คำโปรย.........
รักแต่ต้องห้ามใจไม่ให้รัก มันเจ็บ เจ็บมากรู้ไหม ทะเลอยู่ในอ้อมกอดมหาสมุทรฉันใด รักฉันจะมีเธออยู่ฉันนั้น
ตอนที่ 1
วู้นนนน!!!!!
เสียงหวีดของหวูดรถไฟดังขึ้น เด็กหนุ่มคนหนึ่งลืมตาขึ้นมองทิวทัศน์รอบนอก บรรยากาศรอบๆตัว เปลี่ยนจากป่าไม้ เป็น
บ้านเรือนของผู้คน ที่ปลูกกระจายกันอยู่ อากาศยามเช้าอันสดชื่น ต่างจากในเมืองหลวงมากมาย เด็กหนุ่มกดกระจกหน้าต่างให้
ต่ำลง เพื่อสูดอากาศได้เต็มที่
“ เฮ้อ!!! แถวนี้อากาศดีจังเลย ป่านนี้พ่อกับแม่คงไปทำงานแล้ว จะว่าไปแล้วก็ใจหวิวๆเหมือนกันนะ ”
เด็กหนุ่มคนเดิม กล่าวขึ้นลอยๆ เหมือนรำพึง รำพัน แต่นั่นก็พอทำให้ใครอีกหลายๆคนที่นั่งอยู่ข้างๆหันมามองอย่าง
แปลกใจ ส่วนคนที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองกำลังตกเป็นเป้าสายตา ก็ได้แต่ส่งยิ้มเขินๆตอบกลับไป
“ หนูเป็นคนที่ไหนเหรอ หน้าตาไม่น่าใช่คนท้องถิ่น ”
หญิงสาวสูงอายุ ที่นั่งอยู่ข้างๆถามขึ้น พร้อมกับรอยยิ้ม
“ ครับ ริ....เอ่อผมเพิ่งมาจากเมืองหลวงน่ะครับ ”
“ อืม... จะลงไปเที่ยวหรือ ”
“ ไม่ใช่หรอกครับป้า คือว่าริน เอ้ย!ผมเลือกมาเรียนที่นี่น่ะครับ ”
หญิงสาวสูงวัยทำหน้างงๆกับคำตอบของเด็กหนุ่ม ก่อนที่จะเอ่ยถามต่อ
“ แทนตัวเองอย่างที่เคยก็ได้ลูก ว่าแต่มาจากเมืองหลวง แล้วทำไมเลือกมาเสียไกลเลย แถวนู้น
ก็มีที่เรียน ที่มีชื่อเสียงตั้งมากนี่นา ใครๆเค้าก็อยากไปเรียนในเมืองหลวงกันทั้งนั้น ทำไมลงมาเรียนที่นี่ล่ะ ”
คำถามของหญิงสาววัยเกษียณ ทำให้เด็กหนุ่มนึกย้อนกลับไปถึงสาเหตุที่ตนเองมานั่งอยู่ในรถขบวนนี้
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
‘ ทำไมลูกเลือกไปเรียนไกลนักล่ะ ใกล้ๆบ้านเราก็มี ’
‘ แหมแม่ครับ ก็รินเลือกเรียนสายนี้นี่ครับ แล้วแถวบ้านเราก็ไม่มีทะเลด้วย แบบว่ารินอยากเรียนแบบใกล้ชิด ติด
สถานการณ์ แล้วรินก็เข้าไปหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่มาแล้วด้วย ที่นั่นเค้ามีชายหาดอยู่ภายใน ‘มอเลยนะครับ ’
เด็กหนุ่มพูดจ้อยๆ อยู่กับหญิงวัยกลางคน และชายวัยเดียวกัน ที่ยืนอมยิ้มกับท่าทีของสองคนต่างวัย เมื่อเด็กหนุ่มนั้น
กำลังเริงร่าแบบสุดๆ กับสาวใหญ่ที่หน้ามุ่ยแบบสุดๆเช่นกัน
‘ คุณคะ พูดอะไรบ้างสิ ยืนยิ้มอยู่ได้ ’
‘ แล้วเราจะไปเมื่อไหร่ พ่อตัวดี ’
‘ กำหนดรายงานตัว เดือนหน้าครับพ่อ ’
‘ คุณคะ!!! รีหมายความว่า ให้คุณห้ามลูก ไม่ใช่... ’
‘ คุณรี ลูกเราน่ะโตแล้ว ลองปล่อยให้แกไปเจออะไรด้วยตัวเองบ้าง แกจะได้แข็งแกร่งขึ้น ’
‘ คุณก็เป็นอย่างนี้ทุกที ตามใจลูกเสียทุกเรื่อง ’
ผู้เป็นภรรยาทำหน้าไม่พอใจหน่อยๆ ที่สามีไม่ช่วยตนเองห้ามปรามบุตรชายคนเดียวแม้แต่น้อย แถมยังส่งเสริมอีก
‘ แล้วเราล่ะ ติดที่ไหนบ้าง ’
ผู้เป็นพ่อถามบุตรชาย ที่กำลังยืนยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมที่พ่อไม่ว่าอะไร แถมยังช่วยพูดส่งเสริมอีกด้วย
‘ ก็ 3 ที่ครับ แต่... รินเลือกที่นี่ ’
‘ คิดดีแล้วใช่มั้ย ’
‘ ครับพ่อ รินนั่งคิด นอนคิด ตีลังกาคิด... ’
‘ พอๆ ไม่ต้องนอกเรื่องเลย ถ้าลูกคิดดีแล้ว พ่อก็แล้วแต่ลูกแล้วกัน แต่อย่ามาโอดครวญทีหลังนะ ถ้ามาร้องโอดโอยที
หลังล่ะก็.... ’
ผู้เป็นพ่อพูดขัดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าลูกชายเจ้าปัญหาของตัวเอง กำลังฝอยมากเกินไป พร้อมกับสำทับในสิ่งที่ลูกคิดว่าดีที่
สุดสำหรับตนเองแล้ว
ส่วนคนเป็นแม่ ก็นั่งยังตีหน้าเหมือนยักษ์วัดโพธิ์ไม่ยอมเปลี่ยน ที่สามีและลูกเข้ากันเป็นปี่ เป็นขลุ่ย ไม่มีใครเห็นด้วยกับ
ตนเองเลย ทำให้ลูกชายตัวดี ต้องหันมาประจบแม่ตัวเอง
‘ แม่ครับ อย่าเพิ่งงอนนะ รินสัญญาว่าจะกลับบ้านบ่อยๆเท่าที่มีโอกาส จะโทรหาทุกวันเลย ’
เด็กหนุ่มพูด พลางเข้ามากอดผู้เป็นแม่ พร้อมกับโปรยยิ้มหวานแบบสุดฤทธิ์ เพื่อให้แม่เลิกทำหน้ายุ่งเสียที
‘ ไม่ต้องทำมาพูดดี พอกันทั้งคู่เลย พ่อลูกคู่นี้ ’
‘ ทำอย่างกับคุณไม่เคยตามใจลูกงั้นแหละ ’
ผู้เป็นพ่อที่โดนนินทาระยะเผาขน ประท้วงขึ้น ส่วนแม่ที่ตอนนี้โดนลูกออดอ้อนอยู่นั้น ได้แต่ทำหน้าดุใส่สามี
ลูกชายตัวดี ที่เป็นคนต้นเรื่อง ก็ได้แต่นั่งยิ้มกว้าง จนผู้เป็นพ่อต้องหันมาขยี้หัวเล่นด้วยความหมั่นไส้
‘ แล้วลูกเตรียมข้าวของหรือยัง ไปอยู่ต่างที่ ต่างทาง ต้องเตรียมเผื่อเอาไว้บ้าง เพราะไม่รู้ว่า ทางนู้นน่ะ จะเหมือนบ้าน
เราหรือเปล่า ’
ผู้เป็นแม่ ถามขึ้น เมื่อเห็นว่าไม่สามารถห้ามปรามได้อีก สิ่งที่จะทำได้ก็คงเป็น จัดเตรียมความพร้อมให้กับว่าที่นักศึกษา
ใหม่
‘ จริงด้วย!!! รินยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย มัวแต่ดีใจที่สอบเข้าได้ พ่อจ๋า แม่จ๋า... ’
ลูกชายตัวดีที่ยังนั่งกอดเอวผู้เป็นแม่อุทานขึ้นเหมือนเพิ่งนึกได้ ก่อนจะหันไปทำตาละห้อยให้กับพ่อและแม่ของตนเอง
‘ ไม่ต้องมาจ๋า มาขาเลย จะเอาขาไหนล่ะ ขาซ้ายหรือขาขวา หรือจะเอาทั้งสองเลย ’
‘ แหมพ่ออ่ะ รินลืมแค่นี้ก็ไม่ได้ ’
‘ เลิกเถียงกันได้แล้ว พ่อลูกคู่นี้ รีว่า วันนี้เราก็ว่างอยู่ ยังไงก็ไปเลือกซื้อเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ’
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
‘ ลูกจะไปรถไฟจริงๆหรือ ให้พ่อขับรถไปส่งไม่ดีกว่าหรือ แม่จะได้ดูด้วยว่า ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง ’
‘ คือว่า... รินอยากรู้ว่า นั่งรถไฟเป็นยังไง รินยังไม่เคยซักทีนะครับพ่อ นะครับ ’
เสียงสนทนาดังขึ้นภายในบ้านหลังเดิม เมื่อผู้เป็นแม่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของลูกชาย ส่วนลูกชายตัวดี ที่โดนแม่
ขัดเรื่องการเดินทาง ทำให้เจ้าตัวต้องหาผู้ช่วย ซึ่งก็หนีไม่พ้น ผู้เป็นพ่อ
‘ เราแน่ใจนะ ว่าจะไปได้ ’
‘ แหม... พ่อครับ ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอครับ แต่รินเชื่อครับ ว่ามันคงไม่ยากเกินความสามารถ ’
‘ ถ้าลูกแน่ใจว่าลูกดูแลตัวเอง พ่อก็ไม่ว่าอะไร... ’
‘ คุณคะ!!! ’
ผู้เป็นพ่อไม่ว่าอะไรกับความเห็นของลูกชายคนโปรด แต่ผู้เป็นแม่ ที่เห็นว่าสามีเห็นดี เห็นงามไปกับลูก เอ่ยขึ้นอย่างไม่
ค่อยพอใจแต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร สามีก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
‘ คุณรี ปล่อยให้แกเจออะไรด้วยตัวเองบ้าง เราน่ะเป็นห่วงได้ แต่ถ้าเป็นห่วงมากเกินไป ไม่ปล่อยให้ลูกเจออะไรด้วยตัว
เองเลย เวลาเจอปัญหา ลูกก็จะแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ และผมก็ดีใจนะ ที่ลูกของเรา เสนอตัวที่จะออกไปเจออะไรด้วยตัวเอง
เพราะนั่นเป็นสัญญาณบอกว่า ลูกของเรามีวุฒิภาวะที่เพิ่มขึ้น เราต้องปล่อยให้เขาวางแผนด้วยตัวเองบ้าง ให้เขาจัดการมันด้วยตัว
เอง ส่วนเราก็ดูแลอยู่ห่างๆ ’
สามีให้เหตุผล ว่าเหตุใดถึงเห็นด้วยกับบุตรชาย แต่ภรรยายังคงเป็นห่วงบุตรชายอยู่ เพราะมันเป็นการเดินทางไกลคน
เดียวเป็นครั้งแรก แม้ว่าที่ผ่านมาเด็กหนุ่มจะเคยออกค่ายต่างที่กับทางโรงเรียนอยู่บ่อยๆ แต่นั่นก็มีเพื่อนและครู อาจารย์ไปด้วย
‘ อย่ากังวลเลยคุณ เราไปส่งลูก ขึ้นไฟที่สถานีแล้วก็รอจนรถออกแล้วค่อยโทรถามระหว่างทางก็ได้ แล้วอีกอย่างนะ
รถไฟขบวนที่ เจ้าตัวแสบของเราจะไปน่ะ มันสุดทางที่นั่นพอดี ไม่ต้องเป็นห่วงว่า ลูกเราจะลงผิดที่ ’
‘ ส่วนเราขึ้นรถไปแล้ว ก็โทรมาบอกแม่เค้าด้วย ’
‘ ได้ครับพ่อ แค่นี้สามารถ ’
‘ ไม่ต้องทำมาดีใจออกนอกหน้าเลย ’
‘ แหมแม่ครับ นิดนึง ’
แม่ที่เห็นว่าลูกชายดีใจออกนอกหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะค่อนขอด ส่วนคนที่โดนว่าก็ส่งลูกอ้อนมาอีก จนคนเป็นแม่ไม่รู้จะทำ
อย่างไรกับลูกชายคนเดียวดี
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
สถานีรถไฟคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ที่มีจุดหมายต่างๆกัน เด็กหนุ่มร่างสูง อายุประมาณ 17 - 18 ปีคนหนึ่ง กำลัง
เดินนำหน้าชายหญิงคู่หนึ่งไปยังชานชาลาที่ 10
‘ ช้าๆก็ได้ลูก เหลือเวลาอีกตั้งมาก ’
‘ ก็รินอยากรู้นี่ครับ ว่าบนรถไฟมันเป็นอย่างไรบ้าง ’
‘ เดี๋ยวคนอื่นเค้าก็ว่าเป็นบ้านนอกเข้ากรุงหรอก ไม่รู้จักรถไฟ ’
‘ ก็ช่างเขาสิครับ ไม่เห็นต้องสนใจเลย เร็วๆสิครับ ’
ลูกชายตัวดียังเร่งไม่เลิก ส่วนผู้เป็นพ่อและแม่ก็ได้แต่ส่ายหน้า กับอาการของลูกที่เหมือนเด็กเห่อของใหม่
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
แกร๊งๆๆ!!!
เสียงเคาะระฆังของนายสถานี และเสียงประกาศบอกว่าเหลือเวลาอีกเล็กน้อย รถจะเคลื่อนขบวนออกจากสถานี
‘ พ่อครับ แม่ครับ รถจะออกแล้ว ’
เด็กหนุ่มที่เมื่อครู่ยังหัวเราะ ยิ้มแย้ม แต่ขณะนี้ กำลังทำหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ เมื่อรถใกล้จะออกจาก
สถานีแล้วจริงๆ
‘ ไม่ต้องมางอแงเลย ลูกโตแล้ว จะมาขี้แงเป็นเด็กๆได้ยังไง แล้วอีกอย่างเราก็ตัดสินใจเอง พ่อกับแม่ไม่ได้บังคับ ลูก
ต้องทำได้ พ่อเชื่อนะว่าลูกของพ่อน่ะ เก่งอยู่แล้ว อ้าวคุณ... ’
ผู้เป็นพ่อปลอบลูกชายคนเดียว แต่เมื่อหันมาเห็นภรรยาต้องแปลกใจกว่าเดิม เพราะภรรยาสาวนั้นยืนร้องไห้อยู่
‘ ผมปลอบลูก แต่คุณมาเป่าปี่เสียเองแบบนี้ เดี๋ยวลูกก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งกันพอดี ’
‘ คุณน่ะ ’
ภรรยาหันมาเอาเรื่องกับสามี ที่ว่าตนเองเมื่อครู่ ก่อนจะเข้ามาสวมกอดลูกชายอีกครั้ง
‘ ดูแลตัวเองดีๆนะลูก โทรมาหาแม่บ่อยๆนะ ’
‘ ครับแม่ ’
เด็กหนุ่มรับคำ ก่อนจะหันมากอดผู้เป็นพ่อ แล้วจึงเดินขึ้นบันไดรถไปยังที่นั่งของตนเองตามที่ระบุไว้ในตั๋ว
‘ ลูกทำได้อยู่แล้ว สู้ๆ ’
พ่ออวยพรให้อีกครั้ง ส่วนคนเป็นแม่นั้นกำลังซบไหล่ของสามี พร้อมกับโบกมือให้ลูกขณะที่รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจาก
สถานี อย่างช้าๆ จนลับสายตา
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
“ หนูๆ เป็นอะไรหรือเปล่า อยู่ก็ร้องไห้ ”
หญิงคนเดิมถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปนาน ตั้งแต่ถามคำถามแรกจบ แล้วอยู่ๆก็ร้องไห้ขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ อ๋อ... ป่ะ...เปล่าหรอกครับ แค่รินคิดถึงพ่อกับแม่ ก่อนที่รินจะขึ้นรถไฟมาน่ะครับ ”
“ เหรอจ๊ะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ป้าเห็นหนูเงียบไป แล้วจู่ๆก็ร้องไห้ นึกว่าเป็นอะไรเสียอีก ”
“ ขอบคุณ คุณป้ามากเลยนะครับที่เป็นห่วงริน ”
เด็กหนุ่มว่า พลางยกมือไหว้หญิงสาวต่างวัย ซึ่งหญิงวัยเกษียณรับไหว้ด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“ ว่าแต่ คุณป้าลงมาเที่ยวหรือครับ แล้วทำไมมาคนเดียวล่ะครับ ”
หลังจากที่โดนถามมาแล้ว เด็กหนุ่มเองก็เริ่มที่จะถามกลับบ้าง
“ ป้าไม่ได้ลงมาเที่ยวหรอก แต่ป้ากลับบ้านน่ะ บ้านป้าอยู่นี่ พอดีว่าป้าไปเยี่ยมลูกๆมาจ้ะ ”
“ หรือครับ คุณป้านี่เก่งจังเลย นั่งรถไปคนเดียว ”
“ ไม่ได้เก่งอะไรหรอก ป้านั่งคนเดียว มาตั้งแต่สมัยสาวๆแล้ว ”
“ โห!!! จริงหรือครับ รินเพิ่งเคยขึ้นรถไฟครั้งแรกเองครับ ”
“ จริงจ้ะ ว่าแต่... ทำไมเรามาคนเดียวล่ะ ทั้งๆที่เพิ่งขึ้นเป็นครั้งแรกน่ะ ”
“ คือว่า ตอนแรกพ่อกับแม่ก็จะมาส่งอยู่เหมือนกันครับ แต่รินอยากเดินทางคนเดียวดูบ้าง เพราะพอไปเรียนแล้วรินก็
ต้องอยู่คนเดียว ”
“ อย่างนั้นเหรอ ก็ดีนะ เราจะได้เก่งขึ้น เพราะถ้าพ่อแม่ไม่ปล่อยให้ทำอะไรเองเลย เดี๋ยวจะเข้าข่าย พ่อแม่รังแกฉัน
อย่างลูกๆของป้า ป้าก็แค่ดูอยู่ห่างๆ ปล่อยให้เขาดูแลตัวเอง ปล่อยให้พี่น้องสอนกันเอง ”
“ ป้ามีลูกกี่คนครับ ”
“ ไม่มากหรอกจ้ะ แค่เกือบครบทีมฟุตบอลเอง ”
เด็กหนุ่มถามด้วยความอยากรู้ แต่เมื่อได้คำตอบจากหญิงสูงวัยตอบก็ทำให้เขาหน้าเหวอไปเหมือนกัน
“ โห!!! เยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ พ่อกับแม่รินบอกว่ามีแค่รินคนเดียวก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ”
“ จ้า... คนสมัยก่อนน่ะ นิยมมีลูกมาก แล้วยิ่งเป็นคนต่างจังหวัดแบบป้าด้วย บางบ้านมีมากกว่าป้าอีก ”
เด็กหนุ่มได้แต่ทำตาโต แม้ว่าจะเคยรู้มาบ้าง แต่ก็ไม่เคยเจอใครที่มีลูกมากขนาดนี้เสียที เพราะในเมืองหลวง มีลูกแค่
2 คน ก็ถือว่ามากแล้ว แต่ก่อนจะได้ถามอะไรอีก หญิงสูงวัยก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน
“ เดี๋ยวรถก็จะถึงสถานีแล้ว หนูไปเตรียมของก่อนดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา ”
“ ครับ ขอบคุณคุณป้ามากเลยนะครับที่กรุณาบอกริน แล้วก็ชวนคุยด้วย ตรงที่ที่รินอยู่นั่งแต่แรก ไม่มีใครคุยกับรินเลย ”
เด็กหนุ่มว่า พลางยกมือไหว้ขอบคุณหญิงสาวต่างวัยอีกครั้ง ซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา
“ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ว่าแต่ หนูจะไปโรงเรียนยังไงล่ะ เอาอย่างนี้มั้ย เดี๋ยวลูกคนรองของป้าจะมารับ หนูไปกับป้ามั้ย
เดี๋ยวป้าให้เขาไปส่งในโรงเรียน ”
คำถามของอีกฝ่าย ทำให้เด็กชายทำหน้านิ่ว เพราะตนเองลืมนึกเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าจะมีรถเหมือนในเมืองหรือเปล่า
หญิงสาวผู้ผ่านโลกมามากกว่า เห็นท่าทางของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่กำลังทำหน้านิ่ว คิ้วขมวด ก็พอจะเข้าใจ
“ ยังไม่รู้น่ะสิว่าจะไปอย่างไร ”
คำถามของอีกฝ่ายทำให้เด็กหนุ่มได้แต่พยักหน้ารับ ส่วนหญิงวัยเกษียณก็ได้แต่ส่ายหน้า แล้วก็ยิ้มน้อยๆ ส่วนเจ้าตัวที่
เหมือนจะเพิ่งนึกอะไรออก จึงเอ่ยถามขึ้น
“ คุณป้าครับ แล้วคุณป้าทราบได้อย่างไรว่า มหา’ลัยที่รินจะไปอยู่แถวบ้านน่ะค่ะ เพราะเท่าที่รินทราบมา ที่นี่มีมหา’ลัย
ตั้งหลายที่ ”
“ จะไม่รู้ได้อย่างไร ก็ลูกชายคนรองที่จะมารับป้าน่ะ เขาเป็นครูสอนอยู่ที่นั่น แล้วอีกอย่างนะ ส่วนใหญ่แล้ว เด็กต่าง
พื้นที่น่ะ มักจะมาเรียนที่นั่น ”
“ อ๋อ... ”
เด็กหนุ่มลากเสียงยาว พร้อมกับพยักหน้าเข้าใจในสิ่งอีกฝ่ายบอก
“แล้วเราน่ะ ขนอะไรมาบ้าง ”
“ กระเป๋าใบเดียวครับ แล้วก็ของใช้จำเป็นเล็กๆน้อยๆ ส่วนอย่างอื่น เดี๋ยวค่อยไปตายเอาดาบหน้าครับ ”
เด็กหนุ่มตอบ ด้วยท่าทางทะเล้นๆ ซึ่งมันก็ทำให้หญิงสูงวัยอดขำ กับท่าทางของเจ้าตัวไม่ได้
“ ไปเอาของ ของเรามาก่อนแล้วกัน เดี๋ยวป้าจะรออยู่ที่เดิมนี่แหละ เร็วเข้าล่ะ รถใกล้จะจอดแล้ว ”
สาวใหญ่เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่า รถชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ และบ้านเรือนก็เริ่มหนาตามากขึ้น
“ รับทราบครับผม ”
เด็กหนุ่มตอบ พลางทำท่าเหมือนกับเวลาที่ทหารทำความเคารพ ก่อนจะวิ่งกลับ ทิ้งให้อีกฝ่ายมองตามขำๆ กับกิริยา
กระโดก กระเดก ของเด็กหนุ่มที่ไม่ค่อยจะเหมือนกับเด็กเมืองหลวงสักเท่าไหร่ เมื่อเด็กหนุ่มวิ่งไปยังอีกตู้หนึ่งของรถไฟแล้ว สาว
ใหญ่จึงเริ่มหยิบสัมภาระของตนเอง เพื่อเตรียมตัวเช่นกัน
วู๊นนนนน!!!
รถไฟเปิดหวูดเตือนอีกครั้ง เมื่อเข้าสู่เขตชุมชน ก่อนจะค่อยชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ
“ มาแล้วครับ รินมาแว้วววว ”
เด็กหนุ่มคนเดิม ส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาแต่ไกล ทำให้คนเกือบทั้งตู้ หันไปมองเขาเป็นตาเดียว
ส่วนเจ้าตัว เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่า ปล่อยไก่อีกแล้ว ก็ได้แต่ยิ้มแหยๆซึ่งก็ทำให้หลายคนยิ้มขำๆกับท่าทางของเด็กหนุ่ม
ตรงหน้า
“ ถึงแล้วเหรอครับ คุณป้า ”
เจ้าตัวถามป้าคนเดิมทันที ที่วิ่งเข้ามาถึง ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่ยิ้มกับอาการดีใจออกนอกหน้าของอีกฝ่าย
“ ถึงแล้วจ้า เมื่อครู่ลูกชายโทรมาบอกว่า เขามาถึงแล้ว ลงกันเถอะรถจอดแล้ว ”
“ หรือครับ งั้นเราก็ไปกันเลย ป้ามีอะไรให้รินช่วยถือมั้ยครับ เดี๋ยวรินช่วยถือให้ดีกว่า ”
ว่าเสร็จก็ถือวิสาสะ หยิบกระเป๋าของอีกฝ่ายมาถือไว้ แถมยังเดินเหมือนกับบ้านของตัวเองอีก แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่า
อะไร ได้แต่เดินลงจากรถไฟแล้วมองหาลูกชาย
“ คนเยอะจังเลยนะครับ สงสัยว่า ถ้ารินมาคนเดียว มีหวัง หลงแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลย ”
เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น เมื่อลงมายืนอยู่ที่ชานชาลา พร้อมกับหญิงสาวต่างวัย ที่กำลังมองหาใครคนหนึ่ง
“ โน่นไง ลูกชายป้า เราไปกันเถอะ ”
ว่าจบ หญิงสาววัยเกษียณออกเดินไปข้างหน้า ท่ามกลางผู้คนมากมาย โดยมีเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาว แตกต่างจาก
คนพื้นที่ที่ผิวจะคล้ำ จะมีอย่างเดียวที่ทำให้เด็กหนุ่มนั้นดูกลมกลืนก็คงเป็นนัยน์ตาคมโตฉายแววสดใสของวัยรุ่นเท่านั้น
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@