตงขนลุก เขาเหลือบมองเจ้านายที่ย้ายตัวเองมานั่งข้างคนขับแบบไม่สนตำแหน่งตัวเองด้วยความหวาดๆ
...ซวยแล้วไอ้เพื่อนยาก...มีอะไรทำไมไม่รายงานให้เจ้านายเราทราบก่อนวะ!!
ซานตงได้แต่ภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในใจว่าขอให้เพื่อนรักรอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชที่กำลังลับมีดจนคมกริบ เตรียมสังหารผู้ที่กล้าปล่อยให้ดวงใจของท่านผู้ยิ่งใหญ่ต้องหลุดลอย...ดีนะที่คุณฟ้ามีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้ของคุณหยาง ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็...เขาไม่อยากจะคิด!
“ซานตง จับสัญญาณที่อยู่ของพระจันทร์เดี๋ยวนี้...” คนรับคำสั่งไม่มีการตะขิดตะขวงใจใดๆเลยกับคำสั่งนี้ เพราะมันมีอยู่ในลิสต์รายการขั้นต่อไปในสมอง ซึ่งเขาเรียบเรียงเตรียมเอาไว้จากประสบการณ์โดยตรงเรียบร้อยแล้ว
“ครับ...ผมจะพาคุณหยางไปให้ถึงที่นั่นภายในสิบนาทีนี้ครับ” เพราะการคาดเดาเป็นไปอย่างถูกต้องและแม่นยำ เขาถึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเลขามือหนึ่งของคุณหยางแบบนี้ยังไงล่ะ...
เกือบสิบนาทีต่อมา...คาดิแลคสีดำคันหรูก็เข้ามาจอดอยู่ภายในลานจอดรถของห้างใหญ่ใจกลางเมืองฮ่องกง สุริยะมณฑลก้าวลงจากรถโดยไม่รอให้ซานตงทันดับเครื่องยนต์ให้เรียบร้อยเสียก่อน รังสิมันต์ที่เห็นบอดี้การ์ดของพี่ชายเดินรีบตามไปแล้วก็ค่อยๆประคองพาน้ำฟ้ากับลูกชายลงมาจากรถ หยุดยืนรอให้เตโชและซึโยชิเดินตามมาหาแล้วค่อยเข้าห้าง มันดูค่อนข้างเป็นจุดรวมสายตาเล็กน้อยเพราะการที่ผู้ชายในชุดสูทพร้อมแว่นสีดำสามคนมาเดินตามเด็กหนุ่มผมยาวที่อุ้มเด็กนี่ มันคงไม่ค่อยจะปกติสักเท่าไหร่นักหรอก
ร้านอาหารแนวฟิวชั่นร้านหนึ่งบนชั้นสองคือจุดหมายปลายทางของพวกเขา ไม่มีคนรอคิวหน้าร้าน แต่จำนวนโต๊ะข้างในร้านนี่มีไม่น้อยเลย... ซานตงเป็นคนเดินมารับรังสิมันต์และน้ำฟ้าที่หน้าร้านก่อนจะพาเดินไปที่โต๊ะของเจ้านายตัวเองซึ่งค่อนข้างหลบอยู่ในหลืบพอสมควร ก่อนที่ตัวเองจะเดินไปสมทบกับเตโชและซึโยชิเพื่อนั่งรับประทานอาหารกันที่โต๊ะใกล้ๆแถวนั้นด้วย
น้ำฟ้านั่งลงแบบงงๆเพราะตัวเองกับหนูลินถูกดันให้นั่งฝั่งตรงข้ามกับสุริยะมณฑลซึ่งมีรังสิมันต์เข้าไปนั่งด้วย ปกติแล้วเวลาไปทานร้านอาหารแบบนี้ไม่เคยเลยที่รังสิมันต์จะมานั่งแยกเก้าอี้คนละตัวกับเขาแบบนี้ แต่ทว่าเมื่อเด็กหนุ่มมองตามสายตาของสุริยะมณฑลที่มองข้ามไหล่เขาไปด้านหลังก็เริ่มถึงบางอ้อ เมื่อเด็กหนุ่มผมสั้นที่นั่งหันหลังให้เขาถัดไปประมาณสองสามโต๊ะนั้น ใส่เสื้อตัวเดียวกับพระจันทร์ก่อนออกมาจากบ้านเปี๊ยบ
“เอ๊ะ...นั่นมัน! คุณกร...หรือว่า...”
“ฟ้ารู้จักไอ้หมานั่นด้วยเหรอ” สุริยะมณฑลได้ยินคำอุทานของน้ำฟ้าก็ออกปากถาม
“ก็พอรู้จักครับแต่ไม่ได้สนิท...” น้ำฟ้าตอบแบบอ้อมแอ้ม ว่าสายตาพี่ตะวันดุแล้วนะ สายตาคุณอาทิตย์ดุกว่าร้อยเท่าเลยทีเดียว
“แสดงว่าฟ้าต้องรู้รายละเอียดใช่มั้ย...ว่าสองคนนั้นเขาเคยมีบุญคุณอะไรกันมาก่อน” สุริยะมณฑลยังถามไล่จี้
“เอ่อ” น้ำฟ้าอึกอัก หันสบตาสามีเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับได้รับการพยักหน้าตอบกลับมา เด็กหนุ่มจึงถอนหายใจยาวแล้วตัดสินใจเล่าให้ฟัง “จริงๆแล้ว...ฟ้ากับพระจันทร์เราเคยอยู่โรงพยาบาลเดียวกันที่อังกฤษมาก่อนน่ะครับ...แล้วตอนนั้นเมื่อสองปีก่อนจันทร์เขาไปเจอคุณกรถูกยิงอยู่ตรงใกล้ๆโรงพยาบาล แล้วก็เป็นคนโทรเรียกให้พี่หมอมาช่วยพาคุณกรไปรักษาได้ทันเวลา...สองคนนั้นเขาก็เลยสนิทกันอยู่พักหนึ่งน่ะครับที่โรงพยาบาล ก่อนที่พระจันทร์จะถูกย้ายไปรักษาต่อที่สิงคโปร์” น้ำฟ้าเล่า จงใจข้ามบางช็อตที่ตัวเองกรองแล้วว่าอาจส่งผลไม่ค่อยดีกับผู้ฟังซักเท่าไหร่ออกไป อย่างเช่นว่าตอนที่คุณกรพักรักษาตัวอยู่ ก็มีพระจันทร์ที่เป็นคนเข้าไปดูแลเฝ้าเช้าเฝ้าเย็น บางวันเขาผ่านไปก็แอบเห็นว่าบางทีพระจันทร์ยังเป็นคนเช็ดตัวให้อีกต่างหาก...
...แต่ต่อให้ตายน้ำฟ้าก็จะไม่พูดออกไปหรอก ก็ดูเอาสิแค่นี้คุณอาทิตย์ยังโกรธเสียจนไฟในนรกยังยอมแพ้เลย ขืนรู้ว่าพระจันทร์กับคุณกรสนิทกันมากกว่าที่คิดไม่เอาเชือกมาผูกคอเขาตายเสียก่อนวัยอันควรหรอกหรือ...
“...ฟ้ากับพระจันทร์เคยอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน?...อยู่โรงพยาบาล...เป็นอะไร” คำถามของรังสิมันต์ที่จู่ๆก็เปลี่ยนเรื่องทำเอาน้ำฟ้าที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มถึงกับสะอึก กระแอมกระไอล้างคอแทบไม่ทัน สายตาสองคู่คมกริบที่มองมายิ่งทำเอาเด็กหนุ่มประหม่าจนต้องเอาลูกมาบังหน้า แต่คำถามย้ำจากสามีก็ทำเอาน้ำฟ้าจนมุมต้องตอบแบบกระท่อนกระแท่นออกมาพอสมควร
“คือ...ก็อย่างที่คุณรู้ ว่าน้องเขามีปัญหาเรื่องสมอง ส่วนของฟ้าก็...มีปัญหาเรื่องเลือดไง นั่นแหละก็เลยเจอกัน...”
“แต่ดูจะสนิทกันเร็วเกินคาดนะฟ้า...” รังสิมันต์ยังคงต้อนไม่หยุดหย่อน เพราะอยู่ด้วยกันมาสองปีกว่าแล้ว การที่น้ำฟ้าจะโกหกหรือมีอะไรปิดบังเขาอยู่ทำไมเขาจะดูไม่ออก...แต่เดี๋ยวรอก่อนเถอะ ให้มีโอกาสเหมาะๆเสียก่อนเขาจะเค้นเสียไม่ให้เหลือแม้แต่หยดเดียวเลยคอยดู
“เออน่า...พี่ตะวันนี่ จะถามอะไรอีกมั้ย ถ้าไม่ถามฟ้าจะลงมือกินแล้วนะ หิวมาก...หนูลินก็หิวใช่มั้ยลูก...อ้าว เฮ้ยตัวเล็ก ! หนูเอาเข้าปากได้ยังไง หนูมีฟันเคี้ยวก้ามปูเหรอลูก...!”
“อู้อี้อั้ม...” หนูลินที่อมก้ามปูจนแก้มตุ่ยเงยหน้ามาตอบแม่แบบไม่ได้ศัพท์ น้ำฟ้าง้างปากลูกเอาก้ามปูออกมาพร้อมน้ำลายยืดไหลย้อยเป็นทางยาว รังสิมันต์ที่นั่งมองอยู่เลยถอนหายใจยาวแล้วย้ายตัวเองมานั่งข้างน้ำฟ้าเพื่อช่วยเด็กหนุ่มดูแลเจ้าลูกชายจอมซนแทน
สุริยะมณฑลมองครอบครัวน้องชายที่กระหนุงกระหนิงกันทานข้าวแล้วก็ให้แอบรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจนิดๆ นึกภาพตัวเองซ้อนทับน้องชาย แล้วก็จินตนาการว่าเด็กหนุ่มผมยาวข้างๆนั้นคือพระจันทร์...ส่วนลูก...
...คิดได้ถึงตรงนั้นสุริยะมณฑลก็วางตะเกียบในมือลง ยกมือกอดอกแล้วพิงตัวเองลงกับพนักพิงด้านหลัง สายตามองข้ามครอบครัวแสนมีความสุขตรงหน้าไปที่โต๊ะตัวนั้น โต๊ะที่ไอ้หมาขโมยมันนั่งยิ้มเยาะใส่เขา ในขณะที่คนตัวบางอีกคนกลับยังคงหันหลัง ท่าทางเหมือนไม่ได้รู้ตัวเลยซักนิดว่ากำลังบีบหัวใจใครอีกคนให้ค่อยๆเจ็บปวดขึ้นช้าๆ...
“เอ่อ...แล้วทำไมพี่กรกับพี่ยะถึงได้ทะเลาะกันล่ะครับ ถ้าเมื่อก่อนพวกพี่สองคนยังเคยร่วมกันก่อวีรกรรมด้วยกันเสียขนาดนั้น...” พระจันทร์คีบเมนูกุ้งมังกรสวรรค์ที่คนตรงข้ามบริการตักให้ถึงจานเข้าปาก พลางก็รอฟังคำตอบ
มังกรนั่งยิ้มมุมปากกับท่าทางการกินอย่างเอร็ดอร่อยของพระจันทร์...ท่าทางว่าเมนูนี้คงจะถูกปากเจ้าตัวอยู่ไม่ใช่น้อย สงสัยว่าเขาคงจะต้องสั่งกลับไปคนคนนั้นที่นอนซมอยู่บนเตียงได้ลองทานบ้างซะแล้ว...
“พี่กร...? พี่กรครับฟังจันทร์อยู่รึเปล่าครับเนี่ย”
“ห๊ะ...อ๋อ เมื่อกี๊จันทร์ถามพี่ว่ายังไงนะ พี่ไม่ทันได้ฟัง...มัวแต่มองพระจันทร์กินเพลิน”
“จันทร์ถามว่า...ทำไมพี่กรกับพี่ยะถึงได้ทะเลาะกันเสียล่ะครับ ก็ในเมื่อเมื่อก่อนก็สนิทกันนี่...” พระจันทร์ถามย้ำ รู้สึกว่าวันนี้คนตรงหน้าแลดูเหม่อบ่อยแปลกๆ ทั้งๆที่เป็นคนโทรมาชวนเขามาทานอาหารเองแท้ๆ แต่เหมือนจิตใจจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย...
“เรื่องผู้หญิงน่ะพระจันทร์...คนนี้ไง” มังกรตอบคำถามของเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทางสบายๆ มือก็หยิบโทรศัพท์แบบพกพาขึ้นมากดรูปหญิงสาวคนที่ว่าให้พระจันทร์ดูเสียด้วย
“...ไอ้ยะมันคงชอบคงรักผู้หญิงคนนี้มาก พอมันรู้ว่ายัยนี่แอบมานอนกับพี่ มันก็เลย...ฆ่าทิ้ง” มังกรเอ่ยเล่าข้อความแบบคร่าวๆด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อนอะไร พระจันทร์ที่กำลังมองรูปผู้หญิงคนนั้นถึงกับมือเย็นแล้วก็ค่อยๆคืนโทรศัพท์ไปให้อีกคนอย่างช้าๆ
“พี่ยะ...ฆ่าผู้หญิงคนนี้” พระจันทร์ทวนสิ่งที่ได้ยินซ้ำ “...ผู้หญิงคนนี้ เธอตายแล้วเหรอครับ...”
“ใช่...แต่หลายปีมาแล้วล่ะ เธอสวยมากเลยใช่มั้ย” มังกรถามซ้ำ มือก็คีบหมี่ยกเข้าปาก
“...ครับ...สวย ดูเธอเป็นคนมั่นใจในตัวเองมากเลยนะครับ” พระจันทร์เอ่ยตอบ
ใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวหยวก กับทรงผมบ็อบตัดสั้นดูเข้ากับบุคลิกของผู้หญิงในรูปนั้นมาก ไม่แปลกใจเลยที่พี่ยะจะชอบ เพราะขนาดเขาเองเขาก็ยังคิดว่าผู้หญิงคนนี้ช่างมีเสน่ห์เสียจริงๆ ไฝเล็กๆตรงใต้ตาแลดูเป็นจุดเด่นบนใบหน้าของเธอ รอยยิ้มสดใสบ่งบอกว่าเธอคงจะเป็นคนที่ร่าเริงมากจริงๆ
“ใช่...เธอชื่อเมน์...เมนี่ หวง...จริงๆแล้วเธอเคยทำงานเป็นเลขาให้ไอ้ยะมาก่อน พี่ก็รู้อยู่หรอกว่าเธอเป็นคู่ควงคนล่าสุดของมันด้วย แต่ยัยนั่นมันเข้ามาหาพี่เอง พี่ก็เข้าใจว่าเธอคงจะเหมือนคู่ควงคนอื่นๆที่พี่สามารถยืมเอามาใช้ได้บ้างก็เลยเล่นด้วยอยู่พักใหญ่...แต่ก็นั่นแหละ พี่เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน มันเองก็รู้นะว่าพี่นอนกับเมน์หลายครั้ง แต่ทำไมจู่ๆมันถึงเอาศพเมน์มาประจานหน้าบริษัทพี่ หาว่าพี่เป็นเพื่อนทรยศได้ พี่เองก็ยังไม่หาสาเหตุไม่ออกจริงๆ หึ...”
“เอ่อ...จันทร์ว่ามันคงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันซักอย่างละมั้งครับ” พระจันทร์เอ่ยบอกแบบไม่รู้จะพูดอะไร เพราะเห็นท่าทางขมวดคิ้วของมังกรแล้วก็พอจะดูออก ว่ามังกรเองคงจะไม่รู้จริงๆว่าตัวเขาเองกับพี่ยะของเขานั้นทะเลาะกันเพราะเรื่องอะไรกันแน่
“นั่นสิ...พี่คิดว่าคงจะอย่างนั้น ดูเหมือนมันจะเข้าใจว่าพี่นอนกับเมน์เพราะต้องการล้วงเอาความลับของบริษัทมันมา แต่เรื่องทุเรศแบบนั้นพี่ไม่มีทางทำแน่ๆ...พ่อพี่กับพ่อมันเองก็แข่งเกมส์ธุรกิจกันอย่างซื่อตรงมาโดยตลอด พี่เคารพลุงศิลาพ่อมันนะจันทร์...เพราะท่านเป็นคนที่แยกแยะเรื่องเพื่อนและคู่แข่งกันออกได้อย่างเด็ดขาดมาก...พ่อพี่เคยลงทุนพลาดในบริษัทที่มาเก๊าครั้งหนึ่ง เกือบโดนฟ้องล้มละลาย แต่ก็เป็นลุงศิลาที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ...ท่านจะเข้ามาซื้อหุ้นพยุงบริษัทให้หกสิบเปอร์เซนต์ แต่ต้องมีพันธะผูกพันธ์กันก่อนระหว่างครอบครัว นั่นคือหงส์ต้องหมั้นกับไอ้ยะไว้ เพื่อเป็นหลักประกันว่า ท่านเข้ามาช่วยเพราะอยากได้หงส์ไปเป็นสะใภ้ของท่านจริงๆ...ไม่ได้มีเจตนาจะเข้ามาเหยียบย่ำซ้ำเติมครอบครัวพี่ที่กำลังจะแย่...ท่านช่วยเพราะอยากให้สองครอบครัวยังคงเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน และยังสามารถแข่งเกมส์ธุรกิจกันต่อได้แบบใสสะอาด” มังกรวางตะเกียบก่อนจะเอ่ยเล่าไปด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย สายตามองจับอาการของพระจันทร์ที่มีสีหน้าหมองลงเล็กๆ
“...ชีวิตของพวกพี่ ดูซับซ้อนจังเลยนะครับ...” พระจันทร์เอ่ยบอกเบาๆ
“ใช่...” มังกรตอบรับยิ้มๆ มองใบหน้าเจื่อนลงของพระจันทร์และการวางตะเกียบแล้วก็คิดว่าอีกฝ่ายคงจะหมดอารมณ์ทานต่อแล้วแน่ๆ “...อย่าเพิ่งวางตะเกียบสิจันทร์ พี่สั่งเครม บลูเล่ของโปรดเราเอาไว้ให้ด้วยนะ...”
“เอ่อ...แต่จันทร์อิ่มแล้วจริงๆนะครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยบอก ทั้งที่ข้าวในถ้วยยังเหลืออยู่พูน อาหารก็พร่องไปได้เล็กน้อยเอง
“อิ่มอะไร...นี่ไง ถ้าอิ่มแล้วจะคดข้าวกลับไปกินที่บ้านแบบนี้อีกหรือครับ” มังกรมองดวงหน้าหวานซึ้งตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมมือเข้ามาหยิบเม็ดข้าวที่ติดอยู่ข้างปากอีกคนออกให้แผ่วเบา สาบานได้ว่าเขาแทบจะไม่ได้แตะผิวแก้มคนตรงหน้าเลยซักนิด...
...แล้วไอ้ท่อนแขนใหญ่ๆที่มาคว้ามือเขาเอาไว้นี่มันอะไร!!!...
“ถ้าไม่อยากตาย...มึงออกไปให้พ้นหน้ากูเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงลอดไรฟันเย็นๆไม่ดังไม่เบาทำเอาพระจันทร์ขนลุก เงยหน้ามองผู้มาใหม่ที่รั้งแขนของมังกรเอาไว้ให้ออกห่างจากใบหน้าเขาอย่างตกตะลึง
“พี่ยะ!!!” พระจันทร์เรียกชื่อผู้มาใหม่เสียงดังลั่น
“...คิดอยู่ว่าถ้ามึงปล่อยให้กูเช็คบิลเสร็จเมื่อไหร่กูจะพาพระจันทร์กลับไปบ้านด้วยอยู่แล้วเชียวนะ...มึงมาก็ดีแล้ว เอาคนของมึงกลับไปซะ แล้วก็ดูแลให้ดี...อย่าให้กูรู้...ว่ามึงทำเขาเสียใจ เพราะว่าวันนั้น...จะเป็นวันตายของมึง...” มังกรลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง สะบัดแขนที่อีกฝ่ายบีบเขาไว้จนเจ็บออก ยกมือขึ้นปัดชายแขนสองสามทีเป็นเชิงว่ารังเกียจนักหนาที่อีกฝ่ายมาแตะโดนตัวเขาก่อน
“น้อง...เอากับข้าวแบบนี้อีกชุดหนึ่งใส่กล่องให้ด้วย ส่วนนี่เงินค่าอาหาร ไม่ต้องทอน...” มังกรวางเงินไว้บนโต๊ะสี่ห้าใบ มองสบตาคนที่มีส่วนสูงเท่ากันแว่บหนึ่งก่อนเผยรอยยิ้มมุมปากให้เล็กๆ มือใหญ่พอกันยกขึ้นมาตบบ่าอีกฝ่ายสองสามทีแล้วพูดส่งท้ายไว้ “...อยากจะทำอะไรก็ให้มันเด็ดขาดเหมือนพ่อมึงบ้างสิวะ...”
พูดได้แค่นั้นแล้วมังกรก็หันมายิ้มลากับพระจันทร์ ซึ่งกำลังจะลุกขึ้นตามเขา แต่สายตาสุริยะมณฑลที่มองจ้องมาก็ทำเอาเด็กหนุ่มค่อยๆนั่งแปะลงไปที่เดิม...
“...พี่ยะ...มาได้ยังไง” พระจันทร์เอ่ยถามเสียงเบาหวิว ไม่กล้าเงยหน้ามองสบตาด้วยเลยจริงๆ
“พี่ขอถามประโยคเดียวนะจันทร์...นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายใช่มั้ย ที่เราจะทำอะไรแล้วไม่บอกพี่...”
“...คือ...จันทร์...”
“ใช่มั้ย!” สุริยะมณฑลขึ้นเสียงดุ สายตานับสิบคู่ที่มองมาไม่ได้กระเทือนอะไรตัวเขาเลยซักนิด พนักงานที่ยืนเมียงๆมองๆอยู่ไกลๆก็ไม่ได้เข้ามากวนอะไร ชายหนุ่มคว้าข้อมือคนตัวเตี้ยกว่าให้ลุกขึ้นยืนมองหน้ากัน แต่พระจันทร์ก็เอาแต่หลบสายตาก้มมองแต่พื้น...ไม่เงยมาสบตากับเขาเลย...
“สงสัยว่างานประมูลคราวนี้พี่คงจะทิ้งเราเอาไว้ที่บ้านไม่ได้เสียแล้ว...ถ้าพี่ยังไม่อยากโดนเราสวมเขาให้...”
สุริยะมณฑลเอ่ยบอกเสียงเรียบ และเพราะประโยคนี้เองที่ทำให้พระจันทร์ยอมเงยหน้ามองอีกคน ก็ความหมายของมันสื่อว่าเขาไม่ดีเลยนี่...!
“พี่ยะพูดบ้าอะไร...!!!”
“พี่ก็กำลังพูดว่า...จันทร์กำลังจะเล่นชู้ลับหลังพี่น่ะสิ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบเนิบๆเหมือนเดิม แต่สายตาคมกริบกำลังสื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาข้างในของเขาไม่ได้เนิบๆไปตามน้ำเสียงเลยแม้แต่นิด
“กลับบ้านไปคราวนี้...พี่จะขังเราเอาไว้ในบ้าน ไม่ให้ออกไปไหนอีกจนกว่าจะถึงงานประมูลอาทิตย์หน้า...แล้วถ้าจันทร์จะฝ่าฝืนคำสั่งของพี่อีกแค่ครั้งเดียว...เราได้เห็นดีกันแน่...พระจันทร์” ชายหนุ่มเอ่ยปากคาดโทษอย่างหมายมาด ก่อนจะฉุดดึงมืออีกคนให้ออกไปจากร้าน ท่ามกลางสายตาพนักงานและลูกค้า โดยเฉพาะรังสิมันต์และน้ำฟ้าที่กำลังลุกออกมาจากที่นั่งเพื่อจะช่วยเข้ามาไกล่เกลี่ยให้ แต่ดูท่าจะไม่ทันเสียแล้ว...
“พี่ตะวัน...ฟ้ารู้สึกเหมือน...เป็นคนจุดชนวนระเบิดยังไงอย่างนั้นเลย” เด็กหนุ่มผมยาวเอ่ยบอกคนเป็นสามีเบาๆ สายตามองตามน้องชายที่มีท่าทีขัดขืนสุริยะมณฑลไปตลอดทางด้วยความสงสาร
“ฟ้าไม่ได้รู้สึกเหมือนหรอก แต่ฟ้านี่แหละ...ที่เป็นคนจุดชนวนระเบิดของจริง” นอกจากจะไม่ปลอบใจกันแล้วรังสิมันต์ยังทับถมลงไปอีก สุดท้ายเลยได้รับค้อนวงเบ้อเริ่มจากภรรยากลับมาเป็นการตอบแทน
“แต่ฉันว่าคนจุดชนวนระเบิดตัวจริงไม่ใช่คุณฟ้าหรอก...อาตง ผมว่าเพื่อนคุณไม่รอดแน่ๆ...” ซึโยชิเอ่ยกระซิบกับซานตงที่รีบเคลียร์ค่าอาหารพร้อมจะออกตามเจ้านายไปอยู่รอมร่อ
“...ไม่เป็นไร เหยียนจวิ้นบอกผมแล้ว...ว่าไอ้ตี้มันจะตายตอนอายุแปดสิบสอง...ผมก็ได้แต่หวังว่าดวงมันคงจะไม่ถึงฆาตก่อนเวลาอันควรก็แล้วกัน” ซานตงทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็รีบจ้ำอ้าวเดินออกไป ซึโยชิส่ายหน้าให้เบาๆ สงสารชะตากรรมของเพื่อนร่วมอาชีพคนที่ว่าเสียเหลือเดิน
-----------------------------------------------------------
to be continue...
หายหัวไปนานแต่เราก็มาแล้วนะ
ช่วงนี้ยอมรับว่าสปีดแพทตกไปจริงๆค่ะ
เพราะงานหลวงมันช่างเข้ามาทำร้ายร่างกายและเบียดบังงานราษฎร์ของแพทไปหมดเลย
มีคุณผู้อ่านถามข่าวคราวเรื่องน้ำท่วมที่โคโลราโดมาด้วย...แถวมหาลัยแพทกลายเป็นเกาะไปเลยค่ะ ห้าาาาา
แต่ตอนนี้ฝนหยุดตกไปแล้ว...ก็เลยดีขึ้นมาหน่อย
ถนนโดนตัดหลายสายค่ะรอบๆเมืองที่แพทอยู่ แต่ที่นี่ทุกคนปลอดภัยดี หายห่วงค่าาาาาาา อิอิ
ปล. รักษาสุขภาพกันด้วยเน้อออออ ยังรักคุณผู้อ่านเหมือนเดิม ที่เพิ่งเติมคือความห่วงใยนะจ๊ะ ^_^