● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 24 – ปฏิบัติการล่าไอ้แสบ
ค่าตั๋วรถตู้หนึ่งร้อยแปดสิบบาทถ้วน
คิมหันต์นั่งกระดิกเท้า กวาดตามองอนาคตผู้ร่วมทางในเวลาอันใกล้ ยกขวดน้ำเปล่าขึ้นกระดกไปเรื่อยรอเวลารถออก โชคดีที่ยังเอะใจพกเงินติดตัวไว้บ้างก่อนออกจากบ้านแม้ไม่ได้มากนัก ใครจะรู้ว่าจะโดนลากมาไกลขนาดนี้ คิดถูกจริง ๆ ที่แวะกินมื้อเช้าฟรีของโรงแรมก่อน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวหิวตายแถมเงินใกล้หมดอีก หากวัสสานะรู้เข้าว่าร่อนมาถึงหัวหินไม่รู้เธอจะทำหน้าอย่างไร
เด็กหนุ่มก้มลงมองโทรศัพท์ แบตเตอร์รี่ยังเหลืออีกเยอะพอให้นั่งเล่นเกมรอ ละเลยคำแจ้งเตือนสายไม่ได้รับจากชื่อซึ่งบันทึกไว้เองกับมือว่า
‘หมาบ้า’ แน่นอน เขาไม่เคยโทรหาเจ้าของเบอร์นั้นมาก่อน และนี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายติดต่อมาทางนี้ เพราะที่ผ่านหากใช้มือถือก็คุย(หรือทะเลาะ?)ด้วยการแชทมาโดยตลอด เบอร์นี่ได้มาจากสิสิรผู้เป็นพี่สาวคนรองซึ่งเขาไปคาดคั้นขอมา ตั้งใจจะเก็บไว้ในเครื่องเผื่อมีโทรเข้าได้รู้ว่าไม่ต้องรับสาย ไม่นึกว่าจะโทรมาจริง ๆ ทั้งที่เขาไม่เคยให้เบอร์เสียหน่อย
รู้ทันหรอกน่า เด็กหนุ่มกระตุกมุมปาก ใครจะรับให้โง่ โทรมาสองครั้งแล้วก็เงียบไปเลย อาจล้มเลิกความตั้งใจแล้วก็ได้
เสียงคนขายตั๋วประกาศว่ารถกำลังจะออก คิมหันต์ลุกขึ้นยืน เหวี่ยงเป้ขึ้นสะพายไหล่แล้วเดินไปต่อคิวที่ประตูรถตู้ ต่อให้สามภพตามมาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว แม้รู้สึกผิดที่โกงเวลาตั้งหลายชั่วโมง แต่เดี๋ยวทำใจได้และรอให้สถานการณ์ปลอดภัยกว่านี้ค่อยไปใช้คืนให้วันหลังแล้วกัน
เขาชะเง้อมองย้อนกลับไปยังทางไปโรงแรม อดคิดไม่ได้ว่าหนีออกมาโดยไม่บอกกล่าวอย่างนี้ อีกฝ่ายจะตกใจหรือโมโหไหม? มองอีกแง่ถ้าหากตัวเองพาลูกหลานคนอื่นมาตั้งไกลแล้วปล่อยหายตัวไปไหนไม่รู้คงเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว จะบ้าไปแจ้งความหรือเปล่า?
ไม่มั้ง...?คิมหันต์ยักไหล่ ขยับขาตามคนข้างหน้าไปอีกก้าว เดี๋ยวได้นั่งปลอดภัยบนรถปิดประตูเรียบร้อยแล้วค่อยส่งไลน์ไปหาว่าหนีกลับเรียบร้อยแล้วไม่ต้องตาม
หรือเฮียหมาบ้าก็ไม่คิดจะตามแต่แรกอยู่แล้ววะ?“ช่างเห๊อะ”
ถึงคิวเขาแล้ว ควรรีบขึ้นรถเสียที คนข้างหลังยืนรอเปลี่ยนจากทำหน้างงที่เขาพูดคนเดียวมาทำตาขวางแทนไปเรียบร้อย
เด็กหนุ่มถอนหายใจ โหวงเหวงในอกแปลก ๆ รู้สึกเหมือนกำลังทำความผิดอะไรสักอย่าง อาจผิดจริงก็ได้ แต่ใครใช้ให้เฮียเพี้ยนงี่เง่ามาทำอะไรเขาก่อน นึกถึงแล้วก็ราวกับว่าอากาศในรถจะร้อนขึ้นกะทันหัน แอร์เสียหรือเปล่า เอามือไปอังก็ยังมีลมเป่าออกมาดี แต่กลับร้อนเอา ๆ บางทีอยู่ด้วยกันนานไปหน่อยคงทำเขาเริ่มเพี้ยนไปอีกคน
ผู้โดยสารทั้งหมดขึ้นมานั่งเรียบร้อย ประตูรถตู้ถูกเลื่อนปิดสนิทพร้อมกับที่รถเริ่มเคลื่อนตัวออกช้า ๆ
คิมหันต์เอนหลังพิงเบาะ กอดกระเป๋าเป้ไว้กับตัว หลับตาแล้วผ่อนลมหายใจยาว
รอดแล้วเอี๊ยดดดด!!!“!?”เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก หัวเกือบทิ่มจากการเบรกกะทันทันพร้อมเสียงสบถของคนขับ ชะเง้อไปดูผ่านกระจกหน้ารถว่าเกิดอะไรขึ้นก็ถึงกับต้องเบิกตากว้าง...กว้างขึ้นทุกที....กว้างจนจะเลิกตี่ได้อยู่แล้ว
“คิมหันต์!”เสียงโคตรคุ้น และพอเห็นหน้าก็ต้องบอกเลยว่าบ้ากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
“ไอ้เชี่ย!”.
.
.
.
สามภพหอบหนักหน่วง แต่ยังยืนกางแขนอยู่ท่าเดิมกลางถนน โชคดีที่เป็นเขตตลาดและรถก็เพิ่งเคลื่อนตัวออกไปได้เพียงเล็กน้อยความเร็วจึงยังไม่สูงนัก(แลกกับการที่ผู้คนมากมายหันมามองเขาเป็นตาเดียว) ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอาจลงข่าวหนุ่มนักศึกษาทันตแพทย์ถูกรถตู้โดยสารเหยียบดับอนาถกันบ้าง หากไม่อยู่ในอารมณ์ร้อนรนปนหงุดหงิดเช่นนี้คงอับอายฉิบหายวายป่วงแล้ว
นี่มันโคตรบ้าเลย เขานึกก่นด่าตัวเองแบบไม่ต้องรอใครมาบอก ทั้งที่รู้อย่างนั้นก็ยังตะโกนเรียกเสียลั่น
“คิมหันต์!”เจ้าของชื่ออยู่บนรถแน่นอน แม้ฟิล์มกระจกจะเข้มไปหน่อยจนมองไม่ชัด แต่เขาเห็นกับตาว่าไอ้เด็กแสบปีนขึ้นไปหยก ๆ หากวิ่งมาทันคงไม่ต้องใช้วิธีบ้าบิ่นเช่นนี้ แย่ตรงที่แม้จะมองเห็นว่าขึ้นรถไปต่อหน้าต่อตาแต่ระยะห่างนั้นมากเกินไป เขาเร่งฝีเท้าสุดชีวิตทว่ายังช้ากว่าตอนที่เจ้าตัวหายเข้าไปในพาหนะคันนั้น มีคนปีนตามขึ้นไปอีกสองสามคน ก่อนประตูรถจะเลื่อนปิดลง
“อย่าคิดว่าจะรอด” นั่นเป็นสิ่งที่เขาส่งเสียงคำรามลอดไรฟันโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตั้งใจทำอะไรกันแน่ ชะงักอีกทีก็ตอนวิ่งแซงรถตู้ซึ่งเพิ่งออกตัวมายืนขวางกลางถนนเหมือนคนสติไม่ดีเช่นนี้เอง
“เฮ่ย ทำไรวะไอ้น้อง!” ชายคนขับโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างรถพลางโบกมือให้เขาหลบไปก่อน “อยากตายเรอะ!?”
เขามองหน้าคนพูดแต่ไม่ตอบอะไร เดินอ้อมไปกระชากประตูรถตู้เปิดออก กวาดสายตามองหาเป้าหมาย ไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายเลยสำหรับเด็กอย่างคิมหันต์ ผมสีทองสว่างเด่นจนไม่รู้จะเด่นยังไง เจ้าตัวกำลังอ้าปากค้างพร้อมกับเบิกตากว้างอยู่ที่นั่งตรงกลางแถวหน้าสุด
“ขอโทษครับ” เขาบอกหญิงวัยกลางคนซึ่งนั่งขวางระหว่างเด็กหนุ่มกับตัวเอง เอื้อมมือผ่านหน้าเธอไปคว้าแขนอีกฝ่ายเอาไว้มั่น ออกแรงดึงเพียงนิดหน่อยคิมหันต์ซึ่งกำลังช็อคก็แทบถลาออกจากรถเกือบลงไปล้มกลิ้งอยู่บนพื้น
แค่เกือบเท่านั้น เพราะเขาคว้าเอาไว้ทันแบบเต็มไม้เต็มมือ กอดหมับแน่นหนาชนิดที่ว่าไม่ต้องหาเรื่องดิ้นไปไหนอีกแล้ว กระเป๋าเป้สีส้มกลิ้งลงมาหยุดอยู่ข้างรองเท้าเปื้อนฝุ่นคลั่กของเขา ก่อนชายหนุ่มจะหันไปตะโกนถึงคนขับเสียงโหดซึ่งไม่ได้ตั้งใจให้ออกมาเป็นเช่นนั้นเลย
“เสร็จธุระแล้ว ขอโทษที่รบกวน”
คนขับทำสีหน้างุนงงซึ่งไม่ได้นำพาความน่าสนใจใดให้เกิดขึ้น สามภพว่าจบก็ปล่อยมือข้างหนึ่งจากร่างโปร่งของคิมหันต์เพียงแวบเดียวเพื่อจะดึงประตูรถปิดดังปังแล้วกลับมากอดรัดไว้อย่างเก่า เอาเท้าเขี่ยเป้บนพื้นออกไปให้พ้นทางล้อรถ ก่อนพาหนะสีขาวจะเคลื่อนออกจากจุดนั้นช้า ๆ ท่ามกลางความประหลาดใจของผู้คนโดยรอบ
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทั้งเหนื่อยทั้งร้อน ได้ออกกำลังกันแต่เช้า แต่อย่างน้อยก็หิ้วไอ้ตัวแสบออกมาได้ทันเวลาเฉียดฉิว
“คิดยังไงหนีออกมาวะ!?”
คิมหันต์นิ่งสนิท นิ่งเกินไปจนน่าสงสัย แถมผู้คนซึ่งห้อมล้อมอยู่ก็จ้องเอา ๆ จนเริ่มใกล้เคียงไทยมุงหัวหินมุงเข้าไปทุกที นึกได้ว่าเขายังรัดตัวอีกฝ่ายแน่นจนดูประหลาดท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นซึ่งรัวยิงเข้ามาจนต้องยอมปล่อยมือ ก้มลงไปเก็บเป้ขึ้นมาคล้องไว้เองขณะที่ยังระวังไม่ให้อีกฝ่ายคลาดสายตา
ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่มีคนรู้จัก“เอาละ” สามภพเปลี่ยนเป็นคว้าไหล่สองข้างของเด็กหนุ่มไว้แทนเผื่อจะยังไม่หมดฤทธิ์ ตั้งแต่ลากตัวลงมายังไม่ได้มองหน้ากันชัด ๆ สักที ปากก็ออกคำสั่งพร้อมกับย่อตัวลงไปดูไอ้แสบที่ก้มหน้างุดไม่ยอมสบตา “ไหนขอเหตุผลดี ๆ สักข้อว่าหนีทำ...เบื๊อก......อะ...ไ—”
“...”
เขาพูดไม่จบประโยค และคงเอ่ยอะไรยาว ๆ เป็นภาษาคนไม่ได้ไปอีกพักใหญ่ รู้สึกตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่สุด ๆ เข้าแล้ว
ไม่เคยรู้เลยว่าคิมหันต์จะทำสีหน้าแบบนี้ได้“..คิม?”
เด็กหนุ่มหน้าขึ้นสีจัดจนน่ากลัวว่าจะระเบิด โดยเฉพาะพวงแก้มซึ่งแดงระเรื่อลามไปถึงใบหู เครื่องหน้าปกติก็น้อยอยู่แล้ว ทั้งตาตี่ ปากนิดจมูกหน่อยกับผิวขาวเป็นทุนเดิม พอเลือดสูบฉีดจนแดงเข้าหน่อยจึงยิ่งเห็นชัดอย่างไม่ต้องสงสัย ไหนจะอาการก้มหน้าก้มตาจดจ้องอยู่แต่พื้นดินไม่ยอมมองมาทางเขาแม้แต่น้อย ทั้งที่ปกติถ้าจู่ ๆ ไปลากตัวมาเช่นนี้คงได้แหกปากโวยวายแผลงฤทธิ์ตลาดแตกไปแล้ว
“เป็นอะไร?”
เขาย่อตัวลงไปกว่าเดิมเพราะอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหนี อีกนิดเดียวคงกลายเป็นคุกเข่าต่อหน้าไอ้เด็กเกรียนที่ตอนนี้คล้ายจะเกรียนไม่ออกเสียแล้ว
คิมหันต์ขมวดคิ้วแน่น หนาว ๆ ร้อน ๆ อย่างน่าประหลาด เรื่องเมื่อคืนคอยจะวนเวียนขึ้นมาในหัว ตอนแรกก็ว่าไม่คิดอะไรแล้ว แต่พอเจอคนต้นเหตุเข้าจริง ๆ กลับไม่กล้าสู้หน้าเสียอย่างนั้น ยิ่งโดนลากลงจากรถมากอดไว้แน่นยิ่งชวนสติแตก ตอนนี้แค่จะเงยหน้ามองยังทำไม่ได้ แต่เฮียหมาบ้าจิตหลุดก็ยังอุตส่าห์ย่อตัวตามลงมาจ้องอีก
“คิมหันต์?”เรียกอะไรนักหนา แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คนตรงหน้าเปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้เรียกชื่อเขา ขนลุกขนพองทั่วตัวไปหมดแล้ว
“เวรเอ๊ย!” เด็กหนุ่มร้องออกมาได้เท่านั้นเอง พูดอะไรอย่างอื่นไม่ออกราวกับทำลิ้นหาย แถมหน้ายังพาลจะร้อนเอา ๆ เหมือนโดนไฟลนพร้อมกับอาการใจเต้นโครมคราม บ้าฉิบ! เขาต้องติดเชื้อบ้าอะไรสักอย่างมาจากคนประหลาดตรงหน้าแน่นอน
สามภพมองข้ามไหล่คิมหันต์ มัวยืนอยู่อย่างนี้คงไม่ดีแล้ว มีแต่สายตาสงสัยใคร่รู้ส่งมาจนตัวแทบพรุน ตัดสินใจลุกขึ้นยืนหลังตรง ถอดเสื้อเชิ้ตซึ่งสวมทับเสื้อยืดของตัวเองออกแล้วคลุมศีรษะและไหล่เด็กหนุ่มตรงหน้า ปิดไว้สักหน่อยเผื่อเจ้าตัวจะหยุดแสดงอาการชวนให้คนมองใจสั่นอย่างนั้นลงบ้าง เสื้อก็เลือกสวมเสียคอกว้างเลยให้ตายเถอะ เขาโคลงศีรษะพร้อมกับพยายามสงบสติอารมณ์ เอื้อมมือไปโอบรอบไหล่คิมหันต์เอาไว้โดยมีเนื้อผ้ากั้นอยู่ก่อนจะออกแรงดันเบา ๆ ให้อีกฝ่ายก้าวเท้าตาม
“ไม่ทำอะไรแล้ว” เขากระซิบเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงขืน ใจหนึ่งก็อยากเตะไอ้เด็กนี่ให้ปลิว แต่อีกใจก็สุดจะสงสาร ท่าทางเขาคงเดาไม่ผิดเรื่องคิมหันต์รู้ตัวว่าเกิดอะไรเมื่อคืนนี้ แต่สิ่งที่เกินคาดคือเล่นเอาสิ้นกระบวนท่าไปไม่เป็นเลยทีเดียวนี่แหละ เกรียนแตกกะโหลกกะลาไม่นึกว่าแค่จูบจะถึงกับเสียศูนย์ “กลับไปคุยกันดี ๆ ที่โรงแรม”
“จะพรากผู้เยาว์รึไง?”
ปากเสียอีก! แม้ฟังดูตะกุกตะกักแต่ก็ทำเขาสะดุ้งไปนิดหน่อย
“เอาอะไรคิดวะ!?”
“พี่ทำอะไรนึกว่าผมไม่รู้หรือ?”
“......”
นั่นปะไร สามภพยกมือขึ้นถูเบา ๆ ที่ปลายจมูกตัวเองแก้เก้อ ได้รับคำยืนยันเช่นนี้ก็เป็นอันว่าชัดเจนแล้ว คิมหันต์จะทำตัวโง่กว่านี้สักหน่อยไม่ได้เลยหรืออย่างไร
“ทำอะไร?” เขาย้อนถาม ขอเป็นฝ่ายแกล้งโง่เองก็ได้ ถ้ากล้าพูดชัด ๆ จะได้รู้ไปว่าเข้าใจตรงกันจริง
“..พี่จูบผม”
ไอ้เด็กนี่ก็ตรงฉิบหาย!คิมหันต์พูดจบก็ดูราวกับจะยิ่งตัวหดเล็กลงไปอีก ทั้งหน้ามุดหายไปใต้เสื้อเชิ้ตเขา หรือว่าร่างกายย่อส่วนได้จริงจากใต้ผืนผ้านั้นก็ไม่รู้ เห็นแล้วชวนให้รู้สึกเอ็นดูจนต้องโอบเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ โดยไม่รู้ตัว
“ไม่ได้หลับ แต่ก็ไม่ขัดขืน” เขาพูดต่อเสียงเย็น มองถนนข้างหน้าซึ่งอีกนิดเดียวก็ใกล้กลับถึงโรงแรม “งั้นแสดงว่าเต็มใจ?”
ฝีเท้าที่ก้าวตามจังหวะการเดินซึ่งเขาเป็นคนกำหนดของเด็กหนุ่มชะงักลงฉับพลัน มือคว้าปกเสื้อของเขาที่คลุมหน้าตัวเองอยู่แล้วเลิกมันออก เงยขึ้นขมวดคิ้วจ้องเขาเขม็งพร้อมสีหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ ปากสั่นเหมือนอยากโวยแต่พูดไม่ออก แต่พอเขาจ้องตากลับไปบ้างนิ่ง ๆ ได้เพียงนิดเดียวเจ้าตัวก็รีบดึงเสื้อขึ้นมาคลุมหน้าอีกครั้งไม่พูดไม่จา เหลือแต่ใบหูแดงระเรื่อโผล่ให้เห็นรำไร
ชัวร์แล้ว...มันเขิน“ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้คงจูบตั้งแต่ยังตื่นอยู่แล้ว”
“ไปจูบหมาไป!” คิมหันต์แยกเขี้ยว ดูแล้วรู้เลยว่าซวนเซไปไม่น้อยทีเดียว
“นั่นสินะ” เขายังโอบไหล่เด็กหนุ่มไว้แม้ตอนเดินผ่านพนักงานต้อนรับคนเดิมที่ล็อบบี้ เธอลอบสังเกตพวกเขาสองคนด้วยสีหน้าฉายแววสงสัย ส่วนเขาเพียงแต่เหลือบมองเธอด้วยหางตาเพียงแวบหนึ่งก่อนหญิงสาวจะทำหน้าซีดแล้วรีบหันไปทางอื่นไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไร จากนั้นจึงหันกลับมาสนใจตัวยุ่งตรงหน้าต่อ “ก่อนมานี่มีใครสักคนกัดมือพี่แล้วบอกว่าตัวเองเป็นหมาเสียด้วย”
ผู้ถูกพาดพิงถึงกับหายใจติดขัด คนที่สามภพพูดถึงคือเขาเองอย่างไม่ต้องสงสัย และที่แย่คือยังนึกไม่ออกว่าจะเถียงอะไรดี ทริปหัวหินเป็นถิ่นมีหอยสูบเอาความเก๋าของเขาไปหมดแล้วหรืออย่างไรไม่ทราบได้ วันนี้ฟอร์มตกฮวบฮาบอย่างมีนัยสำคัญเหมือนนักฟุตบอลใกล้แขวนสตั๊ด ทั้งที่ปกติเคยเถียงได้สูสีแท้ ๆ ทว่าหลังโดนหิ้วตัวออกมาจากรถตู้กลับคิดช้าไปหมด จะทำจะพูดอะไรช่างไปไม่เป็นและเสียเปรียบอีกฝ่ายได้อย่างน่าเวทนา
น่าหงุดหงิดอะไรอย่างนี้ คิมหันต์ซึ่งงุ่นง่านมาเกือบตลอดทางก็ยังคงเครียดกับสถานการณ์กระทั่งเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูลิฟต์ รอจนมันเปิด จงใจเล่นลูกดื้อเกรียนไม่ยอมก้าวขาเข้าไป แทนที่สามภพจะหงุดหงิดอย่างเคย ชายหนุ่มกลับเดินอ้อมมาหยุดด้านหลัง เอามือยื่นมารวบเอวเขาไว้แล้วยกตัวลอยไปปล่อยลงอีกทีเรียบร้อยในลิฟต์เสียอย่างนั้น
เอ๊อ! ถือว่าตัวใหญ่ ถือว่าแรงเยอะ!
แล้วทำไมไม่มีคนอื่นเข้ามาด้วยเลยวะ?คิมหันต์ยืนชิดประตูลิฟต์ จ้องมองตัวเลขระบุชั้นด้วยไม่รู้จะเอาสายตาไปวางไว้ตรงไหน
เอาละ! ตั้งสติหน่อย ศึกนี้ยังอีกยาวไกล อย่างน้อยก็ชัดเจนแล้วว่าอีกฝ่ายจ้องงาบเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอน แต่ไม่ง่ายหรอก เด็กหนุ่มประกาศกร้าวอยู่ในใจว่าจะไม่มีทางให้ตัวเองพบจุดจบน่าอนาถอย่างเพื่อนรักปิ่นหยกเด็ดขาด
ประตูลิฟต์เปิดที่ชั้นห้า กว่าจะเลื่อนออกมาได้ช่างเชื่องช้าเหลือเกิน พอมีเนื้อที่ให้แทรกตัวได้นิดหน่อยเด็กหนุ่มก็รีบพุ่งตัวออกไปทันที ส่วนสามภพเดินตามพร้อมกับส่ายหน้าไปมาด้วยความขบขัน ทำอย่างกับตัวเองมีคีย์การ์ดเข้าห้องอย่างนั้นแหละ
“รีบอะไร?” ชายหนุ่มพึมพำ แต่แล้วก็สังเกตได้ว่าทิศทางวิ่งของคิมหันต์ออกจะประหลาดเกินไปหน่อย
แทนที่จะตรงไปยังห้องพัก ไอ้ตัวแสบกลับถลาไปทางบันไดเสียอย่างนั้น
“เฮ่ย! คิม!!” เขาตะโกนเรียก แต่หากว่าง่ายตอบกลับมาคงไม่ใช่คิมหันต์แล้ว แค่ชั่วพริบตาก็เห็นเพียงแผ่นหลังไว ๆ พร้อมกับเสียงฝีเท้าย่ำรัวห่างออกไปในระยะเวลาอันสั้น
“ไอ้ตี๋เกรียน” สามภพกระตุกมุมปาก โยนเป้ทิ้งไว้บนพื้น ใจคอจะทำซ่าท้าทายไปถึงไหน ไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อยขณะที่จะพุ่งตัวตามออกไปแทบจะในทันที อยากหนีอีกก็ลองดู
แต่หากคิดว่าจะรอดไปได้คงต้องเตือนให้รู้สักหน่อยว่ายาก .
.
.
.
คิมหันต์ยืนตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นถี่รัว ยกมือขึ้นปิดปากพยายามกลั้นเสียงหอบ รู้ดีว่าสามภพต้องวิ่งตามลงมาแน่นอน และโอกาสหนีทันนั้นช่างริบหรี่จึงได้แอบเลี้ยวมาหลบตรงหลังเสาต้นใหญ่ของชั้นสามแทนที่จะวิ่งต่อ ตั้งใจปล่อยสามภพซึ่งแทบกระโจนตามลงมาเข้าใจผิดวิ่งเลยลงไปก่อนแล้วค่อยลอบหนีอีกที
นั่นไง..เสียงฝีเท้ารัวมาเชียว เขากลั้นหายใจ จากตรงนี้ไม่กล้ายื่นหน้าไปมองให้ถูกสังเกตเห็นเอาได้ ทำเพียงแต่หยุดนิ่งเงี่ยหูฟังเสียงรองเท้าผ้าใบกระแทกกับพื้นบันไดดังลั่นซึ่งใกล้เข้ามา.....ใกล้เข้ามา.....จนใจเต้นไม่เป็นส่ำ
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว เผลอเกร็งไปหมดทั้งร่างกาย กัดริมฝีปากแน่นพร้อมกับภาวนาให้อีกฝ่ายวิ่งนั้นเลยจากชั้นนี้ไปเสียที จงเป็นสุข ๆ เถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย เดี๋ยวกลับบ้านได้ปลอดภัยเมื่อไหร่เขาจะแผ่เมตตาไปให้อย่างดี
ช่วงเวลาแห่งความลุ้นระทึกจนทรมานดำเนินอยู่เพียงครู่เดียวแต่เขากลับรู้สึกว่ามันช่างยาวนานสิ้นดี จนกระทั่งเสียงฝีเท้าเบาลง....เหลือเพียงเสียงแว่วห่างไกลซึ่งต้องตั้งใจฟัง.....และเงียบหายไปในที่สุด
รอดแล้ว...?(อีกที)เด็กหนุ่มเม้มปากแน่น ค่อย ๆ เยี่ยมหน้าออกจากเสาใหญ่ซึ่งเร้นกายอยู่ ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตสักอย่างอยู่ในลานสายตานับเป็นสัญญาณอันดีจนเขากล้าขยับตัวออกมาชะเง้ออยู่ข้างสถานที่ซ่อน
สามภพไม่อยู่ตรงนั้นรอดจริง ๆ ด้วยเว้ย!
คิมหันต์ถอนหายใจยาวเหยียดสุดปอด ค่อย ๆ ย่องออกมาจากหลังเสา ลังเลว่าควรไปหลบอยู่ที่ไหนก่อนดีระหว่างรอให้แน่ใจว่าสามภพจะไม่ย้อนกลับมาเจอเขาอีก เงินก็เกือบหมด จะเสียค่ารถตู้ฟรีให้โดนลากกลับมาไม่ได้แล้ว ส่วนกระเป๋าเป้นั่นคงยอมทิ้งไปเลยแล้วกัน ในนั้นมีแค่เสื้อผ้ากับของใช้นิดหน่อย ทั้งโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ตอนนี้ก็อยู่กับตัวทั้งหมด เหลือแค่รอดครั้งนี้ให้ได้ก็พอ
เด็กหนุ่มหันซ้ายแลขวา ขยับตัวว่องไวเตรียมหาที่เหมาะ ๆ สักแห่ง ทว่าเดินไปได้ไม่ทันจะกี่ก้าวเสียงเรียกเข้ามือถือซึ่งตั้งไว้เป็นของลินคินพาร์ควงโปรดไม่แพ้ศิลปินเกาหลีก็แหกปากขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง
‘So give me reason to prove me wrong, to wash this memory clean.....'เขารีบเอามือล้วงไปหยิบมันขึ้นมาดู ชื่อคนบนหน้าจอทำเอาใจกระตุกไปวูบใหญ่
‘หมาบ้า’ความคิดบางอย่างแล่นขึ้นมาในหัวขณะที่มือถือยังเล่นเพลงต่อ จะเกิดอะไรขึ้นหากสามภพเอะใจขึ้นมาว่าเขาชิ่งหนีมาหลบที่ไหนสักแห่งซึ่งไม่ใช่ชั้นล่างสุด แต่ยังหาตัวไม่เจอเลยใช้วิธีโทรให้เสียงเรียกเข้าร้องประกาศตำแหน่ง
“บรรลัยแล้ว!” คิมหันต์อุทาน รีบกดปิดเสียงมือไม้สั่นระริก ดันปรับความดังเสียงเอาไว้สูงสุดเสียด้วย เขาอาจคิดมากไปแต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เรื่องบ้ากว่านี้ยังมีมาแล้วตั้งมากมาย จากนี้คงต้องระวังให้มากขึ้นอีกก่อนจะซวย.....เอา....ได้......
ฉิบหาย! เงาดำจากร่างสูงใหญ่ของใครสักคนทอดทับลงบนตัวเขาไม่ทันแล้ว“ร้ายนะไอ้เปี๊ยก”
“ไอ้เฮียเพี้ยน..!”เขาอุทานเสียงแผ่วให้กับคนที่โผล่มายืนแสยะยิ้มอยู่ตรงหน้า ไม่ได้ตั้งใจให้มันฟังดูเหมือนกระซิบขนาดนั้นเลยแต่เสียงหายไปไหนแล้วไม่รู้ ใจก็หายวาบตามไปด้วยก่อนจะกลับมาเต้นโครมครามเหมือนใกล้ระเบิดตัวเองให้ได้ หน้าร้อนผ่าวแทบไหม้อีกแล้ว มือไม้อ่อนถึงกับทำโทรศัพท์ร่วงเกือบตกพื้นแต่สามภพช่วยคว้าเอาไว้ได้ทัน แถมยังยึดไปเลยไม่ยอมส่งคืนเสียด้วย
“เฮ่ย!!” คิมหันต์มองตาค้าง อ้าปากพะงาบ ๆ เรียกร้องสิทธิ “ของผ—!”
ทว่าพูดไม่ทันจบก็โดนรวบเอวเอาไว้รวดเร็ว รู้สึกได้ถึงแรงกระตุกหนึ่งครั้งก่อนโลกจะหมุนคว้าง ภาพตรงหน้ากลับหัวกลับหางโดยที่ศีรษะเขาห่างจากพื้นขึ้นมาราวหนึ่งเมตร ทั้งมึนและหูอื้อไปหมด ได้ยินแต่เสียงโวยวายของตัวเองแต่ไม่เห็นมีคำตอบโต้อะไรสักอย่างจากคนที่อุ้มเขาขึ้นพาดบ่าพาเดินขึ้นบันได ดิ้นอยู่ได้ครู่เดียวก็ยิ่งมึนหนักพร้อมกับผวาจะโดนปล่อยร่วง ยิ่งตอนอีกฝ่ายก้าวข้ามทีละสองขั้นราวกับจะประกาศว่าตัวเองขายาวทำเอาเด็กหนุ่มอยากคายของเก่า
“...พี่...ผม.......อึก!..”
เอ่ยได้เท่านั้นก็รู้สึกหัวโคลงเคลงจนต้องกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไปก่อน กว่าจะสงบลงบ้างก็ตอนสามภพมาหยุดนิ่งอยู่หน้าห้องพักของพวกเขา เอาคีย์การ์ดเสียบแล้วผลักประตูเปิด แทรกตัวเข้าไปอยู่ข้างใน หันมาปิดประตูเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะจับเขาเหวี่ยงลงบนเตียงพร้อมกับส่งคำถามเสียงเชือดเฉือนจนเสียวสันหลังวาบ
“ทำไมดื้อนัก?”
“บ้าเอ๊ย!” คิมหันต์ไม่ตอบ แต่สบถออกมาแทน กะพริบตาปริบ ๆ ปรับสมดุลการทรงตัวก่อนจะลุกขึ้นมานั่งโงนเงน “เล่นอะไรของพ—”
ไม่มีถ้อยคำอะไรต่อจากนั้น เขาไม่ได้เป็นฝ่ายกลืนมันลงไปเหมือนครั้งก่อน คราวนี้กลับเป็นสามภพต่างหากที่ตามขึ้นมาคร่อมร่างเขาบนเตียง ก่อนจะก้มลงปิดปากช่างเถียงเอาไว้จนสนิท
“.....”
แล้วคำพูดทั้งหมดก็เงียบหายไปในจูบ- หมดยกที่ 24 -
============================
เกรียนมากเดี๋ยวตบะแตกกันพอดี lol
เด็กมันไม่เคย เจอหน้าอีกทีถึงกับเสียศูนย์ หลุดมาดเกรียนไปเยอะทีเดียวค่ะ ฮา
ของแถมรีพลายถัดไปเช่นเคย ส่วนมินิโดจินจิ้งจอกเบื๊อกรอก่อนนะคะ รวบรวมได้จำนวนหนึ่งก่อนค่อยลงที่นี่ละกันเน้อ ยังไม่ค่อยว่างวาดต่อเลย ^o^
พบกันตอนหน้า ขอบคุณคนอ่านทุกท่านค่ะ *รวบกอด*
