● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 13 – สงครามของคนบ้า
อันนามางานนี้ด้วยนั่นให้ความรู้สึกไม่ดีนัก บทสนทนาสั้น ๆ ระหว่างเขาและเธอเมื่อตอนใกล้เที่ยงยังชวนให้ระแวงอยู่จนตอนนี้ คิมหันต์รู้ว่าเธอไม่ใช่พวกชอบโกหกเป็นนิสัย แต่มักใช้วิธีไม่บอกทั้งหมดหรือพูดให้คลุมเครือจนเข้าใจผิดไปเอง ข้อนี้เขาเข้าใจดีอาจเพราะตัวเองก็ชอบทำอยู่เหมือนกัน
‘พี่มาคนเดียวจ้ะ’ เธอชิงพูดตอนเห็นเขาเผลอทำหน้าหวาดระแวงเมื่อพบว่าตัวอันตรายอีกหนึ่งมาเดินป้วนเปี้ยนในงานโรงเรียน ซึ่งก็ดีเพราะกำลังอยากถามอยู่เหมือนกัน
‘เผื่อน้องคิมหวังให้ใครมาด้วย’ อันนาปิดท้ายไว้อย่างนั้น ได้ยินแล้วถึงกับถอนหายใจเฮือกออกมาแม้จะยังรู้สึกงุ่นง่านบอกไม่ถูก เขารู้เธอหมายถึงใคร และคิดว่าดีแล้วที่ไอ้หมาบ้านั่นไม่มา
แต่อย่างหนึ่งที่ไม่ควรลืมก็คืออันนามักบอกความจริงไม่หมดเขาไม่ได้พูดคุยอย่างอื่นกับเธออีก ดูเหมือนหญิงสาวคนงามมีเป้าหมายชัดเจนในการมาครั้งนี้อยู่แล้วเพราะเล่นเกาะปิ่นหยกไม่ปล่อยเลยทีเดียว น่าสงสารไอ้เพื่อนรักที่ท่าทางเดี๋ยวคงโดนว่าที่พี่สามีปั่นหัวเป็นแน่ คิมหันต์นึกขอโทษขอโพยปิ่นหยกในใจที่คงไม่ได้อยู่ช่วยอย่างทุกที ตั้งใจว่าเสร็จธุระของตัวเองเมื่อไรจะรีบมาจัดการทำศพให้...ถ้าเผื่อมันเป็นอะไรไปน่ะนะ
เด็กหนุ่มนั่งเอกเขนกอยู่ในห้องพักหลังเวที จัดปอยผมสีทองซึ่งร่วงลงมาให้เข้าที่อีกนิด ดึงคอเสื้อเชิ้ตให้เรียบร้อยอีกหน่อย ไม่อยากจะหลงตัวเองเลยแต่คิมหันต์คิดว่าวันนี้เขาดูดีกว่าปกติมากทีเดียว ต่อให้ปกติก็ดูดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว(มีอะไรอยากเถียงโปรดเก็บไว้ในใจ) สังเกตได้จากสายตาวาววับของรุ่นน้องสาว ๆ ที่มองตามมา นั่นทำให้เขาได้ใจ นั่งเหยียดขาเพลิดเพลินอยู่กับตัวเอง ฟังเสียงกรี๊ดกร๊าดจากหน้าเวทีเมื่อค่าตัวอาทิตย์ซึ่งคงกำลังยืนทำหน้ามึนอยู่เฉย ๆ กลับพุ่งเอา ๆ เสียจนน่าตกใจ
ชั่วขณะหนึ่งซึ่งเกิดความคิดลังเลขึ้นมาว่าดีแล้วหรือเปล่าที่เขาเห็นแก่ความสนุกและเงินส่วนแบ่งสามสิบเปอร์เซ็นต์ เด็กมัธยมประมูลกันขำ ๆ ในงานโรงเรียนคงไม่ได้ทำเงินมากมายขนาดเอาไปใช้อะไรได้มากนัก เว้นแต่จะเป็นคนนอกซึ่งอาจมีพวกกระเป๋าหนักปะปนอยู่สักหน่อย
“คนนอก...” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเอง “ไม่มีอะไรหรอกมั้ง”
ใครประมูลได้ไปก็ยังต้องแจ้งชื่อนามสกุล แสดงบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ คงไม่มีปัญหาเป็นเรื่องร้ายแรง ต่อให้เป็นคนนอกก็ต้องเป็นคนรู้จักกันอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่บ้ามาเสียเงินกับอะไรอย่างนี้
‘เผื่อน้องคิมหวังให้ใครมาด้วย’อยู่ ๆ ก็เกิดคอแห้งผากขึ้นมาเมื่อถ้อยคำของอันนาผุดขึ้นในหัว คิมหันต์รู้สึกขนลุกแถวท้ายทอย ไม่อยากจะคิดว่านี่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของลางสังหรณ์หรือเปล่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนคนนั้นมาโผล่ที่หน้าเวทีประมูลจริง ๆ
บ้าแล้ว..ไม่ได้สนิทอะไรกันสักหน่อย จะมานั่งเสียเงินแลกกับเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงคงไม่ใช่เรื่อง
แต่ถ้าเพื่อเอาตัวไปแก้แค้นล่ะ?คิมหันต์กัดริมฝีปากล่างตัวเองจนซีดขาว นั่งนิ่งสงบในหมู่เพื่อนซึ่งก็ล้วนง่วนกับธุระของตัวเอง ไม่ได้แสดงความรู้สึกออกทางสีหน้าให้เป็นที่ผิดสังเกตนัก แต่ในหัวตอนนี้เถียงกันยุ่งเหยิงกับความคิดตัวเองซึ่งแบ่งเป็นสองฝักสองฝ่ายไปแล้ว
สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นยืน เขาเป็นคิวถัดจากอาทิตย์ ยังมีเวลาจนกว่าพิธีกรบนเวทีจะประกาศว่ามีใครสักคนได้ตัวคุณชายนั่นไปซึ่งแย่หน่อยที่ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไร เรื่องถอนตัวตอนนี้คงไม่ทันแล้วแต่ใช่ว่าไม่มีวิธีอื่น จะเรียกว่าระแวงเกินกว่าเหตุก็ได้แต่ยังดีกว่าระวังน้อยไป ปล่อยเรื่องเกิดแล้วค่อยมาโวยวายที่ไม่ได้ป้องกันไว้ก่อน
คิมหันต์จ้องเพื่อนร่วมห้องหนุ่มอีกคนซึ่งมีคิวขึ้นเวทีต่อจากเขา จำได้ว่าเป็นหนึ่งในลูกค้าของไอ้เด็กสมบูรณ์ที่เขาเคยเห็น
“เฮ่ย! เอ็ม” เด็กหนุ่มสาวเท้าตรงเข้าไปทักทายเป็นกันเอง ก้มลงกอดคออีกฝ่ายซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วกระซิบกระซาบทำเหมือนเป็นเรื่องลึกลับ “ช่วงนี้มีหนังแผ่นอะไรน่าดูเปล่าวะ”
เอ็มหันมามองเขาแล้วก็ยักคิ้วใส่ “แนวไหนล่ะ”
“อยากได้อะไรที่มัน..ผู้ใหญ่หน่อย” คิมหันต์ยักคิ้วกลับพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก “เอาเด็ด ๆ”
“นั่นแน่..เชี่ยคิม” เอ็มหัวเราะ นัยน์ตาวิบวับเป็นประกายแล้วคล้องคอเขากลับพร้อมกับเอื้อมมือมาตบบ่าป้าบ ๆ “นึกว่าวัน ๆ เสือกแต่เรื่องชาวบ้านจนลืมปัจจัยที่ห้าของชายหนุ่มไปแล้ว”
เขาไม่สนใจคำค่อนขอดนั่นนัก เวลามีไม่มาก “เหมือนมีรุ่นน้องแอบขายปะ? มีเบอร์มันไหม?”
อีกฝ่ายยังไม่หยุดยิ้มกริ่มขณะก้มลงไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองมากดดู “เดี๋ยวหาให้...ไหนวะ....ไอ้สมบูรณ์.......อ้ะนี่!”
คิมหันต์ก้มลงพิมพ์ตัวเลขเหล่านั้นลงโทรศัพท์ตัวเอง หูก็คอยฟังเสียงจากหน้าเวทีไปด้วย ค่าตัวอาทิตย์ขึ้นไปถึงสองพันห้าแล้ว ถ้าตีเอาว่าคนประมูลเป็นเด็กมัธยม ราคาขนาดนั้นไม่น่ามีคนสู้ได้มากนัก นั่นหมายความว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากก่อนจะถึงคิวตัวเอง
“ขอบใจว่ะ” เขาตบไหล่เอ็มเป็นการส่งท้าย ปล่อยมือพร้อมกับดึงตัวเองออกมาจากแขนที่คล้องอยู่เช่นกัน มืออีกข้างกดปุ่มโทรออก ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูแล้วเดินไปตรงที่สงบแถวมุมห้อง ภาวนาให้ไอ้เด็กขายหนังโป๊เจ้าเก่ารีบรับสาย
เขาไม่ต้องรอนานเลย
“ฮัลโหล”
“นั่นสมบูรณ์?”
“ใช่”
“นี่พี่เอง...คิม...และห้ามวางสายหนี มุกสัญญาณไม่ดีก็อย่าแม้แต่จะคิด” เด็กหนุ่มรีบขู่ รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องกะจะทำอยู่แน่นอน ไม่ลืมกำชับเสียงเย็นให้แน่ใจว่าอย่างได้คิดเสี่ยง “ไม่งั้นพี่เล่นแกแน่ แบบจัดหนัก ไม่ใช่
‘นิดเดียว’ เหมือนครั้งก่อน”
เขาได้ยินเสียงลมหายใจติดขัดจากปลายสาย
“พี่จะเอาอะไรกับผมอีกวะ”
“มีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ทำ”
“....”
“และเมื่อกี้ไม่ใช่ประโยคขอร้อง”
เงียบไปอีกครู่หนึ่งจนคิมหันต์คิดว่าอาจมีตุกติกแล้ว แต่หนุ่มน้อยผู้กำลังสาปแช่งอะไรสักอย่างที่ส่งความซวยให้เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยอมปริปากในที่สุด
“ให้ทำอะไร”
“ฟังให้ดี รีบมาที่หอประชุมสี่ ตอนนี้ห้องพี่มีประมูลอยู่ รู้รายละเอียดอยู่แล้วใช่ไหม?”
“....”
“ใช่ไหม?”
“เอ๊อ! รู้! แล้วไงต่อ”
“เดี๋ยวพี่จะขึ้นเวที แกรีบมา จำไอ้หมาบ้าที่เคยฝากเอาจุกยางรถไปให้ได้รึเปล่า คราวนี้อย่าให้ถามซ้ำ”
“จำได้” สมบูรณ์เกือบจะพูดต่อแล้วว่าเพิ่งวิ่งชนคนที่ว่าเมื่อกี้นี้เอง แต่ก็คิดขึ้นมาว่าอย่าไปขัดคอคิมหันต์ดีกว่า “ไงต่อ”
“ถ้าเผื่อ...อันนี้เผื่อเฉย ๆ ถ้าเกิดมันมาประมูลพี่ด้วย ให้แกประมูลแข่ง อย่าให้มันได้”
“จะบ้าเรอะ? ผมมีเงินที่ไหน”
“เดี๋ยวพี่ตามไปจ่ายให้หลังเวที พร้อมค่าแรง บวกช่วยแนะนำลูกค้าด้วย แต่ถ้าเกิดไอ้หน้าโหดนั่นไม่ได้มาประมูลแข่งแกก็ไม่ต้องทำอะไร ง่ายนิดเดียว”
ข้อเสนอคงเรียกว่าใช้ได้ทีเดียว เพราะสมบูรณ์ตอบกลับมาเสียงกระตือรือร้น “ได้ ๆ” ทว่ายังไม่ทันพูดอะไรต่อจากนั้นก็เกิดนึกขึ้นมาได้ว่าให้ไปแข่งกับคุณพี่หน้าโหดนั่นจะเป็นการสร้างศัตรูจนโดนเพ่งเล็งหรือเปล่า “เดี๋ยวนะพี่...เกิดเขาหงุดหงิดฆ่าผมทิ้งหมกป่าอะ”
“แกมาอยู่ชิดหน้าเวทีข้างขวา มียามอยู่ เกาะพี่ยามไว้แน่น ๆ ไม่งั้นก็เลือกเอาว่าจะทนสายตาโหด ๆ ของไอ้นั่นนิดหน่อยหรือรอ
‘จัดหนัก’ หลังพี่เสร็จธุระ”
“....พี่เอาจริงเหรอวะ”
คิมหันต์ถอนหายใจ ข้างนอกได้ยินเสียงพิธีกรโหวกเหวกใส่ไมค์อะไรสักอย่างว่าคนที่มีกิตติศัพท์เรื่องความงกขึ้นชื่อของโรงเรียนเสนอค่าตัวอาทิตย์เป็นเงินสามพันบาท ซึ่งเขาหวังว่าคนที่ว่าจะไม่ใช่ปิ่นหยกเพราะรู้ดีว่าเพื่อนงั่งนั่นมีเงินกับเขาที่ไหน แม้ฟังจากบริบทคงจะใช่จริง ๆ (ไอ้เพื่อนเวรหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว)
“คิดดูดี ๆ ไอ้ตี๋” เด็กหนุ่มกลับมาใส่ใจกับคนในสายต่อ “อันนี้แค่เผื่อไว้ บางทีหมอนั่นอาจไม่มาก็ได้ ทีนี้แกก็ได้ค่าจ้างฟรี ๆ เดี๋ยวพี่หาลูกค้าเพิ่มให้ด้วย”
“...”
“อย่าคิดนาน”
“เอ๊อออ!! ก็ได้วะ!" หนุ่มน้อยสิ้นท่าจนได้ "คือแค่ไม่ให้พี่โหดนั่นประมูลได้ก็พอใช่ไหมล่ะ!?”
“ในที่สุดก็ฉลาดแล้ว”
สมบูรณ์ส่งเสียงฟึดฟัด “เต็มที่เลยใช่ไหม? ราคาเท่าไหร่เท่ากันไม่มีเพดานหรือเปล่า”
คิมหันต์ชะงักไปนิดหน่อย ครุ่นคิดว่าหากเป็นเขาจะยอมทุ่มเงินเท่าไรหากต้องการเอาตัวไปแก้แค้นจริง
“เพดานห้าพัน” เขากรอกเสียงลงไปหนักแน่นหลังจากไตร่ตรองดูแล้ว ยังไงก็ไม่น่าหลุด เพราะมันไร้สาระเกินไปหากจะมาซื้อเวลาของเด็กมัธยมสักคนได้แค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยเงินมากกว่านั้น ทางเขาเองต่อให้เสียอย่างไรก็ยังได้เงินคืนเป็นส่วนแบ่งสำหรับค่าตัวสามสิบเปอร์เซ็นต์อีก ที่เหลือจะถือว่าบริจาคให้กองทุนห้องก็เรียกว่าอาจพอรับได้ แต่อย่างไรก็คาดว่าคงไม่ถึง
“พี่คิดว่าไม่เกินนั้น” เขาพึมพำปิดท้ายก่อนจะวางสาย
“มันไม่ควรเกินนั้น”......................................................
...........................
.
.
.
.
ทันทีที่ขึ้นมายืนอยู่บนเวที สิ่งแรกที่เขามองหาคือไอ้ตี๋น้อยซึ่งควรจะยืนอยู่กับพี่ยามตรงฝั่งขวาด้านหน้าสุด
“....”
สมบูรณ์โบกมือเนือย ๆ ให้เขาขณะที่สบตากันจากระยะไกล บอกให้รู้ว่าไม่ได้เบี้ยว
คิมหันต์ยิ้มมุมปาก ต่อจากนั้นคือพยายามสอดส่ายสายตาไปในฝูงชนตอนพิธีกรพูดแนะนำและยิงคำถามตามบทกับเขา ดูแล้วสามภพคงไม่ได้มาอย่างที่คิดมากไป ไม่เช่นนั้นแล้วเขาควรมองเห็นได้จากจุดนี้ เพราะส่วนสูงและรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายต้องยอมรับว่าไม่ใช่ระดับที่จะมองผ่านกันง่าย ๆ เลย
เขายักไหล่ อารมณ์ดีขึ้นมาทันที ไม่เสียใจสักนิดที่มัวไปต่อรองกับอาตี๋ขายหนังโป๊อยู่ตั้งนาน อย่างไรเสียเตรียมการไว้ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหลาย ไว้ได้เงินค่าตัวกลับไปตั้งใจจะให้ค่าแรงแถมเลี้ยงขนมสมบูรณ์สักทีเป็นขวัญและกำลังใจ เผื่อมีเรียกใช้งานอีกในภายภาคหน้า
“เอาละค่ะ! ทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้ว” พิธีกรสาวคนที่สองซึ่งเพิ่งขึ้นมาสลับตัวเริ่มทำหน้าที่ของเธออีกครั้ง ขอเริ่มตั้งราคาแรกไว้ที่หนึ่งบาทค่ะ!”
หลังจากนั้นก็เหมือนกับคนที่ผ่าน ราคาเริ่มขยับสูงขึ้น สมบูรณ์ยังคงอยู่ดีมีสุขกับพี่ยามที่หน้าขอบเวทีฝั่งขวา ในมือถือกระป๋องน้ำอัดลมซัดโฮกสบายใจเฉิบไปแล้วเมื่อราคาเริ่มไต่หลักพันแต่ก็ยังไม่มีวี่แววของเป้าหมายหน้าโหดว่าจะเข้ามาป่วน นึกกระหยิ่มอยู่ในใจว่าวันนี้คงได้ค่าแรงฟรีเป็นแน่
“หนึ่งพันหกร้อยค่ะ!!” พิธีกรประกาศเสียงตื่นเต้น ส่วนคิมหันต์เริ่มคำนวณเงินที่จะได้แล้วเพราะเดาว่าคงจบที่ราคานี้จากค่าเฉลี่ยของคนที่ผ่านมา (ยกเว้นอาทิตย์ซึ่งเขาได้ยินจากด้านหลังว่าอันนาเป็นผู้ประมูลไปได้ในราคาห้าพันบาท) คนที่เขาคงต้องไปสอนหนังสือ (ในเงื่อนไขอย่างเป็นทางการว่าไว้อย่างนั้นนี่?) เป็นสาวน้อยมัธยมศึกษาปีที่สี่ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะชื่อแยม และเรียนห้องเดียวกับสมบูรณ์
“มีใครให้มากกว่านี้อีกไหมคะ!?” เด็กสาวข้างกายเขายังคงทำเสียงระทึกใส่ไมค์อยู่ได้ตลอดเวลา เสียงจ้อกแจ้กดังมาจากฝูงชนแต่ไม่มีใครเสนอราคามากกว่านั้น
“จะนับหนึ่งถึงสามนะคะ...ถ้าไม่มีก็จะเป็นน้องคนสวยคนนั้นที่ได้ไปนะคะ.....หนึ่ง......”
คิมหันต์ยืนคำนวณส่วนแบ่งจากค่าตัวเขา สามสิบเปอร์เซ็นต์ก็สี่ร้อยแปดสิบบาท ไม่เลวนัก
“....สองงงงงงงง.....”
เหลือบไปเห็นสมบูรณ์ยืนยิ้มกริ่มอยู่ข้างพี่ยาม แถมมีหน้ามาชูนิ้วโป้งใส่เขาอีก เย็นนี้เลี้ยงอะไรมันดี
“ถ้าไม่มีงั้นก็....สา—”
“พันแปด!”สายตาทุกคู่พุ่งไปยังต้นเสียงทันที และทั้งคิมหันต์และสมบูรณ์ก็เผลออุทานออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
“เชี่ย!”“เอาละค่ะคุณผู้ชมที่รัก!!!” พิธีกรออกอาการตื่นเต้นแทบเคี้ยวไมค์เข้าไปทั้งอัน นี่มันเงินเข้ากองทุนห้องทั้งนั้น “ดูเหมือนว่าหนุ่มคิมก็จะฮอตไม่แพ้อาทิตย์ที่เพิ่งจบลงด้วยราคาห้าพันเมื่อครู่นี้เลยค่ะ ยังมีใครให้มากกว่านี้อีกหรือเปล่าค้าาาาา~!?”
สามภพยืนหอบอยู่ท้ายสุดของฝูงชน เขารีบวิ่งมาแทบแย่เพราะสับสนสถานที่ด้วยโรงเรียนนี้มีหอประชุมหลายแห่งกว่าที่คิด ถึงอย่างนั้นก็ยังอุตส่าห์มาทันแบบเฉียดฉิวจนได้ จากตรงนี้ไกลเสียจนมองหน้าคนบนเวทีแทบไม่เห็น แต่ผมทองอย่างนั้น...ท่ายืนแบบนั้น...มาดอย่างนั้น หรือต่อให้กลายเป็นแค่เศษขี้เถ้ากองอยู่เขาก็ยังจำได้ว่าเป็นไอ้เด็กแสบนั่นแน่นอน
ระหว่างที่เสียงฮือฮาตามแรงกระตุ้นจากเด็กสาวซึ่งครองไมค์อยู่บนเวทีดังให้ระงมอยู่รอบตัว ชายหนุ่มเดินฝ่าฝูงชนเข้ามาจนเกือบถึงขอบเวที สำหรับรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมคายแต่ติดจะบูดบึ้ง และสายตาซึ่งคล้ายจะพร้อมหาเรื่องอยู่ตลอดเวลานั้น การมาให้ถึงด้านหน้าผ่านผู้คนมากมายที่ยืนเบียดเสียดกันอยู่ไม่ใช่เรื่องยากหรือต้องใช้เวลามากมายเลย
ชายหนุ่มยืนกอดอก แหงนหน้าสบตาเด็กหนุ่มบนเวทีพร้อมกับแค่นรอยยิ้มเยาะ
"....."
คิมหันต์เชิดคางขึ้นเล็กน้อย ไม่บ่อยนักจะได้มองอีกฝ่ายจากมุมสูงกว่า(ในฐานะคนที่มีส่วนสูงมาตรฐานชายไทยเช่นเขา) เด็กหนุ่มจ้องตากลับไปไม่ยี่หระ เชือดเฉือนกันทางจักษุประสาทอีกครู่ใหญ่ก่อนจะเหลือบไปทางสมบูรณ์ซึ่งเริ่มยืนไม่นิ่งเสียแล้ว
เพราะอย่างนี้เขาถึงได้บอกว่าไม่เสียใจสักนิดที่ระแวงจนต้องไปเตรียมการไว้ล่วงหน้า หลังจากโดนคิมหันต์ส่งรังสีอำมหิตใส่จากบนเวที สมบูรณ์ก็หาลิ้นตัวเองเจอในที่สุดตอนพิธีกรนับสอง
“สองพัน”
“หนุ่มตี๋สุดหล่อข้างหน้าให้สองพันแล้วค่าาาาาา ว้าว...ทีนี้จะยังไงกันดีเอ่ย”
สามภพมองตามเสียงซึ่งดังมาจากแถวขอบเวทีด้านขวา เพื่อจะสบตากับไอ้ตี๋น้อยคนเดิมที่เริ่มเข้าไปยืนเบียดพี่ยามร่างใหญ่ ชายหนุ่มกลอกตา ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับคนที่ทำให้เขาต้องเสียเงินเพิ่มโดยใช่เหตุแล้วชูมือขึ้นกลางอากาศ
“สองพันห้าร้อย” เขาประกาศ
“สอง-พัน-ห้า!” เด็กสาวบนเวทีทำตาโตออกอาการตื่นเต้นเกินจริงแทบกระโดดโลดเต้นอย่างคนซ้อมมาดี “เอาแล้วค่ะ ยังมีใครสู้อีกไหมคะ”
สมบูรณ์กลั้นใจ ชูมือขึ้นครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วเอ่ยเสียงพยายามให้ฟังดูกร้าว “สองพันเจ็ดร้อ—”
“สามพัน!” สามภพสวนกลับตั้งแต่เด็กหนุ่มเด็กหนุ่มยังพูดไม่ทันจบ
สมบูรณ์ดูท่าตอนนี้เริ่มไม่ค่อยสมบูรณ์แล้วโดยเฉพาะสติ เมื่อต้องเผชิญกับสายตาเหมือนอยากจับเขาเหวี่ยงลงบ่อจระเข้สามพรานของชายหนุ่ม เขาขยับเข้าไปใกล้ร่างใหญ่เทอะทะของพี่ยามข้าง ๆ หวังพึ่งพาหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน แต่อย่างไรก็ตาม สัญญาต้องเป็นสัญญา หลักการค้าขายตลอดมาของเขาตั้งไว้อย่างนั้น เด็กหนุ่มกัดลิ้นตัวเองทีหนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นอีกครั้งเพื่อแจ้งราคา
“สามพันห้า!”
สามภพหันขวับไปยังตำแหน่งยืนของเด็กหนุ่มทันที หรือว่าไอ้เด็กนี่ตั้งใจจะหาเรื่องเขา แต่คิดอีกทีอาจเป็นลูกกระจ๊อกของคิมหันต์ที่โดนสั่งมาอีกแล้วก็ได้!?
“สี่พัน!” ชายหนุ่มเผลอตะโกน ทำเอาสมบูรณ์สะดุ้งโหยงเลยทีเดียว
พิธีกรสาวกลั้นหายใจไม่รู้ตัว พอตั้งสติได้ก็ร้องลั่นแทรกเสียงฮือฮาของคนข้างล่าง “โอ้โห! สี่พันแล้ว! ท่าทางจะกลายเป็นสมรภูมิเดือดไม่แพ้หนุ่มอาทิตย์เลยค่ะ! ต่างตรงของคนนั้นมีแต่ผู้หญิง...แต่ของหนุ่มคิมดูจะเนื้อหอมกับหนุ่ม ๆ นะคะ” เธอว่าแล้วหัวเราะลั่นกับมุกสดของตัวเอง ขนาดเอาไมค์ห่างจากปากก็ยังหลุดออกทางลำโพงขนาดใหญ่ เรียกเสียงหวีดจากคนดูบางกลุ่มพร้อมกับสายตาหงุดหงิดเล็ก ๆ ของคิมหันต์ซึ่งส่งกลับมา
“ตอนนี้อยู่ที่สี่พันนะคะ และดูเหมือนจะเหลือคนแข่งกันอยู่แค่สองคนเสียด้วย...โอ้...พิธีกรขนลุกซู่เลยค่ะดูสิคะ! จะมีใครให้มากกว่าสี่พันอีกหรือเปล่า”
ณ จุดนี้สมบูรณ์เริ่มรู้สึกว่าเกินทนกับสายตาโหด ๆ ซึ่งกระแทกจนเขาแทบปลิวของสามภพเต็มที เด็กหนุ่มถอยไปหลบหลังพี่ยามซึ่งที่ผ่านมาเกือบจะไปอิงแอบแนบชิดกันอยู่แล้ว ตัดสินใจปล่อยไพ่ใบสุดท้ายในมือ ที่เหลือจะเป็นอย่างไรก็เรื่องของคิมหันต์เถอะ
เขายกมือ ชะเง้อออกมาจากด้านหลังยามหนุ่ม
“..ห...ห้าพัน”
“ห้าพันค่ะ!!! คุณผู้ช้มมมมมมมม!!!” พิธีกรสาวแทบหวีด ถ้ารู้ว่าจัดประมูลอย่างนี้แล้วได้เงินเข้าห้องตูม ๆ อย่างพ่อสองหนุ่มอาทิตย์กับคิมหันต์นี่คงจัดมันทุกปีไปแล้ว “ดุเดือดเหลือเกิน...มีใครยังสู้ราคาอยู่ไหมคะรีบแสดงตัวด่วน ๆ”
เวรละสิคิมหันต์เริ่มใจคอไม่ดี ห้าพันบาท..นั่นเต็มวงเงินที่เขาออกปากไว้กับสมบูรณ์ ไม่ใช่น้อย ๆ เลย มันไม่ควรมีใครให้มากกว่านี้
ไม่ควรเลยจริง ๆ เว้นแต่คนคนนั้นจะบ้าไปแล้ว
“หนึ่งหมื่นบาท”และสามภพบ้าไปแล้ว- หมดยกที่ 13 -
===========================
พวกซึน ๆ นี่มันน่าจริง ๆ 5555 ไม่สน ๆ เสียตังค์เลยไงล่ะเฮีย (ฮา)
**โซนตอบคอมเม้นต์ที่ถามมานิดนึงค่ะ
-คิมหันต์เรียน ม.6 ค่ะ เป็นเด็กเตรียมเอ็นท์เตรียมแอดเตรียมแกทแพท (เอ่อ..สมัยนี้เขาสอบกันยังไงแล้ว)
-คิมหันต์เลือดกรุ๊ป B พี่ภพ O ค่ะ
- แอบมีคอมเมนต์บอกอยากซื้อผ้ามาเย็บตุ๊กตาแม่ไก่ แงงงง เย็บเลยค่าาา อยากเห็นจังเลย แฮ่ ๆ >w<
- ถ้ารวมเล่ม (หมายถึงเรื่องสะดุดรักฯ เพราะเรื่องนี้ยังไม่มีแพลนค่ะ ฮือ ๆ ) ก็กะว่าจะมีของแถมเป็นพวกรูปพวกนี้ด้วยเหมือนกันค่ะ เอาแบบตั้งใจวาดกว่านี้
-ทำควิซแทนกัน ทำได้ในบางกรณีนะคะ อย่างถ้าเรียนคลาสใหญ่ ๆ ซักสองร้อยคนอย่างที่คนเขียนเคยผ่านมาและเป็นวิชาขำ ๆ (มันมีขำ ๆ ด้วยเหรอ?)ช่วงปีหนึ่ง เคยเจอเพื่อนทำค่ะ แต่ไม่ได้ทำเองเพราะป๊อด 555 มีแบบเช็คชื่อแทนกันบางทีแต่เป็นพวกเพื่อนรักเยอะ เรียกชื่อทีเดียวมีคนยกมือให้จากสองฝั่งแบบไม่ได้นัดกันด้วย(แต่ไม่ใช่เจ้าตัวทั้งคู่ เจ้าของชื่อออกไปร่อนไหนแล้วก็ไม่รู้ ฮาา)
พบกันตอนหน้านะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ *กอดฟัด*

ปล.ของแถมรีพลายถัดไปเช่นเคยยยยย >w<