ร่างป้อมของเด็กหนุ่มวิ่งลงมาพร้อมกับสุนัขแสนรู้ ทั้งคนทั้งเจ้าของวิ่งมาพร้อมกัน ก่อนจะอ้าแขนโอบเอวบางนั่น..ชั่วขณะหนึ่งที่เผลอตัวปล่อยใจ เพิ่งระลึกได้ว่าใครอีกคนไม่ชอบใจนัก หากแต่อ้อมแขนผอมกลับโอบรัดเขาเช่นกัน
ไม่น่าเชื่อเลย..
“พี่เสือ..คิดถึง” เมษาพึมพำก่อนผละออก กลัวว่าอยู่นานกว่านี้แล้วจะเผลอร้องไห้ขี้มูกโป่งออกมา
“อืม”
ตุลาเห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้ แต่ก็อดจิกกัดน้องไม่ได้เช่นกัน มีที่ไหนเห็นพี่ชายแท้ๆยืนอยู่กลับไม่เอ่ยปากทัก “น้อยๆหน่อยไอ้ลูกหมู พี่ชายยืนอยู่ตรงนี้ไม่กงไม่กอดเลยนะ”
น้องเมษเบ้ปาก ที่เมษไม่กอดพี่ตุลย์เพราะเมษอยากกอดพี่เสือ เหตุผลของเขามันก็แค่นี้แหละ อีกอย่าง..พี่เสือยอมกอดเมษาแล้วด้วย เรื่องอะไรจะยอมปล่อยมือล่ะ
“พี่ตุลย์ก็พูดไปเถอะ เมษไม่สน เมษจะกอดพี่เสือซะอย่าง พี่ตุลย์น่ะตัวใหญ่บึกบึน แขนเมษโอบไม่รอบหรอก” น้องเมษกอดพี่เสือแน่น แต่ปากยังต่อล้อต่อเถียงกับพี่ชายตัวเองไม่หยุด
กว่าจะสงบศึกกันแม่ต้องเดินออกมาห้ามทัพ พี่น้องคู่นี้เวลาห่างกันชอบโทรคุยกัน พออยู่ด้วยกันทะเลาะกันอย่างกับหมาแมว
“พอๆทั้งคู่เลย โตแล้วจะเถียงกันแบบเด็กๆอยู่นั่นแหละ” แม่ถือตะหลิวออกมาข้างนอกพลางบอกลูกชายตัวโตทั้งคู่แต่สมองไม่ต่างจากเด็ก
“พี่ตุลย์ชอบว่าเมษ”
“พี่ว่าอะไรนายหือ” ตุลาก็ไม่ยอมแพ้ ถ้ามาแล้วไม่ได้เถียงกันกับเจ้าเด็กนี่เหมือนขาดอะไรไป แล้วมือนั่น..มือนั่นที่กอดเสือเหนียวแน่นอีก เขาอยากจะโกรธหรอกแต่เห็นแววตาเป็นประกายของเมษาแล้วขัดไม่ลง
เอาเถอะ..ทำเป็นมองไม่เห็นแล้วกัน
ขณะที่สองพี่น้องกำลังลับริมฝีปากกัน ดวงตาคมของเสือมองรอบบ้าน ทำไม ‘ผู้ชาย’ คนนั้นหายไปไหน ทำไมไม่ออกมาเจอกัน
ทำไมไม่ออกมากอดกันเหมือนเดิม..
เสือเม้มปาก เขาเผลอกำมือแน่น สมองไม่รับรู้อะไรสักอย่างนอกเสียจากคำว่า ‘ทำไม’
“พ่อยังไม่กลับบ้านหรอกเสือ รอหน่อยนะ” แม่แตะบ่าผอม แอบมองดูตาหม่นหมองของเจ้าตัวที่เผลอแสดงออกมา น่าแปลกใจไม่น้อยที่ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่กลับบ้านทั้งที่นี่เป็นเวลาปกติ
หล่อนกลับเข้าไปในครัวก่อนต่อโทรศัพท์หาศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่มีใครรับสักคน
“เมษมาช่วยแม่จัดโต๊ะหน่อย” แม่วางมือถือไว้บนโต๊ะก่อนเรียกลูกชายที่เกาะพี่เสือเหมือนลูกลิงไม่ปาน แถมยังมางอแงใส่แม่อีกต่างหากด้วยเหตุผลว่า ‘เมษยังกอดพี่เสือไม่อิ่ม’
ร่างป้อมของเด็กหนุ่มเดินเอื่อยเฉื่อยราวกับน้ำหนักตัวถ่วงความขยันจนสิ้น ตุลาเห็นแล้วนึกอยากตีน้องชายนัก จริงๆเมษาไม่ได้อ้วนขนาดนี้หรอก แต่พอมาเห็นครั้งนี้..เขาว่าน้องชายของเขาต้องกลายเป็นหมูในเร็ว
“ไปนั่งรอก่อน เดี๋ยวผมไปช่วย”
เสือส่ายหน้า รู้สึกหน่วงๆยังไงไม่รู้ “เดี๋ยวผมไปช่วยด้วยคน”
ตุลย์พยักหน้า เสือคนเดิมใกล้กลับมาอีกแล้ว อุตส่าห์เลี้ยงให้เป็นแมวเชื่องๆดูท่าทีแล้วคงยาก
พวกเขานั่งรอกระทั่งสองทุ่มกว่าแล้ว เมษานอนเกลือกกลิ้งไปมาบนพื้น เมื่อไหร่พ่อจะกลับมาสักที ท้องเขาร้องเสียงดังจนแม่หันมามองหลายครั้งแล้ว ส่วนปุ้มปุ้ยก็ไม่ต่างกันหรอก
“แม่ครับ..โทรหาคุณลุงหรือยัง” ตุลย์เอ่ยปากถาม ขณะที่เสือนั่งเงียบตลอด เขารู้หรอกว่าเจ้าตัวคงเป็นกังวลไม่น้อย ก็มือเย็นเฉียบเสียขนาดนั้น แต่คงไม่กล้าพูดกับใครนัก
“โทรแล้ว..ไม่มีคนรับ”
เสือนั่งกุมมือ ฝ่ามือเขาเย็นเฉียบ ทว่าจู่ๆใครบางคนก็กอบกุมมือเขาไว้
“พี่เสือ..เดี๋ยวพ่อก็กลับ” เมษาปลอบพี่..
ร่างผอมยังลอบมองไปนอกบ้าน หวังจะเห็นรถสีบรอนซ์มาจอดเทียบบ้าง นี่ก็เกือบสามทุ่มแล้วแต่ยังไร้วี่แวว อาหารเย็นหมดเพราะทุกคนต่างก็ไม่มีอารมณ์ทาน ส่วนเมษาหิวจะตายแล้วแต่ไม่มีใครทาน..ร่างเล็กก็แทบไม่กล้ายัดอะไรใส่ปาก
แม่เดินเข้าไปในครัว บอกว่าจะหาขนมมาให้ทานรองท้อง เมษาตาวาวพอได้ยินคำว่าขนม ทว่าเมื่อแม่เดินออกมาหน้าก็ซีดเผือด ฝ่ามือกำโทรศัพท์แน่น มองลูกชายด้วยตาแดงก่ำ
“แม่เป็นอะไรครับ” เมษาลุกไปหา แม่หลุบตามองต่ำ ริมฝีปากสั่นริกก่อนตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“พ่อถูกรถชน” สติของเสือไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ตุลาลากเขาออกมาจากบ้าน นั่งรถไปด้วยกันพร้อมทั้งแม่และเมษา ไม่มีใครพูดอะไร ต่างคนต่างเป็นห่วงหัวหน้าครอบครัวสุดใจ
เมื่อไหร่จะถึงสักที..เสือพูดกับตัวเอง เขาแทบไม่อยากคุยอะไรกับใครเลย เหมือนทำใจไม่ได้ ความคิดของเขาโลดแล่นไปทั่ว กลัวว่าพ่อจะเป็นอะไรไป แค่คิดก็ปวดใจแล้ว..ไม่น่าเลย เขาไม่น่าดื้อรั้นเอาแต่ใจสักนิด พอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกไม่อยากให้อภัยตัวเองสักนิด
ตุลากุมมือขาวแน่น เสือไม่ยอมพูดอะไรสักคำ..เอาแต่นั่งเงียบและเม้มปากเป็นระยะ ดวงตาคมวาววับไปด้วยหยาดน้ำ เสืออยากร้องไห้..แต่คงไม่ใช่ต่อหน้าทุกคน
“คุณลุงจะไม่เป็นอะไร” ตุลย์ปลอบ แม่สะอื้นไปแล้วส่วนเมษาก็เอาแต่กอดแม่
ไม่มีใครเอ่ยอะไรสักประโยค..
เขาจอดรถ ต่างคนต่างพุ่งไปยังโรงพยาบาล แม่รีบเอ่ยปากถามพยาบาลสาว..หล่อนค้นหาอะไรสักพัก ทว่ามันนานเกินกว่าแม่จะรอได้
“เร็วๆกว่านี้ได้ไหมคะ”
พยาบาลสาวเร่งกดคีบอร์ด มือไม้รวนไปหมดแต่ก็ทำอย่างเต็มที่ เสือยืนข้างๆแม่ อยากรู้ความเป็นไปของพ่อด้วย ครั้งนี้คงได้รับบทเรียนแสนสาหัส เมษาน้ำตาไหลไม่หยุดจนเสือนึกรำคาญ หากแต่ปล่อยน้องไปเพราะเจ้าตัวคงคิดไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่นัก
กลัวการสูญเสียนั่นแหละ..
แม่ยืนรอคำตอบกระทั่งได้ยินเสียงเรียกอันคุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง
“มาทำอะไรกัน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม เสือเหลือบตามองชายร่างสูง เจ้าตัวสวมเชิ้ตพับแขนขึ้น ตามลำตัวมีรอยช้ำเล็กน้อย และหน้าผากแตกเท่านั้น
ความรู้สึกหนึ่งคือโล่งใจและอีกใจหนึ่งโกรธ โกรธที่ทำให้เสือคิดมาก เป็นห่วง ร่างผอมยืนนิ่ง เขาเม้มปาก มองพ่ออย่างตัดพ้อ แต่ก็เดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ
“เสือมาด้วยเหรอ” แววตาแสดงความยินดีอย่างชัดเจน ศักดิ์สิทธิ์ยิ้มน้อยๆเมื่อลูกชายแสนรักกำลังเดินเข้ามา
น้ำตาของเสือไหลอาบแก้ม เข้าเดินไปหาชายตรงหน้า อีกฝ่ายยืนนิ่งและยิ้มน้อยๆ
“ไม่ดีเลย” เสือพึมพำ อยากต่อว่าที่ทำให้เป็นห่วง..แต่ลึกสุดใจกลับอยากโผเข้ากอดมากกว่า ดีแล้ว..ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไร อย่างน้อยพ่อก็ยังอยู่กับเสือ เสือยังต้องการอ้อมกอดของพ่ออยู่
“เสือ” พ่อเรียกลูกชายเสียงหวานพลางลูบหัวอย่างอ่อนโยน แต่ก่อนเขาอาจจะเป็นฝ่ายดึงลูกมากอด แต่วันนี้เสือเข้ามากอดเอง ไม่มีอะไรชื่นใจไปกว่าการที่ลูกชายคนเดียวยอมเปิดใจให้อีกแล้ว
“เจ็บไหม” เสือถามเบาๆ เขาไม่กล้าพูดดังเพราะทั้งเขินทั้งตกใจและโล่งใจ
ศักดิ์สิทธิ์ส่ายหน้า แค่เสือถามเขาก็หายเจ็บแล้ว แผลแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก “ไม่เลย แค่เห็นหน้าเสือพ่อก็หายแล้ว”
ร่างผอมสูดน้ำมูก รู้สึกกลายเป็นเด็กอายุเจ็ดขวบที่เอาแต่เดินตามพ่อ
“กลับบ้านกันนะ” รถของเขาเขาศูนย์ไปเรียบร้อยแล้ว คงต้องกลับพร้อมลูกชาย
เสือพยักหน้า เขาขืนตัวออกน้อยๆเมื่อรู้สึกนานเกินไปแล้ว ใบหูขาวเล็กแดงจัดเมื่อเห็นรอยยิ้มของพ่อ ราวกับว่าไม่ได้เห็นมานานหรือเพราะเสือไม่เคยใส่ใจ
ต่อจากนี้อดีตอันแสนไกลคงไม่กลับมาทำร้ายเสืออีกแล้ว..
กลับบ้านไม่ทันไรแม่ก็บ่นพ่อไปด้วยอุ่นอาหารไปด้วย แน่นอนว่าแม่เป็นห่วงพ่อมาก เมษาเข้าใจดีเพราะนานแล้วที่แม่ไม่ร้องไห้ ทั้งเมษและพี่ตุลย์ต่างก็เข้ามาช่วยเพราะเห็นว่าศักดิ์สิทธิ์อยากคุยกับเสือเต็มทน
“ทีหลังโทรมาบอกก่อนนะคะ”
ศักดิ์สิทธิ์พยักหน้าน้อยๆก่อนเดินไปคุยกับเสือ ลูกชายของเขานั่งเงียบ..เหมือนคิดอะไรบางอย่าง พอนั่งลงข้างๆก็ไม่ได้ขยับตัวหนีเหมือนเมื่อก่อน
“เสือ”
ร่างผอมเม้มปาก เขาไม่ชินเท่าไหร่ถ้าจะหันหน้าคุยกันแบบนี้
“เรียกพ่อหน่อย พ่ออยากได้ยิน”
เสือเม้มปาก เขินอายนิดหน่อย เขาเหลือบตามองพ่อ เสียงต่ำๆเอ่ยเรียกช้าๆ “พ..พ่อ”
หนุ่มใหญ่ยิ้มร่า ดึงลูกชายตัวผอมมากอดแน่น แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแต่มันไม่กระเทือนเขาสักนิด “เสือ..กลับมาอยู่กับพ่อนะ”
สุดท้ายแล้วการออกไปใช้ชีวิตคนเดียวก็ไม่ใช่ทางสำหรับเสือ..ทั้งพ่อและตุลาต่างก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวตามใจต้องการ ทั้งที่อยากทำแต่ความรู้สึกของการมีครอบครัวทำให้ปฏิเสธไม่ลง
“แต่บางวันต้องไปนอนกับตุลา”
“เอาสิ..แค่กลับมานอนบ้านบ้างก็ได้” ศักดิ์สิทธิ์พอจะมองออกว่าระหว่างเสือและตุลาคงมีอะไรมากกว่าที่เห็น เขารับได้..เพราะเสือและตุลาต่างก็เป็นลูกชายของเขา
สองพ่อลูกนั่งคุยกัน ส่วนใหญ่เสือนั่งฟังเสียมากกว่า นานแล้วไม่ได้เป็นอย่างนี้ เหมือนได้กลับมาสู่อ้อมกอดพ่ออีกครั้ง..เขาควรจะละทิ้งอดีตไปนานแล้วหากรู้ว่าการอยู่กับปัจจุบันมีความสุขกว่า
เสียงวิ่งตึงตังเพราะทั้งเมษาและตุลาต่างวิ่งไล่กันในครัว แม่ดูวุ่นวาย ทำเหมือนจะอบรมแต่ก็อมยิ้มกับภาพที่เห็น เหมือนได้ย้อนกลับไปในวัยยังเป็นคุณแม่มือใหม่อยู่
“พี่ตุลย์ทำไมต้องแย่งกุ้งเมษด้วย”
“นายน่ะกินเยอะเหมือนหมู กุ้งตัวเดียวให้พี่ไม่ได้หรือไง” ตุลาไม่ยอมแพ้ เวลามีอาหารเหลือชิ้นเดียว พวกเขาจะแย่งกันอยู่เสมอ สุดท้ายก็ไม่มีใครได้กินเพราะแม่เอาไปให้หมาแมวหมด
“เอาไปเลย อยากได้เอาไปเลย เมษจะไปหาพี่เสือแล้ว!” หนุ่มร่างป้อมวิ่งตื๋อออกจากครัว ก่อนพี่ชายจะวิ่งตามมาจับตัว ไม่รู้พี่ตุลย์เป็นอะไรชอบขวางเมษกับพี่เสือตลอดเลย
เมษาวิ่งเข้ามานั่งใกล้พี่เสือ ออดอ้อนพี่อย่างสุดความสามารถ “พี่เสือวันนี้นอนบ้านนะ เมษอยากนอนกอดพี่เสือ”
พี่ชายวิ่งตามเข้ามาพอได้ยินประโยคกระแทกใจของเมษาพอดี ไม่รู้หรือไงว่าคนนี้มีเจ้าของแล้ว “ไอ้เมษ!”
เสือหันมอง พอเห็นหน้าตุลา..เขาควรนอนที่บ้านสักคืน ดีกว่าโดนใครบางคนกลั่นแกล้งทั้งคืนจนไม่ได้นอนนั่นแหละ “ตกลง”
คนน้องหันมองพี่ราวกับตัวเองได้ชัยชนะ แต่ช่างเถอะ..เมษาจะไม่รู้อะไรในเมื่อตุลาได้อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะแล้ว..
ศักดิ์สิทธิ์นั่งยิ้ม..ต่อจากนี้บ้านคงไม่เงียบเหงาเหมือนเมื่อก่อน..
เปรมมองนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่มันเกินเวลาแล้วไม่ใช่หรือแต่ทำไมคุณหมอหน้าหล่อยังไม่โผล่ออกมาเสียที ความจริงเขาไม่ได้เป็นคนใจเย็นอะไรแบบนั้นหรอก แต่เพราะม๊าสั่งมาแถมคุณหมอยังเป็นแฟนกำมะลออีก แบบนี้ล่ะเหมือนโดนมัดไว้สองทางเลย
เขาหาวแล้วหาวอีก เด็กอนามัยพี่เลี้ยงสั่งให้นอนไม่เกินห้าทุ่มต้องมานั่งรอคุณหมอใจร้าย แก้มเขายังเจ็บไม่หายแต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว รักษาด้วยตัวเองล้วนๆส่วนตัวต้นเหตุน่ะไม่เคยเห็นเปรมอยู่ในสายตาเลย
“เมื่อไหร่จะมาวะ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเอง หากมีพยาบาลสาวสวยสักคนสองคนเดินผ่านก็ยังดีแต่นี่ไร้วี่แววคนอายุน้อยกว่าสามสิบทั้งนั้น
แก้เบื่ออะไรไม่ได้สักอย่าง!
ดวงตาสีเข้มมองซ้ายทีขวาที หากแต่ไปสะดุดตรงร่างโปร่งผิวขาวจัดนั่นแหละ อีกฝ่ายเดินถือด้วยกาแฟร้อนพร้อมกับหมออีกคน ท่าทางสนิทกันดี ดูแล้วคงออกไปพักผ่อนมากกว่า
แล้วเขาล่ะ..คนที่นั่งรอเจ้าตัวมาหลายชั่วโมง ไม่เคยเห็นหัวกันเลยใช่ไหม!
ปกติคนอื่นต้องรอเขาแต่นี่เปรมมานั่งรอคนอื่น มันสมควรหรือเปล่า เขาได้แค่คิดแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกไป..มีสิทธิ์อะไรไปประท้วงคุณหมอใจร้ายคนนั้นล่ะ ต่อว่าในใจได้ไม่นานก็นั่งเล่นโทรศัพท์เหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เกือบสิบนาที คุณหมอเคียงแดนคนใจร้ายก็มายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมถ้วยกาแฟที่ยังดื่มไม่หมด “กลับกันเถอะ”
“คุณมาสาย”
“ไปทำงาน”
เปรมยังนั่งอยู่ เขาเหมือนเด็กน้อยที่กำลังถูกผู้ใหญ่ขัดใจ “ผมเห็นคุณเดินคุยกับคนอื่น”
“เพื่อนร่วมงาน” เคียงแดนตอบสั้นๆ ขี้เกียจชี้แจงเรื่องที่ไม่จำเป็นนัก
“แต่คุณออกไปดื่มกาแฟข้างนอกด้วยกัน ปล่อยให้ผมรอนาน”
คุณหมอหนุ่มถอนหายใจ เขาไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นยังไง แค่นี้ก็วุ่นวายมากพอแล้ว “แล้วยังไง..ทีนี้กลับได้หรือยังล่ะ”
ไม่มีอะไรจะเถียงต่อ เปรมได้แต่ยอมรับชะตากรรม นึกว่าพูดแบบนี้จะได้ยินคำขอโทษบ้าง..แต่เปล่าเลย อีกฝ่ายมึนตึงยังไงก็อย่างนั้น สาบานเถอะว่าเปรมจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกแบบไม่ขาดไม่เกินเลย!
สวัสดีค่าาาาาาาาาาาา

หลังจากที่หายไปเหมือนไม่นาน ก็กลับมาต่อแล้วเนอะะะะะ
อย่างน้อยตอนนี้คุณพี่เสือก็เข้าใจคุณพ่อในระดับหนึ่งแล้ว
ถึงจะไม่มากก็ยังเปิดใจบ้างล่ะ ' ' หลังจากที่นั่งคิดหลายตลบก็เลยออกมาเป็นแบบนี้แหละค่า
หวังว่าจะถูกใจบ้างนะคะ

แต่เค้าก็พยายามแล้วนะะะะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
ขอโทษที่หายไปนาน มัวแต่ตบตีกับหนังสือหนังหา
เค้าลงเรียนซัมเมอร์ด้วยยยย TT เหมือนจะเป็นการบังคับทางอ้อมเพราะไม่ยอมลงเรียนเทอมแรกกกก ฮือออ
ขอบคุณทุกคอมเมนท์เลยนะคะะะะ

ช่วยกันจิ้มนะคะะะ อิอิ
https://www.facebook.com/pages/Ellette/389007221190229https://twitter.com/bluebubblebells