● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 20 – ชอบก็จีบเลย..ชอบก็จีบเลยเซ่!
สายวันเสาร์ แสงแดดเจิดจ้าสาดส่องลามเลียประตูรั้วสีขาวซึ่งบางส่วนเริ่มหลุดลอกเห็นรอยสนิมเกาะ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ขนทองอร่ามนอนอืดอาบแดดเปรมปริ่มอยู่กลางสนามหญ้าเล็ก ๆ ในอาณาเขตของบ้าน โรงรถด้านข้างนั้นว่างเปล่าเช่นเคยเหลือแต่มอเตอร์ไซค์คุ้นตาจอดอยู่ ความสงสัยอันไม่ได้เจตนาจู่โจมเขาด้วยคำถามว่าคิมหันต์อยู่บ้านคนเดียวเช่นนี้ประจำเคยรู้สึกเหงาบ้างไหม หรือเพราะอย่างนี้เลยชอบไปที่ร้านเค้กทานตะวันบ่อย ๆ
“ดุ๊กดิ๊ก” สามภพลองส่งเสียงเรียกเบา ๆ ไม่คิดว่ามันจะได้ยิน และเขาค่อนข้างลังเลว่าอาการกระดิกหู ลืมตาขึ้นมาดูครู่เดียวโดยไม่แม้กระทั่งจะยกหัวตัวเองขึ้นจากพื้น จากนั้นก็หลับต่อเหมือนเขาเป็นแค่แมลงหวี่ที่บินผ่านนั้นเรียกว่ามันได้ยินเขาหรือเปล่า
ชายหนุ่มไม่แปลกใจเลยหากอยู่ ๆ จะมีตำรวจจากไหนสักแห่งพุ่งเข้าชาร์จตัวเขาตอนนี้เหมือนอย่างเคยเกิดขึ้นเมื่อวันแรกที่พบกัน ในเมื่อรู้ดีว่าทำตัวมีพิรุธเป็นที่สุดจนแม้แต่ตัวเองยังคิดว่าน่าสงสัย เขามาวนเวียนอยู่ตรงนี้นานแล้ว ใช้เวลากับการหมุนไปหมุนมาหน้าบ้าน จากนั้นก็เดินกลับไปยังรถซึ่งจอดไว้อีกด้านหนึ่ง เข้าไปนั่งสงบจิตสงบใจแต่กลายเป็นทะเลาะกับตัวเองอีกสามสี่ตลบก่อนจะลงมาวนเวียนตรงนี้อีกครั้ง คิมหันต์อาจยังไม่เห็นผู้มาเยือนซึ่งป้วนเปี้ยนอยู่พักใหญ่ หรืออาจเห็นแต่เลือกจะทำเป็นไม่สนใจ ซึ่งสำหรับกรณีหลังนั้นพอนึกถึงแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาบอกไม่ถูก
ให้ตายเถอะ เขาไม่น่ามาเลย สามภพหมุนตัวไปยืนพิงกำแพง ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกยาวเหยียด ยังไม่บอกตัวเองได้ไม่ชัดเจนด้วยซ้ำว่าจะมาทำอะไรบ้าง อะไรในหัวค่อนข้างสับสนพอดู แต่คิดว่าควรขอโทษสักครั้ง แม้แต่สรัญซึ่งรู้เหตุการณ์เพียงคร่าว ๆ (จากความพยายามเป็นอย่างยิ่งจะรีดเค้นข้อมูลโน่นนี่จากปากเขา)ยังยืนกรานเช่นนั้น แถมยังยุแยงอย่างสนุกสนานให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้
ใช่ว่าเขาไม่รู้ตัวควรทำอะไร แต่บางทีมันก็ขัดใจเป็นบ้า และคงต้องยอมรับว่าประสบการณ์ในการ...จีบ....ผู้ชาย? (เขาจะจีบหรือ?...บ้าน่า....อาจเป็นอะไรสักอย่างคล้าย ๆ อย่างนั้น) เขาแพ้สรัญราบคาบ
ชายหนุ่มเคาะรองเท้าลงกับพื้นเป็นจังหวะ
ตุบ...ตุบ...ตุบ... เบา ๆ ขณะที่มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ตัดสินใจใช้วิธีสื่อสารแบบเดิมอีกครั้ง
‘อยู่ไหน?’ เขาพิมพ์คำเดิมที่เคยใช้ลงไปแล้วกดส่ง ไม่ถึงอึดใจก็มีคำแจ้งเตือนว่ามันถูกอ่านแล้ว
แต่ไม่มีอะไรตอบกลับมาสามภพถอยออกจากกำแพงเล็กน้อยเพื่อให้สามารถมองเห็นตัวบ้านได้ชัดเจนขึ้น ขมวดคิ้วเพ่งมองไปยังชั้นสองในตำแหน่งที่เป็นห้องนอนของคิมหันต์ บานหน้าต่างกระจกเปิดแง้มไว้ และผ้าม่านก็ถูกรวบอยู่ไปอยู่ด้านหนึ่ง แต่เขามองไม่เห็นการเคลื่อนไหวใด ๆ ในนั้นแม้แต่น้อย เกือบจะถอดใจเก็บมือถือเข้ากระเป๋าอยู่แล้วตอนที่เสียงเตือนสั้น ๆ ดังขึ้นพร้อมกับข้อความที่ถูกส่งมาถึง
‘มาทำอะไร’เขาขมวดคิ้ว คิมหันต์เองก็เลือกใช้คำเดิมราวกับอยากประชดเขา หากอ่านย้อนหลังขึ้นไปสักหน่อยจะพบว่าข้อความพวกนั้นเหมือนกันทุกตัวอักษร แต่บางทีอาจเป็นแค่ความบังเอิญก็เป็นได้
‘เห็น?’ ด้วยความนึกสนุก หมั่นไส้ หรืออะไรทำนองนั้น หากคิมหันต์อยากใช้บทสนทนาแบบเดิมอย่างที่เขาเคยไปหาที่โรงเรียน จะเล่นด้วยสักหน่อยก็ได้
‘เห็นทุกอย่างแหละ’ คราวนี้ตอบกลับมาอย่างไว และแน่นอนว่าเหมือนครั้งก่อนทุกประการราวกับกด
copy แล้ว
paste ไม่รู้ควรอารมณ์ไหนดี เพราะสิ่งที่ปรากฏบนใบหน้าชายหนุ่มมีร่องรอยหงุดหงิดด้วยคิ้วซึ่งขมวดแน่นขึ้นอีก ทว่าริมฝีปากกลับวาดเป็นรอยยิ้มกว้าง ตัดสินใจพิมพ์อย่างเดิมอีกหนึ่งประโยคทั้งที่ยังสงสัยว่าพวกเขามัวย้อนอดีตผ่านข้อความแชตอะไรกันอยู่
‘งั้นก็โผล่หัวมา’หลังจากนั้นกลับเงียบไปเลย...เงียบแบบเดียวกับครั้งก่อนที่บทสนทนาจบลงแค่ตรงนั้น
แต่คราวนี้เขาไม่จบ‘คิมหันต์’
‘ไอ้ตี๋เกรียน’
‘น้องครีม’
‘ไอ้ลูกหมา’
‘ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์’
‘ตี่น้อย’เขายิงรัวอะไรก็ตามที่นึกออกขึ้นมาในหัว และอีกฝ่ายก็เห็นชื่อเรียกเหล่านั้นทุกตัวอักษร เป็นเรื่องผิดวิสัยสำหรับคิมหันต์อย่างยิ่งหากเจ้าตัวจะไม่ตอบโต้อะไรสักอย่าง ทว่าในท้ายที่สุด ก่อนจะได้พิมพ์สิ่งอื่นลงไป ไอ้เด็กแสบก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ายังอยู่ดีมีสุขด้วยการขว้างอะไรบางอย่างออกมาจากหน้าต่างด้วยความแรงและเร็วพอจะเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์เพื่อมาเฉี่ยวศีรษะเขาไปนิดเดียวก่อนทิ้งตัวลงบนพื้น
“??”มันเป็นก้อนกระดาษยับย่นซึ่งกลิ้งช้า ๆ แล้วหยุดลงอย่างอ้อยอิ่ง ดูราวกับมีรังสีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาจากก้อนกลม ๆ นั้นว่า
‘หยิบฉันขึ้นมาสิ’และสามภพทำตามคำสั่งลึกลับจากปั้นกระดาษนั่น
เขาหยิบมันขึ้นมา ขนาดวัตถุนั้นกระจ้อยร่อยกำมิดด้วยมือข้างเดียว ห่อยางลบเอาไว้ข้างในเดาว่าเพื่อช่วยถ่วงน้ำหนักให้ขว้างได้ไกลขึ้น สามภพเผลอหัวเราะในลำคอเมื่อพบว่ายางลบก้อนนั้นมีลายมือยึกยือเขียนชื่อเจ้าของไว้ว่า
‘คิม’ ทำเป็นเด็กอนุบาลกลัวเพื่อนกินยางลบไปได้ แต่ที่ดึงความสนใจเขาได้มากกว่านั้นคือลายมือแบบเดียวกันซึ่งปรากฏอยู่บนกระดาษยับย่น
‘ไอ้พี่ภพหมาบ้า จะเจอก็ขอโทษผมก่อน พูดเพราะ ๆ ตะโกนดัง ๆ ตรงนั้นแหละ จนกว่าป้าบ้านตรงข้ามที่เลี้ยงร็อตไวเลอร์จะออกมาดู’ปิดท้ายด้วยรูปวาดหน้าคนเบี้ยวบูดเป็นขีด ๆ กำลังแลบลิ้นใส่อย่างกวนอวัยวะเบื้องต่ำ บ่งบอกว่าคนวาดคงทำคะแนนวิชาศิลปะได้ไม่ดีนัก นึกออกชัดเจนถึงเสียงยียวนของอีกฝ่ายหากพูดประโยคนั้นออกมา
“ไอ้เด็กเวร”ทำไมช่างยั่วโมโห จากตอนแรกตั้งใจจะมาขอโทษจะได้กลายเป็นถล่มบ้านหรือเปล่า
“คิมหันต์!” เขาร้องตะโกนแต่ไร้เสียงตอบรับ บ้านทั้งหลังเงียบราวกับไม่มีคนอยู่ เหลือเพียงไอ้ดุ๊กดิ๊กที่คราวนี้ยกหัวขึ้นมาดูแล้วหาวหวอดใหญ่ เมื่อประเมินแล้วว่าไม่มีเหตุการณ์ใดอันนำไปสู่การได้ลาภปากก็ฟุบลงไปนอนต่ออย่างเกียจคร้าน ปล่อยสามภพยืนงุ่นง่านแต่ยังไม่วายเหลือบตามองบ้านตรงข้ามว่ามีร็อตไวเลอร์อยู่จริงหรือเปล่า
เล่นบ้าอะไร...เย็นไว้สามภพ ชายหนุ่มเตือนตัวเอง สูดลมหายใจเข้าลึก ยุบหนอ...พองหนอ...อย่าถือสาหาความเด็กเกรียนหน้าตี๋หัวทองที่ช่างแหย่อยู่ได้ทุกครั้งที่เจอ เขายังนึกไม่ออกว่าไปป่าวประกาศกับสรัญว่าชอบไอ้เด็กนี่ได้อย่างไร
“คิม!”บ้านเงียบสนิท หลังผ้าม่านที่หน้าต่างชั้นสองยังไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตเช่นเคย แต่เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายดูเขาอยู่จากที่ไหนสักแห่งแน่ ๆ ความรู้สึกเหมือนกำลังโดนจ้องนั้นชัดเจนจนตัวแทบพรุนเลยทีเดียว
“พี่...”
เขาพูดต่อพร้อมกับเหลียวมองด้านหลังอีกครั้ง คราวนี้เห็นเงาดำตะคุ่มอยู่ในรั้วบ้าน อาจเป็นสุนัขร็อตไวเลอร์ของป้าคนที่คิมหันต์อ้างถึง
“พี่ขอโทษ” แม้เป็นระดับความดังซึ่งมากกว่าปกติ แต่ก็ยังห่างไกลจากการตะโกนไปหลายเดซิเบล และรั้วบ้านทั้งสองฝั่งที่หันหน้าเข้าหากันก็เงียบฉี่ทั้งคู่ราวกับเป็นบ้านร้างซึ่งมีหมาเฝ้าบ้านไว้ฝั่งละตัว
“นี่ได้ยินไหม!?” เขาโวย
“พูดแล้วก็ออกมาสิวะอย่าให้หงุดหงิด!”โทรศัพท์เขาส่งเสียงเตือน ไม่ได้ดังมากแต่ถึงกับเผลอสะดุ้ง หยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาดูจึงพบว่าเป็นไลน์จากคิมหันต์
‘พี่อ่านหนังสือไม่ออกหรือ? ลายมือผมออกจะสวย’“สวยตายละ!” เขาเถียงกับหน้าจอมือถือ “ไก่เขี่ยอย่างกับเด็กหัดเขียน”
‘ไหนพูดเพราะ ๆ?’ คู่กรณียังทวงต่อ
‘แล้วไหนยัยป้ามหาภัยบ้านตรงข้าม????’สามภพอ่านแล้วก็ได้แต่ฮึดฮัด ให้ตะโกนจนกว่าป้าบ้านตรงข้ามจะออกมาดู..? คิมหันต์เอาสมองส่วนไหนคิด เดาแล้วคงเป็นส่วนเดียวกับที่สารพันจะสรรหาเรื่องมายั่วโมโหเขาเป็นแน่ ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ บอกกับตัวเองว่าจะยอมให้ครั้งนี้ครั้งเดียว หลังจากนี้ถ้ามีเกรียนกันอีกจะจัดให้
‘หนัก’ เลยทีเดียว
“พี่ขอโทษ!” เขากลั้นใจตะโกนต่อ
“ครับ!”บ้านหลังตรงข้ามยังเงียบ แต่สุนัขขนเกรียนสีดำมันปลาบเริ่มออกมาส่งเสียงเห่าอยู่ริมรั้วแล้วตอนนี้ เออดี..เห่าดัง ๆ เลย เอาให้ได้ยินแม่งทั้งซอยรู้แล้วรู้รอด
“น้องครีม ได้ยินไหมครับ ขอโทษ!” เขายังตะโกนต่อ เหยียบ ๆ ความอายไว้ใต้รองเท้าผ้าใบไปก่อน เริ่มจะหน้าชาหมดความรู้สึกแล้วตอนนี้ อย่าให้จับตัวได้จะเล่นให้หนักเลยไอ้เด็กเวร แทนที่จะหันเข้าหาบ้านคิมหันต์ตอนนี้เบนเข็มมาทางบ้านหลังตรงข้ามพร้อมกับแหกปากต่อ เพ่งกระแสจิตให้ยัยป้ามหาภัยอะไรนั่นรีบปรากฏตัวเสียที
“น้องครีมครับ!! เลิกงอนเป็นเด็กผู้หญิงได้แล้ว!!” เอาสิเด็กเวร ตรงตามเงื่อนไข พูดเพราะจนคลื่นเหียนอยากคายของเก่าทุกพยางค์ แต่ไม่ได้บอกนี่ว่าจะเอาพูดเพราะแบบไหน
“หรือแกล้งงอนนี่เพราะอยากให้ง้อครับสาวน้อย!?”“ไอ้เชี่ย!!!”คุณป้าในตำนานยังไม่ทันเปิดเผยร่าง ก็เป็นไอ้คนยื่นข้อเสนอตัวดีนี่เองที่วิ่งแจ้นออกมาก่อน“ทำไมพี่ปากหมางี้วะแม่ง!” คิมหันต์แง่ง ๆ ขณะที่เดินฟึดฟัดตรงมาทางเขาแต่ยังไม่ยอมเปิดประตูให้ แก้มแดงระเรื่อจากอารมณ์หงุดหงิดซึ่งพุ่งกระฉูดแบบที่หากสรัญมาเห็นคงได้มีต่อยตีแย่งจะจีบพร้อมคำรบเร้าอยากฟัด ๆ อีกนั่นแหละ (แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากไปแย่งกับสรัญหรืออะไรเสียหน่อยใช่ไหม?)
สามภพยื่นมือผ่านซี่ประตูรั้วไปตบเบา ๆ บนหัวสีทองเป็นกระเซิง ดูใกล้ ๆ แล้วจึงได้เห็นว่าหน้าตาดูสะโหลสะเหลเอาการเลยทีเดียว
“เปิดเร็ว” เขาสั่ง
“เป็นใครมาสั่งวะ” คิมหันต์กอดอก สีหน้ากระฟัดกระเฟียดพร้อมกับทวงข้อตกลง “ป้าโหดยังไม่ทันออกมาเลย”
“นั่นสิ ป้าอะไรนั่นยังไม่ออกมา..” ชายหนุ่มยักไหล่ หรี่ตามองไอ้ตัวป่วนที่ไม่เห็นหน้าตั้งเป็นสัปดาห์พร้อมกับกระตุกรอยยิ้มชนะเลิศมุมปาก “หมาน้อยบางตัวก็กระดิกหางมารับซะแล้ว”
เด็กหนุ่มอ้าปากหวอจนน่าขำไปอีกราวสองวินาทีก่อนจะตั้งตัวได้แล้วโวยลั่น “ไอ้พี่ภพ ไอ้เวร!”
อะไรสักอย่างบนใบหน้าอีกฝ่าย บางทีอาจเป็นตาตี่ที่พยายามเบิ่งกว้าง ริมฝีปากบางซึ่งเอ่ยคำสบถแบบไม่เจียมตัว ทำจมูกบานใส่เป็นหมาหอบแดด หรือไม่ก็แก้มใสที่เจือสีชมพูอ่อนระเรื่อทำให้เขาเผลอหัวเราะออกมาน้อย ๆ และติดจะ...เอ็นดู? แม้ตอนที่ออกคำสั่งอีกครั้งเสียงเข้ม “เปิดประตู”
“กลับบ้านไปเลยไป”
“ไม่กลับ”
“งั้นก็ไปน้ำลายฟูมปากที่อื่น!” เจ้าบ้านว่าพลางชี้โบ๊ชี้เบ๊ ส่วนเขายังยืนกรานหนักแน่นเช่นเดิม ไม่ลืมจะยักคิ้วให้รู้ว่าวิธีไล่แบบนั้นทำอะไรเขาไม่ได้
“ไม่ไป”
“ไม่งั้นจะ—“
“เรียกตำรวจ?” เขาช่วยต่อ
“บ้าเรอะ!” คิมหันต์เถียง ถ้อยคำต่อจากนั้นที่ไม่ได้พูดออกไปคือจะโดนตำรวจหมายหัวกันทั้งบ้านตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งก่อน ๆ อยู่แล้ว
“หรือวางยานอนหลับ?”
“....” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วหน้ายุ่ง ก่อนความผิดพลาดครั้งใหญ่จะตามมาเมื่อเสียท่าให้สามภพคว้าข้อมือสองข้างผ่านซี่รั้วเหล็กเอาไว้ได้ “เฮ่ย!ปล่อย!!”
“เปิดประตู”
“ไม่เปิดว้อย!”
“งั้นก็อยู่มันอย่างนี้แหละ”
ยิ่งพูดก็ยิ่งกลายเป็นตะโกนเสียงดัง ยื้อยุดกันอยู่คนละฝั่งประตูรั้วจนข้อมือกระแทกกับซี่เหล็กไปหลายหน คิมหันต์ยิ่งหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นอีกแต่ไม่ได้บ่นอะไรเรื่องเจ็บ มีแต่จะโวยวายให้ปล่อยสลับกับส่งเสียงสบถแทรกบางช่วง สุดท้ายความอดทนก็จบลงด้วยคำตวาดลั่นพร้อมกับเสียงเห่ากรรโชกของสุนัขอารักขาบ้านตรงข้ามซึ่งดังใกล้เข้ามาอย่างน่าใจหาย
“พี่แม่งมาก่อกวนอะไรผมอีกแล้ว!!” “โฮ่ง!โฮ่ง!!โฮ่ง!!!” “แหกปากหนวกหูอะไรกันวันหยุดพักผ่อน!!!”สามเสียงนั้นดังขึ้นแทบจะเรียกว่าพร้อมกันเลยทีเดียวสองหนุ่มที่ทะเลาะเสียงดังลั่นชะงักลงฉับพลัน ด้วยเสียงโวยวายของทั้งสองคนราวกับเป็นคาถาอันเชิญป้าโหดในตำนานให้เผยร่างแท้จริงออกมาในที่สุดหลังจากได้แต่จินตนาการจากบริบท
สตรีวัยราวสี่สิบตอนปลายรูปร่างผอมกำลังทำหน้าถมึงทึงยืนจังก้าอยู่หน้าประตูรั้วที่เปิดออก มือถือสายจูงสุนัขซึ่งคล้องอยู่กับปลอกคอสิ่งมีชีวิตสีดำทะมึน ท่าทางมันพยายามอย่างยิ่งจะกระชากอะไรสักอย่างให้ขาดวิ่นด้วยคมเขี้ยวอันใหญ่ฉ่ำน้ำลายเยิ้มย้อย
“ให้น้องนิลกัดไส้ไหลซะเลยดีไหม!?” ป้าโหดตะโกนเสียงเหี้ยม อารมณ์หงุดหงิดขั้นสุดดูจะส่งถึง
‘น้องนิล’ ของแกที่แทบกระชากสายจูงหลุดมือ และอาจจะเป็นการใส่ร้ายคนแก่ไปสักหน่อย แต่สามภพเห็นว่ามือกร้านจนเส้นเอ็นปูดโปนของเธอก็ดูจะไม่ได้ตั้งใจกุมสายนั้นไว้แน่นนัก ท่าทางมันพร้อมจะหลุดออกมาได้ทุกเมื่อทีเดียว
“โฮ่ง!”“เฮ่ย!”สามภพสะดุ้ง น้ำลายหมา(ของจริง)ที่กระเด็นมาหยดห่างจากรองเท้าผ้าใบไปนิดเดียว ส่วนแหล่งที่มากำลังเห่าเหมือนเห็นเขาเป็นแมวตัวน้อยซึ่งเดินฉุยฉายอยู่บนสันกำแพง ท่าทางประหนึ่งว่าอย่างไรก็ต้องลากลงมาขย้ำให้ได้
“โฮ่ง! โฮ่ง!”“จัดการเลยลูกนิลของแม่!”“โฮ่ง!โฮ่ง!โฮ่ง!โฮ่ง!โฮ่ง!โฮ่ง!”ไอ้หมามืดกระโจนเข้ามาใกล้จนเห็นโหงวเฮ้งชัดเจนแจ่มแจ้งทุกรูขุมขน ปากอ้ากว้างโชว์เขี้ยวขาว สามภพจนมุมอยู่หน้าประตูรั้วบ้านไอ้ตี๋หัวทองที่มาทีไรได้เป็นเรื่องทุกที และตอนนี้เริ่มคิดว่าควรปีนรั้วเข้าไปตั้งแต่แรกก่อนหมาจะออกมาก็จบ(แต่ไม่ทันแล้ว)
“นี่มันบ้าอะไรกันว้อย!”..............................................................
..............................
.
.
.
.
“สมน้ำหน้า!” คิมหันต์ยิ้มหยัน แม้ตัวเองเซไปพิงกำแพงเรียบร้อยแล้วหลังจากกระชากประตูรั้วเปิดออกเป็นช่องพอให้ร่างล่ำ ๆ ของอีกฝ่ายเบียดแทรกเข้ามาได้ด้วยความเร็วเหลือเชื่อก่อนจะรีบดึงรั้วปิด เหงื่อแตกเหมือนเพิ่งไปเข้าซาวน่า ส่วนแขกไม่ได้รับเชิญนั้นถึงกับหน้าซีดเผือดด้วยสภาพไม่ต่างกันนัก หันหลังพิงรั้วซึ่งกั้นระหว่างพวกเขาและไอ้ตัวที่ยังเห่าลั่นซอยอยู่อีกฝั่ง มาดเมิดอะไรหมดเกลี้ยงกันทั้งคู่ ที่แหกปากทะเลาะกันอย่างไร้สาระตั้งนานแทบจะหมดความหมายไปในบัดดล
“ก็ไม่เสือกเปิดตั้งแต่แรก” สามภพบ่นเมื่อสงบสติอารมณ์ได้ ขยับตัวขึ้นมายืนตัวตรงพลางเหลือบมองสุนัขสีดำที่ยังเห่าอยู่อีกยกใหญ่ก่อนจะโดนดึงกลับเข้าบ้านในที่สุดพร้อมกับเจ้าของที่บ่นบ้างโวยบ้างจนลับสายตา “รู้ว่าหมาบ้านนั้นดุแล้วให้ตะโกนแต่แรกทำไมไอ้เด็กเปรตนี่”
คิมหันต์กอดอก หันมาเผชิญหน้า ท่าทางบอกว่าขัดใจเต็มแก่พร้อมกับเอ่ยเสียงเครียด “แล้วมาทำเบื๊อกอะไร เปิดให้เข้ามาก็บุญแล้ว”
ฟังแล้วถึงกับสะอึกนิดหน่อย สามภพมองสำรวจร่างโปร่งตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นข้อมือมีรอยแดงจาง ๆ คงจากที่กระแทกรั้วเมื่อครู่ให้นึกอยากตบหัวตัวเองขึ้นมาทันที ขาวจัดอย่างนั้นเดี๋ยวจะเป็นจ้ำชัดอีกหรือเปล่า สายตาเลื่อนลงไปจับจ้องที่ขาซึ่งโผล่พ้นชายกางเกง รอยช้ำและแผลถลอกเริ่มจางลงแต่ยังเหลือร่องรอยให้พอเดาได้ว่าก่อนนั้นเป็นเยอะขนาดไหน ส่วนแผลใหญ่สุดที่อยู่ใต้ผ้าก๊อซนั้นเขามองไม่เห็น
“..มาดู..” เขาพึมพำ ยังไม่ละสายตาไปจากขาสองข้างของอีกฝ่าย
“ไม่ใช่สวนสัตว์” คิมหันต์สวนทันควัน
“มาคุยเรื่องสัญญาหนึ่งวันจากงานประมูลด้วย”
“..อ้อ” เด็กหนุ่มตีสีหน้ากระจ่างแจ้ง แม้ก่อนนั้นจะเหวอไปนิดหน่อยทำเขาข้องใจว่าลืมไปแล้วหรืออย่างไร? “เอาไงก็ว่ามา”
สามภพข้ามเรื่องนั้นไปก่อน เดินหน้าไล่ประเด็นที่มาโผล่ตรงนี้วันนี้ตามที่พอจะคิดออก “มาขอโทษ”
“หือ?”
“พี่ขอโทษ” ถึงจุดนี้คิมหันต์ถึงกับพูดไม่ออก ลิ้นแข็งขยับไม่ได้ขึ้นมากะทันหัน ได้แต่ทำพยักหน้าเออออห่อหมกแล้วเบนสายตาไปทางอื่นเพื่อเลี่ยงการสบตาคู่สนทนาตรง ๆ และสามภพก็ดูให้ความร่วมมือในส่วนนี้ได้ดีเพราะชายหนุ่มก็พยายามหันไปชมนกชมหมาไม่มองหน้าคนฟังสักนิด
“...ผมหล่อ พ่อพระ ไม่ต้องขอโทษแล้ว!” เด็กหนุ่มบ่นอุบอิบ เอาเท้าตัวเองเขี่ยเท้าหมารักที่เข้ามาทิ้งตัวแหมะใกล้ ๆ ได้ครู่ใหญ่ “พี่ชักเพ้อว่ะ”
สามภพพยักหน้า ไม่ได้เถียงอะไรเพราะอดเห็นด้วยปนขัดใจตัวเองไม่ได้ว่าเริ่มเพ้อเจ้อพิกล เขาสูดลมหายใจลึกแล้วค่อยผ่อนออกเชื่องช้า ทีนี้อาจจะถึงจุดที่ยากสุดก็เป็นได้
“อีกอย่างคืออยากหาคำตอบอะไรให้แน่ใจอีกนิดหน่อย”คิมหันต์ยังก้มหน้าก้มตา ดูท่าจะเสียศูนย์ไม่หายหลังฟังคำขอโทษจริงจัง ไม่ใช่แหกปากเย้ว ๆ ชวนตีแบบตอนอยู่หน้าบ้าน ถามออกมาเสียงเบาหวิวพร้อมกับเอาเท้าเขี่ยไอ้ดุ๊กดิ๊กแรงขึ้นจนหมาอ้วนทนไม่ไหวลุกไปนอนที่อื่น “คำตอบเรื่อง?”
ชายหนุ่มพิศมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าซ้ำอีกครั้ง เด็กผู้ชายรูปร่างโปร่ง หัวทอง หน้าตี๋ ตาตี่ กวนตีน ช่างห่างไกลจากสเป็คผู้หญิงที่เขาเคยคบหาไปหลายขุม ให้จีบนี่มันออกจะ....ทำใจลำบาก...และค่อนข้าง.....อืม....ขัดกับมโนสำนึกส่วนตัวไม่น้อยเลย
“ไอ้ตี๋ มานี่”
“อะไร!?” อีกฝ่ายทำเสียงแข็งเจืออารมณ์ยียวน “แม่งสั่งอีกละ กลับไปสั่งน้ำมูกที่บ้านไป”
เขาถอนใจ น่าจะรู้อยู่แล้วว่าระหว่างพวกเขาสองคน การสั่งไม่เคยใช้ได้ผลกับคิมหันต์มาก่อน หรือหากพูดใหม่คือได้ผลอยู่หรอกแต่เป็นผลในทิศทางตรงกันข้าม เหมือนทำการทดลองเคมีอะไรสักอย่างซึ่งควรจะได้สารสีน้ำเงินใสแต่ไป ๆ มา ๆ หลอดทดลองกลับระเบิดบรึ้มต่อหน้าต่อตานั่นแหละ
“โอเค งั้นไม่ต้องมา วิ่งหนีเลยก็ได้ถึงจะไม่ทันหรอก” สามภพว่าพลางก้าวเท้าเข้าไปหาแทน อาศัยจังหวะที่เดาว่าอีกฝ่ายคงเตรียมตอบโต้ก่อนจะหนีจริง(พิจารณาจากลักษณะนิสัย)ยกแขนขึ้นรวบเอวเด็กหนุ่มแล้วดึงทั้งร่างเข้ามาแนบชิดกับอกตัวเองพร้อมสีหน้าตื่นตะลึงของเจ้าตัว
และครั้งนี้ก็ยังใจเต้นแรงจริง ๆ ด้วย“เป็นบ้าอะไรอีกแล้ววะเฮ่ย!!”ไอ้แสบในอ้อมกอดแหกปากลั่น ดิ้นขลุกขลักประหนึ่งจะโดนจับเชือดไม่ใช่แค่ถูกกอด แรงสะบัดเยอะกว่าครั้งก่อนขนาดนี้เดาว่าแผลคงไม่เจ็บแล้ว มีกระทั่งทุบเข้าที่หลังเขาด้วยซ้ำ มือหนักทีเดียวแต่ไม่ได้หนักเกินจะทนไหว ไม่เจอกันหลายวันแทนที่จะหายจากอาการใจเต้น คราวนี้นอกจากไม่หายแล้วยังเพิ่มความรู้สึกอยากฟัดหนัก ๆ ผสมปนเปเข้ามาด้วยอย่างน่ากลัวว่าหลอดทดลองซึ่งควรได้สารสีน้ำเงินใสของเขาจะระเบิดตูมด้วยฝีมืออาตี๋เกรียนซึ่งเจ้าตัวรู้เรื่องที่ไหนกัน
“คิดถึง”ไม่เชิงหลุดปาก แต่ไม่ใช่สิ่งที่เตรียมมาพูดตั้งแต่ก่อนเจอหน้าแน่นอน“......”
คิมหันต์หยุดดิ้น งงที่สุดติดอันดับต้น ๆ ในชีวิตสิบเจ็ดปีกว่าซึ่งลืมตาตี่ไม่มีเหล่าเต๊งขึ้นมาบนโลกมนุษย์ แน่นหน้าอกคล้ายมีอะไรพยายามจะระเบิดมันออกมา หน้าร้อนวูบวาบจนอยากเอาไปยัดเข้าช่องฟรีซ(แต่ขอถีบไอ้หมาบ้าอารมณ์แปรปรวนออกไปก่อน) ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายสักนิด ขณะที่คนกอดก็ยังรัดร่างโปร่งแนบอกเอาไว้แน่นอยู่อย่างนั้นพลางทำใจกับตัวเองที่ดูการดำเนินโรคจะเข้าสู่ระยะสุดท้ายของวังวนสีม่วง และตอนนี้กำลังอยู่ในอารมณ์กลับไม่ได้ไปไม่ถึงอย่างน่าประหลาด
สามภพเผลอออกแรงมากขึ้นอีกหน่อย เห็นเด็กดื้อหัวทองยืนนิ่งไม่หือไม่อือไม่รู้ช็อคตายไปแล้วหรือยัง แต่เชื่อเถอะว่าเขาช็อคกว่าอีก
จีบก็จีบวะแม่ง!- หมดยกที่ 20 -
=================================
กอดครั้งแรก >> โอเค ชอบ
กอดครั้งที่สอง >> โอเค จีบ
กอดครั้งที่สาม(เมื่อไหร่??) >>???
ลุยเลย!! ลุยเถอะเฮีย ได้โปรด 55555
พบกันตอนหน้า ขอบคุณคนอ่านผู้น่ารักค่าาา ม๊วฟฟฟฟฟ

อนึ่ง เรื่อง รัก..ติดดิน (สะดุดรักฯ) มีอัพตอนพิเศษเนื่องในวันเกิดแม่ไก่ปิ่นหยกค่ะ (8 ก.พ.) เผื่อไม่เห็น อ่านได้ที่นี่เน้อ >>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33427.msg2287848#msg2287848ของแถมรีพลายถัดไปเช่นเคยค่ะ ^o^