ฉลามขาว กับ หอยนางรม by「aonair」
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ฉลามขาว กับ หอยนางรม by「aonair」  (อ่าน 71134 ครั้ง)

ออฟไลน์ na_near

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 971
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
วี๊ดวิ๊ว  :-[ ฉลามนี่ก็พระเอกลิเกเหมือนกันนะเนี้ยะ
ถ้าเตเป็น "ยา" งั้นณเรศก็คงเป็น "ผ้าพันแผล" สินะ อิๆ

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 10
ซีกโลกฝั่งซ้าย

 

‘ข้าก็ขอเป็นยา ที่จะสมานแผลในใจเจ้าแล้วกัน’

ใช่สินะ... เปมควรจะรู้สึกผิดต่อณิชา แต่ก็ไม่ควรยึดติดจนก้าวเดินต่อไปไม่ได้ และคนอย่างณิชาเอง ก็คงไม่สบายใจแน่ ถ้าเห็นเปมต้องทนทุกข์เสียใจเพราะเรื่องของตัวเอง ถ้าเช่นนั้น.. ก็สมควรที่จะเดินหน้าต่อไปจริงไหม

“เต...”

เปมเงยหน้าขึ้นจากผ้าห่มและสบสายตากับเตชัสอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ใบหน้าทั้งสองจะค่อยๆเคลื่อนเข้าหากันช้าๆ แต่ไม่ทันที่ริมฝีปากจะประกบ เสียงกระแอมไออย่างจงใจก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน ทั้งสองคนรีบผละออกจากกันและหันไปตามที่มาของเสียง

“จะทำอะไรกันบนเตียงข้าไม่ทราบ” รเณศยืนพิงขอบประตูข้างหนึ่งด้วยสายตาหงุดหงิด พลางจ้องมองทั้งสองคนอย่างตำหนิ

“เฮอะ ข้าไปทำที่อื่นก็ได้”

เตชัสรีบแขวะกลับก่อนจะคว้าข้อมือเปมไว้และลากออกไปจากห้อง เพียงแค่วินาทีหนึ่งที่ร่างบางเดินผ่านหน้ารเณศไปนั้น สองสายตาก็ได้ประสานกันอย่างตั้งใจสื่อความหมาย

สายตาแสดงความขอบคุณและขอโทษจากเปม กับสายตาที่แสดงความห่วงใย...ระคนเสียใจจากรเณศ...

“ข้าเดินเองได้น่า” เปมสะบัดตัวให้หลุดออกจากการเกาะกุมเมื่อทั้งคู่เดินออกมาพ้นจากบริเวณบ้านของรเณศได้พอสมควร

“เปม มะรืนนี้ข้าจะไปรับเจ้าแต่รุ่งสางนะ เตรียมตัวไว้ด้วยล่ะ”

“อะไรของเจ้าเนี่ย”

“เราจะไปเที่ยวซีกโลกฝั่งซ้ายกัน” เตชัสยิ้มกว้างมองคนตัวเล็กที่หูผึ่งขึ้นมาทันที ด้วยทั้งตกใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน

“โลกที่พวกมนุษย์อาศัยอยู่น่ะหรอ”

“ใช่ แต่ตอนนี้เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนดีกว่า” เจ้าชายฉลามผิวปากเรียกปักษายักษ์ขนดำวาว ยิ่งดูงดงามยามต้องแสงจันทร์ ก่อนจะอุ้มตัวเปมขึ้นไปนั่งบนหลังของมันพร้อมมุ่งหน้าไปยังแถบชายฝั่งทะเล

กว่าเปมจะเดินทางกลับถึงบ้าน พ่อก็เข้านอนไปแล้ว เขาเลยไม่อยากรบกวนอะไร ภายในหัวก็ยังคงมีแต่เรื่องซีกโลกฝั่งซ้ายสุมอยู่เต็มไปหมด มันเป็นเรื่องไม่ปกติเลยสำหรับพวกครึ่งมนุษย์ที่จะไปเที่ยวเล่นอยู่ที่อีกซีกโลกหนึ่ง แต่มันก็ยิ่งเร้าให้รู้สึกตื่นเต้นจนแทบอดรนทนรอไม่ไหวแล้ว

 

เวลาแต่ละนาทีสำหรับคนรอ มันช่างเดินไปช้าเหลือเกิน นี่คือคืนก่อนที่เตชัสจะมารับตามนัดหมายในรุ่งสางของวันพรุ่งนี้ ช่วงเวลานี้ดูเหมือนจะเป็นช่วงที่น่ายินดีสำหรับเปม เพราะวีก็อยู่ดีกินดี ไม่ต้องเป็นห่วง แถมยังไม่โกรธเคืองเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับเตชัสด้วย และเพราะอย่างนั้นทำให้สุขภาพของพ่อดูเหมือนจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ส่วนเรื่องของณิชา.. แม้จะยังหลงเหลือร่องรอยความเจ็บช้ำ ที่คิดว่าคงไม่มีวันหายไป แต่ก็ได้ยาชั้นดีมาช่วยสมานให้มันจางลงไปเยอะพอตัว และเมื่อพิจารณาให้ดี ณิชาก็ไม่ใช่คนที่จะมาโกรธแค้นอะไรอยู่แล้ว กลับกัน หากเปมเอาแต่สิ้นหวังแบบนั้นอีก ณิชาที่จากไปจะต้องยิ่งเสียใจเป็นแน่

“เปม เดี๋ยวนี้พวกเจ้าดูจะสนิทสนมกับคนในปราสาทเสียจริงนะ” พ่อลดหนังสือในมือลง และเริ่มต้นบทสนทนากับลูกชายที่เอาแต่เดินวนไปวนมาในห้องรับแขกพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว

“เอ่อ พ่อหมายถึงข้าเหรอ” เปมหยุดเดินและนั่งลงใกล้ๆผู้เป็นพ่อพลางชี้นิ้วเข้าหาตัว และตั้งคำถามกลับ

“ทั้งเจ้าและวีนั่นแหละ”

“อ่าว ก็พี่วีต้องเข้าปราสาท ไม่แปลกที่จะไปสนิทกับคนในนั้นหนิ”

“แล้วเจ้าล่ะ เกี่ยวอะไรด้วย”

ถามอย่างนี้หนุ่มน้อยก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน รังจะให้บอกไปโต้งๆว่า เกี่ยวเพราะเป็นคนรักของเจ้าชาย น่ะคงไม่ได้ น่ากลัวว่าพ่อจะหัวใจวายไปต่อหน้าต่อตาเสียก่อน แต่จะให้หาข้ออ้างอะไรตอนนี้ มันก็คิดไม่ออกเหมือนกันน่ะสิ

“เอ่อ... ก็ข้าเป็นเพื่อน กับเจ้าชายหนิ”

“เพื่อน?”

“ชะ..ใช่ ก็อย่างที่ข้าเคยเล่าไป ว่าเราพบกันโดยบังเอิญในคืนนั้น แล้วก็มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้น ทำให้สนิทกัน แค่นั้นเอง” เล่ามาถึงแค่ตรงนี้ เปมก็จำต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพื่อไม่ให้พ่อจับพิรุดอะไรได้อีก

“เจ้ารู้ไหมว่า พวกลูกครึ่งสัตว์ใหญ่ มักจะรังแกพวกสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยอย่างพวกเจ้าเสมอ”

“ข้าเคยคิดว่าพวกเขาน่ากลัว แต่ความจริงแล้ว ใจดีมากเลยนะ” เปมหันกลับมายิ้มให้พ่อที่กลับมีสีหน้าตึงเครียดผิดจากทุกที

“สัญชาตญาณดิบในพวกครึ่งมนุษย์น่ะมีกันทุกคนแหละ ฉลามน่ะ... โหดเหี้ยม”

“พ่อ...”

“ข้าคงไปห้ามอะไรเจ้าไม่ได้หรอกนะ แต่ก็อยากจะเตือนไว้ว่าถ้าเป็นไปได้ ก็อย่าไปข้องเกี่ยวกับพวกราชวงศ์เลย”

“...อ..อืม”

ได้แต่ตอบรับไปแบบนั้นอย่างไม่เต็มปากเต็มคำดี โดยที่ในใจก็เกิดคำถามมากมายขึ้นมา ทำไมพ่อถึงต้องพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ทำไมถึงดูจงเกลียดจงชังพวกคนในปราสาทถึงขนาดนั้น ทำไมถึงปักใจเชื่อว่าพวกสัตว์ใหญ่จะน่ากลัวโหดร้าย ทำไม... ถึงห้ามยุ่งเกี่ยวกับพวกราชวงศ์

สิ้นสุดบทสนทนาแปลกๆที่แฝงไปด้วยความกดดันประหลาด ผู้เป็นพ่อก็ขอตัวไปนอนพักผ่อน ทิ้งให้เปมยังคงคิดวกไปวนมาถึงเรื่องเมื่อครู่ตามลำพังจนเวลาล่วงพ้นไปพอตัว ไม่ทันได้รู้ตัว เจ้าหอยนางรมน้อยก็ปล่อยให้ตัวเองหลับใหลไปทั้งๆที่ยังนั่งอยู่ในห้องรับแขกนั่นแหละ

จนเวลาราวๆตีสามของอีกวัน ก็เกิดลมโบกรุนแรงพร้อมเสียงรบกวนที่คุ้นหู ถึงได้เรียกสติของเปมให้ตื่นขึ้นอย่างงุนงง พอมองผ่านหน้าต่างบ้านออกไปเห็นว่าผู้มาเยือนคือใคร เปมก็รีบวิ่งเข้าห้องตัวเองไปจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้พ่อและรีบรุดออกไปหาแขกคนนั้นทันที

“เตชัส”

“เปม!”

‘อ่าว’

อีกครั้งที่อ่าวคำโตวนกลับเข้ามาในสมอง เมื่อคนที่ขานรับตนเองไม่ใช่เตชัสอย่างที่คาด แต่กลับเป็นพี่สาวคนสวยที่นั่งซ้อนท้ายนกยักษ์ขนดำมาด้วย ซึ่งเปมเองก็เพิ่งจะสังเกตเห็นเดี๋ยวนั้นเองว่าวีก็โดยสารมากับเขาด้วย

“พี่วี”

“ข้าเห็นพวกเจ้าจะไปเที่ยวโลกอีกฝั่ง ข้าเลยขอตามไปด้วย คงไม่ว่านะ”

วียิ้มกว้างก่อนจะโบกมือเรียกให้เปมรีบขึ้นมานั่งข้างหลังตน ส่วนเตชัสก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆมาให้และต้องยอมปล่อยให้วีนั่งคั่นกลางไปตลอดทางจนถึงซีกโลกฝั่งซ้าย โลกของพวกมนุษย์

สำหรับมนุษย์ที่มีความสัมพันธ์กับสัตว์ อย่างเช่นพ่อของเปมกับวี ก็เป็นปกติที่จะย้ายไปอาศัยอยู่ที่ซีกโลกฝั่งขวา ร่วมกับพวกครึ่งมนุษย์ทั้งหลาย แต่กับมนุษย์ 100% ที่เลือกใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ธรรมดา ไม่ไปข้องเกี่ยวกับสิ่งประหลาดเหนือจินตนาการทั้งปวง ก็จะมาอาศัยอยู่ที่ซีกโลกฝั่งซ้ายนี่แหละ และโดยปกติแล้ว พวกครึ่งมนุษย์อย่างทั้งสามคน ก็จะไม่เข้ามายุ่งกับโลกนี้เท่าไรนัก เพราะถึงแม้พวกมนุษย์จะรับรู้ในการมีอยู่และตัวตนของพวกเขา แต่มนุษย์ในโลกฝั่งนี้ก็ไม่ได้ชอบใจหรือรู้สึกอภิรมย์ไปกับพวกครึ่งมนุษย์เท่าไรนัก แต่หากไม่นับเจ้าปักษายักษ์นี่ แล้วพวกเขาไม่ทำตัวให้เป็นที่น่าสงสัยหรือสนใจมากนัก ก็พอจะกลมกลืนไปกับคนอื่นได้อยู่เหมือนกัน

“โห มีแต่สิ่งก่อสร้างแปลกๆเต็มไปหมดเลย”

วีกับเปมผลัดกันชี้ผลัดกันวิจารณ์ทิวทัศน์รอบๆของโลกด้านนี้อย่างสนอกสนใจ ส่วนเตชัสก็ต้องคอยบังคับนกยักษ์ไปเรื่อยๆ ยอมทำตัวเป็นอากาศ ปล่อยให้สองพี่น้องตื่นเต้นไปกับสิ่งแปลกใหม่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคอยหันไปสังเกตการณ์ผู้ชายตัวเล็กข้างหลัง แล้วก็ต้องคอยกลั้นยิ้มทุกครั้งที่เห็นใบหน้าน่ารักๆกับดวงตาที่เป็นประกายคู่นั้น

“แต่ต้นไม้น้อยจัง เขาอาศัยกันได้อย่างไรนะ”

“นั่นสิ โลกด้านนี้มีโครงสร้างที่แปลกจริงๆ มีแต่ตึกราทั้งนั้น”

เตชัสก้มลงมองภาพเบื้องล่างบ้าง พลางคิดว่าภาพตอนนี้อาจจะดูรกหูรกตาไม่น่าพิสมัยเท่าไรนัก เพราะกว่าจะเดินทางมาถึงก็เช้าซะแล้ว แต่ถ้าหากรอชมภาพนี้อีกครั้งตอนขากลับ คงสร้างความตื่นตาให้กับสองคนข้างหลังได้มากเป็นแน่ เพราะพวกตึกรามากมายข้างใต้นั้น ยามเมื่อฟ้ามืดลง ก็จะเริ่มเปิดประดับแสงไฟหลากหลาย ที่มองแล้วช่างงดงามแปลกตาดีจริงๆ

“พี่วี ภูเขาล่ะ!” พ้นจากวิวของตัวเมืองที่แสนแออัด เตชัสก็บังคับนกยักษ์ให้ค่อยๆร่อนลงที่ภูเขาขนาดสูงใหญ่เรียกรอยยิ้มกว้างของผู้โดยสารทั้งสองได้เป็นอย่างดี

“สวยจัง!”

วีร้องออกมาแทบจะทันทีที่นกยักษ์หยุดตัวลงที่กลางเขา ในจุดที่เป็นสถานที่โล่งกว้าง รายล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่แสนร่มรื่น ดอกไม้สีสดสวยหลากหลายชนิดผลิบานเต็มพื้นที่ กลิ่นหอมโชยมาตามสายลมอ่อนๆ ยอดหญ้าทั้งหลายประดับตกแต่งไปด้วยน้ำค้างหยดใส ทุกอย่างในตอนนี้ราวกับไม่ใช่บนพื้นดิน แต่เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์ชั้นฟ้าก็ไม่ปาน

“งดงามจริงๆ”

เตชัสเดินมาหยุดอยู่ข้างเปมที่กำลังดื่มด่ำไปกับธรรมชาติอันสวยงามของซีกโลกฝั่งขวา พลางคว้าไหล่บางเข้ามาโอบไว้เบาๆ ทั้งสองคนยืนเคียงกันชมความงามของพรรณไม้ต่างๆได้เพียงครู่หนึ่ง ก็ถูกวีมาลากเปมให้ทิ้งช่วงไปไกลเหมือนทุกที แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความสุขเหลือเกิน มีความสุขที่ได้เห็นคนที่รักมีความสุข...

เมื่อกลางวันทั้งสามคนก็พากันเข้าไปในแถบต่างจังหวัดเพื่อหาของกิน ก่อนจะมาแวะสักการะองค์พระขนาดใหญ่ท่ามกลางสายตาแทบทุกคู่ที่จับจ้องมา เพราะแม้ภายนอกจะไม่ได้ต่างไปจากมนุษย์ธรรมดา แต่การจูงนกขนาดมหึมามาด้วยก็ทำให้รู้ได้ว่าเป็นคนจากอีกซีกโลกแน่นอน

“เจ้าขออะไรเหรอ” เปมเอ่ยถามพี่สาวที่กลับออกมาเป็นคนสุดท้าย หลังจากใช้เวลากับการไหว้ขอพรองค์พระไปนานพอตัว

“ข้าก็... ขอให้ท่านเตชัสรักข้ามากกว่าไง” วีเอียงคอและยิ้มกว้างอย่างร่าเริง ก่อนจะหลุดหัวเราะคิกคักออกมาเมื่อเห็นหน้าตาตกใจของน้องชายตัวเอง

“เอ่อ..”

“ข้าล้อเล่นหรอกน่า บ้าจริง ข้าขอให้พ่อมีสุขภาพแข็งแรงต่างหาก” วียิ้มและเอื้อมมือขึ้นตีหน้าผากเปมเบาๆเพื่อเรียกสติ ชายหนุ่มเลยได้แต่ยิ้มแห้งๆและลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ

“อ..อืม ข้าก็เหมือนกัน”

“เปม ไปเถอะ ทางนั้นมีจำหน่ายเครื่องรางด้วย”

วีคว้าแขนเปมและลากไปตรงซุ้มเล็กๆใกล้ประตูทางออกจากวัด พลางแยกตัวไปเดินดูของมากมายที่ตั้งโชว์อยู่ เปมก้มลงมองพวงกุญแจเครื่องรางที่เป็นรูปคนไร้หน้าสีสันต่างๆ ซึ่งแต่ละตัวก็จะอำนวยพรแตกต่างกันไป เช่นเรื่องสุขภาพ ความรัก การเรียน การงาน หรืออุบัติเหตุก็ตาม

หลังจากตัดสินใจอยู่นาน สุดท้ายเปมก็เลือกซื้อมาแค่สองพวง คือเรื่องสุขภาพสำหรับให้พ่อ และการงานสำหรับฝากรเณศ อืม.. แค่ซื้อของฝากคนรู้จักมันคงไม่แปลกสินะ

“นี่พวกเจ้า ใกล้ๆนี้มีร้านหอยทอดขึ้นชื่ออยู่ด้วย ว่าไง อยากจะกินอะไรกันล่ะ”

เตชัสเดินตรงเข้ามาถามสองพี่น้องที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการใช้เงิน แต่ดูเหมือนเขาจะใช้สมองน้อยไปนิดก่อนที่จะถามคำถามเมื่อครู่ออกมา ทำให้ทั้งวีและเปมต่างมองหน้ากันและกันสลับกับมองเตชัสอย่างไม่สบอารมณ์ สองพี่น้องเข้ากอดคอกันไว้ก่อนจะกระแทกเสียงใส่หน้าคนตั้งคำถามพร้อมๆกันและเดินหนีไปทั้งอย่างนั้น

“หูฉลาม!!”

สุดท้ายก็มาจบลงที่ตลาดขนาดใหญ่ซึ่งทอดยาวตามถนนเส้นหนึ่งไปสุดลูกหูลุกตา เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด ที่แห่งนี้ก็ยิ่งครึกครื้น แสงไฟที่ถูกประดับประดาตามหน้าร้านต่างๆ เสียงเซ็งแซ่ของผู้คนในยามเย็น บวกกับแสงเรืองๆของพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน ยิ่งเร้าให้สองพี่น้องตื่นตาตื่นใจมากขึ้น ในขณะที่วีกำลังง่วนอยู่กับการเลือกซื้อเครื่องประดับในร้านเล็กๆร้านหนึ่ง เปมก็ได้แต่ยืนคอยอยู่ที่หน้าร้านเงียบๆ สายตาทอดมองไปยังผู้คนมากมายที่กำลังจับจ่ายใช้สอยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนที่จะสะดุ้งรู้สึกตัวเมื่อมือใหญ่ของเตชัสตรงเข้ามาโอบเอวตนไว้จากทางด้านหลัง

“เจ้าจะบ้าเหรอ คนเยอะแยะ!” เปมรีบดันตัวออกจากแขนแกร่งและหันไปเอ็ดคนตัวสูงที่เอาแต่ยิ้มไม่สะทกสะท้านอะไรเลย

“ข้าซื้อนี่ให้เจ้า” เตชัสยื่นของในมือให้เปมดู มันคือที่หนีบผมซึ่งประดับลายเปลือกหอยดูน่ารักสวยงาม เปมเองแม้จะดีใจมากแต่ก็ต้องทำเป็นนิ่งไว้ก่อน

“เสียดายเงิน”

“บ้าเปล่า ไม่ได้ติดเพชรนะ อันละไม่กี่บาทเท่านั้นแหละ แต่ถึงจะแพงแค่ไหนข้าก็จะซื้อให้เจ้าอยู่ดี”

“เจ้านี่มัน...” เปมหยุดพูดไว้แค่นั้นก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่ผมของตัวเอง ตรงนี้มีที่หนีบผมประดับหินรูปสาหร่ายทะเลของณิชาอยู่นี่น่า.... “เต ที่ตรงนี้ เป็นของณิชานะ...”

“...”

ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมา จะมีก็เพียงแต่สายตาผิดหวังผิดปกติของเตชัสเท่านั้น เปมเองก็นิ่งไปก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปกุมมือเตชัสไว้หวังให้เข้าใจ แต่สิ่งที่ตอบกลับมาก็ยังคงเป็นเพียงดวงตาทั้งคู่ที่ส่อแววเสียใจ

“งั้นก็ลืมมันไปแล้วกัน...” เตชัสยอมเอ่ยปากออกมาเสียงเรียบเฉยก่อนจะดึงมือตัวเองกลับ ทำเอาคนตัวเล็กใจหาย สุดท้ายก็ต้องยอมจนได้

“ก..ก็ได้!”

“หือ?”

“ข้า.. เอาที่หนีบผมของณิชาออกก็ได้”

“เปม..”

เตชัสเชยคางเปมขึ้นจ้องอย่างมีความหมาย รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นมา ก่อนที่มือใหญ่จะเอื้อมขึ้นถอดทีหนีบผมอันเก่าออกจากหัวสีน้ำตาลประกายเทาตรงหน้า และติดอันใหม่ของตัวเองเข้าแทนที่

“นี่ไม่ได้แปลว่าเจ้าหลงลืมหรือทรยศณิชา แต่นี่คือสิ่งที่จะแสดงให้ณิชาได้เห็นว่า เจ้าเข้มแข็งพอแล้วที่จะก้าวเดินต่อไป และขอให้นางไม่ต้องเป็นห่วงอีกต่อไปไง”

“...อื้อ”

“กลับกันเถอะ เดี๋ยวจะดึกมากไปกว่านี้”

วีที่เพิ่งโผล่หน้าออกมาจากร้านรีบพูดขึ้นพลางเงยหน้าขึ้นมองฟ้าที่เริ่มมืดสนิท เปมเองก็พยักหน้าเห็นด้วย ทำให้เตชัสต้องพาทั้งคู่ออกไปจากย่านที่คนกำลังพลุกพล่านนี้เพื่อไปขึ้นเจ้านกยักษ์ที่นอนรออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

“ข้าขอแวะบ้านรเณศหน่อยได้ไหม พอดีข้าซื้อเครื่องรางไว้ฝากเขา”

เปมกลั้นใจพูดออกไปในช่วงที่นกยักษ์กำลังถลาขึ้น ทำเอาเตชัสรีบตวัดสายตาดุดันกลับมาจ้องหน้าเปมเขม็ง เมื่อวีเห็นน้องชายตกอยู่ในแรงกดดันก็ชิงพูดสนับสนุนขึ้นมาก่อน

“ก็เอาสิ ท่านรเณศเป็นเพื่อนเจ้านี่”

สุดท้ายเจ้าชายฉลามขาวก็ต้องแพ้เสียงข้างมาก ยอมบังคับให้นกยักษ์แวะจอดที่บ้านพักหินของรเณศใกล้ตัวปราสาทก่อนจนได้ แต่ก็ไม่วายเดินประกบเปมเข้าไปถึงหน้าประตูบ้านอย่างหึงหวง

“เปม จารวี และเตชัส พวกเจ้ามาทำอะไรดึกๆดื่นๆ”

ไม่นานหลังจากการเคาะประตู เจ้าของบ้านในชุดสบายๆก็เดินหน้านิ่วออกมาเปิดประตูและทักทายผู้มาเยือนอย่างเย็นชา แต่ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไร เตชัสก็ถือวิสาสะผลักตัวรเณศออกจากทางเดิน และแทรกตัวเข้าไปในบ้านเสียแล้ว

“เฮ้ย!” รเณศร้องขึ้นมาแทบจะทันที ก่อนจะรีบหันกลับเข้าไปด้านในและเดินเข้าขวางร่างของเตชัสไว้

“เอ่อ รเณศ ขอโทษที่มารบกวนนะ แต่ข้าแวะเอาของฝากมาให้” เปมรีบรุดเข้าไปแทรกระหว่างทั้งสองคนและยื่นซองเล็กๆไปตรงหน้าขององครักษ์หนุ่มซึ่งมีสีหน้าประหลาดใจน้อยๆ

“ขอบใจ”

รเณศรับของในมือเปมมาและเอี่ยวตัวไปวางพักไว้ที่โต๊ะตัวยาว ซึ่งถูกนำออกมาตั้งแทบจะกลางห้องเพื่อใช้สำหรับทำงาน บนโต๊ะตอนนี้เต็มไปด้วยกองเอกสารแผ่นเล็กแผ่นใหญ่มากมาย รวมทั้งหนังสืออีกหลายตั้ง มองดูท่าทางจะกำลังยุ่งจัด

“ท่าทางเจ้ากำลังยุ่ง งั้นพวกข้าขอตัว”

“อ่า”

รเณศพยักหน้ารับพลางผายมือไปทางประตูบ้าน แต่ก่อนที่ใครจะได้ก้าวขาไปไหน เสียงม้วนกระดาษบนโต๊ะหล่นกระทบพื้นไม้ก็ดึงความสนใจของทั้งสี่คนไว้เสียก่อน ม้วนกระดาษเก่าๆกลิ้งไปหยุดอยู่ที่ใต้เท้าเปมพอดี แต่เมื่อชายหนุ่มตั้งใจก้มลงเก็บ รเณศก็รีบรุดเข้ามาใกล้หวังจะคว้าสิ่งนั้นไว้ แต่ก็ไม่พ้นมือเปมอยู่ดี คนตัวเล็กจ้องหน้าที่เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาของรเณศ ก่อนจะตัดสินใจคลี่ม้วนกระดาษในมือออก

ภาพร่างชุ่ยๆที่มองไม่ค่อยออกปรากฏขึ้นต่อหน้า ตามมาด้วยตัวอักษรยาวเต็มแผ่น หัวข้อเรื่องของสาร ว่าด้วยเรื่อง ‘การเสียชีวิตของหอยนางรม มินตรา’ เปมรีบไล่สายตาไปทั่วกระดาษแผ่นใหญ่ในมือ พร้อมๆกับหัวใจที่เต้นถี่รัวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ มือสองข้างขยำลงไปจนกระดาษแทบขาด แล้วร่างทั้งร่างยังเริ่มสั่นน้อยๆด้วยความสับสน จนเมื่อเตชัสที่ยืนข้างๆพยายามจะเข้ามาแตะตัวเปมนั่นแหละ คนตัวเล็กถึงได้รีบเบี่ยงหลบมือใหญ่นั้นและตรงเข้าไปค้นกองเอกสารบนโต๊ะทำงานของรเณศอย่างรีบร้อน ก่อให้เกิดความงุนงงขนานใหญ่ขึ้น

“เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ” วีก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นและเอ่ยปากถาม ตามมาด้วยเตชัสที่พยายามจะตรงเข้าหาตัวเปม แต่ก็กลับถูกรเณศเข้ามาขวางไว้เสียก่อน

“อย่ามาขวางทางข้า เปม! เกิดอะไรขึ้น มีอะไรงั้นเหรอ”

“เตชัส...เจ้า...”

รเณศเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อให้เปมได้เห็นหน้าเตชัสชัดเจน ถึงอย่างนั้นก็ยังคงกางแขนขวางไม่ให้เตชัสเข้าใกล้เปมมากไปกว่านี้ รวมทั้งวีเองก็ได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ

“อะไรกัน”

เจ้าชายฉลามเลิกคิ้วสูงอย่างหงุดหงิด แต่ก็ไม่เท่าเปมที่จ้องเตชัสเขม็งด้วยสายตาแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน สายตาที่เกินกว่าคำว่าโกรธเคือง เกินกว่าคำว่าผิดหวังเสียใจ สายตาที่ต้องการจะต่อว่าด่าทอ และเอาผิด...

“เจ้ารู้อยู่แล้วหรือเปล่า...”

เปมพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นเพราะอารมณ์เดือดดาลของตัวเอง ก่อนจะฟาดมือเล็กลงไปที่โต๊ะแข็งๆเต็มแรง และตวาดออกไปเสียงแข็ง ท่ามกลางความสับสนและเงียบงันภายในบ้านหลังเล็กๆนี้

 



“รู้อยู่แล้วหรือเปล่า ว่าแม่ของข้าถูกพ่อของเจ้าฆ่าตาย!!!”

-------------------------------------------

แบบนี้เขาเรียกว่า 'ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก' สินะ สินะ
มีช่วงเวลาดีดีได้ไม่เท่าไร ปัญหาก็เข้ามารุมอีกและ  :serius2:
ตอนหน้าจะเล่าความเป็นมาของพวกครึ่งมนุษย์นะคะ ฝากติดตามกันต่อด้วยเน้อ~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2012 18:15:29 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ปลื้มพ่อหมึกอย่างแรงอ่า  :กอด1:  อย่างนี้แปลว่ายอมตัดใจเหรอ
เรื่องณิชาเราก็เศร้านะ ไม่น่าจะคิดสั้นได้แท้ๆ หรือจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบ แต่อย่างที่รเณศบอกอ่ะ คนตัดสินใจคือณิชาเอง ถ้าเปมไม่รีบบอกเรื่องเตซัส ยื้อไปจะเจ็บปวดมากกว่า หลังจากนี้เปมเองก็ต้องเดินหน้าต่อไปล่ะนะ
ชอบตอนถามว่าอยากกินอะไรมากเลย เตซํสคิดได้ไงอ่ะ  :laugh:
แต่ตอนสุดท้ายนี่  :a5: แต่พระราชาก็รู้จักบ้านเปมนี่นา ตอนแรกนึกว่ามีความสัมพันธ์อันดีกันซะอีก ไหงเป็นงี้ไปได้ = =

รอตอนหน้านะจ๊า  o13

ออฟไลน์ U_Ton

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
 o22 เวรกรรมเเล้วมั้ยล่ะ... เตชัสไม่รู้ใช่มั้ย ป๊ะป๊ายังไม่บอกใช่มั้ย???

เปมใจเย็นๆ เตชัสอาจจะไม่รู้เรื่องก็ได้... รเณศไม่ได้ตั้งใจใช่มั้ยเนี่ย

ยัยวีจะว่ายังไงบ้างล่ะ... ขณะที่เปมสับสน เพราะเรื่องพ่อเเละเเม่ที่ถูกฆ่า

จารวีคงไม่ได้คิดเเต่เรื่องจะเสียบเเทนเปมอยู่หรอกนะ... ยิ่งไม่คิดถึงใจใคร

นอกจากตัวเองอยู่ :m16:

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
เรางงเรื่องเวลาอ้ะ

เปมก็รักเต จนยอมหลายอย่างเลย

วี ก็น่าหมัานไส้จริง


แล้ว แม่หอย เนี่ย โดนฆ่า แบบไหน รอ อ่านๆ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
อ้าวววววว
มีอดีตเกี่ยวเนื่องกันตอนรุ่นพ่อหรอ
แล้วงี้จะเป็นไงต่อไปล่ะ

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
เรางงเรื่องเวลาอ้ะ

เปมก็รักเต จนยอมหลายอย่างเลย

วี ก็น่าหมัานไส้จริง


แล้ว แม่หอย เนี่ย โดนฆ่า แบบไหน รอ อ่านๆ

งงเรื่องเวลาตรงไหนหรอคะ เราอาจจะแต่งงงๆ 555

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
พระเอกงานเข้าาาาา  :z3: :z3: :z3:

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
> เอาไว้คลี่คลายเรื่องแม่เปมแล้ว จะทำ Timeline ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้เน้อ จะได้ไม่งงกัน ;D
> เดี๋ยวนี้รเณศชักเด่น อย่าเพิ่งลืมเตนะค้าาา~


--------------------------------------------

บทที่ 11
เรื่องเล่าจากอดีต

 

“พูดอะไรของเจ้าน่ะ!” วีรีบท้วงขึ้นมาทันทีอย่างกราดเกรี้ยว ทั้งๆที่อีกสองหนุ่มกลับทำหน้าสลด พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเสียอย่างนี้

“พี่วี รายงานพวกนี้ บอกเกี่ยวกับการตายของแม่ข้า”

“แต่พ่อบอกว่าแม่เจ้าสิ้นอายุขัยตาย!”

“ไม่จริง!!”

เปมขึ้นเสียงอย่างเหลืออดพร้อมทั้งรวบแผ่นกระดาษมากมายบนโต๊ะขึ้นมาปาออกไปด้านหน้า ทำให้ปลิวหล่นระเนระนาดทั่วบริเวณ

วีหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาไล่สายตาอ่านอย่างรวดเร็วก่อนจะต้องยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงร้องจากความตกใจไว้ ในเมื่อเนื้อหามันระบุชัดเจนว่า หอยนางรมมินตรา ผู้เป็นแม่ของเปม ถูกกษัตริย์เตชินท์สังหาร ครั้งถูกนำตัวมาเป็นเครื่องบรรณาการที่ปราสาทเมื่อหลายปีก่อน

“ท..ท่านเตชัส” วีเผลอปล่อยกระดาษในมือ ก่อนจะหันไปเอาความกับเตชัสอย่างยากเย็น คนตัวสูงเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเหมือนน้อมรับความผิด จนเมื่อเวลาล่วงไปได้สักพัก เสียงทุ้มจึงยอมเปิดปากขึ้นช้าๆ ชัดๆ

“ใช่... ข้ารู้อยู่แล้ว”

“เตชัส!!”

โครม!!

ทั้งรเณศ และเตชัสต่างต้องรีบกระโจนหนี เมื่ออยู่ๆเจ้าหอยนางรมตัวน้อยที่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธอย่างสาหัส ก็ระบายอารมณ์เดือดด้วยการผลักโต๊ะตรงหน้าตัวเองล้มลงเกิดเสียงดังสนั่น จนวีเผลอกรีดร้องออกมาเสียงแหลม

“จารวี พาเตชัสกลับไป!”

รเณศรีบหันมาสั่งเสียงดุ พร้อมๆกับตรงเข้าคว้าตัวเปมที่กำลังจะพุ่งเข้าใส่เตชัสไว้อย่างถุลักถุเล ส่วนเตชัสที่เห็นภาพเปมกำลังโมโหอย่างควบคุมไม่อยู่ ก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ และพยายามจะเข้าไปใกล้เพื่ออธิบาย แต่ก็กลับถูกวีเข้ามารั้งแขนใหญ่ไว้และออกแรงดึงให้กลับไปด้วยกัน

“เดี๋ยว ข้าต้องอธิบาย...”

“ตอนนี้เปมคงไม่ฟังอะไรทั้งนั้น รอให้ใจเย็นลงก่อนเถอะ”

คนตัวใหญ่มองวีเหมือนพยายามจะทำความเข้าใจ แต่วีก็ไม่ได้สนใจคำตอบอะไรมาก กลับยิ่งดึงตัวเตชัสออกไปจนพ้นตัวบ้าน และก็ต้องขอบคุณความช็อกหลายๆอย่างที่ทำให้คนตัวสูงไม่มีแรงจะต้านทานอะไรมากนัก เธอถึงลากเขาขึ้นมาบนหลังของนกยักษ์ได้สำเร็จ

“เปม ใจเย็นก่อน!” ผิดกับรเณศที่ยังคงต้องต่อสู้กับแรงของเปมอยู่ลำพัง

“เขาเห็นข้าเป็นตัวตลกหรือไง!!”

“ข้าบอกให้ใจเย็นๆ!”

ไม่นานนัก ร่างบางที่เนื้อตัวขึ้นสีชัดเจนเพราะความโกรธก็ลอยขึ้นไปอยู่บนบ่าของรเณศ ซึ่งกำลังเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ โดยไม่สนใจแรงทุบทีและดีดดิ้นของเปมเลยแม้แต่น้อย จนในที่สุดรเณศก็วางตัวเปมลงในอ่างน้ำขนาดกำลังดี ก่อนที่สายน้ำเย็นๆจากฝักบัวจะถูกปล่อยออกมาชะโลมคนตัวเล็กให้สงบสติอารมณ์

“รเณศ!!”

เปมพยายามยันตัวเองลุกขึ้นพลางหันไปจ้องหน้ารเณศตาเขียว แต่คนตัวสูงก็เอาแต่กดหัวเปมกลับลงไปในอ่างตามเดิมและรั้งข้อมือบางทั้งสองข้างไว้

“เอาแต่อารมณ์ร้อนแบบนี้ แล้วมันจะช่วยให้อะไรดีขึ้นได้ไหม!”

“คนของปราสาทอย่างเจ้า มันก็ต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว ไอ้พว..”

เพียะ!

“...”

เปมนิ่งไปทั้งๆที่ยังพูดไม่จบ แต่คนที่เหมือนกับถูกสาปให้กลายเป็นหินก็คือรเณศมากกว่า รเณศที่เผลอฟาดมือลงไปกับแก้มเนียนๆของคนตัวเล็กเมื่อครู่ เพียงเพราะต้องการจะระงับความเดือดดาลในตัวของเปมเท่านั้น

“ข..ข้าขอโทษ”

รเณศเงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือแดงของตัวเองเพื่อจ้องหน้าร่างบาง แต่เปมกลับมีสีหน้ารังเกียจและสายตาโกรธเคืองกลับมาให้เขา ดวงตาคู่ใสที่แทบจะถลนออกมาเพราะแรงกระทบที่แก้มซ้ายจ้องมองคนตัวใหญ่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง ราวกับอยากจะฆ่าคนคนนี้ด้วยเพียงการจ้องมองเสีย

ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดตอบกลับมา เปมเพียงแค่ยันตัวเองลุกขึ้นจากแรงถ่วงของน้ำที่เริ่มเอ่อขึ้นมาภายในอ่าง แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวขาออกไป เรี่ยวแรงทั้งหมดในตัวพร้อมๆกับสติสัมปชัญญะทั้งปวงก็ขาดผึ่งลงอย่างปัจจุบันทันด่วน จนรเณศต้องรีบสะบัดหัวไล่ความรู้สึกแย่ๆเมื่อครู่ออกก่อน และคว้าตัวร่างบางที่ล้มลงไว้ในอ้อมแขนแกร่ง

ปลาหมึกยักษ์จัดแจงเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เปมและพาไปนอนพักอยู่บนเตียงของตัวเองเหมือนเช่นเคย ก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงข้างๆพลางลูบผมของเปมไปมาอย่างเบามือ รเณศค่อยๆเลื่อนนิ้วมือไปแตะที่แก้มซ้ายของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องรีบชักมือกลับเพราะความรู้สึกผิดในใจ บวกกับภาพตัวเองที่รุนแรงกับเปมเมื่อครู่มันย้อนกลับมาตอกย้ำซ้ำอยู่ในสมองจนปวดหัวไปหมด

เช้าวันรุ่งขึ้นมาถึงไวยิ่งกว่าโกหก...ดูเหมือนรเณศจะยังไม่ได้นอนทั้งคืนถ้าสังเกตจากขอบตาที่ดูยังไงๆก็เป็นหมีแพนด้าไม่ผิดเพี้ยน บวกกับตำแหน่งการนั่งที่แทบจะเหมือนเดิมทุกประการ ประหนึ่งว่าเขาไม่ได้ขยับไปไหนเลย...นอกจากอยู่ข้างๆคอยเฝ้าดูเปมตลอดทั้งคืน...

คนตัวเล็กขยับตัวตื่นขึ้นช้าๆก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้น แล้วก็ต้องสะดุ้งหน่อยๆเมื่อหันไปเห็นรเณศที่หน้าตาท่าทางดูโทรมเต็มที

“ข้า.. หลับไปตั้งแต่เมื่อไร”

“เจ้าสลบไปหลังจากที่ข้าตบหน้...”

ดูเหมือนเปมจะถามคำถามได้โหดร้ายทารุณมากเกินไปหน่อย ถึงไปสะกิดต่อมความทรงจำอันเลวร้ายเมื่อคืนของรเณศให้กลับมา องครักษ์หนุ่มหยุดพูดกระทันหันก่อนจะรีบหันไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะเล็กๆข้างเตียงและคว้ากริชด้ามสวยออกมา เรียกเสียงร้องตกใจจากคนข้างๆได้อย่างดี

“เฮ้ยๆๆ เจ้าจะทำอะไร!” เปมรีบขยับตัวเข้าใกล้รเณศ ที่ค่อยๆหันมาจ้องเปมเขม็ง คล้ายพวกหนังแปลงประเภทซอมบี้ผีดิบเทือกนั้น

“มือข้างที่ทำร้ายเจ้า ข้าไม่ต้องการ”

“จะบ้าเรอะ!!”

เมื่อได้ยินดังนั้น คนตัวเล็กก็ไม่รอช้า รีบกระโจนตัวเองเข้าไปยื้อแย่งกริชในมือรเณศมาทันที ก่อนจะปาออกไปในระยะไกลพอสมควร คนตัวสูงที่ตั้งท่าจะลงจากเตียงไปเก็บกริชคืนมา ก็ไม่มีโอกาสได้ทำตามใจ เมื่อเปมตรงเข้าล็อกคอตนไว้จากด้านหลัง ก่อนจะย้ายร่างเล็กๆของตัวเองมาเผชิญหน้ากับคนตัวใหญ่ และผลักร่างหนักๆของรเณศลงกับเตียงอุ่น พร้อมขึ้นคร่อมไว้หลวมๆ

“ข้าไม่เคยคิดว่าจะได้ด่าเจ้าด้วยคำนี้มาก่อน แต่เจ้านี่มันทั้งโง่และบ้าจริงๆ”

“งั้นเหรอ ข้าทั้งโง่และบ้าจริงๆ ถ้าเช่นนั้น...”

“เฮ้ยย!”

เปมร้องขึ้นมาเสียงหลง เมื่ออยู่ๆคนข้างล่างก็ผลักเปมออก ก่อนจะพลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายที่คร่อมร่างบางไว้แทน แถมยังโน้มหน้าลงมาใกล้เหลือเกิน

“...ก็รักษาข้าซะสิ”

“บ..บ้า! เจ้ามันบ้าจริงๆรเณศ!”

คนตัวเล็กดีดดิ้นอยู่บนที่นอนพลางเบือนหน้าหนีสายตากรุ้มกริ่มของรเณศที่จ้องตนไม่วางตา แต่ไม่นานร่างสูงก็เป็นฝ่ายยอมผละออกไปนั่งพิงกำแพงข้างเตียง เปมเลยได้โอกาสรีบลุกขึ้นมานั่งตัวเกร็งอย่างระวังตัว

“ที่ตบเจ้าเมื่อคืน ขอโทษนะ”

“แทนคำขอโทษ...” เปมเลิกทำตัวเป็นหิน เมื่อเห็นท่าทางปล่อยตัวของคนตัวใหญ่ที่ดูน่าจะไว้ใจได้แล้ว ก่อนจะขยับตัวไปใกล้อีกเล็กน้อย

“หึ?”

“...ช่วยเล่าเรื่องแม่ข้าให้ฟังที”

“.....”

ความเงียบยาวนานเข้าปกคลุมรอบๆห้องทันที เสียงหายใจของคนทั้งสองดังอย่างต่อเนื่องหลายนาที จนในที่สุดรเณศก็ยอมขยับตัวและเปิดปาก

“นานมากแล้ว ในยุคที่วิทยาศาสตร์เฟื่องฟูถึงขีดสุด พอๆกับการตกต่ำของจริยธรรม... ผลกระทบจากการทดลอง ตัดแต่ง และดัดแปลงพันธุกรรมของพวกมนุษย์ในสัตว์ ทำให้พวกสัตว์เริ่มมีวิวัฒนาการก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จนพ้นขีดจำกัดของเดรัจฉาน สัตว์นานาชนิดเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างร่างกาย จนเทียบเคียงกับมนุษย์”

เปมมองรเณศอย่างไม่เข้าใจ เพราะไอ้เรื่องที่เขากำลังเล่าอยู่ มันก็แค่ประวัติศาสตร์ของซีกโลกฝั่งขวาธรรมดาๆเท่านั้น ไม่รู้ว่าจะเท้าความไปไกลขนาดนั้นทำไม แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็ยังคงตั้งใจฟังต่อไป

“พอนานวันเข้า พวกสัตว์เหล่านั้นก็เริ่มเรียนรู้ที่จะสื่อสารอย่างมนุษย์ และท้ายที่สุดก็คือ... การมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับมนุษย์ หรือที่พวกนั้นเรียกกันว่าการผสมข้ามพันธุ์ จนก่อเกิดมาเป็นพวกเราในทุกวันนี้”

“อืม...”

“แม่ของเจ้า.. หอยนางรมมินตรา เป็นของล้ำค่า เพราะนางครอบครองพลังรักษาอันน่าอัศจรรย์ อีกทั้งรูปลักษณ์ที่งดงาม บวกกับชื่อเสียงเรื่องความเป็นมิตร ก็ทำให้พ่...กษัตริย์เตชินท์หลงใหลเป็นอันมาก”

“เนี่ยนะหลงใหล!?”

“เฮ้ย!”

รเณศรีบเอ็ดออกมา เมื่อเห็นคนตัวเล็กเริ่มมีน้ำโหขึ้นมา แถมยังทำท่าเหมือนจะเข้ามาต่อยหน้าตัวเองอย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายเปมก็ต้องยอมกลับไปนั่งเรียบร้อยทำตัวเป็นเด็กน้อยว่านอนสอนง่าย และฟังรเณศร่ายยาวต่อไป

“ในที่สุดโอกาสก็มาถึง เมื่อเศรษฐกิจของครอบครัวเจ้าไม่สู้ดี ทำให้มินตราต้องยอมเข้าปราสาท..”

“ในฐานะ นางบำเรอ...”

“ใช่ แต่เป็นนางบำเรอ.. ไม่สิ กล้าพูดได้เลยว่า เป็นผู้หญิงคนเดียว...”

“...”

เปมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เมื่อจู่ๆคนตรงหน้าก็เงียบไปดื้อๆ ยิ่งเร้าให้ความตื่นเต้นมันแทบปะทุออกมา รเณศหันมาจ้องตาเปมอย่างจริงจัง เหมือนต้องการจะสื่อให้รู้ว่า สิ่งที่กำลังจะพูดให้ฟังน่ะ คือเรื่องจริง...

“เป็นผู้หญิงคนเดียว ที่กษัตริย์เตชินท์รัก”

“ว่าไงนะ?”

“ไม่ว่าจะมเหสี หรือกี่นางสนม ก็ไม่เคยได้รับความรักอย่างแท้จริงจากกษัตริย์เตชินท์เลย ยกเว้นเพียงนางบำเรอคนสุดท้าย แม่ของเจ้า”

“ไม่จริง!”

คนตัวเล็กพุ่งเข้าใส่รเณศทันทีอย่างเหลืออด เพราะคำพูดของคนตรงหน้าฟังดูอย่างยั่วโทสะมากเหลือเกิน ยิ่งฟังก็ยิ่งเห็นว่ารเณศพยายามเข้าข้างกษัตริย์เตชินท์ จนไม่หลงเหลือความยุติธรรมให้แม่ของตนเลย แต่ถึงอย่างนั้นกำปั้นเล็กๆก็ถูกคว้าไว้ด้วยมือใหญ่อย่างง่ายดาย ก่อนที่ร่างบางจะถูกผลักออกไปพร้อมสายตาตำหนิ

“วันนั้นกษัตริย์เตชินท์อารมณ์เสียเป็นอย่างมาก จนพลั้งมือทำร้ายแม่ของเจ้าจนถึงแก่ชีวิต ที่ข้าต้องการจะบอกก็คือ สัญชาตญาณดิบของความเป็นฉลามอันโหดเหี้ยม ก็คือสิ่งที่พรากวิญญาณของแม่เจ้าไปนั่นแหละ!”

“อึ่ก!” เปมพยายามกลั้นเสียงร้องตกใจเมื่อจู่ๆรเณศก็รุดเข้ามาใกล้และบีบข้อมือบางไว้แน่นพลางตีสีหน้าจริงจังระคนน่ากลัว

“อย่างไรเสีย ต้นเหตุที่แท้จริงของหลายๆปัญหาทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน เกิดขึ้นมาเพราะระบบบรรณาการและสวัสดิการที่ย่ำแย่ของเขตสัตว์น้ำ”

“...”

“เปม เจ้าจงมาช่วยข้า...”

“อ..อะไร เจ้าจะทำอะไร”

รเณศยิ่งจ้องมองลึกลงไปในดวงตาของเปมที่สั่นระริก ก่อนจะค่อยๆคลายแรงบีบที่มือออก แต่ก็ยังคงตีสีหน้ากับน้ำเสียงจริงจังเสียยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

“ข้าจะเปลี่ยนกฎหมายของที่นี่”

John Doe

  • บุคคลทั่วไป
พี่หนึกรุนแรงอะ ให้อภัยไม่ได้  :angry2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
พี่หมึก เปลี่ยนกฎหมายซ่ะเลย :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
> ตอนนี้สั้นมาก
> ตอนหน้าสั้นกว่านี้บอกเลย 555
> คนอ่านหาย ;_;
> ช่วงนี้อัพเรื่อยๆนะคะ ปิดเทอม >w<


---------------------------------

บทที่ 12
ผู้ช่วยองครักษ์

 

ลมหนาวเริ่มพัดมา จนบรรยากาศรอบๆปราสาทใหญ่แห่งเขตสัตว์น้ำในขณะนี้ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเย็น ความแห้งแล้ง และความเหงา ในขณะนั้นเอง.. นางบำเรอน้อยใหญ่ได้ถูกต้อนมาออกันอยู่หน้าประตูไม้สลักทองซึ่งก็คือห้องบรรทมของเจ้าชายฉลามจอมเอาแต่ใจที่บัดนี้ เอาแต่ขังตัวเองไว้ในห้อง ไม่กินข้าวกินปลามาตลอดวันตลอดคืน

“ท่านเตชัส ทานอะไรสักหน่อยเถอะ” เสียงจารวีดังขึ้นก่อนใครพลางเคาะประตูรัวๆ ถึงอย่างนั้นก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากคนในห้อง

“เจ้าไปตามเปมมาหาท่านเตชัสดีไหม สองคนเขาสนิทกันไม่ใช่หรอ”

วาสินีออกความเห็น ตามมาด้วยเสียงเห็นด้วยจากนางบำเรอคนอื่นๆ ซึ่งรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเปมดี ในฐานะคนสนิทและคนคนเดียวที่เตชัสยอมอ่อนข้อให้

“ถ้าได้ก็ดีน่ะสิ”

วีหันหน้ากลับเข้าหาประตูอีกครั้งและพึมพำเบาๆ ในหัวก็สับสนไปหมด เธอเองก็เข้าใจที่เปมจะโกรธ เพราะถูกปิดบังเรื่องการตายของแม่ตนเอง แถมความจริงยังโหดร้ายด้วยการที่ฆาตรกรคือพ่อของคนรักอีก แต่ทางนี้เองก็น่าเห็นใจไม่แพ้กัน เพราะจากที่สืบทราบมา ท่านเตชินท์ก็เจ็บปวดไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุครั้งนั้น แถมท่านเตชัสยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับรู้อะไรมาตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ กลับต้องถูกตีตราบาปรวบยอดไปด้วยแบบนี้ก็ไม่ค่อยยุติธรรมเหมือนกัน ถ้าจะโกรธก็อาจจะเพราะถูกปิดบังจนเปมกลายเป็นเหมือนตัวตลกนั่นแหละ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด...

แต่ความคิดความเครียดของวีก็ต้องถูกสกัดไว้เพียงแค่นั้น เมื่ออยู่ๆเสียงฝีเท้าหนักๆฟังดูน่าเกรงขามก็ตรงเข้ามาจากด้านหลัง พร้อมๆกับขบวนทหารที่ขนาบข้างผู้มาใหม่เต็มไปหมด นางบำเรอทุกคนค่อยๆหลีกทางให้กับเจ้าของปราสาทแห่งนี้ ก่อนที่วีจะรีบก้าวเท้าให้พ้นจากสายตาของเตชินท์ที่มองมาอย่างเรียบเฉย

แต่ถ้าเป็นไปได้ สาวๆทุกคนในที่นี้ คงอยากจะวิ่งหนีออกไปให้พ้นบริเวณเสียมากกว่า เพราะความน่าเกรงขามและพรั่นพรึงของกษัตริย์เตชินท์มันเอ่อล้นออกมา จนร่างของพวกลูกครึ่งสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยแถวนี้สั่นเทิ้มกันไปเป็นแถว

ปึงง!

ไม่ต้องรอให้คนข้างในขานรับอะไร เตชินท์ก็ใช้เพียงฝ่ามือเดียวพังประตูไม้หนาเนื้อดีตรงหน้าทลายลงอย่างง่ายดาย ก่อนจะก้าวขาเข้าไปเผชิญหน้ากับลูกชายที่เอาแต่นอนโทรมอยู่บนเตียง สายตาทอดมองออกไปทางหน้าต่างห้องอย่างว่างเปล่าและไร้จุดหมาย จนเมื่อเสียงทุ้มใหญ่ๆของเตชินท์ดังขึ้น เตชัสถึงได้สติ หันกลับมามองผู้เป็นพ่อ และเหล่านางบำเรอทั้งหลายที่ค่อยๆโผล่หัวออกมาจากสองฟากของประตู

“เตชัส อีกห้านาที ให้มาพบข้าที่ห้องทำงาน”

หลังจากเตชินท์เดินกลับออกไปได้ไม่กี่นาที พวกนางบำเรอและเด็กรับใช้ต่างก็ทยอยกันกลับไปทำกิจของตน เพราะดูเหมือนว่าเจ้าชายฉลามจะเริ่มแต่งเนื้อแต่งตัว เตรียมไปพบผู้เป็นพ่อได้แล้ว ที่ยอมอาจจะเพราะแค่เหตุผลเดียวเลยก็คือ เตชินท์ไม่เคยมาตามเตชัสด้วยตัวเองมาก่อน สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า กษัตริย์ผู้เกรียงไกรก็ยังมีจิตใจเป็นห่วงบุตรตัวเอง

เจ้าชายฉลามเดินผ่านห้องโถงที่กำลังมีการเคลื่อนไหวของเหล่าทหารเหมือนกำลังจะต้อนรับใคร แต่เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจ และพาตัวเองเข้าไปในห้องทำงานของพ่อที่อยู่ชั้นบนสุดของปราสาท สองพ่อลูกดูเหมือนจะใช้เพียงสายตาสื่อสารกันเท่านั้น เพราะทั้งห้องเงียบสงัด จนเมื่อเสียงฝีเท้าตามบันไดดังขึ้นไกลๆ เตชินท์ก็วางเอกสารในมือลงและเงยหน้าขึ้นพูดกับลูกชาย

“ปราสาทเรากำลังจะรับคนใหม่ เป็นคนของรเณศ มาประจำตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าตัวนั่นล่ะ”

“เรื่องแค่นี้ ทำไมต้องเรียกข้ามาด้วย”

“ถ้าข้าไม่เรียกออกมา เจ้าก็ได้นอนเป็นปลาแห้งตายอยู่แต่ในห้องน่ะสิ”

“เฮอะ แล้วอย่างรเณศยังต้องมีผู้ช่วยอะไรอีก...”

แกร๊ก...

ทั้งห้องเงียบลงอีกครั้ง พร้อมๆแรงกดดันมหาศาลที่ค่อยๆเคลื่อนผ่านรอยแยกของประตูเข้ามา เสียงหมุนลูกบิดดังขึ้นได้พักหนึ่ง ก่อนที่ประตูไม้เนื้อดีจะค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นองครักษ์ฝั่งขวาของกษัตริย์ในชุดประจำตำแหน่งเต็มยศดูภูมิฐานพอตัว แต่ไอ้อารมณ์หมั่นไส้ที่กำลังก่อตัวในใจของเตชัสก็กลับถูกดูดกลืนหายไปดื้อๆ พร้อมกับความรู้สึกตกใจสุดขีดพุ่งเข้าเล่นงานแทนที่ ทันทีที่ร่างบางๆของคนคุ้นเคยปรากฏไล่หลังรเณศมาติดๆ

“เปมทัต...”

กษัตริย์เตชินท์อุทานชื่อคนตัวเล็กขึ้นมาอย่างตกใจไม่แพ้กัน ก่อนจะรีบกลับมาตีสีหน้านิ่งขรึมเหมือนเดิม แขกทั้งสองดูเหมือนจะตั้งใจมองผ่านเตชัสที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งลุกอย่างลนลาน ไปหยุดสายตาที่เตชินท์ และก้มหัวทำความเคารพพร้อมกัน

“ผู้ช่วยของเจ้าที่ว่า คือเปมทัตเองรึ”

“ครับ..”

“เดี๋ยวสิ!” สิ้นเสียงรเณศเพียงเสี้ยววินาที เตชัสก็รุดเข้ามาตะคอกเสียงดัง จนเตชินท์ต้องรีบปรามด้วยสายตาตำหนิ

เจ้าชายฉลามมีท่าทีอ่อนลงเมื่อเห็นแววตากราดเกรี้ยวของพ่อ พลางพยายามข่มอารมณ์มากมายที่กำลังพรั้งพรูออกมาไม่หยุด ยิ่งเห็นรเณศที่ขยับตัวเข้าใกล้จนแขนใหญ่แนบไปกับแขนบาง แถมยังลอบจับมือกันไว้แน่นนั้น ก็ยิ่งกระตุ้นแรงโกรธ สับสน และว้าวุ่นใจให้เตชัสอีกเท่าตัว

ส่วนคนตัวเล็กที่เอาแต่ปิดปากเงียบมาตลอด ตอนนี้เองก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากไม่แพ้กัน... ความพยายามที่จะไม่พุ่งเข้าเอาเรื่องกษัตริย์เตชินท์อย่างไรล่ะ และด้วยเหตุนั้น ทำให้ตอนนี้ร่างบางสั่นเทิ้มด้วยความโกรธจนคนข้างๆต้องถือวิสาสะคว้ามือเล็กไปกุมไว้ ทั้งเพื่อปราม และเพื่อปลอบในเวลาเดียวกัน

“ถ้าเจ้าไว้ใจ ข้าก็ไม่มีอะไรจะขัดหรอกนะ”

“ครับ งั้นข้าขอตัว” รเณศกับเปมก้มหัวเคารพอีกครั้งก่อนจะพากันออกจากห้องไป โดยมีเตชัสตามไปติดๆ

“หยุดก่อน!”

เตชัสตรงเข้าไปหาเปมแทบจะทันที แต่เมื่อเข้าใกล้ คนตัวเล็กก็ยิ่งออกห่าง ส่วนรเณศเองก็ยังเอาตัวมาขวางไม่ให้เตชัสเข้าถึงตัวเปมได้อีก

“เปม ไปรอข้าที่ห้องโถง”

“อ..อือ”

ร่างบางรับคำเสียงเบา เขาลอบสบตาเตชัสเพียงแวบหนึ่งก่อนจะรีบหันหลังเดินลงบันไดยาวลงไป ทิ้งให้เตชัสยืนตะโกนเรียกชื่อเปมไปมาอย่างน่ารำคาญ

“รเณศ นี่เจ้า...ฮึ่มม”

เมื่อไม่มีทีท่าว่าเปมจะหันกลับมา ก็เลยต้องย้ายเป้าหมายมาเอาเรื่องไอ้ปลาหมึกเจ้าเล่ห์ตรงหน้าแทน ซึ่งรเณศเองก็ดูเหมือนจะมีแผนพร้อมรับมือเรื่องนี้อยู่แล้ว ถึงได้ยืนกระดิกนิ้วไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่อย่างนี้

“ข้าคิดว่า เจ้าไม่คู่ควรกับเปมหรอกนะ”

ปลาหมึกยักษ์ส่งสายตาดูถูกไปให้เตชัสอย่างหาเรื่อง แต่ก่อนที่เจ้าฉลามจะพุ่งเข้าใส่ตัว รเณศก็ชิงพูดขึ้นต่อก่อน ทำเอาเตชัสถึงกับหยุดการเคลื่อนไหวไปดื้อๆ ก่อนจะยอมหยุดฟังคนตรงหน้าพล่ามอย่างช่วยไม่ได้

“เพราะเจ้าโหดร้ายยังไงล่ะ”

“ว่าไงนะ”

“เปมสูญเสียความเชื่อใจในตัวเจ้าไป จากการที่เจ้าปิดบังเรื่องการตายของมินตรา ทำให้เปมดูเหมือนตัวตลกที่โดนเจ้าปั่นหัวเล่น”

“นั่นน่ะไม่จริง! ข้ายอมรับว่าตัวเองขี้ขลาดที่ไม่กล้าพูดเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่เพราะต้องการเล่นสนุกกับเปมแน่”

“ก็อาจจะใช่นะ แต่เปมในตอนนี้ คงยากที่จะเชื่อคำแก้ตัวของเจ้าแล้ว”

“อึ่ก!”

คำพูดทุกคำในตอนนี้ของรเณศ ราวกับหอกที่พุ่งเข้าเสียบกลางดวงใจของเตชัสก็ไม่ปาน ไม่ว่าจะคำไหนๆ เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธหรือโต้แย้งได้เลย

“แต่เหตุผลที่ทำให้เจ้าไม่คู่ควร ก็คือการที่เจ้าเป็นฉลามขาวที่มีนิสัยอารมณ์ร้อนแบบนี้ไง แล้วสักวันเจ้าคงพลั้งมือฆ่าเปม เหมือนที่เตชินท์ฆ่ามินตรานั่นแหละ”

“ไม่มีวัน!”

“แต่เจ้าก็ทำไปแล้ว! เตชัส เจ้าลืมแล้วเหรอ ว่าคืนแรกที่ได้เจอเปม เจ้าเคยฝากรอยกัดไว้ที่ต้นขาของเขา”

ความจริงตรงเข้าตอกย้ำจิตใจที่กำลังอ่อนแอของเตชัสอีกครั้ง แม้อยากจะเถียงก็เถียงไม่ออก ในเมื่อเหตุการณ์ที่ว่ามันเคยเกิดขึ้นจริง แล้วเพราะวันนั้นเขาอารมณ์ร้อนมากเกินไป ถึงได้เผลอทำร้ายเปมลงไปอย่างไม่น่าอภัย นี่น่ะเหรอ ตัวตนที่ไม่คู่ควรกับเปมของเขา...มันจริงน่ะเหรอ ที่ว่าเขาไม่คู่ควรกับเปม...

“เตชัส... เจ้าจะแน่ใจได้ยังไง ว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก”

“...”

“จะแน่ใจได้ยังไง ว่าเจ้าจะปกป้องเปมไว้จากตัวของเจ้าเองได้”

“...”

“แล้วจะแน่ใจได้ยังไง... ว่าเจ้าจะสามารถให้ความสุขกับเปมได้”

รเณศทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้น จนเวลาผ่านไปหลายนาที เตชัสก็เป็นฝ่ายที่เดินผ่านหน้ารเณศลงไปข้างล่างอย่างหมดอาลัยตายยาก คำพูดแม้สักคำที่อยากจะเปล่งออกมา ก็กลับถูกดูดกลืนหายไปดื้อๆ ด้วยเหตุผลเดียวว่า เขาไม่มีอะไรมาเป็นหลักประกันได้เลยว่า จะไม่พลั้งมือทำร้ายเปม เหมือนอย่างที่พ่อ หรือแม้แต่ตัวเขาในอดีตเคยทำ

องครักษ์หนุ่มรีบลงบันไดไล่หลังมาติดๆ จนเมื่อเห็นแผ่นหลังของเปมอยู่ไม่ไกล รเณศก็ก้าวเท้าเร็วขึ้นจนแซงหน้าเตชัสที่ดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงไปเสียแล้ว พ่อปลาหมึกรีบรุดเข้าไปดันหลังเปมให้ออกไปพ้นเขตประตูปราสาท โดยไม่แม้แต่จะปล่อยให้เขาได้หันหลังกลับมาพบหน้ากับเตชัสอีกครั้งด้วยซ้ำ

ฝ่ายคนตัวเล็ก ตั้งแต่ที่กลับจากปราสาทมาพักอยู่ที่บ้านของรเณศ ก็เอาแต่นั่งเหม่อลอยมาตลอด จนไม่ได้สนใจฟังรเณศที่พยายามจะบอกว่า ได้ส่งจดหมายเรื่องงานในปราสาทไปให้พ่อของเปมเรียบร้อยแล้ว เพราะลึกสุดลึกในใจของเจ้าหอยทะเลตัวน้อย ก็ยังแอบหวังเล็กๆ ว่าเตชัสอาจหาคำอธิบายที่ดีมากพอให้ตนยอมรับได้ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจเปมเท่าไรนัก แม่แต้คำแก้ตัวสักคำก็ไม่มีให้ด้วยซ้ำไป

ความจริงแล้วถ้าจะเกลียด ก็ต้องเกลียดกษัตริย์เตชินท์ ที่ฆ่าแม่ของตน แต่หลังจากที่เวลาผ่านไป บวกกับถูกรเณศกล่อมอยู่ทุกวัน ก็ดูเหมือนจะทำให้เปมทำใจเย็นกับเรื่องนี้ได้มากขึ้นแล้ว แต่กับเตชัสน่ะคือโกรธ โกรธที่ไม่บอกความจริง โกรธที่ปิดบัง และอาจจะเพราะความรู้สึกพ่วงเล็กน้อยจากการที่เป็นลูกชายของคนที่ฆ่าแม่ตัวเองด้วย ถึงอย่างนั้น...ความรักที่เคย และยังมีให้เตชัส ก็มากมาย มากจนอยากจะอภัยให้ แต่การที่ไม่มาง้อกันเลยแบบนี้มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเตชัสใจร้าย และละเลยตนเองขนาดไหน ฉะนั้นจึงยังไม่อาจใจอ่อนให้ได้

ยังไงก็ตาม ต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหาตลอดมา ก็เป็นอย่างที่รเณศบอกจริงๆนั่นแหละ... ระบบบรรณาการของเขตสัตว์น้ำ มันเป็นระบบที่ย่ำแย่และต่ำทรามมากเกินไป คิดดูสิว่า ถ้าไม่มีไอ้ระบบบ้าๆนี่ แม่ของเปมก็ไม่ต้องถูกพาเข้าปราสาท และไม่ถูกฆ่าตาย เช่นกัน... วาสินีก็ไม่ต้องพลัดพรากจากครอบครัวและคนรัก และที่สำคัญ จารวีก็จะไม่ต้องถูกจับเป็นนางบำเรอของเตชัส ไม่ต้องมีความสัมพันธ์กัน และไม่นำพาความลำบากใจแสนหนักหนานี้มาให้ ซึ่งเปมก็ตัดสินใจดีแล้ว ว่าจะช่วยรเณศในเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดก่อน ส่วนไอ้เรื่องจะคั่งแค้นใคร หรือโกรธเคืองใคร ค่อยเอาไว้จัดการทีหลังแล้วกัน ถึงยังไง...คนคนนั้นก็ไม่ได้มีจิตใจจะมาง้ออะไรตนอยู่แล้วนี่...

นั่นสิ... หรือไม่บางที...

“เตชัส...บางที ข้าอาจไม่มีค่ามากพอให้เจ้ามาไล่ตามแล้ว...”

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
จะเกิดอะไรขึ้นต่อนะเนี้ย

nOsTrAdamUsz

  • บุคคลทั่วไป
เค้าไม่ได้หายนะ แต่บวกเป็ดไม่ติด  :เฮ้อ:



ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
สู้ๆจ้า

><' ลุ้นเมื่อไหร่น้องหลามจะสวีทกับน้องหอยอีกครั้ง


 :z1: (เมื่อไหร่น้องหอยจะถูกกิน อิอิส์  :z2:)

ออฟไลน์ second

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
ซึนทั้งฉลาม ทั้งหอย แล้วเมื่อไรจะได้คู่กันล่ะเนี่ย  :sad4:
เข้ามาอ่านรวดเดียว ชอบค่ะชอบ :m4:
แฟนตาซีมากเบยยย  :m1:

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
โธ่... เตชัตมัวแต่ช็อกอยู่ สินะ เลยไม่ได้มาง้อ

จะเป็นไงต่อไป

เปม คงไม่หันไปรัก รเณศ หรอกใช่มั้ย

ต่อๆ

ไม่ได้หายไปไหนน้า อิอิ

John Doe

  • บุคคลทั่วไป
น่าสงสารทั้งคู่เลยอะ แต่ก็ยังแอบ... เชียร์พี่หมึก

darkeyes1

  • บุคคลทั่วไป
เหอๆ  ช่างเป็นเรื่องแฟนตาซีที่ไร้ความสุข

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 13
เจ็บปวด

 

เปมที่ยังคงโกรธเตชัส...ที่ก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า โกรธเพราะเขาปิดบังเรื่องราวกับตน หรือโกรธเพราะเขาไม่มาง้อกันแน่ กับเตชัส ที่โดนคำพูดแทงใจของรเณศทำให้ไม่มีหน้าจะไปอธิบายหรือแก้ตัวอะไรกับเปมอีก โดยฝังใจไปว่าเปมจะปลอดภัยถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ตน ก็ทำให้ทั้งคู่ไม่พูดไม่จากันมาร่วมหลายวันแล้ว ทั้งๆที่ก็ต้องเห็นหน้าเห็นตากันอยู่เนืองๆภายในปราสาทแห่งนี้ นับตั้งแต่ที่เปมเข้ามาทำงานอย่างจริงจัง แต่ถึงจะพูดแบบนั้น สิ่งที่เปมทำก็มีแต่ยกของเล็กๆน้อยๆ ช่วยวีทำอาหาร นั่งพูดคุยกับคนในปราสาท และเดินไปเดินมาเท่านั้น เพราะรเณศเองก็ไม่ได้วาดหวังว่าเปมจะทำงานราชการได้ดี และก็ไม่อยากให้ต้องมาลำบากด้วย

“เจ้าเคียดแค้นกษัตริย์เตชัสมากขนาดนั้นเลยหรอ”

รเณศเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตั้งใหญ่บนโต๊ะ และเอ่ยปากถามคนตัวเล็กที่เอาแต่จ้องรูปภาพคู่ของรเณศกับเตชินท์ในกรอบทองอย่างไม่วางตา

“ไม่รู้สิ ข้าควรจะเกลียดคนที่พรากแม่ข้าไป แต่เพราะเจ้าย้ำทุกครั้งว่า เขารักแม่มาก ข้าเลยสับสนนิดหน่อย”

“ข้าไม่ห้ามให้เจ้าไม่แค้นหรอกนะ แต่ก็พึงรับรู้ไว้ด้วยว่า ทุกอย่างมันเป็นอดีตที่ไม่มีใครตั้งใจให้เกิดเท่านั้น อย่างที่ข้าว่านั่นแหละ แทนที่จะเกลียดเตชินท์ สู้เอาความเกลียดไปลงที่ระบบการปกครองห่วยแตกนี่ไม่ดีกว่ารึ”

“เพราะข้าพยายามคิดแบบนั้นไงเล่า ถึงได้ยอมเข้ามาช่วยเจ้าอยู่แบบนี้”

“ก็ดี”

รเณศเลิกชวนคุย และหันกลับไปก้มหน้าก้มตาจัดการกับเอกสารมากมาย จนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง คนตัวใหญ่ก็ได้ฤกษ์วางปากกาหมึกซึมในมือลง และคว้าแขนคนตัวเล็กให้ลุกขึ้น เพื่อไปรับประทานอาหาร และนี่ก็เป็นอีกช่วงเวลาอันชวนกดดันที่จะเกิดขึ้นทุกครั้ง เพราะโต๊ะอาหารที่ต้องไปร่วมวงด้วยน่ะ มันคือโต๊ะเดียวกับเตชัสและเหล่านางบำเรอทั้งหลายน่ะสิ!

“ข้าไม่อยากไปเจอหน้าเขาเลยให้ตาย”

เปมบ่นอุบอิบตลอดทางมาถึงห้องอาหาร จนรเณศต้องโน้มตัวลงมาใกล้ๆ และกระซิบเสียงแผ่ว ทำเอาร่างบางขนลุกเกรียว

“งั้นก็มองแต่หน้าข้าแล้วกัน”

“เหอๆ...นี่ก็ไม่อยากเหมือนกัน”

เปมหันไปพึมพำเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะยอมถูกลากไปนั่งที่เก้าอี้ตัวประจำ คือเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของวาสินี และข้างๆรเณศซึ่งนั่งตรงข้ามกับจารวี ส่วนเตชัสก็ครองหัวโต๊ะอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงอย่างนั้น มันก็ดูจะใกล้กับเตชัสเกินไปอยู่ดี

“เปม เจ้าทำงานที่นี่เป็นยังไงบ้าง” จารวีเริ่มต้นบทสนทนาขณะที่เด็กรับใช้กำลังไล่ตักข้าวให้ตามจานต่างๆ

“เอ่อ ก็ดีนะ”

“รเณศ ท่านคงไม่ได้ใช้งานน้องข้าหนักเกินไปหรอกนะ”

คราวนี้เธอกลับหันไปพูดกับรเณศแทน ซึ่งก็น่าประหลาดใจไม่น้อย เพราะปกติสองคนนี้ไม่ค่อยมีบทร่วมกันเท่าไรนัก แต่ไอ้คำถามที่เอ่ยออกมา ดูเหมือนจะยิ่งดึงความสนใจจากคนที่หัวโต๊ะได้เป็นอย่างดี

“ฮ่ะๆ ข้าไม่กล้าหรอก”

ปลาหมึกยักษ์หัวเราะน้อยๆ พลางเบี่ยงตัวให้เด็กรับใช้คนหนึ่ง ยื่นแขนเข้ามาตักข้าวใส่จานของตนกับเปม แต่จารวีก็ยังไม่เลิกประเด็นชวนมาคุนี้ และหันกลับมาเอาความกับเปมต่อ

“จริงหรอ ข้าเห็นเจ้าหายเข้าไปในห้องทำงานท่านรเณศจนดึกดื่นตลอดเลย”

“แค่กๆ”

ชายหนุ่มร่างเล็กสำลักน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไปแทบจะทันทีที่พี่สาวตั้งคำถามอย่างส่อแววเกิดปัญหา ทั้งๆที่ความจริงเขาแค่เข้าไปนั่งอยู่เฉยๆ เพราะไม่มีงานให้ทำเลยต่างหาก แถมในปราสาทนี้เข้าเองก็ไม่คุ้นชิน แล้วยังต้องรอกลับบ้านพักพร้อมกับรเณศอีกด้วย เพราะถ้าจะให้เดินทางจากบ้านตัวเองมาทำงานที่ปราสาททุกวัน มีหวังเหนื่อยตายพอดี เพราะระยะทางมันไกลกว่ากันมากโขทีเดียว

“ก็ข้าเป็นคนของรเณศนี่น่า ข้าก็ต้องอยู่ช่วยงานเขาสิ อีกอย่าง เราต้องกลับบ้านพร้อมกันด้วย”

เปมรีบอธิบายอย่างลนลาน ยิ่งเรียกรอยยิ้มแปลกๆจากจารวีได้มากขึ้น รวมทั้งรอมยิ้มเจ้าเล่ห์แกมดีใจจากรเณศอีกด้วย และดูเหมือนจารวีจะยังไม่พอใจ ถึงได้ยิ่งรุกไล่ถามไถ่มากขึ้น จนแม้แต่นางบำเรอคนอื่นๆ หรือเด็กรับใช้แถวนั้นก็ต้องเลิกสนใจอาหารหรือกิจตรงหน้าและหันมาตั้งใจฟังกันใหญ่

“จริงสิ ตอนนี้เจ้าพักอยู่กับรเณศนี่น่า เอ๋.. แต่ว่า บ้านพักของท่านมีแค่เตียงเดี่ยวเตียงเดียวไม่ใช่หรอ อย่าบอกนะว่าท่านปล่อยให้น้องข้านอนที่โซฟาแข็งๆนั่น”

ประโยคแรกวียังพูดกับเปม ก่อนจะหันไปชักสีหน้าถามรเณศอย่างเอาเรื่อง จนองครักษ์หนุ่มต้องยิ้มกว้างออกมา พลางยกมือขึ้นลูบหัวเปมเบาๆอย่างไม่เกรงใจสายตาใคร และถ้าสังเกตให้ดี ดูเหมือนว่าตอนนี้ช้อนส้อมอย่างดีในมือของพ่อฉลามขาวมันจะบิดงอไปหมดแล้วด้วยแรงมือมหาศาล สายตาที่ส่อแววโมโหร้ายกำลังจับจ้องไปที่รเณศกับเปมอย่างไม่วางตา ผิดกันกับสายตาเปล่งประกายแปลกๆกับออร่าสีม่วงๆที่แผ่ออกมาจากพวกสาวๆทั้งหลายภายในห้อง

“อ้อ ขอโทษทีนะ ข้าก็ว่าจะสร้างห้องนอนเพิ่มอยู่แล้วล่ะ แต่ระหว่างนี้พวกเราก็ต้องนอนด้วยกันไปก่อน”

“หา?”

เปมรีบร้องขึ้นมาพลางหันมองหน้ารเณศอย่างหาเรื่อง นอนด้วยกัน น่ะมันหมายความว่ายังไง ในเมื่อทุกวันนี้รเณศเป็นฝ่ายขอตัวไปนอนที่โซฟา แล้วให้เปมนอนบนเตียงคนเดียวเองไม่ใช่เหรอ แต่ก่อนที่จะได้เถียง เสียงแหลมสูงของวีก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน

“เอ๊ะ ก็อึดอัดแย่เลยสิ”

“ไม่นี่ ก็น้องชายเจ้าตัวเล็กขนาดนี้”

มือที่ลูบหัวเปมอยู่ค่อยๆเลื่อนต่ำลงมาพักไว้ที่หลังคอ พร้อมกับสายตากรุ้มกริ่มที่พยายามจะสื่อให้คนข้างๆรู้ว่า ไม่ต้องการให้เถียงอะไร ซึ่งภาพรเณศตรงหน้าก็ดูเหมือนจะทำให้คำพูดโต้แย้งทั้งหมดที่พร้อมจะโพลงออกมาของเปมกลืนหายไปพร้อมๆกับเม็ดข้าวได้

สิ้นสุดบรรยากาศประหลาดๆเมื่อครู่ ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่โหมดปกติของมัน โดยที่ทุกคนก็ยังรับประทานอาหารกันไป พูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยอย่างออกรส จะมีก็แต่เตชัสที่เอาแต่จ้องเขม็งไปที่รเณศซึ่งเอาแต่ตักกับข้าวโน้นนี่ใส่จานเปมจนพูนไปหมดอย่างไม่สบอารมณ์ ภายในใจมันเดือดปุดๆพร้อมที่จะระเบิดออกมาทุกเมื่อ ยิ่งเห็นสองคนนั้นสนิทสนมกัน ยิ่งเห็นว่าคนตัวเล็กไม่สนใจตน และยิ่งเห็นผู้คนรอบข้างดูจะชอบใจ ก็ยิ่งกระตุ้นความหงุดหงิดใจในตัวของเตชัสให้มีมากขึ้น ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าแม้แต่จะแสดงท่าทีหึงหวงอะไรออกไป เพราะในส่วนลึกกว่าของใจ ก็ยังคงมีเสียงที่ดังก้องตอกย้ำตัวเองว่า ไม่คู่ควรกับเปม และด้วยความกลัวในความอารมณ์ร้อนของตน ก็ยิ่งทำให้เตชัสต้องข่มความรู้สึกทั้งหมดเก็บลงไปมากเท่านั้น สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากฝืนมองดูคนรักของตัวเอง...มีรอยยิ้มอยู่เคียงข้างกับคนอื่นเท่านั้น...

นั่นสิ... บางทีเปมอาจจะมีความสุขมากกว่า เมื่ออยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่เขาก็เป็นได้

 

“ท..ที่นี่คือ ?”

เปมร้องออกมาอย่างตื่นตาตื่นใจ เมื่อรเณศพาเขามาที่หอขนาดกว้างใหญ่จนสุดลูกตา ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านหลังของปราสาท สถานที่ที่เต็มไปด้วยปักษายักษ์หลายสิบตัวที่ถูกลามโซ่ไว้

“เราเลี้ยงปักษายักษ์กันที่นี่แหละ”

ในขณะที่เปมยังคงตื่นเต้นไปกับพวกนกยักษ์หลากสีหลายขนาดตรงหน้า รเณศก็แยกตัวออกไปปลดโซ่ของปักษายักษ์สีเทา ท่าทางเป็นมิตรตัวหนึ่ง ก่อนจะลากมันออกมายังลานโล่งกว้าง เปมที่เดินตามมาทีหลัง หยุดฝีเท้าไว้ทันที เมื่อรเณศขยับเข้ามาประชิดตน ก่อนจะโน้มหน้าลงมาใกล้จนเปมต้องเผลอหลับตาลงอย่างกลัวๆ แต่ในที่สุดก็ต้องปรือตาขึ้นเมื่อรเณศเพียงแค่ก้มลงหยิบเอานกหวีดที่ห้อยคอตัวเองอยู่ขึ้นมาเป่าเรียกปักษายักษ์ขนขาวเท่านั้น

รเณศปล่อยนกหวีดลงก่อนจะส่งยิ้มกวนประสาทมาให้คนตัวเล็กที่หน้าเริ่มขึ้นสีจากความอาย นี่เขาคิดว่ารเณศจะทำอะไรกันแน่เนี่ย แย่ชะมัดเลย อ๊ากกก

ไม่นานเจ้านกยักษ์ขนขาวที่คุ้นเคยก็ร่อนลงตรงหน้าเปมพอดิบพอดี ก่อนที่มันจะขยับเข้ามาคลอเคลียเปมเหมือนทุกที และใช้จะงอยปากนำตัวเปมขึ้นไปนั่งบนหลังอย่างรู้งาน

“อะ..อะไรเนี่ย”

“ขี่นกเล่นไง ไม่เคยเหรอ”

“เหวอออ”

ไม่ทันทีคนตัวเล็กจะได้ตอบไปว่า ก็ไม่เคยน่ะสิโว้ย เจ้านกยักษ์ทั้งสองตัวก็ค่อยๆกระพือปีกออกตัวพ้นจากแนวพื้นดิน และทะบานขึ้นไปบนฟ้าแทบจะพร้อมกัน เปมรีบคว้าขนหนาๆของมันไว้เพื่อประคองตัว พลางหันมองรเณศที่กำลังบังคับเจ้านกสีเทาเข้ามาขนาบใกล้ๆอย่างสบายๆ

“เปม ปล่อยตัวตามสบาย”

“จะ..จะบ้าเหรอ ข้าไม่ได้เชี่ยวชาญอย่างเจ้านะ”

“เชื่อใจมันหน่อยสิ”

รเณศยิ้มและมองไปยังนกยักษ์ที่เปมนั่งอยู่ ผ่านไปสักพักเมื่อเปมลองลูบขนมันเล่นดูจนชินมือ ก็ตัดสินใจตบลงไปที่ตัวมันเบาๆ

“ข้าเชื่อใจเจ้า”

สิ้นคำพูดของเปม เจ้านกสีขาวก็ร้องออกมาอย่างดีใจก่อนจะโผบินขึ้นไปสูงกว่าเดิม คนตัวเล็กค่อยๆปล่อยมือที่รั้งขนมันไว้ออกช้าๆ จนในที่สุดก็สามารถนั่งอยู่บนหลังของมันได้โดยที่ยื่นมือทั้งสองออกไปด้านข้างทำมุม 180 องศา

นกยักษ์สองตัวพากันพลัดบินวนไปวนมา ลอดผ่านกลุ่มเมฆปุย จนเปมเผลอยิ้มกว้างออกมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งกายและใจก็ถูกปลดปล่อยไปกับความรู้สึกสนุกสนานและอิสระ สายลมเย็นๆพัดต้องกายก็ทำให้รู้สึกสดชื่ออย่างบอกไม่ถูก ทิวทัศน์เบื้องล่างก็ดูงดงามแปลกตา อาจเพราะว่าปกติที่ต้องโดยสารบนหลังนกยักษ์เพียงลำพัง เขาไม่เคยนึกจะสังเกตมองอะไรเลยนอกจากก้มหัวแนบไปกับขนนุ่มอย่างหวาดกลัว

ทั้งเปมและรเณศต่างบังคับทิศทางการบินของนกยักษ์เล่นอย่างเพลิดเพลิน ทั้งหยอกล้อกันไปมาเหมือนเด็กๆ ก็ยิ่งทำให้เปมรู้สึกสนุกไปกับกิจกรรมนี้มากขึ้น ยิ่งได้ขึ้นมาบนที่สูงๆแบบนี้แล้ว ราวกับว่าความทุกข์ในใจจะถูกชำระล้างออกไปอย่างนั้นแหละ

นกยักษ์ที่ขาวกับเทาบินสลับกันไปมาอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน จนเมื่อพระอาทิตย์ค่อยๆตกดิน แสงสีส้มเรืองๆทอประกายอยู่ตรงหน้า ดูช่างงดงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน องรักษ์หนุ่มกับผู้ช่วยในตอนนี้ได้เฝ้ามองดูอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปพร้อมๆกันด้วยดวงใจที่เต้นรัวอย่างประหลาด ก่อนที่รเณศจะให้สัญญาณเพื่อร่อนลง

“เจ้ารอข้าที่นี่นะ เดี๋ยวข้าพาเจ้านี่กลับก่อน”

รเณศที่ยังคงนั่งอยู่บนหลังนก ตะโกนบอกเปมที่เทียบพื้นหญ้าหน้าปราสาทเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะตบลงไปที่เจ้านกยักษ์สีเทาสวยเพื่อให้ออกตัวบินอีกครั้ง

คนตัวเล็กยืนรออยู่ได้ไม่ทันไร เสียงฝีเท้าหนักๆที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง พอหันไปพบว่าเป็นใครเท่านั้น ทั้งร่างก็ตกใจเกรียวจนเผลอก้าวไปสะดุดกับหินก้อนใหญ่ แต่ไม่ทันที่คนตัวใหญ่จะเข้ามาคว้าไว้ นกยักษ์ของรเณศก็ตรงเข้าคีบคอเสื้อของร่างบางไว้ได้ทันท่วงทีเสียก่อน

“ต..เตชัส”

คนถูกเรียกค่อยๆขยับเข้ามาใกล้เปมมากขึ้น ก่อนที่สองมือใหญ่จะยกขึ้นมาประคองใบหน้าของเจ้าหอยทะเลน้อยไว้อย่างเบามือ เปมในตอนนี้ก็อยากจะสะบัดตัวหนีอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าเตชัสกำลังมีสีหน้าเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง จนแม้แต่ความโกรธเคืองในใจเปมก็ยังถูกลบหายไปดื้อๆได้

“มีความสุขมากไหม...”

“หะ?”

เปมเอ่ยออกมาอย่างงุนงงเหมือนอยากให้คนตัวใหญ่ทวนคำถามที่ไม่เข้าใจนั่นอีกครั้ง มีความสุขอะไร ถ้ามีความสุขที่โดนปิดบังลวงหลอกไหม ก็ต้องขอตอบว่าไม่เลย

แต่ดูเหมือนว่าเตชัสจะไม่ได้ตั้งใจถามคำถามแบบนั้น เพราะสายตาที่ยังคงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จนแม้แต่เปมก็ยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ค่อยๆหลุบต่ำลง ก่อนที่ใบหน้าเรียวจะเลื่อนเข้ามาใกล้อีกนิด ลมหายใจอุ่นเป่ารดอยู่บนใบหน้าของคนตัวเล็ก และในที่สุดเตชัสก็ยอมเอ่ยปากอีกครั้งด้วยเสียงสั่น อย่างที่เปมไม่นึกอยากจะได้ยินเลยในชีวิตนี้

“การที่ไม่ได้อยู่กับข้า... มันมีความสุขมากไหม?”

-------------------------------------

> ขอบคุณนะคะที่ยังอยู่ด้วยกัน 55 ฝากติดตามต่อไปด้วยน้าา~
> ช่วงนี้แม้จะว่าง แต่สมองมันไม่ค่อยแล่น อืดๆ ตันๆ ยังไงไม่รู้ เลยแต่งได้ไม่ถึงไหนสักที แต่ก็ไม่อยากฝืนแต่งไปทั้งๆที่สมองตื้อค่ะ มันจะออกมาแย่ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว 55555
> ติดใจคำถามที่ว่า เมื่อไรฉลามจะกินหอยสักที มาก.. ต้องรอดูกัน 5555  :z1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






darkeyes1

  • บุคคลทั่วไป
เหอๆ  ขอให้เรื่องนี้มีแต่ความสุข  แต่สงสัยกว่าจะสมหวังคงอีกนาน..  หรือจะไม่มีกันนะ

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
สงสารเต จัง :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ second

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
อ้ากกกก ทำไมตัดอย่างเน้ ~  :z3: มาต่อด่วน ๆ น้าาาา  :z13:

John Doe

  • บุคคลทั่วไป
น่าสงสารเตชัสอะ อ่านแล้วอยากจะร้องไห้เข้าไปซบที่อบพี่หลาม(?)

ออฟไลน์ na_near

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 971
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
นี้สินะ คือ.....ความเจ็บปวด :เฮ้อ:
เต อดีตมันก็คืออดีตมันผ่านไปแล้ว  แม้เราจะเจ็บปวดกับมัน แต่มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ความรักไม่ได้ยาก หรือต้องการอะไรไปกว่า.....ความเชื่อใจ
อย่าตัดสินอะไร เพียงเพราะคิดไปเองคนเดียว
เพราะคนที่จะเสียใจที่สุดคือ "ตัวนายเอง"

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งเข้ามาอ่าน

ตอนนี้รู้สึกว่าพี่สาวของเปมนี่จะช่างยุจังเลยนะ

รเณศก็เหมือนกัน เเต่คนนี้ก็ชอบเปมเหมือนกันนิเน่อะ ถ้าจะพูดให้เตชัสเข้าใจอย่างนั้นก็คงไม่เเปลก


nOsTrAdamUsz

  • บุคคลทั่วไป
เป็นไงล่ะเจ้าฉลาม !! :3125:

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
มีความสุขมากกกกกกกก (ตอบแทนเปม)  มารอน้า...  สนุกดี

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 14
เข้าใจ


 

“ข้ารวบรวมรายชื่อและพรรคพวกได้จำนวนหนึ่งแล้ว คิดว่าคงได้ยื่นเรื่องขอยกเลิกระบบบรรณาการ พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงกฏมณเฑียรบาลว่าด้วยเรื่องสวัสดิการของข้าราชการในเร็ววันนี้”

รเณศอธิบายความเป็นไปของแผนงานให้เปมฟังภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ แต่ดูเหมือนคนตัวเล็กจะไม่ได้สนใจเท่าไร เพราะยังคงสับสนอยู่แต่กับเหตุการณ์การเผชิญหน้ากับเตชัสเมื่อครู่ โดยเรื่องทั้งหมดก็จบลงตรงที่ รเณศเดินกลับมาพอดี เตชัสถึงได้รีบหนีหายเข้าไปในปราสาท ทิ้งให้เปมยืนนิ่งเป็นต้นไม้อยู่อย่างนั้น

“ไปเดินชมปราสาทกันไหม”

“หะ?”

ในที่สุดรเณศก็เรียกสติและความสนใจของเปมกลับมาได้ แต่ไม่ต้องรอให้คนตัวเล็กตอบรับ รเณศก็ลุกขึ้นมาคว้าข้อมือบางลากออกไปจากห้องทำงานทันที

ทั้งคู่เดินลงบันไดมาเรื่อยๆ โดยมีรเณศคอยแนะนำห้องต่างๆ หรือแม้แต่พวกรูปภาพหรือของตกแต่งปราสาทอย่างชัดเจน เปมเองก็เริ่มจะทิ้งเรื่องเตชัสออกไปและเริ่มสนใจสิ่งตรงหน้าขึ้นมาบ้าง เพราะตั้งแต่มาอยู่นี่ เขาเองก็ไม่เคยเดินชมปราสาทอย่างจริงจังสักที จนเมื่อเดินเลยโถงกลางเข้าไปในส่วนท้ายก็ไปโผล่อยู่หน้าห้องครัวขนาดกว้างขวาง ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือนานาชนิด หรือถ้าเรียกให้ถูกก็คือ ที่สิงสถิตของจารวีนั่นเอง แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เพราะว่าตอนนี้พี่สาวคนสวยกำลังยืนหยิบนู้นจับนี่ใส่กระทะใบใหญ่อยู่ภายในห้องครัวแห่งนี้ โดยมีเหล่าแม่ครัวและเด็กรับใช้คอยเป็นลูกมือ มันก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดแปลกไป ถ้าเกิดว่าตาเจ้ากรรมไม่หันไปเห็นผู้ชายตัวใหญ่ที่คอยช่วยหั่นผักอย่างเก้ๆกังๆอยู่ใกล้ๆ

“เต...”

เปมเผลอเอ่ยชื่อผู้ชายในสายตานั้นเบาๆ ทำให้รเณศส่งเสียงไม่พอใจในลำคอออกมา ก่อนจะถือวิสาสะรั้งไหล่บางมาไว้แนบกับอกกว้างของตน

“วันหลังเราก็มาทำอาหารด้วยกันบ้างเถอะ”

“อะ อะไรเล่า”

หอยนางรมน้อยสะบัดตัวออกห่างจากรเณศก่อนจะเดินหนีไปให้พ้นจากบริเวณนี้ทันที ถึงอย่างนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหลียวกลับไปมองเตชัส ที่กำลังยื่นผักในตะกร้าให้วี ทั้งยังหัวเราะด้วยกัน ท่าทางมีความสุข ไม่เห็นจะเหมือนกับสายตาเมื่อครู่ที่ใช้มองตัวเองเลยสักนิด อย่างเช่นนั้นก็อยากจะถามกลับอยู่เหมือนกัน ว่าเตชัสน่ะมีความสุขมากไหมที่ไม่ได้อยู่กับตน....

 

ประมาณสองวันให้หลัง รเณศก็ได้ยื่นเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกฎต่างๆถึงกษัตริย์เตชินท์ โดยที่ระหว่างรอคำตอบ ภายนอกปราสาทก็เริ่มมีการเคลื่อนตัวของเหล่าชาวบ้านจากชุมชนต่างๆเพื่อมาช่วยเป็นเสียงเรียกร้องให้อีกทาง แต่ถึงอย่างไร การเคลื่อนไหวต่างๆก็มาจากการรวบรวมของประชากรเอง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความตั้งใจของรเณศแต่อย่างใด

ยังดีหน่อยที่เตชัสยอมเข้ามาช่วยดูแลเรื่องวุ่นวายต่างๆ สลับกับการหายหัวไปหมกตัวอยู่ที่หอปักษายักษ์ ทำให้เอกสารต่างๆไหลมาถึงมือรเณศไม่มากนัก ถึงได้ยังพอมีเวลามายืนลอยชาย ตั้งหม้อใบใหญ่เพื่อเตรียมทำอาหารอยู่ภายในครัวของปราสาท โดยมีลูกมือเป็นผู้ช่วยของตนเพียงคนเดียว เพราะพวกแม่ครัวพ่อครัว หรือเด็กรับใช้ต่างๆน่ะถูกรเณศไล่ให้ไปทำกิจของตนเสียทั้งหมดแล้ว

“ในเมืองวุ่นวายใหญ่เลยนะ” เปมเงยหน้าจากผักที่หั่นค้างอยู่เพื่อเริ่มต้นบทสนทนากับคนที่กำลังเติมผงปรุงรสลงไปในหม้อเดือดๆ

“ข้าคิดว่าพวกคนในปราสาทคงรับมือได้นะ แล้วถ้าผลออกมาว่าอนุมัติ พวกเขาก็จะสงบเองล่ะ”

“แล้ว...ถ้าไม่ล่ะ”

“อืม... ข้าก็คงต้องรับผิดชอบโดยออกไปปรามด้วยตัวเองนั่นแหละ เพราะถึงยังไงก็ไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โตน่ะนะ ถ้าไม่อนุมัติจริง เราค่อยหาทางอื่นกันใหม่ก็ได้” รเณศยิ้มแห้งๆออกมา ทำให้เปมเผลอหัวเราะออกมาน้อยๆ

“เจ้านี่ ใจเย็นกว่าที่คิดนะ”

“ทำไมล่ะ”

“ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าอยากจะโค่นล้มกษัตริย์เตชินท์ แต่เจ้าก็ต้องการแค่เรียกร้องอย่างสงบเท่านั้นเอง ทั้งๆที่เป็นคนมุ่งมั่นขนาดนั้น กลับใจเย็นถึงขนาดนี้ แปลกจริงๆ”

เปมพูดถึงตรงนี้ก็เดินเอาผักที่หั่นแล้วมายื่นให้รเณศ พลางชะโงกดูน้ำซุปในหม้อเป็นระยะๆ พร้อมทั้งคอยช่วยหยิบเครื่องปรุงต่างๆ

“ตอนแรกข้าก็คิดอย่างนั้นนะ และมันก็คือเหตุผลที่ข้าเกลียดเตชัสไง เพราะมันได้เป็นรัชทายาท ทั้งๆที่ตำแหน่งนั้นไม่ควรเป็นของมันด้วยซ้ำ”

เปมค่อยๆหันไปหยุดมองหน้าตาที่ดูจริงจังของรเณศ ซึ่งกำลังพูดคุยทั้งๆที่มือก็ยังวนอยู่กับหม้ออาหารตรงหน้า แม้ว่าคนตัวเล็กจะนึกสงสัยในคำพูดแปลกๆของรเณศ แต่สีหน้าของเขาตอนนี้ ก็ทำให้เปมต้องเก็บคำถามมากมายกลับเข้าไปเสียก่อน พลางยืนฟังรเณศกล่าวต่อไป

“เกียรติยศ ทรัพย์สิน อำนาจ ตำแหน่ง ทุกอย่างที่เตชัสได้รับ ล้วนเป็นสิ่งที่แย่งเอามาทั้งนั้น แค่เพียงเพราะว่าเป็นบุตรของเมียฉลาม ก็ได้ทุกสิ่งมาอย่างง่ายดาย ข้าถึงได้เกลียด เด็กที่ได้รับสิ่งเหล่านั้นไปอย่างไม่ยุติธรรม”

“เมียของฉลาม?”

“ใช่ พระอัครมเหสี แม่ของเตชัสเป็นฉลามขาว และเพราะเป็นฉลามขาวนั่นแหละ ถึงได้ขึ้นเป็นพระอัครมเหสี”

“แสดงว่ากษัตริย์เตชินท์ยังมีพระภรรยาองค์อื่นอยู่อีกเหรอ?”

เปมเอียงคอน้อยๆ และพยายามควบคุมน้ำเสียงอย่างระมัดระวัง ถึงจะถามไปอย่างนั้นแต่ก็พอเดาคำตอบได้อยู่แล้ว ก็ลูกชายเป็นอย่างไร พ่อคงต้องเป็นยิ่งกว่านั้นเป็นแน่ อีกอย่างไอ้การที่กษัตริย์จะมีเมียเดียวน่ะ เป็นไปได้ยากจริงๆ

“ผู้หญิงของเตชินท์คงมีนับร้อย แต่อย่างไรเสีย พวกนางบำเรอที่ถูกส่งตัวมาจากระบบบรรณาการจะไม่ถูกนับว่าเป็นพระชายา ข้าว่าก็เป็นแค่ของเล่นชั่วข้ามคืนเท่านั้นเอง ยิ่งเมื่อผ่านการอภิเษกสมรสแล้ว นางบำเรอพวกนั้นจะถูกพาออกไปนอกปราสาท ไม่ต่างอะไรกับเด็กรับใช้ดีๆนี่เอง ส่วนนางบำเรอคนใหม่ที่ถูกส่งมาหลังจากนั้น ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน อยู่ด้วยแค่ข้ามคืนหรืออาจจะไม่เลย ก่อนจะถูกถีบส่งออกไปทำงานรับใช้ และแน่นอนว่านางบำเรอไม่มีสิทธิ์ตั้งท้อง เด็กที่เกิดจากของกินเล่น เป็นได้แค่เศษขยะที่ต้องกำจัดทิ้งเท่านั้น”

พูดมาถึงตรงนี้ รเณศก็ละสายตาจากหม้อซุป หันมามองหน้าคนตัวเล็กที่ซีดเป็นไก่ คิ้วสองข้างขมวดมุ่ยเข้าหากันอย่างน่าขัน แต่สำหรับเปมตอนนี้คงขำไม่ออก เพราะระบบบรรณาการแท้จริงมันเลวร้ายยิ่งกว่าที่เขารู้เสียอีก คนตัวสูงพยายามยิ้มให้กำลังใจก่อนจะเอื้อมมือมาลูบผมเปมเบาๆ

“พระภรรยาของกษัตริย์เตชินท์ก็มีแค่สมเด็จพระอัครมเหสี พระมเหสีหนึ่งพระองค์ และพระสนมอีกสามพระองค์ ตามลำดับ”

“เดี๋ยวสิ แต่แม่ข้าก็เป็นแค่นางบำเรอ ไม่มีตำแหน่งใดๆ แปลว่าแม่ข้าเองก็ถูกกระทำเยี่ยงคนใช้ด้วยเช่นกันใช่ไหม”

“เปล่า เพราะเตชินท์ตกหลุมรักแม่ของเจ้าก่อนที่นางจะถูกส่งตัวเข้าปราสาทมานานมากแล้ว พอถึงเวลานั้น เตชินท์จึงถืออภิสิทธิ์ให้แม่ของเจ้าอาศัยอยู่ในปราสาทนานหลายอาทิตย์ แต่ก่อนที่จะได้สถาปนาพระอิสริยยศ หรือตำแหน่งใดๆ ก็เกิดเหตุที่คร่าชีวิตนางไปเสียก่อน”

“อ่า.. อือ... แล้ว ทำไมเจ้าถึงเปลี่ยนใจเสียล่ะ?” เปมรีบสะบัดหัวไล่ความคิดเรื่องของแม่ออกไป เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องคิดมากไปกว่านี้ ก่อนจะวนกลับมาเข้าประเด็นหลักอีกครั้ง

“ก็เพราะว่าข้าได้เจอลูกครึ่งหอยนางรมชายคนหนึ่ง ถึงทำให้ข้าขึ้นเป็นกษัตริย์ไม่ได้น่ะสิ”

“เหอๆ เกี่ยวอะไรเนี่ย”

แม้อยากจะคิดว่าหอยนางรมชายคนหนึ่งที่ว่าจะเป็นคนอื่น แต่ก็คงคิดไม่ได้ ในเมื่อสายตาของรเณศมันจ้องลงมาที่หน้าของตัวเองชัดเจนเสียขนาดนั้น หากแต่คำตอบที่ได้รับ กลับทำให้เปมยิ่งงุนงงขึ้นเป็นทวีคูณ

“เพราะกษัตริย์ต้องมีพระชายาและทายาท”

“หะ?”

“เอาเถอะ ข้าเปลี่ยนใจ เพราะไม่อยากทำให้เรื่องมันใหญ่โตวุ่นวาย ถึงยังไงข้าก็แค่อยากจะเห็นโลกที่สวยงามเท่านั้นแหละนะ”

รเณศยีผมเปมสองสามทีก่อนจะหันไปสนใจหม้อซุปต่อ คนตัวเล็กเลยได้แต่เก็บงำความสงสัยไว้ในใจ และหันไปคว้าซองเกลือใกล้ๆมาพลางเอ่ยปากถามไปด้วย

“โลกที่สวยงาม... แบบไหนกัน?”

เกลือป่นซองใหญ่ถูกยื่นให้รเณศที่หันมายิ้มอบอุ่น พร้อมกับแสงสีทองเรืองๆที่ส่องผ่านหน้าต่างห้องครัวเข้ามา ยิ่งเร้าให้ภาพของรเณศในตอนนี้ถูกชะโลมไปด้วยความอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด จนเมื่อคนตัวสูงเอ่ยคำตอบของคำถามเมื่อครู่ออกมา ซองเกลือในมือของเปมก็หล่นตุบไปไหลกองอยู่ตรงพื้นเสียแล้ว

“ก็... โลกที่มีเจ้าอยู่เคียงข้างกระมัง”

แปลกเหลือเกิน... เพียงเพราะรอยยิ้มอบอุ่นที่อาบแสงแดดเรืองรองยามเย็นนี้ ก็กลับทำให้เปมแข็งทื่อไปทั้งร่างอย่างควบคุมไม่ได้ ก็แค่คำพูดประหลาดๆเหมือนทุกที แต่ทำไมกัน ในตอนนี้มันช่างฟังดูลึกซึ้งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทำเอาคนตัวเล็กไม่อาจเปล่งเสียงหรือขยับเขยือนไปได้เลย

รเณศค่อยๆปล่อยมือจากหูหม้อ และขยับเข้ามาประชิดร่างบาง ลมหายใจอุ่นค่อยๆเคลื่อนต่ำลง จนในที่สุด รเณศก็เข้าครอบครองริมฝีปากบางของเปมไปได้อย่างง่ายดายผิดกับทุกที

สองมือใหญ่ยกขึ้นประคองใบหน้าเนียนไว้ โดยที่เปมไม่อาจจะต่อต้านอะไรคนตรงหน้าได้เลย แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะยกแขนขึ้นแม้เล็กน้อยก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ ถึงได้แต่ยืนนิ่ง ปล่อยให้คนตัวสูงรุกล้ำเข้ามาในโพร่งปากหวานอย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางความรู้สึกประหลาดกับเสียงน้ำซุปเดือดๆนั้นเอง เสียงคำรามต่ำของคนที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นใกล้ๆ จนรเณศยอมถอนจูบออกไป

“รเณศ เจ้า!”

เปมพยายามยกมือขึ้นตบแก้มตัวเองเพื่อเรียกสติ และเงยหน้ามองรเณศเขม็งอย่างเอาเรื่อง แต่ไม่ทันที่จะได้ต่อว่าอะไร เจ้าของเสียงเมื่อครู่ก็ตรงเข้ามาประชิดทั้งคู่ และพุ่งหมัดหนักๆเข้าที่หน้าของรเณศเต็มแรง จนปลาหมึกยักษ์เซไปชนกับหม้อใบใหญ่ เกิดเสียงดังอลหม่าน ข้อมือเล็กของเปมถูกคว้าไว้ก่อนที่จะทันตั้งตัว แล้วร่างบางก็ถูกลากออกไปตามทางจนถึงห้องนอนอันคุ้นชิน

“เตชัส! ปล่อยข้า!”

หลังจากที่เตชัสหันไปลงกลอนประตูอย่างแน่นหนา คนตัวเล็กก็เริ่มออกแรงสะบัดข้อมืออย่างแรง แต่ก็ไม่เป็นผล กลับยิ่งทำให้เจ้าชายฉลามบีบข้อมือเล็กนั้นแรงขึ้นจนเปมมีสีหน้าเหยเก

“เดี๋ยวนี้เจ้าปล่อยให้รเณศจูบง่ายๆแล้วเหรอ”

“โอ้ยย”

เปมร้องเมื่อเตชัสโยนตัวเองลงกับเตียง ก่อนจะตามขึ้นมาคร่อมไว้ทันที จนคนตัวเล็กไม่มีทางหนี ได้แต่นอนคุดคู้พลางยกแขนสองข้างขึ้นกำบัง น่ากลัวเหลือเกิน สายตาเกรี้ยวกราดของเตชัสในตอนนี้ มันน่ากลัว ไม่ต่างกับคืนแรกที่เปมถูกพามาที่นี่เลยแม้แต่น้อย ผิดกันก็แค่ ดูเหมือนความเดือดดาลของเตชัสในตอนนี้ จะมีมากกว่าครั้งก่อนเสียอีก

“เจ้าคงลืมรสจูบของข้าแล้วกระมัง”

“อุบ อื้ออ!”

เตชัสไม่รอช้า รวบข้อมือบางทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเดียว ก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากตัวเองลงไปกับริมฝีปากบางเบื้องล่าง ลิ้นอุ่นถูกส่งเข้าไปในโพร่งปากของเจ้าหอยทะเลน้อยอย่างจู่โจม จนคนตัวเล็กได้แต่ดิ้นไปมาข้างใต้ด้วยความตกใจ

มือใหญ่ที่ว่างกระชากเสื้อบางๆของเปมออกอย่างง่ายดาย ก่อนที่เตชัสจะยอมถอนจูบรุนแรงนั้นออกเพื่อปล่อยให้คนตัวเล็กได้มีเวลาหายใจ แต่ไม่ทันไร ลิ้นร้อนก็ค่อยๆเคลื่อนต่ำลงมาหยอกเย้ากับจุกทับทิมสีสวย ที่กำลังชูชันขึ้นจากอารมณ์อันพุ่งพล่านในตัวร่างบาง

“อ๊ะ.. ไม่!”

เตชัสเริ่มปลดกางเกงและชั้นในของเปมออกอย่างชำนิชำนาญ พร้อมทั้งวนลิ้นไปตามแนวของสะดื้อขาว จนเปมต้องบิดตัวไปตามแรงปรารถนาที่แล่นเข้ามาในร่างกาย เตชัสค่อยๆเสี่ยงคลายแรงบีบที่ข้อมือออก แต่เมื่อเห็นว่าเปมในตอนนี้ไม่ได้มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนอีกแล้ว เขาจึงยอมถอนการเกาะกุมในส่วนนั้น แล้วเปลี่ยนมานวดเค้นสะโพกมน พร้อมทั้งลากไล้ลิ้นชื้นต่ำลงเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ปลายแก่นกายสีหวานขนาดพอดีตัวของเปมที่กำลังสั่นระริก

คนตัวใหญ่จับขาของร่างบางแยกออก ก่อนจะครอบปากลงกับความเป็นชายของเปม จนคนข้างใต้เผลอแอ่นตัวขึ้นตามสัมผัสแปลกใหม่ ใบหน้าและผิวกายขาวซีดกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขินอาย บวกกับอุณหภูมิที่พุ่งสูงในร่าง เตชัสค่อยๆขยับปากเข้าออกช้าๆอย่างเป็นจังหวะ ส่วนเปมที่เริ่มทนต่อความรู้สึกประหลาดที่เข้าจู่โจมตนเองไม่ได้ ก็เผลอปล่อยเสียงครางออกมาอย่างลืมอาย ได้แต่เอื้อมมือเล็กทั้งสองข้างลงจิกทึ้งเรือนผมสีเงินของเตชัสอย่างระบายอารมณ์

“อ๊า.. อ๊ะ...เต...”

เสียงแปลกๆดังระงมไปทั่วทั้งห้อง ทั้งเสียงดูดดุน โลมเลียอย่างเร่าร้อนของคนตัวใหญ่ และเสียงครางหวานของคนตัวเล็ก

เตชัสที่กำลังปรนเปรอร่างบางอย่างชำนาญค่อยๆเหลือบตาขึ้นมอง ใบหน้าของเปมในตอนนี้แทบจะเหมือนกับลูกมะเขือเทศสุกๆก็ไม่ปาน ยิ่งเร้าอารมณ์กระหายของเตชัสให้ปะทุออกมา จึงเริ่มเร่งจังหวะปากตัวเองมากขึ้น ทำเอาเท้าเล็กๆต้องจิกลงไปกับเตียงนอนอย่างรุนแรง

“อึ๊...ข้า..มะ ไม่ไหว...”

เปมพยายามดึงผมของเตชัสอย่างแรงเพื่อให้คนตัวใหญ่ถอนปากออกมาจากแก่นกายของตัวเองซึ่งกำลังพองโตเต็มที่ แต่ไม่ทันที่เตชัสจะขยับตัว เปมก็กระตุกตัวสองสามที พร้อมทั้งปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นเข้าไปในโพร่งปากของคนตัวใหญ่เสียก่อน

“อ๊าาาา!”

“...”

“ฮ้า...ข ขอโทษ...”

เปมพยายามรวบรวมเรี่ยวแรง ยันตัวเองขึ้นเล็กน้อย เพื่อมองคนตรงหน้าให้ชัดเจน แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเตชัสกลืนของเหลวของตนเองลงไปทั้งหมดอย่างไม่นึกรังเกียจ แถมยังขยับตัวตามมาเลียทำความสะอาดน้ำขุ่นๆที่เปรอะเปื้อนอยู่รอบๆแท่งสีหวาน

“อื้อ! เต...อ๊ะ พอ..”

เตชัสตวัดเอาของเหลวที่ปลายแก่นกายตรงหน้าเข้าไปพลางเลียริมฝีปากตัวเอง และจ้องคนตัวเล็กด้วยสายตาสุขใจ จนเปมต้องรีบซุกหน้าลงกับมือตัวเองอย่างสุดจะอาย

เจ้าชายฉลามถอดเสื้อและปลดกางเกงของตัวเองออก เผยให้เห็นแก่นกายขนาดใหญ่ที่กำลังตั้งชูชัน สู้สายตากับเจ้าหอยทะเลที่ค่อยๆเลื่อนมือออก เปมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อเห็นความเป็นชายของคนตรงหน้า ที่ใหญ่จนดูน่ากลัว ในหัวเริ่มจินตนาการถึงความเจ็บปวดต่างๆนาๆ จนเผลอเขยิบตัวหนี

“เต ไม่เอานะ ข้าขอโทษ..”

เปมคว้าหมอนใกล้มือมากอดไว้แน่น ร่างทั้งร่างสั่นเทา น้ำใสๆเริ่มรื้นขึ้นมาที่ขอบตาทั้งสองข้าง แต่ดูเหมือนเตชัสจะไม่ได้เห็นใจเจ้าคนตัวเล็กเลย ถึงได้ขยับเข้าใกล้และคว้าหมอนในมือของเปมโยนทิ้งไปไกล ก่อนจะจับข้อเท้าทั้งสองข้างของเปมยกขึ้นจนเผยให้เห็นช่องทางด้านหลังแสนสวย

“เจ้าคงไม่ได้รักรเณศแล้วหรอกนะ”

“เปล่าสักหน่อย” เปมยันแขนทั้งสองข้างกับอกแกร่งของเตชัส ที่ยิ่งเข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้นทุกที พลางเบนหน้าหนีสายตาแปลกๆตรงหน้า

“แล้วทำไมยอมให้มันจูบง่ายๆแบบนั้น”

“เอ่อะ ข้าก็ไม่รู้ส..อ๊ะะ!”

ดูเหมือนคำตอบของเปมจะไม่ถูกใจเตชัสเท่าไร คนตัวสูงถึงได้แกล้งสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลังของคนตัวเล็กทีเดียวสองนิ้ว จนเปมถึงกับดิ้นเร่าด้วยความเจ็บปวด

“โอ้ยยย!”

“เปม ข้าขอโทษ...”

“อึก...”

“ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”

เสียงทุ้มที่อบอุ่นดังขึ้นชัดเจนในโสตประสาท ราวกับต้องการชะโลมความโกรธเคืองในใจให้หมดไป เปมนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะยอมพงกหัวน้อยๆทั้งที่ยังเสมองไปทางอื่นอยู่ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

เตชัสยิ้มออกมาอย่างดีใจเหมือนเด็กๆ ก่อนจะถอนนิ้วออกและจ่อแก่นกายขนาดใหญ่ของตัวเองเข้าแทนที่ คนตัวสูงไม่สนใจเสียงประท้วงของคนตรงหน้า กลับค่อยๆสอดใส่ของตัวเองเข้าไปในช่องทางสีหวาน ส่วนเปมที่ยังไม่ชินกับสิ่งแปลกปลอมนี้ ก็ได้แต่ร้องเสียหลงพลางดิ้นเร่าๆอย่างเจ็บปวด

“อะ โอ้ยย! เจ็บนะ เต...เอาออกไป!”

“ทนหน่อยนะ”

“อืมม..”

เตชัสโน้มหน้าลงประกบปากกับเปมอย่างเร่าร้อน พร้อมส่งลิ้นอุ่นเข้าไปหยอกเย้า เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กอย่างสุขสม รสจูบอันแผดเผาของเตชัสดูเหมือนจะทำให้เปมค่อยๆผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อเห็นอย่างนั้นฉลามขาวถึงได้โอกาสกดแก่นกายตัวเองเข้าไปรวดเดียวจนมิดดาม

“อ๊าาาก!!”

“อึ่ก..เปม แน่นเหลือเกิน”

เตชัสกดแช่ร่างกายตัวเองไว้อย่างนั้น ก่อนจะโน้มตัวลงไปละเลงลิ้นทั่วเนื้อขาวๆของคนข้างล่างเพื่อกระตุ้นให้เปมผ่อนคลายมากขึ้น

“อ๊ะ...ยะ...อ๊า...”

เตชัสค่อยๆขยับตัวช้าๆพลางพรมจูบไปทั่วใบหน้าและซอกคอขาว จนเมื่อเห็นว่าเปมเริ่มคลายความเจ็บปวดลง ถึงเริ่มออกแรงถี่ขึ้น เสียงกระทบกันของหัวเตียงกับผนังห้องดังไปพร้อมๆกับเสียงครางอย่างปิติของทั้งคู่ ยิ่งเร้าให้อารมณ์รักในตัวของทั้งสองยิ่งปะทุ

“อ๊า...ตะ.. เต...”

“อาาาา....”

เสียงครางต่ำของเตชัสดังขึ้น ทั้งเสียงเนื้อกระทบเนื้อ และแรงโยกขยับ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนปลุกเร้าความเสียวซ่านให้กับเปมได้มากทีเดียว

แรงกระแทกกระทั้นนั้นค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง ไม่นานนัก ร่างบางก็กระตุกเกร็งอย่างแรงก่อนจะปลดปล่อยของเหลวขุ่นเหนียวออกมา เปรอะเต็มหน้าท้องของทั้งเตชัสและตัวเอง คนตัวใหญ่กระแทกแก่นกายเข้าออกอีกสองสามที ก็ปลดปล่อยน้ำอุ่นๆเข้าไปในตัวของเปมเป็นจำนวนมาก ทำให้บางส่วนไหลทะลักออกมาเลอะเต็มที่นอนไปหมด

“อ๊าาาาา!!!”

“ฮ้า...”

เจ้าชายฉลามค่อยๆถอนแก่นกายใหญ่โตของตัวเองออก ก่อนจะเคลื่อนตัวไปนอนขนาบร่างบางที่กำลังหอบถี่ เตชัสคว้าตัวเปมเข้ามากอดไว้แน่นพลางก้มลงจูบไปทั่วขมับซึ่งขึ้นสีระเรื่อ

“เปม...ข้าทำไม่ได้เลยจริงๆ...”

“...”

“เลิกรักเจ้าไม่ได้เลยจริงๆ...”

“เต ทำไมถึงต้องปิดบังข้าด้วย” คนตัวเล็กเงยขึ้นมองหน้าเตชัสผ่านม่านน้ำตาแห่งความสุข

“เพราะข้ากลัว ว่าเจ้าจะเกลียด...และไปจากข้า ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ”

“อะ อื้อ... แต่ว่าข้า ยังไม่อาจจะให้อภัยกษัตริย์เตชินท์...”

“แม่ข้าตรอมใจตาย เพราะพ่อไม่รัก... พ่อรักแม่ของเจ้าจริงๆนะ” เตชัสลูบแขนเปมไปมาเหมือนต้องการจะปลอบให้ใจเย็น ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็ยังเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“แต่เขาฆ่าแม่ข้านะ!” เปมเผลอออกแรงทุบลงไปกับแขนแกร่งที่โอบตัวเองอยู่อย่างหงุดหงิด แต่เตชัสก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมา เพียงแต่พยายามอธิบายต่อไป

“นั่นแหละคือสิ่งที่ข้าเองก็กลัว เพราะฉลามเป็นสัตว์ที่โหดร้าย เจ้าคิดว่าพ่ออยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรือไง ข้าขอพูดในฐานะของพ่อและตัวข้าเอง...”

“...”

“...ถ้าเกิดว่าเราไม่ใช่ฉลาม แต่จะสามารถปกป้องคนที่รักได้ จะให้เป็นตัวอะไรก็ยอม”

“อึ่ก...”

“...”

“ข้า... ขอเวลาข้าอีกหน่อยแล้วกัน...”

เตชัสยิ้มอ่อนโยนก่อนจะก้มลงจูบเปมอีกครั้ง เป็นจูบที่หวานหอม ลึกซึ้ง และยาวนาน... จูบที่เต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจ

เมื่อเตชัสถอนจูบออก เปมก็ดึงเอาผ้าห่มที่ถูกถีบจนแทบจะหล่นไปกองที่พื้นขึ้นมาห่มตัวเปลือยเปล่า พลางจ้องมองเตชัสที่เอี่ยวตัวไปค้นหาอะไรบางอย่างจากลิ้นชักในโต๊ะข้างเตียง ไม่นานเขาก็หันกลับมาพร้อมกับไข่สีนวลใบใหญ่ผิดปกติ

“ข้าตั้งใจจะให้สิ่งนี้กับเจ้า”

“อะไรเหรอ”

“ไข่ของปักษายักษ์”

“เอ๊ะ ข้า.. ได้เหรอ ปักษายักษ์ของข้าเองน่ะเหรอ”

เปมร้องขึ้นมาอย่างดีใจพลางชี้หน้าตัวเองสลับกับไข่บนมือ เมื่อคนตัวสูงพยักหน้าอย่างใจดี เปมก็กอดไข่ใบใหญ่ไว้อย่างเบามือก่อนจะจ้องมองมันด้วยสายตาที่เป็นประกาย แค่จินตนาการว่าเจ้านกยักษ์นี้จะกำเนิดออกมาเป็นแบบไหน ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกแล้ว

แต่ความรู้สึกตอนนี้น่ะ ไม่ใช่แค่ดีใจ แต่ยังรู้สึกเห็นใจแปลกๆอีกด้วย เพราะเตชัสเองก็มีเรื่องที่ต้องเจ็บปวดมากมาย โดยที่เปมไม่เคยคิดจะสนใจเลย ถ้าคิดให้ดีแล้ว เตชัสก็ไม่มีแม่เหมือนกัน... แถมยังบ่นอยู่เสมอๆ ว่าถูกแย่งความรักจากพ่อไปอีก ถ้าเช่นนั้นแล้ว ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ ก็เป็นเพียงเด็กที่โหยหาความรักเท่านั้น...

เตชัสเอื้อมมือขึ้นแตะแก้มเนียนของคนตัวเล็ก พลางขยับตัวเข้ามาใกล้ เขาโน้มตัวลงมาให้หน้าผากทั้งสองแตะกัน ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา

“เปม...ไว้ครั้งหน้า เจ้ามาขี่นกเล่นกับข้าบ้างนะ”

 

น่าสงสารเหลือเกิน เตชัส... เจ้าช่างน่าสงสารเหลือเกิน...

-----------------------------------

> ฉลามกินหอยแล้ว แบ๊ะๆๆ =///= อาจจะแต่งไม่ดี ต้องขออภัยจริงๆค่ะ ไม่เคยแต่งฉากอย่างงี้มาก่อน 555555 เขินเลย  :m25:
> ส่วนตัว ชอบทั้งเต ทั้งรเณศอะ สงสารทั้งคู่เลย แล้วทั้งคู่ก็รักเปมมากพอกัน เลือกไม่ถูก แอร้ยยย 5555
> เดี๋ยวจะเปิดเทอมแล้ว อาจจะอัพช้าขึ้นนะคะ แต่อย่าเพิ่งหายกันไปไหนน้า ><
> ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามกันมาจนถึงตอนนี้มากๆนะคะ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2012 22:51:43 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
เสร็จฉลามจนได้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด