บทที่ 14
เข้าใจ
“ข้ารวบรวมรายชื่อและพรรคพวกได้จำนวนหนึ่งแล้ว คิดว่าคงได้ยื่นเรื่องขอยกเลิกระบบบรรณาการ พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงกฏมณเฑียรบาลว่าด้วยเรื่องสวัสดิการของข้าราชการในเร็ววันนี้”
รเณศอธิบายความเป็นไปของแผนงานให้เปมฟังภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ แต่ดูเหมือนคนตัวเล็กจะไม่ได้สนใจเท่าไร เพราะยังคงสับสนอยู่แต่กับเหตุการณ์การเผชิญหน้ากับเตชัสเมื่อครู่ โดยเรื่องทั้งหมดก็จบลงตรงที่ รเณศเดินกลับมาพอดี เตชัสถึงได้รีบหนีหายเข้าไปในปราสาท ทิ้งให้เปมยืนนิ่งเป็นต้นไม้อยู่อย่างนั้น
“ไปเดินชมปราสาทกันไหม”
“หะ?”
ในที่สุดรเณศก็เรียกสติและความสนใจของเปมกลับมาได้ แต่ไม่ต้องรอให้คนตัวเล็กตอบรับ รเณศก็ลุกขึ้นมาคว้าข้อมือบางลากออกไปจากห้องทำงานทันที
ทั้งคู่เดินลงบันไดมาเรื่อยๆ โดยมีรเณศคอยแนะนำห้องต่างๆ หรือแม้แต่พวกรูปภาพหรือของตกแต่งปราสาทอย่างชัดเจน เปมเองก็เริ่มจะทิ้งเรื่องเตชัสออกไปและเริ่มสนใจสิ่งตรงหน้าขึ้นมาบ้าง เพราะตั้งแต่มาอยู่นี่ เขาเองก็ไม่เคยเดินชมปราสาทอย่างจริงจังสักที จนเมื่อเดินเลยโถงกลางเข้าไปในส่วนท้ายก็ไปโผล่อยู่หน้าห้องครัวขนาดกว้างขวาง ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือนานาชนิด หรือถ้าเรียกให้ถูกก็คือ ที่สิงสถิตของจารวีนั่นเอง แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เพราะว่าตอนนี้พี่สาวคนสวยกำลังยืนหยิบนู้นจับนี่ใส่กระทะใบใหญ่อยู่ภายในห้องครัวแห่งนี้ โดยมีเหล่าแม่ครัวและเด็กรับใช้คอยเป็นลูกมือ มันก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดแปลกไป ถ้าเกิดว่าตาเจ้ากรรมไม่หันไปเห็นผู้ชายตัวใหญ่ที่คอยช่วยหั่นผักอย่างเก้ๆกังๆอยู่ใกล้ๆ
“เต...”
เปมเผลอเอ่ยชื่อผู้ชายในสายตานั้นเบาๆ ทำให้รเณศส่งเสียงไม่พอใจในลำคอออกมา ก่อนจะถือวิสาสะรั้งไหล่บางมาไว้แนบกับอกกว้างของตน
“วันหลังเราก็มาทำอาหารด้วยกันบ้างเถอะ”
“อะ อะไรเล่า”
หอยนางรมน้อยสะบัดตัวออกห่างจากรเณศก่อนจะเดินหนีไปให้พ้นจากบริเวณนี้ทันที ถึงอย่างนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหลียวกลับไปมองเตชัส ที่กำลังยื่นผักในตะกร้าให้วี ทั้งยังหัวเราะด้วยกัน ท่าทางมีความสุข ไม่เห็นจะเหมือนกับสายตาเมื่อครู่ที่ใช้มองตัวเองเลยสักนิด อย่างเช่นนั้นก็อยากจะถามกลับอยู่เหมือนกัน ว่าเตชัสน่ะมีความสุขมากไหมที่ไม่ได้อยู่กับตน....
ประมาณสองวันให้หลัง รเณศก็ได้ยื่นเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกฎต่างๆถึงกษัตริย์เตชินท์ โดยที่ระหว่างรอคำตอบ ภายนอกปราสาทก็เริ่มมีการเคลื่อนตัวของเหล่าชาวบ้านจากชุมชนต่างๆเพื่อมาช่วยเป็นเสียงเรียกร้องให้อีกทาง แต่ถึงอย่างไร การเคลื่อนไหวต่างๆก็มาจากการรวบรวมของประชากรเอง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความตั้งใจของรเณศแต่อย่างใด
ยังดีหน่อยที่เตชัสยอมเข้ามาช่วยดูแลเรื่องวุ่นวายต่างๆ สลับกับการหายหัวไปหมกตัวอยู่ที่หอปักษายักษ์ ทำให้เอกสารต่างๆไหลมาถึงมือรเณศไม่มากนัก ถึงได้ยังพอมีเวลามายืนลอยชาย ตั้งหม้อใบใหญ่เพื่อเตรียมทำอาหารอยู่ภายในครัวของปราสาท โดยมีลูกมือเป็นผู้ช่วยของตนเพียงคนเดียว เพราะพวกแม่ครัวพ่อครัว หรือเด็กรับใช้ต่างๆน่ะถูกรเณศไล่ให้ไปทำกิจของตนเสียทั้งหมดแล้ว
“ในเมืองวุ่นวายใหญ่เลยนะ” เปมเงยหน้าจากผักที่หั่นค้างอยู่เพื่อเริ่มต้นบทสนทนากับคนที่กำลังเติมผงปรุงรสลงไปในหม้อเดือดๆ
“ข้าคิดว่าพวกคนในปราสาทคงรับมือได้นะ แล้วถ้าผลออกมาว่าอนุมัติ พวกเขาก็จะสงบเองล่ะ”
“แล้ว...ถ้าไม่ล่ะ”
“อืม... ข้าก็คงต้องรับผิดชอบโดยออกไปปรามด้วยตัวเองนั่นแหละ เพราะถึงยังไงก็ไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โตน่ะนะ ถ้าไม่อนุมัติจริง เราค่อยหาทางอื่นกันใหม่ก็ได้” รเณศยิ้มแห้งๆออกมา ทำให้เปมเผลอหัวเราะออกมาน้อยๆ
“เจ้านี่ ใจเย็นกว่าที่คิดนะ”
“ทำไมล่ะ”
“ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าอยากจะโค่นล้มกษัตริย์เตชินท์ แต่เจ้าก็ต้องการแค่เรียกร้องอย่างสงบเท่านั้นเอง ทั้งๆที่เป็นคนมุ่งมั่นขนาดนั้น กลับใจเย็นถึงขนาดนี้ แปลกจริงๆ”
เปมพูดถึงตรงนี้ก็เดินเอาผักที่หั่นแล้วมายื่นให้รเณศ พลางชะโงกดูน้ำซุปในหม้อเป็นระยะๆ พร้อมทั้งคอยช่วยหยิบเครื่องปรุงต่างๆ
“ตอนแรกข้าก็คิดอย่างนั้นนะ และมันก็คือเหตุผลที่ข้าเกลียดเตชัสไง เพราะมันได้เป็นรัชทายาท ทั้งๆที่ตำแหน่งนั้นไม่ควรเป็นของมันด้วยซ้ำ”
เปมค่อยๆหันไปหยุดมองหน้าตาที่ดูจริงจังของรเณศ ซึ่งกำลังพูดคุยทั้งๆที่มือก็ยังวนอยู่กับหม้ออาหารตรงหน้า แม้ว่าคนตัวเล็กจะนึกสงสัยในคำพูดแปลกๆของรเณศ แต่สีหน้าของเขาตอนนี้ ก็ทำให้เปมต้องเก็บคำถามมากมายกลับเข้าไปเสียก่อน พลางยืนฟังรเณศกล่าวต่อไป
“เกียรติยศ ทรัพย์สิน อำนาจ ตำแหน่ง ทุกอย่างที่เตชัสได้รับ ล้วนเป็นสิ่งที่แย่งเอามาทั้งนั้น แค่เพียงเพราะว่าเป็นบุตรของเมียฉลาม ก็ได้ทุกสิ่งมาอย่างง่ายดาย ข้าถึงได้เกลียด เด็กที่ได้รับสิ่งเหล่านั้นไปอย่างไม่ยุติธรรม”
“เมียของฉลาม?”
“ใช่ พระอัครมเหสี แม่ของเตชัสเป็นฉลามขาว และเพราะเป็นฉลามขาวนั่นแหละ ถึงได้ขึ้นเป็นพระอัครมเหสี”
“แสดงว่ากษัตริย์เตชินท์ยังมีพระภรรยาองค์อื่นอยู่อีกเหรอ?”
เปมเอียงคอน้อยๆ และพยายามควบคุมน้ำเสียงอย่างระมัดระวัง ถึงจะถามไปอย่างนั้นแต่ก็พอเดาคำตอบได้อยู่แล้ว ก็ลูกชายเป็นอย่างไร พ่อคงต้องเป็นยิ่งกว่านั้นเป็นแน่ อีกอย่างไอ้การที่กษัตริย์จะมีเมียเดียวน่ะ เป็นไปได้ยากจริงๆ
“ผู้หญิงของเตชินท์คงมีนับร้อย แต่อย่างไรเสีย พวกนางบำเรอที่ถูกส่งตัวมาจากระบบบรรณาการจะไม่ถูกนับว่าเป็นพระชายา ข้าว่าก็เป็นแค่ของเล่นชั่วข้ามคืนเท่านั้นเอง ยิ่งเมื่อผ่านการอภิเษกสมรสแล้ว นางบำเรอพวกนั้นจะถูกพาออกไปนอกปราสาท ไม่ต่างอะไรกับเด็กรับใช้ดีๆนี่เอง ส่วนนางบำเรอคนใหม่ที่ถูกส่งมาหลังจากนั้น ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน อยู่ด้วยแค่ข้ามคืนหรืออาจจะไม่เลย ก่อนจะถูกถีบส่งออกไปทำงานรับใช้ และแน่นอนว่านางบำเรอไม่มีสิทธิ์ตั้งท้อง เด็กที่เกิดจากของกินเล่น เป็นได้แค่เศษขยะที่ต้องกำจัดทิ้งเท่านั้น”
พูดมาถึงตรงนี้ รเณศก็ละสายตาจากหม้อซุป หันมามองหน้าคนตัวเล็กที่ซีดเป็นไก่ คิ้วสองข้างขมวดมุ่ยเข้าหากันอย่างน่าขัน แต่สำหรับเปมตอนนี้คงขำไม่ออก เพราะระบบบรรณาการแท้จริงมันเลวร้ายยิ่งกว่าที่เขารู้เสียอีก คนตัวสูงพยายามยิ้มให้กำลังใจก่อนจะเอื้อมมือมาลูบผมเปมเบาๆ
“พระภรรยาของกษัตริย์เตชินท์ก็มีแค่สมเด็จพระอัครมเหสี พระมเหสีหนึ่งพระองค์ และพระสนมอีกสามพระองค์ ตามลำดับ”
“เดี๋ยวสิ แต่แม่ข้าก็เป็นแค่นางบำเรอ ไม่มีตำแหน่งใดๆ แปลว่าแม่ข้าเองก็ถูกกระทำเยี่ยงคนใช้ด้วยเช่นกันใช่ไหม”
“เปล่า เพราะเตชินท์ตกหลุมรักแม่ของเจ้าก่อนที่นางจะถูกส่งตัวเข้าปราสาทมานานมากแล้ว พอถึงเวลานั้น เตชินท์จึงถืออภิสิทธิ์ให้แม่ของเจ้าอาศัยอยู่ในปราสาทนานหลายอาทิตย์ แต่ก่อนที่จะได้สถาปนาพระอิสริยยศ หรือตำแหน่งใดๆ ก็เกิดเหตุที่คร่าชีวิตนางไปเสียก่อน”
“อ่า.. อือ... แล้ว ทำไมเจ้าถึงเปลี่ยนใจเสียล่ะ?” เปมรีบสะบัดหัวไล่ความคิดเรื่องของแม่ออกไป เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องคิดมากไปกว่านี้ ก่อนจะวนกลับมาเข้าประเด็นหลักอีกครั้ง
“ก็เพราะว่าข้าได้เจอลูกครึ่งหอยนางรมชายคนหนึ่ง ถึงทำให้ข้าขึ้นเป็นกษัตริย์ไม่ได้น่ะสิ”
“เหอๆ เกี่ยวอะไรเนี่ย”
แม้อยากจะคิดว่าหอยนางรมชายคนหนึ่งที่ว่าจะเป็นคนอื่น แต่ก็คงคิดไม่ได้ ในเมื่อสายตาของรเณศมันจ้องลงมาที่หน้าของตัวเองชัดเจนเสียขนาดนั้น หากแต่คำตอบที่ได้รับ กลับทำให้เปมยิ่งงุนงงขึ้นเป็นทวีคูณ
“เพราะกษัตริย์ต้องมีพระชายาและทายาท”
“หะ?”
“เอาเถอะ ข้าเปลี่ยนใจ เพราะไม่อยากทำให้เรื่องมันใหญ่โตวุ่นวาย ถึงยังไงข้าก็แค่อยากจะเห็นโลกที่สวยงามเท่านั้นแหละนะ”
รเณศยีผมเปมสองสามทีก่อนจะหันไปสนใจหม้อซุปต่อ คนตัวเล็กเลยได้แต่เก็บงำความสงสัยไว้ในใจ และหันไปคว้าซองเกลือใกล้ๆมาพลางเอ่ยปากถามไปด้วย
“โลกที่สวยงาม... แบบไหนกัน?”
เกลือป่นซองใหญ่ถูกยื่นให้รเณศที่หันมายิ้มอบอุ่น พร้อมกับแสงสีทองเรืองๆที่ส่องผ่านหน้าต่างห้องครัวเข้ามา ยิ่งเร้าให้ภาพของรเณศในตอนนี้ถูกชะโลมไปด้วยความอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด จนเมื่อคนตัวสูงเอ่ยคำตอบของคำถามเมื่อครู่ออกมา ซองเกลือในมือของเปมก็หล่นตุบไปไหลกองอยู่ตรงพื้นเสียแล้ว
“ก็... โลกที่มีเจ้าอยู่เคียงข้างกระมัง”
แปลกเหลือเกิน... เพียงเพราะรอยยิ้มอบอุ่นที่อาบแสงแดดเรืองรองยามเย็นนี้ ก็กลับทำให้เปมแข็งทื่อไปทั้งร่างอย่างควบคุมไม่ได้ ก็แค่คำพูดประหลาดๆเหมือนทุกที แต่ทำไมกัน ในตอนนี้มันช่างฟังดูลึกซึ้งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทำเอาคนตัวเล็กไม่อาจเปล่งเสียงหรือขยับเขยือนไปได้เลย
รเณศค่อยๆปล่อยมือจากหูหม้อ และขยับเข้ามาประชิดร่างบาง ลมหายใจอุ่นค่อยๆเคลื่อนต่ำลง จนในที่สุด รเณศก็เข้าครอบครองริมฝีปากบางของเปมไปได้อย่างง่ายดายผิดกับทุกที
สองมือใหญ่ยกขึ้นประคองใบหน้าเนียนไว้ โดยที่เปมไม่อาจจะต่อต้านอะไรคนตรงหน้าได้เลย แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะยกแขนขึ้นแม้เล็กน้อยก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ ถึงได้แต่ยืนนิ่ง ปล่อยให้คนตัวสูงรุกล้ำเข้ามาในโพร่งปากหวานอย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางความรู้สึกประหลาดกับเสียงน้ำซุปเดือดๆนั้นเอง เสียงคำรามต่ำของคนที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นใกล้ๆ จนรเณศยอมถอนจูบออกไป
“รเณศ เจ้า!”
เปมพยายามยกมือขึ้นตบแก้มตัวเองเพื่อเรียกสติ และเงยหน้ามองรเณศเขม็งอย่างเอาเรื่อง แต่ไม่ทันที่จะได้ต่อว่าอะไร เจ้าของเสียงเมื่อครู่ก็ตรงเข้ามาประชิดทั้งคู่ และพุ่งหมัดหนักๆเข้าที่หน้าของรเณศเต็มแรง จนปลาหมึกยักษ์เซไปชนกับหม้อใบใหญ่ เกิดเสียงดังอลหม่าน ข้อมือเล็กของเปมถูกคว้าไว้ก่อนที่จะทันตั้งตัว แล้วร่างบางก็ถูกลากออกไปตามทางจนถึงห้องนอนอันคุ้นชิน
“เตชัส! ปล่อยข้า!”
หลังจากที่เตชัสหันไปลงกลอนประตูอย่างแน่นหนา คนตัวเล็กก็เริ่มออกแรงสะบัดข้อมืออย่างแรง แต่ก็ไม่เป็นผล กลับยิ่งทำให้เจ้าชายฉลามบีบข้อมือเล็กนั้นแรงขึ้นจนเปมมีสีหน้าเหยเก
“เดี๋ยวนี้เจ้าปล่อยให้รเณศจูบง่ายๆแล้วเหรอ”
“โอ้ยย”
เปมร้องเมื่อเตชัสโยนตัวเองลงกับเตียง ก่อนจะตามขึ้นมาคร่อมไว้ทันที จนคนตัวเล็กไม่มีทางหนี ได้แต่นอนคุดคู้พลางยกแขนสองข้างขึ้นกำบัง น่ากลัวเหลือเกิน สายตาเกรี้ยวกราดของเตชัสในตอนนี้ มันน่ากลัว ไม่ต่างกับคืนแรกที่เปมถูกพามาที่นี่เลยแม้แต่น้อย ผิดกันก็แค่ ดูเหมือนความเดือดดาลของเตชัสในตอนนี้ จะมีมากกว่าครั้งก่อนเสียอีก
“เจ้าคงลืมรสจูบของข้าแล้วกระมัง”
“อุบ อื้ออ!”
เตชัสไม่รอช้า รวบข้อมือบางทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเดียว ก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากตัวเองลงไปกับริมฝีปากบางเบื้องล่าง ลิ้นอุ่นถูกส่งเข้าไปในโพร่งปากของเจ้าหอยทะเลน้อยอย่างจู่โจม จนคนตัวเล็กได้แต่ดิ้นไปมาข้างใต้ด้วยความตกใจ
มือใหญ่ที่ว่างกระชากเสื้อบางๆของเปมออกอย่างง่ายดาย ก่อนที่เตชัสจะยอมถอนจูบรุนแรงนั้นออกเพื่อปล่อยให้คนตัวเล็กได้มีเวลาหายใจ แต่ไม่ทันไร ลิ้นร้อนก็ค่อยๆเคลื่อนต่ำลงมาหยอกเย้ากับจุกทับทิมสีสวย ที่กำลังชูชันขึ้นจากอารมณ์อันพุ่งพล่านในตัวร่างบาง
“อ๊ะ.. ไม่!”
เตชัสเริ่มปลดกางเกงและชั้นในของเปมออกอย่างชำนิชำนาญ พร้อมทั้งวนลิ้นไปตามแนวของสะดื้อขาว จนเปมต้องบิดตัวไปตามแรงปรารถนาที่แล่นเข้ามาในร่างกาย เตชัสค่อยๆเสี่ยงคลายแรงบีบที่ข้อมือออก แต่เมื่อเห็นว่าเปมในตอนนี้ไม่ได้มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนอีกแล้ว เขาจึงยอมถอนการเกาะกุมในส่วนนั้น แล้วเปลี่ยนมานวดเค้นสะโพกมน พร้อมทั้งลากไล้ลิ้นชื้นต่ำลงเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ปลายแก่นกายสีหวานขนาดพอดีตัวของเปมที่กำลังสั่นระริก
คนตัวใหญ่จับขาของร่างบางแยกออก ก่อนจะครอบปากลงกับความเป็นชายของเปม จนคนข้างใต้เผลอแอ่นตัวขึ้นตามสัมผัสแปลกใหม่ ใบหน้าและผิวกายขาวซีดกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขินอาย บวกกับอุณหภูมิที่พุ่งสูงในร่าง เตชัสค่อยๆขยับปากเข้าออกช้าๆอย่างเป็นจังหวะ ส่วนเปมที่เริ่มทนต่อความรู้สึกประหลาดที่เข้าจู่โจมตนเองไม่ได้ ก็เผลอปล่อยเสียงครางออกมาอย่างลืมอาย ได้แต่เอื้อมมือเล็กทั้งสองข้างลงจิกทึ้งเรือนผมสีเงินของเตชัสอย่างระบายอารมณ์
“อ๊า.. อ๊ะ...เต...”
เสียงแปลกๆดังระงมไปทั่วทั้งห้อง ทั้งเสียงดูดดุน โลมเลียอย่างเร่าร้อนของคนตัวใหญ่ และเสียงครางหวานของคนตัวเล็ก
เตชัสที่กำลังปรนเปรอร่างบางอย่างชำนาญค่อยๆเหลือบตาขึ้นมอง ใบหน้าของเปมในตอนนี้แทบจะเหมือนกับลูกมะเขือเทศสุกๆก็ไม่ปาน ยิ่งเร้าอารมณ์กระหายของเตชัสให้ปะทุออกมา จึงเริ่มเร่งจังหวะปากตัวเองมากขึ้น ทำเอาเท้าเล็กๆต้องจิกลงไปกับเตียงนอนอย่างรุนแรง
“อึ๊...ข้า..มะ ไม่ไหว...”
เปมพยายามดึงผมของเตชัสอย่างแรงเพื่อให้คนตัวใหญ่ถอนปากออกมาจากแก่นกายของตัวเองซึ่งกำลังพองโตเต็มที่ แต่ไม่ทันที่เตชัสจะขยับตัว เปมก็กระตุกตัวสองสามที พร้อมทั้งปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นเข้าไปในโพร่งปากของคนตัวใหญ่เสียก่อน
“อ๊าาาา!”
“...”
“ฮ้า...ข ขอโทษ...”
เปมพยายามรวบรวมเรี่ยวแรง ยันตัวเองขึ้นเล็กน้อย เพื่อมองคนตรงหน้าให้ชัดเจน แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเตชัสกลืนของเหลวของตนเองลงไปทั้งหมดอย่างไม่นึกรังเกียจ แถมยังขยับตัวตามมาเลียทำความสะอาดน้ำขุ่นๆที่เปรอะเปื้อนอยู่รอบๆแท่งสีหวาน
“อื้อ! เต...อ๊ะ พอ..”
เตชัสตวัดเอาของเหลวที่ปลายแก่นกายตรงหน้าเข้าไปพลางเลียริมฝีปากตัวเอง และจ้องคนตัวเล็กด้วยสายตาสุขใจ จนเปมต้องรีบซุกหน้าลงกับมือตัวเองอย่างสุดจะอาย
เจ้าชายฉลามถอดเสื้อและปลดกางเกงของตัวเองออก เผยให้เห็นแก่นกายขนาดใหญ่ที่กำลังตั้งชูชัน สู้สายตากับเจ้าหอยทะเลที่ค่อยๆเลื่อนมือออก เปมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อเห็นความเป็นชายของคนตรงหน้า ที่ใหญ่จนดูน่ากลัว ในหัวเริ่มจินตนาการถึงความเจ็บปวดต่างๆนาๆ จนเผลอเขยิบตัวหนี
“เต ไม่เอานะ ข้าขอโทษ..”
เปมคว้าหมอนใกล้มือมากอดไว้แน่น ร่างทั้งร่างสั่นเทา น้ำใสๆเริ่มรื้นขึ้นมาที่ขอบตาทั้งสองข้าง แต่ดูเหมือนเตชัสจะไม่ได้เห็นใจเจ้าคนตัวเล็กเลย ถึงได้ขยับเข้าใกล้และคว้าหมอนในมือของเปมโยนทิ้งไปไกล ก่อนจะจับข้อเท้าทั้งสองข้างของเปมยกขึ้นจนเผยให้เห็นช่องทางด้านหลังแสนสวย
“เจ้าคงไม่ได้รักรเณศแล้วหรอกนะ”
“เปล่าสักหน่อย” เปมยันแขนทั้งสองข้างกับอกแกร่งของเตชัส ที่ยิ่งเข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้นทุกที พลางเบนหน้าหนีสายตาแปลกๆตรงหน้า
“แล้วทำไมยอมให้มันจูบง่ายๆแบบนั้น”
“เอ่อะ ข้าก็ไม่รู้ส..อ๊ะะ!”
ดูเหมือนคำตอบของเปมจะไม่ถูกใจเตชัสเท่าไร คนตัวสูงถึงได้แกล้งสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลังของคนตัวเล็กทีเดียวสองนิ้ว จนเปมถึงกับดิ้นเร่าด้วยความเจ็บปวด
“โอ้ยยย!”
“เปม ข้าขอโทษ...”
“อึก...”
“ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”
เสียงทุ้มที่อบอุ่นดังขึ้นชัดเจนในโสตประสาท ราวกับต้องการชะโลมความโกรธเคืองในใจให้หมดไป เปมนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะยอมพงกหัวน้อยๆทั้งที่ยังเสมองไปทางอื่นอยู่ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
เตชัสยิ้มออกมาอย่างดีใจเหมือนเด็กๆ ก่อนจะถอนนิ้วออกและจ่อแก่นกายขนาดใหญ่ของตัวเองเข้าแทนที่ คนตัวสูงไม่สนใจเสียงประท้วงของคนตรงหน้า กลับค่อยๆสอดใส่ของตัวเองเข้าไปในช่องทางสีหวาน ส่วนเปมที่ยังไม่ชินกับสิ่งแปลกปลอมนี้ ก็ได้แต่ร้องเสียหลงพลางดิ้นเร่าๆอย่างเจ็บปวด
“อะ โอ้ยย! เจ็บนะ เต...เอาออกไป!”
“ทนหน่อยนะ”
“อืมม..”
เตชัสโน้มหน้าลงประกบปากกับเปมอย่างเร่าร้อน พร้อมส่งลิ้นอุ่นเข้าไปหยอกเย้า เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กอย่างสุขสม รสจูบอันแผดเผาของเตชัสดูเหมือนจะทำให้เปมค่อยๆผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อเห็นอย่างนั้นฉลามขาวถึงได้โอกาสกดแก่นกายตัวเองเข้าไปรวดเดียวจนมิดดาม
“อ๊าาาก!!”
“อึ่ก..เปม แน่นเหลือเกิน”
เตชัสกดแช่ร่างกายตัวเองไว้อย่างนั้น ก่อนจะโน้มตัวลงไปละเลงลิ้นทั่วเนื้อขาวๆของคนข้างล่างเพื่อกระตุ้นให้เปมผ่อนคลายมากขึ้น
“อ๊ะ...ยะ...อ๊า...”
เตชัสค่อยๆขยับตัวช้าๆพลางพรมจูบไปทั่วใบหน้าและซอกคอขาว จนเมื่อเห็นว่าเปมเริ่มคลายความเจ็บปวดลง ถึงเริ่มออกแรงถี่ขึ้น เสียงกระทบกันของหัวเตียงกับผนังห้องดังไปพร้อมๆกับเสียงครางอย่างปิติของทั้งคู่ ยิ่งเร้าให้อารมณ์รักในตัวของทั้งสองยิ่งปะทุ
“อ๊า...ตะ.. เต...”
“อาาาา....”
เสียงครางต่ำของเตชัสดังขึ้น ทั้งเสียงเนื้อกระทบเนื้อ และแรงโยกขยับ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนปลุกเร้าความเสียวซ่านให้กับเปมได้มากทีเดียว
แรงกระแทกกระทั้นนั้นค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง ไม่นานนัก ร่างบางก็กระตุกเกร็งอย่างแรงก่อนจะปลดปล่อยของเหลวขุ่นเหนียวออกมา เปรอะเต็มหน้าท้องของทั้งเตชัสและตัวเอง คนตัวใหญ่กระแทกแก่นกายเข้าออกอีกสองสามที ก็ปลดปล่อยน้ำอุ่นๆเข้าไปในตัวของเปมเป็นจำนวนมาก ทำให้บางส่วนไหลทะลักออกมาเลอะเต็มที่นอนไปหมด
“อ๊าาาาา!!!”
“ฮ้า...”
เจ้าชายฉลามค่อยๆถอนแก่นกายใหญ่โตของตัวเองออก ก่อนจะเคลื่อนตัวไปนอนขนาบร่างบางที่กำลังหอบถี่ เตชัสคว้าตัวเปมเข้ามากอดไว้แน่นพลางก้มลงจูบไปทั่วขมับซึ่งขึ้นสีระเรื่อ
“เปม...ข้าทำไม่ได้เลยจริงๆ...”
“...”
“เลิกรักเจ้าไม่ได้เลยจริงๆ...”
“เต ทำไมถึงต้องปิดบังข้าด้วย” คนตัวเล็กเงยขึ้นมองหน้าเตชัสผ่านม่านน้ำตาแห่งความสุข
“เพราะข้ากลัว ว่าเจ้าจะเกลียด...และไปจากข้า ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ”
“อะ อื้อ... แต่ว่าข้า ยังไม่อาจจะให้อภัยกษัตริย์เตชินท์...”
“แม่ข้าตรอมใจตาย เพราะพ่อไม่รัก... พ่อรักแม่ของเจ้าจริงๆนะ” เตชัสลูบแขนเปมไปมาเหมือนต้องการจะปลอบให้ใจเย็น ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็ยังเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“แต่เขาฆ่าแม่ข้านะ!” เปมเผลอออกแรงทุบลงไปกับแขนแกร่งที่โอบตัวเองอยู่อย่างหงุดหงิด แต่เตชัสก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมา เพียงแต่พยายามอธิบายต่อไป
“นั่นแหละคือสิ่งที่ข้าเองก็กลัว เพราะฉลามเป็นสัตว์ที่โหดร้าย เจ้าคิดว่าพ่ออยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรือไง ข้าขอพูดในฐานะของพ่อและตัวข้าเอง...”
“...”
“...ถ้าเกิดว่าเราไม่ใช่ฉลาม แต่จะสามารถปกป้องคนที่รักได้ จะให้เป็นตัวอะไรก็ยอม”
“อึ่ก...”
“...”
“ข้า... ขอเวลาข้าอีกหน่อยแล้วกัน...”
เตชัสยิ้มอ่อนโยนก่อนจะก้มลงจูบเปมอีกครั้ง เป็นจูบที่หวานหอม ลึกซึ้ง และยาวนาน... จูบที่เต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจ
เมื่อเตชัสถอนจูบออก เปมก็ดึงเอาผ้าห่มที่ถูกถีบจนแทบจะหล่นไปกองที่พื้นขึ้นมาห่มตัวเปลือยเปล่า พลางจ้องมองเตชัสที่เอี่ยวตัวไปค้นหาอะไรบางอย่างจากลิ้นชักในโต๊ะข้างเตียง ไม่นานเขาก็หันกลับมาพร้อมกับไข่สีนวลใบใหญ่ผิดปกติ
“ข้าตั้งใจจะให้สิ่งนี้กับเจ้า”
“อะไรเหรอ”
“ไข่ของปักษายักษ์”
“เอ๊ะ ข้า.. ได้เหรอ ปักษายักษ์ของข้าเองน่ะเหรอ”
เปมร้องขึ้นมาอย่างดีใจพลางชี้หน้าตัวเองสลับกับไข่บนมือ เมื่อคนตัวสูงพยักหน้าอย่างใจดี เปมก็กอดไข่ใบใหญ่ไว้อย่างเบามือก่อนจะจ้องมองมันด้วยสายตาที่เป็นประกาย แค่จินตนาการว่าเจ้านกยักษ์นี้จะกำเนิดออกมาเป็นแบบไหน ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกแล้ว
แต่ความรู้สึกตอนนี้น่ะ ไม่ใช่แค่ดีใจ แต่ยังรู้สึกเห็นใจแปลกๆอีกด้วย เพราะเตชัสเองก็มีเรื่องที่ต้องเจ็บปวดมากมาย โดยที่เปมไม่เคยคิดจะสนใจเลย ถ้าคิดให้ดีแล้ว เตชัสก็ไม่มีแม่เหมือนกัน... แถมยังบ่นอยู่เสมอๆ ว่าถูกแย่งความรักจากพ่อไปอีก ถ้าเช่นนั้นแล้ว ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ ก็เป็นเพียงเด็กที่โหยหาความรักเท่านั้น...
เตชัสเอื้อมมือขึ้นแตะแก้มเนียนของคนตัวเล็ก พลางขยับตัวเข้ามาใกล้ เขาโน้มตัวลงมาให้หน้าผากทั้งสองแตะกัน ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“เปม...ไว้ครั้งหน้า เจ้ามาขี่นกเล่นกับข้าบ้างนะ”
น่าสงสารเหลือเกิน เตชัส... เจ้าช่างน่าสงสารเหลือเกิน...
-----------------------------------
> ฉลามกินหอยแล้ว แบ๊ะๆๆ =///= อาจจะแต่งไม่ดี ต้องขออภัยจริงๆค่ะ ไม่เคยแต่งฉากอย่างงี้มาก่อน 555555 เขินเลย 
> ส่วนตัว ชอบทั้งเต ทั้งรเณศอะ สงสารทั้งคู่เลย แล้วทั้งคู่ก็รักเปมมากพอกัน เลือกไม่ถูก แอร้ยยย 5555
> เดี๋ยวจะเปิดเทอมแล้ว อาจจะอัพช้าขึ้นนะคะ แต่อย่าเพิ่งหายกันไปไหนน้า ><
> ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามกันมาจนถึงตอนนี้มากๆนะคะ 