(: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)  (อ่าน 28117 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้ เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณา กดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้าม ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การ นำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5. ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้ แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยาย ในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็น เวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0











ขออนุญาตเปิดเรื่องใหม่ขอรับ


เกริ่นนำเพื่อความสบายใจของทุกท่าน ชื่อของตัวละครและเนื้อความในเรื่องนี้เป็นชื่อที่แต่งขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

ส่วนเรื่องสถานที่นั้น ในด้านความจริงแล้ว สถานที่ที่ใช้เป็นฉากของเรื่องนี้นั้นมีอยู่จริง แต่ข้าเจ้าขอละเอาไว้ โดยไม่ขอเอ่ยว่าอยู่ที่ไหน ข้าเจ้าหาได้มีความต้องการที่จะหลบหลู่สถานที่นั้นแต่อย่างไร จึงขอให้ทุกท่านจินตนาการว่าสถานที่แห่งนี้นั้น เป็นเพียงสิ่งที่สมมุติขึ้น ไม่มีอยู่จริงในแผนที่แต่อย่างใดขอรับ

ขอให้ทุกท่านมีความสุข สนุก รื่นเริง กับเรื่องนี้ตามอัธยาศัย




ปล. เรื่องนี้แต่เดิมเป็นนิยายชาย - หญิงปกติ แต่ข้าเจ้านำมาดัดแปลงในบางส่วน หากพบจุดใดที่อ่านแล้วสะดุดอารมณ์ ข้าเจ้าขอความช่วยเหลือจากทุกท่านช่วยชี้แนะข้าเจ้าด้วย ข้าเจ้าน้อมรับ นำกลับไปแก้ไขขอรับ

ปล.2 เรื่องนี้เป็นแนวรักใสๆ ไม่เน้นฉากหวือหวา แต่เน้นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน พี่ น้อง ความรัก และความเสียสละ









Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2012 19:28:14 โดย Ice_Iris »

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: Marine love you always ( ตอนที่ 1 )
«ตอบ #1 เมื่อ21-11-2012 21:31:55 »






คำโปรย.........





รักแต่ต้องห้ามใจไม่ให้รัก มันเจ็บ เจ็บมากรู้ไหม








ทะเลอยู่ในอ้อมกอดมหาสมุทรฉันใด รักฉันจะมีเธออยู่ฉันนั้น






ตอนที่ 1







   วู้นนนน!!!!!


   เสียงหวีดของหวูดรถไฟดังขึ้น เด็กหนุ่มคนหนึ่งลืมตาขึ้นมองทิวทัศน์รอบนอก บรรยากาศรอบๆตัว เปลี่ยนจากป่าไม้ เป็น

บ้านเรือนของผู้คน ที่ปลูกกระจายกันอยู่ อากาศยามเช้าอันสดชื่น ต่างจากในเมืองหลวงมากมาย เด็กหนุ่มกดกระจกหน้าต่างให้

ต่ำลง เพื่อสูดอากาศได้เต็มที่

   “ เฮ้อ!!! แถวนี้อากาศดีจังเลย ป่านนี้พ่อกับแม่คงไปทำงานแล้ว จะว่าไปแล้วก็ใจหวิวๆเหมือนกันนะ ”

   เด็กหนุ่มคนเดิม กล่าวขึ้นลอยๆ เหมือนรำพึง รำพัน แต่นั่นก็พอทำให้ใครอีกหลายๆคนที่นั่งอยู่ข้างๆหันมามองอย่าง

แปลกใจ ส่วนคนที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองกำลังตกเป็นเป้าสายตา ก็ได้แต่ส่งยิ้มเขินๆตอบกลับไป

   “ หนูเป็นคนที่ไหนเหรอ หน้าตาไม่น่าใช่คนท้องถิ่น ”


   หญิงสาวสูงอายุ ที่นั่งอยู่ข้างๆถามขึ้น พร้อมกับรอยยิ้ม


   “ ครับ ริ....เอ่อผมเพิ่งมาจากเมืองหลวงน่ะครับ ”


   “ อืม... จะลงไปเที่ยวหรือ ”


   “ ไม่ใช่หรอกครับป้า คือว่าริน เอ้ย!ผมเลือกมาเรียนที่นี่น่ะครับ ”


   หญิงสาวสูงวัยทำหน้างงๆกับคำตอบของเด็กหนุ่ม ก่อนที่จะเอ่ยถามต่อ


   “ แทนตัวเองอย่างที่เคยก็ได้ลูก ว่าแต่มาจากเมืองหลวง แล้วทำไมเลือกมาเสียไกลเลย แถวนู้น

ก็มีที่เรียน ที่มีชื่อเสียงตั้งมากนี่นา ใครๆเค้าก็อยากไปเรียนในเมืองหลวงกันทั้งนั้น ทำไมลงมาเรียนที่นี่ล่ะ ”


   คำถามของหญิงสาววัยเกษียณ ทำให้เด็กหนุ่มนึกย้อนกลับไปถึงสาเหตุที่ตนเองมานั่งอยู่ในรถขบวนนี้



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   ‘ ทำไมลูกเลือกไปเรียนไกลนักล่ะ ใกล้ๆบ้านเราก็มี ’


   ‘ แหมแม่ครับ ก็รินเลือกเรียนสายนี้นี่ครับ แล้วแถวบ้านเราก็ไม่มีทะเลด้วย แบบว่ารินอยากเรียนแบบใกล้ชิด ติด

สถานการณ์ แล้วรินก็เข้าไปหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่มาแล้วด้วย ที่นั่นเค้ามีชายหาดอยู่ภายใน ‘มอเลยนะครับ ’

   เด็กหนุ่มพูดจ้อยๆ อยู่กับหญิงวัยกลางคน และชายวัยเดียวกัน ที่ยืนอมยิ้มกับท่าทีของสองคนต่างวัย เมื่อเด็กหนุ่มนั้น

กำลังเริงร่าแบบสุดๆ กับสาวใหญ่ที่หน้ามุ่ยแบบสุดๆเช่นกัน


   ‘ คุณคะ พูดอะไรบ้างสิ ยืนยิ้มอยู่ได้ ’


   ‘ แล้วเราจะไปเมื่อไหร่ พ่อตัวดี ’


   ‘ กำหนดรายงานตัว เดือนหน้าครับพ่อ ’


   ‘ คุณคะ!!! รีหมายความว่า ให้คุณห้ามลูก ไม่ใช่... ’


   ‘ คุณรี ลูกเราน่ะโตแล้ว ลองปล่อยให้แกไปเจออะไรด้วยตัวเองบ้าง แกจะได้แข็งแกร่งขึ้น ’


   ‘ คุณก็เป็นอย่างนี้ทุกที ตามใจลูกเสียทุกเรื่อง ’


   ผู้เป็นภรรยาทำหน้าไม่พอใจหน่อยๆ ที่สามีไม่ช่วยตนเองห้ามปรามบุตรชายคนเดียวแม้แต่น้อย แถมยังส่งเสริมอีก


   ‘ แล้วเราล่ะ ติดที่ไหนบ้าง ’


   ผู้เป็นพ่อถามบุตรชาย ที่กำลังยืนยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมที่พ่อไม่ว่าอะไร แถมยังช่วยพูดส่งเสริมอีกด้วย


   ‘ ก็ 3 ที่ครับ แต่... รินเลือกที่นี่ ’


   ‘ คิดดีแล้วใช่มั้ย ’


   ‘ ครับพ่อ รินนั่งคิด นอนคิด ตีลังกาคิด... ’


   ‘ พอๆ ไม่ต้องนอกเรื่องเลย ถ้าลูกคิดดีแล้ว พ่อก็แล้วแต่ลูกแล้วกัน แต่อย่ามาโอดครวญทีหลังนะ ถ้ามาร้องโอดโอยที

หลังล่ะก็.... ’


   ผู้เป็นพ่อพูดขัดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าลูกชายเจ้าปัญหาของตัวเอง กำลังฝอยมากเกินไป พร้อมกับสำทับในสิ่งที่ลูกคิดว่าดีที่

สุดสำหรับตนเองแล้ว


   ส่วนคนเป็นแม่ ก็นั่งยังตีหน้าเหมือนยักษ์วัดโพธิ์ไม่ยอมเปลี่ยน ที่สามีและลูกเข้ากันเป็นปี่ เป็นขลุ่ย ไม่มีใครเห็นด้วยกับ

ตนเองเลย ทำให้ลูกชายตัวดี ต้องหันมาประจบแม่ตัวเอง


   ‘ แม่ครับ อย่าเพิ่งงอนนะ รินสัญญาว่าจะกลับบ้านบ่อยๆเท่าที่มีโอกาส จะโทรหาทุกวันเลย ’


   เด็กหนุ่มพูด พลางเข้ามากอดผู้เป็นแม่ พร้อมกับโปรยยิ้มหวานแบบสุดฤทธิ์ เพื่อให้แม่เลิกทำหน้ายุ่งเสียที


   ‘ ไม่ต้องทำมาพูดดี พอกันทั้งคู่เลย พ่อลูกคู่นี้ ’


   ‘ ทำอย่างกับคุณไม่เคยตามใจลูกงั้นแหละ ’


   ผู้เป็นพ่อที่โดนนินทาระยะเผาขน ประท้วงขึ้น ส่วนแม่ที่ตอนนี้โดนลูกออดอ้อนอยู่นั้น ได้แต่ทำหน้าดุใส่สามี


   ลูกชายตัวดี ที่เป็นคนต้นเรื่อง ก็ได้แต่นั่งยิ้มกว้าง จนผู้เป็นพ่อต้องหันมาขยี้หัวเล่นด้วยความหมั่นไส้


   ‘ แล้วลูกเตรียมข้าวของหรือยัง ไปอยู่ต่างที่ ต่างทาง ต้องเตรียมเผื่อเอาไว้บ้าง เพราะไม่รู้ว่า ทางนู้นน่ะ จะเหมือนบ้าน

เราหรือเปล่า ’


   ผู้เป็นแม่ ถามขึ้น เมื่อเห็นว่าไม่สามารถห้ามปรามได้อีก สิ่งที่จะทำได้ก็คงเป็น จัดเตรียมความพร้อมให้กับว่าที่นักศึกษา

ใหม่

   ‘ จริงด้วย!!! รินยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย มัวแต่ดีใจที่สอบเข้าได้ พ่อจ๋า แม่จ๋า... ’


   ลูกชายตัวดีที่ยังนั่งกอดเอวผู้เป็นแม่อุทานขึ้นเหมือนเพิ่งนึกได้ ก่อนจะหันไปทำตาละห้อยให้กับพ่อและแม่ของตนเอง


   ‘ ไม่ต้องมาจ๋า มาขาเลย จะเอาขาไหนล่ะ ขาซ้ายหรือขาขวา หรือจะเอาทั้งสองเลย ’


   ‘ แหมพ่ออ่ะ รินลืมแค่นี้ก็ไม่ได้ ’


   ‘ เลิกเถียงกันได้แล้ว พ่อลูกคู่นี้ รีว่า วันนี้เราก็ว่างอยู่ ยังไงก็ไปเลือกซื้อเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ’



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   ‘ ลูกจะไปรถไฟจริงๆหรือ ให้พ่อขับรถไปส่งไม่ดีกว่าหรือ แม่จะได้ดูด้วยว่า ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง ’


   ‘ คือว่า... รินอยากรู้ว่า นั่งรถไฟเป็นยังไง รินยังไม่เคยซักทีนะครับพ่อ นะครับ ’


   เสียงสนทนาดังขึ้นภายในบ้านหลังเดิม เมื่อผู้เป็นแม่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของลูกชาย ส่วนลูกชายตัวดี ที่โดนแม่

ขัดเรื่องการเดินทาง ทำให้เจ้าตัวต้องหาผู้ช่วย ซึ่งก็หนีไม่พ้น ผู้เป็นพ่อ


   ‘ เราแน่ใจนะ ว่าจะไปได้ ’


   ‘ แหม... พ่อครับ ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอครับ แต่รินเชื่อครับ ว่ามันคงไม่ยากเกินความสามารถ ’


   ‘ ถ้าลูกแน่ใจว่าลูกดูแลตัวเอง พ่อก็ไม่ว่าอะไร... ’


   ‘ คุณคะ!!! ’


   ผู้เป็นพ่อไม่ว่าอะไรกับความเห็นของลูกชายคนโปรด แต่ผู้เป็นแม่ ที่เห็นว่าสามีเห็นดี เห็นงามไปกับลูก เอ่ยขึ้นอย่างไม่

ค่อยพอใจแต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร สามีก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน


   ‘ คุณรี ปล่อยให้แกเจออะไรด้วยตัวเองบ้าง เราน่ะเป็นห่วงได้ แต่ถ้าเป็นห่วงมากเกินไป ไม่ปล่อยให้ลูกเจออะไรด้วยตัว

เองเลย เวลาเจอปัญหา ลูกก็จะแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ และผมก็ดีใจนะ ที่ลูกของเรา เสนอตัวที่จะออกไปเจออะไรด้วยตัวเอง

เพราะนั่นเป็นสัญญาณบอกว่า ลูกของเรามีวุฒิภาวะที่เพิ่มขึ้น เราต้องปล่อยให้เขาวางแผนด้วยตัวเองบ้าง ให้เขาจัดการมันด้วยตัว

เอง ส่วนเราก็ดูแลอยู่ห่างๆ ’


   สามีให้เหตุผล ว่าเหตุใดถึงเห็นด้วยกับบุตรชาย แต่ภรรยายังคงเป็นห่วงบุตรชายอยู่ เพราะมันเป็นการเดินทางไกลคน

เดียวเป็นครั้งแรก แม้ว่าที่ผ่านมาเด็กหนุ่มจะเคยออกค่ายต่างที่กับทางโรงเรียนอยู่บ่อยๆ แต่นั่นก็มีเพื่อนและครู อาจารย์ไปด้วย


   ‘ อย่ากังวลเลยคุณ เราไปส่งลูก ขึ้นไฟที่สถานีแล้วก็รอจนรถออกแล้วค่อยโทรถามระหว่างทางก็ได้ แล้วอีกอย่างนะ

รถไฟขบวนที่ เจ้าตัวแสบของเราจะไปน่ะ มันสุดทางที่นั่นพอดี ไม่ต้องเป็นห่วงว่า ลูกเราจะลงผิดที่ ’


   ‘ ส่วนเราขึ้นรถไปแล้ว ก็โทรมาบอกแม่เค้าด้วย ’


   ‘ ได้ครับพ่อ แค่นี้สามารถ ’


   ‘ ไม่ต้องทำมาดีใจออกนอกหน้าเลย ’


   ‘ แหมแม่ครับ นิดนึง ’


   แม่ที่เห็นว่าลูกชายดีใจออกนอกหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะค่อนขอด ส่วนคนที่โดนว่าก็ส่งลูกอ้อนมาอีก จนคนเป็นแม่ไม่รู้จะทำ

อย่างไรกับลูกชายคนเดียวดี




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   สถานีรถไฟคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ที่มีจุดหมายต่างๆกัน เด็กหนุ่มร่างสูง อายุประมาณ 17 - 18 ปีคนหนึ่ง กำลัง

เดินนำหน้าชายหญิงคู่หนึ่งไปยังชานชาลาที่ 10


   ‘ ช้าๆก็ได้ลูก เหลือเวลาอีกตั้งมาก ’


   ‘ ก็รินอยากรู้นี่ครับ ว่าบนรถไฟมันเป็นอย่างไรบ้าง ’


   ‘ เดี๋ยวคนอื่นเค้าก็ว่าเป็นบ้านนอกเข้ากรุงหรอก ไม่รู้จักรถไฟ ’


   ‘ ก็ช่างเขาสิครับ ไม่เห็นต้องสนใจเลย เร็วๆสิครับ ’


   ลูกชายตัวดียังเร่งไม่เลิก ส่วนผู้เป็นพ่อและแม่ก็ได้แต่ส่ายหน้า กับอาการของลูกที่เหมือนเด็กเห่อของใหม่



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   แกร๊งๆๆ!!!


   เสียงเคาะระฆังของนายสถานี และเสียงประกาศบอกว่าเหลือเวลาอีกเล็กน้อย รถจะเคลื่อนขบวนออกจากสถานี


   ‘ พ่อครับ แม่ครับ รถจะออกแล้ว ’


   เด็กหนุ่มที่เมื่อครู่ยังหัวเราะ ยิ้มแย้ม แต่ขณะนี้ กำลังทำหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ เมื่อรถใกล้จะออกจาก

สถานีแล้วจริงๆ



   ‘ ไม่ต้องมางอแงเลย ลูกโตแล้ว จะมาขี้แงเป็นเด็กๆได้ยังไง แล้วอีกอย่างเราก็ตัดสินใจเอง พ่อกับแม่ไม่ได้บังคับ ลูก

ต้องทำได้ พ่อเชื่อนะว่าลูกของพ่อน่ะ เก่งอยู่แล้ว อ้าวคุณ... ’



   ผู้เป็นพ่อปลอบลูกชายคนเดียว แต่เมื่อหันมาเห็นภรรยาต้องแปลกใจกว่าเดิม เพราะภรรยาสาวนั้นยืนร้องไห้อยู่


   ‘ ผมปลอบลูก แต่คุณมาเป่าปี่เสียเองแบบนี้ เดี๋ยวลูกก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งกันพอดี ’


   ‘ คุณน่ะ ’


   ภรรยาหันมาเอาเรื่องกับสามี ที่ว่าตนเองเมื่อครู่ ก่อนจะเข้ามาสวมกอดลูกชายอีกครั้ง


   ‘ ดูแลตัวเองดีๆนะลูก โทรมาหาแม่บ่อยๆนะ ’


   ‘ ครับแม่ ’


   เด็กหนุ่มรับคำ ก่อนจะหันมากอดผู้เป็นพ่อ แล้วจึงเดินขึ้นบันไดรถไปยังที่นั่งของตนเองตามที่ระบุไว้ในตั๋ว


   ‘ ลูกทำได้อยู่แล้ว สู้ๆ ’


   พ่ออวยพรให้อีกครั้ง ส่วนคนเป็นแม่นั้นกำลังซบไหล่ของสามี พร้อมกับโบกมือให้ลูกขณะที่รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจาก

สถานี อย่างช้าๆ จนลับสายตา




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@





   “ หนูๆ เป็นอะไรหรือเปล่า อยู่ก็ร้องไห้ ”


   หญิงคนเดิมถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปนาน ตั้งแต่ถามคำถามแรกจบ แล้วอยู่ๆก็ร้องไห้ขึ้นมาเสียดื้อๆ


   “ อ๋อ... ป่ะ...เปล่าหรอกครับ แค่รินคิดถึงพ่อกับแม่ ก่อนที่รินจะขึ้นรถไฟมาน่ะครับ ”


   “ เหรอจ๊ะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ป้าเห็นหนูเงียบไป แล้วจู่ๆก็ร้องไห้ นึกว่าเป็นอะไรเสียอีก ”


   “ ขอบคุณ คุณป้ามากเลยนะครับที่เป็นห่วงริน ”


   เด็กหนุ่มว่า พลางยกมือไหว้หญิงสาวต่างวัย ซึ่งหญิงวัยเกษียณรับไหว้ด้วยรอยยิ้มเอ็นดู


   “ ว่าแต่ คุณป้าลงมาเที่ยวหรือครับ แล้วทำไมมาคนเดียวล่ะครับ ”


   หลังจากที่โดนถามมาแล้ว เด็กหนุ่มเองก็เริ่มที่จะถามกลับบ้าง


   “ ป้าไม่ได้ลงมาเที่ยวหรอก แต่ป้ากลับบ้านน่ะ บ้านป้าอยู่นี่ พอดีว่าป้าไปเยี่ยมลูกๆมาจ้ะ ”


   “ หรือครับ คุณป้านี่เก่งจังเลย นั่งรถไปคนเดียว ”


   “ ไม่ได้เก่งอะไรหรอก ป้านั่งคนเดียว มาตั้งแต่สมัยสาวๆแล้ว ”


   “ โห!!! จริงหรือครับ รินเพิ่งเคยขึ้นรถไฟครั้งแรกเองครับ ”


   “ จริงจ้ะ ว่าแต่... ทำไมเรามาคนเดียวล่ะ ทั้งๆที่เพิ่งขึ้นเป็นครั้งแรกน่ะ ”


   “ คือว่า ตอนแรกพ่อกับแม่ก็จะมาส่งอยู่เหมือนกันครับ แต่รินอยากเดินทางคนเดียวดูบ้าง เพราะพอไปเรียนแล้วรินก็

ต้องอยู่คนเดียว ”


   “ อย่างนั้นเหรอ ก็ดีนะ เราจะได้เก่งขึ้น เพราะถ้าพ่อแม่ไม่ปล่อยให้ทำอะไรเองเลย เดี๋ยวจะเข้าข่าย พ่อแม่รังแกฉัน

อย่างลูกๆของป้า ป้าก็แค่ดูอยู่ห่างๆ ปล่อยให้เขาดูแลตัวเอง ปล่อยให้พี่น้องสอนกันเอง ”


   “ ป้ามีลูกกี่คนครับ ”


   “ ไม่มากหรอกจ้ะ แค่เกือบครบทีมฟุตบอลเอง ”


   เด็กหนุ่มถามด้วยความอยากรู้ แต่เมื่อได้คำตอบจากหญิงสูงวัยตอบก็ทำให้เขาหน้าเหวอไปเหมือนกัน


   “ โห!!! เยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ พ่อกับแม่รินบอกว่ามีแค่รินคนเดียวก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ”


   “ จ้า... คนสมัยก่อนน่ะ นิยมมีลูกมาก แล้วยิ่งเป็นคนต่างจังหวัดแบบป้าด้วย บางบ้านมีมากกว่าป้าอีก ”


   เด็กหนุ่มได้แต่ทำตาโต แม้ว่าจะเคยรู้มาบ้าง แต่ก็ไม่เคยเจอใครที่มีลูกมากขนาดนี้เสียที เพราะในเมืองหลวง มีลูกแค่

2 คน ก็ถือว่ามากแล้ว แต่ก่อนจะได้ถามอะไรอีก หญิงสูงวัยก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน


   “ เดี๋ยวรถก็จะถึงสถานีแล้ว หนูไปเตรียมของก่อนดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา ”


   “ ครับ ขอบคุณคุณป้ามากเลยนะครับที่กรุณาบอกริน แล้วก็ชวนคุยด้วย ตรงที่ที่รินอยู่นั่งแต่แรก ไม่มีใครคุยกับรินเลย ”


   เด็กหนุ่มว่า พลางยกมือไหว้ขอบคุณหญิงสาวต่างวัยอีกครั้ง ซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา


   “ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ว่าแต่ หนูจะไปโรงเรียนยังไงล่ะ เอาอย่างนี้มั้ย เดี๋ยวลูกคนรองของป้าจะมารับ หนูไปกับป้ามั้ย

เดี๋ยวป้าให้เขาไปส่งในโรงเรียน ”


   คำถามของอีกฝ่าย ทำให้เด็กชายทำหน้านิ่ว เพราะตนเองลืมนึกเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าจะมีรถเหมือนในเมืองหรือเปล่า


   หญิงสาวผู้ผ่านโลกมามากกว่า เห็นท่าทางของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่กำลังทำหน้านิ่ว คิ้วขมวด ก็พอจะเข้าใจ


   “ ยังไม่รู้น่ะสิว่าจะไปอย่างไร ”


   คำถามของอีกฝ่ายทำให้เด็กหนุ่มได้แต่พยักหน้ารับ ส่วนหญิงวัยเกษียณก็ได้แต่ส่ายหน้า แล้วก็ยิ้มน้อยๆ ส่วนเจ้าตัวที่

เหมือนจะเพิ่งนึกอะไรออก จึงเอ่ยถามขึ้น


   “ คุณป้าครับ แล้วคุณป้าทราบได้อย่างไรว่า มหา’ลัยที่รินจะไปอยู่แถวบ้านน่ะค่ะ เพราะเท่าที่รินทราบมา ที่นี่มีมหา’ลัย

ตั้งหลายที่ ”


   “ จะไม่รู้ได้อย่างไร ก็ลูกชายคนรองที่จะมารับป้าน่ะ เขาเป็นครูสอนอยู่ที่นั่น แล้วอีกอย่างนะ ส่วนใหญ่แล้ว เด็กต่าง

พื้นที่น่ะ มักจะมาเรียนที่นั่น ”


   “ อ๋อ... ”


   เด็กหนุ่มลากเสียงยาว พร้อมกับพยักหน้าเข้าใจในสิ่งอีกฝ่ายบอก


   “แล้วเราน่ะ ขนอะไรมาบ้าง ”


   “ กระเป๋าใบเดียวครับ แล้วก็ของใช้จำเป็นเล็กๆน้อยๆ ส่วนอย่างอื่น เดี๋ยวค่อยไปตายเอาดาบหน้าครับ ”


   เด็กหนุ่มตอบ ด้วยท่าทางทะเล้นๆ ซึ่งมันก็ทำให้หญิงสูงวัยอดขำ กับท่าทางของเจ้าตัวไม่ได้


   “ ไปเอาของ ของเรามาก่อนแล้วกัน เดี๋ยวป้าจะรออยู่ที่เดิมนี่แหละ เร็วเข้าล่ะ รถใกล้จะจอดแล้ว ”


   สาวใหญ่เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่า รถชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ และบ้านเรือนก็เริ่มหนาตามากขึ้น


   “ รับทราบครับผม ”


   เด็กหนุ่มตอบ พลางทำท่าเหมือนกับเวลาที่ทหารทำความเคารพ ก่อนจะวิ่งกลับ ทิ้งให้อีกฝ่ายมองตามขำๆ กับกิริยา

กระโดก กระเดก ของเด็กหนุ่มที่ไม่ค่อยจะเหมือนกับเด็กเมืองหลวงสักเท่าไหร่ เมื่อเด็กหนุ่มวิ่งไปยังอีกตู้หนึ่งของรถไฟแล้ว สาว

ใหญ่จึงเริ่มหยิบสัมภาระของตนเอง เพื่อเตรียมตัวเช่นกัน


   วู๊นนนนน!!!


   รถไฟเปิดหวูดเตือนอีกครั้ง เมื่อเข้าสู่เขตชุมชน ก่อนจะค่อยชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ


   “ มาแล้วครับ รินมาแว้วววว ”


   เด็กหนุ่มคนเดิม ส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาแต่ไกล ทำให้คนเกือบทั้งตู้ หันไปมองเขาเป็นตาเดียว


   ส่วนเจ้าตัว เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่า ปล่อยไก่อีกแล้ว ก็ได้แต่ยิ้มแหยๆซึ่งก็ทำให้หลายคนยิ้มขำๆกับท่าทางของเด็กหนุ่ม

ตรงหน้า


   “ ถึงแล้วเหรอครับ คุณป้า ”
   

   เจ้าตัวถามป้าคนเดิมทันที ที่วิ่งเข้ามาถึง ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่ยิ้มกับอาการดีใจออกนอกหน้าของอีกฝ่าย


   “ ถึงแล้วจ้า เมื่อครู่ลูกชายโทรมาบอกว่า เขามาถึงแล้ว ลงกันเถอะรถจอดแล้ว ”


   “ หรือครับ งั้นเราก็ไปกันเลย ป้ามีอะไรให้รินช่วยถือมั้ยครับ เดี๋ยวรินช่วยถือให้ดีกว่า ”


   ว่าเสร็จก็ถือวิสาสะ หยิบกระเป๋าของอีกฝ่ายมาถือไว้ แถมยังเดินเหมือนกับบ้านของตัวเองอีก แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่า

อะไร ได้แต่เดินลงจากรถไฟแล้วมองหาลูกชาย


   “ คนเยอะจังเลยนะครับ สงสัยว่า ถ้ารินมาคนเดียว มีหวัง หลงแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลย ”


   เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น เมื่อลงมายืนอยู่ที่ชานชาลา พร้อมกับหญิงสาวต่างวัย ที่กำลังมองหาใครคนหนึ่ง


   “ โน่นไง ลูกชายป้า เราไปกันเถอะ ”


   ว่าจบ หญิงสาววัยเกษียณออกเดินไปข้างหน้า ท่ามกลางผู้คนมากมาย โดยมีเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาว แตกต่างจาก

คนพื้นที่ที่ผิวจะคล้ำ จะมีอย่างเดียวที่ทำให้เด็กหนุ่มนั้นดูกลมกลืนก็คงเป็นนัยน์ตาคมโตฉายแววสดใสของวัยรุ่นเท่านั้น




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@










ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 2
«ตอบ #2 เมื่อ22-11-2012 12:54:27 »





ตอนที่ 2









   หนุ่มใหญ่วัย 30 ปลายๆ มองคนทั้งสองที่เดินเข้ามาหาตนอย่างแปลกใจ หญิงเลยวัยกลางคนนั้นเขารู้จักดี แต่เด็กหนุ่มที่เดินมาด้วยเป็นใครนั้น เขาไม่อาจสามารถทราบได้

   “ นี่ตา1ซัน ลูกชายคนที่ป้าเล่าให้ฟัง ”

   “ สวัสดีครับ”

   หญิงสูงวัยแนะนำให้เด็กหนุ่มรู้จักกับบุตรชายของตน ซึ่งคนที่ถูกแนะนำ ก็ยกมือรับไหว้แม้ว่าจะแปลกใจอยู่บ้าง

   “ ไม่ต้องทำงง แม่เจอแกบนรถไฟ สอบถามแล้วบอกว่าลงมาเรียนที่นี่ แต่ว่ายังไม่รู้ว่าจะไปโรงเรียนยังไง แม่ก็เลยชวนมาด้วย เพราะเห็นว่ายังไงบ้านเราก็อยู่แถวนั้น ”

   “ อ๋อ... อย่างนั้นหรือครับ ผมก็นึกว่าแม่ไปเมืองหลวงแป๊บเดียว แอบพาลูกชายของใครเขาหนีมาด้วย ว่าแต่เราน่ะมาเรียนที่นี่ แล้วเลือกเรียนสาขาอะไรล่ะ ”

   หนุ่มใหญ่กล่าวเชิงสัพยอกกับผู้เป็นแม่ ที่กำลังทำหน้างอนๆ ก่อนจะหันมาถามเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้วยกัน แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบ ชายหนุ่มก็พูดขัดขึ้นเสียก่อน

   “ อ้อ!!! เกือบลืม แม่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการเดินทางหรอกครับ เพราะว่ารุ่นพี่จากมหา’ลัยเค้าเอารถมารับ แล้วครูก็เห็นว่าเราน่ะควรจะไปกับรุ่นพี่นะ ที่ว่าอย่างนี้ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ไปด้วย แต่อยากให้เธอร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนๆน่ะ ”

   “ จริงหรือครับ งั้นรินไปกับรุ่นพี่ก็ได้ครับ จะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆไว้ก่อน แต่ว่า... ”

   เมื่อรู้ว่ามีรถที่รุ่นพี่เตรียมมารับเด็กหนุ่มก็ดีใจที่จะได้เจอรุ่นพี่ พร้อมกับเพื่อนๆที่เรียนที่เดียวกันไปในตัว แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่บ้าง

   “ อืม... อย่างนั้นเหรอ งั้นก็ได้ แต่ว่าอะไรหรือ ”

   ครูหนุ่มใหญ่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวยินดีที่จะไปกับรถของมหาวิทยาลัย กับทำหน้ากังวลบางอย่าง

   “ นั่นสิ แต่ว่าอะไรเรา ”

   หญิงสูงวัยเพียงคนเดียวเห็นกับอาการดังกล่าวจึงเอ่ยถามขึ้นบ้าง

   “ คือว่า รินไม่รู้ว่า พี่ๆเค้าอยู่ตรงไหนน่ะครับ ”

   เจ้าตัวกล่าวขึ้นด้วยเสียงอ่อยๆ เพราะว่าตั้งหน้า ตั้งตาเดินตาม ไม่ได้มองอะไรกับเขาเลย

   “ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวครูพาไปส่งให้กับรุ่นพี่ หวังว่าเราคงได้เจอกันที่มหา’ลัยนะ แม่รออยู่ตรงนี้สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมขอพาเด็กหลงทางไปส่งก่อนแล้วจะรีบกลับมาครับ ”

   “ จ้า ฝากด้วยแล้วกัน เด็กต่างที่ ต่างทาง เดี๋ยวจะหลง ”

   ผู้เป็นแม่กำชับอีกครั้ง ก่อนที่จะปล่อยให้บุตรชายพาเด็กหนุ่มที่เพิ่ง
รู้จักกันไปส่ง



*********************************************************************************



“ ‘จารย์ หวัดดีครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ ”

ชายคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยถามขึ้นเมื่อหันมาเห็นอาจารย์ของตนเข้าพอดี

   “อืม... หวัดดี ครูพาเด็กหลงทางมาส่ง ”

   ส่วนคนเป็นอาจารย์ก็ตอบกลับที่เล่น ที่จริง อย่างไม่ถือตัว ซึ่งก็ทำให้รุ่นพี่หลายคนหันมามองเด็กหนุ่มเป็นตาเดียว ซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป

   “ ขอบคุณ ‘จารย์มากครับ ที่พามาส่ง เดี๋ยวพวกเราจัดการต่อเอง‘จารย์ไม่ต้องเป็นห่วง ”

   รุ่นพี่คนเดิมกล่าวยิ้มๆ ท่านอาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ยิ้มให้กับทุกคนแล้วจึงเดินกลับ

   “ ขอบคุณครับ ”

   เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณท่านอาจารย์ที่กรุณาเดินมาส่งจนถึงที่

   “ เอ้า!!!ว่าแต่เรามีสมบัติมาแค่นี้เองเหรอ ”

   “ ครับ พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ ”

   รุ่นพี่คนเดิมถามขึ้นเมื่อเห็นว่า กระเป๋าที่เด็กหนุ่มถือมามีแค่ใบเดียว ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบกลับไปด้วยสีหน้างงว่า ‘กระเป๋าใบเดียวมันแปลกตรงไหน’

   “ ไม่มีอะไรหรอก แค่แปลกใจ เห็นคนอื่นเค้าหอบสมบัติกันตั้งมาก เห็นเราเอามาแค่นี้ ก็เลยสงสัย เฮ้ย!!! ไอ้2เวฟ เคลียร์ ”

   รุ่นพี่คนเดิมตอบ พลางตะโกนเรียกเพื่อนอีกคน ให้เอากระเป๋าของรุ่นน้องไปเก็บบนรถ เมื่อเวลาผ่านไปพอสมควร จนคิดว่าไม่น่าจะมีใครหลงหายไปไหนอีก รุ่นพี่ที่ยืนอยู่จึงเรียกน้องใหม่มารวมเป็นกลุ่มเดียวกัน

   “ เอ้าน้องๆ มารวมกันตรงนี้ก่อน ทำตัวให้เล็กๆเข้าไว้นะ ใช่ๆ นั่นแหละๆ อย่างนั้น เล็กอีกๆ ”

   รุ่นพี่ตะโกนสั่งให้เด็กใหม่ทุกคนรวมตัวกันเป็นกลุ่ม ก่อนที่พี่ๆ ที่เหลือจะล้อมรอบทุกคนไว้

   “ เอ้า Boom Boom มหา’ลัย Boom มหา’ลัยพร้อม 3 - 4 ”

   พี่คนเดิมให้สัญญาณ ก่อนที่พี่ๆอีกหลายคนจะเริ่มทำการBoomตามที่พี่แกสั่ง แถมพี่แกก็ตะโกนกันซะ ทำเอาน้องๆหูดับกันไปตามๆกัน

   ผู้คนที่กำลังสัญจรอยู่แถวนั้นต้องหันมามองด้วยความสนใจ แต่รุ่นพี่ก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างไร เพราะจบเพลงแรก ยังมีต่อก๊อกสอง

   “ เสร็จแล้ว ทุกคนขึ้นรถ หาที่สถิตย์กันตามลำบากนะน้อง ”

   “ ไอ้บ้า3ชอ น้องเขาเป็นคนนะเว้ย ไม่ใช่พวกครึ่งๆกลางๆ อย่างแกจะได้หาที่สถิตย์ อย่าไปฟังมันมากน้อง เลือกที่นั่งกันเองตามสบายเลย ”

   หลังจากที่รุ่นพี่ Boom รุ่นน้องเสร็จ พี่คนเดิมก็สั่งให้ทุกคนขึ้นรถที่จอดรออยู่แล้ว แต่เหมือนว่าคำพูดของพี่แกจะไม่เข้าหูของพี่ผู้หญิงอีกคนนัก ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้จากเสียงแปดหลอดเมื่อครู่

   “ นี่เจ๊ เสียงเจ๊น่ะ ทะลุไปถึงไหนๆแล้ว อายเค้าบ้างสิ ”

   “ นี่ไอ้บ้าชอ แกเรียกฉันว่าอะไรนะ เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อย แล้วจะบอกอะไรให้นะ ถ้าเสียงฉันไม่ดังพอ ฉันจะสู้พวกแกได้เหรอ ”

   “ โอเคๆ ผมยอมแพ้ครับ ไม่อยากเถียงด้วยแล้วครับ ผู้หญิงอะไรโหดได้โล่ ”

   รุ่นพี่คนที่ชื่อชอ ยกมือยอมแพ้ เมื่อเห็นว่าพี่ผู้หญิงคนเดิม ไม่ยอมรามือง่ายๆ แต่มิวายบ่นงึมงำกับเพื่อนข้างๆ

   “ เออ!!! มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น จริงมั้ยคะน้องๆ ว่าแต่เมื่อกี้แกแอบบ่นอะไร บอกมานะ”

พี่ผู้หญิงว่า พลางหันมายิ้มกับน้องๆทุกคน แล้วหันกลับเอาเรื่องกับเพื่อนของตัวเองต่อ

   “ เปล๊า!!! ไม่มีอะไรนี่ใช่ไหมวะไอ้เวฟ ”

    พี่ชอตอบกลับ พร้อมทั้งหันไปหาเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ เพื่อเอาเป็นพยานปากเอก และก็เหมือนว่าพี่ทั้ง 2 คนเขาเข้าขากันเป็นดีเสียด้วย

   “ อ้าว นั่นพี่โอนี่นา ”

   เสียงของรุ่นพี่อีกคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้ทุกคนที่กำลังจะขึ้นรถต้องหันกลับไปมาดูคนที่ถูกพูดถึงเป็นใคร และก็เป็นเสียงที่ช่วยสงบศึกที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

   “ พี่โอ หวัดดีครับ ”

   รุ่นพี่กลุ่มเดิม ยกมือไหว้พี่คนที่มาเมื่อครู่

   “ ไม่ต้องไหว้มากก็ได้ เราก็ไม่ได้อายุต่างกันนักหนา แล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง น้องๆที่มาวันนี้ ”

   “ น่ารักทุกคนครับ ”

   “ ไอ้เวฟ!!! ”

   “ โอ้ยยยย ”

   เสียงประสานของหลายคน พร้อมกับเสียงร้องของเจ้าของชื่อ ที่โดนมะเหงกพิฆาตของพี่ผู้หญิงคนเมื่อครู่

   “ยัย4บีช เจ็บนะโว้ย เขกมาได้ ”

   “ ก็ต้องเจ็บดิ เขกไม่เจ็บ แล้วฉันจะเขกหัวแกทำซากอะไร ”

   เสียงเถียงกันระวังเพื่อนๆ ที่ทำให้น้องๆปี 1 ต้องกลั้นหัวเราะ ส่วนเพื่อนๆของคู่กรณี ก็หัวเราะสะใจกันเป็นแถว ส่วนรุ่นพี่คนที่เพิ่งมาถึงนั้น เพียงแค่ยิ้มน้อยๆเท่านั้น

   แต่... แค่นั้นก็เหมือนจะทำให้หลายคนใจละลายได้ไม่ยาก ซึ่งเรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้จากเสียงอุทานข้างๆตัว

   “ น่ารักอ่ะ พี่คนนั้นน่ะ ”

   เพื่อนสาวข้างตัวพูดขึ้น ซึ่งเพื่อนอีกหลายๆคน ก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่ในความคิดของเด็กหนุ่มแล้ว มันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

   “ ขี้เก็กอ่ะดิ ”

   เด็กหนุ่มงึมงำอยู่คนเดียว ไม่มีใครสนใจจะฟัง เพราะหลายคนมัวแต่มองหน้ารุ่นพี่คนดังกล่าวอยู่ แต่เหมือนกับอะไรมาดลใจ เมื่อคนที่ถูกนินทา หันสายตามาทางที่เด็กหนุ่มกำลังยืนบ่นอยู่พอดี

   ทำเอาคนที่เมื่อครู่ กำลังทำหน้าลิงหลอกเจ้า สะดุ้งโหยง เพราะไม่คิดว่าพี่ท่านจะหันมา แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ว่าอะไร กับท่าทางที่เห็นเมื่อครู่ เพียงแต่ส่ายหน้าน้อยๆ แล้วจึงหันไปพูดกับรุ่นพี่คนที่ชื่อชอต่อ

   “ ชอ พี่ว่า เราเสียเวลากันมาพอสมควรแล้ว พาน้องๆกลับดีกว่าเดินทางกันมาเหนื่อย จะได้พอมีเวลาพักผ่อนบ้าง ”

   รุ่นพี่ที่มาใหม่บอกกับรุ่นพี่ที่ชื่อชอ และดูคล้ายจะเป็นแกนนำคนหนึ่งของกลุ่มรุ่นพี่ที่เดินทางมารับน้องใหม่ในวันนี้

   “ จริงด้วย นี่ก็สายมากแล้ว พวกผมขอตัวนะครับ ว่าแต่พี่โอ จะกลับพร้อมพวกเราหรือเปล่าครับ ”

   ชอว่าอย่างเห็นด้วย เนื่องจากตอนนี้ก็สายมากพอดู ก่อนจะเอ่ยถามอีกคนว่าจะกลับด้วยกันหรือไม่

   “ น้องๆกลับกันไปก่อนเถอะ พี่ออกมาหาซื้อของใช้นิดหน่อยน่ะ แต่เห็นรถของมหา’ลัยก็เลยแวะมาทัก ”

   “ อ๋อ... ครับ งั้นพวกเราไปก่อนนะครับ เอ้าน้องๆครับ ขึ้นรถเลย เดี๋ยวพวกพี่จะอาสาเป็นสารถีพาไปส่ง ”

   รุ่นพี่ชอกล่าวลาพี่คนเมื่อครู่ ก่อนจะหันมาสั่งให้น้องปี 1 ขึ้นรถ เพื่อเตรียมกลับมหา’ลัย ทันทีที่รุ่นพี่ขึ้นรถครบทุกคน เสียงนกกระจอกแตกรังก็ดังขึ้น

   “ พี่ๆคะ พี่คนเมื่อกี้ เป็นใครเหรอคะ ”

   หน่วยกล้าตายสาวคนหนึ่งถามขึ้น ซึ่งก็มีอีกหลายคนที่อยากรู้เหมือนกันเป็นกองสนับสนุนอยู่ด้านหลัง

   “ แหม... ไม่ค่อยอยากรู้กันเลยนะ ทีพวกพี่นั่งกันอยู่หน้าสลอนเนี่ยะ ไม่มีใครอยากรู้จักกันเลยเหรอ ”

   “ ก็อยากรู้จักอยู่ค่ะ แต่ว่า... อยากรู้จักพี่คนเมื่อกี้มากกว่า ”

   เพื่อนคนหนึ่งตอบ ซึ่งมันก็เรียกเสียงหัวเราะจากรุ่นพี่คนอื่นได้เป็นอย่างดี ที่เห็นว่าเพื่อนตัวเองยิ้ม แล้วก็ต้องหลุบยิ้มอย่างรวดเร็ว เพราะคำว่าแต่ของน้องใหม่

   “ สะใจว่ะ ไอ้เวฟ หน้าแหกยับเยิน หมอที่ไหนจะรับวะ ”

   “ ไอ้เวรเอ้ย แทนที่จะเห็นใจ ”

   “ เฮ้ย ถ้าเป็นคนอื่นน่ะ ข้าว่ามันก็น่าเห็นใจอยู่หรอกนะ แต่พอเป็นแก โดนซะบ้างก็ดีอยู่หรอก ”

   “ ไอ้ชอ ไอ้ๆ... ”

   เสียงฮาครืนดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีการโต้เถียงกันเองระหว่างเพื่อนๆ ส่วนน้องๆที่ไม่รู้เรื่อง รู้ราว ก็ได้แต่ทำหน้างงๆกับมุขของพวกพี่ๆ

   “ คืออย่างนี้ รุ่นพี่คนเมื่อกี้น่ะ พี่เค้าอยู่ปี 4 แล้วก็เป็นประธานนักศึกษาด้วย ”

   พี่ผู้หญิงช่วยตอบแทน เพราะเห็นว่า กำลังจะมีการตะลุมบอลระหว่างเพื่อนๆเกิดขึ้น

   “ อ๋อ... พี่เค้าน่ารักนะคะ เแต่ว่า เหมือนลูกครึ่งเลย ”

   “ จ้า... แต่พี่เค้าไม่ใช่ลูกครึ่งหรอก อ้อ...พี่มีเรื่องอยากจะบอกนิดนึงนะ คือว่า น้องๆอย่าไปถามชื่อพี่ๆที่ชั้นปีสูงกว่านะ เพราะว่ามันเป็นกฎรุ่นของที่นี่น่ะ ”

   พี่ผู้หญิงอธิบายให้ทุกคนฟัง ซึ่งทุกคนก็พยักหน้ารับ

   “ ว่าแต่พวกพี่ยังไม่รู้จักน้องๆกันเลย เอาอย่างนี้ เดี๋ยวน้องแนะนำตัวให้พี่ๆรู้จักนะ แต่ว่า เดี๋ยวพี่ทุกคนจะแนะนำก่อน ตกลงมั้ย ”

   “ ครับ/ค่ะ ”

   เสียงตอบรับของทุกคน ก่อนที่พี่ๆทุกคนจะบอกว่าคนเองชื่ออะไร มาจากไหน แล้วเรียนสาขาอะไร   

“ เอาล่ะ พวกเราก็รู้จักพี่ๆแล้ว ที่นี้ ก็เป็นหน้าที่ของน้องๆแล้ว ที่จะแนะนำตัวให้พี่รู้จัก เริ่มจากคนแรกเลย ”

   เพื่อนคนหน้าสุดแนะนำตัว ก่อนจะตามมาด้วยคนต่อๆมา ซึ่งแต่ละคนก็ต่างที่มา ต่างสาขาที่เรียน จนมาถึงคนสุดท้าย

   “ และแล้วก็มาถึงคนสุดท้าย เริ่มเลยจ้า ”

   “ สวัสดีครับ 5มาริน ริน สาขาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล ครับ ”

   เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนแนะนำตัวเป็นคนสุดท้าย ซึ่งทำให้พี่ๆหลายคนหันมอง อย่างแปลกใจ

   “ แหม... ไม่ค่อยเลยนะ ชื่อมาริน เรียน Marine Science เข้ากันดีจริงๆ ”

   รุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขำๆ เมื่อเด็กหนุ่มแนะนำตัวจบ

   “ แหม ไม่เห็นจะแปลกเลยแก ทีพี่โอ เรียนสาขานี้ ยังชื่อมหาสมุทรได้เลย แถมยังมีชื่อเล่นว่า 6Ocean ได้เลย แล้วน้องเค้าจะชื่อ Marine มันจะแปลกตรงไหนวะ ”

   “ เออ!!! มันก็จริงของแกว่ะ แต่ว่าตอนนี้ข้ามีรุ่นน้องแล้วโว้ย แหม นึกว่า วันนี้จะไม่มีน้องวิท - เล เสียอีก ”

   “ ไอ้เวฟแกช่วยเก็บงูบนหัวด้วย เดี๋ยวน้องเขาจะตกใจ แล้วย้ายหนีไปสาขาอื่นเสียก่อน ”

   ชอพูดกระแนะ กระแหน เมื่อเห็นว่าเวฟดีใจจนออกนอกหน้า ซึ่งสามารถเรียกเสียงฮาจากทุกคนบนรถได้ดี

   “ ไอ้เพื่อนเวร แกพูดอย่างนี้ได้ไงวะ เดี๋ยวไก่ตื่นหมด ภาคเรายิ่งเหลือกุลสตรีน้อยๆอยู่ ดูอย่างเจ๊แกดิ แรกมานะ ออกจะเรียบร้อย ตอนนี้ก็ยังเรียบร้อย ยิ่งกว่าผ้ายับที่พับไว้เสียอีก... ”

   ป้าบบบ!!!

   เสียงฝ่ามืออรหันต์พิฆาตมารของพี่ผู้หญิง ที่หลายคนเรียกว่าเจ๊ ประทานลงกลางหลังของเพื่อนร่วมสาขาวิชา

   “ ไอ้เวฟ นินทาอะไร ได้ยินนะโว้ย ”

   “ นี่เจ๊ เจ๊จะทำตัวเป็นกุลสตรีให้น้องๆเอาเป็นแบบอย่างบ้างไม่ได้หรือไง แล้วนี่หลังคนนะ ไม่ใช่แผ่นกระดาน ที่นึกจะทำอะไรก็ได้ ”

   พี่เวฟว่าไปพลางเอามือลูบหลังตัวเองไปพลาง ส่วนพี่ๆอีกหลายคนก็ได้แต่ขำ กับสิ่งที่เห็น

   “ ไอ้ชอ ไอ้คุณเพื่อนที่แสนดี แกไม่คิดจะช่วยข้าบ้างหรือไงวะ ”

   เวฟ หันไปเล่นงานเพื่อนคู่หู ที่กำลังยืนหัวเราะตนเองอยู่อย่างเมามันส์

   “ ไม่ดีกว่า เจ๊แกธรรมดาซะที่ไหน ข้าไม่อยากโดนลูกหลงไปด้วยว่ะ ”

   “ เออ ช่างรักเพื่อนจริงๆ ”

   เวฟพูดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะนั่งสงบปาก สงบคำ อยู่ด้านหลังรถ แล้วปล่อยเพื่อนคนอื่นทำหน้าที่ต่อ

   “ ดี ถ้าไม่ถามไม่ต้องออกความคิดเลยนะ ”

   “ คร๊าบบบบ ”

   บีชหันไปเล่นงานพี่เวฟอีกครั้ง ซึ่งพี่แกก็ไม่ต่อปาก ต่อคำอีก เท่าที่รุ่นพี่แนะนำตัวก่อนหน้านี้ ทำให้น้องๆ ทราบว่า

   เวฟ ชอ และบีช เป็นนักศึกษาชั้นปี 2 จากภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล ซึ่งเป็นสาขาเดียวกับที่เด็กหนุ่มเลือกเรียน แล้วมันก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกดีขึ้น เพราะเพื่อนๆคนอื่น ที่แนะนำตัวก่อนหน้านั้นไม่มีใครอยู่สาขานี้เลย




*********************************************************************************




   “ เอ้า!!! ทุกคน ขณะนี้ ราชรถของเรา กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่อาณาจักรของเราแล้ว เป็นอย่างไรกันบ้าง ยิ่งใหญ่อลังการเหมือนที่คิดไว้หรือเปล่า ”

   เสียงของรุ่นพี่สุดป่วนของวันนี้ ดังขึ้นมาจากท้ายรถ หลังจากที่รถมินิบัสของมหาวิทยาลัย เลี้ยวเข้าประตูด้านหน้าของมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว สองข้างทาง ปลูกต้นประดู่ โค้งเข้าหากัน ดูคล้ายกับซุ้ม ทอดยาวตลอดแนว รถมินิบัสขับเรื่อยๆ ผ่านด้านข้างของอาคารอธิการบดี ก่อนจะเลี้ยวตัด เข้าสู่ถนนย่อย สองข้างทางเปลี่ยนจากต้นประดู่เป็นต้นไม้ป่าหลากหลายชนิด

   “ เดี๋ยวพวกพี่จะพาน้องๆทุกคนไปรายงานตัวเข้าหอพักกันก่อน หลังจากนั้นก็จะพาไปส่งที่หอพักของแต่ละคน อ้อ!!! เดี๋ยวรายงานตัวเสร็จแล้ว มาเจอกันตรงนี้นะ ”
   “ ค่ะ/ครับ ”

   รุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น หลังจากที่รถมินิบัสจอดอยู่หน้าหอพัก ซึ่งใช้เป็นที่รับรายงานตัวนักศึกษาใหม่

   “ เดี๋ยวเราจะพาทุกคนไปส่ง ตามหอของแต่ละคน อ้อ!!! เกือบลืม 5 โมงเย็นขอให้ทุกคนลงมาพร้อมกันที่ด้านล่างของหอพัก เดี๋ยวพวกพี่ๆจะไปรับ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมในวันแรก ”

   รุ่นพี่คนเดิมกล่าวขึ้น ขณะที่ทุกคนพร้อมกันบนรถอีกครั้ง ชั่วครู่เดียวราชรถที่ทุกนั่งมา ก็พาแต่ละคนมาส่งที่หน้าหอพัก ส่วนรุ่นพี่แต่ละคนก็ช่วยกันขนข้าวของ ของน้องๆ ไปส่งให้จนถึงในห้อง




*********************************************************************************





1Sun = ดวงอาทิตย์
2Wave = คลื่น
3Shore = ฝั่งทะเล
4Beach = ชายทะเล
5Marine = ทางทะเล, เกี่ยวกับทะเล
6Ocean = มหาสมุทร






ย่องๆมา


เหมือนมันจะเงียบยังไงก็ไม่รู้ :เฮ้อ:

แต่ไม่เป็นไรข้าเจ้าก็จะทำหน้ามึน :really2: ลงตอนต่อไป

ดูเหมือนว่า ตอนนี้จะมีตัวละครเพิ่มขึ้นมาหลายตัว แต่อย่าได้แคร์ เพราะนั่นคือองค์ประกอบเพื่อความสมบูรณ์ o18

ที่สำคัญก็คือ ตอนนี้ตัวเอกทั้งฝ่ายพระ - นาย เปิดตัวออกมาหมดแล้ว ( ไม่มีกั๊ก )

สู้โว้ย!!!!! อันนี้บอกตัวเอง :monkeysad:

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมขอรับ :pig4: (แม้จะเงียบเชียบอยู่ก็ตามที)


ขออนุญาตจรลีไปก่อนนะขอรับ เจอกันในตอนต่อไปขอรับ :3123:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2012 13:03:57 โดย Ice_Iris »

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 3
«ตอบ #3 เมื่อ22-11-2012 20:32:26 »

ตอนที่ 3




ตอนที่ 3


   ห้องนอนกว้างขวาง เตียงนอนสองชั้น ตั้งไว้ที่ริมผนัง อีกด้านหนึ่งวางตู้ล็อกเกอร์ 2 ใบ ข้างๆกันมีโต๊ะ 1 ตัว พร้อมด้วยเก้าอี้ 4 ตัว ด้านหลังห้องเป็นระเบียง แม้ว่าไม่กว้าง แต่ก็ไม่แคบนัก ต้นไม้ใหญ่หลายต้น แผ่กิ่งก้านสาขา ดูคล้ายกับป่าย่อมๆ เพราะพอจะมีสัตว์เล็กๆให้เห็น

   เด็กหนุ่มเข้ามาถึงห้องเป็นคนแรก จึงสามารถเลือกเตียงได้ตามใจชอบ ซึ่งเขาก็เลือกเตียงด้านที่ติดกับหน้าต่างกระจกหลังห้อง

   “ เฮ้อ!!! สบายใจจัง ว่าแต่ ยังไม่เห็นมีใครมาเลย ”

   เด็กหนุ่มกล่าวขึ้นลอยๆ หลังจากที่สาละวนจัดข้าวของอยู่พักใหญ่ เขาได้ห้องสุดท้ายของชั้น 3 ซึ่งอาจารย์บอกว่า คงจะมีเพื่อนทยอยมารายงานตัวอีก เพราะว่าวันนี้เป็นวันแรก ที่เปิดรับรายงานตัว และกลุ่มที่รุ่นพี่ไปรับมานั้น ก็เป็นเพียงกลุ่มแรกๆเท่านั้น ยังมีอีกหลายกลุ่มที่ยังมาไม่ถึง เพราะพี่ๆแบ่งทีมกัน

   “ โทรหาแม่ดีกว่า ”

   เขาว่าพลางกดโทรศัพท์ หมายเลขที่จำได้ดี รออยู่เพียงชั่วครู่ เสียงจากปลายสายก็ตอบรับกลับมา

   “ สวัสดีครับ รินถึงแล้วนะครับ แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ที่นี่เขาใจดีมากเลย รุ่นพี่ก็น่ารักดีครับ..... ”

   เด็กหนุ่มพูดจ้อยๆ ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ซักถามอะไรเลย

   “ แหม... แม่เขายังไม่ทันถามอะไรเลย มาเป็นชุดเลยนะ ”

   เสียงห้าวๆ ของชายวัยกลางคน ที่เด็กหนุ่มจำได้ดี ดังขัดขึ้นมา
   “ อ้าว... พ่ออยู่ด้วยเหรอครับ ดีจัง รินจะได้ไม่ต้องตอบคำถามหลายรอบ ว่าแต่ทำไมพ่อมาอยู่ตรงนั้นได้ล่ะครับ ”

   เขาถามอย่างแปลกใจเล็กน้อย เพราะว่าห้องพักของพ่อ และแม่ของเขานั้นนั้น พักอยู่คนละที่ เรียกว่าคนละฝากเลยก็ว่าได้

   “ อันนี้ ก็ต้องถามแม่เราแล้วล่ะ ว่าวันนี้นึกครึ้มอก ครึ้มใจอะไรขึ้นมาถึงเดินมาที่อาคารพละศึกษานี่ได้... ”

   “ คุณนี่... ”

   เสียงของหญิงสาวดังขึ้น มีแววไม่พอใจอยู่นิดหน่อยที่โดนแซวต่อหน้า เพราะปกติแม้ว่าจะทำงานอยู่ที่เดียวกัน แต่ทั้งคู่ก็ไม่ค่อยจะเดินมาที่พักของกันและกันนัก นอกจากจะมีเรื่องจำเป็นจริงๆ

   พ่อและแม่ของเขานั้นเป็นอาจารย์สอนอยู่ในโรงเรียนประจำจังหวัด ซึ่งพ่อของเขานั้นสอนพละศึกษา ส่วนแม่สอนภาษาไทย

   เขาคุยโทรศัพท์กับพ่อและแม่อีกสักครู่จึงวางสาย เพราะพ่อมีสอนชั่วโมงต่อไป

   ก็อก!!!ๆๆ

   เสียงเคาะประตูดังขึ้น หลังจากที่เขากำลังลงมือปูผ้าปูเตียง เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองประตู ก่อนจะออกมาอนุญาต

   “ เชิญครับ... ”

   ทันทีที่สิ้นเสียง เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันอีกสามคนจึงหอบข้าวของเข้ามาในห้อง โดยมีรุ่นพี่ช่วยยกมาส่งอีกเช่นเคย

   “ ขอบคุณครับ ”
   1 ใน 3 ยกมือไหว้รุ่นพี่ แทนเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งเด็กหนุ่มก็เข้ามาช่วยเพื่อนใหม่ หิ้วของเข้าห้อง

   “ อย่าลืมนัดเย็นนี้นะ อ้อ!!! แต่งกายให้เรียบร้อยนะจ๊ะ ”

   รุ่นพี่ผู้หญิงที่ช่วยขนของมาส่ง เอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป แล้วปล่อยให้ทุกคนจัดการกับของ ของตนเองต่อ

   “ หวัดดี เราชื่อรินนะ ”

   เด็กหนุ่มแนะนำตัวก่อน ส่วนอีก 3 คนที่เหลือมองหน้ากัน เหมือนจะเป็นการเกรงใจว่าใครจะบอกก่อน

   “ เรา 1เซาธ ”

   “ เรา 2อีสท ”

   “ และสุดท้ายเรา 3นอธ พวกเราเป็นฝาแฝดกัน ”

   สมาชิกคนสุดท้ายแนะนำตัวเสร็จ พร้อมกับฐานะของตนเอง ทำให้เขาต้องมองหน้าเพื่อนห้องใหม่อีกครั้ง ด้วยความแปลกใจ เพราะเขาเองก็ไม่ทันได้สังเกตเพื่อนใหม่ทั้ง 3 คนแต่แรก

   “ ยินดีที่ได้รู้จักครับ แล้วก็อยู่ห้องเดียวกัน ”

   “ เช่นกันนะ ว่าแต่นายเรียนสาขาไหนเหรอ พวกเรา 3 คนเรียน วิทยาศาสตร์ ทางทะเลเหมือนกัน ”

   นอธบอกสาขาที่ตนเองและฝาแฝดทั้ง 2 เรียน ซึ่งมันก็เรียกสีหน้าแปลกใจจากมารินได้อีกครั้ง

   “ จริงเหรอ เรียนเหมือนเราเลย เราก็เรียนวิทยาศาสตร์ ทางทะเล เหมือนกัน ”

   “ โห ม่ายอยากจาเชื่อ แต่ก็ดี เราจะได้ไปเรียนพร้อมกัน ”

   อีสทเอ่ยขึ้น หลังจากที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ที่กระเป๋าของตนเอง

   “ แล้วนี่นายเลือกเตียงแล้วเหรอ งั้นเรา 3 คนก็... ”

   เซาธพูดขึ้นลอยๆ แต่ตนเองก็กระโดดไปจองเตียงล่างที่เหลืออยู่อีกเตียงก่อนเพื่อน

   “ ไอ้เซาธ แกชวนฉันโม้อีกแล้ว ”

   สองแฝด ที่ต้องตัดสินกันเองว่าใครจะอยู่เตียงบนด้านไหน พูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ ที่โดนชิงเตียงล่างไปก่อน

   “ ช่วยไม่ได้ ช้ากันทำไมล่ะ ”

   “ เออ!!! ฝากไว้ก่อนเหอะ แต่ห้องนี่ฝุ่นเยอะสุดๆ สงสัยไม่มีคนอยู่มานาน เราว่านะ คงต้องหาไม้กวาดมากวาดแล้วล่ะ ”

   “ อืม... เมื่อตอนเราขึ้นมา อาจารย์บอกว่า จัดของเสร็จแล้ว ถ้าต้องการไม้กวาดก็ลงไปเบิกมาเป็นของห้องได้เลย ส่วนไม้ถูพื้นน่ะ ใช้ของส่วนรวม ”

   เขาบอกกับเพื่อนใหม่ แต่ละคนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะแยกย้ายกันจัดของใช้ส่วนตัวเข้าที่

   “ เราจัดของเสร็จแล้ว เดี๋ยวเราไปเบิกไม้กวาดก่อนนะ ”

   “ เฮ้ย!!! เราไปด้วย จะได้ช่วยถือ แล้วจะได้เอาไม้ถูพื้นขึ้นด้วยมาเลย ”

   เซาธที่จัดของเข้าที่อยู่เอ่ยขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นเตรียมจะออกจากห้องตามคำที่บอก

   “ ไม่ต้องหรอก... ”

   เขาเอ่ยขัดขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนใหม่ยังจัดของไม่เรียบร้อย แต่ก็ต้องหยุดพูดไป เพราะไม่รู้ว่าคนที่ตนเองพูดอยู่ด้วยนั้น ชื่อว่าอะไรแน่ เพราะทั้ง 3 แฝดนั้นคล้ายกันมาก คงยากที่จะแยกออกจากการแนะนำตัวก่อนหน้านั้นได้ และก็เหมือนกับว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าทำไมอีกฝ่ายที่กำลังคุยกับตนงั้นจึงเงียบไปเสียเฉยๆ จึงเอ่ยบอกชื่อตัวเองอีกครั้ง

   “ เราเซาธ ”

   “ ขอโทษทีนะ เรายังจำพวกนายไม่ได้เลยว่า ใครเป็นใครน่ะ แล้วอีกอย่างเราถือได้ ไม่ได้เยอะอะไร นายจัดของเสร็จแล้วค่อยช่วยกันถูดีกว่า ได้เสร็จไปพร้อมๆกัน”

   เขาเอ่ยน้ำเสียงรู้สึกผิดที่ยังจำเพื่อนใหม่ไม่ได้ว่าคนไหนชื่ออะไร นอกจากความที่เพิ่งเจอกัน และ 3 แฝดก็คล้ายกันจนแยกไม่ออกจริงๆ จนเจ้าตัวต้องบอกชื่อเสียเอง

   “ เอางั้นก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องขอโทษหรอก เราเพิ่งเจอกันเอง ขนาดเพื่อนที่เรียนกับพวกเรามาตั้งหลายปี ยังทักพวกเราผิดบ่อยๆเลย ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวนายก็แยกพวกเราออกเองล่ะ”

   เจ้าของชื่อที่โดนขัด เมื่อได้ฟังเหตุผลก็ไม่ว่าอะไร พลางช่วยพูดให้อีกฝ่ายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องแยกความแตกต่างของ 3 แฝด

   หลังจากหายไปพักใหญ่ เด็กหนุ่มก็กลับมาพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาด ทั้งไม้กวาด ไม้ถูพื้น และถังใส่น้ำ

   “ เดี๋ยวพวกเราจัดการเอง นายนั่งพักก่อนแล้วกัน เดินลงไปเอาอุปกรณ์มาแล้วนี่นา ”

   “ ไม่เป็นไรหรอกน่า ช่วยๆกันดีกว่าจะได้เสร็จเร็วๆไง ”

   “ เอางั้นเหรอ งั้นก็ตามใจ พวกเรา ลุย ”

   1 ใน 3 ฝาแฝดเอ่ยขึ้น แต่มารินก็ยังแยกไม่ออกอยู่ดีว่าใครชื่ออะไร และด้วยเรื่องนี้ 3 แฝดเหมือนจะเข้าใจความคิดของเพื่อนร่วมห้อง จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

   “ ริน เราว่านายอ่ะ ไม่ต้องรีบจำชื่อพวกเรา เดี๋ยวอยู่กันไปก็จำได้เองแหละ เชื่อสิ ”

   1 ใน 3 พูดขึ้น เหมือนจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่



   “ เฮ้อ!!! เสร็จเสียที กว่าจะสะอาด เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ยะ แล้วเราจะเอายังไงกันต่ออ่ะ ”

   เสียงของ 1 ใน 3 แฝดดังขึ้นหลังจากช่วยกันปฏิบัติรักษาความสะอาดมาพักใหญ่

   “ เอ่อ... ”

   “ นอธขอรับกระผม ”

   “ อ่ะนะ ‘โทษที เราเป็นคนความจำสั้นน่ะ ”

   “ ไม่เป็นไร เราเข้าใจ เพราะว่าพวกเราก็เป็น ว่าแต่เมื่อกี้รินจะว่าอะไรเหรอ ”

   “ อ๋อ... คือว่า เราจะชวนพวกนายไปอาบน้ำน่ะ ยังไม่ได้อาบเลยตั้งแต่เมื่อวานแล้วน่ะ ”

   เขาว่า พลางยกแขนตัวเองขึ้นมาพิสูจน์

   “ เห็นด้วยนะ เพราะพวกเราก็ยังไม่ได้อาบน้ำเหมือนกัน แต่ว่าห้องน้ำอยู่ไหนอ่ะ ”

   3 แฝดเห็นด้วยกับความคิดของเธอ แต่ก็ยังไม่มีใครทราบว่า ห้องน้ำอยู่ที่ไหน

   “ อ๋อ... ห้องน้ำอยู่ด้านล่างน่ะ เราลงไปมาแล้ว ตอนเอาน้ำมาถูห้อง กว้างแล้วก็สะอาดดีนะ สงสัยคงมีแม่บ้านมาช่วยทำความสะอาดไว้ก่อนหน้านี้มั้ง ”

   มารินบอกกับ 3 แฝด ที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า

   “ งั้นเราก็พร้อมแล้ว ไปกันเหอะ อาบน้ำเสร็จ ขอหลับซักงีบ อย่างอื่นค่อยว่ากัน ”

   “ แหม... ไม่ค่อยเลยนะคุณอีสท สมองเนี่ยะมีอะไรบ้าง นอกจากกินกับนอน ”

   “ แล้วจะทำไม หรือว่าแกไม่นอน แต่อย่าให้เห็นนะว่าแกหลับ ฉันเห็นแกพูดอย่างนี้ทุกที แต่แกก็หลับก่อนเพื่อน ”

   2 แฝดเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมลงให้ใคร ส่วนอีกคนที่เหลือก็ดึงมือเขาให้เดินไปด้วยกัน

   “ ไม่รอสองคนนั้นก่อนเหรอ ”

   “ ไม่ต้องไปสนใจเจ้าอีสท กับไอ้เซาธมันหรอก เดี๋ยวก็ตามมาเองแหละ ไม่เกิน 5 นาที ”

   มารินพอจะเดาได้ว่า คนที่เดินมากับตนเองตอนนี้ ต้องเป็นนอธอย่างแน่นอน เพราะเขาพูดถึง อีสทและเซาธ

   “ ไอ้นอธรอด้วยโว้ย เดินมาไม่รอเลยนะแก ”

   “ นั่นไง ขาดคำที่ไหน ”

   ยังไม่ขาดคำของนอธ เสียงของ 2 แฝดที่เหลือก็ดังตามหลังทั้งคู่ก่อนที่เจ้าของเสียงจะวิ่งตามมาติด

   “ ไม่รอกันบ้างเลย ”

   พอมาทัน ทั้งคู่ก็หาเรื่องกับนอธทันที

   “ ก็อยากรออยู่หรอกนะ ถ้าแกสองตัว ไม่กัดกันก่อน ”

   “ ไอ้นอธฉัน 2 คนนะโว้ย ไม่ใช่หมานะ แกจะเรียกว่ากัดได้ไง”

   3 สาวฝาแฝดเดินเถียงกันตั้งแต่ยังไม่ลงบันได เรื่อยจนลงมาถึงในห้องน้ำ มาเลิกเถียงกันก็ตอนแปรงฟันนั่นแหละ เพราะพูดไม่ได้



   “ เฮ้อ... ขอหลับเอาแรงก่อนแล้วกันนะ ”

   1 ใน 3 พูดขึ้น หลังจากอาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณจนเป็นที่พออก พอใจแล้ว พร้อมกับปืนขึ้นเตียงของตัวเองอย่างไม่ใคร่จะสนใจใคร ส่วนอีกสองคนที่เหลือก็ส่ายหน้าอย่างเบื่อ ก่อนจะปืนขึ้นเตียงของตัวบ้าง

   “ รินเราว่า พักเอาแรงกันก่อนดีกว่า พี่เขานัด 5 โมง นี่เพิ่งจะเที่ยงกว่าเอง จะได้เตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับกิจกรรมตอนเย็นไง ”

   “ ใช่ๆ นอธพูดถูก เห็นด้วยอย่างยิ่ง ”
   
   เสียงแรกเป็นเสียงของนอธ ที่ดูจะเป็นพี่สุดของ 3 แฝด ส่วนคนที่ชะโงกศีรษะลงมาพูดเมื่อครู่ น่าจะเป็นอีสทซึ่งน่าจะเป็นคนรอง และสุดท้าย เซาธ น่าจะเป็นน้องสุดท้องของ 3 แฝด

   แม้ว่าจะเพลียกับการเดินทาง แต่ว่าการมาอยู่ผิดที่ ผิดทาง ก็ทำให้เด็กหนุ่มทั้ง 4 คนนอนไม่หลับแต่อย่างไร

   “ นอนไม่หลับอ่ะ เราจะทำอะไรกันดี ”

   เซาธซึ่งนอนอยู่เตียงล่างเอ่ยขึ้น หลังจากนอนพลิกไป พลิกมาอยู่บนเตียงของตัวเองมาพักใหญ่

   “ นั่นดิ นอนไม่หลับ สงสัยยังไม่ชินแน่เลย ”

   อีสทที่นอนอยู่เตียงบน ตะโกนตอบลงมา

   “ ริน นายนอนหลับป่าว ”

   “ ไม่หลับเหมือนกัน ”

   “ เราจะทำอะไรกันดีอ่ะ เหลือเวลาอีกตั้งนาน ง่วงก็ง่วง แต่มันไม่หลับอ่ะ ”

   เสียงเจื้อยแจ้วของคนง่วง แต่หลับไม่ได้ทั้ง 4 คนส่งเสียงคุยกันอย่างคนไม่มีจะทำอะไร

   “ จริงสิ เราเอาวิทยุเครื่องเล็กมาด้วย ลืมได้ไงเนี่ยะ ”

   เขาว่า พลางลุกขึ้นไปหยิบวิทยุเครื่องเล็กที่นำมาจากบ้านออกมาจากตู้เสื้อผ้า

   “ เปิดเลยริน เงียบมากไม่ดี ”

   เซาธว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันก็ไม่เงียบนัก เพราะยังมีคนรายงานตัวเข้าหอพักอยู่ เป็นระยะ แต่ด้วยความที่ห้องของทั้ง 4 เป็นห้องสุดท้ายของชั้น จึงไม่มีใครเดินผ่าน

   “ แต่เราไม่รู้ว่า ที่นี่มีอะไรน่าฟังบ้างนะ แถมไม่รู้ว่า จะหาคลื่นไหนได้บ้าง ”

   เขาว่า พลางหมุนหาคลื่นไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีคลื่นไหนที่ชัดพอที่จะฟังได้เลย

   “ อันไหนก็ได้ แบบว่าฟังได้หมดแหละ ไม่ว่าจะเป็นลูกทุ่ง เพื่อชีวิต ลูกกรุง หรือว่าจะเป็น ไทยสากล ”

   อีสทว่า ก่อนจะลงจากเตียงมานั่งอยู่ด้านล่าง

   “ แต่ถ้าหาไม่ได้ เดี๋ยวเราบรรเลงเอง ”

   เซาธที่ลุกขึ้นมาร่วมวงอีกคน ตั้งท่าเตรียมพร้อม

   “ พอเลย ไอ้เซาธ ฉันไม่อยากให้เพลงเขาขายไม่ออกเพราะแก อีกอย่างฉันกลัวว่า รินเค้าจะรับแกไม่ได้ว่ะ สงสารหูคนฟังว่าเหอะ ”

   นอธเหยียบเบรกเซาธเอาไว้ก่อน ด้วยเกรงว่า เพื่อนใหม่อย่างมารินจะรับเสียงของน้องชายฝาแฝดของตนเองไม่ได้

   “ ไม่เป็นไรหรอกนอธ เราเป็นแคลช รับได้ทุกอย่าง เพราะว่าเราก็ร้องเพลงไม่เอาอ่าวเหมือนกัน ”

   เขาบอกตามจริง เพราะเขาเองก็เป็นอีกคนที่ร้องเพลงไม่เก่ง หลายคนบอกว่า หากจะให้ร้องน่ะได้ แต่อย่ามีดนตรี เพราะเขาถนัดกับการร้องคร่อมคีย์ เรียกว่าร้องทีไร กว่าครึ่งผิดคีย์ตลอด

   “ ได้แล้วๆ ”

   อีสทที่ขอเป็นคนหาคลื่นแทนมารินเอ่ยขึ้น เมื่อได้ยินเสียงจากวิทยุเครื่องน้อยชัดขึ้น

   ‘ สำหรับวันนี้ ก็เป็นวันแรกที่นักศึกษาน้องใหม่มารายงานตัว ยังไงก็ขอต้อนรับน้องๆทุกคนเลยนะคะ..... ’

   “ คลื่นของที่นี่เหรอ ”

   “ คงงั้นอ่ะ ไม่รู้ว่าเปิดเพลงแนวไหน แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรฟัง ”

   “ อ้าว... อีสท ไหนว่าฟังได้หมดไง ”

   “ ก็ได้อยู่ ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไม่ฟัง ”

   เซาธและอีสทเถียงกันอีกครั้ง ซึ่งนอธก็นั่งดูเฉยๆ เหมือนว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรแปลกใหม่


   “ อย่าแปลกใจเลย 2 คน นี้ทะเลาะกันอย่างนี้แหละ เป็นเรื่องปกติแล้ว วันไหนไม่ได้แกล้งกัน สงสัยมัน 2 ตัวคงจะนอนไม่หลับ ”

   นอธหันมาบอกมาริน ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับรู้ พลางยิ้มขำๆกับฝาแฝด ที่ตั้งหน้า ตั้งตาเถียงกันโดยไม่คิดจะสนใจสิ่งรอบข้าง



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   กริ๊งงงงๆๆๆ!!!

   เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นกระทันหัน เด็กหนุ่มงัวเงียลืมตาขึ้น พลางเอามือควานหาเจ้าตัวต้นเสียง

   “ 4 โมงครึ่งแล้วเหรอ เราหลับไปตอนไหนเนี่ยะ ”

   เด็กหนุ่มบ่นงึมงำ ก่อนจะกดปิดเสียงนาฬิกา 3 แฝดพี่น้องหลับอยู่ที่พื้น ก่อนที่ใครคนหนึ่ง จะงัวเงียตื่นขึ้นมาก่อน ซึ่งเขาคลาดว่าน่าจะเป็นนอธพี่สุดของฝาแฝด

   “ กี่โมงแล้วอ่ะ ”

   “ 4 โมงครึ่งแล้ว ”

   “ เหรอ... อืม... อีสท เซาธตื่นๆ ”

   นอธพยักหน้ารับ ก่อนจะปลุกอีก 2 สองคนที่เหลือ

   “ เดี๋ยวเราขอไปล้างหน้า แล้วก็เปลี่ยนเสื้อก่อนนะ ชุดนี้ดูจะไม่สุภาพ ”

   เขาว่าพลางลุกขึ้นไปหยิบอุปกรณ์ล้างหน้า ก่อนจะเดินลงไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะชุดที่เขาใส่อยู่นั้น เป็นกางเกงขาสั้น กับเสื้อยืด ที่ใช้สำหรับใส่นอน



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   “ พร้อมหรือยัง ป่านนี้เพื่อนคงจะพร้อมกันแล้วล่ะ เราลงไปข้างล่างกันเลยดีกว่า ”

   “ ดีเหมือนกันริน ลงไปรอดีกว่า เผื่อว่าจะมีอะไรสนุกๆให้ทำ ”

   “ นี่เซาธ ที่นี่มหา’ลัยนะ ไม่ใช่โรงเรียนมัธยมแล้ว ทำตัวให้เหมือนนักศึกษาหน่อยสิ ”

   “ แหมป้า ป้าจะอะไรนักหนาเล่า เรายังเป็นน้องปี 1 นะ จะให้เป็นผู้คงแก่เรียนอะไรนักล่ะ ”

   นอธว่าเมื่อเห็นอาการเริงร่าของน้องชายฝาแฝด แต่เซาธกลับทำไม่รู้ ไม่ชี้ แถมยังเถียงกลับอีก กว่าที่ทั้งหมดจะเดินลงมาถึงด้านล่าง มารินก็ต้องหูชาเพราะความขี้บ่นของพี่ชายคนโต และความช่างเถียงของอีก 2 คน

   “ โห มีคนลงมาตั้งเยอะแล้ว ”

   เซาธแฝดน้องสุดท้อง จอมพูดมาก เอ่ยขึ้นเมื่อลงมานั่งรอรุ่นพี่ที่ใต้หอตามคำสั่งเมื่อตอนเช้า



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   “ ไงน้องๆเฟรชชี่ มากันครบหรือยัง เดี๋ยวพวกพี่จะพาไปกินข้าวที่โดมอาหารของที่นี่ก่อน แล้วเวลาประมาณ 6 โมง เราจะเริ่มกิจกรรมแรก ขอบอกว่าเป็นกิจกรรมของที่น้องที่มาวันแรกเท่านั้น ถึงจะได้เห็น ”

   พี่คนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นน้องลงมานั่งคอยอยู่ด้านล่างของหอพักแล้ว

   “ พี่ครับ คือว่าผมมีเรื่องอยากจะทราบนิดหนึ่งครับ ”

   1 ใน 3 เพื่อนร่วมห้องของเขายกมือขึ้นถาม ระหว่างที่รอเวลา ให้ทุกคนลงมาให้ครบ

   “ คือผมสงสัยว่า เมื่อตอนเข้ามา หอด้านหน้าหอของพวกผมมันเขียนว่า ‘ หอหญิง ’ แต่ทำไมให้ผู้ชายอยู่ล่ะครับ ”

   ฝาแฝดถาม ในสิ่งที่อีกหลายคนก็อยากจะรู้เช่นกัน

   “ อ๋อ... เรื่องนี้น่ะเอง ก็ไม่มีอะไรหรอก พอดีว่า ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมามีนักท่องเทียวมาพักเยอะน่ะ แล้วหอในมอเราก็แยกชายหญิง จะให้อยู่รวมกันมันก็ได้ แต่ว่ามันดูจะไม่เหมาะนัก เพราะอย่างไรที่นี่ก็เป็นสถานศึกษา แถมหอพักนี้ยังเป็นหอใน ก็เลยในนักท่องเที่ยวหญิงเข้าพัก แต่ก็มีเหตุที่ว่าหอพักหญิงด้านนู้น ที่เราเข้าไปรายงานตัวตอนแรกน่ะพี่ปี 4 เขายังไม่ทันย้ายออก ก็มีกรุ๊ปทัวร์ขอเข้าพักเสียก่อน ก็เลยต้องมาเปิดหอด้านนี้แทน แต่จริงๆแล้วหอนี้ก็เป็นหอชายนั่นล่ะเพียงแต่ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะว่าผู้ชายของมหา’ลัยเรามีน้อยมาก แล้วอีกอย่างหอนั้นเพิ่งสร้างใหม่ยังไม่ค่อยได้ใช้งาน นอกจากเปิดให้คนนอกที่มาเที่ยวเข้าพัก หลังจากกรุ๊ปทัวร์นั้นย้ายออกแล้ว ตอนนี้ก็เลยว่าง เกรงว่าฝุ่นมันจะหนาไป ก็เลยให้น้องๆผู้ชายที่มารายงานตัววันแรกเข้ามาช่วยกันทำความสะอาด และที่เห็นป้ายด้านหน้าเขียนว่าหอหญิงก็เพราะว่า เป็นการแจ้งให้ผู้ที่เข้าพักทราบว่าตนอยู่หอพักไหน แต่หลังจากนี้ก็คงปลดออกแล้วล่ะ เพราะป้ายนั้นเป็นป้ายชั่วคราว กางคลุมป้ายเดิมเอาไว้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าใจตรงกันว่าที่นี่แยกหอหญิง – ชาย ”

   พี่คนดังกล่าวอธิบายให้เด็กใหม่เข้าใจตรงกันว่าทำไมป้ายด้านหน้าจึงเป็นอย่างนั้น ก่อนจะเว้นช่วงพักหายใจแล้วจึงพูดต่อ

   “ อีกอย่าง นอกจากเขียนแยกกันว่าอย่างนี้แล้วว่า หอหญิง หอชาย อีกอย่างหนึ่งก็คือ ชื่อเรียกหอที่ต่างกันด้วย อย่างหอนี้ก็ หอชายAAA4(นามสมมุติ) หรือหอหญิงก็จะใช้ชื่อว่า DDD เพื่อความสละสลวย เพราะถ้าเรียกว่าหอชาย4 เดี๋ยวน้องจะเข้าใจผิดคิดว่าที่นี่ขาย ชาย4หมี่เกี้ยว ”

   พี่คนเดิมอธิบายเพิ่มเติม แต่ก็ปล่อยมุขให้น้องๆขำกันเล็กน้อยพอเป็นพิธี

   “ อ๋อ... อย่างนี้นี่เอง ว่าแต่ มันจะเป็นโชคดีของหนุ่มโสดอย่างพวกเราที่ได้อยู่หอใหม่ หรือโชคร้าย ที่ต้องกลายเป็นพนักงานทำความสะอาดจำเป็นกันแน่หว่า ”

   เสียงพูดของฝาแฝด เรียกรอยยิ้มจากทุกคนได้เป็นอย่างดี เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนๆอีกหลายคนที่มาวันนี้นั้น จะคิดอย่างไรเมื่อตนเองกลายเป็นพนักงานทำความสะอาดจำเป็น

   “ ครบกันแล้วนะ ไปกันเลยดีกว่า ”

   รุ่นพี่คนเดิมพูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเลยเวลามาเล็กน้อยแล้ว ก่อนที่ทุกคนจะเดินออกจากหอพักหญิง ( ชั่วคราว ) แต่ตอนนี้มันกำลังจะได้ทำหน้าที่หอชายอย่างสมบูรณ์แบบเสียที



1South = ทิศใต้
2East = ทิศตะวันออก
3North = ทิศเหนือ






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 3
«ตอบ #4 เมื่อ22-11-2012 21:24:26 »

แฝด 3 เลยน่าปวดหัว 555

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 4
«ตอบ #5 เมื่อ23-11-2012 15:13:43 »

ตอนที่ 4









   แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็น ส่องลงมากระทบกับยอดไม้ ต้นไม้ ต้นหญ้าเล็กๆ แสงสีทองอ่อนๆ ลมพัดเอื่อยๆ เหมาะกับการเดินเล่นเป็นอย่างยิ่ง


   “ เดี๋ยวพอถึงโดมอาหารแล้ว น้องๆทานอาหารกับตามสบายเลยนะ ส่วนใครที่ต้องการซื้อของใช้ต่างๆ สามารถซื้อได้ที่นั่น เพราะมีมินิมาร์ทอยู่ แต่พี่ว่าเสร็จจากกิจกรรมวันนี้แล้วค่อยมาซื้อจะดีกว่า ”


   รุ่นพี่ผู้หญิงแนะนำเรื่องต่างกับน้องๆผู้หญิงที่เดินนำอยู่ด้ายหน้า ส่วนกลุ่มของนักศึกษาชายชายที่อยู่ด้านหลังนั้นก็มีเสียงบรรยายของพี่ผู้ชาย ที่พากลุ่มของผู้ชายเดินตามหลังมา


   “ ด้านซ้ายมือ คือโซนของหอพักหญิงของที่นี่ ส่วนด้านขวา อย่างที่เห็นน่ะนะ มันไม่ใช่สนามหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์นะ แต่มันคือสนามบอลแต่เวลาเล่นก็ต้องระวังกับระเบิดนิดส์นึงนะ เดี๋ยวจะหาว่าพี่ไม่เตือน ”


   จากคำบรรยายของพี่ที่ช่วยไขข้อข้องใจนั้นก็ทำให้รู้ว่า สนามฟุตบอลของที่นี่ไม่ต้องจ้างคนตัดหญ้า เพราะมีเครื่องตัดหญ้าสี่ขาฝูงใหญ่ช่วยตัดให้แล้ว แถมยังใจดีช่วยรดน้ำใส่ปุ๋ยให้เสร็จสรรพ


   “ แหมคุณเวฟ คุณไม่ต้องโฆษณาขนาดนั้นหรอก ”


   เสียงแปดหลอดของรุ่นพี่ที่มารินจำได้เมื่อตอนอยู่บนรถดังขึ้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ พี่แกเงียบมาตลอด หลังจากที่พี่เวฟนั้นว่าจบน้ำลายไม่ทันจะแห้ง


   “ ไอ้กระผมก็กลัวว่าน้องๆเขาจะเข้าใจผิด แล้วคิดว่า ‘มอของเราเป็นสวนสัตว์เปิด เพราะตอนมาวันแรกเราเองก็นึกว่ามันใช่อยู่เหมือนกัน ”


   “ เห็นด้วยว่ะ ไอ้เวฟ ”


   เสียงตะโกนของรุ่นพี่ฝ่ายชาย อยู่ท้ายสุดของกลุ่มน้องใหม่ ที่ส่งมาถึงหูของรุ่นพี่ฝ่ายหญิง ที่เดินนำอยู่ด้านหน้า แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าพี่ผู้หญิงนั้นเห็นด้วย หรือเหนื่อยที่จะเถียงด้วยก็ไม่ทราบ


   “ ถึงแล้วจ้า เดี๋ยวน้องๆ หาอาหารทานกันตามสบายนะ อย่าลืมเวลาด้วยล่ะ ”


   ทุกคนเดินมาถึงบริเวณโดมอาหาร ที่พี่ๆบอกแล้ว กว่าจะมาถึงใช้เวลาในการเดินไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะหอพักกับโดมอาหารอยู่ค่อนข้างห่างกันพอสมควร โดยเฉพาะหอชายที่เขาอยู่ ซึ่งหอชายนั้นจะไกลจากโดมอาหารที่พี่เขาบอกกว่าหอหญิงซึ่งใกล้กว่า


   โดมอาหารแห่งนี้เป็นอาคารรูปโดม หลังคาเป็นทรงโค้ง แยกเป็น 2 ชั้น หลังคาด้านบน ใช้กระเบื้องใส เพื่อให้แสงแดดส่องลงมาได้


   “ นี่ริน นายว่าวันนี้เราต้องทำอะไรบ้างอ่ะ ”
   

   1 ใน แฝดถามขึ้นเมื่อเขาและเพื่อนๆอีกหลายชีวิตเดินเข้ามาด้านในเรียบร้อยแล้ว แต่เขาคิดว่าคนที่ถามนั่นน่าจะเป็นเซาธ ถ้าเขาจำไม่ผิด


   “ ไม่รู้เหมือนกัน คงไม่มีอะไรมั้ง ทำไมเหรอ ”


   เขาตอบกลับไป เพราะว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่ากิจกรรมในวันแรกนี้มีอะไรบ้าง


   “ เปล่าหรอก เราจะได้เตรียมพร้อมไง ”


   เซาธแฝดช่างถาม ถามขึ้น หลังจากที่เดินสำรวจจนครบทุกร้านก่อนจะตัดสินใจสั่งอาหารมาทาน
   

   “ ฉันว่านะเซาธ แกน่ะ เงียบแล้วกินซะ เดี๋ยวไม่ทัน ดูอย่างเจ้าอีสทสิ รับทานจะหมดอยู่แล้ว ”


   นอธว่า พลางส่งสายตามายังแฝดอีกคนของตนเองที่นั่งกินไม่สนใจใคร


   “ เมื่อกี้ว่าอะไรนะนอธ ได้ยินไม่ชัด ”


   อีสท ที่ได้ยินชื่อของตนเองแว่วๆ เงยหน้าขึ้นจากจานอาหารมาถามพี่ชายคนโต แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบว่าอะไร เจ้าตัวก็เลิกสนใจแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ


   ส่วนมาริน ก็ได้แต่ยิ้มกับนิสัยของแต่ละคน เพราะเท่าที่เห็น เซาธจะเป็นคนชอบถาม อีสทจะเฉยๆ ส่วนนอธนั้น เซาธกระซิบบอกว่า นอธนั้นเหมือนหม่อมป้า ที่จู้จี้ ขี้บ่นไม่มีผิด ซึ่งเท่าที่เห็น เขาก็ค่อนข้างจะเห็นด้วยกับ 2 แฝด


   “ อิ่มแล้ว เราจะเข้าไปดูของในมินิมาร์ทกันมั้ย ”


   เขาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกคนกินอิ่มแล้ว

   “ เอางั้นก็ได้ แต่นอธซื้อนะ เดี๋ยวเราใช้ ”


   เซาธว่าระหว่างที่เดินเอาจานอาหารไปเก็บบริเวรที่เก็บจานและแก้วน้ำ


   “ นี่!!! เซาธ ของแก แกก็ซื้อเองสิ ”


   “ แหมๆ เป็นพี่ซื้อน่ะถูกแล้ว เรา 2 คนเป็นน้องก็ช่วยใช้ไง ”


   อีสทที่เห็นด้วยกับความคิดของเซาธเอ่ยขึ้น ส่วนมารินก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่เดินตามหลัง 3 แฝดไปเงียบๆ แต่ก็คิดอยู่ในใจเหมือนกันว่า อีก 4 ปีต่อจากนี้คงจะได้ยิน 3 พี่น้องนี้ทะเลาะกันทุกวันแน่ๆ



   “ ออกกันเถอะ จะได้เวลาแล้ว ”


   มารินเอ่ยขึ้น หลังจากที่ 3 หนุ่ม หยิบโน่น จับนี่ มาพักใหญ่ เดินไปเดินมา ทำเหมือนกับว่ามินิมาร์ทนี้เป็นห้างสรรพสินค้า ที่ใหญ่โตมโหฬารที่ต้องเดินทั้งวัน


   “ จริงด้วย เพลินไปหน่อย ไปๆ เร็วๆ ”


   เซาธที่เพิ่งจะนึกได้ว่าเดินมานานแล้ว ออกปากชวนให้อีก 2 หนุ่มเพื่อไปรวมกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่หน้าโดมอาหาร


   กว่าที่ทุกคนจะมาพร้อมกันที่บริเวณด้านหน้าของโดมอาหาร ก็เกือบจะ 6 โมงเย็นพอดี


   “ เอาล่ะ คิดว่าตอนนี้ ทุกคน คงจะกินข้าว กินน้ำ ขนม นม เนยอิ่มหนำ สำราญดีแล้ว... ”


   พี่เวฟคนเดิมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องมายืนรออยู่ด้านหน้าเรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนที่จะได้พูดมากไปกว่าเดิม ก็เพื่อนอีกคนเหยียบเบรกไว้เสียก่อน


   “ ไอ้เวฟ ข้าว่าแกพล่ามมากไปแล้ว เอาแต่เนื้อ น้ำไม่เอา ”


   เวฟ พูดเกริ่นนำก่อนจะเข้าเรื่อง แต่ดูเหมือนว่า มันจะเป็นน้ำมากกว่าเนื้อ ชอ ที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงอดจะพูดขัดขึ้นมาไม่ได้ ”


   “ เออ... รู้แล้ว แหมมันก็ต้องมีกันบ้างโว้ย ”


   เวฟ หันมาเถียงกับเพื่อนคนสนิท ก่อนจะหันกลับมาพูดกับน้องๆปี1 ต่อ


   “ คืออย่างนี้นะครับ เดี๋ยวพี่ 2 คน จะพาน้องๆ ไปที่โดมกิจกรรมที่อยู่ถัดจากโดมอาหารนี้ไปอีกนิดนึง ”


   เวฟว่า พลางชี้มือไปที่อาคารรูปโดมเช่นเดียวกับโดมอาหารนี้ แต่น่าจะมีขนาดเล็กกว่า


   “ อ้อ... สาวๆไม่ต้องสงสัยว่า พี่ๆผู้หญิงที่เดินมาเมื่อกี้ไปไหน พี่เค้าฝากให้พวกพี่พาน้องไปพร้อมๆกับเพื่อนผู้ชาย ”


   เวฟยังคงพูดต่อไป และเหมือนจะรู้ว่า น้องผู้หญิงมีเรื่องอะไรจะถามเพราะเพื่อนๆผู้หญิงหันหาพี่ผู้หญิงที่เดินมาด้วยกันเมื่อครู่ ซึ่งพี่แกก็บอกก่อนที่จะโดนถาม


   “ พี่เขากลัวว่าพวกพี่น่ะ จะไปแย่งพื้นที่ พวกเจ๊ๆแกก็เลยไปจับจองพื้นที่ก่อน ”


   เวฟอธิบายสั้นๆผิดวิสัย แต่เหมือนน้องๆจะไม่ค่อยเข้าใจจึงมีคำถามต่อ


   “ พื้นที่อะไรเหรอครับ ”

   เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความอยากรู้ แต่ไม่ใช่แค่เพื่อนคนนั้นเพียงคนเดียว แต่อีกหลายคนก็มีสีหน้าสงสัยไม่แพ้กัน


   “ เอาน่า เดี๋ยวก็รู้เอง ”


   เวฟ ไม่เพียงไม่ตอบ แต่ยังทำให้หลายคนอยากรู้อีกว่า มันคืออะไรกันแน่


   “ ไปๆ เดี๋ยวเวลาเหลือน้อย จะไม่มันนะน้อง ”


   พี่แกทำหน้าไม่รู้ ไม่ชี้ แล้วจึงเดินนำขบวนน้องๆไป ส่วนเด็กปี 1 ที่อารมณ์ค้าง ก็ต้องเดินตามพี่แกไปอย่างช่วยไม่ได้


   “ เอาน่าน้อง อย่าคิดมาก รออีกนิดเดียว เดี๋ยวก็ได้รู้แล้ว ”


   พี่ชอพูดปลอบใจน้องๆ ที่ยังอารมณ์ค้างไม่หาย แต่อย่างไรเสียก็คงเป็นอย่างที่พี่ชอบอกนั่นแหละ เพราะอีกนิดเดียวก็จะได้รู้แล้ว อดใจอีกนิด รู้ก่อนเดี๋ยวไม่สนุก


   ไม่นานนัก ทุกคนก็เดินมาถึงบริเวณด้านหน้าของอาคารที่รุ่นพี่เรียกว่า โดมกิจกรรม ภายในโดมนั้นเป็นลานกว้าง มีเวทียกพื้นสูงอยู่ด้านในสุด ภายในมีเพียงแสงสว่างจากภายนอกที่ส่องเข้าไป ด้านหน้า จัดเป็นซุ้มเตี้ยๆ พอให้คลานเข้าไปได้ทีละคน


   “ ถึงแล้ว หน้ากระดานเรียงหนึ่งนะน้อง ไม่ต้องแย่งกัน ใครก่อนก็ได้ ว่าแต่เมื่อกี้ใครอยากรู้นะ เข้าไปก่อนเลย ”


   พอมาถึงเวฟที่เดินนำก็ไม่พูดมากเช่นเคย แต่พี่แกเข้าเรื่องทันทีแต่ด้วยบรรยากาศเย็นๆ ยามพลบค่ำ กับสภาพพื้นที่รอบๆ ที่มองเห็นรางๆเป็นเงาๆสลัวๆเท่านั้น จึงไม่ค่อยแน่ใจว่า สิ่งที่พวกพี่ๆกำลังจะทำนั้นคืออะไร ดังนั้นจึงไม่มีใครที่ขอลองของเป็นคนแรก


   “ เอ้า!!! เราไม่ใช่เหรอที่อยากรู้ว่าพื้นที่อะไรน่ะ เข้าไปก่อนสิ ”

   เวฟพูดกระตุ้นอีกครั้ง ก่อนจะดึงตัวเพื่อนคนที่ถามเมื่อตอนอยู่ที่โดมอาหาร ให้เป็นคนเข้าไปเป็นคนแรก ก่อนที่อีกหลายคนจะคลานลอดซุ้มนั้นเข้าไป


   แต่เมื่อพอคลานเข้ามาเรื่อยๆ ก็มีเสียงของผู้หญิงมากระซิบข้างหู พร้อมกับมือของใครบ้างก็ไม่รู้ ที่ช่วยกันมัดผมให้กับเขา พอเลยมาอีกนิด มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น


   “ พี่ขอมีส่วนร่วมด้วยได้มั้ย ”


   เท่านั้นแหละ อะไรต่อมิอะไรอีกมาก ที่ช่วยละเลงจนเต็มหน้า เรียกว่ายังดีที่ยังเว้นช่องไว้ให้หายใจนิดหนึ่ง


   เมื่อทุกคนโดนมะรุม มะตุ้ม จากรุ่นพี่กันจนครบแล้ว ไฟทั้งโดมก็ติดขึ้น เรียกอาการสะดุ้งได้จากหลายๆคน


   แต่เมื่อไฟติด สิ่งที่เห็นก็ทำให้ต้องตกใจรอบสอง เมื่อสภาพของแต่ละคน ยังกับเดินไปตกถังแป้งผสมสีที่มีสารพัดสี มาจากไหนกัน แถมผมยังถูกจับมัดแกละจนนับไม่ถูกอีก เรียกว่าเห็นสภาพของกันและกันแล้ว ไม่อยากจะพูดถึงเลยว่ามันเป็นอย่างไร


   “ เอ้าๆ จัดแถวน้อง จัดเสร็จแล้วก็นั่งลงได้เลย อย่าตะลึงชมความงามของตัวเองมากไปเดี๋ยวเมคอัพจะหลุด แล้วไม่สวย ไม่หล่อนะน้อง ”


   พูดไปได้ว่าสวย หล่อ มันคงสวยและหล่อในสายตาของพี่ๆล่ะสิ แม้ว่าอยากบ่น แต่ทุกคนก็จัดแถวตามคำสั่ง หลังจากจัดแถวตามคำสั่งของรุ่นพี่เรียบร้อย สิ่งที่เขารู้ในตอนนี้ก็คือเพื่อนร่วมห้องก็ไม่รู้อยู่ไหน


   ระหว่างที่พยายามมองหา 3 แฝด สายตาของเด็กหนุ่มก็เหลือบไปเห็นรอยยิ้มขำๆ ของใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มของพี่ๆคนอื่น

   นั่นยิ่งทำให้เจ้าตัวหน้าหงิกกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าโมโหที่โดนเล่นแป้ง แต่ที่หน้าหงิกก็เพราะได้ยินเสียงตอนก่อนที่ออกจากซุ้มแป้งนั่นต่างหาก


   ‘ คนนี้ต้องขอพิเศษหน่อยแล้วกัน ’


   และมันก็ทำให้เด็กหนุ่มพอจะเดาได้ว่า คนพูดต้องเป็นคนที่ยืนยิ้มอยู่ตรงนั้นอย่างแน่นอน


   “ ฝากไว้ก่อนเหอะ พี่ก็พี่เหอะ ”


   เขางึมอยู่คนเดียว แต่สายตาก็มองไปที่พี่คนนั้น ซึ่งฝ่ายที่ถูกมองแถมฝากแค้นนั้น ไม่ได้ทุกข์ร้อนแต่อย่างไร เพราะเจ้าตัวยังคงยิ้มอยู่เช่นเคยหรืออาจจะยิ้มมากกว่าเดิมเสียอีก


   “ เอาล่ะ สำหรับเมื่อครู่นี้ เป็นกิจกรรมรับน้องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทางรุ่นพี่ทุกคนเตรียมไว้ต้อนรับพวกเราทุกคน ”


   พี่ชอเอ่ยขึ้น หลังจากที่ทุกคนจัดแถว และนั่งลงแล้ว


   “ สำหรับตอนนี้ พี่ก็คงต้องบอกว่า ยินดีต้อนรับน้องปี 1 ทุกคนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ”


   “ ใช่แล้ว และเพื่อเป็นการต้อนรับน้องๆ พวกพี่ก็มีอะไรมันส์ๆไว้รอน้องๆอีกหลายรายการ แต่ตอนนี้ เรามาทำความรู้จักกันก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะให้น้องๆแนะนำตัวนะ แต่ทำอย่างไรก็ได้ ให้พวกพี่จำได้ แต่ถ้ายังไม่รู้ เดี๋ยวพี่มีตัวอย่างให้ชม ซึ่งนำแสดงโดยพี่เวฟ


   สิ้นเสียงของชอ เวฟที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็สวมมาดนางงาม เริ่มจากการโบกมือทักทาย ส่งจูบ ก่อนจะแนะนำตัว ซึ่งลีลา ท่าทาง ของพี่ท่านก็เรียกเสียงฮาจากน้องๆได้เป็นอย่างดี


   “ อย่างที่เห็นนะน้อง พี่เวฟเค้าเคยประกวดมิสทิฟฟานี่มา แต่ว่าตกรอบแรกก็เลยต้องมาติดเหง็กอยู่ที่นี่แทน... ”

   “ ไอ้บ้า ฉันเป็นผู้ชายนะฮ้า... เอ้ย ผู้ชายโว้ย แกนิ เดี๋ยวน้องเข้าใจผิดกันพอดี ”


   เวฟใส่แอคติ้งสุดฤทธิ์ แต่ดูยังไงมันก็ไม่เหมือน หากจะเหมือนก็คงจะเป็นกระเทยควา...ย มากกว่า ก่อนที่พี่แกจะขอแก้ข่าวให้ตัวเอง ด้วยการเก็กท่าเป็นลูกผู้ชายตัวจริง


   “ อย่างที่เห็นน้อง น้องจะทำยังไงก็ได้ แต่ให้พวกพี่จำน้องได้ก็พออ้อ... เกือบลืมแนะนำไป วันนี้เรามีรุ่นพี่ปี 4 มาดูพวกเราอยู่ด้วย... ขอเชิญพี่โอด้านหน้านิดนึงครับ ”


   พี่ชอบอกให้ทุกคนทราบว่า มีรุ่นพี่มายืนดูอยู่ด้วย ก่อนจะเชิญให้รุ่นพี่คนดังกล่าวออกมาด้านหน้า


   “ สวัสดีครับน้องๆปี 1 ทุกคน ยินดีต้อนรับทุกคนอีกครั้งครับ พี่ชื่อ Ocean หรือจะเรียกว่าโอเหมือนที่พี่ๆปี 2 ก็ได้ ”


   รุ่นพี่คนนั้นแนะนำตัว พร้อมกับรอยยิ้ม ซึ่งเขาเพิ่งเห็นใกล้ๆก็คราวนี้ เพราะตนเองนั้นนั่งอยู่แถวหน้าสุด


   หากตัดความอคติออกไป นับว่ารุ่นพี่คนนี้ เป็นคนที่ยิ้มมีเสน่ห์คนหนึ่งเลยทีเดียว แต่ด้วยความอคติ เขาจึงเชิดใส่โดยไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของคนที่ถูกเชิดใส่ไปได้


   “ วันนี้พี่ก็ไม่มีอะไรมาก แค่แวะมาทักทายน้องๆเท่านั้น ยังไงก็ขอให้สนุกกันให้เต็มที่แล้วกัน ”


   รุ่นพี่คนดังกล่าวก่อนเดินกลับที่อยู่ที่เดิม พร้อมกับเสียงปรบมือของพี่ปี 2 และน้องปี 1 ที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร


   “ เอ้าๆ สาวๆ กลับมาๆ ดู ดู๊ ดู มองมากไม่ดีนะน้อง เดี๋ยวพี่เขาเฉาสายตาตายพอดี ”


   ชอพูดอย่างติดตลก เมื่อเด็กสาวหลายคนยังมองตามรุ่นพี่คนเมื่อครู่แบบไม่ยอมปล่อย ซึ่งสามารถเรียกเสียงหัวเราะได้จากหลายๆคนยกเว้นบางคน ที่ไม่ค่อยจะชอบหน้าอยู่เป็นทุน


   “ เรามาเริ่มต้นแนะนำตัวกันดีกว่านะ เพราะหากปล่อยไว้นานกว่านี้รุ่นพี่ที่น่ารักของเรา อาจจะโดนลวนลามทางสายตามากไปกว่านี้... ”


   “ ไอ้เวฟ... ”


   เวฟที่เริ่มทำหน้าที่พล่ามอีกครั้งเอ่ยขึ้น แต่ยังไม่ทันพูดจบประโยคก็มีเสียงของรุ่นพี่ผู้หญิงดังขึ้นมา


   “ โทษทีน้องๆ พี่ลืมตัวนึกว่าอยู่กันเองกับเพื่อนร่วมรุ่น เพราะพวกพี่ผู้หญิงเขาชอบทำอย่างที่พี่ว่า กับพี่โอเป็นประจำล่ะ ”


   “ คุณเวหา หากคุณพูดอะไรมากกว่านี้ ดิฉันไม่รับปากว่า ฝ่ามือของดิฉัน อาจจะย้ายไปอยู่บนส่วนใดของคุณก็ได้ ”


   พี่ผู้หญิงเอ่ยขึ้น อย่างเคืองๆ ที่โดนนินทา ส่วนคนที่เป็นประเด็นในการนินทา ก็ไม่ได้ว่าอะไร


   “ น้องๆคะอย่าไปฟังมาก มันไม่ดีต่อสุขภาพ พี่ว่าเรามาทำความรู้จักกันเลยจะดีกว่า ”


   พี่ผู้หญิงปิดประเด็นสนทนา ก่อนจะเปิดประเด็นใหม่ กับการแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จัก


   “ เดี๋ยวน้องคะ พี่ลืมบอกไป เมื่อเช้า พี่ให้น้องจดรหัสประจำตัว13 ตัวมาด้วยใช่มั้ย แล้วก็บอกให้น้องท่องจำให้ได้ เดี๋ยวให้น้องๆบอกรหัสประจำตัวด้วยนะ ”


   พี่คนหนึ่งพูดขึ้น หลังจากที่เพื่อนคนแรกแนะนำตัว ด้วยลีลาปกติไม่มีอะไรน่าสนใจ ซึ่งเพื่อนคนแรกจึงลุกขึ้น แล้วรายงานตัวใหม่อีกครั้งเพื่อบอกรหัสประจำตัว


   การรายงานตัว ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มีทั้งการรายงานตัวแบบปกติ ธรรมดา ไปจนถึงลีลาที่บรรจงสร้างกันสุดฤทธิ์ของแต่ละคน


   ซึ่งเขาเองก็รังสรรค์วิธีรายงานตัวแบบไม่ซ้ำใคร เรียกว่า ไม่มีใครคาดคิดว่า เด็กหนุ่มน้องใหม่จะกล้าทำ ไม่รู้ว่าตอนนั้นอะไรเข้าสิง ทำให้เขาทำได้ขนาดนั้น แต่ด้วยความที่เป็นเด็กกิจกรรมมาก่อน เขาจึงมีความกล้าแสดงออก เรียกว่า ลีลานางงามของพี่เวฟชิดซ้ายไปเลย เมื่อเจอลีลานางมารร้ายของเด็กหนุ่มเข้าไป   


   เมื่อเขาและเพื่อนแฝด 3 ที่หากันจนเจอ แทกทีมกันออกมารายงานตัวยกเซ็ท ด้วยบทบาทของตัวอิจฉา ที่แย่งชิงความเป็นหนึ่ง


   หลังจากเขาและฝาแฝดทั้ง 3 แนะนำตัวเสร็จ เสียงปรบมือ พร้อมกับเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ วันเกิดก็ดังขึ้น รอบโดมกิจกรรม


   “ สุดยอดค่ะน้อง คิดได้ไงเนี่ยะ วันนี้มีคนแจ้งเกิดในวงการแล้วส่วนน้องคนอื่น ก็เอาแบบนี้เลยนะ พี่ชอบ ”


   บีชเอ่ยขึ้น หลังจากที่เสียงเพลงอวยพรวันเกิดจบลง หลังจาก 4 หนุ่มน้อยแนะนำตัวไปแล้ว ก็มีอีกหลายคนที่แจ้งเกิดด้วยลีลาต่างๆกันออกไป


   หลังจากการแนะนำ ของทุกคนจบลง ก็เป็นกิจกรรมละลายพฤติกรรม ที่รุ่นพี่สรรหามาเล่น เรียกว่า เรียกเสียงหัวเราะได้ตลอด


   แต่เกือบจะทุกกิจกรรม จะมีเขาและเพื่อนร่วมห้องออกมาร่วมวงด้วยตลอด จนถึงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม พี่ๆก็ปล่อยให้ทุกคนกลับห้องพัก


   แม้ว่าวันนี้ จะเหนื่อย จะเลอะเทอะ แต่มันก็สนุก ทำให้รู้จักเพื่อนมากขึ้น สนิทกับพี่ได้เร็วขึ้น กิจกรรมฮาๆ ที่แฝงไปด้วยการสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนๆ ทั้งหญิงและชาย โดยให้ทุกคนมีโอกาสทำกิจกรรมไปด้วยกัน เป็นการก่อร่างสร้างมิตรภาพระหว่างกัน สมแล้วหากจะเรียกกิจกรรมเหล่านี้ว่า “ กิจกรรมละลายพฤติกรรม ” เพราะมันทำให้ทุกคนรู้จักกันได้ดีขึ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2012 17:31:50 โดย Ice_Iris »

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 4
«ตอบ #6 เมื่อ23-11-2012 16:28:38 »


อีสท ที่ได้ยินชื่อของตนเองแว่วๆ เงยหน้าขึ้นจากจานอาหารมาถามพี่สาวคนโต แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบว่าอะไร เจ้าตัวก็เลิกสนใจแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ

- พี่ชายรึเปล่าคะ


ส่วนมาริน ก็ได้แต่ยิ้มกับนิสัยของแต่ละคน เพราะเท่าที่เห็น เซาธจะเป็นคนชอบถาม อีสทจะเฉยๆ ส่วนนอธนั้น เซาธกระซิบบอกเธอว่า นอธนั้นเหมือนหม่อมป้า ที่จู้จี้ ขี้บ่นไม่มีผิด ซึ่งเท่าที่เห็น เขาก็ค่อนข้างจะเห็นด้วยกับ 2 แฝด
   
   ซึ่งเธอเองก็รังสรรค์วิธีรายงานตัวแบบไม่ซ้ำใคร เรียกว่า ไม่มีใครคาดคิดว่า เด็กหนุ่มน้องใหม่จะกล้าทำ ไม่รู้ว่าตอนนั้นอะไรเข้าสิง ทำให้เขาทำได้ขนาดนั้น แต่ด้วยความที่เป็นเด็กกิจกรรมมาก่อน เขาจึงมีความกล้าแสดงออก เรียกว่า ลีลานางงามของพี่เวฟชิดซ้ายไปเลย เมื่อเจอลีลานางมารร้ายของเด็กหนุ่มเข้าไป   


- "เธอ" ในย่อหน้าแรกเราเข้าใจว่าหมายถึง "มาริน" ซึ่งเป็นผู้ชายใช่ไหมคะ  เราว่าไม่น่าจะใช้คำว่าเธอนะบางทีอ่านไปแล้วรู้สึกงง ๆ ว่าตัวเอกดำเนินเรื่องที่ชื่อมารินนั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่

- "เธอ" ในย่อหน้าที่ 2 นี่หมายถึงใครอ่ะคะ

เนื้อเรื่องสนุกดีอยากรู้ว่าพระเอกจะใช่พี่โอรึเปล่า ^^  :กอด1:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 4
«ตอบ #7 เมื่อ23-11-2012 17:36:57 »

iamnan => ขอบคุณท่านที่ช่วยตรวจสอบขอรับ และต้องขออภัยอย่างมากที่ทำให้การอ่านสะดุด

แฝด 3 นอธ อีสท และเซาธ นั้นเหมือนจะไม่เด่น และค่อนข้างหาเรื่องชวนปวดหัว แต่ก็เป็นตัวเดินเรื่องตัวหนึ่งเลยทีเดียว เพราะอย่างนั้นก็เลยต้องทนปวดหัวกับ 3 แฝดต่อไป

ส่วนพี่โอของสาวเล็ก สาวใหญ่ หนุ่มเล็ก หนุ่มน้อย จะใช่พระเอกหรือไม่นั้น คำตอบมีอยู่ในตัวอยู่แล้วขอรับ เพราะตอนนี้คงไม่มีใครแสนดี(?) เท่าพี่เขาอีกแล้ว

ปล. บวกเป็ดทุกคอมเมนต์ แทนคำขอบคุณจากใจอีกทางขอรับ :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2012 17:42:15 โดย Ice_Iris »

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 4
«ตอบ #8 เมื่อ23-11-2012 18:32:56 »





ตอนที่ 5








   หลังจากที่รุ่นพี่ปล่อยให้กลับห้อง เขาและเพื่อนร่วมห้องก็หาซื้อของใช้ ไม่ว่าจะเป็นตะกร้าเสื้อผ้า ชั้นวางของ และอื่นๆ อีกหลายอย่างที่ไม่ได้นำมาจากบ้าน


   ซึ่งไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น ยังมีเพื่อนๆอีกจำนวนมากที่ซื้อของเช่นกัน เรียกว่าได้หอบข้าวของกันพะรุงพะรังกันถ้วนหน้าทีเดียว


   เมื่อกลับถึงห้อง ก็ต้องนั่งช่วยกันแก้ยางรัดผมที่มีอยู่เต็มทั้งศีรษะกว่าจะออกหมด ผมก็หลุดออกมาไม่น้อย


   เสร็จจากนั้น จึงลงมาอาบน้ำ และกว่าจะล้างเอาแป้งสารพัดสีที่เกาะอยู่ออกได้หมด ก็เสียเวลาไปไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว


   พออาบน้ำเสร็จ ก็ไม่มีใครชวนคุย เพราะแต่ละคนแทบหลับตาเดินกลับห้องกันอยู่แล้วถ้าทำได้น่ะนะ พอหัวถึงหมอนก็หลับทันที



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   “ พี่โอครับ ผมว่าน้องกลุ่มนั้น ใช้ได้เลยนะครับ ผมว่าปีนี้ วิท - เล น่าจะมีสีสันขึ้นอีกเยอะ ”


   “ ใช่ครับ สุดๆจริงๆ คิดได้ไง ”


   เสียงพูดคุยดังขึ้น ระหว่างทางเดินขึ้นบันไดหอพักชาย


   “ เออ... พี่โอครับ น้องคนนั้นน่ะครับ ”


   “ น้องคนนั้น แล้วคนไหนวะไอ้ชอ น้องมีเป็นขโยง พี่เขาจะรู้มั้ยวะว่าแกจะพูดถึงคนไหน ”


   “ ก็คนที่ชื่อมารินไง ”


   ชอว่า ส่วนอีก 2 คนที่เหลือก็คิดตามคำกล่าวของเจ้าคนพูด ด้วยว่าคนพูดต้องการจะสื่อถึงอะไร


   “ อืม... มีอะไรหรือ ”


   คนเป็นพี่สุดของกลุ่มเอ่ยถาม หลังจากที่เงียบฟังรุ่นน้องทะเลาะกันมาพอสมควร


   “ เออ... ใช่ ทำไมวะ ”


   “ แหมไอ้ปลาทอง แกเนี่ยะนอกจากเรื่องหลีสาว แกจะจำอะไรได้อีกบ้างวะ ”


   “ ไอ้ชอ แล้วมีวันไหนมั้ย ที่แกไม่หาเรื่องด่าข้า ”


   “ เอาน่า เรา 2 คนนี่ มีวันไหนบ้างไหมที่ไม่ทะเลาะกัน ”


   พี่สุดของกลุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงปลงๆ เพราะไม่เคยมีวันไหนเลยที่น้องห้องทั้ง 2 คนนี้ จะไม่หาเรื่องแกล้งกัน แต่ทั้งคู่ก็รักกันดี


   เวฟและชอ ให้ความเคารพพี่ห้องอยู่ไม่น้อย แม้ว่าอายุของทั้ง 3 คน จะไม่ห่างกันมากนัก เรียกว่าแก่กว่ากันเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น


   แต่ด้วยการวางตัวเป็นผู้ใหญ่ของรุ่นพี่คนนี้ รวมทั้งอะไรอีกหลายๆอย่างก็ทำให้ทั้งคู่ให้ความเคารพรุ่นพี่จากใจจริง

   “ น้องคนที่ชื่อมารินน่ะครับ ถ้าผมจำไม่ผิด น้องเค้ารหัสเดียวกับพี่โอนี่นา ใช่มั้ยครับ ”


   “ เฮ้ย!!! อะจิงดิ!!! ”


   “ เออ... แล้วแกจะแหกปากหาญาติแกเร๊อะ อยู่ใกล้กันแค่นี้ ”


   ชายหนุ่มส่ายหน้ากับการหาเรื่องทะเลาะกันของ 2 เพื่อนซี้ ก่อนจะพูดขึ้น


   “ อืม... เราจำไม่ผิดหรอก น้องคนนั้น รหัสเดียวกับพี่จริงๆ ”

   โอเชียนตอบรับคำถามของน้องห้องที่ถามขึ้นก่อนหน้า


   “ อย่างนั้นปีนี้สายรหัสนี้ ก็มีน้องรหัสสายตรงแล้วสิครับ ถ้างั้นน้องรหัสเวียนอย่างผม กับไอ้ชอก็ตกกระป๋องน่ะสิ ”


   ทั้งชอ และเวฟ ต่างก็เป็นน้องรหัส ของชายหนุ่มทั้งคู่ แม้ว่าจะดูแปลกๆไปบ้าง เพราะโดยปกติแล้ว หากพี่ หรือน้องคนใด ไม่มีน้องหรือพี่รหัสสายตรง นั่นคือ มีรหัส 3 ตัวหลังเหมือนกัน จะมีการเวียนรหัสให้กับพี่และน้อง เพื่อให้พี่ดูแลน้อง เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้อง


   แต่พี่รหัสเวียน โดยมากแล้ว จะมีน้องแค่คนเดียว แต่ในกรณีของเวฟและชอ ไม่ทราบว่ามีอะไรผิดพลาด เพราะทั้งคู่มีพี่รหัสเวียนคนเดียวกันแถมยังควบตำแหน่งพี่ห้องอีกด้วย


   “ ไม่หรอกน่า ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย จะน้องเวียน หรือน้องตรง ก็เป็นน้องเหมือนกัน ”


   ชายหนุ่มบอกกับอีก 2 หนุ่ม แม้ว่าตัวเขาเองจะดีใจอยู่ลึกๆว่า ปีนี้มีน้องรหัสตรงกับเขาเสียที เพราะตลอดระยะเวลาที่อยู่มา เขาไม่มีน้องรหัสตรงเลยสักคน


   “ แต่พี่ว่านะ เรา 2 คน จะโดนแย่งตำแหน่งก็คราวนี้แหละ ”


   ผู้เป็นทั้งพี่ห้อง และพี่รหัสพูดขึ้นลอยๆ แต่พอจะทำน้องห้องและน้องรหัสหูผึ่งได้


   “ ตำแหน่งอะไรครับ ”


   ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน ราวกับนัดกันไว้แล้วว่าจะพูดอะไร ซึ่งก็ทำให้คนฟังยิ้มขำๆ กับอาการของทั้งคู่


   “ ก็ตำแหน่ง ฝ่ายนันทนาการไง ”


   “ แหม... ก็นึกว่าตำแหน่งอะไรอันนี้ไม่เป็นไรครับ น้องเขามีแววอยู่แล้ว เรา 2 คน ยินดีสนับสนุนเต็มที แบบว่าเยวขอเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้เลย ”


   “ แล้วเราคิดว่าตำแหน่งอะไรล่ะ ”


   คนเป็นพี่ถามด้วยรอยยิ้ม เมื่ได้ฟังคำตอบจากน้องที่ติดจะทะเล้นอยู่บ้าง


   “ ก็ตำแหน่งน้องรักไงครับ ”


   ชายหนุ่มรุ่นน้องทั้งคู่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน


   “ ไม่ค่อยเลยนะ ”


   “ ก็แหม... ขอนิดส์นึง มีพี่ดีๆก็ต้องหวงเป็นธรรมดา ”


   ทั้ง 3 เดินคุยกันมาจนถึงหน้าห้อง เวฟทำหน้าที่เป็นคนไขกุญแจเปิดห้อง


   “ ว่าแต่ พี่โอผมว่ามันแปลกดีนะครับ... ”


   “ อะไรแปลกวะ ไอ้ชอ ”


   ชอเอ่ยขึ้น แต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อ ก็โดนเพื่อนปากมากอย่างเวฟแทรกขึ้นมาเสียก่อน


   “ เออ... แล้วแกจะรอให้ข้าพูดจบก่อนไม่ได้รึไง ”


   “ ไม่ได้โว้ย ”


   “ เอาน่า จะเถียงกันทำไม  แล้วอะไรเหรอ ที่ว่าแปลกน่ะชอ ”


   เขาขัดขึ้น เพื่อสงบสงครามน้ำลายของน้องห้องทั้งคู่ ก่อนจะต้องปวดหัวไปกว่านี้

   “ น้องรหัสของพี่ไงครับ ผมลองคิดดูแล้วนะ แต่ละคน ชื่อมีความหมายเกี่ยวกับ ภาควิชาทั้งนั้นเลย


   อย่างพี่โอ Ocean  ( โอเชี่ยน ) แปลว่า มหาสมุทร


   ผม Shore ( ชอ ) แปลว่า ฝั่งทะเล


   ส่วนเจ้า Wave ( เวฟ ) แปลว่า คลื่น


   ยังน้องเค้าอีก Marine ( มาริน ) แปลว่า เกี่ยวกับทะเล ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แบบไม่น่าเชื่อจริงๆ ตอนแรกที่ผมรู้จักพี่นะครับ ผมก็แปลกใจไปรอบนึงแล้ว ”


   ชอร่ายยาว ตามสิ่งที่ตนเองแปลกใจ ก่อนจะทิ้งท้ายให้สงสัยกันต่ออีกนิด ว่าเขาแปลกใจอะไรในตอนแรก


   “ แล้วแกแปลกใจอะไรวะ ”


   เวฟเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนเงียบไปนาน และสาเหตุหลักก็คือว่า อดใจรอให้เพื่อนพูดต่อเองไม่ไหว ส่วนพี่สุดของห้อง ก็นั่งฟังเงียบๆ ที่เตียงของตัวเอง


   “ เออ... ตอนนั้นแกไม่แปลกใจบ้างเหรอ ก็ตอนที่เราเข้าปี 1  วันที่รู้จักกับพี่โอไง ”



   “ อ๋อ...”


   เวฟคิดตามคำพูดของเพื่อน ที่พยายามสื่อให้รู้ ก่อนที่จะถึงบางอ้อและพยักหน้ารับ เพื่อบอกว่ารู้ในสิ่งที่เพื่อนกำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร ก่อนจะเป็นคนพูดต่อเสียเอง


   “ ใช่ๆ... ตอนแรกน่ะครับ เราก็ไม่อยากจะเชื่อว่า พี่ชื่อ Ocean แถมยังชื่อจริงว่า มหาสมุทร แล้วยังเรียน วิทยาศาสตร์ ทางทะเล แบบว่าอะไรมันจะเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ขนาดนั้น ”


   เวฟเล่าตามสิ่งที่ตนเองคิด เพราะว่าอะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนี้ ราวกับว่า เตรียมเอาไว้แล้ว ว่าต้องชื่อนี้ เรียนสาขานี้


   “ อืม... อย่างนี้นี่เอง ทุกคนเหมือนจะมีอะไรที่เกี่ยวกับสาขาที่ตนเองเรียนทั้งนั้น รวมถึงน้องมารินด้วย ”


   ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่นั่งฟังเงียบๆมานาน


   “ เออ... เกือบลืม พี่มีของฝากมาให้เรา 2 คนด้วย รอเดี๋ยวนะพี่ไปหยิบก่อน ”


   เขาว่า ก่อนจะลุกขึ้นไปยังตู้เสื้อผ้าของตนเอง เพื่อหยิบของฝากที่เตรียมมาให้น้องห้อง


   ปกติแล้ว เวลากลับบ้าน เขามักจะมีของฝากมาให้ทุกคนเสมอ ไม่ว่าจะน้องๆ หรือเพื่อนในสาขาเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรที่เขาจะเป็นที่รักของเพื่อนๆ และน้องๆในสาขาเดียวกัน


   “ ความจริงพี่โอไม่น่าลำบากเลยนะครับ ”


   ชอว่า เมื่อเขาส่งกล่องกระดาษขนาดกลางๆให้ตนเองและเพื่อนคนละกล่อง


   “ ใช่ครับ ”


   เวฟช่วยเสริมอีกคน ก่อนจะยกมือไหว้ ขอบคุณชายหนุ่ม


   “ ไม่เป็นไรหรอก เล็กๆน้อย แล้วเรา 2 คนไม่ต้องไหว้มากก็ได้ ไหว้มากๆ ก็เอาพี่ขึ้นหิ้งเสียเลยสิ จะได้ไหว้เช้า ไหว้เย็น ”


   เขาว่า เมื่อเห็นว่า น้องห้องที่อายุห่างกันแค่ไม่กี่เดือน ไหว้เขาอีกแล้ว ทั้งที่เขาบอกไว้แล้วว่า ไม่ต้องไหว้มาก


   “ เอางั้นเหรอครับ ได้อย่างนั้นก็ดีเลย เพราะว่าผม 2 คนกำลังคิดจะทำอย่างที่พี่พูดอยู่พอดีเลย ”


   น้องรหัสทั้งคู่ของเขาทำหน้าทะเล้นใส่ ซึ่งในตอนแรกนั้น ทั้งคู่แทบไม่กล้าจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำเพราะหากว่า คนอื่นที่รู้จักกับเขาเพียงผิวเผิน ก็คงคิดว่าเขาเป็นคนที่ดุ เพราะด้วยบุคลิกเงียบขรึม ไม่ค่อยพูด และตำแหน่งประธานที่เขาดำรงอยู่ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หลายคนเกรงกันเข้าไปใหญ่


   แต่เมื่อได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ก็จะรู้ว่า เขาเป็นคนที่ง่ายๆ สบายๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นภายนอก ซึ่ง ณ ตอนนี้ ทั้งเวฟ และชอต่างก็รับรู้ในเรื่องนี้ดี รวมถึงคนอื่นๆในสาขาเดียวกันอีกด้วย


   จากเมื่อก่อน แทบจะไม่มีใครกล้าคุยกับรุ่นพี่คนนี้ แต่ตอนนี้ น้องๆในภาควิชาทุกคน รวมถึงน้องๆคนอื่นๆ ที่รู้จัก คุ้นเคย เวลาเจอกัน มักจะเข้ามาพูด คุย เล่นหัว กันตามสมควร เพราะชายหนุ่มเองไม่ใช่คนถือตัว ดังนั้นจึงทำให้เขาเป็นที่รักของเพื่อนๆ และน้องๆ รวมทั้งรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว


   “ นี่ๆ ไม่ต้องคิดอะไรแผลงๆเลยนะ ”


   เขารีบหยุดความคิดแผลงๆของน้องรหัสเอาไว้เสียก่อน เพราะเขารู้ดีว่า น้องรหัสของเขานั้น มักคิดอะไรๆ พิเรนทร์ๆ อยู่เสมอ


   “ แหมๆ ผมก็แค่คิดเล่นๆ พี่ผมออกจะเป็นที่รักของทุกคนขนาดนี้ใครจะไปทำ ถ้าทำอะไรพี่ไปนะ มีหวัง สาวๆที่เป็นปลื้มพี่อยู่ ได้รุมสะกำผม 2 คนแน่ๆ จริงมะไอ้เวฟ... อ้าว!!! เฮ้ยหายไปไหนวะ ”


   ชอร่ายยาว ก่อนจะขอความคิดเห็นจากเพื่อนคู่หู แต่ไม่รู้ว่า หายไปไหนตั้งแต่เมื่อไหร่


   “ หา... อะไรเหรอชอ แกว่าอะไรนะ... พี่โอครับ... ”


   เวฟ ที่ขณะนี้ เปลี่ยนเสื้อตัวเก่า แล้วใส่เสื้อตัวใหม่ หันมาถามเพื่อนว่าเมื่อครู่พูดอะไร แล้วจึงหันกลับมาพูดกับพี่ห้องอีกครั้ง


   “ พี่รู้ได้ไงครับ ว่าผมชอบสีนี้ ”


   เวฟที่ลองเสื้อตัวใหม่อยู่หันมาถามพี่ห้อง


   “ ก็จากประวัติของเราไง พอดีหรือเปล่า ถ้าไม่พอดียังไง จะได้เปลี่ยนใหม่ ”


   เขาตอบน้องไปตามจริง ก่อนจะมีเสียงโวยวายของน้องห้องอีกคนดังขึ้นมา


   “ ไอ้เวฟ เมื่อกี้แกไม่ได้ฟังข้าเลยใช่มั้ย แกแอบไปแกะของฝากดูก่อนข้าได้ไง ”


   ชอโวยวาย เมื่อเห็นว่าเพื่อนของตนเองแกะกล่องของฝาก โดยไม่ยอมบอก ทำให้เขาไม่ได้ลุ้นว่าด้านในเป็นอะไร เพราะทุกครั้งแล้ว เขาและเพื่อนจะได้ของฝากจากรุ่นพี่คนนี้ เป็นของอย่างเดียวกัน


   “ อ้าว ช่วยไม่ได้ แกอยากโม้มากทำไม ”


   เวฟตอบอย่างยียวน พร้อมกับทำหน้าตาที่ชอเห็นแล้วอยากจะฝากรักเพื่อนสักทีสองที


   “ ไอ้เวฟ... ”


   แต่ก่อนที่จะเกิดสงครามกลางห้อง บุคคลผู้ซึ่งเป็นพี่สุดก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน


   “ อย่าตีกันเป็นเด็กๆน่า แล้วเราน่ะว่าไง พอดีหรือเปล่าเวฟ ส่วนชอพี่ว่าเราไปลองของเราบ้างดีกว่านะ เพราะหากว่าไม่พอดี พี่จะได้ส่งกลับไปเปลี่ยนให้”


   เขาว่า ทำให้น้องรหัสทั้งสองหยุดทะเลาะกัน ก่อนที่ชอจะไปลองเสื้อที่เขาซื้อมาฝาก


   “ พี่โอครับ กำลังดีเลยครับ ”


   ชายหนุ่มบอกกับพี่ห้อง ที่ยังควบตำแหน่งพี่รหัสด้วย


   “ พี่รู้ได้ยังไงครับ ว่าผมชอบสีอะไร ”

   “ ด้วยเหตุผลเดียวกับของเวฟนั่นแหละ ถ้าพี่ไม่จำประวัติที่น้องอุตส่าห์ ลงทุน ลงแรง เปลืองกระดาษ เปลืองน้ำหมึก เสียเวลา เขียนมาให้ทั้งที แล้วไม่สนใจ พี่จะให้น้องเขียนให้เมื่อยทำไม ”


   “ ยังไงผม 2 คนก็ต้องขอบคุณพี่โออีกครั้งนะครับ... ”


   “ ไม่ต้องเลย พี่ยังไม่อยากแก่ไปมากกว่านี้ ”


   ชอว่า แต่ยังไม่ทันจะจบประโยคดี ชายหนุ่มก็ขัดขึ้นมา เพราะเห็นว่าทั้งคู่กำลังไหว้ตัวเองอีกแล้ว


   “ พี่ว่าเราไปนอนได้ เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องตื่นไปรับน้องๆ ที่จะมาในวันพรุ่งนี้อีกไม่ใช่เหรอ ”


   “ ใช่ครับ ยังเหลืออีก 2 วัน ที่พวกเราต้องไปรับน้องๆน่ะครับ ”


   “ อืม... นี่ก็ดึกมากแล้ว พักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่รอดนะ พี่ไม่ปลุกนะ ขอบอก ”


   เขาว่า เมื่อเห็นว่าน้องห้องไม่ยอมเข้านอนเสียที และนับว่าคำขู่เมื่อครู่จะใช้ได้ผลอยู่ไม่น้อย เพราะโดยปกติแล้ว นอกจากเขาจะเป็นพี่ห้อง พี่รหัส เขายังพ่วงตำแหน่งนาฬิกาปลุกของห้องด้วย


   “ แหมๆ พี่โอ น่านะ ปลุกหน่อยนะ ”


   เวฟเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเว้าวอน และท่าทางน่าสงสาร หากเป็นคนอื่นทำคงจะน่าสงสารจริง แต่เมื่อเป็นชายหนุ่มตรงหน้าเป็นเวฟ คนเห็นนั้นอยากจะฝากรอยเท้าเสียมากกว่า


   “ ไม่ต้องเลย นาฬิกาปลุกก็มี ทำไมไม่ยอมใช้ ”


   เขาว่า เพราะเขาเคยซื้อนาฬิกาปลุกเรือนปานกลางมาให้ทั้งคู่แล้วแต่ก็ไม่มีใครใช้ นอกจากจะตั้งไว้ดูเวลาอย่างเดียว


   “ แหม... ก็มีพี่ ก็ต้องใช้พี่ให้เป็นประโยชน์สิคร๊าบบบบ ”

   ชอว่า ซึ่งเวฟก็พยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆ ส่วนคนที่ถูกยกให้เป็นนาฬิกาปลุกจำเป็นก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆ


   “ ก็ผมไม่ชอบใช้นาฬิกาปลุกนี่ครับ มันไม่ได้ใจ แต่ถ้านาฬิกามันเป็นเสียงแปดหลอดครึ่งของยัยบีชก็ว่าไปอย่าง ”


   “ อย่างนั้นเหรอ เดี๋ยวพี่ให้บีชโทรมาปลุกเราแล้วกัน ”


   “ อย่าดีกว่าครับ ผม 2 คน ยังไม่อยากตื่นมาติดกัณฑ์เทศน์ตั้งแต่เช้าแบบว่า ผมขอเป็นเสียงของพี่จะดีกว่า ”


   เขากับเวฟ ไม่ชอบตั้งนาฬิกาปลุกเท่าใดนัก เพราะเขามักจะตื่นมาปิด แล้วนอนต่อเสมอ นอนจนสายไปเรียนไม่ทันกันเลยทีเดียว


   “ ความจริงแล้วนะ อย่างเราสองคนน่ะ ให้บีชเค้าปลุกน่ะดีแล้ว จะได้ตื่นแบบเต็มตาไง ”


   เขาว่า ซึ่งสามารถเรียกสีหน้าสยองจากน้องรหัสได้ไม่น้อย


   “ อย่าดีกว่าครับ ไม่ดีแน่ๆ เอาเป็นว่า พี่ปลุกเรา 2 คนด้วยนะครับ ตกลงตามนี้เลยดีกว่า ผมไปอาบน้ำก่อนนะ ”


   ชอจบก็รีบวิ่งออกจากห้องไป ก่อนที่ชายหนุ่มจะตอบรับ หรือปฏิเสธ หลังจากที่ทั้งคู่ออกไปแล้ว เขาก็เดินไปหยิบอุปกรณ์อาบน้ำของตนเอง ระหว่างที่ออกมาหยิบอุปกรณ์อาบน้ำนั้น เขาเห็นว่าห้องของน้องปี 1 ปิดไฟกันหมดแล้ว เพราะว่าหลังห้องชายหนุ่มหันมาทางด้านหอพักที่สร้างเอาไว้สำหรับนักศึกษา แต่ถูกใช้เป็นที่พักนักท่องเที่ยวในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา
 

   “ วันนี้เป็นเพียงวันแรกของการเริ่มต้นที่นี่เท่านั้น ยังมีเรื่องอะไรอีกมากมาย ที่น้องๆจะได้เจอ รับรองว่า สนุกกว่าวันนี้แน่ๆ”


   เขาว่า ก่อนจะตามน้องห้องไปอาบน้ำเช่นกัน วันนี้เป็นเพียงก้าวแรกในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้เท่านั้น ยังมีอะไรที่จะเกิดต่อจากนี้อีกมากมาย เขาก็ได้แต่หวังว่า น้องใหม่ที่เข้ามานั้นจะอยู่ด้วยกันจนถึงวันสุดท้ายที่สำเร็จการศึกษา







ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 6
«ตอบ #9 เมื่อ24-11-2012 11:54:01 »





ตอนที่ 6








   ไก่ป่าส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ขันรับกันเป็นช่วงๆ ปลุกให้คนที่กำลังนอนหลับอย่างมีความสุขต้องตื่นขึ้นมาอย่างไม่มีทางเลือก


   “ โอ้ย!!! จะขันกันทำไมนักเนี่ยะ คนจะหลับ จะนอน ”


   น้ำเสียงงัวเงียของ 1 ใน 3 แฝดดังขึ้น


   “ อ้าว ริน ตื่นนานแล้วเหรอ หาวววว”


   เสียงทักแบบยานคาง พร้อมกับเสียงหาวอย่างคนง่วงนอน ดังขึ้นด้านหลังของเด็กหนุ่ม ที่กำลังนั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นอยู่


   “ อืม ก็ซักพักแล้วล่ะ อากาศที่นี่สดชื่นดีนะ ”


   เขาหันมาตอบเพื่อนห้อง ก่อนจะหันกลับมาสนใจกับบรรยากาศรอบๆตัวต่อ ดวงอาทิตย์สีแดงดวงโตกำลังโผล่พ้นขอบฟ้า หมอกบางๆโรยตัวอย่างอ้อยอิ่ง น้ำค้างหยดเล็กๆบนยอดไม้ สะท้อนแสงแรกของวัน แมลงตัวเล็ก ตัวน้อย ออกบินอย่างเริงร่า


   หลายวันมาแล้วที่เขามาอยู่ที่นี่ กิจกรรมมากมายที่รุ่นพี่สรรหามาให้ทำ จนตอนนี้ทำให้เขากับเพื่อนห้องทั้ง 3 คน รู้จักกับพี่ๆที่ทำกิจกรรมนันทนาการเป็นอย่างดี เพราะตลอดเวลาเขาและเพื่อนมักจะถูกเรียกให้ออกมานำแสดงให้เพื่อนคนอื่นดูเสมอ ซึ่งพวกเขาทั้ง 4 คนก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง และในวันนี้เป็นวันว่างที่รุ่นพี่บอกว่าให้พักผ่อนเต็มที่ เพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันปฐมนิเทศเป็นวันแรก


   ตลอดเวลาที่ทำกิจกรรมกันมา พี่ๆได้สอนอะไรหลายๆอย่างกับน้องๆที่เข้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็นกฎ ระเบียบต่างๆของมหาวิทยาลัย หรือว่าจะเป็นกฎ ข้อตกลงระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้อง การแต่งกาย  ตลอดจนการปฏิบัติตัวของน้องปี 1 ทุกคน


   “ อืม... ว่าอยู่ สดชื่นดี ”


   ฝาแฝดว่า พลางหยิบเก้าอี้มานั่งข้างๆ


   “ นี่ริน แกจำเรื่องที่พี่เขาบอกได้ไหม เรื่องพี่รหัสน่ะ ”


   เมื่อเริ่มสนิทกัน คำเรียกหาระหว่างเขาและเพื่อนแฝดนั้นก็ดูจะกันเองมากขึ้นตามไปด้วย


   “ จำได้ มีอะไรเหรอ ”


   “ ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่ว่า... ”


   ฝาแฝดว่า พร้อมกับทำเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ทำให้คนฟังต้องกระตุ้น ด้วยความอยากรู้


   “ แค่ว่าอะไร ”


   “ ก็แค่อยากรู้น่ะว่าใครจะได้เป็นน้องรหัสของพี่โอ ”


   นอธว่า พร้อมกับทำหน้าเคลิ้มฝัน จนคนเห็นอดหมั่นไส้ไม่ได้เลยต้องขัดขึ้น

   “ แหวะ ขี้เก็กจะตาย ”


   เขาว่าพร้อมกับทำหน้าเหม็นเบื่อ เมื่อนึกถึงหน้าของคนที่เพื่อนตนเองเอ่ยถึง ซึ่งทำให้เพื่อนร่วมห้องผู้ชื่นชอบ และตั้งตัวเป็นแฟนคลับอย่างเป็นทางการหันมาประทานฝ่ามือพิฆาตให้เป็นรางวัล


   “ โอ๊ย!!! นอธ แกจะตีฉันทำไม ”


   “ แกนิ พี่เขาออกจะหล่อ น่ารัก แล้วก็ดูใจดีด้วย เฟอร์เฟคแมน ไม่เห็นจะขี้เก็กอะไรเลย แกอคติเกินไปหรือเปล่า ”


   นอธถามเพื่อนร่วมห้อง เพราะรุ่นพี่ที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่นั้น เท่าที่เห็นและรู้จักก็เป็นคนใจดี แม้ว่าจะไม่ค่อยพูดเท่าใดนัก และนั่นก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกว่า พ่อรูปหล่อเฟอร์เฟคแมนของเพื่อนเป็นคนขี้เก็กเสียได้


   “ ไม่นิ ฉันไม่ได้เลยอคตินะ ก็แค่พูดตามที่เห็น พูดก็ไม่พูด วันๆยืนเก็กหน้าอย่างเดียว ไม่เมื่อยบ้างหรือไง ไม่รู้ทำไมเพื่อนๆผู้หญิงถึงชอบกรี๊ดพี่แกนัก อ้อ รวมมาถึงเพื่อนชายข้างฉันด้วย ถ้าพี่แกเป็นดาราซูปเปอร์สตาร์ชื่อดังนะ ฉันจะไม่ว่าซักคำ ”


   เขาว่า พลางทำจมูกย่น อย่างคนไม่ค่อยชอบใจ เพราะหลายคนต่างพากันชื่นชอบพี่แกไปเสียหมด


    “ นั่นแหละแกที่เขาเรียกว่าอคติ ระวังนะริน เขาว่ากันว่า เกลียดอย่างไหน มักได้อย่างนั้นนะ แล้วจะหาว่าเพื่อนไม่เตือนนะ ”


   นอธว่า พลางยิ้มขำๆ กับอาการของเพื่อนร่วมห้อง ที่มีอาการแบบคนรับไม่ได้


   “ นั้นเหรอ งั้นแกก็ทำใจให้เกลียดพี่เขาดิ แกจะได้อย่างนั้นไง ”


   เขาย้อนเพื่อนร่วมห้อง ที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่ ซึ่งมันก็พอจะทำให้เพื่อนของเขาหันมาส่งค้อนวงโตให้อย่างไม่ต้องสงสัย

   “ แหมๆ นี่ถ้าฉันทำใจให้เกลียดพี่เขาได้นะ ฉันก็คงทำแล้วล่ะ เผื่อว่าจะคู่กัน ว่าแต่ถามหน่อยเหอะ ทำไมแกถึงไม่ชอบพี่เค้าล่ะ ”


   นอธย้อนถาม แต่เขายังนิ่ง เพราะไม่คิดว่าจะถูกย้อนถาม และเขาก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไร เพราะจริงๆแล้วมันก็ไม่มีเรื่องที่ไม่ถูกใจอะไรหรอก แค่เห็นหน้าแล้วไม่ถูกใจเท่านั้นเอง


   “ ไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่ชอบ ไม่มีเหตุผล ”


   เขาตอบแบบกำปั้นทุบดิน ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงไม่ชอบ จริงอย่างที่เพื่อนบอก ว่าพี่เขาก็ดี เป็นกันเอง ดีไปเสียทุกอย่าง แต่ก็อีกล่ะ คนอะไรจะไม่มีข้อเสีย เขาไม่เชื่อเข็ดขาด


   “ ดีนะ อยู่ๆก็ไม่ชอบ พิลึกคน ฉันไปอาบน้ำ แปรงฟันดีกว่า คุยกับแกแล้วปวดหัวจริงๆ ”


   นอธว่า ก่อนจะเดินเข้าห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไปอาบน้ำ ซึ่งเด็กหนุ่มก็เดินตามเพื่อนห้องมาติดๆ


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   “ อ้าวน้องๆครับ ตื่นๆ แหมๆ ให้ตื่นเช้าแค่นี้ ทำมาเป็นง่วง ”


   เสียงของรุ่นพี่ที่ทุกคนรู้จักคุ้นเคยดีดังขึ้นท่ามกลางเด็กปี 1 ที่ถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง


   เนื่องจากว่า วันนี้เป็นวันแรกของการปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ รุ่นพี่จึงเรียกน้องรวมตั้งแต่เช้า เพื่อรวมกันทำกิจกรรมแรกของวัน นั่นก็คือออกกำลังกาย


   “ นี่ริน พี่โอเขามาด้วยแหละ รู้สึกว่าพี่เขาจะแทคแคร์น้องๆจังนะ ฉันอยากรู้แล้วดิว่าพี่เขาเป็นพี่รหัสของใคร ถ้าเป็นฉันนะ ถึงเป็นผู้ชายฉันก็ยอมให้ว่ะ ”


   “ ใช่ๆ นอธ ฉันว่านะ คนนั้นน่ะ ต้องโชคดีแน่ๆเลย ”

   “ แต่ฉันว่าโชคร้ายสุดๆน่ะสิ ”


   ฝาแฝดออกความเห็น เมื่อเห็นพี่ใหญ่ขวัญใจของทุกคนมาร่วมออกกำลังกายด้วย แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะขัด ตามประสาคนไม่ชอบขี้หน้า


   “ แกนี่แปลกนะ คนอื่นเขาปลื้มพี่แกจะตาย แต่แกไม่ชอบซะงั้น พี่เขาก็ออกจะดี ”


   “ ไม่รู้ดิ แต่ฉันรู้สึกว่า พี่แกยังมีอะไรแอบแฝงอยู่อ่ะ ฉันว่าสายตาแกมีอะไรแปลกๆอ่ะ ”


   “ คิดมากน่า ”


   เขาให้ความเห็นเพราะรู้สึกว่า พี่คนที่หลายคนชื่นชอบนั้น มีอะไรแปลกๆ จนรู้สึกว่าพี่คนนั้นต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่ เพราะสายตา รอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เหมือนแฝงอะไรบางอย่างเอาไว้



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

   “ โอ๊ย!!! เหนื่อย พี่แกไม่เหนื่อยบ้างหรือไงเนี่ยะ ฉันชักจะเห็นด้วยกับแกแล้วว่ะริน พี่แกสุดยอดจริงๆ ”


   ทันทีที่กลับถึงห้อง จอมปากมากแห่งกลุ่มอย่างเซาธก็บ่นทันที เพราะการออกกำลังกายเมื่อเช้า คนที่นำก็คือรุ่นพี่ที่หลายคนปลื้ม แต่ด้วยว่าไม่รู้ว่าพี่ท่านเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เพราะแอร์โรบิคเมื่อเช้า พี่แกออกสแต็ปแบบนอนสต๊อบกว่า 10 เพลง แถมด้วยการวิ่งไปหน้ามหาวิทยาลัย วิ่งรอบสนามหญ้า เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์


   “ มีหวัง เช้านี้ฉันได้หลับในห้องประชุมแน่เลย ”


   เซาธ บ่นกระปอด กระแปด ก่อนจะคว้าผ้าไปอาบน้ำ ด้วยอาการของคนที่พร้อมจะหลับได้ตลอดเวลา การปฐมนิเนศในวันนี้ เป็นการแนะนำสถานศึกษา และภาควิชาต่างๆ โดยท่านอาจารย์ในแต่ละภาควิชา


   “ อย่าบ่นมาก เดี๋ยวก็อดกินข้าวหรอก ”


   วันนี้ มีอาหารเลี้ยงเช้า ซึ่งเวลาที่รุ่นพี่บอกเอาไว้ นั่นก็คือ 7 นาฬิกา ในวันนี้ให้ทุกคนแต่งกายด้วยชุดนิสิตใหม่ และเขาเองเป็นคนหนึ่ง ที่เห่อชุดนี้ไม่น้อย ตามประสานักศึกษาใหม่ ป้ายแดง ที่เพิ่งเป็นเจ้าของชุดนักศึกษาเป็นครั้งแรก


   06:30 น. ทุกคนลงมาพร้อมกันที่ใต้หอพัก เพื่อเตรียมตัวเดินไปรับประทานอาหารเช้า เสร็จจากการรับประทานอาหารเช้า ซึ่งวันนี้มีเมนูข้าวต้ม น้ำเต้าหู้ นักศึกษาใหม่ทุกคนจึงเดินไปยังสถานที่นัดหมาย นั่นก็คือ อาคารกีฬาที่รุ่นพี่เรียกกันว่า ‘ โดมกีฬา ’



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   ตลอดช่วงเช้า เป็นการแนะนำอาจารย์ฝ่ายต่างๆ แนะนำสถานศึกษาจากวีดีทัศน์โดยท่านอาจารย์จากฝ่ายต่างๆ ส่วนในภาคบ่ายนั้นจะเป็นการแนะนำโครงสร้างรายวิชา และรายละเอียดของสาขาวิชาต่างๆ


   แม้ว่าจะได้ฟังบ้าง ไม่ได้ฟังบ้าง หลับบ้างไม่หลับบ้างก็ตาม แต่เมื่อถึงกำหนดการของภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล เด็กหนุ่มก็ตั้งใจฟังแบบเต็มที่ เพราะเป็นวิชาที่ตนเองเลือกเรียน แต่ก็มีเพื่อนอีกหลายคน มีสาเหตุที่ตั้งใจฟัง ไม่ใช่ว่าอยากรู้เรื่องวิชาเรียน สาเหตุนั้นก็เนื่องมาจาก มีรุ่นพี่ที่หลายคนเป็นปลื้มขึ้นมาแนะนำ แม้แต่เพื่อนจากต่างสาขายังเป็นปลื้ม


   เพราะนอกจากพี่ท่านจะเป็นประธานนักศึกษาแล้ว ยังเป็นประธานภาคชั้นปี 4 ของสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเลอีกด้วย แถมพอขึ้นมายังสามารถปลุกให้น้องๆที่กำลังนั่งสัปหงก น้ำลายยืด ให้ตื่นขึ้นมาฟังได้อีกด้วย นับว่าท่านอาจารย์หัวหน้าภาควิชา เลือกคนขึ้นมาไม่ผิดจริงๆ


   กว่าจะครบตามกำหนดการของวันนี้ ก็ทำให้หลายคนหลับไปคนละหลายตื่นทีเดียว ช่วงเย็น หลังจากรับประทานอาหารเย็น ที่รุ่นพี่บริการเป็นอย่างดี จนเรียกว่าแทบจะป้อนใส่ปาก เพราะไม่ว่าต้องการอะไร พี่ก็จะหามาให้อย่างไม่เกี่ยงงอน บริการดียิ่งกว่าน้องๆทุกคนเป็นลูกคุณหนูเสียอีก หลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว และปล่อยให้น้องใหม่วัยใสกลับไปทำธุระส่วนส่วน และกลับมาพร้อมกันตามที่นัดหมายซึ่งก็มีกิจกรรมดังเช่นทุกวัน


   แต่ในวันนี้ มีบางคนหายไป ไม่ได้มาร่วมด้วยเช่นเคย ทำให้ใครบางคนแปลกใจไม่น้อย ทั้งที่บอกว่าไม่สนใจ แต่พอเขาคนนั้นหายไป แต่ก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่า เขาคนนั้นเป็นอะไรหรือเปล่า


   “ เฮ้ย!!! ริน เป็นอะไรวะ เงียบๆไป ”


   เพื่อนร่วมห้องของเขาถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มเงียบจนผิดปกติ


   “ เปล่านิ ไม่เป็นไร ”


   “ อืม ทำไมวันนี้ดูเงียบๆจัง ไม่เห็นเหมือนวันก่อนๆเลย หรือว่าวันนี้ไม่สนุก ”


   “ ไม่หรอก ไม่เป็นไรจริงๆ แค่รู้สึกแปลกใจอะไรนิดหน่อยน่ะ ”


   เขาตอบ 3 แฝด ในเรื่องที่รบกวนจิตใจตนเองอยู่


   “ อะไรแปลกเหรอ ”


   “ ใช่ๆ อะไรที่แกว่าแปลก ฉันก็เห็นว่าพวกพี่เขาก็สนุกดีเหมือนเดิมนี่นา ”


   “ ก็ใช่นะ พี่เขาสนุกเหมือนเดิม แต่พวกแกสังเกตหรือเปล่าว่าวันนี้ ใครบางคนหายไปน่ะ ”


   เขาเอ่ยเรื่องที่คิดอยู่ออกมาในที่สุด ซึ่งมันก็ทำให้ 3 แฝดมองหาใครบางคนที่เขาพูดถึง และก็เป็นอีสทที่เห็นความผิดปกติเป็นคนแรก


   “ เออ... ใช่ วันนี้มีใครบางคนหายไปจริงๆด้วย ”


   อีสทว่า ก่อนที่พี่น้องฝาแฝดจะเข้าใจในเรื่องเดียวกัน


   “ อืม... แต่ ริน ไหนแกบอกว่าไม่ชอบพี่เขาไง แต่ทำไมสนใจเรื่องพี่เขาล่ะ แถมพอพี่เขาไม่มา แกยังรู้ก่อนคนอื่นอีก ”


   นอธ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ กึ่งๆประชด เพราะมันเป็นเรื่องจริง ซึ่งถ้าไม่ชอบขี้หน้าจริง แต่ทำไมเจ้าตัวถึงรู้ว่าเขาหายไปก่อนคนอื่น


   “ พี่ชอครับ วันนี้ผมไม่เห็นพี่โอเลย พี่เขาหายไปไหนเหรอครับ ”


   1 ใน 3 ยกมือขึ้นถามในเรื่องที่กำลังเป็นที่สงสัย และคำถามนี้ทำให้หลายคนมองหาคนที่ถูกพูดถึง


   “ แหมๆ พี่โอหายไปแค่นี้ คิดถึงกันแล้วเหรอ ถ้าพี่หายไป จะมีใครถามแบบนี้มั้ยเนี่ยะ ”


   คนถูกถามตอบทีเล่น ทีจริง ซึ่งสามารถเรียกเสียงหัวเราะได้จากน้องๆปี 1


   “ แหมพี่ชอครับ ถ้าพี่ชอ หุ่นดี หล่อ มาดแมน สมาร์ทได้ครึ่งหนึ่งของพี่โอนะ ผมก็คงจะ... ถามมั้ง ”


   เซาธตอบกวนๆ เพราะสนิทกับพี่คนดังกล่าวในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งการตอบของเซาธก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะได้จากพี่ปี 2 และเพื่อนๆของคนโดนถามอย่างมาก

   “ เฮ้ย!!! ชอน้องเขาบอกว่าแก หน้าดีเหลือน้อยว่ะ ”


   “ เออ... ไม่ต้องมาย้ำเลยไอ้คุณเพื่อนที่แสนดี ”

   เวฟทับถมชอ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้นปี และน้องๆปี 1


   “ เอ้าๆ เยาะเย้ยกันเข้าไป หล่อแล้วอย่ามาง้อนะ ”


   ชอประชด ซึ่งก็ทำให้หลายคนยิ่งขำแกเข้าไปใหญ่


   “ คืออย่างนี้นะน้องๆ ช่วงนี้ พี่โอเขาคงไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมกับพวกเราได้อีก เนื่องจากว่า พี่เขามีงานที่ต้องรับผิดชอบนิดหน่อย แต่ไม่ต้องห่วงนะครับว่าจะไม่ได้เจอ ยังไงน้องได้เจอกับพี่เขาอีกแน่ๆ แต่อาจจะในลุคใหม่ที่เปลี่ยนไป ”


   คนที่มาตอบคำถามนี้กลายเป็นพี่เวฟ ที่ยืนอยู่ข้างๆ เนื่องจากว่า พี่ชอนั้นไม่อยู่ในสภาพที่สามารถตอบได้ สาเหตุอันเนื่องมาจากโดนน้องๆและเพื่อนๆรุมเมื่อครู่


   แต่คำตอบที่น้องปี 1 ได้รับจากเวฟนั้น ก็ไม่ค่อยจะทำให้อะไรกระจ่างมากนัก แถมยังพูดให้น่าสงสัยเพิ่มขึ้นไปอีก


   “ เอาล่ะครับ น้องๆ วันนี้ก็ได้เวลา ที่เด็กอนามัย ( เหลือน้อย )อย่างพวกเรา ต้องเข้านอนกันแล้ว เอาเป็นว่าวันนี้ เอาไว้แค่นี้ก็แล้วกัน แต่อย่าลืมนะครับว่า พรุ่งนี้เรามีนัดกันที่เก่าเวลาเดิม ”


   เวฟว่า ก่อนที่พวกพี่ๆ จะปล่อยให้น้องปี 1 เดินกลับหอพัก โดยที่พี่ๆเดินมาเป็นเพื่อน จนถึงทางเข้าหอของแต่ละคน




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   “ นี่ริน แกว่าพี่เขาจะมีอะไรมาเซอร์ไพส์พวกเราอีกมั้ยอ่ะ ”


   ทันทีที่เปิดประตูเข้าห้อง เซาธก็เปิดประเด็นด้วยเรื่องที่ค้างใจมาตั้งแต่เมื่อครู่


   “ นั่นดิ ฉันว่านะ พี่แกพูดเหมือนมีอะไรแอบปิดปังพวกเราอยู่อ่ะ ว่าไหม ”


   3 แฝดตั้งกระทู้ เนื่องจากว่า พี่ๆพูดอะไรให้คิดจริงๆ พี่ประธานหนุ่มรูปงาม ละลายใจ จะมาในลุคใหม่ ที่ไม่มีใครเคยเห็นมันคืออะไรกันแน่


   “ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็มีลางสังหรณ์แปลกน่ะ ว่ามันต้องเป็นอะไรซักอย่าง ที่พวกเราอาจจะคาดไม่ถึงว่า พี่สุดสวาท ขาดใจดิ้น ของพวกแกจะทำได้ ”


   เขาบอกกับเพื่อนร่วมห้องทั้ง 3 ตามสิ่งที่รู้สึก แต่ก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่รู้สึกนั้นมันเป็นอะไร


   “ แล้วอะไรล่ะ ที่แกสังหรณ์อ่ะ ”


   “ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันอีสท แค่รู้สึกว่ามันต้องมีอะไรรอพวกเราอยู่ อะไรที่พวกพี่ๆหลอกให้เราตายใจน่ะ ”

   มารินบอกในสิ่งที่ตนเองรู้สึก


   “ เอาน่า แล้วพวกเราจะคิดมากทำไมเนี่ยะ วันนี้ง่วงจะตายอยู่แล้ว ไปอาบน้ำนอนดีกว่า เดี๋ยวถึงแล้วก็รู้เองแหละ ”


   เซาธว่า พลางเปิดปากหาว อย่างคนง่วงแบบสุดจะทน ซึ่งทุกคนมีความเห็นพ้อง ต้องกันว่า เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง เพราะว่าถึงตอนนี้จะอยากรู้แค่ไหน ก็คงทำได้แค่อยากรู้เท่านั้น สู้ปล่อยให้มันเป็นไปตามเวลาที่กำหนดไว้ไม่ดีกว่าหรือ เพราะว่ามันยังมาไม่ถึง ทำเรื่องที่เป็นอยู่ตอนนี้จะดีกว่า เมื่อคิดได้เช่นนี้ หนุ่มๆจึงไปอาบน้ำ เข้านอน เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 6
« ตอบ #9 เมื่อ: 24-11-2012 11:54:01 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 7
«ตอบ #10 เมื่อ24-11-2012 20:28:18 »





ตอนที่ 7







   วันที่ 2 ของการปฐมนิเทศ ยังคงเหมือนเดิม คือเริ่มต้นด้วยการออกกำลังกาย แต่วันนี้ คนที่มานำออกกำลังกายนั้น ไม่ใช่รุ่นพี่คนที่เห็นเป็นประจำคนเดิม แต่เป็นรุ่นพี่คนอื่นมาแทน


   การแต่งกายในวันนี้นั้นเป็นการตกลงกันว่า ให้ใส่กางเกงขายาว และเสื้อของมหาวิทยาลัย ที่ทุกคนได้รับมา และในวันนี้นั้นเป็นการเชิญวิทยากรมาจากด้านนอก ซึ่งวิทยากรที่มาทำหน้าที่บรรยายนั้น มีความสามารถในการบรรยายเป็นอย่างดี ทำให้นักศึกษา สนุกสนาน ซึ้ง เข้าใจตามสิ่งที่วิทยากรต้องการสื่อ


   ส่วนในช่วงกลางคืนนั้น ทุกอย่างยังคงเป็นเช่นเดิม รุ่นพี่ทุกคน ยังมีกิจกรรมมาให้น้องๆได้ร่วมสนุกเหมือน และในวันนี้รุ่นพี่ที่หลายคนกรี๊ดก็ไม่มาเข้าร่วมเช่นเคย แต่ไม่มีใครถาม เพราะรู้ว่าคงจะไม่ได้คำตอบที่ต้องการเป็นแน่


   วันพรุ่งนี้ เป็นวันสุดท้ายของการปฐมนิเทศ ซึ่งวิทยากรที่จะมาทำหน้าที่บรรยาย ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักในสังคม และก็ยังคนที่เขารอฟังบรรยายอีกด้วย


   เมื่อถึงเวลาจริงๆ ท่านวิทยากรก็ไม่ทำให้ใครผิดหวังแต่อย่างไร เพราะท่านบรรยายได้อย่างถึงพริก ถึงขิง เข้าถึงแก่น ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค แม้ว่าจะเกิดปัญหาไฟฟ้าขัดข้องก็ตาม


   หลังจากจบการบรรยายจากท่านวิทยากรแล้ว ยังเหลือเวลาอีกพอสมควร แต่รุ่นพี่ก็ปล่อยให้น้องๆได้กลับมาพักผ่อน แล้วนัดให้ทุกคนมาพบกันที่โดมอาหาร ในเวลาอาหารเย็น



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   “ เอ้าๆน้องครับ ไม่ต้องรีบ แต่พี่รออยู่ ”


   พี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น แต่ไม่ใช่พี่จากฝ่ายนันทนาการที่หลายคนรู้จักด้วยน้ำเสียงดุดัน ทำให้บรรยากาศตอนนี้กดดันเพิ่มขึ้นอีกมาก


   “ ทานอาหารเสร็จแล้ว คงรู้นะว่าเราต้องทำอะไรกันต่อ ”


   พี่คนเดิมยังคงกล่าวต่อไป ด้วยน้ำเสียงโทนเดิม ทำเอาน้องๆเสียวสันหลังวูบๆ ด้วยรู้สึกว่า คืนนี้ต้องมีอะไรมากกว่าเดิมแน่ๆ


   “ หวังว่า จะไม่เห็นใครมาช้านะ ”


   พี่คนเดิมกล่าวเป็นการปิดท้าย ก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นไป ทิ้งให้น้องๆหวาดหวั่นกันต่อไป


   “ น้องๆครับ ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวติดคอ แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน แต่ว่าเร็วหน่อยก็ดีนะ เพราะพี่กลุ่มนั้นมันโหดอย่างที่น้องเห็นแหละ ”


   เสียงของรุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น เมื่อคล้อยหลังรุ่นพี่มาดโหดคนนั้นไปได้นิดเดียว


   “ นี่แก คืนนี้แกว่าจะมีอะไรวะ ”


   “ แล้วจะรู้มั้ยวะ นั่งอยู่ด้วยกันเนี่ยะ ”


   เสียงสนทนาของผู้ชายกลุ่มหนึ่ง ที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ไต่ถามกันด้วยความอยากรู้ ว่าคืนนี้จะมีอะไร แต่สุดท้ายแล้ว คงไม่มีใครให้คำตอบได้ นอกจากจะรอให้ถึงคืนนี้เสียก่อน


   เวลาผ่านไปไวยิ่งกว่าติดปีกบิน จากช่วงบ่าย เปลี่ยนเป็นเย็นแบบไม่ทันตั้งตัว อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ก็จะได้เวลานัดแล้ว



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   “ มากันครบแล้วใช่มั้ย ”


   “ อืม ครบแล้ว ”


   เสียงพูดคุยของรุ่นพี่ดังแว่วๆ ลอยเข้าหูน้องๆ ที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุดอย่างเขา และเพื่อนร่วมห้อง


   “ เอาล่ะน้องๆ วันนี้พวกพี่มีเรื่องจะแจ้งให้ทราบเล็กน้อย ”


   รุ่นพี่หนึ่งในฝ่ายนันทนาการเอ่ยขึ้น หลังจากปล่อยน้องๆส่งเสียงเจี้ยวแจ้วกันสักพัก แต่เมื่อพี่เริ่มพูด ทุกคนก็เงียบฟังเป็นอย่างดี


   “ อย่างที่น้องๆทราบกันแล้ว วันพรุ่งนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรก เพื่อเป็นการให้น้องๆได้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเรียน วันนี้เรางดกิจกรรมภาคกลางคืน อีกข้อหนึ่งที่พี่จะแจ้งให้น้องๆทราบก็คือ ตลอด 1 เดือนนี้ ขอให้น้องๆทุกคนเดินไปเรียน ห้ามใช้รถเด็ดขาด เพื่อให้น้องๆทำความรู้จักกันมากขึ้น และในช่วงนี้ ขอให้น้องๆลงโดมมารายงานตัวกับรุ่นพี่ทุกคืน อย่าลืมป้ายชื่อที่พี่ให้ไปคล้องติดคอมาด้วย


   ซึ่งในช่วงนี้เป็นการเปิดโอกาสให้น้องๆได้รู้จักกับรุ่นพี่คนอื่นมากขึ้นง่ายต่อการหาพี่รหัส และเรื่องสุดท้ายที่พี่จะแจ้งให้พวกเราทุกคนทราบก็คือ เรื่องการซ้อมเชียร์ ซึ่งการซ้อมเชียร์นี้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติ ที่ทุกคนต้องเข้าร่วม และวันที่จะเริ่มก็คือ วันที่ 3 หลังจากเปิดเรียนวันแรก เราจะเริ่มซ้อมเชียร์กัน


   ส่วนเวลาก็คือเวลาปกติที่เรานัดเจอกัน สถานที่ก็คือโดมกิจกรรม ในทุกวันที่เข้าซ้อมเชียร์นั้น ขอให้น้องๆเตรียมปากกา ดินสอ หรืออะไรก็ได้ที่สามารถเขียนได้มาด้วย


   อ้อ!!! อย่าลืมป้ายชื่อนะ เอามาด้วย แล้วสำหรับวันพรุ่งนี้ ขอให้น้องๆแต่งกายให้เรียบร้อยตามที่พี่ๆได้บอกไปแล้ว สำหรับวันนี้ ไม่มีอะไรแล้ว ขอให้น้องกลับไปพักผ่อนได้ เตรียมตัวให้พร้อมกับการเรียนในวันพรุ่งนี้ ”


   รุ่นพี่คนเดิมร่ายยาว แบบไม่เปิดโอกาสให้ได้เปิดปากถาม ก่อนจะปล่อยให้ทุกคนกลับหอพักไปแบบงงๆ



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   “ นี่ๆ แกว่าวันนี้พวกพี่ทำตัวแปลกๆว่าไหม ”


   “ นั่นดิ ฉันว่า วันนี้ พี่ๆเขาทำอะไรแปลกนะ เริ่มตั้งแต่ตอนกินข้าวแล้ว พี่กลุ่มนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ เสียงดัง น่ากลัวชะมัดเลย ”


   เมื่อถึงห้อง ผู้เป็นหอกระจายข่าวของห้องก็ใส่เกียร์เดินหน้าทันทีที่มีโอกาส


   “ ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ค่อยเคยเห็น ว่าแต่ไม่มีใครเห็นพี่โอเลยเหรอ ฉันไม่เห็นพี่เขามาหลายวันแล้วนะ จะเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ”


   นอธตอบ ก่อนจะถามคำถามอีกชุด แต่มันเป็นคำถามที่ไม่มีใครสามารถตอบได้ เพราะไม่มีใครรู้เช่นกัน


   “ นี่แกถามฉัน แล้วฉันจะไปถามแมวที่ไหนล่ะ ก็อยู่ด้วยกันตลอดเนี่ยะ ตัวแทบจะติดกันอยู่แล้ว ถามโง่ๆ ”


   เซาธย้อนให้ และมันก็ทำให้คุณป้าขี้บ่น ควันออกหูได้ไม่ยาก ทำให้คนที่ไม่อยากจะยุ่ง ต้องเข้ามาห้าม ก่อนที่จะเกิดศึกสายเลือด


   “ นี่ๆ จะทะเลาะกันทำไม ใครไม่มาก็เรื่องของเขาสิ พรุ่งนี้มีเรียนตอน 8 โมงนะ แล้วนี่ก็ดึกแล้ว ฉันว่า พวกเราไปอาบน้ำแล้วมานอนดีกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย ไม่ทันเข้าเรียนแถมยังต้องเดินไปเรียนอีก ไปๆอาบน้ำก่อนเรื่องอื่นไว้ที่หลัง ”


   มารินสงบศึกระหว่างพี่น้อง ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วคว้าตะกร้าเครื่องอาบน้ำเดินออกจากห้องไป ก่อนที่ 3 แฝดจะตามไปอาบน้ำเช่นกัน


   เช้าวันแรก ภาคเรียนใหม่ สถานที่ใหม่ ทุกอย่างสำหรับเขานั้นเป็นสิ่งแปลกใหม่ทั้งหมด เขาไม่รู้ว่าการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยนั้น ต้องทำอย่างไรบ้าง ต่างจากการเรียนในระดับมัธยมแค่ไหน การแข่งขันกันระหว่างเพื่อนๆมีมากน้อยเท่าใด


   แม้ว่ามหาวิทยาลัยที่เด็กหนุ่มเลือกมาเรียนนี้ จะไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงติดอันดับท๊อปเท็นของประเทศ แต่เขาก็เลือกที่จะมาเรียนที่นี่ ถึงสิ่งที่เขาเห็นในตอนแรกนั้น มันช่างแตกต่างจากสิ่งที่คิดไว้แต่แรก ทุกอย่างมันช่างต่างจากมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงที่เขาเคยเห็น เคยสัมผัสมาบ้างเมื่อตอนไปเข้าค่ายวิชาการต่างๆ


   แต่เขาก็รู้สึกภูมิใจกับชุดนักศึกษาที่ตนเองสวมใส่อยู่ในขณะนี้ ละก็มั่นใจว่าความภูมิใจของตัวเองนั้น คงไม่น้อยไปกว่าคนที่เรียนในสถาบันชื่อดังอย่างแน่นอน หรือมันอาจจะมากกว่าด้วย เพราะเขารู้สึกว่า ผู้คนที่นี่ มีน้ำใจ แบ่งปัน ช่วยเหลือ เพราะตลอดช่วงสั้นๆที่ได้สัมผัสนั้น เขารับรู้มันได้ดี


   ความเป็นกันเองระหว่าง อาจารย์และลูกศิษย์ เพราะเท่าที่สัมผัสได้ตลอดช่วงเวลา กับกิจกรรมต่างๆ อาจารย์หลายคนสละเวลามาดูแลนักศึกษา และรุ่นพี่ก็พูดคุยเหย้าแหย่อาจารย์ได้ตามสมควร ซึ่งท่านก็ไม่ได้ถือตัวว่าเป็นอาจารย์แต่อย่างไร


   “ ริน.... ริน.... ริน ”


   “ หาาา!!! อะไรเหรอ เรียกซะดังเลย ”


   มารินสะดุ้งตัว เมื่อเสียงแปดหลอดของเพื่อนร่วมห้อง ตะโกนเข้ามาจนเต็มสองหู


   “ ก็ฉันเรียกเบาๆตั้งนานแล้ว แต่แกเหม่อไปถึงไหนก็ไม่รู้ หรือว่า...กำลังคิดถึง... ”


   “ พี่โอ!!! ”


   เซาธอธิบาย สาเหตุที่ตะโกน ก่อนจะเว้นช่วงเล็กน้อย แล้วทั้ง 3 แฝดก็ประสานเสียงกันขึ้นมา

   “ จะบ้าเหรอ แกเนี่ยะคิดได้ไงว่าฉันจะคิดถึงพ่อพระเอกสุดหล่อของพวกนาย ”


   “ อ้าว จะไปรู้เหรอ ก็เห็นนั่งเหม่อ ใจลอยไปถึงไหนๆ นึกว่าคิดถึงพี่เขาเสียอีก ”


   “ ฉันไม่ใช่แกนะ ฉันแค่กำลังคิดว่า วันนี้น่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เปิดเทอมใหม่ กับที่เรียนใหม่ ”


   เขาว่า ขณะที่เดินไปตามถนนเพื่อไปเรียนในวันแรก ซึ่งวิชาแรกนั้นเรียนที่อาคารเรียนรวม ระยะทางระหว่างหอพัก จนถึงอาคารเรียนนั้นประมาณ 1 กิโลเมตรเศษๆ


   “ อย่างนั้นเหรอ ไอ้เราก็นึกว่าจะคิดถึงพี่เขาบ้าง ไม่เห็นหน้ากันมาตั้งหลายวันแล้ว ”


   “ ไม่เห็นน่ะดีแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องขายขี้หน้าคนอื่นเขา เพราะพวกแกชอบทำหน้าเป็นปลื้มพี่แกเกินเหตุ ไม่รู้จะปลื้มอะไรกันนักหนา ก็คนเหมือนกัน ”


   มารินทำหน้าย่น อย่างไม่ค่อยชอบใจ เพราะโดยส่วนตัวแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่ชอบแสดงตนว่าชอบใคร ไม่เหมือนเพื่อนร่วมห้องที่เป็นปลื้มคนหน้าตาดี โดยเฉพาะพี่ชายขี้บ่นอย่างนอธ


   “ ก็แหม พี่เขาน่ารักดี แถมยังดูเป็นกันเองอีก อยากได้มาเป็นพี่ชายจัง ”


   นอธเถียงแทนน้องๆ และที่สำคัญน่าจะเป็นการเถียงแทนตัวเองเสียมากกว่า เพราะตัวเองนั่นแหละ ที่เป็นปลื้มมากกว่าคนอื่น


   “ เอาเถอะ จะยังไงก็ช่าง แต่ตอนนี้พวกเราต้องเรียนห้องไหน ”


   มารินขัดขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนร่วมห้องทำหน้าเคลิ้มฝัน และไม่รู้ว่าห้องเรียนอยู่ส่วนไหนของอาคารเรียนหลังจากเดินหาห้องเรียนมาได้สักพัก พวกเขาก็สามารถหาห้องเรียนจนเจอ แต่นั่นก็เกือบจะถึงเวลาเรียนแล้ว


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   ไม่น่าเชื่อว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันนี้เป็นอีกวันที่น้องปี 1 มีนัดกับพี่ปี 2 แต่ในวันนี้นั้น บรรยากาศมันช่างแตกต่างทุกๆครั้งที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก


   การซ้อมเชียร์ในวันแรก ตามที่รุ่นพี่บอกเอาไว้นั้น ยังไม่มีอะไรที่ไม่สามารถทำได้ เพราะเวลาส่วนใหญ่ เป็นการซักซ้อม การจัดแถว ส่วนการร้องเพลงเชียร์นั้น ต้องร้องให้สุดเสียงจนเรียกว่าตะโกนก็คงไม่ผิด


   ส่วนการนั่งนั้น ก็เป็นท่าที่แสนจะทรมานจิตใจอยู่หน่อยๆ แม้ว่าในตอนแรกๆนั้น มันจะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่เมื่อเวลานานเข้ากับการนั่งขัดสมาธิหลังตรงก็เหน็บกิน ตะคริวถามหาอยู่เหมือนกัน ไม่เพียงแค่นั้น การใช้รหัสมือ ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้หน้าขาเขียวไปตามๆกัน


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   ตลอดระยะเวลาการซ้อมเชียร์ก็เพิ่มความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จากแรกเริ่มที่มีการรีแล็กซ์จากฝ่ายนันทนาการบ้างเป็นระยะ หลังๆสตาฟเชียร์ก็สวมมาดโหดตลอด เรียกว่าเสร็จจากซ้อมเชียร์แทบจะไม่เหลือเสียงไว้คุยเลยทีเดียว


   ไม่เพียงแค่นั้น ในการซ้อมเชียร์ยังทำให้น้องปี 1 ได้รู้จักกับฝ่ายวินัยที่มาพร้อมกับกิจกรรมเรียกเหงื่อพอให้เคล็ดขัดยอก ปวดเมื่อยเนื้อตัว และทำให้รู้ว่าช่วงนี้นั้นเป็นช่วงของการรับน้อง


   นอกจากนี้ พี่วินัยยังสอนให้รู้ว่าปี 1 ต้องปฏิบัติตัวเช่นไรในช่วงรับน้องนี้ พี่วินัยทำให้รู้จักคำว่าระบบรุ่น


   ในช่วงเวลาของการรับน้อง เขารู้สึกได้ว่า มันเป็นช่วงเวลาที่กดดันไม่น้อย แต่ทุกกิจกรรมที่ทำนั้น มันก็แฝงข้อคิดหลายอย่าง การเดินไปเรียน การซ้อมเชียร์ การที่ทุกคนโดนดุ โดนว่ากล่าว โดนทำโทษพร้อมๆกัน มันก็ทำให้ทุกคนรู้จักกันมากขึ้น ทำให้เพื่อนดูแลเพื่อน ทำให้ทุกคนเห็นอกเห็นใจกัน


   การรายงานตัวนั้น ทำให้น้องรู้จักรุ่นพี่มากขึ้น หลายคนเจอพี่รหัสของตนเองจากการรายงานตัวนี้หนึ่งในนั้นก็เป็นเพื่อนห้อง 3 แฝดของเขาที่สามารถหาพี่รหัสของตนเองเจอแล้วทั้ง 3 ชั้นปี เพราะหากเจอพี่รหัสปี 2 ก็จะสามารถรู้ได้เลยว่าพี่รหัสที่เหลือเป็นใคร นอกจากคนที่ไม่มีพี่รหัสสายตรง ที่ต้องรอการเวียนรหัส เพื่อให้พี่และน้องที่ไม่มีรหัสสายตรง ได้มีน้อง และพี่


   แต่สำหรับมารินแล้ว เหมือนกับว่าความโชคดีนั้นไม่ค่อยเข้าข้างเท่าไหร่นัก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น เขายังหาพี่รหัสไม่เจอสักคน ซึ่งในตอนนี้ เขาเริ่มทำใจแล้วว่า ตนเองคงไม่มีพี่รหัสสายตรงแน่ๆ แต่ด้วยความหวังอันน้อยนิด เด็กหนุ่มก็ยังแอบหวังลึกๆว่า ตนเองจะมีพี่รหัสสายตรงกับเขาสักคน


   เพราะเห็นเพื่อนร่วมห้องที่มีพี่รหัสคอยดูแล แนะนำเรื่องต่างๆแล้ว เขาก็อยากจะมีพี่รหัสกับเขาบ้าง และด้วยความที่เป็นเด็กบ้านไกลยิ่งทำให้เจ้าตัวต้องการใครสักคนมาดูแลเพิ่มขึ้น


   “ เฮ้อ!!! ดีใจจัง จะว่าไปแล้ว พวกเราก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ยะ ว่าแล้วไม่อยากจะคุย ”

   “ เก่งอะไรของแกวะไอ้เซาธ ”


   “ อ้าว!!! ก็เก่งตรงที่ว่า พวกเราน่ะ กำลังจะผ่านด่านแรกของรุ่นพี่แล้วไง หรือแกว่าไงอีสท ”


   เสียงอันน้อยนิดของ 2 แฝด ที่ในเวลาปกติจะดังแสบแก้วหู แต่หลังจากทุ่มเทให้กับการซ้อมเชียร์ตลอดระยะเวลา 1 เดือนก็แทบจะไม่มีเหลือดังขึ้น ขณะที่ทั้ง 4 หนุ่มวัยใสกำลังเดินไปยังโดมกิจกรรม ก่อนเวลานัดหมายซึ่งวันนี้ เป็นวันสุดท้ายของการซ้อมเชียร์แล้ว


   “ แหมไม่ค่อยยกหางตัวเองเลยนะ แต่ฉันว่าวันนี้มันมีอะไรแปลกๆนะ ”


   “ อะไรเหรอที่ว่าแปลกอ่ะ ริน ”


   “ ไม่รู้ดิ แต่รู้สึกว่าพี่ๆน่ะดูแปลกๆไป เงียบไป พี่วินัยก็ไม่ค่อยโผล่มาเยี่ยมเยียนเหมือนเคย... ”


   เขาว่า แต่ยังไม่ทันจะจบประโยคดี ก็มีเสียงของพี่ชายขี้บ่นของฝาแฝดดังขึ้นมาเสียก่อน


   “ ฉันว่านะ พี่แกไม่มาน่ะดีแล้ว พี่แกมาทีไร ได้เคล็ดขัดยอกทุกทีหรือว่าแกชอบความรุนแรง ”


   “ นั่นดิ เห็นด้วยอย่างยิ่ง ”


   เซาธและอีสทเห็นด้วยกับคำกล่าวของนอธเป็นอย่างดี


   “ มันก็ใช่นะ แต่ฉันรู้สึกว่า... ”


   “ ว่าอะไร ”


   “ ก็ว่า มันเงียบไปน่ะสิ ”


   เมื่อเขานิ่งคิดไป ฝาแฝดจอมจุ้นก็เร่งเร้าให้เขาตอบให้ได้


   “ เงียบไป แล้วไงเหรอ มันไม่ดีเหรอ ”

   “ ไอ้ดีน่ะก็ดีอยู่หรอก แต่แกเคยได้ยินมั้ยว่า ทะเลมักจะสงบก่อนพายุจะมาน่ะ ”


   “ อืม ก็เคยอยู่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกันล่ะ ”


   เขาว่า ก่อนที่เซาธจะถามกลับด้วยหน้าตาใสซื่อ แบบคนไม่รู้จริงๆ แต่ยังดีที่มีใครบางคนพอจะเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะบอก


   “ แกกำลังจะบอกว่า วันนี้เราอาจจะเจอพายุลูกใหญ่แบบไม่ทันตั้งตัวเหรอ ”


   “ อืม... จะว่าอย่างนั้นก็ได้อีสท เพราะฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ”


   มารินตอบไปตามความรู้สึกจริงๆ ซึ่งคำตอบของเขานั้น เรียกสีหน้าหวั่นใจจากเพื่อนร่วมห้องได้เป็นอย่างดี เพราะลางสังหรณ์ของเขามักเชื่อได้เสมอ


   “ หวา... ถ้าอย่างนั้น ความซวยก็มาเยือนแล้วอ่ะดิ ”


   เซาธเอ่ยขึ้นหลังจากที่เข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง เป็นอย่างดีแล้ว


   “ งั้นมั้ง ไม่รู้สิ ยังไงก็รอดูต่อไปแล้วกัน ”


   มารินเอ่ยขึ้นเรียบๆ เหมือนคนที่ปลงกับชีวิต เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น มันก็มีอะไรเข้ามาเหมือนจะลองใจทุกคนอยู่แล้ว


   การปลูกฝังในเรื่องระบบรุ่น ทุกการกระทำที่รุ่นพี่สอดแทรกเข้ามา หลายเรื่องที่คล้ายจะทดสอบความรักระหว่างเพื่อน แม้ว่าสิ่งที่รุ่นพี่ทำนั้นอาจจะดูเหมือนกับการกระทำที่ไม่นุ่มนวลนัก แต่มันก็ทำให้ทุกคนซึมทราบ สมัครสมานกันเป็นอย่างดี

   “ นี่ริน ฉันว่านะถ้าไม่จำเป็นแกอย่ารู้สึกเลยไม่ได้เหรอ แบบว่าแกรู้สึกทีไร เป็นได้เรื่องทุกที ”


   “ นั่นดิ ”

   เซาธและอีสท พูดขึ้นอีกครั้ง แบบทีเล่น ทีจริง และจะติดตลกอยู่เล็กน้อย


   “ แหมๆๆ พ่อคู๊ณ... คุณเซาธ คุณอีสท คุณทั้งคู่ไม่เคยได้ยินเลยหรือไงว่า... ความรู้สึกมันห้ามไม่ได้ น่ะ ”


   “ ไม่เคย เคยได้ยินแต่ ความคิดถึง มันห้ามไม่ไหว ”


   นอธว่า ส่วนคนถูกว่าก็รวมหัวกันลอยหน้า ลอยตาตอบกลับ อย่างยียวนกวนอารมณ์ จนคนฟังอดใจไว้ไม่ไหวต้องตอบกลับด้วยฝ่าพิฆาตมาร


   “ ไอ้เซาธ ไอ้อีสท อย่าหลบดิ ”


   “ เรื่องไร ไม่หลบก็โดนอ่ะดิ ”


   3 พี่น้อง ไล่ตีกันเป็นเด็ก โดยมีคนกลางอย่างมาริน ที่ ณ ตอนนี้ต้องกลายเป็นกำแพงป้องกันภัยจำเป็นให้น้องชายตัวแสบของนอธ


   “ เอ้าๆ เลิกเล่นกันได้แล้ว ตีกันเป็นเด็กไปได้ ไม่อายเพื่อนเขาบ้างเหรอ เขามองกันใหญ่แล้ว ”


   เขาว่า พลางหันไปยิ้มแห้งแล้งให้กับเพื่อนคนอื่น ที่กำลังมองมาที่กลุ่มของตนเองด้วยความอยากรู้ว่า พวกนี้เล่นอะไรกันอยู่ นั่นแหละ ทั้ง 3 แฝดจึงเลิกไล่ตีกันได้


   “ ฉันว่านะ เดี๋ยวก็รู้แล้ว บางทีมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้ก็ได้ ฉันอาจจะคิดมากไปเอง ”


   มารินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เมื่อเพื่อนร่วมห้องของตนเองหยุดฟัง และยืนหอบ อยู่ข้างๆ





@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@






มาต่อบทที่ 7 ขอรับ แล้วว่าหลายตอนที่ผ่านจะค่อนข้างเงียบ  :sad4:

แต่ข้าเจ้าก็ไม่หวั่น เราจะลงต่อไป o22

ขอบคุณทุกการเข้าชมขอรับ :pig4:






ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 8
«ตอบ #11 เมื่อ25-11-2012 18:08:32 »





ตอนที่ 8








   จวนจะถึงเวลานัด แต่ปี 1 ทุกคนก็มาพร้อมกันก่อนที่จะถึงเวลาเสียอีก เพราะจากการปลูกฝังของรุ่นพี่ ทำให้น้องปี 1ทุกคน มาก่อนเวลานัดและจัดแถวรอก่อนเสมอ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีรุ่นพี่ที่มาก่อน เพราะอย่างไรแล้ว ก็ยังมีรุ่นพี่ที่บางส่วน มานั่งรออยู่แล้วเช่นกัน


   “ น้องๆครับ วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้ว กับกิจกรรมซ้อมเชียร์ของเราพี่ก็ขอให้น้องๆทำให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด ดีกว่าทุกๆวันที่ผ่านมา น้องจะทำได้มั้ยครับ ”


   “ ได้ค่ะ/ครับ ”


   พี่สตาฟคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าน้องปี 1 มากันครบแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาที่นัดเอาไว้


   “ รับปากพี่กันแล้วนะ เพราะฉะนั้นวันนี้พี่ขอแบบสุดๆ ใครมีอะไร เท่าไหร่ เอาออกมาให้หมดนะ ถือว่าเป็นการส่งท้ายแล้วกัน ”


   จากคำขอของรุ่นพี่ทุกคนก็พยายามทำกันอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่วายที่จะร้องผิด ร้องไม่ได้อยู่บ้าง อาจจะเป็นด้วยความตื่นเต้น แต่ทุกคนก็ทำอย่างเต็มที่


   ซึ่งในช่วงแรก ก่อนพักดื่มน้ำครั้งแรก ทุกคนก็ยังสดใส ไม่กดดันเท่าใดนัก เพราะยังมีการรีแล็กซ์อยู่เป็นระยะ แต่หลังจากดื่มน้ำ พักเสียงไปแล้ว ลางร้ายก็เริ่มมาเยือน เมื่อพี่สตาฟปี 2 มีข่าวดีมาแจ้งกับทุกคน


   “ น้องๆครับ เดี๋ยวต่อจากนี้ พี่สตาฟปี 3 จะขอทดสอบความสามารถของน้องๆ ขอให้น้องทำให้เต็มที่นะครับ ”


   สิ้นเสียงของพี่สตาฟ ก็เหมือนกับสวรรค์กลั่นแกล้ง เพราะน้องปี 1 เคยเจอกับรุ่นพี่ปี 3 มาบ้างแล้ว ในช่วงกลางๆของกิจกรรมนี้ จากการขอแจมเล็กน้อยเท่านั้น


   แม้ว่าครั้งนั้น จะจบลงด้วยเสียงหัวเราะ แต่ก่อนหน้านั้น ก็แลกมาด้วยคราบน้ำตา หยาดเหงื่อของใครหลายคน แต่ในครั้งนี้ขอทดสอบ หากไม่คางเหลือง ก็ได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มกันบ้างล่ะ


   มารินคิดในใจ ก่อนจะหันมองหน้าเพื่อนร่วมห้อง ที่เหมือนจะนัดกันไว้ว่าจะต้องหันมายิ้มแบบฝืดให้กัน ด้วยสีหน้าที่พอจะตีความหมายได้ว่า ‘ เอาแล้วไง ’ ก็จะเรื่องอะไรเสียอีก ก็ลางสังหรณ์ของเขามันเริ่มสำแดงผลแล้วอย่างนี้จะไม่ขำให้กับตัวเองได้อย่างไร


   มันคงเป็นจริงอย่างที่เซาธว่า ว่าเขาไม่รู้สึกสังหรณ์เลยจะดีเสียกว่า เพราะสังหรณ์ทีไร ได้เหนื่อยทุกที


   “ เอ้าๆ ไม่ต้องหน้าเหมือนโลกจะแตกขนาดนั้นก็ได้ พี่ไม่ใช่ดาวหาง ที่จะชนโลก เพราะฉะนั้นวันนี้ยังไม่ใช่วันโลกแตกหรอกน่า ”


   แม้จะเป็นคำพูดติดตลก แต่ก็ไม่ทำให้น้องปี 1 ขำได้แต่อย่างไร เพราะแต่ละคนยังจำประสบการณ์ในแต่ละครั้งได้เป็นอย่างดี


   “ พวกเธอจะกังวลทำไม หากพวกเธอทำได้ดี ก็ไม่มีใครว่าอะไรได้หรอก แต่ถ้าไม่ได้ นี่ก็ไม่แน่เหมือนกัน ”


   พี่สตาฟปี 3 ว่า จากคำกล่าวเมื่อครู่ น้องๆคงจะยิ้มออกมาแล้ว หากไม่มีคำว่าแต่ ตามหลังมาอีกคำ


   “ เอาล่ะ พักกันมาพอสมควรแล้วพี่ขอเข้าเรื่องแล้วกันนะ ”


   พี่คนเดิมพูดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ปล่อยให้น้องๆนั่งทำใจสักครู่ และจากคำกล่าวเหมือนจะเป็นสัญญาณที่บอกว่า ให้ทุกคนนั่งตามระเบียบเชียร์ นั่นคือนั่งขัดสมาธิหลังตรง มือวางไว้ที่หน้าขา และจัดแถวให้เรียบร้อย


   “ ดีนิ รู้งานกันดี สตาฟปี 2 สอนมาใช้ได้ ”


   พี่สตาฟปี 3 อีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าน้องปี 1 จัดแถวเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ต้องรอให้สั่งจัดแถว


   “ พี่ขอไม่มาก ถ้าเพลงไหนร้องได้ ร้องดี เสียงดัง รอบเดียว พี่ให้ผ่าน แต่ถ้าไม่ดี พี่ไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ”


   เหมือนกับว่าคำพูดเมื่อครู่ จะเป็นการให้กำลังใจ แต่มันก็คล้ายกับว่า เป็นการขู่แบบกลายๆ เพราะหากว่าทำไม่ได้อย่างที่พี่ต้องการ ก็คงต้องเหนื่อยอีกหลายยกเป็นแน่ แต่ใครจะบอกได้ว่า แค่ไหนที่รุ่นพี่ต้องการ


   “ อ้อ!!! พี่ลืมบอกไปอีกหน่อยว่า เพื่อเป็นการยุติธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย คนที่จะมาตัดสินว่า น้องทำได้ดีหรือยังนั้น ไม่ใช่พวกพี่ แล้วก็ไม่ใช่สตาฟปี 2 แต่เป็นพี่ปี 4 ที่ฟังอยู่ ”


   มันคงเป็นการดีอย่างที่พี่ปี 3 บอก แต่ในความคิดของน้องปี 1 แล้ว มันยิ่งกว่าเดิมเสียอีกจากคำพูดเมื่อครู่ ทำให้น้องปี 1 อดที่จะหันไปมองบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงอย่างช่วยไม่ได้


   และการหันไปมองในครั้งนี้ ทำให้มารินเห็นคนที่ไม่ได้เจอมานานกว่าเดือน เขายืนอยู่ในหมู่ของปี 4 ด้วยกัน แต่ด้วยบุคลิกที่โดดเด่น จึงทำให้สังเกตได้ไม่ยาก


   น่าแปลกที่ปากก็บอกว่าไม่ชอบเขา แต่วูบแรกที่เห็นเขายืนอยู่มารินก็รู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างประหลาด ซึ่งตนเองก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าทำไมต้องดีใจ หากจะบอกเรื่องนี้ให้เพื่อนร่วมห้องรู้มีหวังโดนล้อไม่เลิกแน่ๆ ตอนนี้จึงทำได้เพียงนั่งสงบสติให้มากที่สุด


   เพราะหากสมาธิแตกตอนนี้มีหวังได้ตายยกชั้นปีเป็นแน่ เพราะทุกครั้งไม่ว่าใครจะทำผิดก็ตาม ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งเป็นตามกฎที่ทุกคนรับปากไว้แต่แรกแล้ว และมารินก็ไม่อยากเป็นตัวเฮง ที่นำความซวยมาเสิร์ฟให้กับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ทำดีแล้ว


   “ แต่น้องๆไม่ต้องกลัว พี่ปี 4 เขาไม่ใช่มือระเบิดพลีชีพ ที่เห็นแล้วต้องวิ่งหนี หรือว่าตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ถ้าน้องทำดี พยายามเต็มที่แล้วพี่เขาคงไม่ว่าอะไรหรอก... มั้ง ”


   คำพูดเมื่อครู่ คงจะดีกว่านี้ หากไม่มีคำว่า ‘ มั้ง ’ เข้ามาร่วมแจมด้วยอีกคำ


   “ ไม่ต้องทำหน้าดีใจขนาดนั้นหรอก พี่ก็แค่อยากจะฟัง ว่าน้องๆร้องเพลงกันได้เพราะแค่ไหน... ใช่มั้ยท่านประธาน ”


   พี่ปี 4 คน 1 เอ่ยขึ้น พร้อมกับหันไปทางที่เจ้าของชื่อยืนอยู่ และจากชื่อเมื่อครู่ ทำให้หลายคนมองหาตัวเจ้าของชื่อมากขึ้น เมื่อเห็นว่าคนที่ถูกเรียกยืนอยู่ในกลุ่มของพวกพี่ๆปี 4 หลายคนก็ยิ้มออกมา เพราะเดือนกว่ามาแล้วที่ไม่ได้พบเจอพี่ปี 4 คนนี้ และแม้ว่าจะได้รู้จักในระยะเวลาสั้น แต่พี่ประธานนักศึกษาคนนี้ ก็ทำให้น้องๆปี 1 ชื่นชมในความเป็นกันเอง และความร่าเริงอยู่ไม่น้อย น้องๆหลายคนอยากจะฝากความหวังไว้ที่พี่คนนี้ เพราะด้วยตำแหน่งแล้วคงจะช่วยน้องๆได้ไม่น้อย


   หากในวันนี้ ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอ หาได้มีรอยยิ้มเช่นเดิม มีเพียงความเฉยชา ใบหน้าคมสันยืนนิ่งๆ ไม่ได้ปั้นหน้าบูด แต่ก็ไม่ได้ยิ้ม แต่กระนั้นแล้วก็ยังน่ามอง มีเสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่ง


   “ พี่ไม่รู้หรอกว่า ที่ผ่านมาน้องทำได้ดีแค่ไหน แต่ถ้าวันนี้ น้องๆทำไม่ได้ตามมาตรฐานที่เราวางเอาไว้ สิ่งที่น้องทำมาทั้งหมดถือเป็นโมฆะ เรื่องงานวันรับน้องที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากเสร็จกิจกรรมนี้ก็คงต้องยกเลิก พี่ไม่รู้หรอกนะว่า.... อะไรคือสิ่งที่น้องๆต้องการ พี่ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่กำลังทำให้น้องๆอยู่ในตอนนี้ น้องจะต้องการมันหรือเปล่า พี่ไม่รู้ว่าน้องต้องการอะไร ต้องการเป็นแค่คนที่บังเอิญรู้จักกัน เพราะเรียนอยู่ที่เดียวกัน หรือว่าต้องการเป็นน้องของพวกพี่กันแน่ ”


   คำกล่าวเรียบๆ ไม่มีแววโกรธเคือง เหมือนกับฝ่ายวินัยใช้ แต่การพูดเช่นนี้ กลับให้ความรู้สึกที่เสียดแทงจิตใจคนฟังมากกว่า ทั้งโดมเงียบกริบ แม้ว่าจะมีผู้คนมากมายยืนอยู่เต็มจนแทบจะล้นออกมา มีเพียงเสียงลมพัดผ่านเท่านั้น น้ำเสียง กิริยา อาการ ของประธานนักศึกษาชั้นปี 4 คล้ายจะสะกดให้ทุกคนต้องนิ่งฟัง


   คำพูดในครั้งนี้ของประธานนักศึกษา คล้ายจะเป็นการตัดความหวังที่น้องๆฝากเอาไว้อย่างสิ้นเชิง แต่คนที่เหมือนจะได้รับผลจากการกระทำในครั้งนี้ กลับกลายเป็นคนที่บอกว่าไม่ใส่ใจคนพูด


   มารินรู้สึกใจหายแปลกๆ อย่างไม่เคยเป็น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมตัวเองต้องรู้สึกน้อยใจกลับคำพูดเมื่อครู่เสียมากมาย ทั้งที่บอกว่าไม่ชอบขี้หน้าคนพูด แต่ทำไมมาครั้งนี้ต้องน้อยใจกับคำพูดของคนที่บอกว่าไม่ชอบด้วยก็ไม่รู้ คำพูดที่เหมือนจะตัดเยื่อไยของเขา มันสะเทือนใจเด็กหนุ่มอย่างบอกไม่ถูก


   “ พี่ไม่รู้ว่าน้องๆต้องการให้พวกพี่เรียกน้องว่าอะไร เรียกน้องว่า ‘ น้อง ’  หรือว่า ‘ คุณ ’ จะตอบพี่ได้มั้ย ”


   “ น้องครับ/ค่ะ ”


   อีกครั้งที่ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน เพราะหากอยู่ในที่แห่งนี้ อยู่ด้วยกัน แต่เห็นกันและกันเป็นคนอื่น ก็คงอยู่ด้วยกันด้วยความลำบากใจไม่น้อย


   “ ถ้าเช่นนั้น พี่อยากจะขอให้น้องๆทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มความสามารถ จะได้มั้ย ”


   “ ได้ค่ะ/ครับ ”


   อีกหนึ่งคำถามจากประธานนักศึกษา น้ำเสียงราบเรียบนั้น กลับบาดใจน้องๆได้เป็นอย่างดี แต่ทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกัน


   “ รับปากพี่กันแล้วนะ พี่หวังว่า น้องๆคงไม่ทำให้พวกพี่ผิดหวังหรอกนะ”


   ชายหนุ่มกล่าวทิ้งท้าย แล้วจึงเดินกลับไปยังกลุ่มที่เดินออกมาเมื่อครู่ เพื่อปล่อยให้ด้านหน้าเป็นหน้าที่ของสตาฟเชียร์ต่อไป


   “ พี่หวังว่า รอบเดียวผ่านนะ เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว คงไม่มีใครที่จำเนื้อเพลงไม่ได้นะ ”


   แล้วการซ้อมเชียร์รอบสุดท้าย ตามคำสั่งของรุ่นพี่ก็เริ่มต้นขึ้น แต่ในครั้งนี้นั้นมันเต็มไปด้วยความกดดัน กดดันมากมากทุกๆครั้ง เพราะจากคำพูดเมื่อครู่ของท่านประธานนักศึกษานั้น เป็นการข่มขวัญ และตัดสมาธิของรุ่นน้องได้เป็นอย่างดี


   แต่ทุกคนก็พยายามกันอย่างเต็มที่ แต่ความรู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบ จากการที่มีคนยืนเพ่งเล็งก็มีผลกระทบต่อจิตใจไม่น้อย


   รวมถึงการกดดันจากเสียงของพี่วินัยด้านหลัง ที่คอยจับผิด สั่งให้หยุดกลางคัน รวมถึงโห่เล็กๆ เวลาร้องผิดนั้น ก็ทำให้สมาธิของน้องๆหลุดไปมากกว่าเดิม


   จากที่สามารถร้องได้ แต่เมื่อโดนสั่งหยุดกลางคันบ่อยๆเข้าแทนที่จะดีขึ้น ก็ยิ่งเละเทะกว่าเดิมสุดท้าย น้ำเสียงแบบทนไม่ได้ ของใครบางคนก็ตะโกนขึ้นมากะทันหัน แบบไม่ทันตั้งตัว


   “ พวกเธอทำอะไรกัน ให้ร้องเพลงแค่นี้ ยังทำไม่ได้ แล้วพวกเธอจะไปทำอะไรกิน ”


   น้ำเสียงเกี้ยวกราดของพี่ผู้หญิงปี 4 คนหนึ่ง ที่เด็กหนุ่มเคยรายงานตัวไปแล้ว แต่ก็จำไม่ค่อยได้  ซึ่งเมื่อพี่คนดังกล่าวเอ่ยขึ้น ทุกคนก็ก้มหน้าอย่างไม่ต้องให้ใครสั่งเพราะพี่ปี 2 เคยบอกเอาไว้แล้วว่า ห้ามมองหน้าพวกพี่วินัย


   น้องๆที่จะจำพี่วินัยได้เวลาเจอกันที่อื่น ก็คงเป็นเพราะจำรองเท้าที่พี่คนนั้นๆใส่ เพราะตลอดช่วงรับน้องนั้น เป็นกฎรุ่นที่ตกลงกันไว้ ว่าห้ามมองหน้าพี่


   “ ไม่ต้องร้องแล้ว แค่นี้ก็ทำไม่ได้ ร้องก็ผิด งานอะไรต่อจากนี้ก็ไม่ต้องมีกัน เวลาร้องเพลง ไม่มีเสียงจะร้องกัน แต่เวลานินทารุ่นพี่ เสียงดีกันนัก ทำไมไม่ร้องให้เสียงดังเหมือนเวลาที่นั่งนินทารุ่นพี่ล่ะ หรือว่ามันไม่สนุกเหมือนกัน หรือจะเก็บเสียงไว้นินทาพวกฉัน ”


   พี่คนเดิมว่า ซึ่งมารินเองก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เพราะเมื่อครู่ ก่อนที่จะถูกสั่งให้หยุดนั้น เจ้าตัวสมาธิหลุด เพราะหันไปมองหน้าชายหนุ่ม ผลก็คือตนเองปรบมือผิดจังหวะ


   ในใจมารินก็อยากจะโทษเขา เพราะเวลาที่เขาไม่มายืนดูอยู่เช่นนี้ตนเองจะมีสมาธิเสมอ แม้ว่าจะโดนว่ายังไง แต่เมื่อเขามายืนดูอยู่ใจเจ้ากรรมมันสั่นแปลกๆ รู้สึกประหม่าอย่างไม่เคยเป็น ทั้งที่ก่อนนี้มารินทำตามที่รุ่นพี่ได้ แต่เมื่อเขามากลับทำอะไรไม่ถูก ทำผิดตลอด


   แต่มารินก็ไม่อยากโทษใคร เพราะนั่นมันเป็นเหมือนที่คนทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด แต่กลับโยนไปให้คนอื่น ว่าเป็นเพราะคนอื่นถึงทำให้ตัวเองผิดพลาดไป


   “ ถ้าไม่อยากอยู่ ไม่อยากทำ ก็กลับบ้านไปนอนไป อย่ามาเสแสร้งแกล้งทำ พวกฉันไม่ชอบ ”


   “ พอเถอะ!!! ถ้าพวก.... ”


   เขาเข้ามาขัดจังหวะของพี่ผู้หญิง ที่ตอนนี้ยืนโกรธหัวฟัด หัวเหวี่ยงอยู่ ก่อนจะนิ่งไปเหมือนคนกำลังคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรต่อ หรือยังหาคำพูดที่เหมาะสมไม่ได้


   “ ผมเคยบอกพวกคุณไว้แต่แรกแล้วใช่มั้ยว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของพวกคุณทุกคน ซึ่งก่อนหน้านี้ พวกคุณทุกคนก็รับปากผมแล้วว่าจะทำให้ดีที่สุด ทำอย่างสุดความสามารถ แต่เท่าที่ผมและเพื่อนของผมเห็นอยู่นั้น มันไม่ใช่ มันไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณรับปากกับผมไว้เลยแม้แต่น้อย พวกผมเสียใจกับสิ่งที่พวกคุณทำในวันนี้ หากพวกคุณคิดว่าทำไม่ได้ พวกคุณจะรับปากทำไม ”


   คำสรรพนามที่เขาใช้ในครั้งนี้ มันช่างบาดใจน้องปี 1 ยิ่งนัก จากรุ่นพี่ที่สุภาพ ร่าเริง เป็นกันเองเปลี่ยนมาใช้คำพูดเฉยชา เหินห่าง ท่าทีเย็นชา ยิ่งเห็น ยิ่งบาดใจ หากเป็นพี่คนอื่นพูด คงไม่ทำให้น้องรู้สึกผิดขนาดนี้ หรือหากเขาจะว่ากล่าวยังจะดีเสียกว่าการใช้ท่าทีเช่นนี้ มาถึงตอนนี้เพื่อนผู้หญิงหลายคนเริ่มจะร้องไห้ออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเมื่อเขาพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังกับทุกคน หลายคนก็เริ่มเก็บอารมณ์ไม่ได้


   “ พวกเธอร้องไห้เหรอ จะร้องกันทำไม ยังไม่มีใครว่าอะไรซักคำ ไม่สิ ต้องพูดว่า คงจะไม่มีใครว่าเธออีกแล้ว ”


   พี่ผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าหลายคนเริ่มร้องไห้ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้น้องปี 1 ร้องไห้หนักเข้าไปอีก


   “ คุณจะร้องกันทำไม ร้องให้ใครๆเห็นว่าพวกผมกำลังแกล้งพวกคุณเหรอ ก็ดีพวกผมจะได้กลับ ผมไม่ได้มีเวลามากมายอย่างคุณหรอกนะ หรือพวกคุณคิดว่า กิจกรรมของพวกคุณมันมากเกินไป ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี ปี 2 - 3 ดูไว้ น้องเค้าไม่อยากทำกิจกรรมแล้ว ไอ้ที่พวกคุณเหนื่อยเตรียมงานมาน่ะ ไม่ต้องแล้ว ยกเลิกไปเลย ไม่ต้องจัดกันแล้ว แล้วก็ขอให้รู้เอาไว้ว่า พวกผมปี 4 ไม่มีน้องใหม่ในปีนี้ เพราะน้องที่นี่ไม่ใช่แบบนี้ ”


   ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า รุ่นพี่ที่แสนดีเมื่อตอนต้น แต่ในวันนี้กลับไม่เหลือภาพลักษณ์เดิมแม้แต่น้อย ภาพของรุ่นพี่ที่น่ารัก ใจดีในวันนั้น ภาพที่น้องๆสร้างขึ้นมาเมื่อตอนพบกัน ในวันนี้โดนเจ้าตัวทำลายมัน จนไม่เหลือชิ้นดี


   เมื่อพูดจบ คนพูดและกลุ่มของปี 4 ทั้งหมดก็กำลังจะเดินออกจากโดม แต่มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นมาเสียก่อน


   “ เดี๋ยวก่อนครับพี่ ”


   เสียงของใครบางคนดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบ และเสียงสะอื้นเด็กปี 1 เสียงนั้นทำให้ผู้เป็นประธานหยุด และหันกลับมามอง ว่าใครเป็นต้นเสียงในครั้งนี้ รุ่นพี่ปี 2 คนหนึ่งที่น้องปีหนึ่งรู้จักดี ก้าวออกมากลางกลุ่มของเพื่อน และเมื่อปี 4 หยุดฟังเขาจึงพูดต่อ


   “ พวกผมขอโอกาสให้น้องเขาแก้ตัวอีกครั้งครับ ”


   เป็นชอนั่นเองที่เอ่ยขอกลับพี่ปี 4 น้องปี 1 ยินดีเป็นอย่างมากที่มีพี่ช่วยพูดให้อีกครั้ง และในครั้งนี้พวกเขาจะทำให้ให้ดีกว่าเดิม


   “ พี่ว่าพี่ๆเขาให้โอกาสเด็กกลุ่มนี้มาหลายรอบแล้วนะ แต่พี่ก็ไม่เห็นว่าอะไรมันจะดีขึ้นเลย ”


   โอเชี่ยนตอบ และสิ่งที่ออกมาจากปากประธานปี 4 นั้นก็ดับความหวังของเด็กปี 1 ได้เป็นอย่างดี จากที่คิดว่าน่าจะมีโอกาส แต่ต้อนนี้กลับไม่เหลือเลย


   “ แต่พี่ครับ น้องเขาทำกันเต็มที่แล้ว หากว่ามีอะไรที่น้องเขาทำพลาดไปผมก็ขอรับผิดชอบแทนครับ เพราะผมเป็นคนที่สอน ถ้าน้องเขาทำไม่ได้ นั่นก็แสดงว่าผมและเพื่อนๆยังทำหน้าที่ได้ไม่ดี ”






ต่อด้านล่าง










ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 8
«ตอบ #12 เมื่อ25-11-2012 18:11:16 »





ตอนที่ 8 (ต่อ)



   เสียงของคนๆนั้นไม่ได้ดังเกินไป แต่มันกลับดังอยู่ในใจของน้องปี 1 เมื่อมีพี่ออกรับแทน ทั้งๆที่พี่นั้นสอนให้อย่างเต็มที่แล้ว และคนที่ทำพลาดก็คือเด็กปี 1 เอง


   “ รับผิดชอบแทนเหรอ พวกเธอยังจะรับเด็กกลุ่มนี้เป็นน้องอีกเหรอ ”


   “ ครับ/ค่ะ ”


   สาวปี 4 คนหนึ่งพูดขึ้น และปี 2 ก็ตอบกลับไปโดยทันใด


   “ แต่พวกเราไม่รับ ”


   น้ำเสียงนั้นเสียดแทงความรู้สึกของเด็กปี 1 ทุกคนเป็นอย่างดี


   “ น้องปี 2 ครับ น้องจะไปรับผิดชอบแทนทำไมครับ ”


   “ เพราะน้องเขาคือน้องครับ ”


   พี่ปี 2 ตอบทันที่ที่พี่ปีคนหนึ่งว่าจบ แต่ก็มีเสียงอีกเสียงตามมา


   “ แต่พวกพี่ไม่รับ แล้วนั่นพวกปีสองจะทำอะไร ”


   คำพูดที่ได้ยินแต่ก็ไม่มีเด็กปี 1 คนใดกล้าเงยหน้าขึ้นมอง แต่สิ่งที่รับรู้ได้ก็คือ ปี 4 เริ่มโกรธปี 2 เมื่อปี 2ยืนยันจะรับผิดชอบแทนเด็กใหม่ให้ได้


   เสียงขยับร่างกาย และเสียงนับเลขดังขึ้นรอบตัว นั่นแสดงว่าปี 2 รับผิดชอบแทนน้องปี 1 แต่ก็ไม่มีใครกล้าเงยหน้ามองอยู่ดี เสียงร้องไห้ของเพื่อนผู้หญิงยิ่งดังขึ้นกว่าเดิม


   “ ปี 2 ฉันยังให้หยุด พวกเธอทำอะไรกัน ไม่มีใครสั่งใครเธอทำนะ ”



   แม้ว่าจะมีเสียงบอกให้หยุด แต่ปี 2 ก็ยังรับผิดชอบแทนน้องปีหนึ่งต่อ ไม่ยอมหยุดตามที่ปี 4 สั่งแต่อย่างใด


   “ พวกเธออยากถูกตัดออกจากรุ่นเหมือนเด็กพวกนั้นใช่ไหม ฉันบอกให้หยุด ”


    “ ปี 2 ถ้าไม่หยุดผมตัดคุณออกจากรุ่น ”


   น้ำเสียงเรียบๆของบุคคลที่ทุกคนจำได้ดีเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนาน ปล่อยให้เพื่อนคนอื่นทำหน้าที่แทน แต่จะดีกว่าถ้าไม่มีเสียงนั้นเลย


   แม้จะมีคำสั่งจากประธานปี 4 ออกมาแล้ว แต่ปี 2 ก็ยังไม่หยุดตามที่สั่ง นั่นก็แสดงว่า ปี 2 ยอมถูกตัดออกจากรุ่นเพื่อน้องปี 1


   “ พี่ครับ ปี 3 ขอรับผิดชอบแทนน้องปี 2 ครับ ”

   เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น ซึ่งเขาคนนั้นก็น่าจะอยู่ปี 3 เพราะเจ้าตัวพูดว่าจะรับผิดชอบแทนปี 2 และเมื่อสิ้นเสียงของปี 3 คนดังกล่าว เสียงนับเลขของกลุ่มปี 3 จึงดังขึ้นแทรกมากับของปี 2เดิม


   “ ดี รักกันดี พวกคุณอยากเป็นพี่ แต่ไม่อยากเป็นน้องของปี 4 พวกปี 1 ดูกันเอาไว้ ปี 2 ปี 3เขารักพวกคุณจนยอมที่จะถูกตัดออกจากรุ่น แทนพวกคุณที่นั่งเฉยไม่ยอมทำอะไรเลย นี่น่ะหรือคนที่บอกว่าอยากจะเป็นน้องของพวกผม ”


   ประธานนักศึกษาว่าขึ้นเมื่อทั้งปี 2 และ ปี 3 ออกรับแทนกันหมด เมื่อสิ้นเสียงของประธานปี 4 ไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่ลุกขึ้นคนแรก และเมื่อคนแรก คนต่อๆไปก็ลุกขึ้นตาม เสียงนับเลขที่ปนไปกลับเสียงสะอื้นของเด็กสาวปี 1 หลายคนก็ดังขึ้นตาม


   เวลาผ่านไปสักพัก ไฟทั้งโดมก็ดับพรึ่บลงอย่างกะทันหัน เรียกเสียงร้องตกใจได้จากเด็กสาวหลายคน แต่ทุกอย่างก็ยังดำเนินต่อไป จนกระทั่งมีเสียงของประธานปี 4 ดังขึ้นอีกครั้ง


   “ ทุกคนหยุด ไปนั่งรวมกันกลางโดม ปี 2 ปี 3 ล้อมอยู่รอบๆ ”


   เสียงสั่งการดังขึ้นท่ามกลางเสียงของรุ่นน้องทั้ง 3 ชั้นปี และในครั้งนี้น้องๆก็ทำตามอย่างไม่ชักช้า เพราะเมื่อพี่ปีสูงกว่าหยุด น้องก็หยุดด้วย


   “ ผมจะถามเป็นครั้งสุดท้าย พวกคุณยังอยากเป็นรุ่นน้องของพี่ปี 4 อยู่ไหม ”


   ประธานปี 4 เอ่ยถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ และความมืด ไฟในโดมยังคงดับสนิท และไม่มีปี 1 คนใดกล้าพอที่จะเงยหน้าถามหาความสว่าง ทุกคนยังคงก้มหน้าตามกฎทุกอย่าง


   “ อยากครับ/ค่ะ ”


   เสียงเด็กปี 1 ตอบขึ้นอยากพร้อมเพียงกัน แต่ก็ไม่ใช่เสียงที่ดังมากนัก เพราะทุกคนส่งเสียงเบาๆเท่านั้น


   “ เสียงมีแค่นี้เหรอ เสียงผมคนเดียวยังดังกว่าพวกคุณทั้งรุ่นเสียอีก ”


   เสียงตะโกนของประธานปี 4 ทำเอาเด็กปี 1 สะดุ้งเฮือก เพราะไม่เพียงแต่เสียงที่ดังเท่านั้น ในน้ำเสียงที่ดังกังวานนั้นยังคล้ายจะแฝงมาด้วยพลังบางอย่าง


   “ อยากครับ/ค่ะ ”


   ที่นี้เสียงที่ทุกคนเปล่งออกมานั้นดังแบบสุดเสียงกันเลยทีเดียว มันไม่ใช่เสียงตะโกน แต่มันเป็นเสียงที่ส่งออกมาอย่างเต็มที่ต่างหาก


   “ ดี ต่อจากนี้เราจะมีดูกันกว่าพวกคุณจะทำได้อย่างปากว่าหรือเปล่า และผมจะพุดเป็นครั้งสุดท้าย ใครรับกับระบบของที่นี่ไม่ได้ออกเดินออกมา ผมจะไม่ว่าพวกคุณเลย ”


   แม้ว่าจะมีคำถาม คำถามนั้น แต่ก็ไม่มีเพื่อนคนใดในปี 1 ลุกออกไป ทุกคนยังคงนั่งกันอยู่ที่เดิม และเมื่อต้องนั่งชิดกันจนแทบไม่เหลือช่องว่าง อากาศก็เหลือน้อยเต็มที แถมยังโดนพวกพี่ที่ยืนปิดทางระบายอากาศ ยิ่งอึดอัดเข้าไปอีก ท้ายสุดรุ่นพี่ ซึ่งน่าจะเป็นปี 4 ก็เรียกชื่อของคนที่พี่แกบอกว่าทำผิดออกมาด้านนอก


   ซึ่งความผิดในครั้งนี้ แม้ความผิดตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา หรือแม้ว่าจะมีการชำระโทษกันไปแล้วก็ตาม ก็ยังถูกพี่ท่านขุดขึ้นมาว่า ชื่อของแต่ละคนที่ถูกเรียกออกมานั้น ทำเอาเพื่อนๆที่นั่งอยู่ในแถวใจหาย ใจคว่ำไปตามๆกัน


   แต่ชื่อที่ทำให้เด็กหนุ่มต้องช็อคสุดๆ นั่นก็คือ.....


   “ น้องริน วิท - เล ”


   ชื่อของเขานั่นเอง แต่เด็กหนุ่มมั่นใจว่า ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นตนเองปฏิบัติตัวตามที่รุ่นพี่บอกเอาไว้ทุกอย่าง ไม่เคยแหกกฎเลย แต่ที่มีชื่อตนเองในครั้งนี้นั้น คงเป็นเพราะเรื่องที่ร้องเพลงเชียร์ผิดเมื่อตอนก่อนหน้านี้เป็นแน่


   “ พวกคุณรู้มั้ยว่า เพื่อนของพวกคุณทำอะไรผิด ”


   เสียงหลายเสียงเงียบลง และเสียงเมื่อครู่ที่กล่าวออกไปนั้น เด็กหนุ่มจำได้ทันทีว่า ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน


   ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเช่นกัน ทำไมตนเองจำหลายๆอย่างเกี่ยวกับตัวเขาได้ ทั้งที่ไม่ได้ชอบขี้หน้ามากนัก หรืออาจเป็นเพราะน้ำเสียงของเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่เหมือนใคร ก็เลยทำให้จำได้


   “ เพื่อนของพวกคุณทำผิด พวกคุณจะว่าอย่างไร ”


   เขายังคงถามต่อไป ด้วยน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา เขาไม่ได้ตะโกนเหมือนอย่างคนอื่น แต่เสียงเขาก็กังวาน และได้ยินไปทั่ว ยิ่งทุกคนเงียบสนิทเช่นนี้ ยิ่งได้ยินชัด


   “ รับผิดชอบร่วมกันครับ/ค่ะ ”

   เสียงที่ประสานขึ้นมา จากกลุ่มของเพื่อนปี 1 ด้วยกัน ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน โดยไม่ต้องนัดกัน


   “ แน่ใจนะ ว่าจะทำได้อย่างที่พูด ”


   “ ครับ/ค่ะ ”


   เสียงของใครอีกคนถามขึ้น แต่ปี 1 ทุกคนก็ยังยืนยันเป็นเสียงเดียว


   “ ก็ดี ผมไม่ขอมากหรอก แค่เบาะๆแล้วกัน แค่จนกว่าปี 4 จะพอใจ จะทำได้มั้ย ”


   “ ได้ครับ/ ค่ะ ”


   เสียงของรุ่นพี่ถามต่อ แต่ปี 1 ก็ยังยืนยันคำตอบเช่นเดิม และกำลังจะลุกขึ้น เพื่อทำกิจกรรมเรียกเหงื่อ แต่มีบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนไปเสียก่อน


   แสงสว่างสลัวๆ ก่อนจะค่อยชัดขึ้น คล้ายดวงไฟดวงเล็กๆ เคลื่อนที่เข้ามาด้านหน้าของทุกคนเสียงเพลงวันเกิดดังกระหึ่มขึ้น จากคนร้องที่ยืนล้อมน้องๆ


   เมื่อเสียงเพลงจบลง ก็มีเสียงบอกให้ปี 1 ที่ถูกเรียกออกนั้นเป่าเทียนตามมา ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน เมื่อเสียงจากเทียนดับลงแสงไฟจากหลอดไฟนีออนก็สว่างขึ้นทั้งโดม ทำให้ทุกคนเห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ชัดเจนขึ้น


   “ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ น้องๆที่เกิดในเดือนนี้ทุกคนครับ ”


   เขาเอ่ยขึ้น เมื่อทุกคนเห็นภาพที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว ซึ่งในตอนนี้ เขากำลังถือเค้กก้อนโตอยู่ในมือ


   “ เซอร์ไพส์เล็กๆจากพี่ๆทุกคนครับ เอ้า!!! ขยายแถวได้แล้ว เดี๋ยวก็หายใจไม่ออก ขาดอากาศกันพอดี ”


   เขากล่าวอย่างอารมณ์ดี ไม่เหลือท่าทีแสนจะเย็นชาก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย ทำให้รู้สึกได้ว่า พี่ประธานคนน่ารัก คนเดิม ที่น้องๆรู้จัก กลับมาแล้ว


   “ อ้าว!!! ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ”


   เขาถาม เมื่อเห็นว่าน้องๆทำหน้างงๆ กลับสิ่งที่เพิ่งผ่านไปไม่หาย


   “ วันนี้ น้องๆทำได้ดีมากนะ พี่ขอชม ส่วนเรื่องเมื่อครู่นี้ พี่ต้องขอโทษแทนทุกคน ที่ทำให้ตกใจ สำหรับวันนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เป็นการเซอร์ไพส์จากพวกพี่เอง พี่อยากจะเซอร์ไพส์ให้กับน้องๆที่เกิดในเดือนนี้ ซึ่งน้องๆที่พี่กำลังพูดถึงนั้นก็คือ น้องกลุ่มนี้ กลุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าทุกคนในตอนนี้ เพื่อนของน้องกลุ่มนี้ ไม่ได้ทำผิดอะไรอย่างที่พี่ว่า แต่เพื่อเป็นการเซอร์ไพส์อย่างที่พี่บอกไปแล้ว พวกพี่และพี่ปี 2 - 3 ทุกคน จึงจัดให้มีเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ”


   เขาอธิบายยาว ทำให้หลายคนเข้าใจเหตุการณ์เมื่อครู่ดีขึ้น ส่วนคนที่ถูกเรียกออกมานั้น ไม่ต้องพูดถึงว่ารู้สึกอย่างไรเพราะมีคนกำลังร้องไห้อยู่ด้วยซ้ำ


   “ อ้าว... ร้องไห้ขี้มูกโป่งกันหมดแล้ว ขี้แงกันจริงๆ ”


   เขาว่า พลางเข้ามาปลอบน้องๆที่กำลังยืนร้องอยู่ อย่างเป็นกันเองแถมช่วยเช็ดน้ำตาให้อีกด้วย


   “ พี่ว่าเราช่วยกันแบ่งเค้กกันดีกว่า เพื่อนๆจะได้ชิมด้วย ดีมั้ย ”


   เขาว่า ก่อนจะรับมีดจากปี 2 คนหนึ่ง ที่ส่งมาให้ก่อนจะส่งต่อให้กับน้องๆ ที่ยืนอยู่ ส่วนตัวเองก็กำลังถอยหลังออกจากกลุ่มน้องๆ แต่เขาก็เหลือบมองใครคนหนึ่งในกลุ่มเด็กที่เกิดเดือนนี้อีกครั้ง


   เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่เขารู้สึกประทับใจในรอยยิ้มตั้งแต่แรกเห็น รอยยิ้มของเด็กหนุ่มในวันนั้น ทำให้เขาเดินมาทักทายน้องๆ ด้วยอยากเห็นให้ใกล้ขึ้น


   มาในวันนี้ แม้ว่าเด็กหนุ่มจะไม่ได้มีรอยยิ้มเช่นเดิม แม้ว่าวันนี้เจ้าตัวจะกำลังทำหน้าเหมือนคนที่จวนเจียนจะร้องไห้ เพราะคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ หากเลือกได้ เขาก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจของน้องๆ โดยเฉพาะเด็กคนนี้  แต่เมื่อมันเลือกไม่ได้ เพราะเขาต้องทำตามหน้าที่ ที่รับผิดชอบและเขาก็ไม่คิดว่ามันจะทำร้ายน้องๆขนาดนี้ เพราะตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่ที่นี่ เขายังไม่เคยเห็นว่าน้องๆจะเสียใจกันได้ขนาดนี้ แม้จะรู้มาบ้างว่า น้องรุ่นนี้อ่อนไหวกว่ารุ่นที่ผ่านๆมา แต่ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้ โดยเฉพาะเด็กตัวน้อยของเขาที่ร่าเริงอยู่ตลอดเวลา หากว่าเขายังไม่ทันที่เดินออกไปตามความตั้งใจเดิม ก็มีเสียงเรียกที่เขาเองคุ้นเคยดีดังขึ้นเสียก่อน



   “ เดี๋ยวสิครับ!!! จะรีบไปไหน ”

   “ มีอะไรหรือเวฟ ”


   เวฟขัดขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้เขาต้องหันมาถามน้องห้อง ที่ขัดขึ้นมา


   “แหม... พี่โอครับ พี่ไม่คิดจะบอกน้องๆเขาเลยเหรอว่า.... ”


   “ วันนี้น่ะ เป็นวันคล้ายวันเกิดของพี่ด้วย ”


   เวฟพูดขึ้น ก่อนที่ชอน้องห้องอีกคนของเขาจะมาช่วยจนจบประโยคที่เพื่อนตัวเองค้างไว้


   “ น้องๆครับ พี่มีเรื่องจะบอก ”


   ชอทำท่าทีเหมือนคนมีลับลม คมใน ซึ่งเขาเห็นแล้วก็ไม่ได้ว่าอะไรกับอาการของน้องห้อง เขาแค่ส่ายหน้าน้อยอย่างขำๆ เพราะรู้จักน้องห้อง 2 คนนี้ดีพอสมควร


   “ วันนี้น่ะ เป็นวันคล้ายวันเกิดของพี่ประธานสุดเลิฟของพวกเราด้วย เรามาอวยพรให้พี่เขาพร้อมกันดีมั้ย ”


   “ ดีค่ะ/ครับ ”


   “ สุขสันต์วันเกิดครับ/ค่ะ ”


   ทุกคนร่วมกันอวยพรวันเกิดให้กับเขา ซึ่งเขายิ้มรับคำอวยพรนั้นด้วยความยินดี


   “ แก่ขึ้นอีกปีแล้วนะครับ เพราะฉะนั้น เค้กก้อนนี้ น้องๆยินดีจะแบ่งให้พี่ประธานด้วยได้มั้ยครับ


   “ ได้ค่ะ/ครับ ”


   เวฟหันมาพูดกับเขา ก่อนที่จะหันมาถามน้องที่อยู่ในโดมกิจกรรมทุกคน ซึ่งทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกัน ทุกคนช่วยกันตัดเค้กแบ้งให้กับเพื่อนๆทุกคนอย่างทั่วถึง ก่อนจะตามด้วยการป้ายเนยใส่กันเป็นที่สนุกสนาน


   สุดท้าย บ่อน้ำตาที่เด็กหนุ่มพยายามกลั้นเอาไว้เต็มที ก็ทำนบพังเสียอย่างนั้น ทั้งๆที่สัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะไม่ขี้แงให้ใครเห็น แต่พอทุกอย่างกลับตาลปัตร จากเหตุการณ์ที่ตึงเครียด เปลี่ยนมาเป็นตื้นตันก็อดที่จะปล่อยโฮไม่ได้


   “ อ้าว!!! น้องริน เป็นอะไรไปครับ อยู่ๆก็ยืนเป่าปี่ซะอย่างนั้น ”


   เขาว่าอย่างติดตลก ก่อนจะเดินเข้ามาหาคนที่ตนเองรู้สึกดีด้วย ที่กำลังยืนเป่าปี่อย่างที่เขาว่าอยู่จริงๆ ทั้งๆที่ตอนที่เพื่อนเขาร้องกันตอนเศร้าๆ เด็กหนุ่มนั้นไม่ได้ร้อง แต่กลับมาร้องตอนที่ทุกคนกำลังสนุกเสียแทน


   “ ขี้แงจริง อย่าร้องเลย วันนี้เราต้องหัวเราะสิถึงจะถูก ”


   เขาปลอบ พลางลูบผมเบาๆ เหมือนอย่างพ่อแม่ของมารินทำเวลาเจ้าตัวร้องไห้ และการกระทำของเขา ก็ยิ่งทำให้มารินร้องหนักเข้าไปอีก เพราะทำให้เด็กหนุ่มคิดถึงพ่อกับแม่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


   “ อ้าวไปกันใหญ่แล้ว วันนี้ไว้แค่นี้แล้วกัน ทุกคนก็เหนื่อยกันมาเยอะแล้ว อีกอย่างนี่ก็ดึกแล้ว กลับไปนอนพักผ่อนกันดีกว่า พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ไม่ต้องรีบตื่นนะ ส่วนเรื่องประชุมครั้งต่อไป เดี๋ยวพี่จะแจ้งให้ทราบทีหลัง วันนี้พอแค่นี้ครับ อ้อ!!! ไม่ต้องลงโดมแล้วกันพี่ให้งดวันนึง ”


   เขาว่า ก่อนจะปล่อยให้ทุกคนกลับไปพักผ่อน ยกเว้นเด็กขี้แงที่ยังร้องไห้ไม่เลิก เมื่อทุกคนคล้อยหลังไปจนหมด มารินกอดเขาอย่างคนที่ต้องการอ้อมกอดของใครสักคน







ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 9
«ตอบ #13 เมื่อ26-11-2012 20:13:33 »





ตอนที่ 9






   เขายืนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะโผเข้ามาหา แต่เมื่อตั้งสติได้แล้วเขาจึงค่อยกอดตอบ ก่อนจะลูบผมคนที่ตนเองรู้สึกดีด้วยเบาๆ เหมือนเวลาที่ผู้ใหญ่ปลอบเด็กเมื่อเสียขวัญ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้อีกคนร้องหนักขึ้นไปอีก


   มารินเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องร้องไห้มากกว่าเดิม อาจจะเป็นเพราะเขาทำเหมือนเวลาที่พ่อ แม่ปลอบตนเวลาที่เสียใจก็เป็นได้


   แต่สุดท้ายแล้ว คนที่อดรน ทนไม่ได้ ก็เป็นชายหนุ่มเสียเอง เพราะเขาออกจะแปลกใจระคนตกใจ เมื่อยิ่งปลอบ คนในอ้อมกอดก็ยิ่งร้อง จึงต้องหันหันมาพูดกันให้รู้เรื่อง


   “ น้องริน เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ”


   เขาถามพลางเช็ดน้ำตาให้กับร่างเล็กอย่างแผ่วเบา แต่ทุกการกระทำเขาเหมือนจะยิ่งตอกย้ำให้มารินร้องไห้หนักเข้าไปอีก

   “ อ้าว!!! พี่ถามดีๆ ทำไมต้องร้องด้วยล่ะ พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ ร้องไห้เป็นเด็กเชียว ”


   เขาว่า พลางขยี้ผมอีกฝ่ายเล่น ซึ่งมันก็ทำให้มารินเงยหน้าขึ้นมองเขาแบบงอนๆ นิดๆ


   “ รินไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะได้ร้องไห้แบบเด็กๆ อย่างที่พี่ว่า ”


   คนตัวเล็กกว่าเถียงแบบเด็กไม่ยอมแพ้ ทั้งๆที่มีหลักฐานมัดตัวอย่างแน่นหนา แต่ก็ยังไม่ยอมรับ


   “ อ้าวก็พี่เห็นๆอยู่นี่นา ว่าเราน่ะ ร้องไห้ขี้มูกโป่งจริงๆ ”


   “ พี่อ่ะ เขาไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะ ”


   มารินเถียงไปข้างๆ คูๆ อีกครั้ง ก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำตา น้ำมูกออกจากหน้า ชายหนุ่มเองก็ไม่ว่าอะไรอีก แต่ก็แอบอมยิ้มกับอาการงอแงแบบเด็กๆของคนตัวเล็ก ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองยื่นให้


   “ อ่ะนี่ครับ เช็ดหน้าซะ แล้วค่อยคุยกัน ดูซิเป่าปี่ซะตาแดงเป็นนกกระปูดเชียว ”


   เขาสัพยอกเด็กหนุ่มเล่น ซึ่งมารินก็รับผ้าเช็ดหน้าจากเขามาเช็ดหน้าแต่โดยดี ถึงกระนั้นแล้ว ก็ยังไม่วาย ส่งค้อนวงใหญ่ไปให้


   เมื่อได้ใช้ผ้าเช็ดหน้าของเขา ทำให้มารินรับรู้ถึงบางอย่าง กลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายกับกลิ่นของดอกไม้ กลิ่นที่ตนคิดว่าผู้ชายไม่น่าจะชอบ


   ท่าทางแปลกใจของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่า อีกฝ่ายเป็นอะไรไปอีกหรือเปล่า จนต้องเอ่ยถาม


   “ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ”

   “ อ่ะ... อ๋อ เปล่าครับ แค่คิดอะไรเพลินไปนิด นี่ครับ... ”


   มารินว่า ก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าที่เปียกคืนให้เขา แต่ก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ซึ่งเขาที่มองทุกการกระทำของคนที่ตนเองชอบอยู่นั้นก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวกำลังจะส่งผ้าเช็ดหน้าคืนเขา แต่กลับดึงมือกลับไปอีก


   “ เอ่อ.... รินคิดว่า รินเอากลับไปซักก่อนจะดีกว่า เพราะว่า....แบบว่า มันเปื้อนมากไปหน่อย ”


   มารินนเฉลยในการกระทำเมื่อครู่ พลางเหลือบตาดูผ้าเช็ดหน้าของเขาในมือตนเองอีกครั้ง  ซึ่งมันชุ่มไปด้วยน้ำตาเมื่อครู่ แถมด้วยน้ำมูกอีกต่างหาก ส่วนเขาก็ยืนมองอย่างขำๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก จนกระทั่งมารินเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง


   “ แต่รินไม่รับปากนะครับว่า... มันจะหอมเหมือนเดิมหรือเปล่า... แต่รับรองว่าสะอาดแน่นอน ”


   เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มขวัญใจเพื่อนพ้อง น้องพี่ทำหน้าแปลกๆ มารินจึงรีบออกตัวเอาไว้ก่อน ด้วยความที่ตนเองไม่สันทัดในเรื่องพวกนี้นัก


   “ เชื่อจ้า ว่าสะอาด ไม่เห็นต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นเลย ”


   เขาแหย่เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเล็กทำหน้าตาขึงขัง จริงจังเสียจนน่าขำ ซึ่งมันก็ทำให้เจ้าตัวหันมาค้อนให้เขาอีกวง


   “ ไม่ต้องมาแหย่เขาเลย ว่าแต่พี่ใช้น้ำยาปรับนุ่มอะไรหรือครับ หอมดีจัง ”


   มารินว่า แต่ก็ยังไม่วายหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ก่อนหน้านั้นเป็นสีขาวสะอาด และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ซึ่งตอนนี้แม้จะเปื้อนน้ำตา และน้ำมูกเป็นหย่อมๆ แต่ก็ยังคงความหอมเช่นเดิม


   “ อ๋อ.... ไม่ใช่น้ำยาปรับผ้าอะไรหรอก กลิ่นของน้ำปรุงน่ะ ”


   “ น้ำปรุง... ”


   เขาตอบ ซึ่งมันก็ทำให้เด็กหนุ่มนิ่งไป เหมือนคนที่กำลังคิดอะไรอยู่ในใจคนเดียว แต่แล้วมารินก็เอ่ยออกมาอีกครั้ง


   “ น้ำปรุง เหมือนน้ำอบ น้ำปรุงในเรื่อง ‘ เมื่อคุณตา คุณยาย ยังเด็ก ’ หรือเปล่าครับ ”


   “ เมื่อกี๊ที่เงียบไป คิดเรื่องนี้เองน่ะเหรอ ”


   เขาถามถึงเรื่องที่เจ้าตัวน้อยนิ่งไปเมื่อครู่ ซึ่งก็ได้คำตอบจากการพยักหน้ารับ


   “ ก็ประมาณนั้นนั่นแหละครับ แต่ว่าอันนี้น่ะ เป็นสูตรของบ้านพี่เองพี่ใช้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ”


   เขาเฉลยในสิ่งที่อีกคนสงสัย ซึ่งมารินก็พยักหน้ารับรู้แต่โดยดี


   “ แล้วเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกดีขึ้นมาบ้างไหมครับ แล้วทีนี้จะบอกพี่ได้หรือยังว่า เมื่อครู่นี้เป็นอะไรไป หรือว่าโกรธพี่เรื่องก่อนหน้านี้ เรื่องที่พี่ดุน้องๆ ”


   เขาวกกลับมาถามหาสาเหตุ เรื่องที่คนที่ตนเองต้องใจร้องไห้เมื่อครู่ เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยของเขาดูดีขึ้นแล้ว ส่วนมารินเองเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าตัวเองร้องไห้เสียมากมายด้วยเรื่องอะไร หากเขาไม่ถามขึ้นมา เจ้าตัวก็คงลืมไปแล้ว


   “ เอ่อ... คือว่า... ”


   มารินยังอ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้จะตอบเขาว่าอะไร จะตอบว่าสิ่งที่เขาทำนั้น ทำให้ตนเองคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อกับแม่ ก็ยังไม่กล้าตอบกลัวเขาจะว่าเป็นลูกแหง่


   “ อะไรครับ คิดถึงบ้านเหรอ ถ้าเป็นเรื่องนี้ล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก ตอนที่พี่มาอยู่แรกๆก็เคยเป็น ตามประสาเด็กบ้านไกลน่ะ ”

   เขาเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปนาน ซึ่งมันก็ทำให้มารินยิ้มออกมาได้อีกครั้ง เจ้าตัวแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าเขาจะเคยเป็นเช่นนี้มาก่อน แต่ก็ดีใจ ที่อย่างน้อยก็มีคนเข้าใจ


   “ จริงๆหรือครับ พี่ก็เคยเป็นเหมือนกันเหรอ คือว่า เมื่อตอนที่พี่ปลอบรินน่ะ เหมือนตอนที่พ่อกับแม่ปลอบรินเลย รินก็เลย..... ”


   “ อดใจไม่ไหว ”


   เขาต่อประโยคที่เจ้าตัวดีของเขาค้างเอาไว้ ซึ่งมันก็ทำให้มารินพยักหน้ารับอย่างเขินๆ ที่เขาจับความรู้สึกของตนเองได้


   “ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรเลย ถ้าเราจะคิดถึงพ่อกับแม่น่ะ ไม่เห็นต้องกลัวโดนล้อเลย ”


   “ ก็ริน..... ”


   “ เอาเถอะ นี่มันก็ดึกแล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่งแล้วกัน ป่านนี้ เพื่อนเขานอนหลับจนฝันหวานไปถึงไหนๆกันแล้ว ”


   “ จริงด้วย หายกันไปไหนหมดแล้ว ทิ้งเรากันหมดเลย ”


   เจ้าตัวเหมือนจะเพิ่งนึกได้ว่า เพื่อนกลับกันหมดแล้ว เหลือเพียงเจ้าตัวคนเดียวก็อดบ่นกระปอด กระแปดไม่ได้


   “ เป็นอะไรไปอีกครับ ”


   เขาถามขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยน่ารักของตนหน้าเจื่อนไป ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังยิ้มแย้มอยู่ดีๆ


   “ เปล่าครับ รินเป็นอะไร ”


   มารินว่า พร้อมกับพยายามปั้นหน้ายิ้ม แต่นั่นมันก็ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ก่อนจะกลับมาเศร้าเช่นเดิมอีก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะตลอดเวลาที่มาอยู่ที่นี่ ตนเองไปไหน มาไหน พร้อมกับเพื่อนๆเสมอ ไม่เคยไปไหนคนเดียวเลย แต่ตอนนี้เหลืออยู่แค่คนเดียว ก็ทำให้รู้สึกใจหายแปลกๆ


   “ เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าน้องรินยังรู้สึกไม่สบายใจ ไปชายหาดกับพี่มั้ย คืนนี้ฟ้าเปิด ดาวสวยดีนะ ”


   “ พี่โอจะไปชายหาดเหรอครับ ”


   “ ครับ จะไปด้วยกันมั้ย ”


   “ ไปครับ ตั้งแต่มาอยู่นี่ รินยังไม่เคยไปหาดของที่นี่เลย ”


   “ จริงหรือ ตกข่าวนะเราเนี่ยะ หรือว่าไม่เคยเห็นทะเล ”


   เขาว่า เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กของตนสดชื่นขึ้นทันที ราวกับไม้กลางทะเลทรายที่ได้รับน้ำ


   “ แหม... ไม่ถึงขนาดนั้นซะหน่อย ก็แค่ชอบเอง ไม่งั้นจะหอบหิ้วตัวเองมาถึงนี่เหรอ ”


   มารินว่าแบบงอนๆ แต่ก็ยังดีใจออกนอกหน้าอย่างที่เขาว่าจริงๆ


   “ ก็ได้ครับ แต่ถ้าพรุ่งนี้ตื่นนอนไม่รอด อย่าแอบนินทาพี่นะ ”


   “ ใครเขาจะไปนินทาตัวเอง แล้วรินก็ไม่พวกชอบนินทาด้วย ”


   มารินว่า พลางย่นจมูกใส่เขาอย่างงอนๆ ที่เขาพูดดักคอตนเองเอาไว้ก่อน


   “ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้สึกเหมือนกับว่า พักนี้มีคนบ่นถึงบ่อยๆนะ เพราะว่าช่วงนี้พี่จามบ่อยมากเลย พี่ก็นึกว่าจะมีใครแถวนี้แอบบ่นคิดถึงพี่น่ะสิ แต่พี่ว่าเราอย่ามาเถียงกันอยู่เลย เราไปกันดีกว่า วันนี้คราว*น้ำเกิด ด้วย ทะเลสวยนะ ถ้าพี่จำไม่ผิด คิดว่าน้ำคงขึ้นสูงสุดแล้วล่ะ เดี๋ยวก็ดึกเข้าไปอีกเหลือเวลาเดินเล่นน้อย อย่าหาว่าพี่ไม่บอกนะ ”


   เขาว่าแต่ก็มิวายที่จะหยอดมุขไปอีกหน่อย แต่เหมือนกับเด็กน้อยของเขาจะไม่ทันได้จับใจความก่อนหน้า เพราะเจ้าตัวเล็กของเขาคงกำลังคิดถึงเรื่องทะเลกลางคืนเพียงอย่างเดียว และที่ทำให้เขาคิดเช่นนี้ก็เพราะอาการของคนตรงหน้าที่ช่างมองออกง่ายดายนั่นเอง


   มารินที่ฟังเขาพูดก็คิดภาพตามไป ตาที่กลมโตอยู่แล้วยิ่งโตเข้าไปใหญ่เมื่อได้ฟัง อาจเพราะตนเองยังไม่เคยเห็นทะเลในเวลากลางคืนก็ว่าได้ เพราะส่วนใหญ่ที่ไปทะเลก็จะเป็นช่วงกลางวัน แล้วอีกอย่างเขาก็ยังไม่เคยเห็นทะเล ในยามที่มีน้ำขึ้นสูงสุดอย่างที่ชายหนุ่มบอก


   “ แล้วพี่จะช้าอยู่ทำไมครับ เราก็ไปกันเลยสิ เร็วๆ ”


   มารินเร่งเขา พลางจับมือเขาแล้วดึงให้รีบเดินไปด้วยกัน ทั้งๆที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าเขาจอดรถไว้ที่ไหน แต่ด้วยความดีใจ เจ้าตัวก็ลืมไปเสียทุกอย่าง จนกระทั่งเขาพูดขัดขึ้นมา


   “ จะดึงพี่ไปไหน แล้วเรารู้แล้วเหรอว่ารถพี่อยู่ไหน ”


   นั่นแหละ มารินจึงได้สติกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับปล่อยมือของเขาราวกับว่า จับโดนของร้อนอย่างไรอย่างนั้น และมันก็ยิ่งทำให้เขาขำเข้าไปอีก


   “ ขำอะไรครับ ไม่เห็นมีอะไรน่าขำเลย ”


   มารินว่าเขาอย่างงอนๆ ส่วนเขาก็ได้แต่อมยิ้มกับอาการงอแงเป็นเด็กของคนตรงหน้า ก่อนจะเดินนำหน้ามาที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาที่จอดเอาไว้


   “ คืนนี้เป็นคืนเพ็ญ พระจันทร์เต็มดวง น้ำขึ้นสูง ทะเลจะสวยมากนะ นานๆทีที่เวลามันจะมาประจวบกัน เพราะบางที น้ำมันก็ขึ้นตอนดึกมาก กว่าน้ำจะขึ้นถึงฝั่ง พระจันทร์ก็คล้อยต่ำไปมากแล้ว ”


   เขาเล่าให้คนน่ารักฟัง ขณะที่ขับรถไปเรื่อยๆ สองข้างทางปลูกต้นประดู่ที่โค้งเข้าหากัน คล้ายซุ้ม เช่นเดียวกับบริเวณทางเข้า ส่วนมารินนั้นที่กำลังสนใจกับบรรยากาศรอบๆ จึงไม่ค่อยจะได้ฟังสิ่งที่เขาพูดนัก สองข้างทางนอกจากจะมีต้นประดู่แล้ว ยังมีต้นไม้อีกหลายชนิดนอกจากนี้ยังมีส่วนที่คล้ายสวนป่าอยู่ด้วย พระจันทร์ดวงเด่น ลอยอยู่บนฟ้า ส่องแสงสะท้อนกับยอดไม้ ที่ไหวต้องลม น่าดูชมไม่น้อย


   “ น้องริน น้องรินครับ เป็นอะไรไปครับ”


   เมื่อเด็กที่นั่งซ้อนท้ายมาเงียบไป เขาจึงลองเรียกอีกครั้ง ด้วยเกรงว่าอีฝ่ายจะเป็นอะไรไปอีกหรือเปล่า


   “ ครับ!!! อ๋อ... เปล่าครับ รินไม่ได้เป็นอะไร แค่มองข้างทางเพลินไปหน่อย ไม่มีอะไรครับ ”


   “ งั้นหรือครับ เราจะถึงแล้วนะครับ น้องรินเห็นประภาคารข้างหน้านั่นมั้ยครับ ”


   “ เห็นค่ะ สวยดีนะครับ ”


   “ ครับ ก่อนจะถึงประภาคารนั้น จะเป็นทางเลี้ยวเข้าตึกภาคของเรา และตึกภาคของเราจะอยู่ใกล้ๆกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ แล้วก็โรงพักพื้นสัตว์น้ำ ”


   เขาอธิบายให้เด็กหนุ่มฟังแบบคร่าวๆ ระหว่างที่ขับรถไปเรื่อยๆ


   “ แล้วรินจะเข้าไปดูได้มั้ยคะรับ”


   “ ได้สิครับ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเลยินดีต้อนรับอยู่แล้ว แต่พี่คิดว่าเอาไว้โอกาสหน้าจะดีกว่านะ ต้องขอบอกไว้ก่อนนะว่าภาควิท เล น่ะไม่ได้หรูหราอะไรเหมือนกับตึกภาคของภาควิชาอื่นหรอกนะ ”


   “ แหม แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนครับ ไอ้ความหรูหราอะไรที่พี่ว่าน่ะ รินไม่เห็นอยากจะเห็นเลย แล้วรินคิดว่า วิชาความรู้ที่จะได้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของสถาบันซะกะหน่อย แล้วอีกอย่างนะ ถ้ารินอยากได้ความสะดวก สบายน่ะนะ รินไม่ถ่อสังขารมาจนถึงที่นี่หรอก


   แต่รินกลับมีความคิดแหกคอกที่ว่า ความรู้ที่จะได้ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของสถาบันเพราะฉะนั้นที่รินมาเรียนที่นี่ รินก็ไม่ได้หวังว่าจะได้เจอความสะดวก สบาย แต่รินต้องการความรู้ที่จะได้รับจากประสบการณ์จริง ”


   มารินร่ายยาวแบบไม่ค่อยจะพอใจ ที่เขาพูดขึ้นในทำนองที่เหมือนตนเป็นลูกคุณหนูเสียขนาดนั้น ซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลย


   “ พี่ก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้น พี่ก็แค่พูดเฉยๆ ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนี้เลย ”


   เขาว่า พลางชะลอรถ ก่อนจะจอดข้างๆประภาคาร


   “ ถึงแล้วครับ เลิกงอนได้แล้ว เดี๋ยวงานกร่อยกันพอดี ”


   “ แล้วมันน่าโกรธมั้ยล่ะครับ ”


   “ ครับๆ เอาเป็นว่าพี่ขอโทษแล้วกันนะ อย่าโกรธกันเลย ”


   เขาเอ่ยปากขอโทษ ซึ่งมันก็ทำให้มารินยิ้มออกมา อย่างผู้ชนะส่วนเขาก็ได้แต่ยิ้มให้กับความชอบเอาชนะเป็นเด็กไม่รู้จักโตของอีกคน


   “ สวยจังนะครับ เฮ้อ!!! เห็นแล้วหายเหนื่อย อย่างนี้ค่อยหายโกรธพี่ไปได้หน่อยนึง ”


   มารินว่า แต่มันก็ทำให้คิ้วเขาขมวดได้อย่างไม่ยาก


   “ หายโกรธ แล้วพี่ไปทำอะไรให้น้องโกรธตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ เมื่อกี้พี่ก็ขอโทษไปแล้วนี่นา ”


   “ ก็โกรธแบบว่าสะสมเอาไว้ไงครับ เคยเห็นมั้ยล่ะ ถ้ายังไม่เคย ก็เห็นซะ ”


   มารินว่า พลางหัวเราะที่สามารถทำให้เขางงได้


   “ โกรธสะสม?!? แล้วพี่ไปทำให้น้องโกรธมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน พี่ไม่เห็นจะรู้ตัวมาก่อนเลย ”


   เขาว่า พลางทำหน้างงๆ เพราะไม่รู้ตัวว่าตนเองไปทำให้อีกฝ่ายโกรธมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน


   “ ก็ตั้งแต่.... เอาเป็นว่า โกรธก็แล้วกัน ”


   มารินกำลังจะหลุดปากออกมาแล้วเชียวยังดีที่ว่ายั้งปากตัวเองไว้ทัน ไม่เช่นนั้น มีหวังเขาต้องขำตนแน่ เพราะเจ้าตัวรู้สึกขัดใจที่เขาหายหน้าไป แต่คำพูดของเด็กหนุ่มนั้นก็ยิ่งทำให้เขางงเข้าไปอีก แต่เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามเอาคำตอบอะไรอีก


   “ ทะเลตอนกลางคืนสวยอย่างนี้เอง ”


   มารินเอ่ยขึ้น หลังจากที่เดินมาถึงชายหาด จันทร์ดวงโตลอยอยู่กลางฟ้า แสงสะท้อนลงพื้นน้ำเป็นประกาย น้ำทะเลขึ้นสูงมาก จนเกือบจะถึงแนวริมสนที่ขึ้นอยู่ ระลอกคลื่นเล็กพลิ้วไหวตามแรงลม เสียงของลูกคลื่นที่เข้ากระทบชายหาดระยะ เสียงใบสนหวีดหวิว เป็นบรรยากาศที่มีมนตร์ขลังไม่น้อย


   “ น้ำที่เห็นเยอะอย่างนี้เนี่ยะ ไม่ลึกอย่างที่เห็นหรอกนะ เพราะว่าชายหาดของที่นี่ สามารถเดินเล่นได้ไกลมาก กว่าจะถึงบริเวณที่น้ำลึก แต่ที่ต้องระวังก็คือ ร่องน้ำลึก เพราะบางส่วนของหาดเป็นร่องน้ำสำหรับเดินเรือเวลาน้ำลง ”


   เขาอธิบายให้ร่างเล็กตรงหน้าฟัง พลางเดินล่องน้ำริมๆ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกล้าๆกลัวๆ เหมือนอยากจะเล่น แต่ไม่กล้าเดินลงมา เขาจึงส่งมือให้เพื่อประคองให้อีกคนมั่นใจว่าเขายังอยู่ข้างๆ


   มารินเองก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะดูเขาจะอ่านใจตนเองออกไปเสียทุกอย่าง ทั้งๆที่ตนยังไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่มือที่เขาส่งมานั้นก็ช่วยให้ตนเองมีความกล้าที่จะเดินเล่นบนริมน้ำนั้นได้อย่างมั่นใจ


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   “ นี่เวฟแกไม่เป็นห่วงน้องรหัสของแกบ้างเหรอ ”


   “ แหมไอ้นี่ น้องรหัสชั้น ก็น้องแกด้วยแหละ ทำมาพูดดี ”


   เสียงสนทนาดังขึ้น ระหว่างทางเดินขึ้นบันไดหอพักชาย


   “ เออๆ นั่นแหละ ”


   “ ข้าว่า แกน่าจะเป็นห่วงพี่รหัสของเรามากกว่านะ ”


   เวฟว่า ซึ่งมันก็ส่งผลให้คู่สนทนาอย่างชอ งงไม่น้อย


   “ ห่วง!?! พี่โอน่ะเหรอ ”


   “ เออ ก็พี่โออ่ะดิ แหมทำยังกับว่าแกมีพี่กับเขาหลายคนอย่างนั้นแหละ มีอยู่คนเดียวยังมีหน้ามาถามอีก ”


   “ เออๆ แล้วทำไมวะ พี่เขามีอะไรน่าห่วง ข้าว่าน้องเขาน่าเป็นห่วงกว่าอีก ”


   “ โอ๊ย.... น้องรินน่ะเหรอน่าห่วง ข้าว่านะ พี่โอของเราน่ะน่าห่วงกว่าเยอะเลย ”


   “ อะไรของแกวะ พี่โอเป็นผู้ชายนะโว้ย แล้วก็อยู่ปี 4 ต้องห่วงอะไรอีกวะ น้องเขาดิ ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ก็ตัวเล็กน่าฟัด แถมเพิ่งเข้าปี 1 เองนะเฟ้ย ”


   จากการพูดคุยธรรมดา แต่จากความเห็นที่ไม่ตรงกัน เสียงก็เริ่มดังขึ้นหน่อยๆ


   “ แหมแกจะห่วงน้องเขาทำไมวะ พี่โอแสนดีจะตาย ”


   “ เออก็จริงว่ะ พี่เราเป็นพี่ชายที่แสนดี ไม่เหมือนแก ไอ้เวฟ ”

   เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเพื่อน เขาก็เห็นเป็นจริงอย่างที่เพื่อนบอก เพราะพี่รหัสของเขานั้น เป็นสุภาพบุรุษมากทีเดียว ก่อนจะหันมาตอกกลับ ซึ่งมันก็สามารถทำให้คนที่ถูกกล่าวหาทำหน้าหยิกอย่างไม่ชอบใจ แต่มีหรือที่เวฟจะยอมให้เพื่อนว่าแค่ฝ่ายเดียว


   “ เออไอ้เพื่อนเลว ข้ามันคนไม่ดี แต่ที่ไม่ดีก็เพราะมีเพื่อนอย่างแกนี่แหละ และที่ข้าเป็นห่วงพี่โอ ก็เพราะพี่เขาเป็นพี่ชายที่แสนดี ”


   “ ไอ้นี่ หาเรื่องกันซะแล้ว ทีเรื่องดีล่ะก็นะ ยกให้ตัวเองหมด เรื่องไม่ดี รีบยกให้เพื่อนเชียวนะ ไม่ค่อยเลยนะแก เออว่าแต่ แกห่วงพี่เขาเรื่องอะไรวะ ”


   ชอที่โดนเอาคืนอย่างทันท่วงที ก็ไม่ค่อยจะพอใจหน่อยๆ แต่ก็ไม่อยากต่อความอีก จึงวกกลับเข้าเรื่องเดิมที่ค้างเอาไว้


   “ ก็ห่วงเรื่องที่พี่เขาไปกับน้องรินนั่นแหละ ”


   “ ทำไมวะ มีอะไรน่าห่วง ”


   “ แกก็รู้ๆอยู่ว่า น้องรหัสของพี่แกคนนั้นน่ะ ธรรมดาที่ไหน เกิดน้องเขาของขึ้น ขึ้นมากระโดดกัดหูพี่โอหมดหล่อ แกจะว่าไง ”


   เวฟเฉลยด้วยหน้าตาที่ชอเห็นว่ากวนเบื้องล่างแบบสุดๆ จนต้องตอกกลับเจ้าเพื่อนตัวดี


   “ ไอ้บ้าเอ๊ย ข้าก็นึกว่าเรื่องอะไร น้องเขาไม่ใช่คุณสุเล็บสวยอย่างแกนะโว้ย จะได้กระโดดกัดหู ”


   ชอว่า ก่อนจะไขประตูเข้าไป ส่วนเวฟที่ยังยืนตีความหมายคำพูดของเพื่อนแบบงงๆ ก่อนจะเข้าใจความหมายแล้วกระโดดเข้าห้องตามไปหาเรื่องไอ้คนปากดีไม่แพ้กัน



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@





* น้ำเกิด คือช่วงเวลาที่น้ำทะเล จะขึ้นสูงและลงมากกว่าช่วงเวลาปกติ ซึ่งเกิดขึ้นเดือนละ 2 ครั้ง คือ วันขึ้น 15 ค่ำ และแรม 15 ค่ำ

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 9
«ตอบ #14 เมื่อ26-11-2012 20:36:15 »

มาเชียร์พี่โอน้องริน

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 9
«ตอบ #15 เมื่อ26-11-2012 21:24:31 »

มาเชียร์พี่โอน้องริน

ขอบคุณที่รอพี่โอกับน้องรินขอรับ

บวกเป็ดแทนคำขอบคุณอีกครั้งขอรับ :pig4:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 10
«ตอบ #16 เมื่อ27-11-2012 18:10:23 »




ตอนที่ 10





   แสงจันทร์กระจ่าง ส่องให้เห็นคนสองคนยืนอยู่ริมหาด ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะเดินห่างไปกว่าเดิม


   “ พี่โอ!!! ”


   เสียงของเด็กหนุ่มร้องเรียกทำให้เขาหันตามเสียงนั้นไป แต่นั่นก็เป็นความคิดที่ผิดอย่างมากเมื่อพอเขามามองคนเรียก สิ่งที่เขาได้รับก็คือน้ำทะเลที่สาดใส่แบบเต็มๆโดยฝีมือของคนเรียก ที่ขณะนี้ยืนหัวเราะชอบใจที่สามารถแกล้งคนอื่นได้


   “ น้องริน!!! เล่นอย่างนี้ได้ไง เปียกหมดแล้ว ”


   เขาวางหน้าดุ ทำเสียงเข้มใส่ ซึ่งมันก็ทำให้คนตัวเล็กหน้าเจื่อนไป


   “ รินขอโทษ ”


   มารินเอ่ยเสียงอ่อยๆ คล้ายเด็กทำผิดแล้วโดนดุ ที่พร้อมจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา


   “ ขอโทษ!!! แล้วมันหายเปียกมั้ยล่ะ ”


   เขายังไม่เลิกที่จะทำเสียงดุใส่ ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้มารินหน้าเจื่อนไปกว่าเดิม


   “ อย่างนี้มันต้องทำโทษ ”


   เขาเอ่ยเสียงเรียบ ส่วนมารินก็ยืนก้มหน้าเงียบไม่ตอบว่าอะไร จนเขาต้องเดินเข้าไปดู


   “ น้องริน เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ ”


   เขาถาม แต่อีกคนก็ยังเงียบ มีเพียงเสียงสะอื้นเบาเล็ดลอดออกมาเท่านั้น แต่นั่นก็เพียงพอที่ทำให้เขาใจเสียอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นน้ำตาหยดใสๆก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ลงไปอีก เมื่อครู่เขาแค่คิดจะล้อเล่นเท่านั้น ไม่คิดว่ามันจะทำให้เด็กน้อยของเขาเสียใจขนาดนี้


   “ น้องรินครับ อย่าร้องนะ พี่ขอโทษนะครับที่พี่พูดไปเมื่อกี้ พี่ไม่ได้ตั้งใจ ”


   มารินเงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


   “ พี่จะขอโทษรินเรื่องอะไร พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย รินต่างหากที่เล่นมากไป พอพี่เป็นกันเอง รินก็... ”


   แต่มารินก็พูดได้แค่นั้น ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง ซึ่งตนเองไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมต้องแคร์คำพูดของเขาขนาดนี้


   “ ไม่เอา ไม่ร้องแล้วนะครับ เดี๋ยวไม่น่ารักนะ ”


   เขาว่า พลางเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้หนุ่มน้อยตรงหน้าอย่างอ่อนโยน

   “ รินขอโทษ ริน... ริน... ”


   มารินพูดขึ้นอย่างตะกุก ตะกัก ราวกับยังไม่สามารถเรียบเรียงคำพูดได้ จนเขาต้องขัดขึ้นอีกครั้ง


   “ ไม่ต้องพูดแล้ว พี่ไม่ได้โกรธอะไรมากหรอก แต่ถ้าจะให้ดี ต้องให้พี่ทำโทษก่อน ได้มั้ยล่ะ ”


   “ ทำโทษอะไรหรือครับ ”


   มารินถามขึ้นทันทีที่เขาพูดจบ ส่วนเขาก็ได้ทำหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะทำบางอย่างที่เด็กหนุ่มไม่ทันตั้งตัว


   “ ก็ทำอย่างนี้ไง ”


   เขาว่า พลางวักน้ำทะเลใส่คนตัวเล็กของเขาบ้าง


   “ พี่จะยอมเปียกคนเดียวได้ไง เพราะฉะนั้น ถ้าต้องเปียกเราก็ต้องเปียกเหมือนกัน ”


   “ ได้ไง พี่รังแกน้อง ”


   มาริว่า แต่มือวักน้ำใส่เขาเช่นกัน ก่อนที่จะหันหลังวิ่งหนี แต่โอเชี่ยนก็วิ่งไล่ตามไปติดๆ ซึ่งมารินเองก็หันกลับวักน้ำใส่เขาเป็นระยะๆ


   สุดท้ายคนที่หมดแรงลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นทรายก่อน ก็เป็นตัวมารินเอง เพราะปกติแล้วก็ไม่ค่อยได้วิ่งแบบนี้นัก


   ส่วนเขา ไม่ต้องพูดถึง เพราะเขายังมีแรงอีกเหลือเฟือ แต่เขาก็เลือกที่จะนั่งพักเช่นกัน


   “ เป็นไงบ้างครับ วันนี้สนุกมั้ย ”


   “ สนุกมากครับ แต่ก็เหนื่อยมากด้วย ”


   มารินตอบแบบเหนื่อยๆ ส่วนมือก็กำลังนวดสีข้าง เพราะเมื่อวิ่งมากๆ ก็เสียดขึ้นมา


   “ สนุกก็ดีแล้ว ไว้ถ้ามีโอกาสอีก เราจะมามั้ย ”


   “ มาสิครับ ไม่มาได้ไง อย่าลืมบอกนะ ”


   เขาหันมาถามเด็กน้อยของตน ซึ่งเด็กตัวเล็กของเขาก็ตอบกลับมาเหมือนเด็กที่ผู้ใหญ่สัญญาว่าจะให้ของถูกใจ


   “ ครับไม่ลืมหรอก ”


   “ สัญญานะ ”


   “ ครับ สัญญา ”


   มารินว่า พลางยกนิ้วก้อยขึ้นมา ซึ่งเขาก็เกี่ยวก้อยตอบกลับไป


   “ พี่ว่า วันนี้เรากลับกันก่อนดีกว่าดึกมากแล้ว และอีกอย่างน้ำค้างแรงมากแล้วด้วย แถมยังตัวเปียกเป็นลูกแมวตกน้ำแบบนี้ เดี๋ยวป่วยกันพอดี ”


   “ แหม... มาว่ารินเป็นลูกแมวตกน้ำ สภาพพี่ก็ไม่ต่างจากรินนักหรอก ทำมาพูดดี ”


   เขาว่าเด็กหนุ่มที่ได้ใจเขาไปกว่าครึ่ง แต่ก็ย้อนกลับมาทันควันเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่สายหน้าขำๆกับอาการแบบเด็กๆของคนที่ตนเองมีใจให้ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วส่งมือให้กับอีกฝ่าย


   มารินเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วนิ่งไปนิดหนึ่ง เหมือนคนกำลังชั่งใจแต่สุดท้ายก็ส่งมือตอบกลับไป ให้เขาช่วยดึงลุกขึ้น


   “ ใส่เสื้ออีกตัวดีกว่า ขับรถกลับ กลางดึกแบบนี้ลมแรง ยิ่งตัวเปียกๆอย่างนี้ไม่ค่อยดี เดี๋ยวจะหนาว แล้วพาลไม่สบาย ”


   เขาเอ่ยขึ้น เมื่อเดินมาถึงรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ ก่อนที่เขาจะส่งเสื้อแขนยาวของเขาให้คนน่ารักตัวเล็ก


   “ แต่.... ”


   “ ไม่ต้องแต่เลย ดูซิสั่นเป็นเจ้าเข้าแล้วยังจะมาดื้ออีก ”


   มารินตั้งท่าจะปฏิเสธ เขาจึงดุอย่างไม่จริงจังมากนัก มารินจึงรับเสื้อของเขามาใส่ทับเสื้อของตนเองอีกชั้น เมื่อสวมเสื้อของเขาแล้วสิ่งที่รู้สึกได้ก็คือกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ ไม่ต่างจากผ้าเช็ดหน้าของเขาแม้แต่น้อย


   เขาขับรถเรื่อยๆ เพราะกลัวว่าเด็กของตนจะหนาว มารินส่งเสียงจ้อยๆอยู่ได้ไม่นานนักก็เงียบเสียงไป จนเขาต้องต้องเรียกดู แต่ก็ไม่ตอบรับ จนเขาต้องจอดรถข้างทางเพื่อดูว่าอีกคนเป็นอะไรหรือเปล่า แต่สิ่งที่เขาเห็นนั้น ก็ทำให้อดที่จะขำไม่ได้


   “ หลับ จริงๆเลย ”


   เขาส่ายหัวอย่างปลงๆ ก่อนจะขับรถต่อไป แต่ก็ระวังมากขึ้นเพราะกลัวคนที่ซ้อนท้ายจะพลัดตกไป


   “ น้องริน.... น้องรินครับ ถึงแล้วครับ ”


   “ ครับ ถึงแล้วเหรอครับ ขอบคุณครับ”


   เขาปลุกเด็กหนุ่มเมื่อมาถึงหน้าหอของเจ้าตัวแล้ว ซึ่งมารินก็ยังงัวเงีย แบบคนไม่ตื่นดี ก่อนจะขอบคุณเขาแล้วเดินเข้าหอของตัวเองซึ่งกว่าเจ้าตัวจะตื่นดี ก็ตอนที่มายืนอยู่ในห้องของตัวเอง และโดนจู่โจมแบบไม่ทันตัวจากเพื่อน 3 แฝดนั่นแหละ


   “ ริน แกไปไหนมาวะ พวกเรารอตั้งนาน ”


   “ ใช่ๆ แล้วไปเปียกน้ำที่ไหนมา ”


   “ แล้วนั่น เสื้อใครเหรอ ”

   3 แฝดที่ตั้งตัวเป็นศาล รุมซักถามเป็นการใหญ่ แต่นั่นก็ทำให้มารินรู้ว่าตัวเองลืมคืนเสื้อให้เขา


   “ นั่นดิ เสื้อใคร บอกมาเร็ว ”


   3 แฝดเร่งเร้า ซึ่งมันก็ทำให้มารินหน้าขึ้นสี โดยที่ตนเองไม่รู้ว่าทำไม ก่อนที่จะหาข้ออ้างฝ่าวงล้อมของเพื่อนร่วมห้อง


   “ เอาน่า ไว้เล่าให้ฟังทีหลังนะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน ดึกแล้วนะ ”


   ว่าจบเจ้าตัวก็รีบคว้าอุปกรณ์อาบน้ำ จ้ำอ้าวออกจากห้องไปทันที


   “ โอ๊ย!!! เราเป็นอะไรไปเนี่ยะ ลืมคืนพี่เขาได้ไง แล้วที่นี้จะตอบ3 แฝดว่าอย่างไงล่ะเนี่ยะ มีหวังโดนล้อแหงๆ ”


   มารินยืนงืมงำอยู่ในห้องน้ำคนเดียว หน้าขึ้นสีระเรื่อเมื่อนึกได้ว่า ตนเองทำเรื่องน่าอายเอาไว้ อยู่ๆก็นั่งเกาะหลังเขาหลับเป็นลูกลิง พอโดนปลุกก็เดินขึ้นห้องมาแบบเบลอๆ ไม่รู้เจอกันอีกตนเองจะทำหน้าอย่างที่ไปทำเรื่องน่าอายให้เขาเห็นเสียแล้ว



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   “ นี่เซาธ นอธ แกว่าเสื้อตัวนี้ของใคร ”


   อีสท หยิบเสื้อที่เพื่อนห้องถอดแขวนไว้ ก่อนที่เจ้าตัวจะชิ่งหนีขึ้นมาถามพี่น้องฝาแฝดของตัวเอง


   “ หอมด้วย อย่างกับกลิ่นดอกไม้ป่า แต่หอมดีนะ ”


   “ ของผู้หญิงเหรอ ”


   “ บ้าดิ!!! แบบเสื้อผู้ชายชัดๆ ”


   “ เออ... ใช่ ”


   “ แล้วมันของใคร ”


   ทั้ง 3 แฝดประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกันพลางมองหน้ากันอย่างสงสัย ว่ามันของใครกันแน่


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   “ พี่โอกลับมาแล้วเหรอครับ อ้าวแล้วไปทำอะไรมาเปียกมะลอกมะแล่กมาเชียว ”

   “ ไอ้บ้าเวฟ พี่เขาเป็นคนนะโว้ย พูดยังกับพี่เขาเป็นม่ะ.... ”


   “ แหม ว่าแต่ข้า แกก็ปากปีจอเหมือนกันแหละวะไอ้ชอ ”


   เวฟทักเขา เมื่อเขาเปิดประตูห้องเข้ามา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของน้องห้องอีกคนของเขา


   “ เออ... แต่ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย ใช่มั้ยครับพี่โอ ”


   “ ไม่ต้องเถียงกัน.... ทั้งคู่นั่นแหละ เรา 2 คนไม่เบื่อบ้างหรือไง ตีกันเป็นเด็กๆได้ทุกคืน ”


   เขาขัดขึ้น เมื่อเห็นว่าน้องห้องบวกตำแหน่งน้องรหัสของเขา เริ่มที่จะตั้งป้อมก่อสงครามน้ำลายกันอีกแล้ว


   “ ก็แหมพี่โอครับ เห็นใจเราหน่อยไม่ได้เหรอ วันไหนไม่ได้กัดกับไอ้คุณชอ วันนั้นนอนไม่หลับอ่ะครับ ”


   เวฟว่า พลางทำหน้าตาน่าสงสารสุดฤทธิ์ แต่เขากลับเห็นว่ามันน่าจะ... มากกว่า


   “ พอเลยไอ้คุณเวฟ แค่นี้คนอื่นเขาก็มองว่าห้องนี้เป็นเกย์กันหมดแล้ว เดี๋ยวพี่รหัสฉันขายไม่ออกพอดี ”


   ชอว่า เมื่อทนเห็นเพื่อนของตัวเองทำท่าทางออดอ้อนไม่ไหว


   “ ทำไมวะ ก็เราเป็นอย่างที่เขาว่ากันจริงๆไม่ใช่เหรอ ตัวเอง ”


   “ ไอ้บ้าเวฟ อย่านะโว้ย ขนลุกหมดแล้ว ”


   เวฟเอ่ยขึ้น พลางทำท่าทางกระตุ้ง กระติ้ง และเกาะแขนของชออย่างมีจริต จนคนโดนเกาะต้องโวยวาย พร้อมกับวิ่งไปหลบอยู่หลังพี่ห้อง


   “ แหมชออ่ะ ทำเป็นกลัว ”


   “ อย่านะโว๊ย อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นข้ายันแกจริงๆด้วย ”


   เวฟเดินเข้าหาชอที่หลบอยู่หลังเขา พร้อมกับยกเท้าขึ้นมาเตรียมพร้อมที่จะส่งเพื่อนกลับไปอย่างที่บอก


   “ ไอ้บ้าเอ๊ย... ข้าไม่ใช่โว๊ย แหมทำมาเป็น.... ”


   “ ใครจะไปรู้วะ เกิดแกเป็นพวกอีแอบขึ้นมา ข้าเสียหายนะโว้ยใช่มั้ยครับพี่โอ ”


   เวฟเลิกทำท่าท่างมีจริต แล้วจึงหันมาโวยใส่เจ้าคนที่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง ซึ่งเจ้าคนโดนโวยก็ยังเถียงไม่เลิก แถมยังดึงเขาไปเป็นพวกด้วย


   “ ไอ้บ้า ถึงข้าจะเป็นจริงอ่ะนะ แกก็ไม่ใช่สเป็คหรอกโว้ย อย่างข้าน่ะ ต้องแบบนี้.... ”


   ชอว่า พลางส่งสายตาหยาดเยิ้ม ชวนสยองขวัญให้เขา แต่ก็นะมีบางอย่างที่เขาจับได้ นั่นก็คือสายตาของเวฟที่มองชออย่างเคืองๆ ประมาณว่าต้องมีเคลียร์หลังไมค์ แต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยผ่านไป เพราะมันเป็นเรื่องของคน 2 คน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเขาก็เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องเสียแทน


   “ เลิกเล่นได้แล้ว พี่จะไปอาบน้ำแล้ว ว่าแต่พรุ่งนี้น่ะ... ”


   “ ไปครับ ”


   “ แต่พี่ปลุกด้วยนะ ”


   เขายังพูดไม่ทันจบประโยค แต่ก็โดน 2 หนุ่มแทรกขึ้นมาเสียก่อน ราวกับว่า รู้ว่าเขากำลังจะพูดเรื่องอะไร


   “ แล้วเรารู้แล้วเหรอว่า พี่จะถามอะไร ”


   “ แหม... อยู่กับพี่มา ปีนี้ก็ปีที่ 2 แล้ว ทำไมจะไม่รู้ล่ะครับ ”


   “ ช่าย... พี่จะไปตักบาตรทุกวันเสาร์ ไม่รู้ก็แปลกแล้ว ”


   น้องห้อง และน้องรหัสเฉลย ว่าทำไมถึงรู้ว่าเขาจะถามอะไร


   “ อ้อ!!! ผมเกือบลืม ที่พี่บอกว่า ให้พวกผมสั่งประวัติน้องรินน่ะครับ ผมสั่งไปแล้วนะ ตามที่พี่สั่งทุกอย่าง ”


   เขาเคยสั่งทั้งคู่เอาไว้ว่า สามารถสั่งประวัติน้องรหัสได้เลยไม่ต้องรอเขา เพราะโดยปกติแล้วตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติต่อกันมา น้องรหัสต้องส่งประวัติส่วนตัวให้พี่รหัสก่อนรับน้อง ซึ่งคนที่จะสั่งประวัติก่อน จะต้องเป็นพี่ปี 4 ซึ่งจำนวนกี่หน้านั้นแล้วแต่จะพอใจ


   สำหรับเขาแล้ว เขาไม่เคยสั่งว่าต้องได้กี่แผ่น กี่หน้า เขาบอกแต่เพียงว่า อยากให้เขารู้อะไร แค่ไหน ก็เขียนมาแค่นั้น แต่กับชอและเวฟนั้นเขาไม่ได้สั่ง แต่เป็นพี่รหัสของเขาเมื่อปีที่แล้วที่สั่ง ซึ่งนับว่าเยอะมากทีเดียว


   “ แต่เราไม่ได้เป็นคนสั่งเองหรอกครับ เราให้เพื่อนคนอื่นสั่งต่อน่ะครับ ”


   “ แล้วน้องเขาก็ส่งแล้วด้วย พี่โออ่านก่อนเลยไหมครับ ”


   เวฟ และชอช่วยกันเล่า ก่อนจะหยิบกระดาษขนาดเอ 4 จำนวนหนึ่งส่งต่อมาให้เขา


   “ เราสั่งน้องเขาไปกี่หน้าเนี่ยะ ทำไมมันเยอะขนาดนี้เนี่ยะ ”


   เขารับกระดาษนั้นมา ซึ่งมันมีจำนวนหนาไม่น้อยทีเดียว


   “ ก็อย่างที่พี่บอกไงครับ ”


   “ ใช่ๆ พี่บอกว่า ห้ามสั่งเยอะกว่าที่เราส่งพี่ ผม 2 คนก็ทำตามที่สั่งทุกอย่างเลยนะเนี่ยะ ”


   เวฟและชอช่วยกันอธิบายสิ่งที่เขาถาม จริงอยู่ที่ว่าเขาเคยบอกไว้ว่า ห้ามสั่งมากกว่าที่ทั้งคู่ส่งเขา นั่นก็คือ 20 หน้าเอ 4


   “ แหมพี่โอครับ ผมไม่ได้สั่งเกินจากที่พี่บอกเลยนะ ผมสั่งพอดีเป๊ะ ไม่มีขาด ไม่มีเกิน เลยนะ ”


   เวฟลอยหน้า ลอยตาพูด จนน่าจะเขกหัวมันสักที แต่เขาก็ไม่อยากจะว่าอะไรอีก


   “ โห!!! น้องเค้าคิดได้ไงเนี่ยะ ”


   เวฟอุทานอย่างแปลกใจ ทันทีที่เขาเปิดประวัติขึ้นอ่าน แต่มันก็น่าอุทานอยู่ไม่น้อย เพราะคนที่โดนสั่งให้ส่งประวัติไม่ได้เย็บมุมกระดาษแบบปกติมาส่ง แต่ใช้วิธีต่อกระดาษ ตามความยาวของหน้ากระดาษ


   “ น้องเขาคงประชดเราล่ะมั้ง ”


   “ แหมพี่โออ่ะ ไม่ขนาดนั้นหรอก ลายมือน้องเขาน่ารักดีนะ อย่างนี้ผมมีคนช่วยปั่นงานแล้ว ”


   “ ไม่ต้องมามั่วเลยไอ้ท่านเวฟ แหมๆ ”


   “ ทำไมวะ มีน้องรหัสทั้งที ก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์หน่อยดิ ”


   “ ไอ้บ้า น้องเขาเป็นคน ไม่ใช่ปากกานะโว้ย ไอ้นี่ ”


   ทั้งคู่เริ่มเถียงกันอีกรอบ แต่ครั้งนี้เขาไม่อยากจะห้ามอีก จึงวางประวัติไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับอุปกรณ์อาบน้ำ


   วันนี้เป็นอีกวันที่ความสัมพันธ์ของเขากับคนที่ตนเองแอบชอบพัฒนาไปอีกขั้น ซึ่งถ้าเขาไม่เข้าข้างตนเองจนเกิน สิ่งที่ได้รับในวันนี้ก็ทำให้เขารู้ว่า อีกคนนั้นก็มีใจให้เขาเหมือนกัน แม้เขาจะยังไม่รู้ว่าจะเท่าที่เขาให้ไปหรือเปล่า แต่มันก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรตอบกลับมาเลย







ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 10
«ตอบ #17 เมื่อ27-11-2012 20:43:39 »

พึ่งเข้ามาอ่านนะชอบเรื่องนี้ค่ะอ่านได้เรื่อยๆค่ะเรื่องนี้

เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะค่ะ :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 10
«ตอบ #18 เมื่อ27-11-2012 23:03:57 »

พึ่งเข้ามาอ่านนะชอบเรื่องนี้ค่ะอ่านได้เรื่อยๆค่ะเรื่องนี้

เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะค่ะ :L2: :L2: :L2: :L2:


ขอบคุณมากมายสำหรับกำลังใจขอรับ :3123:

และขอบคุณที่แวะมาชมขอรับ :pig4:

ปล.บวกเป็ดแทนคำขอบคุณจากใจอีกทางขอรับ :กอด1:

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 10
«ตอบ #19 เมื่อ28-11-2012 17:10:15 »

เข้ามารอพี่โอกับน้องรินจ้า :3123: :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 10
« ตอบ #19 เมื่อ: 28-11-2012 17:10:15 »





KIRA_kung

  • บุคคลทั่วไป
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 10
«ตอบ #20 เมื่อ28-11-2012 20:33:52 »

เข้ามาเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน นะครับ อย่าท้อนะครับ นิยายใหม่ก็อย่างงี้แหละครับ

ต้องรอให้ผู้คนลองเข้ามาอ่าน อ่านและก็อ่านไปเรื่อยๆเขาจะมีความรู้สึกชอบและอยากติดตาม

ผลงานของผู้เขียนครับ  เรามีใจอัพ เขาก็มีใจอ่านครับ อย่าท้อนะผู้เขียน มาอัพเรื่อยๆนะครับ

ชอบครับ รอติดตาม ^^  o13 o13 o13 o13 o13 o13 อัพเรื่อยๆก็มีคนเข้ามาอ่านเรื่อยๆแหละครับ

ของผมก็เงียบเชียบเหมือนกัน ลงไปเรื่อยๆก็มีคนเข้ามาลองอ่านดู ถ้าเ้ข้าชอบเขาก็ติดตามเองแหละครับ

 :3123: :3123: :3123: :L1: :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


สู้ๆ ครับ มาให้กำลังใจ ผู้เขียน


 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

superjunior

  • บุคคลทั่วไป
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 10
«ตอบ #21 เมื่อ28-11-2012 20:42:17 »

มารอคร้าบบบบบบบบบบบบ    :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


อ่านแบบจุใจเลยอ่ะ  ไม่สะดุด o13 o13 o13 o13 o13


ปูเสื้อรอ จร้าาาาาาาาาาาาา :call: :call:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 10
«ตอบ #22 เมื่อ28-11-2012 23:49:50 »

เข้ามารอพี่โอกับน้องรินจ้า :3123: :3123:

ขอบคุณที่รอขอรับ :L2:

เข้ามาเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน นะครับ อย่าท้อนะครับ นิยายใหม่ก็อย่างงี้แหละครับ

ต้องรอให้ผู้คนลองเข้ามาอ่าน อ่านและก็อ่านไปเรื่อยๆเขาจะมีความรู้สึกชอบและอยากติดตาม

ผลงานของผู้เขียนครับ  เรามีใจอัพ เขาก็มีใจอ่านครับ อย่าท้อนะผู้เขียน มาอัพเรื่อยๆนะครับ

ชอบครับ รอติดตาม ^^  o13 o13 o13 o13 o13 o13 อัพเรื่อยๆก็มีคนเข้ามาอ่านเรื่อยๆแหละครับ

ของผมก็เงียบเชียบเหมือนกัน ลงไปเรื่อยๆก็มีคนเข้ามาลองอ่านดู ถ้าเ้ข้าชอบเขาก็ติดตามเองแหละครับ

 :3123: :3123: :3123: :L1: :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


สู้ๆ ครับ มาให้กำลังใจ ผู้เขียน


 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:


ขอบคุณสำหรับกำลังใจขอรับ (มา :กอด1: ที  จะโดนถีบไหมอ่า)

ข้าเจ้าจะสู้ต่อไปขอรับ

ท่านก็สู้ต่อไปนะขอรับ (ว่าแต่ขอท่านเรื่องอะไรขอรับ ข้าเจ้าจะขอไปเยี่ยมชมบ้าง) :3123: :3123:

สู้โว้ย

มารอคร้าบบบบบบบบบบบบ    :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


อ่านแบบจุใจเลยอ่ะ  ไม่สะดุด o13 o13 o13 o13 o13


ปูเสื้อรอ จร้าาาาาาาาาาาาา :call: :call:


ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมขอรับ

ข้าเจ้ามีแพ็คเกจเสริมพิเศษขอรับ

ข้าเจ้าเตรียมขนม นม เนย น้ำชา กาแฟ นมร้อน นมเย็น ไว้รอบริการขอรับ :pig2:

ขอบคุณทุกการเยี่ยมชม ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณทุกคอมเมนต์ขอรับ

ปล.บวกเป็ดให้ทุกคนขอรับ

ปล.2 วันนี้มิได้อัพขอรับข้าเจ้าหนีไปลอยกระทงขออภัยทุกท่านขอรับ :call:

สัญญาว่าพรุ่งนี้จะมาอัพให้ขอรับ :L2:

ขอบคุณอีกครั้งขอรับ :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2012 23:52:57 โดย Ice_Iris »

KIRA_kung

  • บุคคลทั่วไป
555555  ไมุ่ึึถีบหรอก คร้าบบบ บ บ  :z6:

เรื่องของผมตามหัวข้อกระทู้ก็  oOo เมิงตู...เพื่อนกันไม่ตลอดไป oOo

ตอนนี้อัพถึงตอนที่ 10 มาเยี่ยมชมได้นะครับ ผู้เขียน  :pig2: :pig2: :pig2:

ผมก็ไปลอยกระทงเหมือนกัน  สุ้ๆเน้อ ผู้เขียน  o13

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
555555  ไมุ่ึึถีบหรอก คร้าบบบ บ บ  :z6:

เรื่องของผมตามหัวข้อกระทู้ก็  oOo เมิงตู...เพื่อนกันไม่ตลอดไป oOo

ตอนนี้อัพถึงตอนที่ 10 มาเยี่ยมชมได้นะครับ ผู้เขียน  :pig2: :pig2: :pig2:

ผมก็ไปลอยกระทงเหมือนกัน  สุ้ๆเน้อ ผู้เขียน  o13

ย่องๆๆๆ  ไป  :mc4:

เจอกันที่กระทู้ขอรับ :L2:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0



ตอนที่ 11




   เช้าวันเสาร์ เวลาแห่งการพักผ่อนของทุกคน หลายคนคงไม่อยากลุกจากที่นอนอันแสนอบอุ่น แต่นั่นคงไม่ใช่เขา เพราะทุกวันเสาร์หากไม่มีอะไรติดขัด เขาจะไปตักบาตรตอนเช้าทุกครั้ง และในวันนี้ก็เช่นกัน


   “ เวฟ ชอ ตื่นได้แล้ว ”


   “ อีกนิดนะครับ ”


   “ ไม่ได้ ตื่นเร็วๆเลย ถ้าไม่ตื่น พี่ไปก่อนนะ ”


   เขาปลุกน้องห้องอีก 2 คน ให้ลุกขึ้นอาบน้ำ ส่วนตัวเขาเองนั้น เขาแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว


   “ อีกหน่อยก็ไม่ได้ ”


   ชอและเวฟที่สุดท้ายก็ต้องย้ายร่างของตัวเองออกจากเตียงนอนไปอาบน้ำ เวฟ และชอมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน ซึ่ง 1 ในนั้นก็คือ หลับแล้วปลุกยาก เขาซึ่งเป็นทั้งพี่ห้อง และพี่รหัสรับรู้ได้เป็นอย่างดี เพราะต้องคอยปลุกน้องทั้งคู่ทุกวัน

   “ น้องรินจะตื่นหรือยังนะ ”


   เขายืนรำพึงอยู่หลังห้อง พลางคิดถึงน้องรหัสอีกคนของตนเอง


   “ ลองโทรไปดูก็แล้วกัน ”


   หลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ไปหาคนที่อยู่ในใจ


   “ สวัสดีครับ ”


   เสียงจากปลายสายตอบกลับมา แม้จะเป็นเสียงที่ไม่สดใสเช่นปกติคล้ายกับเสียงของคนที่เพิ่งตื่นนอน


   “ อรุณสวัสดิ์ครับ พี่โทรมารบกวนหรือเปล่าครับ ”


   “ ใครครับ ”


   “ พี่โอเอง จำได้มั้ยครับ ”


   “ ครับ.... แล้วพี่โอได้เบอร์รินมาจากไหนครับ ”


   เสียงปลายสายถามกลับมา ทำให้เขาอึ้งไปเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าจะตอบได้อย่างไรว่า ได้มาจากประวัติของเจ้าตัวที่เขียนส่งมา


   “ อ๋อ.... ก็จากประวัติเมื่อตอนที่ถามเอาไว้แต่แรกไงครับ ”


   เขาหาทางออกจนได้


   “ อ๋อครับ แล้วพี่โอมีอะไรหรือครับ โทรมาแต่เช้า ”


   มารินถามอย่างแปลกใจ เพราะร้อยวันพันปี ไม่เคยมีใครโทรมาหาตนเองแต่เช้า แม้ว่าตนจะไม่ใช่คนตื่นสายก็ตาม แต่นี่มันยังไม่สว่างดีเลย


   “ คือว่า... วันนี้มีตลาดนัดตอนเช้า พี่ก็เลยโทรมาชวน เผื่อว่าเราอยากจะหาอะไรร้อนๆรองท้อง อ้อ!!! แล้วก็จะได้ตักบาตรด้วย ”


   “ ตักบาตรหรือครับ ดีเลย กำลังอยากทำบุญอยู่พอดีเลย แต่... ”


   เขาอธิบายถึงสาเหตุที่โทรมาแต่เช้า ซึ่งอีกฝ่ายตอบกลับอย่างดีใจ แต่ในท้ายประโยคกลับฟังดูเบาลงไป


   “ มีอะไรหรือครับ ทำไมเสียงอ่อยไป ”


   เขาถามถึงสาเหตุที่ทำให้เสียงดีใจในตอนตอนนั้นเบาลงไป


   “ คือว่า รินก็อยากไปนะครับ แต่ไม่อยากปลุกเพื่อนๆน่ะครับ แล้วอีกอย่างรินเองยังไม่มีรถเลย ”


   มารินอธิบายให้เขาฟัง ว่าทำไมตนถึงเสียงอ่อนลงไป


   “ อ๋อ... เรื่องนั้นไม่มีปัญหาอะไรหรอก ถ้าน้องรินจะไป เดี๋ยวพี่ไปรับที่หน้าหอก็ได้ ”


   “ จริงๆนะครับ งั้นพี่รอแป๊บนะ รินไปล้างหน้าก่อน ”


   เขาบอก ซึ่งมันก็ทำให้เด็กหนุ่มสดชื่นขึ้นมาทันที


   “ พี่โอ ยืนยิ้มอะไรคนเดียวครับ ”


   เสียงของน้องห้องตัวแสบดังขึ้นด้านหลัง ทำเอาเขาที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ในใจสะดุ้งน้อยๆ


   “ มีอะไรเหรอ ”


   “ ก็ไม่มีอะไรครับ แค่เห็นพี่ยืนเหม่อๆอยู่ ก็เลยลองเรียกดู ”


   “ หรือว่าพี่คิดถึงใครอยู่หรือเปล่า ”


   “ ไม่ต้องมาพูดเลย ไปแต่งตัวได้แล้ว มายืนเป็นชีเปลือยอยู่ได้ พี่ไม่หวั่นไหวหรอกนะ ”


   “ ไม่หวั่นไหวจริงๆเหรอฮ้า ”


   “ พอๆ ไม่เอาแล้ว ไปแต่งตัวเลยไป เดี๋ยวไม่ทันใส่บาตร ”


   “ แหมพี่โอก็ ไปแต่งตัวก็ได้ ”


   เขาดุน้องห้องอย่างไม่จริงจังมากนัก เมื่อเจ้าน้องตัวแสบทั้งคู่กำลังทำเหมือนกับว่า เขาเป็นคู่ชูชื่นเสียอย่างนั้น ซึ่งคนที่โดนดุก็ไม่ว่าอะไร ก่อนจะแยกย้ายกันไปแต่งตัว


   “ พี่โอ ถามจริงเหอะ พี่บอกว่าเดี๋ยวไม่ทันใส่บาตร แต่พี่ก็ไปใส่ที่วัดทุกที ”


   “ ช่าย.... ขนาดพระท่านเดินอยู่พี่ก็ไม่ใส่ แถมยังทำตัวเป็นเด็กวัดไปช่วยพระท่านถือของอีก แล้วพี่จะกลัวไปใส่บาตรไม่ทันทำไมเนี่ยะ ”


   เวฟและชอที่แต่งตัวอยู่ในห้องตะโกนถามด้วยความแปลกใจ ด้วยว่าโดยปกติแล้ว เขามักจะไปใส่บาตรที่วัดทุกครั้ง ยังไงก็ไม่ต้องกลัว ว่าจะไปไม่ทันอยู่แล้ว


   “ เอาเถอะน่า เราไปรอ ก็ยังดีกว่าให้พระท่านรอไม่ใช่เหรอ ”


   เขาพูดกับเจ้าคนขี้สงสัย


   “ มันก็ใช่ครับ แล้วที่พี่รีบไปเนี่ยะ พี่จะรีบไปช่วยพระท่านถือของมากกว่ารีบไปใส่บาตรใช่มั้ยครับ ”


   ชอถามขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีเวฟพยักหน้าหงึกหงักอยู่ข้างๆ


   “ อ้าว ก็รู้กันอยู่แล้วจะมาถามพี่อีกทำไมล่ะ เพราะฉะนั้น เร็วๆเลยทั้งคู่นั่นแหละ ”


   เขาเร่งน้องรหัสทั้งคู่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทั้ง 2 คนยังพิรี้พิไร แต่งตัวไม่เสร็จสักที


   “ อ้าว!!! วันนี้พี่โอจะเอารถไปเองเหรอ ”


   ชอถามขึ้น เมื่อเห็นเขาเดินแยกตัวไปไขกุญแจรถของตนเองที่จอดอยู่อีกด้าน โดยปกติแล้วหากจะไปไหนกัน เขาและน้องมักจะไปด้วยกันเสมอแต่วันนี้ เขาเอารถไปเองจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะโดนถาม


   “ ก็เราไม่ได้ไปกันแค่ 3 คน รถคันเดียวคงไม่พอ ”


   “ อ้าว!!! เหรอครับ แล้วมีใครด้วยอีกเหรอครับ ”


   “ หรือว่า พี่แอบนัดสาวที่ไหนเอาไว้แล้วไม่บอกเรา 2 คน ”


   เขาตอบ แต่มันก็เป็นการเปิดช่องให้คู่หูตัวแสบทั้ง 2 วกกลับมาหาเรื่องเขาอีกจนได้


   “ เดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า ป่านนี้น้องเขารอแล้วล่ะ มัวแต่โม้กันอยู่เนี่ยะแหละ ”


   เขาพูดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกมา ก่อนที่เจ้าคนขี้สงสัยจะตามหลังมา


   “ รอนานมั้ยครับ ”


   เขาถามเมื่อเห็นว่าคนที่ตนเองโทรไปปลุกลงมายืนรออยู่ที่หน้าทางเข้าหอ


   “ ไม่หรอกครับ รินเพิ่งลงมาเมื่อกี้เอง ”


   “ แหมไอ้เราก็นึกว่านัดสาวที่ไหน ที่แท้ก็คนแถวนี้นี่เอง ”


   เจ้าคนปากมาก ยังทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี เพราะพอรู้ว่าเขามารับใคร มันก็พูดขึ้นทันที


   “ นี่เวฟ พี่ว่าถ้านายไม่พูดเนี่ยะ ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอกนะ ”


   “ สมน้ำหน้าไอ้ปากปีจอ พี่โอครับ สะใจผมจริงๆ พี่น่าจะพูดอย่างนี้มาตั้งนานแล้วนะปล่อยให้ไอ้เวฟมันลามเป็นขี้กลากอยู่ได้ตั้งนาน ”


   เขาว่าเวฟ แต่นั่นก็เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้กับชอที่รออยู่ก่อนแล้ว ส่วนเจ้าคนโดนรุมก็ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว


   “ ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ทันพอดี ”


   เขาเอ็ดน้องๆอย่างไม่จริงจังนัก แต่มันก็ได้ผลเกินคาด เมื่อน้องห้องตัวแสบยอมหุบปากลงได้ กว่าที่ทั้ง 4 คนจะออกเดินทาง แสงสีทองก็เริ่มจับขอบฟ้าแล้ว


   “ พี่โอครับ วัดที่เราจะไป อยู่ไกลมั้ยครับ ”


   มารินถามขึ้น เมื่อเขาขับรถมาได้ระยะหนึ่ง แต่เสียงที่เอ่ยออกมานั้นสั่นแบบแปลกๆ


   “ ก็อีกประมาณครึ่งทางน่ะครับ น้องรินมีอะไรหรือครับ หนาวหรือเปล่า เสียงสั่นๆ ”


   เขาถามเมื่อเห็นว่าเสียงของเด็กตัวเล็กของเขานั้นฟังเหมือนคนหนาว


   “ ก็นิดหน่อยครับ มันเย็นน้ำค้างน่ะครับ ”


   มารินตอบเขาด้วยเสียงที่พยายามจะทำให้เป็นปกติที่สุด


   “ อ้าว!!! พี่จอดรถทำไมหรือครับ พี่เวฟกับพี่ชอไปนู่นแล้ว ”


   มารินเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าเขาหยุดรถอยู่ข้างทาง แต่เขาก็ไม่ตอบว่าอะไร เพียงแต่ถอดเสื้อแขนยาวตัวนอกส่งให้แทน


   “ ใส่ซะนะ เดี๋ยวไม่สบาย พี่ลืมบอกไปว่าช่วงเช้าๆน้ำค้างที่นี่จะแรงมาก อีกอย่างแถวนี้ต้นไม้เยอะ ก็เลยเย็นกว่าปกติ ”


   “ แต่... เอ่อ ถ้าพี่ให้รินแล้ว.... ”


   มารินยังไม่กล้าจะรับ เพราะว่าหากเขาให้ตนเอง เขาก็จะเหลือเพียงเสื้อตัวในตัวเดียว และเขาที่เป็นคนขับรถย่อมเย็นกว่าตนแน่ๆ

   “ ไม่ต้องแต่เลย แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอกแถวบ้านพี่เย็นกว่านี้อีก แต่ที่ใส่เนี่ยะ พราะความเคยชินมากกว่า ”


   เขาว่า แต่มารินก็ยังไม่ยอมรับมาอยู่ดี สุดท้ายก็เป็นเขาที่ต้องบังคับใส่ให้เสียเอง


   “ อย่าดื้อสิครับ ถ้าป่วยไปจะทำอย่างไร เดี๋ยวสายกว่านี้ก็จะดีขึ้น อากาศจะอุ่นขึ้น ”


   เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ช่วยสวมเสื้อให้คนที่ตนเป็นห่วงเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะสตาร์ทi5แล้วขับไปข้างหน้าอีกครั้ง


   อีกครั้งแล้วที่เขาให้ยืมเสื้อ ซึ่งในครั้งนี้นั้นความรู้สึกที่ได้รับ มันก็ไม่ได้ต่างจากครั้งแรกเลย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อที่มีสัญลักษณ์ ‘ สมอ อะตอม ’ ที่เป็นสัญลักษณ์ของภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเลที่รุ่นพี่หลายคนเคยบอก


   เหนือซิปของเสื้อมานิดหนึ่ง ปักชื่อของเขาเอาไว้เช่นเดียวกับที่แขนด้านซ้าย ด้านหลังเป็นเป็นรูปเรือเดินทะเลสมัยโบราณ มีสัญลักษณ์ของสาขาวิชาปักอยู่ แต่อีกด้านมารินยังไม่รู้ว่าเป็นรูปอะไร เพราะเสื้อตัวนี้ใส่ได้ทั้งสองด้าน


   ไม่นานนักทุกคนก็มาถึงตลาดเช้าที่เขาบอก ผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของยังไม่มากนัก เพราะยังเช้าอยู่เขาพาเจ้าของร่างสูงโปร่งมาซื้ออาหารสำหรับตักบาตร ก่อนจะซื้อน้ำ และพามารอตักบาตรที่ฝังตรงข้ามกับตลาด


   “ น้องรินจะตักที่นี่เลย หรือว่าจะไปตักที่วัดครับ ”


   “ แหมพี่โอครับ ก็ให้น้องเขาไปตักในวัดแหละ เราจะได้ไม่หนักมากกว่าเดิม ”

   “ ไอ้เวฟ ข้าได้ยินว่าพี่เขาถามน้องนะ หรือว่าแกชื่อริน ”


   เขาหันมาถามมาริน แต่เวฟก็ชิงตอบตัดหน้าไปเสียก่อน ทำให้ชอต้องหันมาว่าเพื่อนตัวเอง


   “ มีอะไรหรือครับ ”


   “ คือว่าอย่างนี้ครับน้อง พี่โอของเราน่ะ ชอบทำตัวเป็นเด็กวัดจำเป็น ประจำแหละ ”


   “ ไอ้เวฟ แกนี่สอใส่เกือกได้ทุกสถานการณ์เลยนะ ”


   “ ไมวะ ก็ข้ากลัวพี่ห้องข้าจะเหนื่อย ก็เลยช่วยตอบแทน มันไปเกี่ยวอะไรกับแกเนี่ยะ พี่เขายังไม่ว่าอะไรสักคำ ”


   “ พอแล้ว ทั้งคู่นั่นแหละ ขนาดอยู่ต่อหน้าน้องนะ ยังไม่วายอีก ”


   เขาหยุดสงครามน้ำลายของ 2 เพื่อน(?) ก่อนที่ทั้งคู่จะทำให้ปวดหัวไปมากกว่านี้


   “ อย่างที่พี่เวฟบอกนั่นแหละ ปกติแล้วพี่จะไปใส่บาตรที่วัดเลย เพราะว่าจะช่วยพระท่านถือของก่อนน่ะ ”


   “ อย่างนั้นเหรอครับ งั้นรินไปใส่ที่วัดเลยก็ได้ ”


   เขาอธิบายให้คนที่เพิ่งมาครั้งแรกฟัง ซึ่งมารินก็รับคำเขา


   “ แล้วเราพอจะขับรถได้ไหม ”


   “ ก็พอได้นิดหน่อยครับ พ่อเคยหัดให้แต่ก็หลายปีมาแล้ว ”


   ชอถามน้องเล็กของกลุ่ม เมื่อเห็นว่าหากพี่รหัสและเพื่อนของเขาอยู่ช่วยถือของ รถที่ขับมานั้นจะเหลืออยู่อีกคันที่ไม่มีใครขับ


   “ เอาอย่างนี้แล้วกันนะ เดี๋ยวน้องรินไปกับพี่ชอเค้า พี่กับเวฟจะตามไปทีหลัง ชอดูแลน้องด้วยนะ ”


   “ ก็ได้ครับ ”


   เด็กหนุ่มรับคำ ก่อนจะรับของตักบาตรของเขามาใส่ตะกร้าหน้ารถ


   “ ขับดีๆนะ ไม่ต้องรีบ ระวังด้วย ชอดูน้องดีๆนะ ”


   เขากำชับเด็กน้อยของตนและชออีกครั้ง ก่อนที่น้องเล็กสุดจะออกรถไปพร้อมกับชอที่ติดเครื่องรออยู่แล้ว


   นานพอสมควรทีเดียวกว่าที่เขาและเวฟจะมาถึงวัด จากที่ยืนรออยู่นั้น ทำให้มารินได้รู้เรื่องหลายๆอย่างเกี่ยวกับโอเชี่ยน จากห้องน้องของเขา


   และเท่าที่รู้จากชอนั้นก็คือว่า เขาจะมาตักบาตรทุกวันเสาร์ หากไม่มีอะไรติดขัดและเขาก็จะช่วยถือของทุกครั้ง มารินออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะจากที่เห็นภายนอกเขาไม่น่าจะเป็นพุทธศาสนิกชน เพราะเขาค่อนไปทางคนต่างประเทศมากๆ


   ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง ที่เขาเป็นคนต่างชาติ แต่เป็นคนต่างชาติที่พูดประจำภาษาชาติของเด็กหนุ่มได้ชัดมาก อาจจะมากกว่าบางคนด้วยซ้ำ

   เมื่อเขามาถึง เขาก็เข้าไปจุดธูปเทียนบูชาพระ ก่อนจะมาถวายอาหารให้กับพระสงฆ์ ซึ่งพระท่านก็ให้ศีลให้พรกับทุกคนที่มาทำบุญ นอกจากนี้ยังได้กรวดน้ำอีกด้วย หลังจากที่รับศีล เมื่อรับพรแล้วเขาก็พามารินกลับมาที่ตลาดอีกครั้ง พร้อมกับเวฟและชอ


   “ วันนี้เราจะกินอะไรกันดี ”


   เขาถามขึ้น เมื่อทุกคนมายืนอยู่ที่หน้าตลาดอีกครั้ง


   “ อะไรก็ได้ครับ ที่พี่จะเลี้ยง ”


   เวฟตอบเป็นคนแรก ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ยิ้มในแบบของเขาเท่านั้น แต่มันก็เป็นยิ้มที่มารินคิดว่า เขาเป็นผู้ชายที่ยิ้มแล้วดูดีมาก แม้แต่ในยามปกติ ใบหน้าของเขา ก็เหมือนคนที่มีรอยยิ้มอยู่แล้ว และเมื่อเขายิ้ม ก็ยิ่งดูดีขึ้นไปอีก อาจจะเป็นเพราะ ลักยิ้มเล็กๆที่ประดับอยู่บนใบหน้าคมคาย ได้รูปนั้นก็ได้

   “ แหม... ไอ้คุณเวฟ ทำยังกับว่า เวลาไปไหนกับพี่โอ แกเคยออกตังค์เองอย่างนั้นแหละ ไอ้ขี้งก ”


   “ เออๆ พูดมากน่า ไปๆ กินร้านตรงนั้นดีกว่า เพราะว่ามีอาหารตั้งหลายอย่างให้เลือก ”


   ชอหันมาว่าเวฟ แต่เวฟก็ไม่ปล่อยตัวเองโดนเพื่อนกัดนาน เพราะเขารีบหาทางออกให้ตัวเองเสียก่อน


   “ เอาอย่างนั้นก็ได้ น้องรินจะได้ชิมอาหารพื้นเมืองด้วย ”


   เขาเห็นด้วยกับเวฟ แล้วทั้งหมดจึงเดินไปยังร้านที่เล็งเอาไว้ และเขายังช่วยแนะนำอาหารพื้นเมืองอีกหลายอย่างให้มารินอีกด้วย กว่าที่ทุกคนจะทานอาหารเรียบร้อยก็สายมากแล้ว ซึ่งเขาก็เป็นคนจ่ายค่าอาหารทั้งหมด อย่างที่ชอบอกไว้แต่แรก หลังจากนั้นมารินไปเลือกซื้อขนมและผลไม้อีกนิดหน่อย กลับไปฝากเพื่อนร่วมห้องของตนเองด้วย






ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
ตอนนี้ชอบพี่เวฟกับพี่ชอมาก ถ้าอยู่ด้วยกันคงไม่เงียบดี
ส่วนพี่โอกับน้องรินก็ค่อยๆเริ่มเรียนรู้กันช๊อบชอบ  :o8:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ตอนนี้ชอบพี่เวฟกับพี่ชอมาก ถ้าอยู่ด้วยกันคงไม่เงียบดี
ส่วนพี่โอกับน้องรินก็ค่อยๆเริ่มเรียนรู้กันช๊อบชอบ  :o8:

ขอบคุณขอรับ :pig4:

รับเวฟกับชอกลับบ้านไหมขอรับ แต่ระวังจะปวดหัววันละหลายเวลาเหมือนพี่โอนะขอรับ

ขอบคุณสำหรับจากติดตาม แจกเป็ดให้ขอรับ :L2:

KIRA_kung

  • บุคคลทั่วไป
5555555555 ขำชอกับเวฟ อ่ะ เถียงกันตลอดดดดด ด ด  :laugh:

พี่โอกับน้องริน คงอยากสวีทกันนะ แต่ถ้า สองคนนี้อยู่ด้วย ไม่ไหว น้าาา อิอิ   :sad4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

สนุกครับ ชอบๆ เอาใจผมไปเลย คนเขียน ^^ สู้ๆครับ  o13 o13 o13

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
5555555555 ขำชอกับเวฟ อ่ะ เถียงกันตลอดดดดด ด ด  :laugh:

พี่โอกับน้องริน คงอยากสวีทกันนะ แต่ถ้า สองคนนี้อยู่ด้วย ไม่ไหว น้าาา อิอิ   :sad4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

สนุกครับ ชอบๆ เอาใจผมไปเลย คนเขียน ^^ สู้ๆครับ  o13 o13 o13

เวฟกับชอเขาเถียวกันเพราะรัก(เหรอ)  :a5:

ส่วนพี่โอกับน้องรินเขาก็สวีทได้ไม่แคร์สื่อ เพราะพี่โอเป็นคนเปิดเผย กั่กๆ

ขอบคุณที่ติดตามขอรับ

มอบเป็ดเหลืองแทนใจเช่นเคยขอรับ :L1:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด