● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 7 – แมลงสาบที่ยังไม่ปรากฏตัว
แมลงสาบกองพลทหารราบที่หนึ่ง..จู่โจม!“ผมไม่ได้จะปล้ำไอ้เด็กนี่!”
“กรี๊ดดดดดด!!! อย่าเข้ามานะ!!” วัสสานะหวีดเสร็จก็สั่งเสียงแข็ง ดูเหมือนเธอยังสับสนตัวเองว่าควรจะทำตัวเป็นสาวบอบบางรอความช่วยเหลือหรือเล่นบทเจ้ใหญ่สุดโหดดี ซึ่งถ้าจะเลือกอย่างหลังก็ควรปรับปรุงนิดหน่อย เพราะในมือมีเพียงส้อมหนึ่งคันซึ่งคว้ามาโดยไม่ได้คิดจากโต๊ะอาหาร เศษเม็ดข้าวแห้งกรังยังติดอยู่บนนั้นขณะที่เธอกวัดแกว่งมันไปมาประหนึ่งนักดาบควงอาวุธ
“โอเค ผมไม่เข้าไป ความจริงคือกำลังอยากออกจากบ้านนี้ด้วยซ้ำถ้าคุณไม่ว่าอะไร”
“ออกไปในสภาพนั้นน่ะนะ!? ไอ้โรคจิต!!”
สามภพตะครุบผ้าขนหนูบนพื้นขึ้นมาพันรอบเอว นี่มันแทบจะเรียกว่าน่าอายขั้นสุดในชีวิตลูกผู้ชายอกสามศอก แต่ดูเหมือนไม่มีเวลาให้ได้อายนานนัก ชายหนุ่มชูสองมือในท่ามาตรฐานสากลเป็นเชิงยอมแพ้ ศิโรราบต่อส้อมยังไม่ได้ล้างในมือของเธอ ถอยหลังออกมาสองก้าวก่อนหญิงสาวตรงหน้าจะเข้าใจผิดออกทะเลมากไปกว่านี้ เกือบถอยมาถึงร่างของเด็กหนุ่มซึ่งนั่งงงชีวิตอยู่กับพื้นแล้วตอนที่เสียงหวีดโหยหวนดังขึ้นอีกครั้ง
“ออกห่างจากน้องชายฉันด้วย!!”
พี่สาวอีกคนนี่เอง...มิน่าเพี้ยนพอกัน“เอาละ คุณพี่สาวช่วยใจเย็นแล้วฟังก่อน” เขาพยายามเจรจาสงบศึกขณะที่มองหาเสื้อผ้าตัวเองไปด้วย “ผมไม่ได้อยากยุ่งกับไอ้หัวทองนี่เลยสักนิด”
“แล้วนายทำอะไรเขา!” วัสสานะยังไม่เลิกวิตกจริต ถลาไปคว้าแขนน้องชายให้ลุกขึ้นยืนทุลักทุเล อีกมือไม่ยอมทิ้งส้อมแม้รู้ตัวว่าอาวุธดูงี่เง่าพิกลแต่หากเธอจิ้มไปแรงพอก็อาจมีหวังทะลุผนังหน้าท้องใครสักคนได้เหมือนกัน “ครีม...ลุกเร็ว ทำไมหน้าเบลออย่างนี้...อ๊ะ!! นายถอยออกไปห่าง ๆ! เฮ่! ครีม! ลืมตา!”
“ผมลืมอยู่!” คิมหันต์กลอกตา ไอ้เรื่องตาตี่นี่ขอทีเถอะ “และชื่อคิม!”
“อา..ขอโทษ ส่วนนาย!! ถอย!!!”
กรูจะบ้าตายกับพี่น้องคู่นี้“ครับ..ผมถอย และพี่ถามน้องชายตัวเองดีไหมว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนจะโทษผม”
“ถามอะไร?”
“ก็ถามมันว่าขังผมไว้ในห้องน้ำทำไม หรือไม่ก็ถามว่าว่างนักหรือถึงมาเที่ยวปล่อยยางรถคนอื่น” สามภพยืนกอดอกในระยะห่างที่พอเหมาะสำหรับหลบส้อมได้ทันโดยไม่ต้องลงมือทำร้ายผู้หญิง ยักคิ้วให้ไอ้แสบที่คล้ายจะพยายามขยับตัวออกห่างพี่สาวตัวเองด้วยสัญชาติญาณระวังภัยพร้อมกับจ้องมาตาเขียวตอนที่เขาพูดต่อเสียงเย็น “ไม่งั้นก็ถามว่าไปเอายานอนหลับมาจากไหนให้ผมกินก็ได้”
“พี่ไม่ได้กินมันสักหน่อย!” เด็กหนุ่มเถียงทันควัน
“นั่นแหละจุดที่ปัญญานิ่มที่สุด”
วัสสานะหันขวับ “ครีมเอายาเจ้ไปเล่นหรือ?”
บรรลัยแล้ว!“เปล่า!” ไม่ได้เล่น...เอาจริงต่างหาก เขาชี้แจงเพิ่มในใจ
หญิงสาวมองคิมหันต์ทีมองชายหนุ่มแปลกหน้าที หัวคิ้วขมวดมุ่นขณะที่พยายามจับต้นชนปลายเรื่องราวทั้งหมดซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จนักโดยเฉพาะเมื่อมีสิ่งรบกวนเป็นบทสนทนาแปลก ๆ ของพวกเขา “ตกลงนี่เรื่องมันอะไรกัน”
“แบบ..เรื่องเข้าใจผิดอะเจ้” คิมหันต์ตัดสินใจโพล่งขึ้นกลางวงก่อนชายหนุ่มตรงหน้าจะทำตัวปากไม่มีหูรูดมากไปกว่านี้ “ใช่ไหมเฮีย” เด็กหนุ่มส่งสายตาหาแขกที่กำลังกุลีกุจอสวมเสื้อผ้า เพ่งกระแสจิตเข้มข้นสุดชีวิตและหวังว่าอีกฝ่ายจะอ่านออกอย่างที่ผ่านมา
‘ลองตอบว่าไม่ใช่ดูสิ ศึกนี้ไม่จบแน่ จะตอแหลกับตำรวจทำตัวเป็นเจ้าทุกข์ผู้นานสงสารเอาให้โดนหิ้วเข้าตะรางไปเลยไอ้หมาบ้า บอกใช่สิวะ..ใช่...ใช่...ใช่....ช่วยกันทำมาหากินหน่อย’ “ใช่ครับ”
คิมหันต์ถอนหายใจเฮือก
“ไอ้เด็กนี่เอายานอนหลับมาเล่นจริง ๆ”
“เชี่ย!” ยังไม่ทันได้แฉมากไปกว่าที่พูด แมลงสาบกองพลทหารราบที่สองก็เริ่มบุกด้วยเสียงไซเรนรถตำรวจอีกครั้งในเวลาห่างกันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง สามภพได้แต่หวังว่าตำรวจที่มาถึงจะเป็นคนละคนกับที่เขาเจอเมื่อวานนี้ เพื่อพบว่าบางทีอะไรก็ใช่ว่าจะเป็นตามต้องการเสมอไป
ไม่นานนัก ชายในเครื่องแบบก็บุกเข้ามาสามคน หนึ่งในนั้นคุ้นหน้าคุ้นตาดีด้วยเพิ่งแยกกันเพียงไม่นาน
“สวัสดีครับคุณตำรวจ” คิมหันต์เอ่ยทักคนคุ้นเคยพร้อมรอยยิ้มแห้งเหือด และได้รับรอยยิ้มกระตุกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตที่มุมปากกลับมา ซึ่งเขาคิดว่าตัวเองพอเข้าใจความรู้สึก
..บ้านหลังเดิม คู่กรณีคนเดิม..
เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สติแตกไปก่อนดูเป็นเรื่องยากเย็นทีเดียว .
.
.
.
.
“เรียก
’พี่สา’ ก็ได้" หญิงสาวว่าพลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะโดนคุณตำรวจหมายหัวเอาหรือเปล่าเพราะดูเหมือนตำรวจคนหนึ่งในนั้นจะดูหงุดหงิดเสียเหลือเกิน "ตกลงว่าสามภพเป็นน้องชายของเพื่อนยัยสิ?”
“ประมาณนั้น” ชายหนุ่มทำหน้าครุ่นคิด แม้ไม่เรียกว่าถูกเสียทีเดียว แต่ที่เธอเข้าใจก็ถือว่าใกล้เคียงความจริง
“พี่ไม่เคยเห็นหน้า”
“ดูจากที่พี่พยายามฆาตกรรมผมด้วยส้อมก็น่าเชื่ออยู่”
“อา..ขอโทษจ้ะ แต่ไม่ยักรู้ว่าสนิทกับครีมขนาดนี้” หญิงสาวหัวเราะพร้อมกับโคลงศีรษะ “ล้อเล่นกันได้เนียนจริง ๆ”
“เห็นปะล่ะ” คิมหันต์บ่นงุบงิบ(ความจริงคือ
‘ทำเป็น’ บ่นงุบงิบ)หลังจากเก็บกวาดจานชามบนโต๊ะซึ่งทิ้งค้างไว้หนึ่งคืนเสร็จก่อนวัสสานะจะได้มีเวลาสงสัยว่าทำไมเขาไม่ยอมล้างให้เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืน “ใครจะไปเที่ยวปล่อยยางรถคนอื่นมั่วซั่วแล้วขังแขกไว้ในห้องน้ำกัน”
สามภพส่งสายตาที่สื่อความได้ว่า
‘ก็แกไงไอ้เด็กเวร’ และเขาแยกเขี้ยวแง่ง ๆ กลับไปจากข้างหลังพี่สาวเป็นอันรู้กันสองคน
“คุณตำรวจหน้าบูดเลย” เธอเอ่ยขึ้นท่าทางครุ่นคิด “แถมพูดจาอย่างกับเคยมาที่นี่แล้วอย่างนั้นแหละ”
“นั่นสิ...สงสัยทำงานเหนื่อยจนจำบ้านผิด” เด็กหนุ่มหัวเราะเจื่อน
“แต่หูโลหะตรงประตูห้องน้ำมันหลุดได้ยังไงกันนะ”
ทำไมอาเจ้ช่างสงสัยไปหมดอย่างนี้วะ!
“ผมว่ามันเกะกะอะ เจ้ว่างั้นไหม เลยให้พี่ภพช่วยเอาออก....ใช่ปะพี่?”
สามภพไม่ตอบ
เด็กหนุ่มส่งเสียงจิ๊ขัดใจแล้วแต่งเรื่องต่อเอง คิดอีกทีไม่ตอบก็ดีเพราะเดี๋ยวจะมาชักใบให้เรือเสียอีก “ทีนี้พยายามแงะแล้วไม่ได้สักที เลยให้เฮียแกไปอยู่ในห้องน้ำ เอาแม่กุญแจคล้องไว้แล้วใช้แรงควายกระแทกจากข้างใน จากนั้นก็ตู้ม! อย่างที่เห็น หูโลหะไร้ประโยชน์กระเด็นกระดอน ประตูเป็นรอยนิดหน่อยแต่ไม่ได้หลุดจากบาน ฉลาดสุด ๆ ผมว่าผมควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาความคิดสร้างสรรค์” เด็กหนุ่มยืดอกประกอบคำพูดเพื่อความสมจริง
“เพ้อเจ้อ” วัสสานะพึมพำแต่ไม่มีทีท่าติดใจสงสัย “แล้วภพแก้ผ้าทำไม”
สามภพทำเป็นชื่นชมเครื่องเรือน ไม่สบตาสิ่งมีชีวิตใดในบ้าน “พอดีเตรียมจะอาบน้ำ ตอนกระแทกประตูแล้วผ้าขนหนูมัน...”
“หลุด” คิมหันต์ช่วยต่อ ยักไหล่ไม่ยี่หระตอบรับสายตาอาฆาตที่ส่งมา รอดตัวไปอีกหนึ่งเรื่อง ช่วยกันดี ๆ แต่แรกก็จบ ทำเป็นวางมาดอิดออดอยู่นั่นจนจะโดนตำรวจเคี้ยวหัวขาดกันทั้งคู่อยู่แล้วกว่าจะเออออตามกันไปว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด(อีกครั้ง)
“แล้วไอ้ดุ๊กดิ๊กล่ะ ลืมแล้วหรือ?”
“เวรละ!” เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง(กว้างตามมาตรฐานของคิมหันต์ซึ่งอาจหมายถึงความกว้างธรรมดาของตาคนปกติ)กับคำเตือนจากพี่สาว “ตายยังวะเนี่ย!” แย่แล้วลูกพ่อ เขาลืมมันไปแล้วจริง ๆ หลับยาวจนป่านนี้ไอ้หมารักยังไม่ได้กินอะไรอย่างไม่ต้องสงสัย กำลังจะวิ่งออกไปดูสภาพศพเผื่อจะช่วยยืนยันสาเหตุการตายว่าเป็นจากขาดอาหารก็โดนพี่สาวดึงชายเสื้อเอาไว้เสียก่อน
“เจ้ให้อาหารมันแล้ว” วัสสานะถอนหายใจ “ที่จะบอกคือถ้าดูแลมันไม่ดีอย่างที่สัญญาจะเอามันไปให้คนอื่น”
เขาทำท่าจีบปากจีบคอล้อเลียนเธอจากด้านหลัง ไม่ได้เจียมสักนิดว่าเพิ่งจะเกือบเอาตัวไม่รอด ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่หนึ่งในตำรวจซึ่งมาถึงบ้านเป็นคนเดิมกับที่เพิ่งมาเมื่อวานนี้ แล้วยังจำได้อีกเรื่องเขาเป็นคนพูดเองว่าสามภพเป็นเพื่อนพี่สาว ที่สำคัญคือตำรวจคนดังกล่าวดูหงุดหงิดมากทีเดียวเมื่อพบว่าเป็นพวกเขาอีกแล้ว ถึงแม้คราวนี้เขาไม่ได้เป็นคนโทรแจ้งความก็เถอะ จากตอนแรกที่ตั้งใจจะใส่ร้ายชายหนุ่มผู้เป็นต้นเหตุของปัญหา (สามภพเป็นต้นเหตุของปัญหาใช่ไหม?? ใช่สิ! ไม่ใช่เขาสักหน่อย เขาทำไปเพื่อป้องกันตัวทั้งนั้น) ทว่าพอเห็นหน้าถมึงทึงของคุณผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หนุ่ม คิมหันต์ก็ตัดสินใจว่าเขายังอยากมีชีวิตอยู่รอดูไอ้ดุ๊กดิ๊กมีลูกหลานมากกว่าจะหาเรื่องตายด้วยการมีเรื่องกับตำรวจ เรื่องจบลงที่ทุกคนเข้าใจผิด ไชโย! จบสิ้นทีเถอะ วันหยุดเสาร์อาทิตย์ของเขาพังพินาศหมดแล้ว
“เสาร์อาทิตย์ผมล่มจมหมดแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นกลางวงหลังจากสบตาแจกันมุมห้องจนเป็นที่พอใจ..และบ้าเอ๊ย! นั่นมันต้องเป็นคำพูดเขาต่างหาก “ถ้าไงขอตัวกลับก่อน”
“ชิ่ว!” คิมหันต์อวยพร และสามภพเมินใส่ขณะที่อีกฝ่ายทำเสียงเหมือนไล่นก “ชิ่ว ๆ ๆ”
“ภพกลับยังไงหรือ”
“พอดีรถผมซ่อมอยู่ที่อู่อีกซอย เดี๋ยวไปเอารถแล้วคงกลับ”
“เดินไป?”
ชายหนุ่มพยักหน้า หิ้วกระเป๋าตัวเองคล้องไว้บนไหล่ซ้าย
“ไกลอยู่นะ” วัสสานะยกมือขึ้นปราม หันไปหาน้องชายซึ่งดูอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีตั้งแต่อีกฝ่ายบอกว่าจะขอตัวกลับ ทว่าสีหน้าเริงร่านั้นแสนสั้นเพราะมันสิ้นสุดลงเมื่อเธอเอ่ยประโยคถัดไป “ครีมไปส่งพี่เขาสิ”
“ห๊ะ!?”
“เอามอเตอร์ไซค์ไป”
“ทำไมต้องเป็นผมล่ะ”
“แล้วจะให้เจ้ไปหรือไง?”
“ให้มันเดินดิ” คิมหันต์ทำหน้าเหมือนกำลังบอกที่สาวว่าหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง “อู่อยู่แค่ซอยถัดไปเท่านั้นเอง”
“ไม่เป็นไร” สามภพยิ้มมุมปาก “ผมเคยเห็นความแล้งน้ำใจของเด็กที่ไม่เข้าใจคำสั่งสอนของผู้ใหญ่มาเยอะแล้ว”
“.....”
วัสสานะไม่แน่ใจว่านั่นเหมาว่าเธอเข้าไปด้วยหรือเปล่าในฐานะผู้ปกครอง แต่ฟังแล้วเจ็บ ๆ คัน ๆ พิลึก
“โดยเฉพาะพฤติกรรมย่ำแย่อย่างเช่นปล่อยยางรถคนอื่น โกหกเป็นไฟ... แต่น้องครีมไม่เคยทำอย่างนั้นหรอกใช่ไหม?” สามภพกอดอก ทำหน้าเข้าอกเข้าใจแล้วหันไปทางพี่ใหญ่ของบ้าน “ไม่งั้นพี่สาคงโกรธแย่”
“ใช่..ไม่ทำหรอก” เด็กหนุ่มหันไปทำหน้าระรื่นใส่วัสสานะอีกคน ขณะที่ในใจรู้สึกราวกับมีลาวาข้นคลั่กเดือดปุด ๆ กำลังไหลวนในหลอดเลือดทั่วร่าง
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเลวร้ายอย่างจะวางยาแขกหรืออะไรอย่างนี้เลย...”
ยัง...มันยังไม่หยุด“เพราะแบบนั้นเลวเกินกว่าเด็กมอปลายจะกล้าทำ”
คิมหันต์สะอึก...ซึ่งเขาพยายามปั้นให้มันออกมาเหมือนเสียงหัวเราะ ไอ้พี่ภพ ไอ้เวร แม่งหลอกด่ากันซึ่ง ๆ หน้า!
“ถ้ามีใครมาบอกพี่ว่าน้องเป็นแบบนั้นคงรับไม่ได้”
คิดจะเล่นกับเขาเรื่องจิตสำนึกอย่างนั้นหรือ..คิดว่าวิธีแบบนี้จะได้ผลหรืออย่างไร!?
"แถมยัง-"
“เออ!! รอนี่ เดี๋ยวไปเอากุญแจรถ”ก็ได้ผลน่ะสิ!! (โว้ย!).
.
.
.
“ไหนว่าจะให้พี่เดินกลับ”
หมวกกันน็อคถูกขว้างใส่ และดูจากสีหน้าคิมหันต์แล้วเหมือนเจ้าตัวจะผิดหวังที่เขารับไว้ได้พอเหมาะพอเจาะ
“เชี่ย! ปากอย่างงั้นยังมีหน้ามาพูด!”
“จะมีเรื่องกับพี่ยังเร็วไปสิบปีไอ้น้อง”
คิมหันต์ขึ้นไปยืนคร่อมเบาะนั่งแล้วสตาร์ทรถขณะที่ปากก็เถียงคนที่ตามขึ้นมาอย่างรู้งานไปด้วย “ขี้โกงนี่หว่า อย่าให้ถึงหูเจ้ใหญ่สิวะไอ้ขี้ฟ้อง”
“เด็กจริง ๆ”
“ลุงจริง ๆ”
“กวนตีนนะ” เขาผลักศีรษะซึ่งซ่อนอยู่ใต้หมวกกันน็อคเบา ๆ จากด้านหลัง ได้รับเสียงขู่อู้อี้กลับมาตามลมซึ่งพัดเข้าปะทะขณะที่เจ้าตัวบิดแฮนด์มอเตอร์ไซค์
“นั่งดี ๆ เดี๋ยวพาแหกโค้งแม่ง”
สามภพมองร่างเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหน้า ตัวเท่าลูกหมา ไหล่มีอยู่กระตึ๋งเดียว ทว่าคำพูดคำจาแต่ละอย่างชวนให้ตบกะโหลกร้าวจริง ๆ เวลาอยู่กันตามลำพังทั้งร้ายทั้งเกรียน พอเจอหน้าพี่สาวค่อยดูสงบเสงี่ยมสมชื่อครีมอย่างผิดคาด มีจุดอ่อนให้เล่นงานอย่างนี้ชักรู้สึกสนุกจะแกล้งขึ้นมาอย่างไรบอกไม่ถูก เกือบลืมไปแล้วว่าเคยปฏิเสธอันนาเอาไว้ว่าแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแล้วเขาจะไม่ยุ่งกับไอ้เด็กนี่อีก
“คิม ปกติโรงเรียนเลิกสามโมงครึ่งใช่ไหม”
“ทำไม!?”
มีเพียงเสียงหัวเราะ “หึ” ส่งกลับมา และคิมหันต์รู้สึกได้ถึงกองทัพแมลงสาบใต้พื้นบ้านที่โจมตีไม่เลือกเป้าหมายซึ่งยังไม่ได้รับคำสั่งบุก(แต่อาจจะใกล้แล้ว)...ในเชิงอุปมาอุปมัย
บางทีอาจไม่ใช่แค่
‘เกือบ’ ลืมที่บอกว่าจะไม่ยุ่ง
แต่สามภพลืมเรื่องนั้นไปสนิทเลยต่างหาก- หมดยกที่ 7 -
=============================
เบา ๆ นิดนะคะตอนนี้ ถือว่าพักให้น้ำหนุ่ม ๆ //เหนื่อยกันมาหลายตอน 5555
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ ^o^
ขอบคุณมาก ๆ เลยทุกคอมเม้นต์ *กอดดดดด*

อย่าลืมของแถมรีพลายถัดไป >w<