● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 17 – ความรักทำให้คน...วิตกจริต
กอดเอาไว้ตั้งนาน แทนที่เวลาผ่านไปจะสงบลงได้บ้างกลับกลายเป็นยิ่งโอบแน่นยิ่งมันเขี้ยว อยากรัดให้กระดูกลั่นพร้อมกับอาการใจหวิว ๆ ซึ่งจู่โจมหนักขึ้นอีก กว่าจะรู้ตัวว่าใช้เวลามากไปแล้วและยอมปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระก็ตอนคิมหันต์แหกปากลั่นสู้กับแผ่นอกเขาอย่างไม่กลัวคนอื่นมาได้ยินนั่นเอง
“ปล่อยเว้ย! แม่งรัดอย่างกับจะปล้ำ!!”ชายหนุ่มชะงักไป พิจารณาสักหน่อยท่าทางก็เกือบใช่ตามคำกล่าวหาจริง
“พี่คิดอะไรกับผมเปล่าวะ!?”“!!?”เท่านั้นเองเขาก็เผลอผลักเด็กหนุ่มลอยหวือ แรงปะทะคงไม่ใช่น้อยเพราะเจ้าตัวเซถลากระแทกผนังร่วงลงไปร้องโอยอยู่กับพื้น ร้อนต้องตามไปช่วยพยุงพร้อมฟังคำสบถ
“เชี่ย!” กลับมาอีก
“เป็นอะไรไหม?”
คิมหันต์ลุกขึ้นทุลักทุเลพลางปัดฝุ่นออกจากกางเกง ผ้าก๊อซสีขาวซึ่งพันอยู่ที่เข่าเริ่มมีเลือดซึมออกมาน้อย ๆ เป็นดวง ขึ้นมายืนบนขาตัวเองได้ก็ยังหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกครู่ใหญ่กว่าจะยอมเงยหน้ามองเขา และไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่านอกจากอีกฝ่ายจะทำหน้ายุ่งหัวคิ้วแทบชนกันแล้วยังคล้ายมองเห็นหยดน้ำคลอหน่วยอยู่ในตาด้วย
“คิม—”
“พี่แหละเป็นอะไรมากไหม?” เด็กหนุ่มโพล่งออกมาต่อหน้า ขยี้ตาแล้วสะบัดมือเขาออก ข้อสงสัยของเขาจึงได้แต่สงสัยต่อไปอย่างนั้นเพราะหลักฐานที่ดวงตาไม่เหลือแล้ว หลุดจากที่เขาพยุงไว้ได้ก็เดินหนีไปอีกทาง ปากยังบ่นต่องึมงำน้ำเสียงขุ่นเคือง “เดี๋ยวกอดเดี๋ยวผลัก บ้าไปแล้ว เห็นเป็นหมารึไง”
“พี่ไปส่งบ้าน”
“กลับเองได้”
“คิม!” สามภพเดินไปคว้าข้อศอกเจ้าตัวขึ้นมารั้งไว้ “อย่าดื้อ เดี้ยงอย่างนั้นจะกลับยังไง”
“ถ้าผมจะคิดในแง่ดีไปหน่อยว่าพี่กำลังรู้สึกผิดเลยมาทำเป็นใส่ใจ” ไอ้ตัวยุ่งหันมาทำตาแดงใส่ และเขาเชื่อว่าความคิดตอนแรกนั้นถูกแล้วเพราะนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของเด็กหนุ่มเริ่มมีน้ำใสเอ่อคลออีกครั้งขณะที่พูดต่อเกือบจะราบเรียบดี เว้นแต่ที่เขาจับเสียงสั่น ๆ ได้ตรงท้ายประโยค “บอกเลยว่าไม่ต้องหรอก”
“คิมหันต์”
อีกฝ่ายแค่นหัวเราะ “เพราะผมไม่ถือคนบ้าว่ะ!”
“ไอ้เด็กเ—”
“พี่หมอ!” คิมหันต์ตะโกนแทรก
แต่ไม่ได้พูดกับเขาสามภพหันไปมองตามทิศทางที่อีกฝ่ายเพิ่งส่งเสียงเรียก ผู้ชายสวมแว่นกรอบเหลี่ยมในเสื้อกาวน์ยืนเลิกคิ้วอยู่ตรงนั้น พร้อมกับที่เด็กหนุ่มเริ่มพูดต่อและพยายามดึงตัวเองออกจากมือเขาไปด้วย “พี่จะกลับแล้วใช่ปะครับ”
คนที่ถูกเรียกว่า
'พี่หมอ' พยักหน้า “เธอ...เพื่อนเด็ก ๆ ที่ร้าน?”
“ใช่ ๆ ผมคิม เพื่อนไอ้ปิ่น ติดรถไปด้วยได้ไหมพี่ ขอลงร้านเค้กด้วยคน”
ธาราขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้แสดงอาการปฏิเสธเพราะคงคุ้นหน้าคุ้นตาเขาพอสมควร ซึ่งคิมหันต์ถือว่านั่นคือตกลง หมอหนุ่มผู้อาศัยอยู่หอพักเดียวกับปิ่นหยกเพื่อนเขาเดินนำออกไปยังลานจอดรถซึ่งอยู่ไม่ไกล ชะลอฝีเท้าลงเมื่อเห็นว่าเขาเดินกะเผลกอยู่ แต่ก็ไม่ได้หันกลับมาให้ความสนใจเช่นกัน
คิมหันต์ยกมือขึ้นขยี้ตาอีกรอบแล้วเลยขึ้นไปเสยผม เยินหมดแล้ววันนี้ ก้มหน้าก้มตาเดินตามชายหนุ่มสวมแว่นออกไปและคราวนี้เขาไม่ได้ยินฝีเท้าใครอยู่ข้างหลังอีก ..ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดี
แผลใหญ่เย็บไว้เรียบร้อยแต่รอยถลอกปอกเปิกอย่างอื่นยังมีอยู่เต็มขา แถมบางส่วนที่เป็นรอยฟกช้ำก็เพิ่งเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่ง เด็กหนุ่มยังคิดไม่ตกว่ากลับไปบ้านจะบอกวัสสานะผู้เป็นพี่สาวว่าอย่างไร
แต่เรื่องนั้นไว้ค่อยคิด ถึงร้านเค้กแล้วว่ากันต่อทีหลัง ปิ่นหยกคงอยู่ที่งานโรงเรียนซึ่งกว่าจะเลิกก็มืด ส่วนมอเตอร์ไซค์เขายังจอดทิ้งไว้ลานจอดของโรงเรียนเหมือนกัน แต่ตอนนี้ไปไหนก่อนก็ได้ที่ห่างจากมนุษย์อารมณ์แปรปรวนนี่สักหน่อย อยู่ด้วยมาก ๆ แล้วเขาชักรู้สึกใกล้เสียสติเต็มทน มาร้ายอย่างเดียวก็พอรับมือได้อยู่หรอก จะได้ไม่ต้องออมมือหรือรู้สึกผิดอะไร หากต้องเจ็บตัวก็เกลียดกลับให้เต็มที่ แต่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเป็นลมโชยบ้างพายุบ้างมันน่าขัดใจเป็นบ้า!
“....ไอ้หมาบ้า! แม่งงงง”เด็กหนุ่มขบฟันแน่น เจ็บใจแต่ไม่รู้ด้วยเหตุอะไร รู้แต่โคตรอึดอัด เดินตามหลังธาราต้อย ๆ จนถึงตัวรถ เจ็บตัวมันก็ใช่ แต่ความอัดอั้นซึ่งไม่น่าแค่จากเรื่องบาดแผลพวกนี้มาจากไหนก็ยังน่าสงสัย สุดท้ายก็ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตา รอให้อีกฝ่ายปลดล็อคแล้วมุดเข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ
“เอ้า!” หมอหนุ่มเหลือบมองมาทางเขาเพียงแวบเดียว ส่งกระดาษทิชชูให้โดยไม่ถามไถ่อย่างอื่นก่อนจะออกรถ
คิมหันต์รับไว้ กล่าวคำขอบคุณพร้อมกับค้อมศีรษะน้อย ๆ
อุตส่าห์จะไม่ร้องแล้วเชียว..............................................
..............................
.
.
.
.
.
จากที่คิดว่ากลับมาจะได้นอนหลับเต็มตา กลายเป็นนอนไม่หลับเลยทีนี้
สามภพพลิกตัวซ้ายขวาอยู่บนเตียง เดี๋ยวก็ร้อนเกินต้องไปลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ เดี๋ยวก็หนาวไปจนต้องปรับมันกลับมาเป็นอย่างเดิม ห่ม ๆ ถีบ ๆ ผ้าห่มอยู่อย่างนั้นยังไม่เห็นช่วยให้อะไรดีขึ้น งุ่นง่านเหลือบดูนาฬิกาบนหน้าปัดเรืองแสงหัวเตียงแล้วก็ต้องขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
ตีสามเข้าไปแล้ว รุ่งขึ้นเป็นวันหยุดก็จริงแต่ใช่จะว่างเสียทีเดียว ยังมีหนังสือต้องอ่าน มีงานต้องทำส่ง ส่วนวันอาทิตย์ก็มีนัดกินข้าวกับที่บ้านอีก มัวแต่นอนตาค้างเหมือนคนแก่ช่างเป็นการปล่อยเวลาทิ้งเปล่าอย่างไร้ประโยชน์ โดยเฉพาะเมื่อเป็นเวลาอันควรพักผ่อน แต่สมองกลับมัวแต่คิดฟุ้งซ่านไม่ยอมหลับยอมนอนเช่นนี้ด้วยแล้วยิ่งทวีความน่าหงุดหงิด
“เฮ่ออออออออ....”ชายหนุ่มระบายลมหายใจยาว เตะผ้าห่มหล่นจากเตียง ก่อนหมอนข้างจะกลิ้งตามลงไปกองที่พื้นเป็นเพื่อน หมดอะไรอย่างอื่นให้โยนทิ้งนอกจากหมอนซึ่งคิดว่ายังอยากใช้อยู่เลยเก็บไว้ก่อน เอื้อมมือควานหาสวิตช์ไฟหัวเตียงเงอะงะแล้วเคาะมันเบา ๆ ให้แสงสว่างสีส้มอ่อนเปล่งขึ้นมาเหนือศีรษะ หยีตาอยู่ครู่หนึ่งจนเริ่มชินจึงลุกขึ้นนั่งมองรอบตัวอย่างไร้จุดหมาย
...มองรอบตัวอย่างไร้จุดหมายนั่นฟังดูเพ้อเจ้อมากเลย
เขาขยับตัวเอนหลังพิงหัวเตียงโดยใช้หมอนหนุนไว้ นิ้วยาวพรมลงกับโต๊ะข้างเตียง เป็นจังหวะ ซึ่งฟังดี ๆ ก็รัวพอกับเสียงเต้นของหัวใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเย็นเลยทีเดียว
ไปใจสั่นกับเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่มันอะไร!? แถมยังเป็นเด็กผู้ชาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเด็กผู้ชายที่กวนประสาทขั้นสุดเสียอีก ยิ่งตอนเห็นเด็กนั่นน้ำตาคลอก็ราวกับแรงโน้มถ่วงโลกเพิ่มขึ้นกว่าเดิมสักสิบเท่า ดึงหัวใจเขาร่วงดิ่งลงเหวไปวูบใหญ่ ถ้าไม่ติดว่าโดนกวนประสาทกลับมาอาจจะเผลอกอดอีกรอบไปแล้วก็ได้
บ้าให้พอ ทั้งเลือดทั้งน้ำตาไอ้ตี๋เกรียนพากันเฮละโลเข้าถล่มเขา ขณะที่สัญญาณอันตรายในหัวร้องเตือนเหมือนไฟแดงซึ่งหมุนวิบวับพร้อมกับกรีดเสียงแสบหูอยู่หน้าเขตไม่ปลอดภัย
“เบี่ยงเบนทางเพศ?”สามภพพึมพำตั้งคำถามกับตัวเอง แหงนหน้าเอนศีรษะไปด้านหลัง เขายังจดจำความรู้สึกในกอดนั้นได้ดีในทุกสัมผัส แม้เรียกกอดอาจเป็นการใช้คำผิดจากความจริงไปไกลโข ในเมื่อมีแต่เขาคนเดียวโอบรัดไอ้เปี๊ยกซึ่งดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนไว้เสียแน่น
...และมันไม่ได้รู้สึกแย่..ชายหนุ่มขยับตัวยืดหลังขึ้น ออกอาการระแวดระวังราวกับกลัวว่าจะมีใครมาล่วงรู้ความคิดในหัว
ความจริงแล้วรู้สึกดีเลยต่างหากสามภพกุมขมับ บรรลัยแล้ว สรัญเกย์หนุ่มผิวแทนแพร่เชื้ออะไรใส่เขาระหว่างที่เป็นพาร์ทเนอร์แลบกันมาทั้งปีหรือเปล่า
ก่อนหน้านี้ใช่ว่าไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิง จะกอดหรือจูบก็ผ่านมาหมดแล้ว แม้ห่างเหินมานานพอดูเพราะเข็ดกับความเรื่องเยอะของแฟนคนล่าสุดที่เลิกรากันไป หลังจากนั้นก็มีคนอื่นผ่านและพยายามเข้ามาในชีวิต(ถึงขั้นก้าวก่ายบางที)แต่ไม่ได้คบใครอีก
แล้วแบบนี้เรียกเบี่ยงเบนหรือเปล่า!?
หรือเป็นไบ?ไม่สิ...! ถ้าพูดอย่างนั้นเท่ากับเขายอมรับว่าคิดอะไรกันคิมหันต์จริง และมองมุมไหนก็ไม่ใช่เรื่องดีเลย
“นอน!” สามภพตะโกนบอกตัวเอง โชคดีที่อยู่เพียงลำพังไม่เช่นนั้นคงถูกว่าเป็นคนบ้า ก้มลงควานหาผ้าห่มซึ่งกองอยู่บนพื้นแล้วหยิบกลับขึ้นมา เอื้อมมือไปปิดไฟหักดิบทางความคิดก่อนจะล้มตัวลงสงบสติอารมณ์ คว้าโทรศัพท์มือถือตั้งใจจะเลื่อนเวลาปลุกตอนรุ่งเช้าให้สายกว่าเดิมสักหน่อย
วอลเปเปอร์ลายกราฟฟิกบนหน้าจอเป็นรูปแบบเรียบ ๆ อย่างที่ใช้มานานเพราะไม่มีอะไรอย่างอื่นน่าสนใจพอให้เอามาโชว์ กำลังเลื่อนหาไอคอนนาฬิกาปลุกกลับถูกดักด้วยอัลบัมรูปซึ่งราวกับมีแรงดึงดูดลึกลับให้เขาจ้องมันตาไม่กะพริบ รู้ตัวอีกทีก็เลือกเข้าไปดูแล้วค้างอยู่ที่รูปใครบางคนนอนหลับน้ำลายยืดแก้มแนบโต๊ะหนังสือ แบบเดียวกับที่ไม่รู้ว่าเขาจะรัวถ่ายมาทำไมนับสิบด้วยมุมเดิม ๆ
นิ้วมือเลื่อนไปเรื่อยทีละรูปจนหยุดอยู่ตรงภาพแรกสุดที่เขาได้มาของคิมหันต์ หน้ายิ้มแฉ่งเปิดเหม่ง ถ่ายคู่กับโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวโปรดและยางรัดผมรูปสตรอเบอร์รี่แบบเดียวกันทำเขายักยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว และตอนนิ้วชี้ไปจ่ออยู่ตรงตัวหนังสือ
’Use as Wallpaper’ นั้นก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน
“..เฮ่ย”เอาใหม่ ..แค่เกือบไม่รู้ตัวน่ะ!สามภพชะงักไว้แค่นั้นก่อนจะทำอะไรวู่วามให้ตัวเองดูเพ้อเจ้อไปมากกว่านี้ รีบปิดอัลบัมรูปมิเช่นนั้นคงได้เผลอตั้งอะไรแปลก ๆ แทนวอลเปเปอร์เดิมเข้าจริง ๆ จัดการไปตั้งเวลาปลุกตอนเช้าใหม่ให้ช้ากว่าเดิมอีกสองชั่วโมงครึ่งแล้วเตรียมตัวข่มตานอน
ทว่าแทนที่จะทำได้ตามตั้งใจ สายตากลับไปจับจ้องอยู่ที่ไอคอนเขียว ๆ ของแอพพลิเคชันสำหรับแชตเสียอย่างนั้น ตัวเลขในวงกลมสีแดงบ่งบอกจำนวนข้อความมากมายที่ถูกส่งเข้ามาแล้วไม่ได้เปิดอ่าน ซึ่งปกติเขาก็มักปล่อยพวกมันทิ้งไว้ตามยถากรรม
แต่คราวนี้กลับเลือกจะเข้าไปดูว่ามีอะไรบ้างชายหนุ่มละเลยพวกที่ถูกส่งมาจากคนไม่รู้จักหรืออาจรู้จักแต่จำไม่ได้ว่าใคร ข้อความเหล่านั้นแทบไม่เคยมีอะไรมากไปกว่า
‘ทานข้าวหรือยัง’ ‘เย็นนี้ว่างไหม’ ‘ฝันดีนะคะ’ หรืออะไรเทือกนั้น ไม่ก็ระดมยิงมาเป็นสติกเกอร์เพี้ยน ๆ มากมากก่ายกองอย่างกับจะชวนเล่นทายคำจากภาพ
สามภพไล่ดูชื่อไปเรื่อย ๆ มีจากสรัญมาเยอะทีเดียว ข้อความก่อนนั้นถูกพิมพ์ส่งมานานแล้วแต่เขาเพิ่งได้อ่าน ส่วนล่าสุดเมื่อตอนห้าทุ่มบอกว่าอาจารย์สั่งงานเพิ่มช่วงที่เขาโดด พรุ่งนี้ตอนบ่ายจะแวะมาที่คอนโดเพื่อเอาชีทมาให้เพราะต้องผ่านทางนี้เพื่อไปทำธุระพอดี อยู่รอก่อนอย่าเพิ่งออกไปไหน และปิดท้ายสมกับเป็นสรัญว่าอย่าลืมเรื่องรูปเปลือยของน้องดุ๊กดิ๊ก ขอแบบไฮเรโซลูชัน จะเอาไปปรินท์ใบใหญ่ ๆ แปะผนังห้องนอน
“ไอ้เกย์หื่นกาม” เขาสบถแล้วหันไปสนใจชื่อเจ้าของหมาดุ๊กดิ๊กแทน ข้อความยังค้างอยู่เท่าเดิมเมื่อหลายวันก่อนเมื่อครั้งเขาตามไปหาคิมหันต์ถึงโรงเรียน
เขาคงเริ่มง่วง หรือไม่ก็หลับไปแล้วและกำลังละเมออยู่แน่ ๆ จึงได้เอานิ้วจิ้มพิมพ์บางอย่างลงไปในนั้น
‘หลับยัง?’หลังจากกดส่งไปเพียงไม่นาน ก็มีตัวหนังสือว่า
‘read’ เด้งขึ้นมา น่าแปลกที่แค่ตัวอักษรภาษาอังกฤษสี่ตัวกลับทำหัวใจเปลี่ยนจากจังหวะวอลซ์เนิบนาบกลายเป็นสามช่าตึงตังเอะอะไปได้
สามภพไม่คิดว่าดึกป่านนี้เจ้าของมือถือยังตื่นอยู่อีก(หรือตื่นเพราะเขาทักไป?) ชายหนุ่มนอนรอเผื่อว่าจะมีอะไรส่งกลับมา อาจเป็นข้อความยียวนหรือคำสบถหยาบคายสักอย่าง..
แต่จนแล้วจนรอดโทรศัพท์ในมือเขาก็ยังเงียบสนิทจนหน้าจอดับไปเองหลับแล้ว? อ่านหนังสืออยู่? ลุกไปที่อื่น?
“.....”
หรือว่าจะโกรธ?‘พี่ขอโทษ’ สายตาจับจ้องตัวอักษรซึ่งพิมพ์ไว้แต่ยังไม่ได้กดส่ง อ่านมันซ้ำไปซ้ำมาอยู่เนิ่นนาน ลบทิ้งแล้วพิมพ์ใหม่...จากนั้นก็ลบทิ้งอีกครั้ง งุ่นง่านกับตัวเองอีกครู่หนึ่งแล้วจึงเริ่มพิมพ์คำเดิมอีกรอบ กระนั้นกลับยังไม่กล้าส่งเสียที
อีกนานเท่าไรไม่รู้ที่เขานอนมองมันอยู่อย่างนั้น จนโทรศัพท์ร่วงหลุดมือหล่นลงบนหน้าอก
สุดท้ายก็เผลอหลับโดยที่ไม่ได้กดส่งคำขอโทษนั้นออกไป................................................
..............................
.
.
.
.
“ไอ้ภพ แม่งโทรมมาก” สรัญหัวเราะ ส่งเสียงทักทายพร้อมรอยยิ้มเจิดจ้าอยู่หน้าประตู “เมื่อวานโดดไปทำอะไรมาวะ!?”
“....”
เขายังคาบแปรงสีฟันคาปากอยู่ด้วยซ้ำ ผมเผ้าไม่ได้หวี น้ำยังไม่อาบ ไหนมันบอกจะมาบ่าย แล้วแหกขี้ตามาแต่เช้านี่(ความจริงสิบเอ็ดโมงก็ไม่เรียกเช้า)คืออะไร
สรัญถือวิสาสะเดินอาด ๆ เข้าไปนั่งแหมะกลางโซฟาในห้องโถง วางกระดาษปึกใหญ่ไว้บนโต๊ะกระจกแล้วหยิบรีโมทมากดเปิดโทรทัศน์หาช่องที่ชอบ ๆ ประหนึ่งอยู่บ้านตัวเอง คุ้นเคยกับสภาพห้องดีด้วยเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว
“ชีทวางไว้ตรงนี้นะ การบ้านอยู่แผ่นสุดท้าย”
สามภพส่งเสียงรับในลำคอ ขยับแปรงสีฟันหงึกหงักขณะที่เดินกลับเข้าห้องน้ำ ปล่อยแขกผู้มาเยือนทำตัวตามสบายเลื้อยลงไปเอนหลังนอนแผ่เรียบร้อย บ้วนปากล้างหน้าเสร็จจึงเดินออกมาเตะโซฟาให้สะเทือนเบา ๆ ไปถึงร่างบึกซึ่งทำตัวเหมือนเป็นเจ้าบ้านเข้าไปทุกที
“ไหนบอกมาบ่ายไงวะ?"
“พอดีเสร็จธุระเร็วกว่าที่คิด” อีกฝ่ายว่า หยิบขนมปังสังขยาบนโต๊ะซึ่งเขาจำไม่ได้แล้วว่าซื้อมาตั้งแต่เมื่อไรและหมดอายุแล้วหรือยังเอามาฉีกซองส่งเข้าปากตุ้ย ๆ “เดี๋ยวได้คุยเรื่องงานกลุ่มด้วย ใกล้เที่ยงพอดี ออกไปกินข้าวกันก่อนปะ”
“จะเลี้ยงรึไง?” เขาถามเสียงเรียบ เหลือบมองซองขนมปังและพบว่ามันหมดอายุแล้วแต่ไม่ได้บอกเพื่อนตัวเองซึ่งฟาดไปเกินครึ่งให้เสียอรรถรส หลังประเมินแล้วว่าขนมปังหมดอายุไม่น่าทำอะไรเกย์ล่ำอย่างสรัญได้
“อย่ามาดักคอ" สรัญเริ่มมองหาอย่างอื่นเข้าปาก ท่าทางหิวโหยเต็มแก่ทั้งที่ของในมือก็ยังกินไม่หมด "กำลังหาคนเลี้ยงอยู่เนี่ย”
“ไอ้เวร! ไม่มีตังค์ เพิ่งเสียเงินหมื่น” สามภพส่ายหน้า
“เออ!” ถึงตอนนี้อีกฝ่ายจัดการขนมปังหมดก้อนเรียบร้อย หันมาส่งยิ้มตาเป็นประกายวอบแวบ “แล้วรูปน้องดุ๊กดิ๊กที่บอกจะให้อะ รีบมาเพื่อสิ่งนี้เลยนะเนี่ย”
สามภพหรี่ตามองเพื่อนผิวแทน ประเด็นซึ่งถูกยกขึ้นมาทำเขานึกถึงเหตุการณ์ที่เล่นเอานอนแทบไม่หลับเมื่อคืนขึ้นมาอีกแล้ว ชายหนุ่มรู้ดีว่ามีอะไรสักอย่างผิดปกติเกิดกับตัวเองแน่นอน แต่ยังหวังว่ามันอาจเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วคราว เป็นความหลงผิดซึ่งตอนนี้อาจหายแล้วก็เป็นได้
เขาจะกลายเป็นเกย์จริงหรือ? “เฮ่ยรัญ”
ขอพิสูจน์ให้แน่ใจอีกทีเถอะ“มีอะไร?”
“มากอดหน่อย”“....”
“พูดไม่ได้ยินเหรอวะ!?”
สรัญผุดลุกขึ้นมาเบิกตากว้าง หันไปมองคนถามด้วยสีหน้าเหมือนสามภพเพิ่งสารภาพว่าเขาเป็นเกย์เสียเอง ส่งสายตารังเกียจเดียดฉันท์เต็มเปี่ยมอย่างไม่เจียมว่าตัวเองต่างหากที่เป็น “เชี่ยภพ! บอกไว้ก่อนว่าถึงจะชอบผู้ชายแต่ฉันไม่ฟันพวกร่างถึก”
“ควายนี่!” ชายหนุ่มยกขาขึ้นเตะเบา ๆ ออกอาการรำคาญ “ฉันก็ไม่ได้พิศวาสแกเว้ย!”
“แล้วมาเรียกก่งเรียกกอดอะไร” หนุ่มผิวแทนขยับออกไปเดินห่างในระยะปลอดภัยพร้อมกับบ่นกระปอดกระแปด “ขนลุกฉิบหาย! ถ้าน่าฟัดอย่างน้องดุ๊กดิ๊กจะไม่ว่าสักคำ”
สามภพมุ่นคิ้วหงุดหงิด ไอ้เพื่อนเวรเป็นเกย์อยู่แท้ ๆ มีหน้ามาทำรังเกียจอีก เขาเองไม่ได้อยากกอดผู้ชายสักนิด แค่ยังคาใจไม่หายจนอยากลองดูอีกสักครั้งเท่านั้นเอง
“มึงมานี่” เขาสั่งเสียงโหด เปลี่ยนสรรพนามเพิ่มระดับความจริงจังแล้วเดินไปดักเพื่อนร่างใหญ่ซึ่งตอนนี้มองเขาเหมือนเป็นกิ้งกือที่ไต่อยู่บนหน้าแข้ง “ให้กูกอดแป๊บเดียว”
“ไอ้ภพ มึงบ้าไปแล้ว!" สรัญเห็นเพื่อนเปลี่ยนไปใช้คำแทนตัวสมัยพ่อขุนรามก็เปลี่ยนไปใช้บ้างให้ร่วมสมัยจะได้คุยกันรู้เรื่อง "กูบอกแล้วไงว่ามึงไม่ใช่สเปค นี่ไม่ใช่ว่าอยากรุกกูใช่ไหม!?”
ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา ก่อนสรัญจะตั้งตัวได้สามภพก็พุ่งเข้าใส่ ล็อคแขนทั้งสองข้างโอบอีกฝ่ายซึ่งขนาดร่างกายสูสีกันเอาไว้แน่น มองไกล ๆ เหมือนพวกเขากำลังเล่นมวยปล้ำอย่างไรอย่างนั้น ได้ยินเสียงสรัญถอนหายใจเฮือกใหญ่ พึมพำว่า “อย่ามาหลงเสน่ห์กู สงสารเด็ก ๆ ในสังกัดกูบ้าง” แต่ก็ยังอุตส่าห์ยอมให้กอดจนได้โดยไม่ลืมจะทำหน้าบูดเป็นขนมปังค้างปี
“.....”
กล้ามเนื้อแน่นตึงแบบผู้ชาย
หัวใจเต้นปกติกลิ่นน้ำหอมฉุนกึกจนอยากจาม
ยังคง....ตุบ....ตุบ.....ตุบ....ด้วยจังหวะสม่ำเสมอ“เช็คสมองมั่งนะมึง”
ได้ยินเสียงกระซิบข้างหูก็ยังเฉย ๆ เห็นไหม...ไม่รู้สึกอะไรสักอย่าง!! สามภพถอยออกมาพร้อมกับผลักสรัญซึ่งยืนทำหน้าแขยงเขาออกไปห่าง ๆ ตอนนี้โล่งใจเป็นที่สุดเหมือนยกเทือกเขาแอลป์ออกจากอก (ถ้าเผื่อว่ามันจะเคยตั้งบนอกเขามาก่อน)
“โอเค! มึงหมดประโยชน์ละ” เขาผลักไสไล่ส่ง “กูไปอาบน้ำก่อน”
ว่าแล้วก็เดินผิวปากอารมณ์ดีเข้าห้องน้ำ ปล่อยผู้เป็นเพื่อนยืนก่นด่าสลับกับพึมพำว่าเขาเพี้ยนไปแล้วอยู่ที่เดิม
ชอบผู้ชายบ้าอะไร..ไม่ใช่เสียหน่อย- หมดยกที่ 17 -
===============================
พี่ภพยังมีด้านโก๊ะรั่วซุกซ่อนอยู่อีกเยอะค่ะ เหมือนกับน้องครีมที่มีมุมจริงจัง(อยู่บ้าง)ซ่อนอยู่หลังความกวนประสาทเป็นเด็ก ๆ เช่นกัน 555
หมอไอซ์ออกมาหน่อยนึงด้วย *ตามไปจ่ายค่าตัว* =3=
พบกันตอนหน้า ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักและขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ *กอดฟัดเหมือนเฮียกอดน้อง* >w<

ปล.เบี้ยวของแถมมาสองตอน ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะ ณ รีพลายถัดไป
