H E A R T L E S S อยากจีบ จีบได้ ..แต่ไม่รัก ♥
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: H E A R T L E S S อยากจีบ จีบได้ ..แต่ไม่รัก ♥  (อ่าน 309417 ครั้ง)

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
พี่อินอีกนิด
เริ่มมุดเข้ามาได้แล้ว
พยายามต่อไปจะได้เข้าไปอยู่หลังกำแพงนั้นได้
ไม่ก็ทำลายกำแพงเลย
ส่วนตะนอยต๊อกแต๊กก็ข้ามขั้นเชียวนะ 55555

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
พี่อิรฃนสู้ ๆ

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
เพชรท่าทางจะชอบอินแล้วนะนั่น แล้วตะนอยทำอะไรต๊อกแต๊กเนี่ย ท่าทางธุระของตะนอยคงจะเป็นต๊อกแต๊กหรือเปล่า

ออฟไลน์ KURATA

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ตะนอยยยยตัวเธอทำอะไรต๊อกแต๊กเหยอออออ อิอิอิ :z1: :z1:
 :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ในที่สุด ต๊อกแต๊ก ก็ เสร็จ ตะนอย ?
 :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
ยังไงๆๆ เล่า ด่วน

ออฟไลน์ zylph_z

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
พระเจ้า!!! น้องเพชรจูบพี่อินก่อน เริ่มเอนเอียงแล้วซินะ ส่วนอีกคู่นี่ตกลงยังไง แต๊กเสียท่าให้ตะนอยแล้วใช่มะ?

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :really2:  โอ๊ยย  อึนกะพี่อิน ลึกลับอ่า

ออฟไลน์ na_near

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 971
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
อันแน๊ นู๋เพชรชักอยากให้พี่อินมุด.....มุดช่องโหว่ที่กำแพงแล้วใช้ไหมหล่ะ
แต่นู๋เพชรคงไม่รู้หรอกว่ารายนั้นหน่ะแผนสูง ไม่มุดหรอก แต่คงปีนกำแพงเข้ามาเลย  ไม่แน่นะตอนนี้พี่อินอาจกำลังแอบปีนกำแพงสีแดงของน้องเพชรดดยที่นู๋ไม่รู้ตัวก็ได้ อิๆ

ส่วนตะนอยกับแต๊กไม่เคลีย์อ่ะ  ตกลงใครบนใครล่าง  ใครเลื้อยใคร ใครมุดใคร
น่าสงสัยจิงๆ หึหึ :haun5:

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
กำ ... น้องแต๊กเสร็จตะนอยไปแล้ว  :laugh:

พี่อินก็น่าจะสมหวังในไม่ช้า

 :-[

+1 ค่ะ  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
ทั้ง+ ทั้งเป็ด เลยไม่รู้จะเชียร์ใครดี

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
กดบวกทั้ง สามคน

เราอยากอ่านของตะนอย แอบดีใจ

ที่ตนอยกะแต๊กคู่กัน เราจิ้นไกลมากคู่นี้ 5555

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
อร๊ายยย   น้องรุกพี่อินอ่ะๆ  แง้ง  :m3:
คนอ่านเป็นปลื้ม น้องชอบทำอะไรแบบเดาทางยากแฮ่ะ  :interest:
รอตอนต่อไปนะฮะ  :')

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
ถ้าคนที่มุดเข้ามาตามรูโหว่ของกำแพงอิฐสีแดงเป็นพี่ ..ผมจะทำยังไง?

ก็ปล่อยให้เข้ามาเห๊อะะะะะะะ 555555555
พี่อินสู้นะ !!!

ส่วนต๊อกแต๊กก็เรียบร้อยโรงเรียนตะนอยไปแล้วซินะ กร๊ากกก ไม่ผิดจากที่คิดไว้ :z2:

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
ตะนอยนำไปแล้ว
เชียร์ทุกคน +1  +เป็ด

ออฟไลน์ PK37

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
กำแพงที่น้องเพชรตั้งไว้เพื่อป้องกันตัวเอง เมื่อไรตะนอยเพื่อนรักหรือพี่อินจะช่วยให้กำแพงหายไปได้นะเนี่ย

พี่อินต้องใช้เวลาอีกเยอะกว่าจะทุบกำแพงของน้องเพชรได้นะเนี่ย  :เฮ้อ:

เย่ๆ ตะนอยกับต๊อกแต๊กได้กันแล้ว และคิดว่าต๊อกแต๊กต้องเป็นวงกลม?แน่ๆ เพราะงั้นถึงหนีหน้าตะนอยขนาดนี้  :z1:

เป็นกำลังใจให้นะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
กดบวก บวก บวก เชียร์ทุกคนเลยจ้าาา 55555

ตะนอยกะต๊อกแต๊กนี่ ใคร รุกใคร รับ อ่ะ นึกไม่ออกเลยจริงๆๆ :confuse:

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ NannY

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +125/-1
9 ตอนรวดสนุกมากๆๆๆ ค่ะ

ชอบคู่ต๊อกแต๊กกับตะนอยจัง หึหึ o13 :impress2:

sunshinesunrise

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดด ตอนนี้ฟินมาก ><~ อ่านแล้วฟินจริงๆ ในที่สุดความพยายามของพี่อินก็ไม่ไร้ความหมาย ดีใจที่แต๊กกับนอยได้กัน กร๊ากกกกกกก

ออฟไลน์ sulsul

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กรี๊ดดด
คุณไวท์ทำคุนไสยอะไรใส่เรา
คือช่วงนี้เราไม่ปกติไม่อยากอ่านไรเลย
อยู่ดีๆ ก็กดเข้ามาอ่าน
เรื่องถูกจริตมาก  แถมยังเปนเรื่องคนแต่งเดียวกะซันนี่ฟ้าอีก
เลยแบบ โอ้วว อะไรจะขนาดนั้น

พูดถึงเรื่องเพชรบ้าง เรื่องที่แล้วแนวฟ้ามึน มาเรื่องนี้ต้องเพชรมีนแทน
อ่านแล้วแบบ อ่อ ท่าทางจะมีจิตไม่ปกติอยู่หน่อย
หมายถึงมีเรื่องให้ไม่สบายใจ สร้างกำแพง
ยิ่งอ่านตอนล่าสุดแบบ จึกเลย
เพราะเราก็เปนแบบนั้น สร้างกำแพงไปเรื่อย
หวังว่าพี่อินจะมาช่วงมุดเข้ากำแพงและชืวงกันทำลายกำแพงนะค่ะ

คือตอนแรกเชียร์พี่อิน พอตะนอยเริ่มมา ก็แบบ ไม่น้าาา อย่ามา
แถมตอนพี่นท ที่พี่อินบอกพี่นทใจดี คือแบบบ เอิ่ม คงไม่ได้สปาร์คกันหรอกนะ ระแวงไปทั่ว 55

ตี๊กะตง น่ารักมากกก ชอบทีีมีเด็กฉลาดแต่แก่แดด 555

หวังว่าพี่จะเข้ามาใตกำแพงได้
อยากอ่านของพี่บ้่าง คิดไง ตามเด็กมึนมานานขนาดนี้

ปล.จะขอให้ฟ้ามาพูดถึงซันนี่ ก็คงไม่ไหว ขานั้นหลุดโลกไปแล้ว 5555
แต่พี่อินคงยังพอเป็นคนธรรมดาได้อยู่นะค่ะ อิอิ

ตามติดค่ะ

ปล.สุขสันต์วันปีใหม่ย้อนหลังค่า
สุขมากๆ กลบทุกข์ไปเล้ยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
ถ้าเฮียอิน มุดกำแพงที่่มีรูโหว่เข้ามาก็ดีดิ 55  o13 o13 o13
จะได้รักกันซักที ลุ้นโคตรๆ  :laugh:  :laugh:

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
สวัสดีค่า เพิ่งมาอ่าน อ่านรวดเลย

ชอบมาก

ตอนแรก เอ๊ะ นายเอกแบบนี้ ไม่เคยเห็น อึนๆ มึนๆ ไม่แบ๊ว แต่ไม่เถื่อน ถูกใจเพชรหนึ่งครั้ง กดไลท์ ฉึบ อ่านต่อโดยพลัน
เปิดตัวพี่อิน แปลกอะ คนอะไร ตาโฉด ใจดี ยิ้มเก่ง อมยิ้มทุกครั้งที่คนเขียนบรรยาย พี่อิน(อย่าลืมวงเล็บเทวดาด้วย) ตาร้ายๆ แหม้ พระเอกมาดตัวโกง แต่ใจดี๊ดี
ตามด้วยตะนอย สารภาพ ตะนอยเป็นบุคคลโนเนมมากตอนแรก ใครหว่า โผล่มาทำไม ดันให้นายเอกเด่นรึ อารมณ์หนุ่มโรคจิตชอบขลุกคนดัง แต่มาตอนหลังๆ ตะนอยได้ใจเรามากกกก เค้าชอบคนนี้ นิสัยแบบนี้ ถูกใจอะ เลิฟเธอ
ต๊อกแต๊ก ชื่อเธอช่าง... ตะล็อกต๊อกแต๊ก มาทำไม มาซื้อไข่ไก่ ได้สิ... แรกๆ หมั่นไส้ถึงความบื้อเล็กน้อย กับกลัวว่าเธอจะมาเป็นมารคอหอยพี่อิน แต่หลังๆ เธอก็ช่าง ซื่อ ซะจนฮา ทำให้อดเอ็นดูเล็กๆ ไม่ได้ จนมามีซัมติงกับตะนอย โอเค เธอมาแรงแซงโค้ง ฉันขอเชียร์เธอให้เข้าสู่วิวาห์สวรรค์นะจ๊ะ
สองสาวดาวร้าย จำชื่อไม่ได้เพราะเธอนั้นไม่มีค่าพอ โฮะๆ แรกๆดาวร้ายมาก ออกมาจากตำรานางร้ายโขลกเป๊ะๆ แต่ชอบที่หล่อนโดนคนเขียนแกล้งเป็นบางครั้ง ฉีกหน้าบ้าง ให้เป็นลมบ้าง สะใจบวกฮาดี
พี่นท คนนี้ ไม่รู้สิ ถ้าเธอยอมหลีกทางไปดีๆ ให้พี่อินของฉัน เราคงไม่เกลียดเธอนะ สู้ๆ
กลับมาที่น้องเพชรใหม่ เพชรรีเทิร์น ทำไมช่วงหลังเธอช่างมืดมนหม่นดำเช่นนี้ หนูทำให้อิฉันตกตะลึงกับความหม่นของเธอเรื่อยๆ แต่บอกเลยว่ารักที่ให้เธอนั้นไม่จืดจาง หนูเพชรได้ใจฉันมาก ไม่เป็นไรนะคะ พี่อินยังรอกอดหนูเพชรนะ

ร่ายมาทั้งหมดนี้จะบอกว่าชอบ คนเขียนเขียนดีมาก อ่านแล้วได้อารมณ์ ภาษาค่อนข้างดีถึงดีมาก แม้จะมีคำผิดเล็กๆ น้อยๆ แต่โดยรวมดีมากๆ เลย โดยเฉพาะตอนหม่นตอนเศร้าตอนดาร์ก เยี่ยม บรรยายโดยใช้บทสนทนาเป็นหลัก ซึ่งลื่นไหล และก็ทำให้เราพิศวงกับเรื่องราวที่ค่อยๆ เผยออกมาเรื่อยๆ

จะมีงงๆ กับพี่จี้พี่หมอบ้าง สงสัยต้องไปตามอ่านเรื่องที่เหลือของคนเขียนซะแล้วแหละ จะได้รักซึมลึกมากขึ้น

ขอบคุณมากจ้ะ แล้วมาต่อนะ

จะรอ :กอด1:


ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
Chapter :: 10 :: กะเทาะ







“เป็นลักษณะอาการทางลบน่ะ”


“อาการทางลบ?”


“อืม โรคจิตเภทจะมีลักษณะอาการที่แบ่งออกได้เป็นสองประเภทก็คือ ลักษณะอาการทางบวกกับลักษณะอาการทางลบ”


“.........”


“อาการทางบวก จะหมายถึงอาการที่มีเพิ่มมากกว่าคนปกติทั่วไป เช่น ประสาทหลอน บางทีได้ยินเสียงคนพูดคุย ได้ยินเสียงคนพูดตำหนิ พูดโต้ตอบเสียงนั้นเพียงคนเดียว หรืออาการหลงผิด บางคนคิดว่ามีเทพวิญญาณอยู่ในร่างกาย คอยบอกให้ทำสิ่งต่างๆ ไม่ก็มีความคิดผิดปกติ อย่างพูดไม่เป็นเรื่องเป็นราว พูดไม่ต่อเนื่อง เปลี่ยนเรื่องพูดโดยไม่มีเหตุผล หรือบางทีก็ออกแนวพฤติกรรมผิดปกติ เช่น อยู่ในท่าแปลกๆ หัวเราะหรือร้องไห้ สลับกันเป็นพักๆ ประมาณนี้แหล่ะ”


“.........”


“ส่วนกลุ่มลักษณะอาการทางลบก็เหมือนกับอาการของคุณแม่ที่น้องเพชรเล่ามา ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีอาการที่ขาดหรือบกพร่องไปจากคนปกติทั่วไป เช่น สีหน้าอารมณ์เฉยเมย ชีวิตไม่มีจุดหมาย ไม่มีสัมพันธภาพกับใคร ไม่พูด ไม่มีอาการยินดียินร้าย ไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก”


“คุณแม่เป็นแบบนั้น..”


“ครับ แล้วน้องเพชรรู้สึกยังไงตอนที่ได้เจอคุณแม่”


“คุณแม่.. ดูดีกว่าตอนที่ผมเห็นครั้งสุดท้ายมาก สามปีก่อน คุณแม่ทั้งผอมแล้วก็ซีดเซียวมาก ก่อนจะถูกส่งตัวไปที่นั่น”


“อืม”


“ผมกลัว.. กลัวที่จะได้เห็นคุณแม่ในสภาพนั้นอีก คุณแม่ในสภาพทรุดโทรมดูไร้ชีวิตยังติดตาผมอยู่ แต่พอเห็นแล้วว่าไม่ใช่ ก็เหมือนว่า..ผมจะรู้สึกโล่งใจ”


“.........”


“แต่ผมไม่ได้โล่งใจที่คุณแม่ดูดีขึ้น ..ผมโล่งใจที่ตัวเองไม่ต้องเห็นภาพที่ไม่อยากเห็น”


“.........”


“ไม่ใช่..”


“เล่าเรื่องวันอาทิตย์ให้หมอฟังต่อสิ”


“ฮะ ตอนแรกคุณแม่ก็นั่งเหม่อมองแปลงดอกไม้เงียบๆ พอคุณป๋าเดินเข้าไปทัก คุณแม่ก็แค่หันมายิ้มให้บางๆ แล้วกลับไปมองแปลงดอกไม้ต่อ คุณหมอบอกผมว่าคุณป๋าเป็นคนเดียวที่คุณแม่ตอบสนองต่อเสียงเรียก จากนั้นคุณหมอก็เริ่มพูดเกี่ยวกับอาการของคุณแม่ บอกว่าอาการคุณแม่มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ บางวันถึงกับยอมพูดคุยกับคนอื่น แม้จะเพียงไม่กี่ประโยคและไม่ปะติดปะต่อ แต่ก็ถือว่าดีมากแล้ว พอคุณป๋าดึงผมไปยืนต่อหน้าคุณแม่ ตอนแรกคุณแม่แค่หันมามอง มองแล้วก็ยิ้มให้คุณป๋าอีก ก่อนหันไปมองแปลงดอกไม้เหมือนเดิม แต่พอคุณป๋าเอ่ยชื่อผม บอกคุณแม่ว่าคนนี้คือผม คุณแม่หันกลับมามองอีกครั้ง แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา..”


“.........”


“คุณแม่ฟูมฟาย คร่ำครวญแต่ว่าไม่ใช่ ไม่ใช่ คนนี้ไม่ใช่ผม”


“.........”


“ผมไม่รู้ว่าน้องเพชรในจินตนาการของคุณแม่เป็นยังไง ..แต่นั่นก็ไม่ใช่ผมอีกเหมือนกัน”


“.........”


“ไม่ใช่..”






“ทำไม?”


ผมแหงนหน้ามองเพื่อนที่เปลี่ยนไปเพราะไม่ได้ใส่แว่น มีพลาสเตอร์ยาสองอันติดแถวใต้ตาขวากับดั้งจมูก กางเกงสแลคถูกเปลี่ยนเป็นกางเกงยีนส์ขาเด็ฟ เสื้อก็ไม่ทับในเหมือนทุกที แถมยังเซ็ตผมอีก


“อืม เมื่อวานก็ว่าจะไปเคลียร์ แต่ดันปากเสียไปหน่อย ก็เลยโดนต่อยแว่นแตกไปแล้ว” ตะนอยตอบอย่างไร้อารมณ์ขณะเดินลงบันไดหอ


“สมน้ำหน้า”


“อย่ามาซ้ำเติม ระหว่างรอแว่นใหม่คงต้องใส่คอนแท็คเลนส์ไปก่อน แต่ไหนๆ ก็ไม่ได้ใส่แว่นแล้ว เลยคิดว่าลองเปลี่ยนลุคดูสักหน่อยจะเป็นไรไป ทำไม มันดูไม่ดีหรือไง?”


“ดูเถื่อนถ่อยยังไงชอบกล”


“หึหึ” เสียงหัวเราะยิ่งฟังดูชั่วร้าย


“คิดว่าแบบนี้จะได้รับความสนใจมากกว่าหรือไง?”


“คนอื่นน่ะคงใช่ แต่กับหมอนั่นก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้แค่หน้ายังไม่อยากมองเลยมั้ง ..แต่ถ้ามันทำให้หันมาสนใจได้สักนิดก็น่าจะดี” เพื่อนยกยิ้มเล็กๆ ตอนพูดประโยคหลังสุด


“ชอบเข้าแล้วสิ?”


ผมกวาดตามองไปทั่วลานหน้าหอ แต่ยังไม่เห็นรถของพี่


“ก็น่ารักดี ติดแต่ว่าดื้อไปหน่อย”


“บื้อด้วย”


“ก็ใช่”


“แล้วพี่หมอล่ะ?”


ก่อนหน้านี้ยังหาเรื่องตามผมไปคลินิกอยู่เลย


“อารมณ์เหมือนปลื้มดารานั่นแหล่ะ ยิ่งกว่าหมาเห่าสถานีอวกาศซะอีก”


“เลยหันมาเห่าเครื่องบินเจ็ทแทน?”


“ก็นะ ยังไงก็ใกล้กว่าใช่ไหมล่ะ ยังอยู่ในระยะมองเห็น ..แล้วนี่เฮียอินไม่มารับหรือไง?” ตะนอยกวาดตามองไปรอบบริเวณเช่นกัน


“ไม่รู้..” ยังตอบคำถามไม่ทันจบดี พี่ก็โทรมา 


“ฮะ” ผมกดรับ


“ตัวเล็ก เช้านี้พี่มีควิซ เลยออกไปรับไม่ได้นะ”


“ไม่เป็นไรฮะ”


“วันนี้พี่คงไม่ได้เจอเราทั้งวันเลย แต่ตอนเย็นรอพี่นะ พี่ไปส่งเหมือนเดิม”


“ฮะ”


“เดินมาเรียนระวังๆ ล่ะ แล้วเจอกันครับ” แล้วพี่ก็วางสายไป


“.........” ผมหันไปมองตะนอย หมอนั่นคงได้คำตอบแล้ว


“ไปเหอะ” เพื่อนออกเดินในจังหวะไม่เร่งรีบเพื่อให้ผมก้าวตามทัน

 





“ว่าไงจ๊ะเพชร ผ่านไปไม่กี่อาทิตย์ก็เบื่อพี่อินซะแล้วเหรอ วันนี้ถึงได้ควงคนใหม่มา” ก้าวแรกที่เหยียบไปใต้คณะ เสียงทักจากอรก็ดังมาให้ได้ยิน


นอกจากอร ก็ยังมีเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นที่เพ่งมายังคนข้างตัวผมอย่างสนใจ


“.........” หนึ่งในนั้นมีต๊อกแต๊กด้วย เป็นเหตุผลให้ผมเลือกเดินตรงไปโต๊ะนั้นแทนที่จะเลี่ยงไปนั่งโต๊ะอื่น


“สายตาฝ้าฟางหมดแล้วเหรออาอึ้ม ถึงได้มองไม่ออกว่าใครเป็นใครน่ะ?” พอมาถึงโต๊ะ ปากเสียๆ ของตะนอยก็เริ่มทำงานทันที


“ตะนอย!!” เพื่อนหลายคนร่วมกันประสานเสียง


“หึ” เสียงหัวเราะลงคอกับรอยยิ้มมุมปากทำเอาเพื่อนผู้หญิงที่คุ้นเคยกันหลายคนถึงกับเขิน แต่ดูเหมือนเสน่ห์แบบร้ายๆ จะยังใช้ไม่ได้กับเป้าหมาย เพราะต๊อกแต๊กยังคุยหัวเราะเล่นกับแพตตี้เหมือนไม่รับรู้ถึงการมาของตะนอย


“เดี๋ยวไปซื้อข้าวให้” ปากพูดกับผม สายตาจ้องไปทางอีกคน ส่วนหัวคิ้วก็เริ่มชนกันอีกแล้ว


“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านั่นคือตะนอย” เพื่อนคนหนึ่งชะโงกมากระซิบกระซาบกับผมหลังตะนอยเดินออกไปแล้ว


“นึกเฮี้ยนอะไรขึ้นมาถึงเปลี่ยนลุคแบบนั้นน่ะ ..ถึงมันจะดูดีขึ้นกว่าเดิมก็เหอะ” อรพึมพำไม่สบอารมณ์นัก “แต่ปากยังเสียเหมือนเดิม จิ๊”


“ไม่ใช่แค่ดูดีขึ้นธรรมดา แต่ดูดีมวากกก แบดบอยสุดๆ เห็นพลาสเตอร์บนหน้านั่นไหม? อร๊างงง เร้าใจ~”


“มึงเพ้อแล้วอีหวาน ว่าแต่มันยังไงกันเหรอเพชร? ทำไมตะนอยมันถึงเปลี่ยนได้แค่ชั่วข้ามคืน”


“อย่างกับเจ้าเงาะถอดรูปกลายเป็นพระสังข์ แบบนี้เขาเรียกว่าหล่อหลบในหรือเปล่า ฮ่าๆๆ”


“เห็นว่าแว่นแตก” ผมตอบตามที่รู้


แต่ดูเหมือนจะทำให้ใครบางคนที่เห็นจากหางตาสะดุ้ง


“รจนาที่ไหนแอบเอาแว่นมันไปทุบเหมือนที่เคยขโมยรูปเงาะไปทุบงั้นเหรอ ฮ่ะๆๆ” 


“.........” ไม่ได้แอบ แต่ทุบคาตาเลยล่ะ 


“แล้วแผลที่หน้านั่นเกี่ยวกับที่แว่นแตกหรือเปล่า?”


ผมพยักหน้าแทนคำตอบ เห็นบางคนแอบกลืนน้ำลาย คงพอเดาได้ว่าตะนอยน่าจะไปมีเรื่องมา


“เอ้า ไม่มีนมรสกาแฟนะ เลยเอาช็อคโกแล็ตมาแทน” ตะนอยกลับมาพร้อมข้าวราดแกงสองจานกับนมอีกสองขวด


คนอื่นๆ เลยพากันขยับกลับที่เดิม ไม่มีใครกล้าถามอะไรอีก

 





“ไงเพชร พรีควิซเมื่อกี๊ทำได้มั่งเปล่า?” ต๊อกแต๊กเดินมาทักผมที่ยืนล้างมือหลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จ


“ครึ่งต่อครึ่งล่ะมั้ง”


ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่ามือซ้ายของต๊อกแต๊กมีผ้าพันแผลพันอยู่ ถนัดซ้ายนี่เอง เพราะงี้ตะนอยถึงมีแผลใต้ตาขวา


“ยังดีกว่าเรา ทำแทบไม่ได้เลย” คนพูดหัวเราะเบาๆ “อาจารย์ชอบพรีควิซแบบไม่ให้ตั้งตัวทุกที”


“ก็ไม่เคยเห็นทำได้อยู่แล้วนี่” เสียงคนมาใหม่ทำเอาต๊อกแต๊กหุบยิ้มฉับพลัน


“.........” มองอีกฝ่ายผ่านเงาสะท้อนในกระจกอย่างไม่เป็นมิตร 


“จะพรีควิซ โพสควิซ ก็ได้ยินพูดแบบนี้ตลอด” ตะนอยยังพูดด้วยท่าทางสบายติดจะกวนนิดหน่อย


“ใครเหรอเพชร? จำไม่เห็นได้ว่ามีคนรู้จักหน้าตาแบบนี้” ต๊อกแต๊กเลือกที่จะสะกดอารมณ์ เลิกคิ้วสูงทำเหมือนไม่รู้จักจริงๆ


“แค่ไม่ใส่แว่นอย่ามากระแดะทำเป็นจำไม่ได้ เพราะตอนที่ไม่ใส่อะไรเลยมึงก็เคยเห็นกูมาแล้ว” ตะนอยกระตุกยิ้ม


รู้สึกตัวเหมือนอยู่ท่ามกลางมวลประจุไฟฟ้ามหาศาล


“.........” ออกไปก่อนดีกว่า..


ผมถอยออกมาเงียบๆ จนถึงทางออก สองคนนั่นยังจ้องกันไม่วางตา ผมเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์แม่บ้านที่อยู่ติดกัน หยิบป้าย ‘กำลังทำความสะอาด’ ออกมาวางขวางประตูห้องน้ำ คิดว่าคราวนี้ถ้าไม่เคลียร์ก็คงตาแตก เพราะไม่มีแว่นให้แตกอีกแล้ว

 





“.........” แต่ตะนอยทำผมผิดคาดนิดหน่อย เพราะตาไม่ได้แตก เป็นปากที่แตกแทน จะว่าไปก็สมควร ปากแบบนี้นี่นะ


“อะไร?” คงเพราะเห็นผมเอาแต่มอง ก็เลยถามแบบนั้น


มีอีกหลายคนที่มองมาอย่างสนใจ แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถาม


ส่วนต๊อกแต๊กยังไม่เห็นกลับเข้ามา


“อยากจะหัวเราะเยาะ”


“เอาดิ ฮ่าๆๆๆ” เจ้าตัวหัวเราะนำไปก่อนเลย ดังลั่นห้องจนทุกคนหันมาสนใจ แม้แต่อาจารย์ที่ยืนบี๊ฟแล็บอยู่ด้านหน้ายังเขม้นมองมา


“แปลว่าดี?” ผมถามต่อหลังทุกคนเลิกสนใจ


ตีความจากอารมณ์ที่สดใสขึ้นของเพื่อน


“ก็ไม่แย่เท่าเมื่อวาน” คนพูดยักคิ้วกวนๆ


“ครั้งต่อไปอะไรแตกดี?”


“น้ำมั้ง หึหึ”


“ไข่เหอะ”


“ถึงตายเลยนะนั่น” เพื่อนหัวเราะชอบใจ ก่อนวางมือบนหัวผม 


“ขอบใจนะ”


“อะไร?”


“ป้ายหน้าห้องน้ำนั่นไง คิดได้ ฮ่ะๆๆ”


“มื้อเที่ยงทั้งอาทิตย์”


“ไอ้งกเอ๊ย!”


จากที่แค่จับโคลงไปมา เปลี่ยนเป็นผลักจนหน้าผมหงายเลย

 





“โห ไอ้นอย กูก็นึกว่าน้องเพชรควงเด็กเกาหลีที่ไหนมา เกือบจำไม่ได้” 


ตกเย็นผมมานั่งรอพี่ที่โต๊ะตัวเดิม แล้วก็เจอกับรุ่นพี่ปีสองกลุ่มเดิมๆ


แต่วันนี้มีกลุ่มต๊อกแต็กนั่งอยู่ด้วย


“มึงจะดูดีข้ามหน้าข้ามตาพี่รหัสเกินไปหรือเปล่า? คิดจะก่อกบฏเรอะ ถ้าไม่กลับไปใส่แว่นกูตัดมึงออกจากสายจริงๆ นะ” พี่คนหนึ่งเข้ามาตบหัวหยอก


แต่ตาของตะนอยยังจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของคนที่ทำเป็นไม่สนใจ


“อย่าอิจฉาน้อง ไอ้ตุ้ย แต่มึงเท่ห์ว่ะนอย แดกอะไรเข้าไปวะ? วันนี้มึงเป็นฮอตทอปปิคของคณะเลยนะ”


“น้องกูก็ต้องดูดีเหมือนกูอยู่แล้วดิ” พี่ฟงฝูมาจากไหนไม่รู้คว้าคอตะนอยไปกอด ขยี้หัวที่เซ็ตมาอย่างดีเละหมด


“ก็กล้าพูดนะ ไอ้จอมมารบูเอ๊ย” พี่ปอที่เดินตามมาหัวเราะร่วนๆ พวกพี่ปีสองก็พากันหัวเราะตาม


“พี่ปอพูดซะผมเห็นอิมเมจพี่ฝูชัดเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆ”


“มึงมากับกูป่ะเนี่ยเชี่ยปอ?” พี่ฟงฝูหันไปทำตาคว่ำใส่เพื่อน มือยังไม่ยอมปล่อยจากหัวน้อง


“แล้วนี่มึงไปมีเรื่องกับใครมาอีกวะตี๋? กูก็นึกว่าจะแอ๊บเป็นเด็กดีได้นานกว่านี้ซะอีก อุตส่าห์เอาไปโม้ให้ตั่วแปะหยี่แปะฟัง เสียหมาไหมเนี่ยกู?” 


หลังจากทักทายยกมือรับไหว้รอบวง พี่ฟงฝูก็เปิดประเด็นทันที


“เฮียมาเพราะเรื่องนี้เองเรอะ?” ตะนอยที่เพิ่งสลัดลูกพี่ลูกน้องหลุดยืนหน้ายุ่งจัดทรงผมใหม่


“กูเอารายงานมาส่งหรอก แต่ได้ยินคนในคณะพูดถึงมึงเลยว่าจะมาดูใจสักหน่อย”


“ยังไม่ตายมั้ง”


“อ้าว ตกลงที่ผ่านมาคือมันแอ๊บหรอกเหรอพี่?”


พวกพี่ปีสองเริ่มให้ความสนใจ กลุ่มต๊อกแต๊กก็เช่นกัน


“เออดิ เมื่อก่อนมันเปรี้ยวจะตายห่า เปลี่ยนโรงเรียนบ่อยอย่างกับเปลี่ยนกางเกงใน พวกกูยังเคยห่วงเลยว่ามันจะโดนใครกระทืบตายก่อนจบ ม.ปลายหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็อุตส่าห์จบมาจนได้ ถึงจะช้ากว่าคนอื่นไปเป็นปีก็เหอะ”


“เพราะงี้มันถึงได้เก่งกว่าคนอื่นใช่ไหม พื้นฐานมึงแน่นปึ้กเลยดินอย ฮ่าๆๆ” เพื่อนในกลุ่มต๊อกแต๊กแซว


“งั้นมึงก็อายุเท่าพวกกูดิ?” พี่ปีสองคนหนึ่งว่า


“อย่าพูดเรื่องส่วนตัวของคนอื่นหน้าตาเฉยได้ไหมเฮีย?” ตะนอยบ่น


แล้วก็โดนคว้าคอไปขยี้หัวอีก


“เดี๋ยวนี้มึงเห็นเฮียผู้ประเสริฐอย่างกูเป็นคนอื่นแล้วเรอะ ไอ้น้องเวร! คิดว่าที่อยู่ดีมีสุขทุกวันนี้เพราะใครกันห๊ะ?”


“ไม่ใช่เพราะเฮียแล้วกัน”


“เออว่ะ ไม่ใช่เพราะกูนี่หว่า” พี่ฟงฝูทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้ คนอื่นเลยพากันหัวเราะใหญ่


“ไอ้บ้า..” พี่ปอทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจกับเพื่อน


“มึงร้ายว่ะ หลอกพวกกูซะสนิทใจเลย” ใครคนหนึ่งชกไหล่ตะนอย


“ก็บอกแล้วว่าน้องกู” พี่ฟงฝูทำท่าภูมิใจแปลกๆ


“ปอ ฝู จะไปหรือยัง?” เสียงรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเรียกจากไกลๆ


“ไปคร้าบ” คนถูกเรียกหันมาลาพวกเราแล้วรีบวิ่งไปหาทันที


“หวัดดีคร้าบ พี่เหมยลี่~” พวกพี่ปีสองร้องทักกันเกรียว


พอพี่ผู้หญิงคนนั้นโบกมือให้ก็ทำท่าเหมือนจะละลายกันเป็นแถว


“โอยยย น่ารักเอี้ยๆ” ใครสักคนชื่นชมแบบนั้น


“ผมกลับก่อนนะพี่” จู่ๆ ต๊อกแต๊กก็ลุกขึ้นขอตัวกลับ เพื่อนในกลุ่มเลยทยอยขอตัวตาม


“ถ้าเฮียอินมาก็ไปเลยนะ ไม่ต้องรอ ..แล้วเจอกันเฮีย” ตะนอยบอกผม บอกพี่ๆ แล้ววิ่งไปทางเดียวกับที่ต๊อกแต๊กเพิ่งหายไป


“รีบไปไหนของพวกมันวะ?”


สุดท้ายเลยเหลือแค่ผมกับพวกรุ่นพี่ปีสองที่ยังปักหลักเหนียวแน่น


“.........” แล้วเมื่อไหร่พี่จะมาสักที

 





“ได้ยินเรื่องของตะนอยมาเหมือนกัน เสียดายที่ยังไม่ได้เห็น มันเป็นยังไงบ้างเหรอ?” พอขึ้นรถได้พี่ก็ชวนผมคุย


“ก็ดีฮะ?”


“ดูดีกว่าพี่หรือเปล่า?” 


“เรียกร้องความสนใจเหรอฮะ?” ผมหันไปมองคนพูด


“ใช่สิ พี่อยากได้รับความสนใจจากตัวเล็กนี่นา” ตาร้ายพราวระยับขึ้นมาอีกแล้ว


“.........” ผมเลือกที่จะเงียบฟัง


“สนใจพี่หน่อยนะ ไม่ต้องมากหรอก แค่อย่าน้อยกว่าคนที่ตัวเล็กให้ความสนใจมากที่สุดก็พอ”


“นั่นมันก็เท่ากับมากที่สุดเลยไม่ใช่เหรอฮะ?”


“อ๊ะ งั้นเหรอเนี่ย?” พี่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ผมเบือนหน้ามองออกนอกหน้าต่าง


“วันนี้จะพาไปทานอะไรเหรอฮะ?”


“ทานอาหารฝีมือแม่พี่” 


“.........” ผมหันกลับมามองคนขับอีกครั้ง


“พ่อพี่ไปดูงานที่สิงคโปร์ น้องชายก็ไปเข้าค่าย ส่วนย่าไปค้างบ้านอา แม่ก็เลยบ่นเหงา อยากชวนเราไปทานข้าวเป็นเพื่อนน่ะ”


“แล้วพี่ขชองพี่ล่ะฮะ” 


แม่พี่เคยบอกว่าพี่เป็นลูกคนกลาง แสดงว่าต้องมีพี่อีกคน


“พี่ชายไปต่อโทที่เยอรมันตั้งแต่ปีที่แล้ว”


“แล้วตัวพี่ล่ะฮะ?”


“หือ?”


“ปกติพี่ไม่ได้ทานข้าวกับแม่เหรอฮะ?”


“เพราะช่วงนี้พี่มาทานข้าวกับใครบางคนไงล่ะ”


“ไม่ได้ขอสักหน่อย”


“ก็อยากมาเอง” พี่ยังคงยิ้มระเรื่อย


“ไม่ต้องฝืนก็ได้ฮะ”


“พี่ไม่ได้ฝืน”


“ผมไม่ว่าหรอกถ้าพี่อยากจะทำอะไร แต่อย่าถึงกับต้องเดือดร้อนเพราะผมดีกว่า ทำไปตามปกติเถอะฮะ”


“.........” พี่เงียบฟัง


“เรื่องมารับส่งก็เหมือนกัน ถ้าพี่มีอย่างอื่นให้ทำก่อนก็ทำไปเถอะ ผมไปกลับเองได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทาง”


“กลัวจะไปหลงคนอื่นต่างหาก”


“ผมดูเป็นแบบนั้นเหรอฮะ?”


“ล้อเล่นน่ะ ..โกรธเหรอ?” พี่เอามือมาวางบนหัวผม


“เปล่าฮะ” ผมเบือนหน้าออกหน้าต่าง


พึมพำบางคำที่ตัวเองก็แทบไม่ได้ยิน


“ครับ?” พี่เองก็คงไม่ได้ยินเหมือนกัน


“แค่โทรบอกผมแบบเมื่อเช้าก็พอ อ่ะ..”  จู่ๆ พี่ก็หักรถเข้าข้างทางแล้วเหยียบเบรก ผมหันไปมองคนที่เกาะพวงมาลัยรถแน่น


“ตัวเล็ก..” พี่เอ่ยปากทั้งที่ยังมองตรงไปข้างหน้า


“ฮะ?”


“อยากให้พี่โทรไปบอกเหรอ?”


“ผมจะได้ไม่ต้องรอ”


“ทุกครั้งตัวเล็กรอพี่เหรอ?” พี่ค่อยๆ หันมามองผมอย่างไม่แน่ใจ


“มันชิน.. เวลาออกมาแล้วไม่เจอพี่ ผมก็ต้องรอ”


“.........” พี่ยังมองผมนิ่งอยู่อย่างนั้น


“เวลาไม่เห็นพี่ ผมก็ต้องมองหา.. มันเป็นไปเอง”


อยู่ดีๆ พี่ก็ฟุบหน้าลงไปซบกับพวงมาลัยรถ เอาหัวโขกเบาๆ อีกหลายที แต่ผมเห็นปากพี่ยิ้มอยู่


“อะไรฮะ?”


พี่ทำให้ผมไม่เข้าใจพฤติกรรมอีกแล้ว


“พี่..ดีใจน่ะ” พี่เอียงหน้ามาทางผม แต่ยังวางหัวไว้ที่พวงมาลัย


“ฮะ?” 


ปกติเขาดีใจกันแบบนี้เหรอ?


“กำลังนึกขอบคุณความพยายามของตัวเองอยู่” พี่หัวเราะเบาๆ กับตัวเอง


“.........”


“พี่รักตัวเล็กนะ” พี่ยิ้มบาง แววตาร้ายก็ดูอ่อนโยนมากตอนพูดคำนั้นออกมา “รักมากเลย”


“.........”


“อย่ากัดปากสิ.. ตัวเล็กชอบกัดปากทุกที” พี่เอื้อมมือมาแตะริมฝีปากผม 


“.........” ผมไม่เคยรู้ตัวเลยว่าชอบทำแบบนั้น ..จนกระทั่งพี่บอก


“เวลาดีใจตัวเล็กควรยิ้ม เวลามีความสุขเราควรจะยิ้ม ..รู้ไหม?” พี่ดันนิ้วโป้งเข้ามาทำให้ผมต้องเปิดปาก


“.........” ผมเหม่อมองใบหน้าที่ค่อยๆ เลื่อนเข้ามาใกล้จนจับโฟกัสแทบไม่ได้


“ขอพี่จูบนะ” พี่กระซิบขอชิดริมฝีปาก


“.........” ผมหลับตาลง รับรู้ถึงสัมผัสของนิ้วโป้งที่ถอดถอนออกไป ปล่อยให้ลิ้นชื้นเข้ามาแทนที่


จูบนี้ต่างจากจูบเมื่อคืนนั้น มันเป็นจูบที่พี่เริ่มก่อน ไม่ใช่ผม เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของพี่ ไม่ใช่จูบลองใจของผม เป็นจูบที่พี่ขอ และผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ เป็นจูบที่...


“อืม” 


ผมคิดว่าจูบจริงๆ คงเป็นแบบนี้


“พอก่อนดีกว่า ..เดี๋ยวไปไม่ถึงบ้าน” 


ในที่สุดพี่ก็ยอมผละออก แต่แววตาบ่งบอกความเสียดายไม่ปิดบัง


“.........” ผมมองคนที่เริ่มขับเคลื่อนรถอย่างอารมณ์ดี



ยังไม่เข้าใจ..


คำว่ารักที่พี่บอกมันมีความหมายยังไง


ยังไม่รู้..


ความรักที่ทุกคนไขว่คว้าแท้จริงแล้วคืออะไร


ตอนนี้คิดแค่ว่า..


ถ้าได้จูบด้วยความรู้สึกแบบเมื่อครู่อีก ...ก็คงดี




“พี่ฮะ” 


“หือ?” พี่ขานรับ ตายังมองตรงไปข้างหน้า


“บางที... ผมว่าผมจะหยุดอุดรูโหว่บนกำแพงอิฐสีแดงสักพัก”


“ครับ?” พี่หันมามองด้วยสายตาที่บอกว่าไม่เข้าใจคำพูดเมื่อกี๊สักนิด


“บางทีน่ะ” ผมเบือนหน้าออกนอกหน้าต่างโดยไม่คิดอธิบายเพิ่มเติมอีก


“ตัวเล็ก?”


“.........” ก็แค่บางทีแหล่ะ..



(ต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-04-2013 21:05:33 โดย White Raven »

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
(ต่อ)



“แม่ครับ” พี่ส่งเสียงเรียกแม่มาแต่ไกล แล้ววิ่งเข้าไปกอดเป็นการใหญ่


“อะไรกันอิน นึกไงมาอ้อนแม่ตอนนี้ ไม่อายน้องหรือไง?” แม่พี่หัวเราะร่วน วันนี้สีหน้าดูสดใสกว่าวันนั้น และไม่ได้นั่งวิลแชร์


“สวัสดีฮะ” ผมยกมือไหว้


แม่พี่กับป้าทัยที่เพิ่งออกมาก็รับไหว้


“พาน้องไปนั่งเล่นที่สวนก่อนสิลูก เดี๋ยวแม่ไปช่วยป้าทัยยกน้ำยกขนมมาให้ พอดีจิตมันไปซื้อของที่ตลาดน่ะ”


“เดี๋ยวผมไปช่วยป้าทัยเองดีกว่า แม่ไปนั่งกับน้องนะครับ”


“เอางั้นก็ได้ เพชรมากับป้าทางนี้ลูก” 


ผมหันไปมองพี่ที่พยักหน้าให้ แล้วเดินอ้อมบ้านตามแม่พี่ไปที่สวนซึ่งอยู่อีกฟาก


“พี่เขาบังคับเรามาหรือเปล่าเนี่ย?” แม่พี่ถามยิ้มๆ ระหว่างเดินข้ามสะพานไปยังศาลาไม้หลังเล็ก ข้างล่างเป็นบ่อปลาคาร์ฟขนาดใหญ่พอสมควร เห็นมีปลาคาร์ฟว่ายวนอยู่เป็นฝูง


“เปล่าฮะ” 


ก็แค่รับขึ้นรถมาก่อน แล้วค่อยบอกจุดหมายทีหลัง


“ป้าก็เปรยๆ กับพี่เขาว่าเหงาล่ะนะ พ่อก็ไปดูงานเป็นอาทิตย์ คุณย่าที่เคยอยู่เป็นเพื่อนคุยกันก็ไปค้างบ้านน้องสาวซะแล้ว ส่วนเจ้าอิฐตัวเอะอะโวยวายก็ไปเข้าค่ายอีก เจ้าอิฐปีนี้ก็ ม.6 แล้ว เห็นตั้งอกตั้งใจจะเข้าสถาปัตย์มหา’ลัยเดียวกับเพชรกับอินนี่แหล่ะจ้ะ” แม่พี่พูดถึงลูกชายคนเล็กไปก็ยิ้มไป


“.........” 


“มานั่งใกล้ๆ นี่สิ” คนพูดตบที่นั่งข้างตัวเรียกผม 


“ส่วนอินก็รีบออกจากบ้านตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับก็ค่ำมืดทุกวัน บอกว่าต้องไปเฝ้าเพชร ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนานะลูกคนนี้ นี่ยังดีที่มีป้าทัยกับจิต เด็กทำงานในบ้านอยู่เป็นเพื่อน ไม่งั้นเงียบเหงาแย่เลย”


“ผมขอโทษฮะ”


“อุ๊ย ป้าไม่ได้โทษเพชรหรอกจ้ะ แค่บ่นไปเรื่อยตามประสาคนแก่น่ะ แล้วก็ห่วงอินด้วย กลัวว่าคอยไปเฝ้าทุกวันๆ แบบนี้จะถูกเพชรเบื่อขี้หน้าเอาซะก่อนน่ะสิ”


“ไม่หรอกฮะ” 


ถึงผมจะพูดแค่เบาๆ แต่พี่แม่ก็ยิ้มกว้างพลางลูบหัวผมอย่างเอ็นดู   


“จริงสิ เห็นอินบอกว่าวันอาทิตย์เพชรเพิ่งไปเยี่ยมน้องนาฏมา เป็นยังไงบ้าง ใกล้รับกลับบ้านได้หรือยัง?”


“.........” คุณแม่..


“มีอะไรหรือเปล่าลูก?” 


“เราต้องทบทวนเรื่องรับคุณแม่กลับบ้านกันใหม่ฮะ” 


ผมเสตาไปมองปลาคาร์ฟตัวใหญ่ในบ่อ


“.........”


“คุณแม่มีปฏิกิริยากับผม ..ในทางลบ” 


มืออุ่นที่วางทาบลงบนหัวอีกครั้งทำให้ผมต้องหันไปมองเจ้าของมือ


“ไม่เป็นไรหรอก ทุกอย่างต้องอาศัยเวลาและความพยายาม ป้าเชื่อว่าความพยายามของเพชรกับคุณธัชจะทำให้น้องนาฏดีขึ้นได้”


“.........” ผมไม่เคยสงสัยในความพยายามของคุณป๋าเลย


แต่ตัวผมเองล่ะ? ผมเคยพยายามทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงหรือเปล่า? ผมอยากให้คุณแม่กลับมาจริงๆ หรือเปล่า?


บางทีแม่พี่อาจจะมองผมในแง่ดีเกินไป..


“มาแล้วครับ” พี่ยิ้มร่าถือถาดเดินข้ามสะพานมา




“อินอยู่เป็นเพื่อนน้องนะ เดี๋ยวแม่ไปดูกับข้าวในครัวก่อน เพชรอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า? บอกป้าได้นะ” คุยกันต่ออีกพักหนึ่งแม่พี่ก็ลุกขึ้น


“ผมทานอะไรก็ได้ฮะ ขอบคุณฮะ”


“น้องทานง่ายครับแม่” พี่ยิ้มเอาใจทั้งแม่ทั้งผม


“งั้นแม่ขอตัวนะ”


“แม่พี่เป็นคนดีจังเลยนะฮะ” ผมมองตามหลังคนที่เพิ่งแยกไป


อาจจะดีเกินไปด้วยซ้ำ ..เหมือนกับคุณแม่


“อยากจะฝากตัวเป็นลูกอีกคนไหมล่ะ?” ตาร้ายๆ เป็นประกายขึ้นมาอีกแล้ว ผมเบือนหนีจากภาพนั้นไปที่ปลาในบ่อแทน


“ไม่หรอกฮะ ผมมีแม่มาสองคนแล้ว” 


พอเถอะ..


“ตัวเล็ก..” พี่ขยับมานั่งข้างๆ ก่อนโอบหัวผมให้ไปอิงกับอกของพี่


วันนี้มือพี่อุ่น แต่ก้อนเนื้อในอกของพี่ยังเต้นดังเหมือนเดิม ราวกับต้องการบอกว่ายังมีอีกคนอยู่ใกล้ๆ


“.........” ผมหลับตาลง ฟังเสียงหัวใจของพี่อย่างตั้งใจ


ขอแค่ตอนนี้ ไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว.. 






“คุณอินคะ”


“มีอะไรเหรอพี่จิต?”


“.........” เสียงคนคุยกันเบาๆ ทำให้ผมรู้สึกตัว ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หันมองรอบตัวก็เห็นว่าเริ่มสลัวลงบ้างแล้ว


“มีแขกมาค่ะ คุณผู้หญิงเลยให้มาบอกว่าอย่าเพิ่งพากันเข้าไปในบ้านตอนนี้” พี่จิตคนนั้นมองมาทางผมอย่างไม่แน่ใจนัก


“แขก?” ตอนแรกพี่ขมวดคิ้ว แต่ครู่เดียวก็ดูเหมือนจะเข้าใจคำสั่งแปลกๆ นั่น “อืม พี่จิตกลับไปทำงานต่อเถอะ”


“ค่ะ” แล้วพี่คนนั้นก็กลับเข้าไปในตัวบ้าน


ผมสงสัยว่าทำไมพี่ถึงได้ดูกังวลกับการมาของ ‘แขก’ นัก แต่ก็ไม่ได้ถาม


“.........” ไม่สิ ผมคิดว่าผมรู้คำตอบ


“ไปเดินเล่นกันไหม?” แม้จะปั้นหน้ายิ้มแต่แววกังวลก็ยังมีให้เห็นอยู่ 


“ข้างหลังนี่มีสวนสาธารณะใหญ่อยู่ ถ้าเราออกประตูเล็กนั่นไป เดินอีกราวสองร้อยเมตรก็ถึงแล้ว ไปไหม?”


“ฮะ” ผมรับคำง่ายๆ พี่ยิ้มกว้างแล้วคว้ามือผมจูงเดิน


แต่ยังไปไม่ทันถึงประตูเล็กที่ว่าเรื่องมันก็เกิด..


“น้องเพชร?” เสียงเรียกจากข้างหลังทำให้เราทั้งคู่หยุดชะงัก


ไม่จำเป็นต้องหันไปก็รู้ดีว่าใครยืนอยู่ตรงนั้น


“.........” แต่ผมก็หันกลับไป


พี่นทมองหน้าพวกเรา มองมือที่จับกันของพวกเรา


“อิน?” พี่นทเรียกเสียงแผ่ว แสดงสีหน้าแบบคนต้องการคำอธิบาย


“ผมขอโทษ”


และกับประโยคแค่นั้น ก็เหมือนจะทำให้พี่นทเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง


“อิน!” พี่นทพุ่งเข้ามาเร็วมากจนพี่ตั้งตัวไม่ทัน หมัดแรกถูกปล่อยออกไปกระแทกหน้าพี่จนล้มไปบนพื้นหญ้า และพี่นทยังตามไปคร่อมอีก ส่วนพี่เพียงแค่ปัดป้อง ไม่ได้มีท่าทีว่าจะตอบโต้กลับ 


“ทำแบบนี้กับพี่ได้ยังไง? ทำได้ยังไง?!”


“.........” เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพี่นทดูคลุ้มคลั่งแบบนี้


พี่นทที่มักใจดีและสุภาพกับทุกคนอยู่เสมอ..



“กรี๊ดดดดด ตานท ตาอิน หยุดเดี๋ยวนี้นะ! แม่บอกให้หยุด ตานท!!” 


หลังจากนั้นทุกอย่างดูวุ่นวาย ทุกคนเข้าไปช่วยแยกพี่นทกับพี่ออกจากกัน


“แกอีกแล้ว!” แต่ป้านีเลือกที่จะปรี่มาหาผมก่อน ฝ่ามือหนักๆ ฟาดลงบนหน้าผมไม่ให้ทันตั้งตัวเช่นกัน 


“ยังยืนดูเฉยอยู่ได้ ปั่นหัวผู้ชายนี่งานสนุกของแกเลยสินะ สารเลว!”


“.........” ทุกอย่างหยุดนิ่ง ไม่จำเป็นต้องมีคนห้ามพี่กับพี่นทก็แยกออกจากกันโดยอัตโนมัติ


“อย่าค่ะพี่นี!” พอป้านีเงื้อมือขึ้นอีกรอบ แม่ของพี่ก็ถลาเข้ามาห้ามไว้


“อย่าห้ามพี่! พิม พี่จะเอาเลือดชั่วมันออกซะบ้าง เธอปล่อยให้มันเข้ามาเป็นเสนียดในบ้านทำไม มันเป็นตัวซวย เป็นตัวกาลกินี เป็นงูพิษ นี่แน่ะๆๆ”


ป้านียังพยายามฟาดมือฟาดเท้าเข้ามาให้โดนผมให้มากที่สุด ดูเสียสติคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าพี่นทเมื่อครู่อีก


“หยุดเถอะครับคุณป้า!”


“แม่อย่าตีน้อง ผมขอร้อง!”


ทุกคนมามะรุมมะตุ้มอยู่ที่ผมจนรู้สึกอึดอัด 


อึดอัดไปหมด..


หายใจไม่ออก..


ปวดหัว..


ปวดเหมือนหัวจะระเบิด..


ไม่เอา.. ไม่เอา.. ไม่เอาแล้ว!


อย่ามายุ่งกับผม! ถอยไป! ถอยไปให้หมด! หลีกไป!!!



“ว้าย!” 


ผลจากการหลับหูหลับตาผลักมั่วซั่วของผมคงทำให้ใครบางคนล้มลงไป


“แม่! / น้าพิม! / คุณผู้หญิง!” 



ผมวิ่งออกโดยไม่หันกลับไปมองใครทั้งนั้น ทั้งคนดี คนบ้า คนไหนก็ช่าง ผมไม่สนแล้ว! ไม่เอาแล้ว! ผมจะไปจากที่นี่!


ผมต้องไปจากที่นี่!!


“เพชร! อย่าเพิ่งไป เพชรกลับมาก่อนลูก!”


“มันทำเธอขนาดนี้ยังจะเรียกมันกลับมาทำไม เธอบ้าไปแล้วเหรอพิม?!”


“อิน ไปตามน้องกลับมา อิน!”


“ตานทกลับมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่ได้ยินที่แม่สั่งหรือไง?!”   



ไม่ได้..


ผมอยู่ไม่ได้


ผมต้องไป! ต้องรีบไป!


หนีไปให้พ้น!!!




เอี๊ยดดดดด!!


!!..


เสียงล้อรถบดกับถนนดังลั่นทำให้ผมได้สติ หันมองรอบตัวก็พบว่าตอนนี้ตัวเองกำลังยืนอยู่กลางถนน อีกฟากฝั่งเป็นสวนสาธารณะ รถหรูสีดำคันใหญ่คุ้นตา จอดห่างออกไปแค่ไม่กี่เมตร


“อยากตายหรือไง?” คนขับเปิดประตูลงมาด้วยท่าทางหงุดหงิด


“ตัวเล็ก! / น้องเพชร!” ผมสะดุ้งหันไปมองสองคนที่วิ่งตามมาทัน


“ไม่เป็นไรใช่ไหมตัวเล็ก?”


“ปลอดภัยดีนะครับน้องเพชร?”


ผมไปหลบอยู่หลังเจ้าของรถสีดำ ทำให้สองคนนั้นทำหน้าแปลกใจ


“คุณเป็นใคร?” พี่นทเป็นคนถามก่อน


“หลานคุณหมอที่ดูแลน้องอยู่” พี่อินเป็นคนตอบ


“ขอน้องเพชรคืนให้ผม” พี่นทขยับเข้ามา


“.........” ผมกำชายเสื้อคนที่ใช้ต่างกำแพงเอาไว้แน่น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอยหายใจเบาๆ


“ไม่รู้หรอกนะว่าพวกคุณมีเรื่องอะไรกัน แต่ดูเหมือนว่าเด็กนี่จะอยากไปกับผมมากกว่า”


“คุณไม่เกี่ยว” พี่นทเสียงเย็น ขยับจะเข้ามาอีก


“น้องไว้ใจเขา” พี่ยกมือห้าม


พี่นทปัดมือออกแสดงความไม่เป็นมิตรชัดเจน แต่ก็ยอมหยุดอยู่ที่เดิม


“อย่าหาว่าสอดเลยนะ แต่ผมว่าพวกคุณไปเคลียร์กันก่อนดีไหม? ส่วนเด็กนี่ผมจะพาไปส่งบ้านให้เอง” ผู้มาใหม่เสนออย่างไร้อารมณ์ร่วม สายตาเย็นชาจับจ้องทีละคนคล้ายจะบอกว่ารำคาญ


“.........” พี่นทพยักหน้ารับอย่างจำใจเมื่อมองมาที่ผม


“ผมฝากด้วยนะพี่” พี่บอกกับเจ้าของรถ ก่อนหันหน้าช้ำๆ มายิ้มปลอบใจผมอีกที


“รีบขึ้นรถเหอะ ป่านนี้บรรพบุรุษนอนสะดุ้งอยู่ในหลุมกันแล้วมั้ง” เจ้าของรถรุนหลังผม ขณะที่รถคันหลายคันบีบแตรใส่เหมือนกำลังด่า


“ทำไมฉันต้องมาเจอนายในสภาพที่ย่ำแย่ทุกทีเลยนะ” พอขึ้นรถพี่หมอจี้ก็พึมพำเบาๆ คล้ายพูดกับตัวเอง


“.........” แต่ถึงพูดกับผม ผมก็คงไม่มีคำตอบให้

 





“ขอบคุณฮะ” พอมาถึงหอผมก็หันไปบอกขอบคุณ


ตลอดทางนี่เป็นประโยคแรกระหว่างพวกเรา


“หน้านายซีดมาก ไปที่คลินิกด้วยกันไหม?” พี่หมอเอาหลังมือมาแตะหน้าผากผม จับชีพจรที่คอผม


“ผมแค่ปวดหัว” ผมส่ายหน้า “อยากทานยาแล้วนอนพัก”


“กินข้าวหรือยัง?”


“.........” ผมส่ายหน้าอีก


“จะกินยาต้องกินข้าวก่อน งั้นไปกินข้าวกัน” พี่หมอลงจากรถ


ผมลงตามแต่ยังยืนยิ่ง “ผมไม่หิว”


“ไม่หิวก็ต้องกิน เดี๋ยวยากัดกระเพาะ”


“งั้นผมไม่ทานยาแล้วก็ได้”


“แล้วจะหายปวดหัวได้ยังไง?”


“แต่ผมไม่อยากทานข้าว”


“สักสองสามคำก็ยังดี”


“ไม่เอา”


“อย่าให้ฉันหมดความอดทน” 


พี่หมอเข้ามาคว้าข้อมือกึ่งดึงกึ่งลากให้เดินตามโดยไม่ยอมฟังเสียงอีก


พอไปถึงร้านข้าวพี่หมอก็สั่งข้าวผัดจืดๆ มาจานกับน้ำซุปอีกถ้วย จากตอนแรกที่บอกว่าสองสามคำก็บังคับให้ผมทานไปเกินสิบ จากนั้นก็แกะยาจากแผงที่หยิบติดมาจากในรถแบ่งให้สองเม็ด นั่งดูผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับมาส่งถึงหน้าหอ


“แน่ใจนะว่าจะไม่ไปหาคุณพิณที่คลินิก?”


“ยังไม่ถึงนัดครั้งต่อไปนี่ฮะ”


“ไม่ถึงก็ไปได้ ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ..หรือจะสบายใจดีก็เหอะ ขอแค่นายอยากพูด ไปที่นั่นได้เสมอ คุณพิณยินดีรับฟัง ..ฉันเองก็เหมือนกัน” 


แม้สายตาจะยังเย็นชา แต่คำพูดกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน 


“ถ้าคืนนี้นายไม่อยากนอนคนเดียว จะไปนอนที่คอนโดฉันอีกก็ได้”


“ผมอยู่ได้ฮะ ขอบคุณมาก ผม..ขอกอดพี่หน่อยได้ไหมฮะ?” ผมเงยหน้าขึ้นขอตรงๆ พี่หมอไม่พูดแต่อ้าแขนออก ผมเลยเดินเข้าไปหาอ้อมกอดที่อบอุ่น กลิ่นที่ทำให้ผมหลับสนิท


แต่วันนี้ผมยังไม่อยากพูด..


“ทำไมวันนี้ฉันถึงได้รู้สึกเป็นห่วงนายจังเลยนะ?” เสียงคนที่กอดผมไว้พึมพำเบาๆ


“.........”


“แน่ใจว่าจะอยู่คนเดียว?” พอผละออกพี่หมอก็ถามอีก


“ตะนอยก็อยู่ห้องใกล้ๆ”


“โอเค ถ้ามีอะไรก็ไปเคาะห้องตะนอยแล้วกัน หมอนั่นไว้ใจได้”


“ฮะ”


“งั้นก็ไปนอนเหอะ” พี่หมอจับหัวผมโยกเบาๆ แล้วไล่ขึ้นไปข้างบน


ผมเดินขึ้นบันไดมาได้หลายขั้น แต่พอหันไปมองก็ยังเห็นพี่หมอยืนอยู่ที่เดิม ผมหันกลับทางเดิม ฝืนสั่งให้ขาก้าวเดินต่อไป ทั้งที่แทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว..







“ฮือ..” 


ผมรู้สึกตัวอีกทีหลังผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง อาการปวดหัวยังไม่ทุเลา แถมยังดูเหมือนจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ ผมคิดว่าจะต้องทานยาอีก แต่ห้องผมไม่มียา


ต้องไปห้องตะนอย ยาอยู่ที่ห้องตะนอย


ผมเดินเปะปะฝ่าความมืดไปจนถึงประตู พอเปิดออกก็ต้องหรี่ตาให้กับความจ้าของไฟจากทางเดิน


“ตะนอย! ตะนอย!!” เสียงที่ผมพยายามตะโกนอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงพูดปกตินัก ทุบประตูหลายครั้งก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว


ตะนอยคงออกไปข้างนอก หรือยังไม่กลับมา ผมเอากุญแจที่หยิบติดมือมาพยายามจะไข แต่มือที่สั่นเพราะอาการปวดหัวทำให้เสียบผิดเสียบถูกอยู่หลายครั้งหลายครา


“อ่ะ!” แล้วในที่สุดประตูก็ยอมเปิดออก


ผมควานไปตามผนังเพื่อหาสวิตซ์ไฟ พอเปิดไฟได้ก็ไปควานหายาต่อ จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เห็นมันอยู่ตรงนั้น แต่พอไปหาก็ไม่มี ดูตรงนี้อีกก็ไม่มี ตรงนู้นตรงโน้นรื้อค้นกระจุยกระจายจนสุดท้ายก็ไปเจอกระปุกยาหล่นอยู่ในซอกโต๊ะหนังสือ


“อือ..” ผมเดินไปหาน้ำ เทยาใส่ฝ่ามือสั่นๆ หยิบทานเข้าไปสองเม็ด ไม่รู้สึกว่าดีขึ้น เลยทานเข้าไปอีกสองเม็ด ก็ยังไม่ดี ..อีกเม็ด ..ลองอีกเม็ด ..อีกเม็ด ...อีกเม็ด .....อีกเม็ด ........อีกเม็ด ............อีกเม็ด .................อีกเม็ด ......................... ไม่หาย....ยังไม่หาย........ต้องมากกว่านี้............ต้องทานให้มากกว่านี้...


...ต้องทานเข้าไปอีก..



....................มากกว่านี้...




..............................................................................................ให้มากกว่านี้..
 




นึกออกแล้ว..


ผมนึกออกแล้ว


ผมโกหก


ไม่ใช่!


ผมไม่ได้กลัวว่าจะมีใครมุดเข้ามา


ไม่ใช่เลย!


ผมกลัวว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายมุดออกไปต่างหาก


มุดออกไปตามรูโหว่บนกำแพงพวกนั้น..


ผมกลัวที่จะได้รู้


กลัวที่จะได้เห็น


ผมจึงต้องอุด.. ต้องรีบอุดเอาไว้


ต้องขังตัวเองเอาไว้


เพราะข้างนอกนั่น.. ที่ข้างนอกนั่น


ไม่มีที่สำหรับผม


ไม่มี!



ไม่เคยมี..





“แกมันไม่ควรจะเกิดมาด้วยซ้ำ!”











TBC.  :z2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-04-2013 21:11:03 โดย White Raven »

ออฟไลน์ ชะรอยน้อย

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 973
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
 :o12: :o12: น้องเพชรรร

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
น้องเพชรอุตส่าห์หยุดอุดกำแพงแล้วนะ พี่นทนะพี่นท คะแนนติดลบ
พี่อินรีบมาเร็วๆ

ออฟไลน์ Loste

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:


เข้าถึงจิตใจน้องเพชรยากจัง

MCSJ

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้เพชรต่อไป T^T


รอตอนต่อไปนะพะยะค่ะ

ออฟไลน์ PK37

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
ตะนอยถอดรูปแล้ว หึหึ ตอนนี้ก็ตามง้อต๊อกแต๊กต่อไป
ตะนอยชอบกัดต๊อกแต๊กอ่ะ อาจจะทำให้ต๊อกแต๊กไม่คิดว่าตะนอยชอบตัวเองก็ได้นะ
โอ้...น้องเพชรเปิดโอกาสให้เพื่อนเคลียร์กันเต็มที่เลยนะเนี่ย
ว่าแล้วเชียวตะนอยจะต้องร้าย ที่แท้แอ๊บเด็กดีนี่เอง
พี่อินทำให้น้องเพชรเริ่มเปิดใจแล้ว แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกลับทำให้น้องเพชรแย่อีกแล้ว
แล้วกินยาไปกี่เม็ดเนี่ย ตะนอยจะกลับมาเมื่อไร

เป็นกำลังใจให้นะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
เห้ยยยยย กินไปกี่เม็ดหน่ะ

ตะนอย รีบ กลับ มา ด่วนๆๆๆๆๆๆๆ

แม่พิมใจดี อ้ะ

ป้านีกะพี่นท ก็แม่ง!!!!


ต่อๆๆๆๆๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด