● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 26 – เพลินเล
ตอนแรกก็เพียงแต่หัวเราะออกมานิดหน่อย
"หึ ๆ"
“....ผม..มะ...หมายถึง....”แต่พอเห็นหน้าตาเลิ่กลั่กพร้อมน้ำเสียงลนลานของเด็กหนุ่มผมทองตรงหน้า ก็เล่นเอาเขาปล่อยก๊ากออกมาลั่นห้อง
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ!"
“ขำบ้าอะไรวะ!?”
ไอ้ตัวยุ่งร้องโวย น่าเอ็นดูจนอยากจับฟัด เริ่มเข้าใจความรู้สึกสรัญตอนเห็นรูปคิมหันต์ขึ้นมานิดหน่อย นี่เป็นความก้าวหน้าด้วยความเร่งสูงทีเดียวนับตั้งแต่ยอมรับกับตัวเองได้ว่าเสียท่าไอ้ตี๋เกรียนในด้านจิตใจเข้าให้แล้ว
“ตลกฉิบหาย พี่เลยไม่รู้ว่าเราฉลาดหรือโง่กันแน่” ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก ช่วยจัดผมเผ้ายุ่งเหยิงของเด็กหนุ่มให้เรียบร้อย “เอาละ ตกลงว่าอยากไปไหน?”
“กลับบ้าน”
“เดี๋ยวเตะตกทะเลแม่ง”
อีกฝ่ายพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก้มหน้าก้มตาบ่นพึมพำ ยอมให้เขาจัดผมเผ้าแต่โดยดี สภาพสิ้นท่าเป็นงูโดนรีดพิษ เห็นแล้วมันเขี้ยวเลยล้วงเจลแต่งผมในกระเป๋ามาป้ายหัว บรรจงจับปอยผมตั้งขึ้นสองข้างทำเป็นหูหมาสีทอง
“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้หมาน้อย”
เขาหัวเราะพลางลากอีกฝ่ายไปยืนอยู่หน้ากระจก ส่งเสียงแซวใส่ใบหน้าอารมณ์บูดของเด็กหนุ่ม
"โมะ ๆ ๆ"
“.....”
“ไหนขอมือ”
“เว้ย!” หมาน้อยจำเป็นร้องลั่น “เล่น’ไรเนี่ย!”
คิมหันต์มองมาตาขวางแล้วก็ยกมือขยี้ผมจนกลับไปยุ่งเหมือนเก่า หูหมาเลยเสียทรงหมดขณะที่เขาเอาแต่ยืนขำกลางเสียงขู่แง่ง ๆ
“จะไปไหนก็ไปได้แล้ว เป็นคนขับก็เลือกเองสิวะ!”
สามภพกลั้นยิ้ม จะทำหน้าบานเป็นหนุ่มอินเลิฟก็ใช่ที่ ขมวดคิ้วเก็บอาการสุดความสามารถ เบี่ยงเบนความสนใจสู่เรื่องอื่นด้วยการหันไปโยนกระปุกเจลแต่งผมซึ่งหมดพอดีลงถังขยะ แกว่งกุญแจรถในมือไปมาก่อนจะเดินไปเอาแขนคล้องคออีกฝ่ายไว้แนบเนียน ดันหลังเบา ๆ ให้เจ้าตัวเดินออกจากห้องไปด้วยกัน
................................................
........................
.
.
.
.
ในที่สุดเขาก็กลับมาประจำที่ ณ ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง บนเบาะนั่งข้างคนขับ
ถึงตอนนี้คิมหันต์อดนึกประหลาดใจตัวเองไม่ได้ที่ยอมตามอีกฝ่ายมาตั้งไกล เกือบลืมเรื่องเงินหมื่นของสามภพซึ่งเอามาละลายกับเวลาของเขายี่สิบสี่ชั่วโมงไปแล้ว
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วครุ่นคิด มันไม่น่าเป็นเช่นนี้..ไม่ควรเป็นแบบนี้ หากสลับสถานะกันให้เขาได้อำนาจสำหรับเวลาหนึ่งวันเต็ม เขาคิดว่าตัวเองต้องหาเรื่องแกล้งอีกฝ่ายให้สาสมกับที่ทะเลาะกันมาตั้งนานเป็นแน่ นั่นยังไม่เท่าเรื่องน่าตกใจอันดับหนึ่งของวัน กับสิ่งที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็น..
คำสารภาพ...? หรืออะไรสักอย่างที่ออกมาจากปากเฮียหมาบ้าหน้าโฉดตอนอยู่ในห้องพักโรงแรม
‘อยู่ตรงหน้านี่แหละ’ถ้อยคำที่ว่าย้ำซ้ำในหัว และแน่นอนว่าต่อหน้าสามภพตอนนั้นมีเขายืนหัวโด่เพียงคนเดียว เว้นแต่จะมีพลังงานหรือมวลสารที่มองไม่เห็นอยู่กับพวกเขาด้วย
คิดได้แค่นี้ก็ขนลุกขึ้นมาอย่างน่าประหลาด(ไม่ได้ขนลุกเรื่องมวลสารลึกลับ) ไม่อยากจะเชื่อเลย หากนี่เป็นเรื่องของคนอื่นเขาคงฟันธงไปเรียบร้อยแล้ว แต่พอเป็นเรื่องตัวเองเข้าก็เล่นเอาไม่อยากคิดต่อ ปล่อยสมองว่างเปล่าโง่เง่า ตีเนียนว่าไม่รู้เรื่องบางทีอาจฟังดูเข้าท่ากว่า
“บ้าฉิบ!”
คิมหันต์บ่นพึมพำ เรียกให้สายตาอีกคู่หันมามองแล้วเลิกคิ้ว แต่เด็กหนุ่มแสร้งทำเป็นไม่เห็น ปล่อยสามภพจ้องจนเจ้าตัวพอใจแล้วหันกลับไปสนพวงมาลัยและแผงคอนโซลหน้าพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ
เฮียเพี้ยนมันบ้าจริง ๆ ด้วยซีดีแผ่นหนึ่งถูกหยิบขึ้นมาเปิด เห็นการเคลื่อนไหวนั้นของสามภพก็ทำเขาอดไม่ได้จะแอบเหลือบมองจากหางตา สอดรู้สอดเห็นนี่ท่าทางจะเป็นนิสัยฝังรากลึกไปแล้วจริง ๆ
แผ่นซีดีสีขาวซึ่งถูกจับใส่เครื่องเล่นนั้นไม่มีตัวหนังสือระบุที่มาที่ไปสักอย่าง นั่นทำให้คิมหันต์ประหลาดใจนิดหน่อย
เขาเอียงคอมอง ดูจากกล่องใส่แล้วคิดว่าน่าจะเป็นซีดีแผ่นเดียวกับที่อีกฝ่ายรับมาจากพนักงานโรงแรมคนหนึ่งตอนก่อนเช็คเอาท์ แถมยังจ่ายเงินให้โดยไม่พูดไม่จาเหมือนเป็นเรื่องลึกลับที่เคยมีการตกลงกันมาก่อนหน้านั้นแล้ว
“แผ่นอะไรอะ?”
คันปากยุบยิบจนเผลอถามออกไปเสียแล้ว
สามภพหันมายิ้มน้อย ๆ แต่ไม่ยอมตอบ ยื่นนิ้วไปกดปุ่ม
play แล้วออกรถ
คิมหันต์ย่นจมูก ถามก็ไม่พูด ตัดสินใจเอนหลังพิงเบาะเงียบ ๆ เหมือนเดิม เงี่ยหูรอฟังอินโทรที่เริ่มบรรเลงขึ้นจากเครื่องเสียง
“.....”
คุ้นไปหรือเปล่า?เพลงแบบนี้กับคนอย่างสามภพน่ะหรือ? เขาแทบไม่เชื่อเลย จนเสียงร้องดังขึ้นนั่นเอง
‘อิ รอล แต รึล โพ มยอน นา ออ ริ กิ นึน ฮัน กา บวา~’“เฮ่ย!?”เขาแทบกระโจนจากเบาะนั่ง หันไปมองหน้าคนขับตาปริบ ๆ นี่ไปหามาได้จริงด้วย ถึงเพลงจะเก่าไปหน่อยก็เถอะ
“พี่เอามาจากไหนวะ!?”
อีกฝ่ายตอบเสียงนุ่มอย่างจงใจยั่วให้หงุดหงิด “บอกว่าขอบคุณครับจะน่ารักกว่านะน้องครีม”
“เชี่ย!”
“เด็กอะไรวะ ปากหมาบรรลัย!”
‘Hello, hello นา รึม แด โร ยง กิล แร ซอ โย~’เสียงร้องจากวงโปรดเขาที่สามภพหามาได้อย่างลึกลับยังคงบรรเลงด้วยจังหวะสบาย ๆ คลอไปกับบรรยากาศชวนจักจี้ ส่วนหนึ่งที่ทำให้คิมหันต์ตกอยู่ในสภาพอิหลักอิเหลื่อยิ่งขึ้นคือที่เล่นอยู่นี้เป็นหนึ่งในเพลงโปรดเลยทีเดียว
มือใหญ่เอื้อมมาขยี้ผมเขาเบา ๆ ชายหนุ่มยิ้มบางโดยไม่ได้ละสายตาจากถนน ออกแรงผลักอีกเล็กน้อยที่หน้าผากเขาให้ลงไปนั่งให้เรียบร้อยบนเบาะ
“คาดเข็มขัดด้วย”
“ไปหามาได้ไง?” เขาบ่นงุบงิบ ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดตามคำบอกแต่ยังไม่วายสงสัย
“เมื่อคืนลองถามเบลล์บอยที่โรงแรมดู” สามภพพึมพำตอบ ไม่บอกไปให้จบเรื่องคืนนี้ไอ้ตัวขี้สงสัยคงนอนไม่หลับ “แล้วมันรู้จักวงนี้เลยจ้างไรท์แผ่นให้หน่อย”
“แผ่นเถื่อนอะดิ”
“เออน่า”
“ไม่ไหวเลยเฮีย”
“เรื่องมากไม่ต้องฟังแม่งละ!” เขาตัดบท เอื้อมมือจะไปเปลี่ยนแผ่น แต่คิมหันต์ยื่นมือมาขวางไว้ก่อน
“เดี๋ยว!”
“อะไรอีกล่ะ!?”
“ขอบคุณครับ”“.....”
“จ้องบ้าอะไรวะ!!" เด็กหนุ่มขยับตัวหยุกหยิก ยกมือขึ้นเกาแก้มแก้เขิน "มองถนนดิแม่ง!”
โหมดเด็กดีเรียบร้อยช่างมาไวไปไวเสียจริง คำขอบคุณเมื่อครู่ทำเขาตกใจเกือบพาแหกโค้งแล้วไหมล่ะ
“พูดอีกทีซิ” สามภพยิ้มกริ่ม ห้ามใจสุดชีวิตจะไม่หันไปมองแก้มแดงปลั่งของตุ๊กตาหน้ารถที่เกรียนที่สุดในโลก “เมื่อกี้พี่ได้ยินไม่ถนัด”
“......”
“เร็ว ๆ” เขาเร่ง
“อย่าลืมอุดหนุนแผ่นแท้!”
ดูท่าของดีจะมีแค่ครั้งเดียว คิมหันต์พูดเฉไฉจบก็ก้มหลบตา เบือนหน้าไปทางกระจกข้าง ใบหูแดงแจ๋ หลังจากนั้นก็เอาแต่ร้องเพลงหงุงหงิง ไม่คุยกับเขาอีกเลยจนถึงเพลินวาน
.....................................................
................................
“ร้อน”
สามภพค่อนข้างเห็นด้วยทีเดียว
“ร้อนฉิบหาย”
ไอ้เปี๊ยกยังบ่น กระพือคอเสื้อระบายอากาศพั่บ ๆ แต่แน่นอนว่ากระดุมยังติดครบทุกเม็ด ให้ถอดออกเดาว่าคงไม่กล้าเพราะเสื้อยืดคอกว้างตัวเดิมของเจ้าตัวมีแต่จะโชว์รอยแดงเต็มซอกคอ ดูสภาพแล้วก็น่าเห็นใจไม่น้อย
ต่อไปทำอะไรคงต้องคิดหน้าคิดหลังหน่อยแล้ว “มานี่”
สามภพไม่รอให้อีกฝ่ายงงอยู่นาน จับล็อคคอลากตัวไปโซนร้านขายของฝากแล้วสอยเสื้อยืดที่ระลึกสกรีนลาย
‘เพลินวาน’ ให้ใหม่ หลังพิจารณาแล้วว่าคอเสื้อไม่กว้างนัก
โดยไม่ลืมจะซื้อสำหรับตัวเองด้วยอีกหนึ่ง
หลังจากบังคับเปลี่ยนเสื้อเสร็จเรียบร้อย จับหมุนตัวดูสองรอบเห็นรอยจูบบนต้นคอเด็กหนุ่มโจ่งแจ้งในระดับพอรับได้ ส่วนรอยฟันซึ่งโผล่มานิดหน่อยนั้น หากไม่ยืนจ้องใกล้ ๆ คงไม่เห็น (และเขามั่นใจว่าจะไม่ให้ปล่อยใครมายืนจ้องคิมหันต์ระยะประชิดได้แน่นอน)
หมดปัญหาไปอีกอย่างจึงเก็บเสื้อเชิ้ตตัวเองเข้ากระเป๋า แล้วยังยึดเสื้อยืดคิมหันต์ติดไปด้วยอีกต่างหาก
“แบบนี้โอเคไหม?”
“..คงงั้นมั้ง”
คิมหันต์งึมงำ ยกมือลูบคอคล้ายยังกังวลเรื่องรอยแดงที่ปรากฏชัดบนผิว นึกดูแล้วสมบัติส่วนตัวเขาโดนสามภพยึดไปเกลี้ยงเลยทีเดียว ตั้งแต่กระเป๋าเป้ กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ ปิดท้ายชิ้นล่าสุดด้วยเสื้อยืดลายขวางตัวเก่งที่เพิ่งโดนบังคับถอดเปลี่ยน
แล้วนั่น! ใครใช้ให้มาเปลี่ยนเสื้อตามเขากัน!?
“ใส่เป็นเพื่อน”
สามภพตอบกลับมาราวกับอ่านสายตาเขาออก จับชายเสื้อดึงให้ตึงโชว์โลโก้เพลินวานแบบเดียวกับเขาแต่เป็นคนละสี
“เผือก! ไม่ได้ถาม”
เด็กหนุ่มยักคิ้วกวนประสาทแล้วยืนรอ แต่ไม่มีอะไรฟาดลงมาอย่างคาด เหมือนว่าสามภพจะเลิกลงไม้ลงมือกับเขาเป็นการถาวร ซึ่งความจริงแล้วนั่นนับเป็นเรื่องดี แต่คิดอีกทีก็น่าขนลุก
“ไม่ตบหัว?”
เขาแอบเหล่ แล้วก็เห็นเพียงสายตาขบขันบนใบหน้าคมคาย
“ไม่ด่าด้วย?”
“ชอบให้เถื่อนใส่หรือไง?”
“ทุกทีเถื่อนนี่หว่า ซีดียังเถื่อนเลย!”
นั่นเกี่ยวกันไหม? สามภพส่ายหน้า มองดูเด็กหนุ่มตัดพ้อ มือยังยกขึ้นลูบต้นคอตัวเองด้วยความกังวล ก้มหน้าก้มตาจ้ำอ้าวไม่มองสองข้างทาง ทั้งที่อุตส่าห์มาอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวซึ่งจัดไว้ให้ชมบรรยากาศบ้านเรือนยุคเก่าเช่นนี้
“ถ้าเราไม่ดื้อ พี่ว่าตัวเองก็ไม่เคยเริ่มก่อนนะ”
คิมหันต์อ้าปากจะเถียง แต่พบว่าเถียงไม่ออก อีกใจก็ยังคอยกังวลเรื่องรอยบนคอ หรือบางทีเขาควรหาผ้ามาพันไว้เพิ่ม
พอเถอะ...เด็กหนุ่มเหลียวมองแดดแรงจนภาพในส่วนพื้นที่กลางแจ้งไหวระริก แค่นี้ก็ร้อนแทบระเหยอยู่แล้ว
“ไกล ๆ เห็นไม่ชัดหรอก” สามภพเอ่ยท้วง พยายามแกะมืออีกฝ่ายออกจากคอเจ้าตัว “ยิ่งทำท่าน่าสงสัยแบบนี้มันชวนให้คนอื่นมองรู้หรือเปล่า?”
“พี่ไม่ได้มีรอยงี้บ้างนี่!”
ชายหนุ่มถอนใจ “เดี๋ยวกลับไปให้ทำคืนก็ได้”
“บ้าเรอะ!?” คิมหันต์ร้องโวย เผลอกระโจนหลบจนไปชนคนอื่น ร้อนถึงเขาต้องไปดึงแขนไว้ก่อนจะเซถลา เอ่ยขอโทษแทนพอเป็นพิธีแล้วลากออกมาตรงที่คนน้อย ให้ตายเถอะ เหมือนว่าพอเริ่มเขินไปได้ครั้งหนึ่งเมื่อเช้า คนตรงหน้าก็เสียศูนย์ไปอีกทั้งวันนับแต่นั้น
“เขินก็อย่าให้มันซุ่มซ่ามมาก!”
“เชี่ย! ใครเขิ—!”
คิมหันต์ชะงัก พูดต่อไม่ออก รู้ตัวอีกครั้งแขนใหญ่ของอีกฝ่ายก็โอบรอบคอเขาไว้เรียบร้อย
“เดินดี ๆ” สามภพดุอย่างไม่จริงจังนัก ก้มลงมองแถวคอเด็กหนุ่มซึ่งถูกบังจนเกือบมิดอยู่ใต้ท่อนแขนเขา บังเอาไว้อย่างนี้ได้ไม่ต้องมีใครเห็นรอย เผื่อเจ้าตัวจะเลิกวิตกจริตลงบ้าง ซึ่งวิธีนี้ก็ดูเหมือนว่าได้ผลในแง่ซ่อนหลักฐาน แต่ผลข้างเคียงที่ออกมาช่างน่าขำ
"เดินอะไรอย่างนั้นน่ะ!?"
มันตลกตรงที่หลังจากคิมหันต์ชะงักไป กลับมาเดินอีกครั้งก็ก้าวขาตามเขาด้วยจังหวะสุดประหลาดนั่นแหละ
“นึกซะว่าเหมือนตอนตัวเองชอบเกาะแกะคนอื่นก็ได้” ชายหนุ่มกระซิบ “เดินดี ๆ อย่าคิดอะไรมาก”
คิมหันต์พยายามทำตาม อย่าคิดมาก คำแนะนำช่างเป็นประโยชน์และปฏิบัติตามได้ง่ายดายอะไรอย่างนี้ สมแล้วที่เป็นผู้ใหญ่กว่า...
ซะที่ไหนล่ะว้อย!“พี่...” เขาพึมพำ สอดส่ายสายตาล่อกแล่ก ระแวงผู้คนรอบตัวไปหมด “ผมว่าแบบนี้คนยิ่งมองปะวะ แม่งอย่างกับคู่เกย์อะ!”
“ช่างเขาสิ”
“พี่เป็นเกย์อยู่แล้วก็พูดได้ดิ!”
“ไม่ได้เป็นเว้ย!”
“เชื่อฉิบหายแล้ว! ทำตัวอย่างส่อ!”
“โกโก้เย็นแก้วนึงครับ”
“...??”
สามภพไม่ได้สนเขาเลย หันไปสั่งเครื่องดื่มหน้าเคาน์เตอร์บริเวณที่จัดเป็นร้านกาแฟโบราณเรียบร้อย แถมยังลากไปนั่งรอในร้าน ดันเขาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวในสุด ส่วนตัวเองนั่งขวางทางอยู่อีกด้านของโต๊ะ จ้องมาเขม็งด้วยสายตาดุเหมือนเป็นคำสั่งว่าให้สงบเสงี่ยม
“ชิ!”ต่อยตีกันด้วยสายตาอีกครู่ใหญ่กว่าเสียงเรียกจากคนขายจะดังขัดจังหวะ
“โกโก้เย็นค่ะ”
ตาดุคู่นั้นมองมาทางเขาแวบหนึ่ง ก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นไปเอาเครื่องดื่มที่สั่ง พอเดินกลับมาถึงโต๊ะก็วางแก้วกระดาษไว้ตรงหน้าเด็กหนุ่ม
“เอ้า!”
“อะไร?”
“กินซะ” สามภพสั่งอย่างเคย แต่สายตาเสมองไปทางอื่น “ปากจะได้ไม่ว่าง”
“??”
คิมหันต์ขมวดคิ้ว มองแก้วกาแฟติดโลโก้เพลินวานแบบเดียวกับที่อยู่บนเสื้อเขาตอนนี้สลับกับมองหน้าคนพูด บางทีอาจร้อนจนบ้าไปแล้ว
“ไม่งั้นพูดมาก หนวกหู” สามภพแจงเพิ่ม
“ผมไม่ได้สั่ง”
“พี่ไม่กินโกโก้ ถ้าไม่เอาก็ทิ้ง”
บร๊ะ! มีงอน“ผมเอา!” เด็กหนุ่มคว้าแก้วหมับ ดูดเฮือกผิดกับที่ทำวางท่าจะไม่ดื่มในคราวแรก สั่งมาเหมือนรู้ว่าเขาชอบโกโก้
หรือจะรู้จริง ๆ วะ?สามภพเหล่มองเขาด้วยหางตา คิมหันต์คิดว่าเห็นรอยยิ้มละมุนแวบหนึ่งปรากฏขึ้นบนริมฝีปากชายหนุ่ม
....ตุบ..แล้วอยู่ ๆ ก็ถูกจู่โจมด้วยอาการแน่นหน้าอกกะทันหัน
“.....”
ทว่านั่นเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น สั้นเสียจนเด็กหนุ่มไม่นึกอยากใส่ใจ
ทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิมเมื่อสามภพหันมาทำหน้ายักษ์ใส่ เร่งเขาว่านั่งพักหายร้อนก็รีบลุกเสียที (ว่าแต่เขาเรียกร้องอยากพักตั้งแต่เมื่อไร?) แค่นั้นไม่พอยังโวยต่อว่าข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กินเพราะมัวแต่ไปวิ่งตามเขา(แล้วใครใช้ให้ตามวะ!?) หิวจนจะเขมือบกุ้งได้ทั้งอ่าวไทยอยู่แล้ว
“จะเลี้ยงผมหรือ?”
“ก็เลี้ยงแม่งทั้งทริปแล้วนี่ไอ้ตะกละ!”
แต่เด็กหนุ่มสนคำค่อนขอดที่ไหน
“เอาริมทะเลนะเฮีย”
สามภพพยักหน้าอย่างเสียมิได้ ทั้งที่ความจริงก็ตั้งใจไว้อย่างนั้นอยู่แล้ว
คิมหันต์ดีดนิ้วถูกใจ ตาลุกวาวเป็นประกายเหมือนเด็กน้อย นึกถึงปูนึ่งสดจากทะเลที่ไม่ได้หม่ำมานาน นั่นทำให้เขานึกได้ว่ามาแถวนี้ทั้งทีแต่กลับยังไม่ได้จัดอาหารทะเลจริงจังเลยสักมื้อ จากที่คิดว่าจะต่อล้อต่อเถียงสักหน่อยเลยเปลี่ยนเป็นระริกระรี้เกาะแกะอีกฝ่ายแทน มือข้างหนึ่งถือแก้วน้ำ อีกข้างวางบนเอวชายหนุ่มอย่างถือวิสาสะโดยไม่รู้ตัว เรื่องที่ระแวงสายตาคนอื่นมาแต่แรกนั้นโยนทิ้งไปจากหัวเสียสิ้น
ลืมกระทั่งจะสังเกตเห็นมุมปากเจ้ามือหนุ่มซึ่งยกขึ้นสูงเป็นรอยยิ้มกริ่ม เืือื้อมมือขึ้นมากอดคอเขาตอบอย่างเนียน ๆ
.
.
.
“ดูสิใส่เสื้อยืดแบบเดียวกัน เดินกระแซะกอดคอเกาะเอว”
“เบา ๆ สิยะ เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหรอก”
“แต่หล่อเนอะ คนตัวสูงหุ่นดีชะมัด”
“คนผมทองก็น่ารักดีนะ”
“เสียดายจัง..ไม่น่าเป็นเลย”
“เขาอาจจะเป็นพี่น้องกันก็ได้”
“พี่น้องที่ไหนนัวเนียอย่างนั้นยะ หน้าก็ไม่ได้เหมือนกันสักนิด”
“ก็นั่นสิน้า”
พวกเขากลายเป็นคู่เกย์หนุ่มท่ามกลางสายตาคนไม่รู้จักไปแล้วโดยสมบูรณ์..............................................................
.............................
.
.
.
.
ลมทะเลหอบกลิ่นเกลือพัดเข้าหาโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ มองเห็นสะพานปลาเลยออกไปไม่ไกลนัก ท้องฟ้าและน้ำทะเลสีครามมาบรรจบกันเป็นเส้นตรง ณ สุดสายตา บรรยากาศน่านอนเอกเขนกปล่อยตัวปล่อยใจล่องลอยไปกับเสียงคลื่นซัดฝั่ง
แต่ตอนนี้พวกเขากำลังสั่งอาหารกันอย่างบ้าคลั่ง“...แล้วก็ปูนึ่ง”
“กุ้งเผาโลนึง”
“หอยเชลล์อบเนย”
“หมึกนึ่งมะนาว”
“แกงส้มไข่ปลาริวกิว”
“อยากกินยำไข่แมงดาทะเลด้วยอะ”
“เยอะแล้วนะเว้ย!” สามภพเริ่มโวย เป็นเขาเองแท้ ๆ ที่หิว แล้วทำไมหย่อนก้นปุ๊บไอ้แสบนี่ถึงได้สั่งเอา ๆ เหมือนกะให้เขาล้มละลายไปกับมื้อนี้
คิมหันต์จ้องอีกฝ่ายพลางยักไหล่ไม่แคร์สื่อ ตามใจเหลือเกินใช่ไหม? ทำท่าเหมือนอยากจีบ จะกินล้างผลาญให้กระเป๋าแห้งเลยคอยดู
“น่า ๆ ผมกำลังโต”
เด็กหนุ่มลอบยิ้ม เห็นตัวเองนั่งฝั่งตรงข้ามในระยะปลอดภัย ผู้คนรอบตัวก็มากมาย พิจารณาแล้วไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างเมื่อเช้าจึงกล้าส่งเสียงอ้อน
“นะ? เฮียหมาบ้ารูปหล่อใจดี”
“ไม่ต้องมาประจบ! มุกซ้ำอย่างนั้นไม่ได้ผล”
“แล้วผมจะไม่บอกใครว่าเฮียเคยโดยร็อตไวเลอร์ปล้ำ”
เขาสะดุ้ง ส่วนคิมหันต์พยายามส่งสายตาน่าสงสาร
“เคยที่ไหนล่ะวะ!?”
“เรื่องที่ชอบไว้หนวดทรงแมวน้อยถ่ายรูปบัตรประชาชนด้วย”
“จะบ้าเรอะ!!?”
“แล้วยังมีงานอดิเรกเป็นแก้ผ้าขังตัวเองไว้ในห้องน้ำทั้งคืนอีก!”
พนักงานหันไปแอบขำ
“ไอ้!!”“ไหนจะ—!”
“เออ! เอายำไข่แมงดาทะเลอีกอย่าง!!”"ไม่เผ็ดครับ" คิมหันต์ตบท้ายทันควัน
กว่าอาตี๋กิตติมศักดิ์จะเสร็จสมอารมณ์หมายยอมกลับไปนั่งรอดี ๆ เล่นเอาชายหนุ่มแทบโดดทะเลตายแล้ว(แต่ขอเอาไอ้เด็กนี่ถ่วงทะเลไปด้วย) ปากอย่างนี้มันน่าไหม ตอนนี้ถือว่าฝากไว้ก่อนก็ได้ ไว้รอหมดความอดทนเมื่อไรจะทบต้นทบดอกให้สาสมเลยคอยดู
“...ข..ขออนุญาตทวนรายการนะครับ..”
พนักงานหนุ่มเอ่ยเสียงสั่น เห็นได้ชัดว่าพยายามกลั้นขำเต็มที่อย่างน่าสงสาร ใจหนึ่งก็อยากหัวเราะให้ลั่นทะเล แต่ความรักตัวกลัวตายยังรั้งตัวเองไว้บ้างตอนเห็นตาขวาง ๆ ของชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ท่าทางจะเป็นเจ้ามือของโต๊ะนี้
“รับเครื่องดื่มเป็นอะไรดีครับ?”
“โค้ก”/”น้ำเปล่า”
คิมหันต์มองเขาตาปริบ ๆ
“กินโค้กกันเหอะเฮียเพี้ยน”
สามภพกลอกตา เอาอีกแล้วไอ้เด็กเวรนี่
“อยากกินก็กินคนเดียวสิ”
“กินด้วยกัน”
“ไม่เอา จุก”
“ใจกับผมหน่อยดิว้า”
สามภพกุมขมับ ดื่มน้ำเปล่าแล้วไม่ใจยังไงก็น่าสงสัย จบปัญหาด้วยการโบกมือไล่พนักงานพร้อมกับเอ่ยเสียงอ่อนแรง
“เอาโค้กขวดใหญ่”
“น้ำเปล่าด้วยไหมครับ?”
“ไม่ต้อง”พนักงานหลุดหัวเราะจนได้ ส่วนคิมหันต์ตบโต๊ะชอบอกชอบใจ
เหมือนว่าเขาจะพลาดแล้วที่คิดจีบเด็กเกรียน- หมดยกที่ 26 -
============================
อาาา...บรรยากาศข้าวใหม่ปลามันนี้คืออะไรกัน ฮาา
เขินเฮีย หลงเด็กใหญ่ละ ตามใจตลอด อ่อนยวบยาบไปเยอะเลย =///=
เฮียจะกินเด็ก หรือเด็กจะกินเฮีย(?) ...เอ่อ...ช่างเถอะ โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
รักคนอ่าน ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมเยือนนะค้า ^o^ *รวบกอด*

ของแถมรีพลายถัดไปค่ะ ^^