(: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)  (อ่าน 28120 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


ตอนที่ 12







   ไม่นานเท่าใดนักทุกคนก็กลับมาถึงหอพัก แต่หอพักค่อยข้างจะเงียบเพราะวันนี้เป็นวันหยุด จึงไม่ค่อยมีใครลงมาด้านล่างมากนัก


   มารินขอบคุณเขาก่อนจะเดินเข้าหอ แต่มีบางอย่างที่เด็กหนุ่มลืม นั่นคือเจ้าตัวลืมคืนเสื้อเขาอีกแล้วกว่าจะรู้ตัวก็เกือบจะถึงหน้าห้องตัวเองแล้ว จะเอากลับมาคืนก็คงไม่ทันเพราะเขากลับหอไปแล้ว


   “ ริน ไปไหนมาเหรอ ”


   เสียงของ 1 ใน 3 แฝดถามขึ้นด้วยอาการ สะลึม ละลือ เหมือนกับคนที่ยังไม่ตื่นดี


   “ ไปใส่บาตรมาน่ะ เราซื้อขนมมาฝากด้วยนะ ”


   มารินบอก พร้อมกับยกถุงขนมขึ้นมา


   “ แล้วไปยังไงอ่ะ ”

   “ นั่นดิ ไปยังไง ”


   จากเดิมที่เป็น 1 ใน 3 แต่ตอนนี้ ทั้ง 3 แฝดต่างพร้อมใจกันลุกขึ้นมาตั้งศาล ซักฟอกเพื่อนหนุ่มน้อย


   “ ก็ไปกลับ.... ”


   “ แล้วเสื้อใครอ่ะ ”


   ยังไม่ทันจะได้ตอบว่าอะไร เซาธที่ตาไวกว่าเพื่อนก็เห็นว่ามารินถือเสื้อตัวหนึ่งขึ้นมา และไม่ต้องรอให้อนุญาตเสื้อในมือก้โดนดึงไปจากผู้หวังดี(?)


   “ ของพี่วิท - เลแน่เลย เพราะว่ามีสัญลักษณ์ของเรา ”


   “ ใช่ๆ นี่ๆ มีชื่อด้วย ”


   เซาธและอีสทช่วยกันสำรวจ ตรวจตา เสื้อของเขาที่มารินเผลอใส่ติดมาด้วย


   “ Mahasamuth Oc ”


   “ นี่ๆ ที่แขนก็มี เขียนว่า ”


   “ Ocean ”


   3 แฝดประสานเสียงขึ้นมาอย่างแปลกใจ ก่อนที่เซาธจะเป็นคนเปิดปากถามอีกครั้ง


   “ นี่แกไปมา กลับพี่โอมาเหรอ ”


   “ ก็เกือบๆน่ะ ”


   “ ยังไงของแก ที่ว่าเกือบๆ ”


   มารินตอบแต่มันก็ไม่ใช่คำตอบที่เหมือนคำตอบมากนัก แต่มันอาจจะทำให้งงไปกว่าเดิม จนนอธต้องถามขึ้นอีกครั้ง


   “ คือว่าฉันไปพี่เขาจริง แต่ว่าไม่ได้ไปกัน 2 คน มีพี่เวฟกับพี่ชอไปด้วย ”


   มารินอธิบายให้เพื่อนร่วมห้องฟัง แต่เจ้าเพื่อนร่วมห้องทั้ง 3 กลับทำหน้าแบบคนมีลับลม คมในชอบกล


   “ ไหนแกบอกว่าไม่ชอบพี่เขาไแล้วไหงถึงไปด้วยกันได้ ”


   “ ก็.... ”


   “ ก็อะไร ”


   แล้วมารินก็โดนเพื่องห้องทั้ง 3 ตั้งศาลเตี้ย ซักไซ้ ไล่เลียง แบบกัดไม่ปล่อยซึ่งเจ้าตัวก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าทำไม


   “ แสดงว่า.... เมื่อคืน แกก็.... ”


   “ ไปกับพี่เขาใช่มั้ย ”


   “ อืม... ”


   “ แหมๆ อย่างนี้เขาเรียกว่าอะไรดีน้า เกลียดอะไร มักจะได้อันนั้นหรือเปล่า ”


   “ ไม่ต้องมาแซวเลย ไปอาบน้ำเลยไป ทั้ง 3 คนแหละ ”


   เมื่อโดน 3 แฝดรุมหนักเข้าเด็กหนุ่มก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะสิ่งที่ทั้ง3 แฝดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง แม้ว่าแรกเริ่ม เดิมที ตนเองจะไม่ชอบเขา แต่มันก็เหมือนเป็นการปฏิเสธตัวเองเสียมากกว่า


   อาจเป็นเพราะเห็นว่ามีคนหลงไหลได้ปลื้มเขาเป็นจำนวนมาก และตนเองก็เป็นคนจำพวกขวางโลกอยู่หน่อยๆ เวลาเห็นใครหรืออะไร มีคนกรี๊ดกร๊าดจะรู้สึกไม่ชอบ แม้ว่าในใจจะยอมรับก็ตามที


   “ โธ่เอ๊ย ไปก็ได้ พูดแค่นี้ทำมาเขินหน้าแดง ”


   3 พี่น้องพูดส่งท้ายอีกครั้ง ก่อนจะพากันไปอาบน้ำ แล้วปล่อยให้มารินยืนเขินอยู่คนเดียว



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   “ นี่ๆ มีประกาศเรียกประชุมด้วยแหละ ”


   นอธเอ่ยขึ้น หลังจากที่เจ้าตัวยืนอ่านประกาศอยู่ครู่หนึ่ง


   “ ประชุมอะไรเหรอ ”


   “ ไม่รู้ดิ แค่บอกว่า วันนี้ 5 โมงประชุมอ่ะ ”


   “ เหรอ อืมงั้นเดี๋ยวก็รู้เองแหละ ”


   มารินตัดบท ก่อนจะเดินเข้าโดมอาหารไปเป็นคนแรก ซึ่งในตอนนี้สามารถขับรถไปเรียนได้แล้ว แต่ห้องของเด็กหนุ่มนั้น ค่อนข้างจะลำบากนิดหน่อย เพราะมีรถแค่คันเดียว จึงต้องเสียเวลารับ - ส่ง 2 รอบ แต่ในตอนนี้นั้น ไม่มีปัญหานั้นอีกแล้ว เพราะได้รับความอนุเคราะห์จากรุ่นพี่ที่แสนดีอย่างชอ ด้วยว่าห้องของชอนั้นมีรถใช้กันทุกคน แต่ปกติแล้วจะใช้อยู่แค่คันเดียว เนื่องจากว่า ทั้ง 3 คนมักจะเกาะกันไปตลอด ดังนั้น อีก 2 คันที่เหลือ จึงจอดเอาไว้ให้ฝุ่นเกาะเฉยๆ เพราะฉะนั้น ชอจึงเห็นว่า ห้องของน้องภาคยังขาดแคลนอยู่ จึงสมทบทุนช่วยเด็กยากไร้ ( รถ ) ด้วยความคิดที่ว่า ดีกว่าจอดทิ้งไว้ให้ฝุ่นเกาะ


   “ นี่ๆ ริน แกว่าวันนี้จะมีอะไรอ่ะ ”


   “ ไม่รู้สิ แต่น่าจะเป็นเรื่องธรรมดา ”


   อีทธถามขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังเดินจากโดมอาหาร ไปยังโดมกิจกรรม ตามประกาศนัดหมายเมื่อเช้า และที่อีสทถามนั้นคงเป็นเพราะว่า มารินมักจะมีลางสังหรณ์ก่อนทุกครั้งว่าวันนั้นจะเป็นเรื่องดี หรือไม่ดี แต่สำหรับวันนี้นั้น เจ้าตัวไม่มีความรู้สึกนั้น


   “ แล้วไป ค่อยโล่งอกหน่อย นึกว่าวันนี้มีเรื่องให้ได้ออกกำลังกายซะอีกวันนี้ยิ่งเหนื่อยๆอยู่ ”


   หม่อมป้า(?)จอมบ่น พูดขึ้นด้วยอาการโล่งอก ที่วันนี้เพื่อนไซส์มินิไม่มีลางสังหรณ์อะไร


   “ แหมๆ จะบ่นกันทำไมนักหนา ถ้ามีก็ถือว่าพี่เขาช่วยให้เราได้ออกกำลังกายไง ร่างกายจะได้แข็งแรง ”


   “ ออกกำลังกาย!!! เชิญแกออกไปคนเดียวเหอะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก ไอ้เซาธ ”


   นอธเอ่ยเสียงสูง ก่อนจะทำจมูกย่นอย่างไม่ค่อยถูกใจ

   เกือบถึงเวลานัด ปี 1 ทุกคนมาพร้อมกันเป็นที่เรียบร้อย ไม่นานนัก พี่ปี 2 และปีสูงกว่าบางส่วนก็มาถึง


   “ สวัสดีครับ ”


   “ สวัสดีค่ะ/ครับ ”


   ชอเอ่ยทักน้องปี 1 ก่อนที่ทุกคนจะตอบรับกลับไป


   “ สำหรับวันนี้ ที่พี่เรียกน้องๆมาประชุม ก็มีเรื่องมาแจ้งให้ทราบนั่นคือ เรื่องพิธีไหว้ครู ซึ่งพิธีไหว้ครูในปีนี้ ทางมหา’ลัย จัดให้มีขึ้นในวันพฤหัสฯหน้า หรืออีกประมาณเกือบ 2 อาทิตย์ และจากพิธีไหว้ครูที่จะจัดขึ้นนี้ ทำให้พี่ต้องเรียกน้องๆมา เพื่อแจ้งรายละเอียดต่างๆ ”


   ชอพูดต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งน้องปี 1 ก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี


   “ สำหรับพานไหว้ครูนั้น เราจะมีการประกวดด้วย ซึ่งจะแบ่งเป็น2 ประเภทดังนี้


1.   ประเภทสวยงามและ

2.   ประเภทความคิดสร้างสรรค์


   สำหรับเกณฑ์การตัดสินนั้น จะตัดสินแยกตามชั้นปี ซึ่งจะประกาศผลให้ทราบในช่วงบ่ายของวันนั้น และระหว่างที่รอผลนั้น จะมี 1 กิจกรรมแทรกขึ้นมา และกิจกรรมนี้ น้องปี 1 จะต้องรับผิดชอบทั้งหมด ”


   ชออธิบายรายละเอียดต่างๆ แบบคร่าวๆให้กับทุกคนฟัง


   “ ส่วนถ้าน้องๆกำลังสงสัยว่า ไอ้กิจกรรมที่พี่ชอว่าเป็นอะไรนั้น พี่จะช่วยบอกให้แล้วกันกิจกรรมที่น้องๆต้องทำก็คือ น้องๆต้องจัดเตรียมการแสดง 1 ชุดมาแสดงให้อาจารย์ รุ่นพี่ได้ชมส่วนเนื้อหาจะเป็นแบบไหนก็ได้ แต่พี่อยากให้สื่อถึงเรื่องราวของครูซักหน่อย ”


   เวฟช่วยอธิบายต่อในจุดที่ชอยังอธิบายไม่เรียบร้อย


   “ ใช่ครับ อย่างที่พี่เวฟบอกนะ น้องจะนำเสนอออกมาในรูปแบบไหนก็ได้ พี่ไม่จำกัด แต่ขอให้ทำให้เต็มที่ สำหรับวันนี้พี่ก็มีเรื่องขอรบกวนเวลาน้องเพียงแค่นี้ เอ่อพี่ๆครับ พี่มีอะไรจะเพิ่มเติมอีกมั้ยครับ ”


   ชอเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับไปถามพี่ปีที่สูงกว่า ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่วงนอก


   “ น้องวิท - เล อยู่ก่อนนะครับ น้องปี 3 กับเพื่อนๆ ปี 4 มีอะไรจะเสริมมั้ยครับ ”


   ประธานนักศึกษาเอ่ยขึ้น ก่อนจะถามคนอื่นๆ เช่นเดียวกับที่ชอถามไปเมื่อครู่หลังจากที่เขาบอก ก็มีอีกหลายภาควิชา บอกให้น้องปี 1 อยู่ต่ออีกเช่นกัน ซึ่งกระจายกันไปตามส่วนต่างๆของโดมกิจกรรม


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   “ น้องๆเป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับการเรียนตั้งแต่เปิดเทอมมา มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ”


   เขาเอ่ยถามน้องๆ หลังจากที่ทุกคนแยกออกมาตามภาควิชาแล้ว


   “ พี่ดีใจนะ ที่ได้มาพบน้องๆแบบพร้อมหน้าแบบนี้ แล้วเป็นยังไงกันบ้าง พอไหวกันมั้ย ”


   เขาถามทุกคนอย่างเป็นกันเอง เหมือนเช่นทุกๆครั้งที่เจอกันตามปกติ เขาซักถามสารทุกข์ สุขดิบน้องๆ อีกมากมาย หลายเรื่อง ซึ่งไม่ได้เฉพาะเจาะจงแค่เรื่องเรียนอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องอื่นๆอีก สัพเพเหระและแต่ละเรื่องยังเรียกรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะจากน้องปี 1 ได้ไม่น้อย ไม่เพียงแค่เขา คนอื่นๆก็ยังมาช่วยกันเรียกรอยยิ้มจากน้องปี 1 ได้เช่นกัน โดยเฉพาะคู่ซี้ปาท่องโก๋อย่าง เวฟและชอ เพราะเมื่อทั้งคู่แทคทีมกัน ก็สามารถสร้างความสนุกให้กับผู้อื่นได้ไม่ยาก

   “ นี่ริน พี่ชอกับพี่เวฟเขาไม่บอกแกบ้างเหรอว่า พี่รหัสปี 4 ของแกอ่ะ เป็นใคร ”


   “ ไม่นิ พี่เขาบอกว่า เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เอง มีอะไรเหรอเซาธ ”


   “ ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่สงสัยน่ะ เออ!!! แล้วพี่รหัสปี 4 ของพี่แกเป็นใครเหรอ ”


   “ ไม่ได้บอกหรอก แต่พอรู้มาว่าเป็นพี่โอน่ะ ”


   “ เฮ๊ย!!! จริงอ่ะ งั้นแกก็เป็นน้องรหัสพี่เขาอ่ะดิ น่าอิจฉาอ่ะ ”


   เซาธอุทานเสียงสูง เมื่อมารินพูดจบ หลังจากที่เลิกประชุมแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ โดยเด็กหนุ่มมากับเซาธ อีสทไปกับนอธ


   “ คงไม่ใช่หรอก ”


   “ อ้าว!!! ทำไมอ่ะ ”


   มารินออกตัว ซึ่งมันก็ทำให้เซาธทำหน้างงๆกับคำพูดของเพื่อน


   “ ก็พี่เวฟกับพี่ชอน่ะ เป็นน้องรหัสเวียนของพี่โอไง ก็เหมือนที่เราเป็นน้องเวียนของพี่เขาแหละ ”


   “ อย่างนั้นเหรอ แย่จัง นี่ถ้าแกน้องรหัสพี่โอจริงๆ ก็คงดีไม่น้อยเนอะ เพราะพี่เขาออกจะน่ารักขนาดนั้น ”


   มารินอธิบาย ซึ่งมันก็ทำให้เซาธทำหน้าเสียดาย ก่อนจะมาเป็นเคลิ้มฝันตอนท้ายประโยค


   “ ฉันว่าไม่หรอก ถ้าเราเป็นน้องรหัสพี่เขาจริงๆนะ มีหวัง ได้กลายเป็นทอคออฟเดอะทาวน์แน่ๆ ”


   “ ทำไมอ่ะ ”


   “ ก็เท่าที่รู้มานะ พี่เขาไม่เคยมีน้องรหัสสายตรงเลยน่ะสิ แถมพี่ชอกับพี่เวฟน่ะ ตอนแรกที่ฉันไปถามประวัติพี่แกจากเพื่อนๆพี่เขาตอนจะส่งประวัติพี่เขาอ่ะ พี่ๆในภาคบอกว่า ตอนนั้นน่ะ พี่เวฟกับพี่ชอโดนกับคู่กับพี่โออยู่ตั้งนานว่าใครจะเป็นคนที่ได้พี่โอไปครอง แล้วพี่เค้าก็เหมือนจะเป็นจุดสนใจของใครๆหลายคนด้วย ”


   มารินอธิบาย พร้อมกับทำหน้าแบบไม่อยากจะคิดต่อ


   “ อ๋อ..... แกก็เลยกลัวว่า ตัวเองจะกลายเป็นข่าวเมาท์กับพี่เขาอ่ะดิ ใช่ป่ะ ”


   เซาธพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ ซึ่งมารินเห็นแล้วมันไม่น่าไว้วางใจอย่างยิ่ง ด้วยรู้ว่า เพื่อนห้องของตนคนนี้ มักมีความคิดที่ไม่ค่อยจะธรรมดานัก แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะว่ากลับมาถึงหอเสียก่อน และคุณเพื่อนตัวดีก็รีบลงจากรถทันทีเมื่อรถจอด


   “ นี่ๆ อีสทแกคิดเหมือนฉันมั้ย ”


   “ คิดอะไรของแกวะ ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษนะโว๊ย จะได้รู้ความคิดแกถามอะไรแปลกๆ ”


   เสียงสนทนาของเซาธและอีสท ดังลั่นห้อง หากใครไม่รู้ คงคิดว่าห้องนี้ต้องทะเลาะกันแน่ๆ แต่ไม่ใช่กับเพื่อนๆ ที่ห้องข้างๆกัน และรวมถึงเพื่อนห้องที่กำลังเดินกลับห้องด้วย


   “ อย่ามาทำเป็นใสซื่อ ไอ้อีสท ”


   “ เออ.... แล้วแกจะให้ชั้นคิดเรื่องอะไร ”


   “ นี่ๆ เมื่อไหร่แกจะทำตัวเป็นผู้ดีกับเขาบ้างห๊ะ คุยกันซะ กลัวไม่มีใครได้ยินเหรอ ”


   เซาธและอีสทยังคุยกันตามปกติ แม้ว่าจะมีเสียงเขียวอย่างคนไม่พอใจของหม่อมป้า ว๊ากขึ้นมาก็ตาม ส่วนมารินที่กำลังจะเคาะประตูเข้าห้อง จึงชะงักมือ เพราะจากที่รู้จักกับเพื่อนฝาแฝดมา แต่ละเรื่องที่เซาธและอีสทคิดนั้น มักจะแปลกกว่าคนอื่น เจ้วตัวจึงหยุดฟังอยู่หน้าห้องแทน


   “ ก็เรื่องพี่เวฟกับพี่ชอไง แกคิดเหมือนฉันมั้ย ”


   “ อ๋อ.... เรื่องนี้เอง ”


   เซาธเฉลย ซึ่งมันก็ทำให้อีสทถึงบางอ้อ ก่อนที่ 2 แฝดจะหันมองหน้ากันอย่างมีเลศนัย


   “ เรื่องอะไรของแก พี่เวฟกับพี่ชอ มีอะไร ทำไมเหรอ ”


   นอธถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะเห็นน้องชายทั้งคู่ทำหน้าตา ไม่น่าไว้ใจชวนให้สงสัย


   “ อ้าว!!! นอธ แกไม่รู้สึกบ้างเหรอว่า พี่เวฟกับพี่ชออ่ะ ชอบทำตัวให้คนอื่นคิด ”


   “ คิด?!? คิดอะไร ”


   อีสทว่า แต่มันยิ่งทำให้นอธสงสัยหนักเข้าไปอีก


   “ ก็คิดว่า พี่เค้าเป็น.... ”


   “ เป็นอะไรของแก ”


   เซาธทำท่าเหมือนจะบอก แต่ก็ปล่อยทิ้งไว้ ทำให้นอธต้องเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่



ต่อด้านล่าง




ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ตอนที่ 12 (ต่อ)






   “ ก็เป็นคู่หุที่มีอะไรมากกว่าเพื่อนธรรมดากันไง ประมาณว่า เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อน่ะ ”


   เซาธและอีสทพูดขึ้นพร้อมกัน ส่วนนอธที่ได้ฟังก็ได้แต่ตกใจ กับความคิดของน้องฝาแฝดของตัวเองแต่ทั้งเซาธและอีทธยังตอกย้ำให้พี่ชายต้องตกใจขึ้นไปอีกกับประโยคต่อมา


   “ แถมยังพี่โออีก ”


   “ ใช่ๆ เพราะว่าทั้ง 3 คนนี้ อยู่ห้องเดียวกัน ”


   “ ไอ้บ้า!!! นี่แก 2 ตัว คิดอย่างอื่นไม่ได้แล้วหรือไง แหม... ความคิดแต่ละอย่าง ช่างวิเศษเสียจริง ”

   เมื่อได้ฟังน้องชายจอมแสบทั้งคู่เล่า คนฟังก็ถึงกับว๊ากขึ้นมาอย่างรับไม่ได้


   “ แหมๆๆ.... ที่โวยวายขึ้นมาเนี่ยะ เพราะมีชื่อรุ่นพี่สุดหล่อรวมอยู่ด้วยใช่มั้ย ”


   อีสทเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้ทัน หลังจากที่หม่อมป้าจอมว๊ากว่าจบ ซึ่งมันก็น่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะนอธเป็น 1 ในชมรมผู้พิทักษ์ รักคนหล่อ


   “ เออๆ ฉันไม่พูดถึงพี่ของแกก็ได้ ไม่ต้องมาทำหน้าเป็นพ่อมดแก่ๆหรอก เพราะปกติแกก็เหมือนอยู่แล้ว ”


   เซาธออกตัว เมื่อเห็นว่าหากไม่รีบ อาจจะโดนฝ่ามือพิฆาตของพี่ชายก็เป็นได้ แต่ก็ไม่วายที่จะหาเรื่องอยู่ดี


   “ รินช่วยด้วย!!! ”


    มารินเข้าห้องมา พอดีที่เซาธวิ่งหลบนอธ ที่กำลังจะจัดการเจ้าตัวปากมากที่ว่าตนเอง มารินจึงกลายเป็นกำแพงป้องกันภัยไปโดยปริยาย


   “ เลิกเล่นกันได้แล้ว ไอ้เราก็นึกว่าจะกลับมาคิดว่าจะแสดงอะไรดี เสียอีก ”


   มารินว่า เพราะวันนี้รุ่นพี่เรียกประชุมเพื่อถามความคืบหน้า ของการแสดงที่จะแสดงกันในวันไหว้ครูที่กำลังจะมาถึง


   “ ก็แหม ขอนอกเรื่องหน่อยก็ไม่ได้ ”


   เซาธว่าเสียงอ่อย เหมือนเวลาที่เด็กโดนผู้ใหญ่ดุ


   “ ใช่ๆ แล้วอีกอย่างนะ เราก็ได้ขอสรุปแล้วนี่นา ”


   อีสทเข้ามาช่วยสนับ สนุนเซาธอีกแรง


   “ แต่เราก็ต้องเตรียมการ เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว เรายังไม่ได้ซ้อมอะไรกันเลย ”


   “ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง วิท – เล การละคร ทำได้อยู่แล้ว แค่นี้เด็กๆจิ๊บๆ ขอบอก ”


   “ ช่าย.... เอาเป็นว่า จะซ้อมเมื่อไหร่ก็นัดมาเลย ”


    เซาธว่า ก่อนที่อีสทจะช่วยเสริมเพิ่มเติม


   “ งั้นก็ได้ เอาไงเอากัน ”

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

   “ โอ๊ย!!! ไม่อยากจะคิดเลย แป็บเดียวถึงวันไหว้ครูแล้ว ”


   “ เออ!!! มัวแต่พูดอยู่นั่นแหละ เร็วเข้าเลย ชักช้ากินข้าวไม่ทันนะฉันจะโทษแก ไอ้เซาธ ”


   “ ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้แกตื่นสายล่ะ ไอ้คุณอีสท ”


   เสียงโวยวายเจ้าเก่า เจ้าประจำ ดังต่อเนื่อง เหมือนเดิมเช่นทุกวัน


   “ ฉันก็ไม่อยากตื่นสายหรอก ถ้าเมื่อคืนไม่ต้องนั่งทำพาน กว่าจะเสร็จได้ ฉันเสียเลือดให้ยุงไปเป็นลิตรๆ ”


   “ แล้วแกจะบ่นหาพระแสงอะไร ก็เห็นๆอยู่ว่าภาคเราอ่ะ มีกุลสตรีเหลือน้อยกันทั้งนั้น  จะให้เพื่อนสาวทั้งหลายทำกันเองก็เกรงว่าจะโดนกินหัว ”


   “ เอาน่า..... จะบ่นไปทำไม รีบแต่งเข้าไปเถอะ ”


   เซาธและอีสทยังไม่วายจะพูดมาก และมันคงจะมากกว่านั้น หากมารินไม่ตัดบทเสียก่อน หลังจากที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ทั้ง 4 คนจึงรีบไปโดมอาหารเพื่อทานอาหารเช้า


   กว่าที่ทุกอย่างจะเรียบร้อย ก็เสียเวลาไปไม่น้อย เพราะวันนี้ทุกคนลงมาพร้อมๆกัน หลังจากที่ทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงเดินไปยังโดมกีฬา ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีไหว้ครูในวันนี้


   ภายในโดมนั้นตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย ไม่หรูหรา แต่ดูดี สมกับพิธีการที่จัดขึ้น


   “ นี่ริน แกว่า พานของเราจะเข้าตากรรมการบ้างมั้ยอ่ะ ”


   อีสทกระซิบถาม หลังจากที่ทุกคนเข้ามานั่งในบริเวณพิธีกันหมดแล้วซึ่งในบริเวณพิธีนั้น จัดเก้าอี้เป็น 2 ฝั่ง แยกหญิงกับชาย


   เท่าที่เห็น พานไหว้ครูของสาขาอื่นๆนั้นรังสรรค์กันมาสุดฤทธิ์แต่สาขาของพวกตนนั้นออกจะธรรมดา ไม่เน้นความสวย ( ไม่มีใครมีฝีมือพอ )แต่เน้นความสร้างสรรค์


   “ ไม่รู้สิ แต่ก็เอาเหอะ เราทำได้แค่นี้นี่น่า ภูมิใจหน่อยสิ ”


   เจ้าตัวกระซิบตอบกลับไป ไม่นานนักหลังจากที่ประธานในพิธีมาถึง พิธีการต่างๆจึงเริ่มขึ้น


   “ อ้าวนั่นพี่โอนี่นา คนอะไรดูดีทุกสถานการณ์ ”


   อีสทเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่พิธีกรเชิญผู้นำกล่าวคำบูชาครูออกมานำ แต่มันก็จริงอย่างที่อีทธว่า เพราะวันนี้เขาอยู่ในชุดสูทของคณะกรรมการนักศึกษา


   “ แถมเสียงก็เพราะอีก ฉันถึงอิจฉาน้องรหัสพี่เขาแล้วดิ คนอะไรจะดูดีไปหมด ”


   อีสทยังหันมากระซิบต่อ แม้ว่าต้องกล่าวบทบูชาครูแล้วก็ตาม ซึ่งมารินก็ได้แต่รับฟัง เพราะกำลังกล่าวบทบูชาครูอยู่ หลังจากกล่าวจบพิธีการต่อไปก็คือการนำพานดอกไม้ ธูปเทียนที่เตรียมมา มาไหว้ครู โดยเขาเป็นแรกคนแรกที่นำพานดอกไม้ ธูป เทียนมาบูชาครู ในฐานะที่เขาเป็นประธานนักศึกษา ต่อจากนั้นจึงเป็นตัวแทนนักศึกษาจากภาควิชาต่าง ซึ่งเริ่มจากปี 1 เป็นชั้นปีแรก


   หลังจากที่พิธีการต่างๆลุล่วงไปแล้ว ทุกอย่างจึงกลับสู่ภาวะปกติ เสียงนกกระจอกแตกรังจึงดังขึ้นอีกครั้ง


   “ เอาล่ะครับทุกคน ตอนนี้พิธีการต่างๆก็เสร็จสิ้นลงแล้ว น้องๆมีเวลาเหลืออีกเล็กน้อย ก่อนที่กิจกรรมในช่วงบ่ายจะเริ่มขึ้นอีกครั้งซึ่งในช่วงบ่ายนั้น นอกจากจะมีการแสดงของน้องปี 1 ที่ซุ่มซ้อมกันมาอย่างเต็มที่แล้ว ยังมีการประกาศรางวัลพานไหว้ครูอีกด้วย ”


   เขาเอ่ยขึ้น หลังจากปล่อยให้ทุกคนเปิดปากคุยกันได้สักครู่


   “ สำหรับช่วงต่อจากนี้ พี่มีเรื่องจะแจ้งอีกเรื่อง นั่นก็คือ....... ขอให้ทุกคนกลับไปพักผ่อนได้ เจอกันอีกครั้งตอนบ่ายโมงครับ ”


   เขาเอ่ยต่อไป ก่อนจะเว้นช่วงพอให้สงสัย แล้วจึงพูดต่อไปให้ทุกหายสงสัย

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

   “ ริน แกไม่ตื่นเต้นบ้างเหรอ ”


   “ นั่นดิ ชั้นว่าฉันไปเข้าห้องน้ำอีกรอบดีกว่า ”


   “ พอเลยไอ้คุณเซาธ คุณอีสท แกเข้ามาเป็นรอบที่ 10 แล้วมั้ง ตั้งแต่มาเนี่ยะ ”


   “ ก็คนมันตื่นเต้นนี่ ”


   “ ช่ายๆ ฉันไม่ใช่แกนะโว๊ย ”


   เสียงเถียงกันของ 3 พี่น้องเจ้าประจำ ดังขึ้นด้านข้างเวทีแสดงด้านหน้าเซาธและอีสทกำลังเดินเป็นเสือติดจั่น ส่วนนอธแม้จะไม่ได้เดินไป เดินมาอย่างน้อง แต่มือก็เย็นเฉียบ ส่วนที่ไม่เดินนั้นคาดว่าก้าวขาไม่
ออกมากกว่า เพื่อนคนอื่นๆก็เช่นกัน เพราะเท่าที่เห็นเพื่อนจากภาควิชาอื่น แสดงกันไปแล้วนั้น ทุกภาควิชา ทำได้ดีมาก สามารถเรียกร้อยยิ้ม และเสียงหัวเราะได้มากมาย


   แต่มารินก็ยังไม่เห็นภาควิชาไหนที่วางโครงเรื่องคล้ายกับภาควิชาของตนเลย ส่วนใหญ่แล้วเน้นเรียกเสียงหัวเราะเสียมากกว่า และภาควิชาของตนนั้นไม่ได้เน้นเสียงหัวเราะเพียงอย่างเดียว แต่มีหลากหลายอารมณ์ผสมกันไป สิ่งที่ทำให้ทุกคนในภาควิชากำลังตกประหม่านั้น คาดว่าเป็นเพราะจับฉลากได้เป็นอันดับสุดท้ายหากจะบอกว่าดี มันก็ดี เพราะมีเวลาเตรียมตัวเพิ่ม แต่จะว่าไม่ดีก็ใช่ เพราะยิ่งเห็นคนอื่นทำไว้แล้ว ก็ยิ่งประหม่า


   “ เป็นอะไรกันครับน้องๆ นั่งหน้าซีด ปากสั่นเชียว ”


   “ ไอ้เวฟ แกก็พูดเกินไป เห็นมั้ยน้องเขาตกใจหมดเลย ”


   เสียงของรุ่นพี่คนคุ้นเคย ดังขึ้นด้านหลังของทุกคน ที่กำลังสติสตางค์ ไม่อยู่กับตัว ทำเอาแต่ละคนสะดุ้งโหยง


   “ น้องๆครับ ไม่ต้องกังวล ขอให้น้องทำให้เต็มที่ พี่เชื่อน้องๆทุกคนทำได้อยู่แล้วไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พี่เชื่อว่าน้องวิท - เลทุกคนสามารถผ่านไปได้แน่ๆ ส่วนเรื่องรางวัลที่พวกพี่เขาพูดไว้น่ะ พี่เขาแค่อยากให้น้องทำให้เต็มที่เท่านั้น ถ้ามันไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ขอให้น้องทำเต็มทีก็พอ ”


   เขาปลอบและให้กำลังใจน้องๆ จากคำพูดของเขา ช่วยให้หลายคนคลายความกังวลลงไปได้มาก


   “ ก็จบลงไปแล้วอีก 1 ภาควิชา และต่อจากนี้ก็เป็นภาควิชาสุดท้ายแล้วนั่นก็คือ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล ขอเชิญรับชมครับ ”


   เสียงประกาศของพิธีกร ตามมาด้วยเสียงปรบมือของผู้ชมบนอัฒจันทร์ ทำให้ทุกคนหันมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าให้กัน เป็นการเรียกกำลังใจอีกครั้ง


   แต่ก่อนที่ทุกคนจะเดินออกไปด้านหน้า เขาส่งยิ้มให้กำลังทุกคนอีกครั้ง สำหรับมารินนั้น แม้ว่าจะเป็นนักกิจกรรมตัวยง ก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ตนเองทำกิจกรรมแบบนี้ในระดับที่สูงขึ้น รอยยิ้มที่เขาส่งมานั้นทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายได้ไม่ยาก


   “ สวัสดีครับ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล ขอนำทุกท่านเข้าสู่โรงละครชั้นเลิศ ชมละครสั้นระลึกคุณครู ขอเชิญรับชม รับฟังได้ ณ บัดนี้ ”


   มารินรับหน้าที่เป็นผู้บรรยายกล่าวเปิดตัวนำทุกคนเข้าสู่การแสดงตามที่ได้ซักซ้อมเอาไว้ เรื่องราวที่ตกลงกันไว้นั้น เป็นเรื่องราวของครูคนหนึ่ง ที่เสียสละมาสอนนักเรียนห้องที่ไม่มีใครอยากสอน


   เรื่องราวในตอนแรกที่วางเอาไว้นั้น เปิดเรื่องให้ทุกคนได้หัวเราะกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นของนักเรียน ครูที่สั่งสอนทุกอย่างให้กับลูกศิษย์ แม้ว่าแต่แรกเริ่มนั้น เด็กๆไม่ค่อยชอบนัก ด้วยความที่ตนเองเป็นครู ที่มีความเป็นครูอยู่เต็มเปี่ยม สุดท้ายแล้ว ครูก็สามารถเอาชนะความดื้อ ปราบความทโมนของเด็กเหล่านั้นได้ ทำให้เด็กที่ไม่มีใครชอบ กลับมาเป็นที่รักใคร่ของทุกคน สอนให้เด็กที่คิดว่าตนเองไม่สำคัญ เห็นความสำคัญของตนเอง สอนให้เด็กที่แตกแยก กลับมารักใคร่กลมเกลียวกัน


   กว่าครึ่งเรื่องตามบทวางเอาไว้นั้ร เพื่อนๆที่เป็นตัวแสดง สามารถสื่อความตามเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่มีบทที่เป็นทางการ มีเพียงการวางบทโดยรวม แต่ทุกคนก็สามารถใส่อารมณ์กันได้อย่างเต็มที่ ต่อบทกันอย่างเป็นธรรมชาติ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะทำให้ผู้ชม มีความรู้สึกสนุก เศร้า ซึ้ง ตามไปด้วย


   เมื่อการแสดงเดินทางมากว่าครึ่งหนึ่งของเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งตามโครงเรื่องที่ได้ตกลงกันไว้นั้น จะเป็นจุดพลิกผันของเรื่องนี้ นั่นคือฉากอารมณ์ เมื่อเนื้อเรื่องที่วางเอาไว้นั้น กำหนดให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นในวันที่เด็กกลุ่มนั้นจะจบการศึกษา แต่กลับมีกลุ่มผู้บุกเข้ามาครูคนนั้นช่วยให้นักเรียนทุกคนหนีออกมาได้ แต่ตนเองก็โดนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส


   “ พวกเธอจะร้องกันทำไม ครูยังไม่ตายซะหน่อย ”


   ผู้เป็นครูเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก เลือดจากบาดแผลใหญ่นั้น ยังไหลออกมาไม่ยอมหยุด


   “ แต่ครูคะ.... ”


   “ เอาเถอะ ถึงวันนี้ครูเป็นอะไรไปจริงๆ แต่ครูก็ภูมิใจนะ ที่เรือจ้างลำเล็กๆ ลำนี้ สามารถพาทุกคนมาจนถึงฝั่ง แต่ฝั่งฝันของพวกเธอทุกคนไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ ครูเป็นเพียงจุดเล็กๆเท่านั้น พวกเธอยังต้องเดินต่อไป ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรพวกเธอสัญญากับครูสิว่า พวกเธอจะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ ที่ที่แผ่กิ่งก้าน ทำคุณประโยชน์กับผู้อื่น พวกเธอจะเป็นคนดีของสังคม ของประเทศ พวกเธอจะไม่กลับไปเป็นเด็กเกเรเหมือนเมื่อก่อนอีก สัญญาสิ ”


   แม้ว่าทุกคำพูดที่เอ่ยออกอย่างยากลำบากนั้น ครูก็ยังพยายามที่จะสั่งสอนลูกศิษย์


   “ ครูครับ ครูไม่ใช่แค่เรื่องจ้าง สำหรับพวกเราแล้ว ครูเป็นมากกว่านั้น ครูเป็นดั่งแสงเทียนนำทาง ที่ช่วยชี้นำให้เด็กหลงผิดอย่างพวกเรามีโอกาสเห็นแสงสว่างอีกครั้งครูเป็นดั่งคนชุบชีวิตเด็กไร้อนาคต เด็กที่ไม่มีใครต้องการอย่างพวกเรา ครูเป็นเช่นผู้ให้ชีวิตใหม่ ชีวิตที่สดใสกว่าเก่าแกพวกเรา ”


   เด็กคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น พูดแทนเพื่อนๆอีกหลายคนที่นั่งกอดครูร้องไห้อยู่ เขาพูดไปแต่น้ำตาของลูกชายก็ไหลออกมา แต่เขาก็หาได้สนใจว่าใครจะมองว่าเขาเป็นผู้ชายอ่อนแอ เพราะไม่เพียงแค่เขา เพื่อนในกลุ่มก็กำลังร้องอยู่เช่นกัน


   “ พวกเราสัญญาค่ะครู พวกเราสัญญา เราจะเป็นคนดีอย่างที่ครูเคยสอน ครูไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เราสัญญาว่าเราจะทำดีให้สมกับที่ครูสอนพวกเรามา ”


   เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่ม พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอื้น ครูมองหน้าลูกศิษย์ทุกคนอีกครั้ง ก่อนที่ดวงตาจะค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มอย่างมีความสุข


   สุดท้ายแล้ว ครูผู้เสียสละก็หมดลมหายใจในอ้อมกอดของลูกศิษย์ที่ตนรัก และเฝ้าสั่งสอนให้เป็นคนดี กับอาชีพที่ตนรักและเคารพ.....


   มารินเว้นช่วงไปเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังอัฒจันทร์ที่มีผู้ชมอยู่เต็ม แต่กลับเงียบสนิท ไม่มีเสียงพูดคุย แม้ก่อนหน้านั้น จะมีเสียงหัวเราะ เสียงอุทาน แต่ ณ ขณะนี้ มีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ของหลายคน ที่เข้าถึงบทบาท กับเพื่อนๆของตนที่แสดงได้สมบทบาท


   “ หลายปีต่อมา..... ”


   มารินบรรยายฉากต่อไปที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ลูกศิษย์ของครูได้แยกย้ายกันไปศึกษาตามสาขาที่ตนชอบ แต่ในทุกปีในวันที่ครูจากพวกเขาไป พวกเขาทุกคนจะกลับมาหาครูอีกครั้ง และในปีนี้ก็เช่นกัน


   “ ครูครับ พวกเรากลับมาแล้วนะครับ วันนี้พวกเราเรียนจบแล้วตามที่ครูต้องการแล้วนะครับ ”


   ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้น พลางใบปริญญาบัตรลงหน้าสถูป เพื่อนคนอื่นๆก็เช่นกัน


   “ ครูครับ พวกเราสัญญาว่า พวกเราจะเป็นต้นไม้ใหญ่ ที่แผ่กิ่งก้าน ให้ความร่มเย็น ทำประโยชน์ให้กับสังคม ตามที่ครูสอน ”


   ทุกคนให้คำมั่นอีกครั้ง ซึ่งเป็นการปิดฉากละครเรื่องนี้โดยสมบูรณ์แต่คนดูยังอินตามบทกันอยู่


   “ ครับ เรื่องราวที่ทางภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล ได้จบลงไปแล้ว แต่มีอีกสิ่งหนึ่ง ที่พวกเราชาววิทยาศาสตร์ ทางทะเล จะขอนำเสนอต่อจากนี้ นั่นก็คือ บทเพลงพระคุณที่ 3 เราเชื่อว่า ทุกๆคนที่นั่งอยู่ในที่นี้ คงจะร้องเพลงนี้ได้ ยังได้ก็ช่วยพวกเราร้องกันด้วยนะครับ  ”


      1ครูบาอาจารย์ที่ท่านประทานความรู้มาให้
   อบรมจิตใจให้รู้ผิดชอบชั่วดี
   ก่อนจะนอนสวดมนต์อ้อนวอนทุกที
   ขอกุศลบุญบารมีส่งเสริมครูนี้ให้ร่มเย็น

      ครูมีบุญคุณจะต้องเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้า
   ท่านสั่งสอนเราอบรมให้เราไม่เว้น
   ท่านอุทิศไม่คิดถึงความยากเย็น
   สอนให้รู้จัดเจนเฝ้าแนะเฝ้าเน้นมิได้อำพราง

      * พระคุณที่สามงดงามแจ่มใส
   แต่ว่าใครหนอใครเปรียบเปรยครูไว้ว่าเป็นเรือจ้าง
   ถ้าหากจะคิดยิ่งคิดยิ่งเห็นว่าผิดทาง
   มีใครไหนบ้างแนะนำแนวทางอย่างครู

      บุญเคยทำมาตั้งแต่ปางใดเรายกให้ท่าน
   ตั้งใจกราบกรานเคารพคุณท่านกตัญญู
   โรคและภัยอย่ามาแผ้วพานคุณครู
   ขอกุศลผลบุญคำชูให้ครูมีสุขชั่วนิรันดร
         ( * ) ซ้ำ


   เสียงเพลงพระคุณที่สามจบลง จากการร้องประสานเสียงที่ทุกคนในสาขาฝึกซ้อมกันมา เป็นการร้องในแบบประสานเสียง ที่มีการคอรัสรวมอยู่ด้วยจึงฟังเพราะไปอีกแบบ ต่างจากตอนที่ซ้อมเชียร์ เพราะตอนนั้นต้องร้องให้เสียงดังเข้าไว้ นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากทุกคนที่เข้ามาชมการแสดงในครั้งนี้ด้วย


   “ ขอบคุณทุกคนมากครับที่ช่วยพวกเราร้อง แต่ในครั้งนี้นั้น พวกเราชาววิท - เล ยังมีอีก 1 บทเพลง ที่อยากจะมอบให้กับครูผู้เสียสละทุกท่าน หากว่าพี่ๆ เพื่อนๆ คนใดร้องได้ เคยฟัง เคยได้ยินมาบ้าง หรือว่าร้องได้ ก็ช่วยพวกเราอีกครั้งนะครับ ”


   มารินเอ่ยขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันร้องเพลงเมื่อครู่ ก่อนจะชักชวนให้ร่วมกันร้องอีก 1 บทเพลง


   “ สำหรับเพลงนี้มีชื่อว่า ‘ เพื่อมวลชน ’ ”


   มารินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะให้สัญญาณเพื่อเริ่มร้องบทเพลงนี้


      2* ถ้าหากฉันเกิดเป็นนกที่โผบิน
   ติดปีกบินไปให้ไกล ไกลแสนไกล
   จะขอเป็นนกพิราบขาว
   เพื่อชี้นำชาวประชาสู่เสรี

      ถ้าหากฉันเกิดเป็นเมฆบนนภา
   จะนำพาความร่มเย็นเพื่อท้องนา
   หากฉันเกิดเป็นเม็ดทราย
   จะถมกายเป็นทางเพื่อมวลชน

      ชีวา ยอมพลีให้ มวลชน
   ที่ทุกข์ทน ขอพลีตน ไม่ว่าจะตายกี่ครั้ง
         ( * ) ซ้ำ


   เมื่อร้องจบเพลง ทุกคนโค้งให้กับผู้ชมเป็นการขอบคุณ แต่ทุกคนบนอัฒจันทร์ ยังนิ่ง เหล่าเพื่อนๆก็เริ่มใจไม่ดี เพราะตลอดการแสดงที่ผ่าน เมื่อการแสดงจบลงจะมีเสียงปรบมือให้ แต่นี่ทุกคนนั่งเงียบ หรือว่าพวกตนจะแสดงไม่ได้เรื่องเลย


   แปะๆๆๆ


   เขาลุกขึ้นปรบมือให้รุ่นน้องในสาขาเป็นคนแรก ก่อนที่เสียงที่ตามอีกจนดังกึกก้องอยู่นาน ชอและเวฟยกนิ้วโป้งให้กับทุกคน ส่วนเขาก็ส่งยิ้มมาให้เช่นเคยแต่ยิ้มของเขาในครั้งนี้ มันทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มพองโตอย่างบอกไม่ถูก


   การแสดงของภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล ก็จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสามารถสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ คราบน้ำตา ความประทับใจให้กับใครหลายๆคน เป็นการการันตีความสามารถ นอกเหนือจากด้านวิชาการ และแสดงให้เห็นว่า แม้ว่าภาควิชา วิทยาศาสตร์ ทางทะเล จะมีคนน้อยแต่คุณภาพก็ไม่ได้น้อยตามลงไปด้วย




1เพลงพระคุณที่สาม = ประพันธ์เนื้อร้องและทำนองโดย ครูสุเทพ โชคสกุล


2เพลงเพื่อมวลชน = ศิลปิน จิ้น กรรมาชน





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2012 22:30:25 โดย Ice_Iris »

ออฟไลน์ jusmine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
รอตอนต่อไป

ขอบคุณขอรับที่ท่านรอ :pig4:

บวกเป็ดให้ขอรับ :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2012 22:34:09 โดย Ice_Iris »

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
ตอนบทท้ายๆซึ้งน้ำตาไหล  :monkeysad: :monkeysad:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ตอนบทท้ายๆซึ้งน้ำตาไหล  :monkeysad: :monkeysad:

ขอบคุณขอรับที่เข้ามาซึ้งด้วยกัน :pig4:

ความจริงตอนแต่งข้าเจ้าเองก็ชอบขอรับ และคิดว่าครูทุกคนเป็นมากกว่าครูขอรับ

มอบเป็ดเหลืองแทนใจเช่นเคยขอรับ

ปล. ณ ตอนนี้เรื่องเดินมาเกินครึ่งทางแล้วขอรับ :L2:



ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
สนุกดีค่ะ :z2:
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
สนุกดีค่ะ :z2:
 :pig4: :pig4:

ขอบคุณขอรับ :pig4:

มอบน้องเป็ดแทนใจขอรับ :L2:


ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

ตอนที่ 13





   ผ่านมาเกือบเดือนแล้วตั้งแต่ช่วงวันไหว้ครูที่ผ่านมา แต่เรื่องราวในวันนั้น ยังเป็นที่โจษจันกันไม่เลิก

   “ พี่โอครับ จะไม่บอกน้องเขาจริงๆเหรอว่าพี่เป็นพี่รหัส ”

   ชอถามขึ้น ขณะที่เดินขึ้นบันไดกลับห้องพร้อมกัน หลังจากที่เขาพาน้องห้อง และน้องรหัส รวมถึง 3 ฝาแฝดไปกินข้าวเย็น

   “ ทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า ”

   “ ไม่มีอะไรครับ แค่สงสัย เพราะนี่ก็ใกล้วันรับน้องแล้ว ”

   เขาตอบคำถาม ก่อนจะถามกลับ

   “ แต่พอคิดถึงเรื่องเมื่อวันไหว้ครูที่ไร ผมรู้สึกภูมิใจจริงๆ ”

   เวฟพูดขึ้นอีกคน หลังจากที่เจ้าตัวปิดปากเงียบมาได้สักครู่

   “ ก็จริงนะ ต้องยอมรับว่า น้องๆเค้าทำกันได้ดีมาก... ”

   ชอสนับสนุนความคิดของเพื่อนอย่างเห็นด้วย แต่พูดไม่ทันจะจบประโยคดี เจ้าเพื่อนปากดีก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน

   “ แหม..... ไม่ใช่แค่ดีโว๊ย แต่... โคตะระดีต่างหาก ”

   เวฟแทรกขึ้นมา ก่อนที่จะเจ้าตัวจะเอ่ยต่อ

   “ เล่นได้เนียนมาก ทำให้คนดูอินกับบทบาท ร้องไห้ตามซะขนาดนั้นอ่ะ สุดยอดจริงๆ ”

   เวฟกล่าวด้วยสีหน้าชื่นชมจากใจจริง ซึ่งเขา และชอก็เห็นด้วยเช่นกันเพราะในวันนั้น น้องๆวิท - เลทำได้ดีมาก ซึ่งรางวัลชนะเลิศที่ได้รับมานั้น ไม่ใช่ได้มาแบบโชคช่วย แต่ได้มาเพราะความตั้งใจจริงและทุกคนต่างก็เห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าน้องวิท - เล นั้นเหมาะกับรางวัลที่ได้เป็นอย่างยิ่ง มันไม่ใช่รางวัลที่เป็นการกำหนดเอาไว้ก่อน

   “ คิดว่า ปีนี้ภาคของเราคงจะมีสีสันขึ้นอีกเป็นกอง ว่ามะ ”

   “ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ”

   ชอว่า ส่วนเวฟก็ทำหน้าที่เป็นฝ่ายสนับสนุนอย่างเต็มที่ ส่วนเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่รับฟังเงียบๆ ตามปกติ

   “ เออ!!! นี่ จะรับน้องแล้ว ข้าว่านะ น้องรินแล้วก็เพื่อนร่วมห้องน้องเขาอ่ะ ต้องโดนโหลดให้อยู่กลุ่ม VIP แน่เลยว่ะ ”

   เวฟเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมือนคนที่เพิ่งนึกออก

   “ เออนะ ว่าอยู่ น้องรินแล้วก็เพื่อนๆของน้องเขาออกจะโดดเด่นซะขนาดนั้นน่ะ แล้วพี่โอมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ ถ้าน้องเขาโดนโหวตให้อยู่กลุ่ม VIP จะให้เราแย้งหรือเปล่าครับ ”

   ชอที่คิดตามเอ่ยตามขึ้นมาด้วยความเห็นเดียวกัน ก่อนจะหันมาความคิดเห็นของเขาที่นิ่งฟังเงียบๆ เพราะการโหวตกลุ่มน้องในวันรับน้องนั้น พี่รหัสสามารถแย้งได้ถ้าคืดว่าน้องคนนั้นไม่สมควรจะอยู่กลุ่มตามที่มีการเสนอชื่อ

   “ ปล่อยไปตามปกติดีกว่า ถ้าใครจะเสนอก็ได้ พี่ไม่ว่าอะไร ดี๋ยวใครเขาจะมองไม่ดี ”

   เขาตอบ เพราะหากว่าเขาขอก็คงไม่มีใครว่า แต่มันก็คงเป็นการไม่ดีนัก  พราะทุกคนคงจะมองน้องรหัสเขาในแง่ลบ และเมื่อครั้งที่เวฟกับชอก็เช่นกัน เขาไม่ได้เข้ามาก้าวก่ายแต่อย่างไร

   “ ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราก็เป็นกลุ่ม VIP กันหมดเลยซิครับ ”

   เวฟหันมาพูด ขณะที่กำลังไขกุญแจเข้าห้อง

   “ เออ!!! ใช่ ถ้าน้องรินอยู่กลุ่ม VIP จริง งั้นพวกเราก็เป็นพวกไม่ธรรมดาอ่ะดิ ”

   ชอพูดขึ้น หลังจากที่เข้ามาอยู่ในห้องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันก็เป็นจริงเพราะเขา ชอ และเวฟ ต่างก็เคยอยู่กลุ่ม VIP มาก่อน

   “ เออ!!! ไอ้ชอ แกเข้ามาอยู่ในกลุ่ม VIP ได้ไงวะ ”

   เวฟถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

   “ แหม..... ไอ้ปลาทองทำมาถาม มันก็ด้วยเหตุผลเดียวกับแกแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะแกข้าจะติดร่างแหไปด้วยเรอะ นี่แกแกล้งลืม หรือลืมจริงๆวะ ”

   ชอตอบอย่างไม่ค่อยถูกใจนัก ก่อนจะหันมาหาเจ้าตัวต้นเรื่อง ที่กำลังยืนหัวเราะแห้งๆอยู่ เพราะเขาอยู่กลุ่ม VIP ก็เพราะเวฟนั่นที่ขยันดึงเขาออกมาร่วมวงสันทนาการ ทั้งที่ตอนแรกเขาไม่ค่อยจะโดดเด่นอะไรเลย

   “ ก็คนมันลืมโว๊ย เออ!!! ว่าแต่..... ”

   “ แต่อะไรของแก ”

   เวฟตอบพลางทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จนชอทนไม่ไหว ต้องถามกลับ

   “ คืออย่างนี้นะ คือผม อยากรู้ว่า พี่โออ่ะ ถูกโหวตเข้ากลุ่ม VIP ได้ยังไง ”

   เวฟเฉลยในสิ่งที่ตนเองสงสัย ส่วนชอที่ยืนฟังอยู่ก็มีอาการอยากรู้ไม่ต่างกัน

   “ นั่นสิครับ ผมไม่เห็นพี่โอจะมีอะไรที่น่าอยู่กลุ่ม VIP เลย ”

   ชอที่เห็นด้วยกับเพื่อนเอ่ยถามขึ้นอีกคน

   “ คงเป็นเพราะตำแหน่งประธานชั้นปีน่ะ ”

   “ อ๋อ..... จริงด้วย เราลืมไปได้ไงเนี่ยะ ”

   เขาตอบ ทำให้ทั้ง 2 คน ถึงบางอ้อพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ส่วนเขาที่เป็นคนตอบก็ส่ายหน้าอย่างระอาใจกับน้องรหัสทั้งคู่

   เพราะโดยปกติแล้ว คนที่เป็นประธานไม่ว่าจะเป็นประธานภาค ประธานชั้นปี จะต้องอยู่กลุ่ม VIP เสมอ กลุ่ม VIP เป็นการจัดกลุ่มในวันรับน้อง ซึ่งเกณฑ์ในการคัดเลือกนั้นก็ได้มาจากรุ่นน้องที่โดดเด่นในด้านต่างๆ  ซึ่งกลุ่มนี้นั้นจะได้รับสิทธิพิเศษ(?)กว่ากลุ่มอื่นรุ่นพี่จะรักมาก เพราะทุกคนมักจะมีอะไรให้กลุ่ม VIP ทำเป็น 2 เท่าของกลุ่มปกติ แต่เขาก็ได้ความประทับใจจากกลุ่มนี้ไม่น้อย

   และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง  ที่ทำให้เขาไม่เคยเข้ามายุ่งเรื่องการจัดกลุ่ม เพราะถึงอย่างไรแล้ว คนที่จะได้รับประสบการณ์ก็เป็นตัวของน้องเอง เพราะกิจกรรมรับน้องก็มีเพียงครั้งเดียว

   “ พี่โอครับ แล้วพี่โอจะมาที่ซุ้มวิท - เล หรือว่าจะอยู่ที่ซุ้มของคณะกรรมการนักศึกษาครับ ”

   ชอถามขึ้น เพราะในกิจกรรมรับน้องนั้นจะมีการจัดซุ้มให้น้องเข้าร่วมเป็นจุดๆ ซึ่งจะจัดแยกตามสาขาวิชา นอกจากนั้นยังมีซุ้มของส่วนกลางนั่นก็คือ ซุ้มของกรรมการนักศึกษา เขานิ่งคิดก่อนจะหันมาตอบ

   “ พี่คงเข้าซุ้มกรรมการก่อน เพราะว่าเป็นหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง แต่ที่ซุ้มของภาคก็คงจะมาดูเป็นระยะๆ เพราะยังไงก็มีน้องๆแล้วก็พี่ปี 4 คนอื่นก็อยู่ครบ ขาดพี่ไปแค่คนเดียวคงไม่เป็นไรหรอก ”

   “ ไอ้เป็นน่ะ มันไม่เป็นอะไรหรอกครับ แต่ว่าซุ้มของภาคเราก็ขาดคนหน้าตาดีไปอีกคนแค่นั้นเองอุตส่าห์มีรุ่นพี่เป็นหนุ่มรูปงามกับเขา แต่ก็ไม่ได้มาประดับภาคกับเขาบ้างเล๊ย... ”

   เวฟพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร แต่สิ่งที่เจ้าตัวทำนั้น ทำให้ชอที่ฟังอยู่อดใจไม่ไหว

   โป๊ก!!!

   “ ไอ้บ้า แกมาเขกหัวข้าไมวะ ”

   เวฟโวยวายใส่หน้าชอ ที่บังอาจมาเขกหัวตนเอง

   “ แหมไอ้เวฟ แกพูดอย่างกับว่า พี่รหัสข้าเป็นไม้ประดับที่ปลูกเอาไว้ดู ”

   ชอโต้กลับอย่างไม่พอใจ

   “ แกไม่ต้องมาทำหน้าหงิกใส่ข้าเลย แกเข้ามาอยู่ชมรมผู้พิทักษ์รักพี่โอตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ”

   เวฟยังทำหน้าทะเล้นใส่ชออย่างไม่ลดละ ส่วนชอที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่ชมรมที่ว่ากำลังจะหันมาหาเรื่องเจ้าตัวพูดมาก แต่มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นมาเสียก่อน

   “ อย่าทะเลาะกันเป็นเด็กๆเลย พี่ปวดหัวกับเรา 2 คนจริงเลย ”

   “ ก็แหมพี่โอครับ พี่ยังไม่ชินอีกเหรอ ”

   “ ช่ายๆ อยู่กันมา ปีนี้ก็ปีที่ 2 แล้ว ”

   ชอและเวฟเข้ากันเป็นปี่ เป็นขลุ่ยทันที ทั้งที่เมื่อครู่ยังหาเรื่องแหย่กันอยู่

   “ เลิกทะเลาะกันได้แล้วเหรอ เรา 2 คนเนี่ยะนะ ”

   เขาว่าน้องทั้งคู่อย่างไม่จริงจังนัก เพราะเจ้าคนโดนว่า ยังทำหน้าระรื่นอยู่ได้เช่นเดิม

   “ พี่โอครับ ผมมีเรื่องอยากจะรู้ แต่ไม่กล้าถาม ”

   เวฟเอ่ยขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้คนที่ฟังอยู่สงสัยไม่น้อย ว่าเจ้าตัวอยากรู้เรื่องอะไร

   “ แล้วเราอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ ถ้าตอบได้ พี่ก็จะตอบ ”

   เขาว่า และมันก็ทำให้เจ้าคนที่อยากรู้หูผึ่งได้ไม่ยากนัก

   “ จริงนะครับ ”

   เวฟถามกลับอย่างรวดเร็วด้วยความดีใจ ส่วนเขาแค่เพียงพยักหน้ารับยิ้มๆ กับอาการดีใจออกนอกหน้าของชายหนุ่ม

   “ คือผมอยากรู้ว่า... บ้านพี่อยู่ไหน ผมรู้แค่ว่า พี่เป็นคนต่างชาติ แต่ก็ไม่รู้ว่าพี่เป็นคนที่ไหน และเท่าที่รู้มาจากพี่ๆคนอื่น ก็เพียงว่าพี่มีบ้านอยู่ที่ในเมืองหลวง แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วพี่เป็นคนชาติไหน ”

   เวฟเมื่อได้โอกาสถามในสิ่งที่สงสัยมานาน ก็ใส่เต็มที่ แบบไม่เว้นช่วงหายใจ

   “ แล้วเราคิดว่าพี่เป็นคนที่ไหนล่ะ ”

   เขาย้อนถามน้อง ซึ่งมันก็ทำให้เจ้าคนโดนถามต้องนิ่งคิดไปครู่ใหญ่ ก่อนจะตอบอีกครั้ง
   
   “ ผมก็อยากจะเดาอยู่เหมือนกันนะครับ แต่ก็เดาไม่ถูกอ่ะ ”

   เวฟตอบอย่างอับจนปัญญากับคำถามของเขา

   “ แล้วเราล่ะชอ คิดว่าพี่เป็นคนที่ไหน ”

   เขาหันมาถามน้องห้องอีกคน ที่นั่งฟังมานาน

   “ ผมเหรอครับ ผมก็เหมือนเวฟแหละครับเพราะถ้าดูผิวเผินแล้ว พี่ไม่มีอะไรที่บอกว่าเป็นคนต่างชาติเลย เพราะไม่ว่าจะเป็นมารยาทหรือวัฒนธรรมต่างๆของเรา พี่ยังเข้าใจและปฏิบัติได้ดีกว่าพวกเราบางคนเสียอีก  แถมภาษาพูดพี่ก็ไม่มีสำเนียงของคนต่างชาติเลย พี่พูดภาษากลางของเราได้ดีกว่าผมกับไอ้เวฟเสียอีก ”

   ชอร่ายยาวตามความรู้สึก ซึ่งเวฟก็ได้แต่พยักหน้าหงิกหงัก เห็นด้วยอยู่ข้างๆ

   “ ขนาดนั้นเลยเหรอ ”

   เขาถามกลับด้วยความแปลกใจ

   “ ขนาดนี้แหละครับ ”

   เวฟตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจังจนเกินจำเป็น

   “ ถ้าสมมุติว่า พี่บอกว่าเรื่องนี้พี่ไม่สะดวกที่จะบอกเรา 2 คนจะว่าอะไรพี่มั้ย ”

   เขาลองหยั่งเชิงถามทั้งคู่ดู เพราะเรื่องที่ถูกถามนี้เขาไม่เคยบอกใครมาก่อน และไม่สะดวกที่จะบอกตามที่หยั่งเชิงดูจริงQ

   “ เราก็..... ”

   เวฟพูดขึ้น ก่อนจะเว้นช่วงยาว ให้คิดต่อว่า เขาต้องการจะพูดว่าอะไรต่อ

   “ ว่าอะไรของแกไอ้เวฟ ”

   สุดท้ายคนที่ทนรอไม่ไหวกลับเป็นชอ แทนที่จะเป็นเขาที่เป็นคนรอคำตอบ

   “ แหมไอ้ชอ แกนี่ช่างสนับสนุนข้าเสียเหลือเกินนะ ”

   เวฟหันมาว่ากระแหนะ กระแหนชอ ที่ยังทำหน้างงๆ เพราะไม่รู้ว่าตนเองพูดอะไรผิด

   “ อะไรของแกวะ ก็แกชอบพูดอะไรขยักขย่อน กระบิดกระบวน อยู่นั่นแหละ ข้าจะไปรู้แกมั้ยล่ะ ”

   ชอตอกกลับอย่าเหลือทน กับอาการมากท่าของเพื่อนสนิท

   “ เออ!!! ไอ้เพื่อนเลว ไม่ช่วยแล้วยังทำเสียเรื่องอีก ”

   เวฟว่าอย่างเคืองใจ ที่เพื่อนไม่สนับสนุนตนเองเหมือนเคย

   “ แล้วเรื่องอะไรของแกล่ะ แกก็ส่งซิก ส่งสายตาบอกหน่อยก็ไม่ได้ข้าไม่ใช่ด๊อกเตอร์ทัศไท ในเรื่องจิตสังหารนะโว๊ยจะได้อ่านใจแกได้ ”

   เวฟและชอตั้งป้อมหาเรื่องกันอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้เขาไม่ได้ว่าอะไรไม่ห้ามเหมือนเช่นเคย เพราะรู้ว่า ยังไง 2 คนนี้ก็ต้องหาเรื่องอื่นมาทะเลาะกันอีก

   “ โอ๊ย!!! ไม่เอาแล้ว เถียงกับแกแล้วเหนื่อยจริงๆเลย แล้วไมพี่โอไม่ห้าม ทุกทีเห็นห้าม ”

   เวฟที่ขี้เกียจจะเถียงกับชอต่อ หันมาหาเรื่องคนที่นั่งเงียบๆมานาน

   “ อ้าว!!! พี่ก็นึกว่าเราอยากจะเถียงกันเสียอีก เห็นหาเรื่องกันไม่ได้หยุด ไม่ได้หย่อน ”

   เขาว่าขำๆ และมันก็ทำให้เวฟหันมาส่งค้อนให้เขาวงใหญ่ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก เพียงยิ้มขำๆ กับท่าทางของน้องรหัสคนนี้เท่านั้น

   “ เออ!!! แล้วที่แกว่าเนี่ยะ เรื่องอะไรของแก ”

   ชอวกกลับมาที่เรื่องเดิม ที่ค้างเอาไว้อีกครั้ง

   “ ก็ไม่มีอะไร แค่อยากจะกดดันพี่โอบ้าง แต่แกทำเสียเรื่องหมดไม่ช่วยแล้วยัง..... ”

   “ ข้าจะไปรู้มั้ยเล่า ที่หลังแกก็เตรี๊ยมก่อนดิโว๊ย ”

   เวฟและชอหันมาตีกันอีกครั้ง

   “ พอเถอะ!!! ถ้าเป็นเรื่องเมื่อครู่ พี่ยังยืนยันคำตอบเดิมนะ ”

   เขาห้ามทั้งคู่อีกครั้ง ก่อนจะวกเข้าเรื่องเดิมที่ทิ้งค้างเอาไว้นานแล้ว

   “ อย่างนั้นเหรอครับ งั้นก็..... ไม่เป็นไรครับ เราไม่รู้ก็ได้ เพราะเราเชื่อว่าพี่ต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่นอน ”

   เวฟตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม โดยที่ชอพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆ ซึ่ง   ก็ช่วยทำให้เขาเบาใจไปมากเพราะหากน้องทั้ง 2 คนนี้ไม่เข้าใจ เขาก็คงรู้สึกไม่ดีที่ไม่ได้บอกความจริง แต่เวฟและชอก็เลือกที่จะไม่รู้ ตามที่เขาขอ

   “ อืม... พี่ขอบใจเรา 2 คนมากนะ ที่เข้าใจ ”

   เขากล่าวขอบคุณทั้งคู่ พร้อมกับรอยยิ้มที่มีอยู่เสมอบนใบหน้าคมคายนั้น ทั้งเวฟและชอก็ยิ้มตอบกลับไป

   “ ไปอาบน้ำดีกว่า พรุ่งนี้ไม่มีเรียนเช้า จะได้นอนเต็มที่ ”

   เวฟว่า ขณะที่เดินไปเปลี่ยนเสื้อ ก่อนจะออกไปหยิบตะกร้าสบู่ที่ระเบียงหลังห้อง แล้วเดินออกจากห้องไป

   “ พี่โอครับ ”

   “ มีอะไรเหรอ ”

   ชอหันมาเรียกเขา ซึ่งเขาก็เงยหน้าขึ้นมองคนเรียก หลังจากที่ก้มหน้าอ่านหนังสือวรรณกรรมอยู่และพบว่าชอมีสีหน้าจจริงจัง คล้ายกับมีเรื่องสำคัญ

   “ ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่อยากเรียกเฉยๆ ”

   “ ..... ”

   ชอตอบหน้าตาย ก่อนจะทำหน้าทะเล้นใส่เขา แล้วจึงเดินตามเวฟไปอาบน้ำอีกคน เขาก็ได้แต่ส่ายหัวกับความไม่รู้จักโต ของน้องร่วมสาขาวิชาคนนี้

   กระนั้นแล้ว เขาก็แอบนึกอิจฉาทั้งคู่อยู่ลึกๆ เพราะหากนับกันแล้ว อายุของเขาและชอรวมถึงเวฟ ไม่ได้ต่างกันมากนัก อยากทำอะไรก็ทำได้ตามต้องการ เป็นทุกอย่างทีอยากเป็นได้ ต่างกับเขาที่ไม่สามารถทำได้ทุกอย่างที่อยากทำได้ และคงเป็นการยากที่เขาจะเป็นได้เช่นนั้น

   “ เฮ้ออออ!!! ”

   เขาถอนใจเงียบๆคนเดียว แล้วปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปไกลเท่าที่มันจะไปได้ เพราะเขาไม่เคยที่จะถอนหายใจให้ใครเห็น เขาจะถอนใจก็ต่อเมื่ออยู่คนเดียวเท่านั้น

   “ นี่ถ้าคนที่บ้านมาได้ยินจะเป็นอย่างไรนะ ”

   เขาพูดกับตนเองเบาๆ พลางคั่นหน้าหนังสือที่อ่านค้างอยู่แล้วปิดไว้ดังเดิม ก่อนจะวางไว้ที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กข้างเตียง




ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
เรื่องส่วนตัวของโอน่าสนใจมากเลย :z3:
 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
เรื่องส่วนตัวของโอน่าสนใจมากเลย :z3:
 :pig4:

โอเชี่ยนมีอะไรที่เป็นความลับอีกหลายอย่างขอรับ :a5:

ขอบคุณที่ติดตามขอรับ :pig4:

มอบเป็ดน้อยกลอยใจขอรับ  :L2:

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
อยากรู้เรื่องที่บ้านของพี่โอ แต่ต้องไม่ธรรมดา o3 o3

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
อยากรู้เรื่องที่บ้านของพี่โอ แต่ต้องไม่ธรรมดา o3 o3

จะว่าอย่างไรดี

พี่โอเขาไม่ใช่คนธรรมดาขอรับ แต่ก่อนที่จะรู้จักกับน้องรินเขาก็ไม่มีอะไรให้ห่วง แต่หนักจากนั้นก็มีเรื่องเข้ามา (แอบสปอย)

ตอนนี้เดินมากว่าครึ่งเรื่องแล้ว

อีกไม่กี่ตอนก็จะถึงจุดพลิกผัน (ข้าเจ้าจะต้มน้ำร้อนไว้ก่อน) :o12:

ขอบคุณขอรับที่ติดตาม มอบน้องเป็ดให้ 1 ตัว :3123:


KIRA_kung

  • บุคคลทั่วไป
แวะมาทักทาย ครับ ตอนที่ 12 แอบซึ้ง นะ 555555

ชอบท่อนท้ายๆเรื่องอ่ะ


และพี่โอเชียนของผม ประวัติน่าจะไม่ธรรมดานะ รอลุ้น ^^


เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะ เลิฟๆ อิอิ  :L1: :L1: :L1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jusmine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่โอลึกลับเชียวนะ

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
แวะมาทักทาย ครับ ตอนที่ 12 แอบซึ้ง นะ 555555

ชอบท่อนท้ายๆเรื่องอ่ะ


และพี่โอเชียนของผม ประวัติน่าจะไม่ธรรมดานะ รอลุ้น ^^


เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะ เลิฟๆ อิอิ  :L1: :L1: :L1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณขอรับที่แวะมาเยี่ยมกัน :pig4:

ประวัติของพี่โอนั้นเป็นความลับขอรับ ประมาณว่าเป็นคนสำคัญ(รึเปล่า)คนหนึ่ง :z3:

แล้วก็ขอบคุณสำหรับดอกไม้และกำลังใจขอรับ :กอด1:

พี่โอลึกลับเชียวนะ

พี่โอเขาเป็นคนที่ไม่ลึกลับหรอกขอรับ แค่ไม่เคยจะบอกเท่านั้นเอง (วิ่งหลบ  :z6: อย่างไว)

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมกันขอรับ :pig4:

ปล. มีน้องเป็ดน่ารักให้ทุกคนขอรับ :L2:

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
เข้ามารอพี่โอกับน้องรินจ้า

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
เข้ามารอพี่โอกับน้องรินจ้า

ขอโทษที่ให้รอขอรับ :z3:

จะรีบตามพี่โอมาอย่างด่วน

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ตอนที่ 14



   คืนวันศุกร์ค่ำคืนแห่งการพักผ่อน เนื่องจากว่าเช้าวันต่อมาเป็นวันว่าง แต่ครั้งนี้คงจะไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้ เพราะค่ำคืนนี้เป็นคืนแห่งการรับน้อง ประมาณว่าคืนนี้นั้นเป็นการเรียกน้ำย่อย ก่อนจะถึงกิจกรรมรับน้องอย่างเต็มรูปแบบในวันรุ่งขึ้น

   “ โอ๊ย!!! กว่าจะถึงพรุ่งนี้ มีหวังฉันหมดสภาพก่อนแน่ๆ ”

   เจ้าป้าบ่นขึ้นหลังจากที่โดนปลุกรอบล่าสุด ทั้งๆที่เพิ่งจะหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมง

   “ แกจะบ่นทำซากอะไรวะ ก็รู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องโดนปลุก หรือถ้าแกไม่อยากโดนปลุก แกก็ไม่ต้องนอน ”

   อีสทหันมาบ่นใส่นอธบ้าง เพราะนี่เป็นรอบที่ 3 แล้วที่นอธบ่นอย่างนี้ รู้ทั้งรู้ว่ายังไงก็ต้องโดนแน่ๆ แต่ก็ยังไม่เลิกบ่น

   “ ฉันว่านะ ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วแหละ ”

   มารินเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงคล้ายกับคนจะหมดแรง

   “ รู้ได้ไงวะริน ”

   เซาธหันมาถามด้วยเสียงที่ไม่ต่างกันนัก เพราะกว่าครึ่งคืนที่ผ่านมานั้น แทบจะไม่ได้นอนกันอย่างเต็มที่เลย เนื่องจากว่ามีรุ่นพี่ที่แสนน่ารักมาเคาะประตูเรียกถึงหน้าห้องทั้งคืนเรียกไม่เรียกเปล่า เพราะแต่ครั้งที่เรียกออกมานั้น มีกิจกรรมให้ได้ออกกำลังกายกลางดึก พร้อมทั้งอาหารเมนูเปิปพิสดารอันหลากหลาย

   “ ก็เท่าที่พี่เวฟกับพี่ชอพูดเปรยๆน่ะ พี่เค้าพูดประมาณว่าเพื่อนของพี่เขาอาจจะขึ้นมาเยี่ยมพวกเรา
และเท่าที่เราเห็นนะ พี่กลุ่มเมื่อครู่ก็เป็นพี่ปี 4 ซึ่งน่าจะเป็นชั้นปีสุดท้ายแล้วไง ”

   มารินอธิบายให้ 3 แฝดฟังตามความคิดเห็นของตัวเอง

   “ อ๋อ..... เออ!!! ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ แต่ตอนนี้เหลือเวลาอีกนิดส์นึง ฉันขอหลับเอาแรงก่อนนะ ”

   เซาธว่าเสียงสูง ก่อนจะก้าวขึ้นเตียงแบบไม่ใคร่จะสนใจใครอีก ส่วนอีก 2 แฝดก็ไม่ว่าอะไรอีก ก่อนจะขึ้นเตียงของตัวเองตามกันไป

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

   “ เมื่อไหร่จะถึงซักทีเนี่ยะ ”

   เซาธเปิดปากบ่น หลังจากที่เดินมาได้สักพักเรื่องมันมีอยู่ว่า หลังจากที่เข้านอนครั้งล่าสุด ไม่ทันที่จะได้ฝัน ก็มีเสียงเคาะประตูปานฟ้าจะถล่มมาปลุกทุกคนอีกครั้ง และไม่ทันที่จะได้ล้างหน้าให้ตื่นเต็มตา ก็ต้องออกจากหอมาตามคำสั่ง เพื่อมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะเดินไปยังชายหาดด้านใน ซึ่งระยะทางทั้งหมด จากหอมาถึงศาลเจ้าที่ไปจนถึงชายหาดนั้นก็ไม่ใกล้ ไม่ไกลเท่าไหร่ แค่เกือบๆ 5 กิโลเมตรเท่านั้น

   จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรที่เซาธจะบ่น ยังดีอีกนิดที่ว่ามารินไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับนอธ ไม่งั้นคงหูชากว่านี้แน่ เพราะนอธอยู่กลุ่มธรรมดาแต่ตนกับเซาธอยู่ในกลุ่มพิเศษ ที่พวกพี่เรียกว่ากลุ่ม VIP ส่วนอีสทก็อยู่ในกลุ่ม VIP เช่นกัน แต่เป็น VIP กลุ่ม 2

   กว่าทุกคนจะเดินมาถึงชายหาด ที่เป็นที่นัดหมายก็สายพอสมควรเพราะตลอดระยะทางที่ผ่านมานั้น มีกลุ่มของรุ่นพี่ตั้งกลุ่ม คอยทักทายน้องๆอยู่เป็นระยะๆ

   “ นี่ริน ฉันว่ากว่าจะหมดกิจกรรมที่รุ่นพี่เตรียมไว้นะฉันว่า ฉันต้องหมดแรงก่อนแน่ๆ ”

   เซาธยังมีแกใจชวนคุย ทั้งๆที่กำลังจะต้องเข้าฐานแรกอยู่แล้ว เท่าที่น้องๆได้รู้จากรุ่นพี่ปี 2 ก็คือว่ากิจกรรมจะแบ่งเป็นฐานต่างๆ แยกตามสาขาวิชา น้องๆจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมในทุกฐาน ซึ่งฐานแรกที่ทุกคนต้องเข้าเหมือนกันนั่นก็คือ ฐานแต่งตัว ที่ทางพี่ๆเตรียมไว้ต่อจากนั้นคือ การเข้าฐานอื่นๆ ซึ่งจะเป็นการหมุนเวียนกันไปจนครบทุกฐาน ซึ่งจะมีเวลาตั้งแต่ 09:00 น. - 15:00 น.

   หลังจากนั้น จะเป็นกิจกรรมล้างสถาบัน ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมสุดท้ายของช่วงบ่าย ก่อนจะเริ่มต้นกิจกรรมในช่วงกลางคืนอีกครั้งในเวลา18:00 น.

   “ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย นี่ถ้าฉันเดินกลับบ้านสภาพนี้นะ 1ป๊ะกับ2มะฉันคงจำไม่ได้แน่เลย ”

   “ นี่เซาธ ฉันว่านะ แกไม่ต้องไปถึงบ้านหรอก แค่แกเดินออกจากตรงนี้ไป คนอื่นเขาคงคิดว่าคนบ้าที่ไหนเดินมาแล้วล่ะ ”

   “ เออ!!! ก็จริงนะ ”

   เซาธพูดขึ้น หลักจากที่หลุดออกมาจากฐานแต่งตัว ซึ่งเป็นฐานแรกมาได้ และเพื่อนคนที่เดินข้างหน้า ก็หันมาแสดงความคิดเห็นที่ทุกคนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะสภาพทุกคนหลังจากเดินออกจากฐานแต่งตัว ที่ต้องเดินผ่านถ้ำเล็กๆ ที่แบ่งเป็น 2 เส้นทาง คือของสุภาพบุรุษ และสุภาพสตรี เพื่อตัดออกสู่ชายหาด สาเหตุที่ต้องผ่านถ้ำก็เป็นเพราะรุ่นพี่คิดว่า มันน่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้นกว่าการเดินแบบปกติหลังจากผ่านเส้นทางของผู้ชายออกมาได้ ก็พบว่าตนเองอยู่ในสภาพที่เรียกว่า คนบ้ายังอายเพราะตั้งแต่หัวจรดเท้า เต็มไปด้วยแป้งเปียกผสมสี แถมยังโรยเม็ดแมงลักลงไปด้วยจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรที่เซาธ และเพื่อนในกลุ่มจะพูดประโยคเมื่อครู่

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

   “ รอดชีวิตมาจนได้ ”

   “ ช่าย..... นึกว่าเราจะไม่รอดจนถึงฐานสุดท้ายซะแล้ว ”

   เสียงพูดคุยงึมงำ ของเพื่อนในกลุ่มเดียวกันดังขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังเดินไปรวมตัวกันที่จุดนัดพบ หลังจากที่สัญญาณหมดเวลาดังขึ้นหลายคนในขณะนี้ ต่างก็ช่วยกันหอบหิ้วสังขารตามๆกันไป เพราะหลังจากที่ผ่าฟันสารพัดด่าน กิจกรรมสร้างสรรค์สุดๆในสายตาของพี่ๆ แต่สุดแสนจะทรมานจิตใจรุ่นน้อง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี กิจกรรมออกกำลังกายกิจกรรมฝึกความอดทน กิจกรรมสานรัก กิจกรรมกินวิบาก ที่สรรหาอาหารเปิปพิสดารมาให้ได้ลองลิ้ม ชิมรส และอีกมากมายหลากหลาย

   ประโยคยอดฮิตติดปากสำหรับงานวันนี้คงจะเป็น ‘ น้องผู้หญิงดูแลน้องผู้ชายด้วย ’ หรือไม่ก็ ‘ ผู้ชายมีน้อยโปรดใช้สอยอย่างประหยัด ’ สาเหตุก็อันเนื่องมาจาก ที่นี่มีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเรียกว่า ผู้ชายมีแทบจะไม่ถึงครึ่งของผู้หญิงด้วยซ้ำ

   หากแต่ละกิจกรรมนั้น ก็ทำให้ทุกคนรักสามัคคีกัน เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกิจกรรมรับน้องทุกอย่าง แม้ว่าจะเหนื่อย ( มาก ) ไปบ้างก็ตาม

   “ เอาล่ะครับน้องๆทุกคน หลังจากที่เราผ่านกิจกรรมช่วงที่ 2 มาแล้ว ด้วยดี รึเปล่า..... ”

   พี่ปี 4 จากฝ่ายกิจกรรมคนหนึ่งเอ่ยขึ้น แบบติดตลกเล็กน้อย เพื่อเรียกรอยยิ้มจากทุกคน

   “ และต่อจากนี้ก็เป็นอีก กิจกรรมย่อย ก่อนจะถึงกิจกรรมหลักที่รออยู่นั่นคือ..... กิจกรรมล้างสถาบัน แต่ก่อนหน้านั้นเราต้องผ่านกิจกรรมย่อมนี้ก่อน เอ้าเขยิบเข้ามาชิดกันหน่อย เดี๋ยวพวกพี่จะบูมให้น้องแล้วจะปล่อยให้น้องไปล้างสถาบัน ซึ่งถือว่าน้องได้ผ่านการรับน้องเป็นรุ่นน้องของพวกเราทุกคนอย่างสมบูรณ์แบบ ”

   พี่คนเดิมกล่าวต่อไป ก่อนจะสั่งให้ทุกคนเขยิบให้ชิดกันมากขึ้น เพื่อจะได้บูมได้สะดวกขึ้น เมื่อบูมสถาบันเสร็จ พี่ๆก็กระจายตัวกันไปที่ชายหาด เพื่อทำกิจกรรมล้างสถาบัน หรือว่าพูดให้ง่ายก็คือว่า ล้างหัว ล้างตัว เอาแป้งเปียกกับเม็ดแมงลักออกจากหัวนั่นเอง ซึ่งในขณะนี้เป็นเวลาที่น้ำขึ้นสูงพอสมควร แต่เพราะไม่ใช่คราวน้ำเกิด น้ำจึงขึ้นไม่สูงเท่าวันที่โอเชี่ยนพามารินมา

   “ รินเราแยกกันก่อนนะ แล้วเจอกันที่ห้องเลยแล้วกัน ”

   เซาธหันมาบอกเนื่องจากว่า แต่ละคนต้องกระจายกันหาพี่รหัสของตนเองก่อน เพราะตอนนี้เหล่าพี่ชั้นปีอื่นกำลังเล่นเกมส์ซ่อนแอบอยู่

   “ อืมๆ แล้วเจอกันนะ ”

   มารินหันมาบอกเพื่อน ก่อนจะสอดส่ายสายตา หาเพื่อนรหัสของตนเองทั้ง 2 คน

   “ พี่เยอะมากมาย แล้วเราจะหาเจอมั้ยเนี่ยะ น้ำลึกแค่ไหนก็ไม่รู้จะรอดมั้ยเรา ”

   มารินบ่นกับตัวเองเบาๆ เพราะเท่าที่หามาได้สักพัก ตนยังไม่เจอพี่รหัสของตัวเองเลย อีกอย่างเจ้าตัวก็ไม่กล้าลงไปลึกกว่านี้เพราะว่ายน้ำไม่เป็น แต่ก่อนที่จะบ่นอะไรไปมากกว่านี้ ก็มีเสียงของใครบางคนขัดขึ้นมาเสียก่อน

   “ จะอะไรครับน้อง ยังไม่แก่ซะหน่อย บ่นเป็นคนแก่ไปได้ ”

   “ พี่เวฟ!!! พี่ชอ!!! พี่....โอ ”

   มารินอุทานด้วยความดีใจที่เจอพี่รหัสพร้อมกัน รวมถึงเขาด้วยอีกคนแม้ว่าเสียงสุดท้ายนั้นจะแผ่วลงมา เพราะไม่คิดว่าอะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้เมื่อยืนบ่นอยู่ก็เจอพี่รหัสของตัวเองซะได้

   “ รู้อย่างนี้บ่นมานานแล้ว ”

   “อะไรนะครับ พี่ได้ยินไม่ถนัด ”

   มารินพูดงึมงำคนเดียว แต่เวฟเกิดหูดีได้ยินขึ้นมาเสียได้

   “ อ๋อ..... เปล่าครับ ไม่มีอะไร ”

   มารินรีบปฏิเสธอย่างมีพิรุธ แต่ก็ไม่มีใครซักไซ้ต่อ

   “ เอาเถอะ พี่ว่าล้างตัวเลยดีกว่า เผื่อน้องจะไปที่อื่นอีก ”

   เขาตัดบทพลางแกะยางที่มัดผมให้อย่างแผ่วเบา

   “ นี่ริน พี่ว่า พี่ๆเขารักเรามากเลยนะดูดิ แมงลักเต็มหัวเลย ”

   “ ว่างั้นแหละชอ รักม๊าก....มาก ”

   ชอและเวฟเอ่ยขึ้น หลังจากที่สาละวนช่วยกันแกะเม็ดแมงลักออกจากหัวของน้องรหัส

   “ พี่ครับ รินมีเรื่องอยากจะถามครับ ”

   มารินเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่ยืนให้พี่ๆทั้ง 3 มะรุม มะตุ้มอยู่นาน

   “ อะไรครับน้องรหัส ”

   เวฟตอบกลับ ตามแบบฉบับของตนเอง

   “ คือว่ารินสงสัยครับว่าทำไมพี่ถึงอยู่ใกล้ รินก็หลงมองหาตั้งไกลไม่คิดว่าพี่จะอยู่ใกล้ๆฝั่ง ”

   มารินตอบไปตามสิ่งที่คิด ส่วนคนฟังก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเฉลยสิ่งที่เด็กหนุ่มสงสัย

   “ ก็มีใครบางคนแถวนี้บอกพี่ว่า น้องรหัสของพวกเราปีนี้อ่ะเป็นโรคกลัวน้ำ (ลึก) พวกพี่ก็เลยต้องมาติดแหง็กอยู่แถวๆชายฝั่งนี่แหละ เนื่องจากกลัวว่าหากไปไกลจากชายฝั่ง น้องรหัสของเราคงไม่สามารถตามไปได้  น้องรหัสที่เคารพมีอะไรสงสัยจะถามอีกมั้ยครับ พี่รหัสที่แสนดีอย่างพวกพี่ๆจะได้ตอบทีเดียว ”

   เวฟตอบข้อสงสัย แต่นั่นก็ทำให้คนเป็นน้องอายไม่น้อย เพราะว่ามารินไม่กล้าไปที่ลึกจริงอย่างที่เวฟว่า แต่เวฟรู้ได้อย่างไรเพราะเด็กหนุ่มไม่เคยบอกใครเลยว่า ตนเองว่ายน้ำไม่เป็นนอกจาก.....

   “ พี่รู้ได้ไงครับว่ารินว่ายน้ำไม่เป็น ”

   ไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง แต่ปากเจ้ากรรมก็ถามออกไปแล้ว

   “ ก็พี่เวฟเค้าบอกแล้วไง ว่ามีคนบอกมา ”

   ชอว่า นั่นทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอีกคน ที่ยืนเงียบมาตั้งแต่ต้น ส่วนคนที่โดนมองก็ได้แต่ยิ้มๆ และมันก็เป็นเหมือนการยอมรับ

   “ เอาน่าน้องครับ ใครจะบอกก็ช่างเหอะ เดี๋ยวพี่ช่วยกันล้างหัวให้น้องก่อนแล้วกัน ”

   “ ช่ายๆ เดี๋ยวพี่ต้องลงคาถาอีกด้วย มันต้องใช้เวลานะน้อง ”

   ชอและเวฟช่วยกันเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว และมันก็สำเร็จเสียด้วย เพราะคำพูดเมื่อครู่ของเวฟ ทำให้มารินเกิดข้อสงสัยขึ้นมาอีก

   “ คาถา?!? คาถาอะไรครับ ”

   “ ก็คาถา..... เอาน่า เดี๋ยวก็รู้ อย่าถามมากน่า ”

   เวฟตอบ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หายงง แต่กลับทำให้งงกว่าเดิมเสียมากกว่า มารินจึงต้องหาผู้ช่วยจำเป็นเจ้าตัวหันมามองเขา แบบคนต้องการความช่วยเหลือ แต่เขาไม่ได้ว่าอะไรอีกเช่นเคย ทำให้เด็กหนุ่มออกจะไม่พอใจหน่อยๆ

   “ แหมๆ สมานฉันท์กันจริงๆเลยนะครับ ”

   มารินว่างอนๆ เพราะไม่มีใครบอกตนเองเลยสักคน แต่ตนก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น

   หลังจากที่ทั้ง 3 สาละวนจัดการกับสารพัดอย่างบนหัวและตัวของเด็กหนุ่มเสร็จแล้ว ก็เป็นการร่ายคาถาที่เวฟบอกไว้แต่แรก ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมาก เป็นการบอกให้ช่วยเพื่อนดูแลกันและกันตั้งใจเรียน และสุดท้าย.....

   “ น้องเฮ้อ มาพร้อมเพื่อน จบพร้อมเพื่อน อย่าจบก่อน อย่าจบหลังนะน้อง ทำด้ายม้ายนั้น ”

   เวฟกล่าวด้วยภาษาและสำเนียงท้องถิ่น แม้ว่ามารินจะไม่รู้เรื่องทั้งหมด แต่ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมา ก็ทำให้มารินพอจะเข้าใจโดยรวมได้

   “ ได้ครัเบ ”

   มารินรับคำเกือบจะพร้อมๆกับการร่ายคาถาครั้งสุดท้ายของเวฟ นั่นก็คือการเป่าหัว

   “ เอ้า!!! เสร็จพิธี ณ บัดนาว น้องเป็นรุ่นน้องของที่นี่แล้วอย่างสมบูรณ์ ”

   เวฟว่า หลังจากที่เสร็จภารกิจทุกอย่าง

   “ แล้วเราจะไปหาพี่คนอื่นอีกมั้ย ”

   เขาเปิดถาม หลังจากเงียบมาตลอดเวลาที่ผ่านมา

   “ ก็อยากไปครับ แต่ว่า..... ”

   มารินตอบด้วยอาการเขินที่ต้องพูดประโยคต่อมา

   “ ไม่กล้า !!! ”

   เวฟและชอประสานกันขึ้นมาอย่างรู้ทัน ซึ่งก็ได้แต่พยักหน้ารับแบบเขินๆ ที่พี่ๆรู้ทัน

   “ เอาอย่างนี้แล้วกัน เวฟ ชอ พาน้องเขาไปหาพี่ในสาขา แล้วก็พี่คนอื่นๆ ”

   เขาเสนอ ซึ่งมารินก็ออกจะเห็นด้วยกับคำพูดของเขาไม่น้อย

   “ แล้วพี่โออ่ะครับ จะไปไหนต่อ ”

   ชอถามพี่ใหญ่ของกลุ่ม เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะแยกตัวไปอีกทาง

   “ พี่คงอยู่แถวนี้แหละ ไม่ได้ไปไหนหรอกอาจจะไปอยู่กับกลุ่มพี่ปี 4 คนอื่นๆน่ะ ยังไงก็ฝากดูน้องด้วยนะ ”

   เขาตอบ ก่อนจะกำชับทั้งคู่ให้ดูแลคนที่ได้รับความรักจากตนอีกครั้ง ซึ่งชอและเวฟก็ยิ้มตอบกลับมา ประมาณว่า ‘ วางใจได้ ’

   ใจจริงๆแล้ว เขาก็อยากไปกับคนที่ตนเองรักด้วย แต่มันคงไม่ดีนักจึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเวฟและชอแทน





1ป๊ะ = พ่อในภาษาถิ่น
2มะ = แม่ในภาษาถิ่น






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2012 14:38:13 โดย Ice_Iris »

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
คิดถึงตัวเองสมัยปี1 ที่ต้องเดินไหว้พระเก้าวัดในเมืองกรุง ทั้งนั่งรถลงเรือเดินผ่านกลุ่มชุมนุม ตอนนั้นสนุกมาก แต่ถ้าให้ทำตอนนี้สองวัดไม่รู้จะไหวมั๊ยแก่แล้ว 555555

ปล น้องรินกลัวน้ำเหมือนป้าเลยลูกแต่ป้าก็จะเล่น ต้องเป็นภาระคนอื่น (ฉันไม่สนใจ) :laugh: :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
คิดถึงตัวเองสมัยปี1 ที่ต้องเดินไหว้พระเก้าวัดในเมืองกรุง ทั้งนั่งรถลงเรือเดินผ่านกลุ่มชุมนุม ตอนนั้นสนุกมาก แต่ถ้าให้ทำตอนนี้สองวัดไม่รู้จะไหวมั๊ยแก่แล้ว 555555

ปล น้องรินกลัวน้ำเหมือนป้าเลยลูกแต่ป้าก็จะเล่น ต้องเป็นภาระคนอื่น (ฉันไม่สนใจ) :laugh: :laugh:

ท่านต้องเดินไปเช่นกันหรือขอรับ

ณ ตอนนี้ข้าเจ้าก็สูงวัย(ไม่อยากบอกว่าตัวเองแก่ 5+) :เฮ้อ:

แต่น้องรินเค้าเล่นน้ำได้อย่างสบายใจขอรับ เพราะมีป๋าคอยกำกับทุกอย่าง

ขอบคุณที่เข้ามาหาน้องรินขอรับ :pig4:

เดี๋ยวส่งพี่โอตามไปดูแลถึงบ้านขอรับ :กอด1:

มีน้องเป็ดให้เช่นเคยขอรับ :3123:


ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


ตอนที่ 15



   เวลา 18:00 น. เวลานัด เพื่อเริ่มอีก 1 กิจกรรมในช่วงเย็นของวันนี้ ซึ่งสถานที่นัดก็ยังเป็นที่เดิม นั่นก็คือโดมกิจกรรม


   เมื่อน้องๆมาถึงพี่ๆที่ยืนอยู่ก็ช่วยกันแจกเทียนให้กับทุกคนคนละเล่ม ซึ่งทุกคนก็ได้จากพี่รหัสของตนเองเพิ่มจากเทียนมีอยู่ นอกจากนั้นก็ยังได้จากพี่คนอื่นที่รู้จักอีกด้วย

   “ น้องรินครับ อันนี้ของพี่ส่วนอันนี้ ของพี่รหัสปีสายตรง 4 ของน้องครับ อ้อ!!! ของน้องทั้ง 3 คนด้วย ”

   ชอและเวฟปรากฏกายขึ้นพร้อมกับยื่นเทียนให้มาริน หลังจากที่เลยเวลานัดมาได้สักพัก ซึ่งการมาของเขาทั้งคู่ก็สร้างความดีใจให้เด็กหนุ่มไม่น้อย เพราะเจ้าตัวยังไม่ได้เทียนจากพี่รหัสของตนเองเลย และอีกอย่างนี่ก็เป็นการแสดงว่า พี่รหัสปี 4 ของตนนั้นมีตัวตน

   เทียนของเวฟและชอเป็นเทียนไขธรรมดาทั่วไป แต่เทียนที่ฝากมาจากพี่ปี 4 นั้นเป็นเทียนหอมอยู่ในครอบแก้วกันลมสีฟ้าอ่อนๆ รูปทรงธรรมดา แต่มีลายคล้ายเถาวัลย์พันอยู่โดยรอบ

   “ อ้อ!!! น้องริน พี่เขาฝากมาบอกว่าให้ใช้เลยนะไม่ต้องเก็บไว้ดู ถ้าชอบน่ะพี่เขาจะหาให้ใหม่ ”

   ชอพูดขึ้น เหมือนจะรู้ว่าน้องรหัสของตนคิดอะไรอยู่ เพราะมารินกำลังคิดจะเก็บเทียนเล่มนี้ไว้อยู่พอดี

   “ มันไม่ใช่ความคิดพี่หรอก เพียงแต่ว่าพี่เขาเดาอ่ะว่าเราต้องไม่อยากจุดมัน พี่เขาก็เลยดักทางเอาไว้ ”

   “ ใช่ๆ จุดไปเลยน้อง เพราะเมื่อปีที่แล้วพี่กับไอ้ชอก็ได้แบบนี้แหละไม่ต้องห่วง พี่เขามีเยอะ ”

   ชอและเวฟพูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าน้องรหัสยังอิดออดไม่อยากจุดเทียนเล่มงามนั้นเสียที แต่ไม่ใช่แค่มารินเพราะ 3 แฝดที่ได้เช่นเดียวกันก็ไม่ยอมจะจุด

   “ เออ!!! เกือบลืมคืนนี้หาพี่ให้เจอด้วยนะ เพราะบางทีเราอาจได้เจอคนอื่นนอกจากพี่ 2 คนก็ได้ ”

   ชอเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะแยกตัวออกไปทำหน้าที่ของตนเองต่อแล้วปล่อยให้น้องปี 1 ทำหน้าของตัวเองเช่นกัน

   เกือบ 1 ทุ่ม กิจกรรมต่างๆก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง น้องปี 1 ที่รุ่นพี่ให้รออยู่ที่โดมอาหารแต่แรก ก็เริ่มเดินออกจากโดมอาหารไปยังโดมกิจกรรม ซึ่งก่อนจะเดินไปนั้น พี่ๆก็บอกให้ทุกคนจุดเทียนก่อน และต้องดูแลไม่ให้เทียนดับจนกว่าจะได้เข้าไปในโดม เพราะเทียนที่ถืออยู่นี้ ถือเป็นเทียนแห่งปัญญา

   แม้ว่าสิ่งที่พี่ๆบอกนั้นมันไม่ยากเท่าใดนักถ้าหากว่า ระหว่างที่เดินๆอยู่นั้น จะไม่มีพี่ๆมาแอบเป่าเทียนของน้องๆ แต่ของมารินและ 3 แฝดนั้นไม่ต้องกลัวแต่อย่างไร เพราะมีครอบแก้วป้องกันลมอยู่แล้วจึงไม่ลำบากนัก เพราะว่าแม้เล่มอื่นๆจะดับแต่เล่มนี้ก็ไม่ดับอย่างแน่นอน

   คืนนี้เป็นข้างขึ้นแม้ว่าจะไม่ใช่พระจันทร์เต็มดวง แต่ก็พอได้เห็นแสงบ้างแล้ว เมื่อรวมกับแสงเทียนเล็กๆ นับร้อยๆดวงที่ส่องสว่างอยู่ด้านล่าง ก็เป็นภาพที่น่าดูไม่น้อย

   “ กว่าจะรอดมาได้ ดีนะที่ได้เทียนจากพี่รหัสรินช่วยไว้ ไม่งั้น เทียนแห่งปัญญาของฉันมีหวัง จอดไม่ต้องแจว ”

   จอมพูดมากเอ่ยขึ้น หลังจากที่ประคับ ประคอง ฝ่าลมพายุ (จากปาก ) ด้านนอกมาจนถึงด้านในได้ ภายในโดมกิจกรรมแม้จะปิดไฟหมด แต่แสงสว่างจากเทียนเล็กๆหลายร้อยเล่มก็ทำให้สว่างไสวขึ้นมาได้ และเป็นภาพที่สวยงามไปอีกแบบ

   “ นี่อีสท ฉันอยากเห็นหน้าพี่รหัสปี 4 ของไอ้รินแล้วว่ะ ว่าหน้าเป็นอย่างไร ทำตัวลึกลับซะจริงๆ แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ ว่ามะ ”

   “ อืม..... ก็ใช่นะ งั้นเราก็เกาะหลังไอ้รินไป จะได้รู้ว่า พี่รหัสปริศนาคนนี้เป็นใคร ”

   เซาธกับอีสทคุยกันเบาๆ เพราะตอนนี้ทุกคนเข้ามานั่งอยู่ในโดมหมดแล้ว และกำลังจะเริ่มทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ หลังจากที่หมอขวัญประกอบพิธีเสร็จก็เป็นการผูกข้อมือให้กับทุกคน ก่อนจะให้อาจารย์ผูกข้อมือต่อ หลังจากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของรุ่นพี่ที่จะผูกเป็นกลุ่มต่อไป

   “ รินแกว่าเราจะหาพวกพี่ๆเจอมั้ยวะ ”

   เซาธเอ่ยขึ้น หลังจากที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากว่าแม้จะเสร็จพิธีการแล้ว แต่ภายในโดมก็ยังไม่เปิดไฟเช่นเดิม มีเพียงแสงไฟดวงเล็กที่ให้แสงสว่าง และแสงเทียนที่จุดไว้แต่แรก

   “ อย่าบ่นเลยน่า มีหน้าที่หา ก็หาไป พี่เขาต้องอยู่ในนี้แหละ เชื่อดิ คงไม่ไปไหนไกลหรอก ”

   อีสทพูดขึ้น คล้ายจะปลอบเซาธ แล้วก็ปลอบใจตัวเองด้วยเช่นกัน ว่าแล้วแต่ละคนก็กระจายกันไป เพื่อตามหาเพื่อนรหัสของแต่ละคน

   “ โห!!! พี่ชอ พี่เวฟ กว่าจะหาเจอ ”

   มารินว่าอย่างเหนื่อยๆ พลางนั่งแหมะลงตรงหน้าทั้งคู่ แต่เมื่อเหลือบตาไปมองด้านข้างของพี่ทั้งคู่ทำให้เด็กหนุ่มต้องแปลกใจอีกครั้ง

   “ พี่โอ!!! ”

   มารินอุทานเบาๆ แต่ก็พอจะได้ยินในตอนแรกนั้น มารินคิดว่าเขาเป็นพี่รหัสตนเอง เจ้าตัวก็อดดีใจอยู่ลึกๆไม่ได้ ที่จะมีเขาเป็นพี่รหัส เพราะเขาใส่ใจทุกรายละเอียดของตนเป็นอย่างดี แต่เมื่อคิดไป คิดมา อาจเป็นเพราะเขาเป็นพี่รหัสของเวฟและชอ เขาจึงมานั่งอยู่ด้วยก็ได้

   “ อ้าว!!! น้องริน เป็นอะไรหรือเปล่า ”

   ชอถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเมื่อครู่น้องรหัสของตนยิ้มอย่างดีใจ แต่ไม่เท่าไหร่ก็กลับมาหน้าเศร้าอีก

   “ เอ่อ... ไม่มีอะไรครับ ”

   มารินตอบเสียงแผ่วๆ ทั้งที่พยายามจะรักษาเสียงให้ปกติไว้ให้มากที่สุดแล้วก็ตาม

   “ นั้นหรือ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ตอนนี้นะ น้องรินก็คือรุ่นน้องของเราแล้ว พี่กับพี่เวฟก็มีของจะให้ เพื่อแสดงว่าน้องคือน้องของที่นี่อย่างสมบูรณ์ที่สุด ”

   ว่าจบชอก็หยิบสร้อยคอธรรมดาๆ ที่มีจี้เงินอันหนึ่งห้อยอยู่เส้นหนึ่งขึ้นมา เวฟและชอช่วยกันใส่ให้จนเสร็จหลังจากนั้นก็ผูกข้อมือให้ เมื่อเสร็จภาระกิจจากพี่รหัสทั้ง 2 คนของตนเอง มารินจึงหันมาหาเขา เพราะเขาก็เป็นพี่ที่ตนเคารพคนหนึ่ง

   “ พี่ดีใจด้วยนะที่น้องผ่านวันนี้มาได้ ขอให้น้องเก็บเรื่องราวดีๆ น่าประทับเอาไว้ให้ดีนะ เพราะมันคงมีเพียงครั้งเดียว ”

   เขาว่า พลางหยิบสร้อยข้อมือเงิน ที่มีจี้รูปสมอเงินอันเล็กน่ารักอันหนึ่งออกมาใส่ให้ พร้อมกับพูดบางประโยคที่ทำให้มารินต้องตกใจ

   “ สำหรับน้องรหัสที่น่ารัก หวังว่าน้องจะเป็นน้องที่น่ารักอย่างนี้ตลอดไปนะ ”

   “ ครับ!?! พี่โอว่าอะไรนะครับ ”

   มารินถามขึ้นทันทีที่เขาพูดจบ เพราะตนไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยินว่าหูฝาดไปหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร เขายังคงยิ้มเหมือนครั้งก่อนๆอีกครั้ง

   “ พี่ 2 คน ก็ดีใจนะที่ได้รหัสเฟือนๆแบบเราน่ะ ”

   เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ชอจึงพูดแทน เพื่อย้ำว่าสิ่งที่มารินได้ยินนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่อิงนิยาย

   “ ม่ะๆ.... หมายความว่า..... ”

   “ ใช่แล้วไอ้น้อง นี่พี่รหัสของเรา ตัวจริง เสียงจริง ”

   มารินพูดขึ้นอย่างตะกุก ตะกัก จนเวฟต้องมาช่วยคอมเฟิร์มอีกครั้ง

   “ พี่หลอกแกล้งริน ”

   เมื่อรวบรวมสติได้แล้วมารินก็ตั้งแง่กับเขาทันที

   “ พี่เขาไม่ได้หลอก เพียงแต่ไม่เคยจะบอก ”

   เวฟว่า พลางทำหน้าขำกับอาการไม่ค่อยจะพอใจของน้องรหัส ที่โดนแกล้งมาตลอด

   “ แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะ ”

   มารินว่ากลับอย่างไม่ยอมแพ้ แม้ว่าทั้ง 3 จะเป็นพี่ก็ตาม

   “ เอาน่าๆ น้องริน มันก็เป็นเรื่องที่พี่รหัสสามารถทำได้ หยวนๆน่าโอเคมั้ย ”

   เวฟพูดทีเล่น ทีจริง

   “ ฝากไว้ก่อนเหอะ อย่าให้รินเป็นพี่บ้างนะ จะแกล้งพี่บ้าง ”

   มารินว่า ทั้งที่ในใจนั้นยังรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย ที่รู้ว่าเขาคือพี่รหัสของตนเอง

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

   “ เอาล่ะครับน้องๆ Freshy ทุกคน ตอนนี้ก็ถึงเวลาระทึกอีกครั้งเนื่องจากว่า ต่อจากนี้ เราจะประกาศผลโหวต Freshy Boy และ Freshy Girl และผลโหวต Senior ในดวงใจ ”

   พิธีกรประกาศขึ้น หลังจากที่ปล่อยให้ทุกคนผูกข้อมือรับขวัญกันมาพักใหญ่ ในตอนนี้นั้นเปิดไฟภายในโดมทั้งหมดแล้ว

   “ เราจะมาเริ่มจากตำแหน่ง Freshy Boy Award ก่อนแล้วกัน และผลโหวตนี้ตกเป็นของน้อง..... ”

   การประกาสผลโหวตต่างๆ ผ่านมาถึงตำแหน่งสุดท้าย นั่นก็คือรางวัล Senior ในดวงใจ

   “ สำหรับรางวัล Senior ในดวงใจคนที่ได้คะแนนนี่ รู้สึกว่าจะทิ้งห่างคนอื่นๆแบบไม่เห็นฝุ่นทีเดียว แต่จะเป็นคนที่เราคิดไว้หรือเปล่า อันนี้ต้องรอดูครับ เพราะฉะนั้นเราอย่าช้ากันเลยดีกว่า เรามารู้พร้อมกันเลยว่าคนที่ได้ตำแหน่งนี้เป็นใคร และตำแหน่งนี้เป็นของ...... ”

   พิธีกรยังคงทำหน้าที่ต่อไป แถมยังจงใจเว้นระยะให้ทุกคนลุ้นตามไปด้วย

   “ พี่โอครับ...... ”

   เสียงเฮดังลั่น สนั่นโดมเพราะทุกคนก็คิดไว้แล้วว่าเขาคงไม่พลาดตำแหน่งนี้อย่างแน่นอน แต่แล้วทุกคนก็ต้องอ้าปากค้างกับประโยคที่ตามมาของพิธีกร

   “ ช่วยประกาศแทนผมที ”

   ประโยคเมื่อครู่เรียกว่าทำให้อารมณ์ค้างไปตามๆกัน ส่วนคนที่ถูกเรียกชื่อก็ยิ้มน้อยๆ กับความขี้เล่นของพิธีกร แต่เมื่อเขาเดินไปถึงกลางโดมที่สมมุติให้เป็นเวที รุ่นน้องพิธีกรตัวดีก็เปลี่ยนใจเสียอย่างนั้น

   “ ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ พี่ไม่ต้องประกาศแล้ว เพราะว่าคนที่ได้ตำแหน่งก็พี่นั่นแหละ ”

   คำบอกของคนเป็นพิธีกร ทำให้คนที่รอฟังอึ้งรอบ 2 เพราะไม่รู้ว่าอันไหนจริง อันไหนเล่น

   “ แต่พี่ก็ออกมาแล้ว ยังไงก็แสดงความสามารถซักกะนิ๊ด ก่อนก็แล้วกันนะครับ ”

   พิธีกรว่า ยังไม่ทันที่เขาจะตอบว่าอะไร ก็มีเสียงของคนคุ้นเคยดังขัดขึ้นมา

   “ วิว เมื่อกี้น้อง Freshy Boy ก็ยังไม่ได้แสดงความสามารถเลยนะ เดี๋ยวมันจะเป็นการเอาเปรียบน้อง Freshy Girl นะโว๊ย ”

   มารินหันมองตามเสียง และก็พบว่าคนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพี่รหัสของตนเอง

   “ จริงด้วย แหมผมก็ลืมไปเลย ถ้าอย่านั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราให้ทั้งคู่แสดงความสามารถพร้อมกันเลยดีมั้ยครับ ”

   “ อย่างนั้นแหละ ”

   เสียงของเวฟดังขึ้น และเมื่อทุกคนประสานเสียงกัน เขาก็คงไม่สามารถปฏิเสธได้อีกเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาจึงเดินไปที่โต๊ะควบคุมเสียง แล้วจึงพูดคุยบางอย่างกับคนคุมเสียง ไม่นานนักเสียงเพลงลีลาศในจังหวะแทงโก้ก็ดังขึ้น

   “ เต้นรำกับพี่สักเพลงแล้วกันนะ ”

   เขาว่า พลางโค้งลง ตามมารยาทในการเต้นรำ และเมื่อโดนขอเช่นนี้ มารินก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นกัน แม้ว่าตนเองจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่เมื่อถูกโค้งแบบนี้ก็คงจะต้องยอมออกมาเต้นเป็นฝ่ายหญิงนั่นล่ะ

   “ พี่รู้ได้ไงครับว่ารินเต้นลีลาศได้ ถ้ารินทำพี่ขายขี้หน้าขึ้นมาจะว่าไง เพราะทุกคนคงคิดว่ามันเป็นมุขของริน แต่กับพี่เนี่ยะ หน้าแตกนา ”

   มารินว่า หลังจากที่ก้าวออกมายืนอยู่กลางโดมอยู่กับเขาแล้ว

   “ พี่คิดว่าพี่จำไม่ผิดนะว่า ในประวัติที่เราเขียนน่ะ เราบอกตนเองเต้นลีลาศได้ทุกจังหวะ และพี่ก็คิดว่า แค่นี้ยังไงน้องวิท - เลก็ทำได้อยู่แล้ว ”

   เขาตอบ ซึ่งมันก็ทำให้มารินหน้าเหวอไปเหมือนกันที่เขารู้ประวัติส่วนตัวของ เพราะตนเองจำได้ว่า ไม่เคยเขียนส่งเขา หรือว่า.....

   “ พี่แอบอ่านประวัติริน ”

   มารินกล่าวหาเขา แต่เขาก็ยิ้มแล้วตอบกลับไปแบบธรรมดาๆ

   “ พี่ไม่ได้แอบ ก็เราเขียนส่งพี่รหัส พี่ก็เป็นพี่รหัสเหมือนกัน แล้วทำไมพี่จะอ่านไม่ได้ล่ะ ”

   เขาตอบหน้าตาย ส่วนมารินก็ได้แต่ทำหน้ายู่ใส่ เพราะยังไงก็เถียงไม่เคยชนะเขาเสียที แล้วมารินก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง เพราะเจ้าตัวสามารถเต้นลีลาศคู่กับเขาได้เป็นอย่างดี ชนิดที่ว่ามืออาชีพเห็นแล้วต้องยกนิ้วให้

   “ สงสัยว่า ปีนี้มหา’ลัยเราต้องได้นักกีฬาลีลาศ คนใหม่แน่ๆว่ะ แกว่ามั้ยชอ ”

   เวฟหันมาพูดกับชอ หลังจากที่การแสดงจบแล้ว พร้อมกับเสียงปรบมือมากมาย

   “ ก็ว่างั้นแหละ ”

   ชอเออออตามไป เพราะดูจากฝีมือแล้ว อยู่ในขั้นใช้ได้ ไม่สิ ดีทีเดียว

   “ ไหนบอกว่ากลัวขายหน้าไง ”

   เขาหันมากระเซ้าเล่น ซึ่งก็ได้ค้อนวงใหญ่มาแทน

   “ ก็กลัวอยู่แต่ก็นะ ไม่ยอมขายหน้าหรอกครับ ถ้าทำไม่ดีก็เสียชื่อแชมป์ลีลาศโรงเรียนเก่าหมดพอดี ถึงตอนนั้นรินจะเต้นเป็นฝ่ายชายก็เถอะ แต่ว่าก็เคนเต้นเป็นฝ่ายหญิงบ่อยเหมือนกัน เพราะตอนนั้นห้องของรินมีผู้หญิงไม่กี่คนเอง ”

   มารินตอบกลับหน้าทะเล้น จนเขาอยากจะทุบเสียทีให้มันหายมันเขี้ยว เมื่อการแสดง ( จำเป็น ) จบลง ต่อจากนั้นก็เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ยืดเส้น ยืดสายกันอย่างเต็มที่กับการแดนซ์กระจาย ที่ได้จัดมาให้ทุกคนร่วมสนุกด้วยกัน

   แต่สำหรับมารินนั้น ออกจะไม่ชอบการเต้นแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะเจ้าตัวเต้นไม่เป็น หากจะให้ลงไปแดนซ์อย่างเพื่อนๆ ก็คงเป็นเพลงรักกันท่าเดียวเป็นแน่ เพราะตนเองเต้นได้แค่นั้น ดังนั้นจึงขอเป็นผู้ชมนั่งดูเงียบๆ แล้วปล่อยให้ 3 แฝดแดนซ์กันสุดฤทธิ์

   “ ทำไมไม่ไปร่วมสนุกกับเพื่อนๆล่ะ หรือว่าเพลงไม่สนุก ”

   เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง ทำให้มารินต้องหันมามองหาต้นเสียง

   “ เปล่าครับ แต่รินเต้นไม่เป็นก็เลยไม่รู้จะลงไปทำไม แล้วพี่ล่ะครับไม่ไปเต้นกลับเขาบ้างเหรอ ”

   มารินตอบ ก่อนจะย้อนถามเขาเช่นกัน

   “ พี่ไม่ค่อยถนัดน่ะ ก็เลยขอเป็นผู้ดูดีกว่า ”

   เขาว่า พลางนั่งลงข้างๆ

   “ เอาอย่างนี้มั้ย พี่ว่าจะไปหาดเราจะไปด้วยกันมั้ย ”

   หลังจากปล่อยให้เสียงเพลงจากในโดมดังมานาน เขาจึงเอ่ยปากชวนคนที่นั่งอยู่ข้างๆคุยอีกครั้ง

   “ ดีเลยครับ กำลังอยากไปอยู่พอดี ”

   มารินตอบกลับด้วยน้ำเสียงดีใจ

   “ งั้นก็..... ออกเดินทางได้ ”

   เขาว่าพลางลุกขึ้น ก่อนจะส่งมือให้เด็กน้อยของตนจับ เพื่อลุกขึ้นเช่นกัน

   “ เดี๋ยวครับ แล้วเพื่อนรินล่ะครับ ”

   มารินถามขึ้น เพราะเกรงว่าเพื่อนจะเป็นห่วง และตนก็บอกเอาไว้แล้วว่าจะกลับห้องพร้อมกัน

   “ อืม..... เดี๋ยวเราก็กลับมารับไง เพราะยังไงพี่ก็ต้องรอรับพี่รหัสของเราอยู่แล้ว

   เขาพูดให้คนตัวเล็กหายกังวล ก่อนที่จะขับรถออกจากโดม แล้วมุ่งหน้าไปยังชายหาดด้านใน




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




ใกล้จะจบแล้วขอรับ

เหลืออีกไม่กี่ตอน

มีจุดพลิกผันเล็กน้อย :a5:

ข้าเจ้ามีบริการน้ำร้อนไว้ต้มมาม่าขอรับ :z3:

แล้วพบกันขอรับ :pig4:  :pig4:



ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
ตอนนี้น่ารักดีค่ะ :L2:

ปล. ช่วงที่มาม่าขอไม่เยอะนะค่ะ เพราะช่วงนี้กินบ่อย :monkeysad:

ออฟไลน์ naneku

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ไม่เอามาม่านะ T_T


อยากรู้เบื้องลึกพี่โอเป็นใคร 5555

ให้เป็ดด :3123:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ตอนนี้น่ารักดีค่ะ :L2:

ปล. ช่วงที่มาม่าขอไม่เยอะนะค่ะ เพราะช่วงนี้กินบ่อย :monkeysad:


ไม่มาม่าเท่าไหร่ขอรับ :sad11:

ไม่เผ็ดอย่างต้มยำกุ้ง

แค่เบาะๆแบบรสหมูสับขอรับ :sad4:

ไม่เอามาม่านะ T_T


อยากรู้เบื้องลึกพี่โอเป็นใคร 5555

ให้เป็ดด :3123:

เอ่อมีมาม่าแค่เล็กน้อยขอรับ

ส่วนเบื้องลึกของพี่โอก็อยู่ในบทที่มีมาม่าขอรับ

ขอบคุณลูกเป็ดน่ารักๆขอรับ :pig4: :pig4:

ปล.มีน้องเป็ดมาแจกขอรับ


 :pig4:  :pig4:  :pig4:

KIRA_kung

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักอ่ะ เต้น ลีลาศด้วย 55  ต้มมาม่าแล้วหรอ จะเผ็ดไหมนะ ไม่ชอบกินเผ็ดอ่ะ 555  :laugh:

จะจบแล้วหรอผู้เขียน ไมจบไวจุง พี่โอกับมารินจะไปแล้วหรอ ไม่นะ!!!!  :sad4: :o12: :sad4: :o12:

คิดถึงแย่เลยย ไม่มีภาค 2 หรอครับ  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:  o13 o13 o13


รอตอนต่อไปครับ สนุกๆ ครับ  :3123: :3123: :3123: :3123:

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
คงเศร้าน่าดู จะจบเหมือนชื่อเรื่องรึเปล่าเนี้ย รักนิรันดร์ ถ้าไม่คงผิดหวังน่าดูแหละ

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
น่ารักอ่ะ เต้น ลีลาศด้วย 55  ต้มมาม่าแล้วหรอ จะเผ็ดไหมนะ ไม่ชอบกินเผ็ดอ่ะ 555  :laugh:

จะจบแล้วหรอผู้เขียน ไมจบไวจุง พี่โอกับมารินจะไปแล้วหรอ ไม่นะ!!!!  :sad4: :o12: :sad4: :o12:

คิดถึงแย่เลยย ไม่มีภาค 2 หรอครับ  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:  o13 o13 o13


รอตอนต่อไปครับ สนุกๆ ครับ  :3123: :3123: :3123: :3123:

ขอบคุณขอรับ  :pig4:

มาม่ารสหมูสับขอรับไม่เผ็ดแน่นอน :m31:

ความจริงก็ยังไม่จบเสียทีเดียวหรอกขอรับ

เหลืออีกประมาณ 5 ตอนขอรับ :z3:

คงเศร้าน่าดู จะจบเหมือนชื่อเรื่องรึเปล่าเนี้ย รักนิรันดร์ ถ้าไม่คงผิดหวังน่าดูแหละ

ตอนจบเศร้าเหมือนชื่อเรื่องหรือเปล่า..... 

คงไม่ถึงขนาดนั้นกระมังขอรับ :sad11:

แต่ก็อาจจะเศร้าอยู่บ้างขอรับ :monkeysad:

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมกันขอรับ :pig4:

มอบเป็ดน้อยแทนใจขอรับ :3123:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

ตอนที่ 16



   ดาวดวงเล็ก ดวงน้อย แย่งกันส่องแสงระยิบ ระยับ จันทร์เสี้ยวลอยเด่นอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว เสียงลมพัดผ่านทิวสน คลื่นกระทบหาดทราย เกลียวน้ำหยอกล้อกับพื้นทราย แสงจันทร์สะท้อนผิวน้ำงดงามน่าชม แม้จะไม่เท่าในวันที่เดือนเต็มดวงก็ตามที


   “ ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ ”


   มารินเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน ซึ่งเขาก็ยิ้มรับคำพูดของเด็กน้อยของตน


   “ เป็นอย่างไรบ้างครับวันนี้ เหนื่อยไหม ”


   เขาเอ่ยถามถึงกิจกรรมในวันนี้


   “ อืม..... ถ้าจะบอกว่าไม่เหนื่อยเนี่ยะดูมันจะเป็นการโกหกเกินไปคงต้องบอกว่า เหนื่อยมาก แล้วก็สนุกมากด้วย ”

   มารินตอบเขาไปตามสิ่งที่รู้สึกจริงๆ ไม่ได้ปิดบังแต่อย่างไร


   “ ครับ..... พี่เชื่อ เพราะถ้าเราบอกว่าไม่เหนื่อยนี่สิถึงจะแปลก เพราะว่าเราอยู่กลุ่ม VIP ไม่เหนื่อยก็แปลกล่ะ ”


   เขาสัพยอกเด็กร่างเล็กของตนเล่นๆ ซึ่งมันก็ทำให้อีกฝ่ายหันมาส่งค้อนวงโตให้เขาอย่างงอนๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะทำท่าเหมือนนึกอะไรออก

   “ พี่โอครับ แล้วตอนที่พี่อยู่ปี 1 พี่อยู่กลุ่มไหนครับ ”


   มารินถามขึ้นด้วยอาการอยากรู้ จนเขาเห็นแล้วอดที่จะหัวเราะไม่ได้


   “ ไม่เห็นต้องขำเลย ก็แค่อยากรู้ ”


   มารินว่าพลางทำหน้าหงิกใส่เขาโดยไม่รู้ตัว


   “ ไม่เห็นต้องงอนเลย พี่บอกก็ได้เมื่อตอนอยู่ปี 1 พี่ก็อยู่กลุ่ม VIP อ้อ!!! เวฟกับชอด้วย แถมเวฟยังบอกอีกนะว่า พวกเราเนี่ยะเป็นพวกไม่ธรรมดา ”


   เขาว่าพลางยิ้มขำๆไปพลางจนทำให้มารินสงสัยว่า ไอ้ประโยคที่ว่า ‘ พวกไม่ธรรมดา ’ มันหมายความว่าอย่างไร


   “ หมายความว่ายังไงครับ ที่ว่าไม่ธรรมดาน่ะ ”


   มารินถามในสิ่งที่สงสัยออกมาในที่สุด เขายิ้มน้อยๆก่อนจะตอบอีกครั้ง


   “ ก็พวกเราน่ะอยู่ในกลุ่ม VIP กันหมดเลย เราก็รู้ใช่ไหมว่า กลุ่ม VIP เนี่ยะ เป็นกลุ่มพิเศษก็อย่างนี้แหละเวฟเขาถึงบอกว่า พวกเราเป็น ‘ พวกไม่ธรรมดา ’ ไง ”


   เขาอธิบาย ซึ่งมันก็ทำให้มารินถึงบางอ้อ ว่าทำไมเวฟถึงบอกเช่นนี้ และเมื่อคิดๆดูแล้วก็เห็นจะเป็นจริงเช่นนั้น เพราะตัวเอง หรือว่าจะเป็นพี่รหัสอย่างเวฟหรือว่าชอ ต่างก็บ้าหลุดโลกได้ใจทั้งนั้น หากจะมีข้อยกเว้นก็คงเป็นเขาคนเดียว ที่ออกจะปกติธรรมดาที่สุดแล้ว


   “ แต่พี่มีเรื่องจะบอก ตอนพี่น่ะนะ เจอยิ่งกว่าที่น้องเจออีก ถ้าน้องคิดว่าพวกพี่ๆเขารักน้องแล้วนะ ของพี่ยิ่งกว่านั้นอีก ”


   เขาพูดแบบติดตลก แต่มันก็ทำให้มารินหันมาฟังอย่างตั้งใจได้ไม่ยากนัก


   “ แล้วของพี่เป็นยังไงล่ะครับ ”


   มารินถาม พร้อมกับทำหน้าอยากรู้จนเขาเห็นแล้วอดขำไม่ได้


   “ เราพอจะรู้กฎของที่นี่บ้างใช่ไหม ก็อย่างที่เรารู้นั่นแหละ พี่ก็เลยได้ความรักจากรุ่นพี่มากเป็นพิเศษ มากมายแทบทุกคืนเลยก็ว่าได้ ”


   เขานึกย้อนกับไปถึงเมื่อตอนเข้าปี 1 ใหม่ๆ ตามกฎรุ่นของที่นี่แล้ว คนที่มีตำแหน่งพิเศษ รุ่นพี่มักจะเชิญไปพบบ่อยกว่าปกติ ซึ่งถือว่าเป็นการทดสอบความอดทนว่าบุคคลนั้นๆ มีความเข็มแข็งพอที่จะดูแลเพื่อนๆ คนอื่นได้หรือไม่


   “ โห!!! ขนาดนั้นเลยหรือครับ ”


   มารินอุทานเสียงสูงแบบไม่อยากจะเชื่อ เพราะพวกตนก็เคยโดนเรียกจากรุ่นพี่บ้างเหมือนกัน แม้จะไม่บ่อยมาก แต่ก็ฝากอาการเคล็ดขัดยอกไปหลายวัน แล้วถ้าเขาเจอเกือบทุกคืนจริงก็ไม่อยากจะคิดต่อ


   “ ครับ ก็ขนาดนั้นแหละ เรียกว่าชินไปเลยแหละ วันไหนไม่ได้ออกแรงแล้วนอนไม่หลับ ”


   “ แหมพี่ก็พูดเกินไป ”


   เขาว่า แต่ก็โดนมารินแทรกขึ้นมาด้วยอดใจไม่ไหว เมื่อเห็นว่าเขาจะพูดเกินจริงมากไป

   “ พี่พูดจริงนะ ไม่ได้โม้ ”


   เขาทำเสียงเลียนแบบนักมวยคนหนึ่ง ที่ชอบพูดประโยคนี้


   “ เออ!!! พี่โอครับ รินยังไม่ได้คืนเสื้อพี่เลย รินซักให้แล้ว ”


   มารินรีบพูด เหมือนว่ากลัวจะมีใครแย่งพูด


   “ ไม่ต้องรีบพูดขนาดนั้นก็ได้ พี่ไม่ได้จะแย่งเราพูดซะหน่อย ”


   เขาว่าขำๆ ส่วนมารินก็ได้แต่ทำจมูกย่นใส่ ก่อนจะพูดต่ออีกครั้ง


   “ ก็รินกลัวตัวเองลืมอีกนี่ครับ รินลืมมาตั้งหลายทีแล้ว ว่าจะๆทุกทีสุดท้ายก็ลืม ยังไงรินบอกพี่แล้ว พี่ต้องช่วยทวงด้วยนะ ”


   มารินว่า พลางหันมาตีหน้าดุใส่เขา ประมาณว่าถ้าไม่เตือนมีเรื่องแน่ๆ โดยลืมไปว่าตัวเองเป็นน้อง


   “ ครับ พี่จะเตือนนะ ถ้าพี่ไม่ลืม….. เหมือนกัน ”


   เขาว่า ส่วนมารินก็หันมายิ้มที่เขารับปาก ก่อนจะหุบยิ้มอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินประโยคต่อมา


   “ พี่อ่ะ ”


   มารินทำเสียงที่บอกให้รู้ว่าไม่ค่อยพอใจหน่อยๆ

   “ ครับๆ พี่ไม่ล้อเล่นก็ได้ เอาเป็นว่าคืนนี้พี่จะรอให้เราขึ้นไปหยิบมาดีไหม ”


   สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมรับปากในที่สุด นั่นแหละเด็กหนุ่มจึงยอมยิ้มออกอีกครั้ง


   “ พี่ถามอะไรเราหน่อยได้ไหม ”


   “ อะไรเหรอครับ ”


   “ พี่อยากรู้ว่าเราผิดหวังไหมที่รู้ว่าพี่เป็นพี่รหัสของเราน่ะ ”

   เขาลองหยั่งเชิงถามเด็กน้อยของเขาดู เพราะที่ผ่านมามารินไม่เคยแสดงออกว่าแอบปลื้มเขาเหมือนคนอื่นๆเลย ส่วนมารินที่ฟังคำถามจนจบอยากจะตะโกนบอกว่า ‘ ผิดหวัง เหรอไม่เลย ดีใจสุดๆสิไม่ว่า ’ แต่ก็ติดที่ว่าทำไม่ได้


   “ ก็คงเหมือนกับคนอื่นๆแหละครับ ที่อยากได้พี่เป็นพี่รหัส ”


   มารินตอบเบาๆ


   “ เหรอ พี่นึกว่าเราไม่ชอบขี้หน้าพี่เสียอีก ”


   เขาเอ่ยขึ้น ตามสิ่งที่รู้สึกได้


   “ ก็ตอนแรกๆมั้งครับ บอกตามตรงนะ iboรู้สึกว่าพี่อ่ะ ขี้เก็ก ”

   มารินตอบไปตามตรง ทำให้เขาต้องขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะไม่ค่อยมีใครเคยพูดกับเขาตรงๆแบบนี้


   “ พี่โอขำอะไรครับ รินพูดความจริงมันน่าขำตรงไหนไม่ทราบ ”


   มารินหันมาว่าเขา ด้วยสีหน้างอนๆที่เขาขำเรื่องที่ตนพูดเมื่อครู่


   “ ก็เราพูดมาน่ะ มันน่าขำจริงๆนี่นา แล้วจะไม่ให้พี่ขำได้ยังไง ”


   “ น่าขำตรงไหนครับ ”


   เขาตอบกลับไปตามจริง และมันก็ทำให้อีกคนหันมาหาเรื่องกับเขาอีกจนได้


   “ แล้วจะไม่ให้พี่ขำได้ไง ก็ในเมื่อมีรุ่นน้องนินทารุ่นพี่ต่อหน้า แถมคนที่โดนนินทาเนี่ยะ ยังยืนอยู่ตัวเป็นๆอย่างนี้อีกต่างหาก ”


   เขาตอบขำๆ ซึ่งมันก็ทำให้มารินได้คิดตาม ก่อนจะยิ้มแก้เก้อ เพราะว่าตัวเองปล่อยไก่ตัวใหญ่อีกแล้ว


   “ แบบว่ารินลืมตัวไปหน่อย นึกว่าพี่เป็น 3 แฝด ”


   มารินตอบ พลางยิ้มเจื่อนๆ แบบคนปล่อยมุกฝืดๆ

   “ ครับพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา ไม่เห็นต้องทำหน้าแบบนั้นเลย เอาเป็นว่า พี่จะไม่ไปบอกใครแล้วกันนะ ว่าเราปล่อยไก่ ”


   เขาว่าด้วยรอยยิ้มที่มีอยู่ประจำ แต่มารินยังคงเงียบเหมือนกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ


   “ คิดอะไรอยู่หรือเปล่าครับ มีอะไรไม่สบายใจบอกพี่ได้ไหม ”


   เขาถามขึ้น เมื่อเห็นเด็กร่างเล็กของเขายังคงเงียบอยู่


   “ ไม่มีอะไรหรอกครับ รินแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ”


   รินตอบ พลางหันหน้าหนีเหมือนคนมีอะไรที่พยายามปกติ เมื่อเขาเห็นว่าร่างตรงหน้าทำเช่นนั้น เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามแต่อย่างไร เพียงแต่เอ่ยประโยคขึ้นมาลอยๆ


   “ น้องรินรู้ไหมครับ ทำไมพี่ถึงชอบมาที่ชายหาด บางครั้งพี่ก็ไม่ได้มาเพราะชมบรรยากาศอย่างเดียวหรอก บางครั้งเวลาที่พี่มีอะไรในใจบอกใครไม่ได้ หรือมีเรื่องไม่สบายใจพี่ก็มักจะมานั่งที่ชายหาด แล้วก็เขียนสิ่งที่อยู่ในใจ ความรู้สึกไม่ดีๆทั้งหลายลงบนพื้นทราย เพราะว่าไม่กี่ลูกคลื่นก็จะลบมันให้หายไป เราลองทำดูไหม เพราะทุกครั้งที่พี่เขียนมันลงไปแล้ว พี่จะรู้สึกดีขึ้นทุกครั้ง มันทำให้รู้สึกว่า เราได้ระบายมันออกมาบ้างแล้ว ”


   เขาพูดช้าๆ พลางหยิบกิ่งไม้เล็กๆแถวนั้นขึ้นมา แล้วเขียนถ้อยคำต่างๆลงไป ไม่นานนักข้อความเหล่านั้นก็ถูกคลื่นลบไปจนหมด เขาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง


   “ เห็นไหมครับ แค่นี้มันก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ โดยไม่ทำให้ใครต้องเป็นกังวลไปกับเราแล้ว ”


   เขาว่า มือก็ขีดเขียนไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจว่าข้อความที่เขียนไว้นั้นจะถูกคลื่นลบไปจนอ่านไม่ได้ความแล้ว มารินที่แต่แรกยืนมองเฉยๆ เมื่อเห็นสิ่งที่เขาทำก็เริ่มที่จะทำตามบ้าง แล้วมันก็ทำให้เจ้าตัวได้ระบายออกจริงๆ อย่างที่เขาว่า


   “ เป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม ”


   เขาเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่ปล่อยให้เด็กตัวน้อยของตนขีดเขียนอยู่นาน สองนาน เขาเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวมีอะไรไม่สบายใจ เพราะไม่เคยจะเอ่ยถามเลยสักครั้ง เขาก็รู้สึกผิดไม่น้อย ทีไม่ได้ดูแลคนที่ตนเองชอบได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะเขามัวแต่ห่วงโน่น กังวลนี่ ทำให้ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นอย่างไรบ้าง


   “ พี่ขอโทษนะ ที่พี่ดูแลเราได้ไม่ดี ”


   “ พี่ขอโทษรินเรื่องอะไรครับ พี่ไม่ได้ทำอะไรให้รินซะหน่อย ”


   มารินเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเขา หลังจากที่นั่งก้มหน้าอยู่นาน


   “ ว่าแต่พี่โอครับ ทำไมต้องบอกว่าดูแลรินได้ไม่ดีด้วยล่ะครับ ”


   มารินถามขึ้นมาทำให้เขาต้องนิ่งคิด เพื่อหาคำตอบที่เหมาะสม


   “ พี่รู้สึกอย่างนั้นนะ อาจจะเป็นเพราะว่าเราเป็นเด็กบ้านไกลมั้ง แล้วก็ไม่ได้ตัวโตแบบชอ แล้วก็เอาตัวรอดเก่งแบบเวฟ ชอกับเวฟเนี่ยะ พี่รับรู้ทุกอย่างของเขา 2 คนเลย เรียกว่ารู้ทุกอย่างตั้งแต่ตื่นจนหลับเลยทีเดียว แต่กับเราน่ะ พี่ไม่รู้อะไรเท่าไหร่เลย รู้เท่าที่เราเขียนบอกมาแค่นั้นเอง พี่ไม่รู้ว่าเรามีเรื่องอะไร ไม่สบายใจหรือเปล่า อย่างวันนี้ไง ”


   เขาตอบยาวเยียด


   “ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ รินแค่เบื่อๆ เซ็งๆ พอพี่พูดเรื่องนินทารุ่นพี่รินก็เลย เป็นอย่างที่พี่เห็นนั่นแหละ ”


   มารินชี้แจงสาเหตุที่ทำให้ตัวเองเป็นอย่างเมื่อครู่


   “ เบื่อ? เซ็ง? อะไรหรือครับ พอจะบอกพี่ได้ไหม ”


   เขาลองถามร่างเล็กนี้ดูอีกครั้ง


   “ ก็นินทาพี่น่ะครับ คือว่ารินก็ไม่อยากจะอคตินะครับ แต่รินคิดว่า บางทีพี่ๆก็..... เอ่อ..... ”


   มารินระบายความในใจให้เขาฟัง ก่อนจะเว้นช่วงเหมือนไม่อยากที่จะพูดต่อ เขาจึงต่อประโยคที่เด็กหนุ่มค้างไว้ เหมือนรู้ว่าอีกคนต้องการจะพูดถึงเรื่องอะไร


   “ พี่ๆบางคนก็ทำตัวไม่ค่อยดี ใช่ไหม ”


   เขาพูดต่อจนจบประโยค ซึ่งมารินก็พยักหน้ารับเบาๆ


   “ เอาอย่างนี้สิ เราก็เลือกที่จะใส่ใจกับคนที่เขาเป็นตัวอย่างที่ดีได้ ส่วนคนที่ดีแต่ปาก เราก็ไม่ต้องเก็บเอามาคิด ”


   เขาแนะนำ เพราะสิ่งที่มารินเป็นอยู่ตอนนี้ ใช่ว่าเขาไม่เคยเป็นไม่เคยเจอ เพราะตอนที่เขาเข้ามาใหม่ๆ เขาก็รู้สึกเช่นนี้ นอกจากนั้น ยังมีเวฟกับชออีกที่รู้สึกเช่นเดียวกัน


   “ เฮ้อ!!! ดีใจจัง ที่มีพี่รหัสที่เข้าใจอะไรทุกอย่างแบบนี้ อย่างนี้ต้องยกตำแหน่งพี่รหัสดีเด่นประจำปีให้ซะแล้ว ”


   มารินว่ายิ้มๆ ผิดกับเมื่อครู่เป็นคนละคน จนเขาก็ออกจะแปลกใจไม่ได้ เพราะเจ้าตัวดีเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วมากๆ


   “ นี่ถ้า 3 แฝดรู้นะว่ารินมีพี่รหัสดีๆแบบนี้นะ มีหวัง..... ”


   มารินพูดไปเรื่อยๆ ก็จะเว้นประโยคหลังไว้ให้คนฟังสงสัยเล่น


   “ มีหวังอะไรครับ ”


   เขาถาม เพราะรู้ว่าเด็กตัวเล็กนี้ต้องการจะเว้นเอาไว้ให้เขาถาม

   “ ก็มีหวัง..... หัวเราะรินแน่ๆน่ะสิครับ ”


   เจ้าตัวตอบอย่างขำๆ


   “ อ้าว!!! ทำไมล่ะครับ ”


   เขาถามกลับอย่างแปลกใจ


   “ ก็เพราะว่าเมื่อก่อนน่ะสิครับ อย่างที่รินบอกไปแล้วว่ารินไม่ค่อยชอบพี่ เพราะรู้สึกว่าพี่ขี้เก็ก 3 แฝดก็เลยบอกว่า ‘ ระวังนะ เกลียดอย่างไรจะได้อย่างนั้น ’ น่ะสิครับ ”


   “ แล้วมันก็เป็นจริง ”


   มารินอธิบายจนจบ ก่อนที่เขาจะถามคนที่อธิบายเล่นๆ ซึ่งอีกคนก็พยักหน้ารับแต่โดยดี


   “ เออ!!! พี่โอครับ พี่โอรู้ว่ารินเป็นน้องรหัสตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ”


   “ ก็ตั้งแต่วันแรกที่เรามานี่แหละ ”


   มารินถามขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ตอบกลับไปอย่างธรรมดาๆ


   “ โห..... เร็วขนาดนั้นเชียว ”


   มารินอุทานเสียงสูง อย่างไม่อยากจะเชื่อ จนเขาอยากจะตอบกลับไปเหลือเกินว่า มันไม่เร็วเลย สำหรับเขายังรู้สึกว่าช้าไปเสียด้วยซ้ำ


   เขาและเด็กหนุ่มที่ได้ที่นั่งในใจเขาไปเกือบหมดเดินตามชายหาดไปเรื่อยๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนขี้กลัว ( ผี ) แต่เมื่อเดินไปกับเขาเจ้าตัวก็รู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด


   ส่วนเขาก็อยากจะเดินอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ หากหยุดเวลาไว้ได้ก็อยากจะหยุดเวลาไว้แค่นี้ เขารู้สึกได้ว่าเวลาที่ได้อยู่กับคนที่ตนมีใจสมัครด้วยนั้น เขาไม่ต้องระวังตัวเหมือนเคย อยากพูดอะไรก็พูด ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมองว่าไม่ควร เหมือนเวลาที่อยู่บ้าน หรือต่อหน้าใครๆหลายๆคน


   “ น้องรินครับ พี่ว่าเรากลับกันดีกว่า เพราะนี่ก็ดึกแล้ว ที่งานคงใกล้จะเลิกแล้วล่ะ ”


   เขาเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา พลางยกนาฬิกาขึ้นดูเวลา แล้วพบว่าตอนนี้ก็เกือบๆจะเที่ยงคืนแล้ว


   “ จริงเหรอครับ รินรู้สึกว่าเพิ่งมาเมื่อกี้เอง ”


   มารินว่า พลางลุกขึ้นปัดทรายออกจากกางเกง


   “ พี่ก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้นนะ ”


   “ ครับ? พี่โอว่าอะไรนะครับ ”


   เขาเอ่ยกับตัวเองเบาๆ แต่อีกคนที่เดินอยู่ด้วยเกิดหูดีได้ยินขึ้นมาเสียได้


   “ อ๋อ... ไม่มีอะไรหรอกครับ เราไปกันเถอะ ”


   เขาว่า พลางชวนให้กลับอีกครั้ง แต่เมื่อมาถึงที่โดมกิจกรรมงานก็ยังไม่เลิก


   “ น้องรินครับ เดี๋ยวก่อนครับ ”


   เขาเรียกน้องตัวเล็กเอาไว้ ขณะที่เจ้าตัวกำลังจะเดินเข้าไปรอ 3 แฝดด้านใน


   “ มีอะไรหรือครับ ”


   มารินหันกลับไปถามเขา แต่เขาก็ไม่ได้ตอบแต่อย่างไร เพียงแต่หยิบอะไรบางอย่างออกจากกล่องใส่ของใต้เบาะส่งให้


   “ นี่ครับ ยานวดคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้อักเสบ แล้วก็แก้ไข้ แก้ปวด น้องรินทานไว้ดีกว่า อ้อ!!! ให้เพื่อนเราด้วยนะ จะได้กันเอาไว้ก่อน ”


   เขาว่า ซึ่งมารินก็เดินมารับถุงยาจากเขาแต่โดยดี เพราะตนเองกำลังมีความคิดว่า กลับไปต้องขอยาจากฝ่ายพยาบาลของหอมากินดักเอาไว้ แต่ตอนนี้ คิดว่ามันคงไม่จำเป็นแล้ว



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



ตอนนี้ยังไม่มาม่าขอรับ เพราะน้ำร้อนยังไม่เดือด :z3:

รอสักครู่ขอรับ วันนี้ข้าเจ้าจะลง 2 ตอนคู่ขอรับ ชดเชยเมื่อวานขอรับ o22

ว่าแต่วันพ่อที่ผ่านมาได้พาคุณพ่อไปไหนกันบ้างหรือเปล่าขอรับ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมขอรับ :pig4:  :pig4:  :3123:  :3123:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2012 19:54:17 โดย Ice_Iris »

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

ตอนที่ 17




   ว่ากันว่าวัน เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็ว หากเป็นเวลาทุกข์มักจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทั้งๆที่เวลาในแต่ละวันมันก็มีเท่ากัน


   ‘ ยิ่งสั้นเมื่อสุข ยาวนานเมื่อทุกข์ ’ เห็นจะเป็นจริงอย่างที่ว่า เพราะตอนนี้เขากำลังรู้สึกเช่นนั้นจริงๆหากว่ามีตะเกียงวิเศษ ที่ขอพรได้ 3 ข้อ เหมือนอาลาดินก็คงจะดี เพราะเขาคงขอต่อเวลาแห่งความสุขให้นานกว่านี้ แต่นั่นมันคงเป็นโลกแห่งจินตนาการของเด็กๆ ไม่ได้มีอยู่ในโลกของความเป็นจริง


    “ พี่โอคิดอะไรอยู่หรือเปล่าครับ เห็นสีหน้าไม่ค่อยจะสบายเลยมีอะไรที่เราพอจะช่วยได้มั้ยครับ ”


   เสียงของน้องห้องปลุกให้เขากลับมาสู่โลกปัจจุบัน หลังจากปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปเรื่อยเปื่อย

   “ นั่นสิครับ ผมไม่เคยเห็นพี่เป็นแบบนี้เลย ”


   เวฟเดินเข้ามาสนับสนุน เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมีหน้าตาไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก เขานิ่งคิด เหมือนจะชั่งใจกับการตอบคำถามนี้อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยปากถามบางอย่างกับเวฟและชอ


   “ ก็ไม่มีอะไรหรอก พี่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ อ้อ!!! พี่มีเรื่องจะถามเรา 2 คนนิดหนึ่ง ”


   “ อะไรหรือครับ ถ้าเราตอบได้นะ รับรองจะรีบตอบเลย ”


   เวฟกระตือรือร้นอยากจะตอบ เพราะน้อยครั้งที่ตัวเองจะเป็นคนตอบ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนถามเสียมากกว่า เมื่อเขาเห็นอาการกระตือรือล้นจนออกนอกหน้าของน้องห้อง พ่วงตำแหน่งน้องรหัส ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ทั้งเวฟและชอต่างก็ทำให้เขายิ้มได้เสมอ ไม่ว่าเขาจะมีเรื่องราวอะไรไม่สบายใจก็ตาม


   “ ไม่มีอะไรมากหรอก สมมุตินะว่า เรามีความรักกับใครซักคน แต่ความรักของเรามันอาจจะไม่จบอย่างสมหวัง เราจะทำอย่างไร ”


   เขาเกริ่นนำ


   “ ผมก็รักเขาสิครับ เพราะไม่มีใครรู้ว่าตอนจบมันจะเป็นอย่างไร  แม้ว่าตอนจบ มันจะไม่สมหวังอย่างที่พี่บอกก็เหอะ อย่างน้อยก็ยังได้รัก เพราะผมถือคติที่ว่า ‘ อกหักดีกว่ารักไม่เป็น ’  ทำไมหรือครับ ”


   เวฟตอบอย่างรวดเร็ว แบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา


   “ แล้วเราล่ะชอ มีความคิดยังไง ”

   เขาหันกลับมาถามชอ เพื่อฟังความคิดเห็นของชายหนุ่มอีกคน


   “ ผมเหรอครับ ผมก็คิดคล้ายเวฟนะ เพราะยังไงเราก็ไม่รู้ว่ามันจะจบอย่างไร อย่างน้อยหากมีโอกาส ผมก็ขอทำให้เต็มที่เพราะหากว่ามันไม่สมหวังจริงๆ ผมก็ยังภูมิใจอยู่ว่าผมได้ทำดีที่สุดแล้ว ว่าแต่ที่พี่โอจะถามทำไมเหรอครับ ”


   ชอให้คำตอบ ก่อนจะหันกลับมาถามคนถามคำถามนี้อีกครั้ง


   “ ไม่มีอะไรหรอก พี่ก็ลองถามดูน่ะ อืม..... แล้วสมมุติว่าหากความรักทำให้เราต้องเลือกระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวมล่ะ เราจะเลือกอย่างไร ”


   เขาตอบ ก่อนถามคำถามอีกคำถามหนึ่ง ซึ่งทำให้เวฟกับชอนิ่งคิดไปอีกครู่ใหญ่ ก่อนจะเป็นชอที่เอ่ยขึ้นก่อน


   “ อันนี้ตอบยากนะครับ จริงๆแล้วผมก็ไม่ใช่คนดีเด่นอะไร เป็นแค่คนธรรมดามีต้องการให้ตัวเองมีความสุขเหมือนคนทั่วๆไป แต่ว่าคงต้องดูก่อนน่ะครับว่า ไอ้เรื่องส่วนรวมที่พี่ว่าน่ะมันส่วน รวมแค่ไหน แล้วถ้าขาดเราไปมันยังไปต่อได้มั้ย หรือว่าเราทำอะไรให้ส่วนรวมมามากแค่ไหนแล้ว ถ้าผมทำเพื่อส่วนรวมมามากแล้ว ผมก็คงเลือกทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง ”


   ชอกล่าวยาวเหยียดตามสิ่งที่ตนเองคิด


   “ ส่วนผมก็คงคล้ายๆกับชอแหละ เพราะผมคงไม่อาจจะเป็นพ่อพระใจบุญได้ ”


   เวฟพูดขึ้นหลังจากที่ฟังชอพูดจนจบ


   “ พี่โอถามทำไมเหรอครับ ”


   ชอถามเขากลับอย่างสงสัย


   “ ไม่มีอะไรหรอก พี่ก็แค่อยากรู้ว่าเรา 2 คนมีมุมมองความคิดกับความรักยังไงน่ะ อืม!!! พรุ่งนี้มีงานแต่เช้าไม่ใช่เหรอ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นไม่รอดหรอก ”


   เขาปฏิเสธ ก่อนจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่องเสีย แต่ชอกับเวฟก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะทั้งคู่แย่งกันเข้านอนอย่างรวดเร็ว เหมือนคนที่เพิ่งนึกได้ว่าลืมอะไรไว้ เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆอย่างอ่อนใจกับน้องห้องทั้งคู่ เมื่อเวฟและชอเข้าห้องไปแล้ว เขายังคงยืนอยู่ริมระเบียงหลังห้องที่เดิม ไม่ได้เข้าห้องตามไปแต่อย่างไร


   “ พี่ก็อยากคิดได้อย่างเรานะ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ”


   เขารำพึง รำพันกับตัวเอง พลางนึกย้อนกับไปถึงคำพูดของใครบางคน



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   ‘ Ocean เรารู้มาว่า คุณกำลังแอบรักเด็กคนหนึ่งอยู่ แล้วฝ่ายนั้นก็มีใจให้ด้วยเช่นกัน มันเป็นความจริงหรือเปล่า ’


   ‘ หากว่ามันเป็นความจริง 1Pressure คุณจะว่ายังไง ’


   ‘ ผมคงว่าอะไรคุณไม่ได้อยู่แล้ว เพราะผมก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะว่าคุณได้ ผมก็แค่ถามเพราะผมคิดว่าคุณน่าจะรู้ตัวดีนะว่ากำลังทำอะไรอยู่ คุณทำอะไรได้แค่ไหน แล้วคุณอย่าคิดว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้นะ เพราะขนาดผมยังรู้ แล้วทางบ้านคุณจะไม่รู้เชียวเหรอ


   อ้อ!!! ที่ผมพูดมาทั้งหมดเนี่ยะ ผมก็แค่เป็นห่วงคุณนะ แล้วก็อดสงสารเด็กคนนั้นไม่ได้ เขาจะรู้ตัวหรือเปล่าว่า กำลังโดนคุณหลอกให้รักแล้วก็ทิ้งน่ะ ’


   เสียงของชายหนุ่มวัยยี่สิบปลายๆดังขึ้นในห้วงความคิด


   ‘ ผมไม่เคยหลอกเขา ผมจริงใจ ’


   ‘ คุณบอกว่าจริงใจ ช่างน่าขำนัก รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองน่ะไม่สามารถรักใครได้ นอกจากคนที่พ่อ – แม่คุณเห็นสมควร ที่ผมพูดเนี่ยะก็แค่อยากจะเตือนสติคุณก็เท่านั้น ไม่ได้จะพูดเพื่อน้องสาวของผมหรอกนะ เพราะยังไงคุณก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอยู่แล้ว ’



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   ‘ Hallo, 2Tidal speaking. ’


   ‘ 3Tide นี่เราเอง ’


   ‘ Ocean โอ้โห!!! ไม่คิดว่านายจะโทรฯมานะเนี่ยะ ว่าแต่มีอะไรเหรอ ถึงได้โทรฯมาหาเราได้น่ะ ’


   เสียงจากปลายสายดังขึ้น ค่อนข้างจะสนิทสนม พอสมควร


   ‘ เรื่องเดียวกับที่ Pressure มานั่นแหละ ’


   เขาตอบกลับปลายสาย


   ‘ Ocean ถ้านายโทรมาเพื่อถามเรื่องที่ Pressure ไปหานายล่ะก็นะ ทางนี้รู้หมดแล้ว ไม่งั้นท่าน Pressure จะวิ่งโล่ไปทำไม ’


   ‘ แล้ว..... ’


   ‘ พ่อกับแม่นายน่ะเหรอ นายก็น่าจะรู้นะว่าจะว่าอย่างไร แต่จริงๆแล้วท่านก็ยังไม่ได้พูดอะไรหรอกแต่เราคิดว่านายน่าจะรู้นะว่า ถ้านายกลับมาเมื่อไหร่อะไรจะเกิดขึ้น จากลูกไม่ ( ค่อยจะ ) รัก กลายมาเป็นลูกชายสุดโปรดขึ้นมากระทันหันแน่ๆ เชื่อขนมกินได้เลย ’


   ปลายสายพูดต่ออย่างไหลลื่น ไม่ใคร่จะสนใจอารมณ์ของอีกฝ่ายเท่าใดนัก ก่อนจะถามกลับ


   ‘ แล้วตกลงนายจะทำยังไงกับเรื่องนี้ ’


   ‘ เรายังไม่รู้เลย นายก็รู้ว่าตอนนั้นมันยังไม่ใช่แบบนี้ ’


   เขาตอบกลับอย่างเหนื่อยๆ กับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้


   ‘ เราก็พอจะเข้าใจนะ แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว นายเองก็รู้นี่นา เพราะว่าตอนนี้ทุกอย่างที่พี่ 4Oceanic เคยรับผิดชอบตกมาเป็นของนายหมดแล้ว ’


   ‘ ก็นั่นแหละสิ่งที่เรากลัว เราไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ’


   ‘ นายกำลังคิดไม่ออกใช่มั้ยว่า นายควรจะบอกหรือไม่บอกดี ถ้านายถามความคิดเรานะ เราก็คิดว่านายควรจะบอก


   เพราะเราคิดว่า ถ้าเป็นนายบอกเองเขาอาจจะเสียใจก็จริงอยู่ แต่มันก็คงจะดีกว่าให้เขารู้เอง หรือว่ารู้จากคนอื่น เพราะว่ามันจะเสียความรู้สึกด้วย ไม่ใช่แค่เสียใจ ’


   ‘ เราขอบใจนายมากนะ ที่ให้คำแนะนำ ’


   ‘ จะขอบใจทำไมวะ ก็เราเพื่อนกันนี่นา เพื่อนเป็นทุกข์ ก็ต้องช่วยกันสิ จริงมั้ย ว่าแต่นายโทรมาแค่นี้ใช่มั้ย ’


   เขาเงียบแทนคำตอบ ซึ่งก็ทำให้คนปลายสายเป็นคนพูดต่อเอง


   ‘ ถ้างั้นเราไปนอนก่อนนะ ง่วงแล้ว โชคดีเพื่อน ’


   เสียงสัญญาณถี่นั้นบอกให้เขารู้ว่าปลายสาย ตัดสายทิ้งไปแล้ว ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่คนเดียว


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   “ น้องครับ กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมสุดท้ายแล้ว ถ้าพวกเราทำได้ก็จะถือว่าทุกคนเป็นน้องวิท - เลโดยสมบูรณ์ ”


   เสียงดังดุดันของพี่วิท - เล ดังขึ้น ท่านกลางหมู่น้องๆที่นั่งหมดแรงอยู่แล้วกิจกรรมสุดท้ายของงานรับน้องภายในก็เริ่มขึ้น แต่แรกนั้นน้องๆต้องผ่านมันไปด้วยตัวเอง พอรอบต่อๆมาก็มีพี่มาช่วย จากที่วางมือบนพื้น ก็เปลี่ยนมาเป็นวางบนมือพี่ๆแทน ซึ่งกว่าจะผ่านกิจกรรมสุดท้ายนี้ไปได้ ก็เรียกเหงื่อจากทุกคนได้เป็นอย่างดี แถมเมื่อกิจกรรมนั้นจบลง ยังแถมรอยน้ำตาแห่งความปลื้ม ดีใจ ซึ้งใจ ปะปนกันไปอีกด้วย


   หลังจากเสร็จกิจกรรมรับน้องภายในช่วงเช้าแล้ว ก็มีกิจกรรมต่อในช่วงบ่าย ซึ่งนั่นก็คือ การแข่งกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ และสุดท้ายของงานรับน้องก็คือ งาน Marine Relationship ซึ่งเป็นงานเลี้ยงต้อนรับเข้าสู่ภาควิทยาศาสตร์ ทางทะเล อย่างเต็มตัว


   เมื่อกิจกรรมในช่วงเช้าผ่านพ้นไปด้วยรอยยิ้ม คราบน้ำตา และหยาดเหงื่อของทุกคน กิจกรรมในช่วงบ่ายจึงเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่พักเที่ยงและปล่อยให้น้องปี 1 กลับไปอาบน้ำมาเรียบร้อยแล้ว


   “ นี่ริน พี่รหัสแกไปไหนวะ ”


   “ หือ..... ก็อยู่นี่ไม่เห็นเหรอ ยืนอยู่ตัวเป็นๆโน่นน่ะ ”



   เซาธเอ่ยถามขึ้น เมื่อทั้ง 4 นั่งรอให้ทุกคนมาครบ ซึ่งมารินก็ตอบกลับไป พลางชี้มือไปที่เวฟและชอที่ทำหน้าแป้นแล๊นอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ


   “ หม้ายช่ายที เซาธมันหมายถึงพี่รหัสปี 4 ของ5เติ้ลเด่ะ ”

   อีสทหันมาแย้งด้วยภาษาท้องถิ่น ที่มารินพอจะเข้าใจมากกว่าเดิมมากขึ้น


   “ เออเน๊อะ เราก็ไม่เห็นพี่โอมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ พี่เขาไม่ได้บอกแกเหรอริน ว่าวันนี้พี่เขาจะไปไหนน่ะ ”


   นอธที่เพิ่งสังเกตเอ่ยถามขึ้นอีกคน


   “ ไม่นิ พี่เค้าไม่ได้บอกอะไรเลยและอีกอย่างนะ เราเป็นน้องรหัสนะไม่ใช่ผู้ปกครอง พี่เขาจะได้รายงานเราทุกฝีก้าวน่ะ ”


   มารินตอบ 3 พี่น้อง แต่นั่นมันก็เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้ง 3 แฝดเสียมากกว่า


   “ อ้าว!!! อย่างนั้นเหรอ ไอ้เราก็นึกว่าเติ้ลนี่จะรู้กว่าใคร เพราะเห็นไปไหน มาไหนตัวติดกันทุกที ”


   เซาธว่าเสียงสูง พร้อมกับหน้าตาล้อเลียน ทำให้มารินหน้าขึ้นสี


   “ นั่นสิ ติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋เสียอีก ”


   อีสทช่วยตอกย้ำอีกคน


   “ บ้า..... เลิกพูดได้แล้ว พี่เขาจะพูดแล้ว ”


   มารินหน้าแดง ก่อนจะหาทางออกให้ตัวเอง ดีที่ว่ารุ่นพี่ในภาคเดินมาด้านหน้าพอดี


   “ เอาล่ะครับน้องๆ ตอนนี้ก็ได้เวลาที่พวกเราลูกทะเลทุกคนจะเริ่มปฏิบัติการอิมพอสซิเบิลกันแล้ว ”


   “ แหมๆ รู้สึกว่าแกจะโม้ไปหน่อยนะ ไอ้คุณ6เซิฟ ”


   เวฟเดินมาสะกิดหลังคนพูดเมื่อครู่


   “ นิดนึงๆ ”


   เซิร์ฟหันมาตอบ ก่อนจะส่งหน้าที่ต่อให้กับเวฟดำเนินการต่อ ซึ่งก็เป็นการชี้แจงกีฬาของชาวทะเล ที่แข่งกันแต่ไม่เน้นชัยชนะ หากแต่เน้นความฮาเสียมากว่า

   แล้วการแข่งขันสารพัดกีฬาฮาเฮสไตส์วิท - เลก็จบลง ก่อนจะปล่อยให้ทุกคนกลับไปเตรียมตัว เพื่อมาร่วมงานเลี้ยงในช่วงกลางคืน ตลอดระยะเวลาของการแข่งขันมารินก็ยังไม่เห็นเขาเลย ไม่รู้ว่าเขาไปไหน ทำไมถึงไม่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ แต่ลึกๆในใจแล้วก็คิดว่าเขาคงมีธุระสำคัญจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ทิ้งงานของภาคไปเช่นนี้


   งานเลี้ยงในตอนเย็นของภาควิทยาศาสตร์ ทางทะเลนั้น คล้ายกับงานเลี้ยงรับน้องของสถาบันอยู่บ้าง นั่นก็คือมีดนตรีให้ได้ยืดเส้น ยืดสายแต่สิ่งที่ต่างออกไปก็คือ นอกจากเปิดเพลงแล้ว ยังเปิดโอกาสให้
ทุกคนได้โชว์พลังเสียงอีกด้วย


   และในครั้งนี้นั้นมารินก็ได้รับมอบหมายการเพื่อนพ้องที่รักยิ่ง (ยัดเยียด) ให้ออกมาร้องเพลงทั้งที่ทุกคนในภาคก็พอจะรู้อยู่ว่าฝีมือของมารินนั้นดีเข้าขั้น (ห่วย)มาก และจากการซุ่มฝึกซ้อมอยู่ในห้องเป็นเวลากว่าชั่วโมงก็คิดว่าน่าจะทำได้ ( มั้ง )  ถึงว่ามันจะออกมายังไงก็ตาม แต่ ณ ตอนนี้ก็ไม่มีใครต้องอายแล้ว เพราะทุกคนก็คือวิท – เล เหมือนกันเพราะฉะนั้นก็เต็มที่


   “ เอาล่ะครับ พี่น้อง พวกผองชาวทะเลทุกคน ตอนนี้ผมมีความภูมิใจที่จะนำเสนอ บทเพลงไพเราะ จากหนุ่มน้อยที่เพื่อนๆช่วยกันส่ง ( ยัน ) ขึ้นมา ซึ่งเขาจะมาในบทเพลง..... ”


   เวฟซึ่งรับหน้าที่เป็นพิธี ( เกิน ) กรในค่ำคืนนี้ประกาศขึ้น หลังจากที่การเป่าเทียนวันเกิดของน้องวิท – เลรุ่นล่าสุดจบลง


   “ รักข้ามขอบฟ้า เชิญรับชม และรับฟังได้เลยครับ ”

   สิ้นเสียงประกาศ ดนตรีอินโทนก็ดังขึ้น พร้อมๆกับเสียงปรบมือของทุกๆคน

7ขอบฟ้าเหนืออาณาใดกั้น
ใช่รักจะดั้นยากกว่านกโบยบิน
รักข้ามแผ่นน้ำ รักข้ามแผ่นดิน
เมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล

ขอบฟ้าทิ้งโค้งมาคลุมครอบ
อ้าแขนรายรอบโอบโลกไว้ภายใน
เหมือนอ้อมกอดรักแม้ได้โอบใคร
ชาติภาษาไม่สำคัญเท่าใจตรงกัน

รัก..ข้ามขอบฟ้า รักคือสื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์

ขอบฟ้าแม้จะคนละฝาก
ห่างไกลกันมากแต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้าข้ามมาผูกพัน
ผูกใจรักมั่นสองดวงให้เป็นดวงเดียว

รัก..ข้ามขอบฟ้า รักคือสื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์

ขอบฟ้าแม้จะคนละฝาก
ห่างไกลกันมากแต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้าข้ามมาผูกพัน
ผูกใจรักมั่นสองดวงให้เป็นดวงเดียว



   กว่าจะร้องจนจบเพลงได้ ก็ทำให้เพื่อนและพี่ๆที่นั่งอยู่ลุ้นกันตัวโก่ง ด้วยเกรงว่าหนุ่มน้อยขาฮาจะกลางคัน เพราะหลายคนไม่คิดว่าเจ้าตัวจะร้องเพลงรักหวานๆแบบนี้


   “ แหมๆๆ คุณน้องครับ พี่รู้สึกว่ารักข้ามขอบฟ้าของคุณน้องเนี่ยะ จะมาเร็วกว่าที่คิดอีกนะ ขอบฟ้านี่ช่างใกล้แค่เอื้อมจริงๆ ”


   บีชเอ่ยขึ้นขำๆ พลางบุ้ยปากไปทางที่ใครคนหนึ่งยืนอยู่ แม้จะมองไม่ชัดว่าใคร เพราะแสงไฟค่อนข้างมืด แต่มารินก็คุ้นตาและรู้ด้วยใจภายใน เพราะเขาคือคนที่ตนเองมองหามาทั้งวัน


   “ ว้าวววว เจ้าชายในฝัน ”

   เซาธอุทานขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มล้อเลียน ทำเอาคนที่โดนล้อหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้


   “ แล้วคนรักข้ามขอบฟ้าของน้องเขาก็มีตัวตนแล้ว ยังไงผมก็ขอเชิญให้คนรักข้ามขอบฟ้าคนนี้ เป็นเกียรติร้องเพลงให้พวกเราฟังสักเพลงนะครับ ”


   เวฟเอ่ยขึ้นพร้อมกับเชิญให้เขาขึ้นมาบนเวที ซึ่งเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้แล้ว เพราะทุกคนปรบมือให้หมดแล้ว เขาเดินขึ้นเวทีด้วยรอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าเช่นเคย แต่สิ่งที่มารินเห็นนั้นมันไม่ใช่


   เพราะปากเขายิ้มแต่นัยน์ตาเขากลับมีแววเศร้า สับสน เหมือนคนที่คิดอะไรอยู่ในใจมากมาย มันไม่ใช่นัยน์ตาสดใสเช่นเคย

   “ พี่ร้องก็ได้ แต่พี่ต้องบอกไว้ก่อนนะว่า ถ้าพี่ร้องแล้วล่ม พวกเราต้องช่วยกันกู้หน้าพี่ด้วยนะ ”


   เขาว่าขำๆ ทำให้ทุกคนฮาครืน ก่อนที่ปากไวๆขอเวฟจะตะโกนตอบกลับมา


   “ ได้เลยครับพี่ ผมกับไอ้ชอในฐานะน้องรหัสที่ดีสัญญาว่า จะช่วยซ้ำให้เองพี่ไม่ต้องกลัว ”


   คำพูดของเวฟเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่ส่ายหน้าระอาใจหน่อยๆก่อนจะเดินไปบอกชื่อเพลง ท่วงทำนองบทเพลงที่หลายคนรู้จักดีดังขึ้นพร้อมกับไฟที่ดับลง เหลือเพียงไฟที่ให้แสงสว่างบนเวทีเท่านั้นที่ยังติดอยู่


   เขาก้าวออกมายืนกลางเวที ไม่มีแววของคนตื่นเวทีเหมือนเช่นกับมารินเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย เมื่อดนตรีบรรเลงถึงช่วงที่ต้องร้อง เขาก็ร้องด้วยน้ำเสียงที่ตรึงคนฟังได้ไม่ยากเย็นนัก ทุกคนปรบมือให้อีกครั้ง ซึ่งเขาก็โค้งตัวขอบคุณก่อนจะร้องเพลงต่อไป


8เหลืออีกกี่วัน อีกกี่คืนที่จะมีเธอ
เหลืออีกกี่ลมหายใจ ที่จะได้เจอกับความสดใส


เวลามีน้อยเหลือเกิน ที่ให้ฉันได้เตรียมหัวใจ
ว่าภาพที่เคยเห็นเมื่อวาน จะเป็นแค่ความหลังไป


ต่อจากนี้ นาทีนี้ จะนับทุกลมหายใจ
เก็บเอาวันเวลา แต่ละหยดหยาดไว้ข้างใน
จากวันนี้ คนคนนี้ จะรักเธอสุดหัวใจ
และจะย้ำซ้ำซ้ำ จากวันนี้จนถึงวันไกล ว่ารักเธอ


เสียไปมากมาย กับเวลาที่มันเลยผ่าน
เสียดายที่วันเมื่อวาน ที่ทำให้เธอมันยังน้อยไป
เวลาที่เหลือทุกนาที จากวันนี้จนวันสุดท้าย
ฉันจะเฝ้าทำทุกทาง ทุ่มเทให้สุดหัวใจ


ต่อจากนี้ นาทีนี้ จะนับทุกลมหายใจ
เก็บเอาวันเวลา แต่ละหยดหยาดไว้ข้างใน
จากวันนี้ คนคนนี้ จะรักเธอสุดหัวใจ
และจะย้ำซ้ำซ้ำ จากวันนี้จนถึงวันไกล ว่ารักเธอ


ถึงแม้ในวันนั้นที่เราไกลห่าง ในคืนที่อ้างว้างก็จะมีแต่เธอ


ต่อจากนี้ นาทีนี้ จะนับทุกลมหายใจ
เก็บเอาวันเวลา แต่ละหยดหยาดไว้ข้างใน
จากวันนี้ คนคนนี้ จะรักเธอสุดหัวใจ
และจะย้ำซ้ำซ้ำ จากวันนี้จนถึงวันไกล ว่ารักเธอ



   ตลอดเวลาที่ดนตรีและเสียงร้องดำเนินอยู่ คนร้องก็มองลงมาด้านล่างสบตากับใครคนนั้นของตนด้วยสายตาที่สื่อความหมายหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะรัก เศร้า ขอโทษและเสียใจ


   เสียงปรบมือยาวนานหลังจากที่บทเพลงถูกขับขานจนจบ ทั้งที่ก่อนจับไมค์คนร้องยังกลัวล่ม แต่ผลงานหลังจากร้องเสร็จมันต่างกันเป็นไหนๆเขาโค้งตัวขอบคุณทุกคนอีกครั้ง ก่อนจะเดินเลี่ยงลงจากเวที แล้วปล่อยทุกคนได้สนุกกันต่อ


   “ นี่เวฟ นายรู้สึกมั้ยว่าช่วงนี้พี่โอดูแปลกๆไปนะ ”


   ชอหันมาพูดกับเพื่อนสนิท เมื่อคล้อยหลังพี่รหัสไปแล้ว


   “ อืม..... ก็ว่าอยู่ ช่วงนี้พี่โอแปลกไปจริงนั่นแหละ ”


   ทำไมทั้งคู่ที่เป็นน้องรหัส แถมยังอยู่ห้องเดียวกันจะไม่รู้ว่าพี่ตนเองมีอะไรในใจ แม้เจ้าตัวจะซ่อนทุกอย่างไว้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มก็ตาม งานเลี้ยงของภาควิท - เลจบลงด้วยดี ดีเสียจนบางคนแทบจะคลานกลับห้องไม่รอด ( ดื่มมากไปหน่อย )


   “ รินกลับกันเหอะ ม่ายหวายและ โคตะระเหนื่อยเลย ”


   เสียงเหมือนคนหมดแรงดังมาจากปากของเซาธ ก็จะไม่หมดแรงได้ไงเล่นเต้นไม่บันยะ บันยังซะขนาดนั้น


   “ อืมๆ ”


   มารินว่า ก่อนจะหันมาไขกุญแจรถ แต่เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือเครื่องน้อยก็ดังขึ้นเสียก่อน


   ติ๊ดๆ....ติ๊ดๆ

   มารินเปิดอ่านข้อความ แต่สิ่งที่ตนเองได้อ่านนั้นก็ทำให้มือบางปล่อยโทรศัพท์ร่วงโดยไม่รู้ตัว


   “ รินเป็นอะไร ใครส่งอะไรมา ”


   เซาธถามขึ้นอย่างร้อนรน อาการเหนื่อยหายเป็นปลิดทิ้ง และไม่รอให้เพื่อนตอบเจ้าตัวก็หยิบโทรศัพท์มาอ่านเสียเอง



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@





1Pressure (เพรชเชอะ) = ความดัน ความกดดัน
 

2Tidal ( ไทด์แอ็ล ) = น้ำขึ้น น้ำลง


3Tide ( ไทด์ ) = เวลาน้ำขึ้นหรือลง


4Oceanic ( โอเชียนิค) = เกี่ยวกับมหาสมุทร ในมหาสมุทร

5เติ้ล = ภาษาถิ่นที่ใช้เรียกบุคคลที่ 2 คล้ายกับคำว่า เธอ นาย


6เซิฟ ( surf ) = คลื่นหัวแตก


7เพลงรักข้ามขอบฟ้า = คำร้อง : กวี สัตตโกวิท  ; ทำนอง : สง่า อารัมภีร


8เพลงรักเธอสุดหัวใจ = คำร้อง / ทำนอง ปิติ ลิ้มเจริญ ; เรียบเรียง เสกสรรค์ ปานประทีป[/color]




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




น้ำร้อนเดือดได้ที่แล้วขอรับ ใครจะต้มมาม่าบ้าง :sad4:

ข้าเจ้ามีมาม่ารสหมูสับไว้บริการขอรับ :monkeysad:

มาม่าของข้าเจ้ารสไม่จัดขอรับ ทานได้ทุกเพศ ทุกวัยขอรับ :z2:

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาหากันขอรับ :pig4:  :3123:





 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด