“เมื่อก่อนคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ค่อยว่าง เวลาเหงาก็หาของเล่น หรือไม่ก็เรียนอะไรให้ไม่ว่างเท่านั้น แต่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวที่ไหนหรอก” ดิวพูดขึ้น แล้วถอนหายใจ “บางทีมีเงินแต่ไม่มีเวลาก็แย่เหมือนกันนะ”
“พูดได้น่าหมั่นไส้มาก”
แต่ผมก็ไม่ได้คิดอย่างที่พูดหรอกนะครับ ผมแค่อยากให้บรรยากาศสีเทาที่เป็นอยู่ตอนนี้จางหายไป
“มึงจะอ้างว่าที่พากูมาถึงนี่ เพราะไม่เคยมาใช่ไหม”
“นี่เป็นครั้งแรก” ดิวบอกด้วยรอยยิ้ม
ผมขยับมายืนใกล้กันมากขึ้น ก่อนจะเท้าแขนตรงหัวไหล่ของดิว แล้วมองใบหน้าด้านข้างที่ยังแต้มด้วยรอยยิ้มบาง
“แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“วิเศษที่สุด” ดิวบอก ก่อนจะส่งยิ้มกว้าง เพื่อยืนยันคำตอบ
:: +++++++++++++++ ::
เพราะความร้อนที่แผดเผาและการเดินเที่ยวที่ทำให้ผมสูญเสียพลังงาน ในขณะที่ความเหนื่อยล้าเข้ามาในร่างกาย สายตาของผมก็ปะทะเข้ากับรถขายไอศกรีมที่อยู่ห่างออกไปเพียงเล็กน้อย
“ดิวไปซื้อไอติมกัน” ผมรีบบอก ก่อนจะเดินนำไปยังตำแหน่งที่หมายตาเอาไว้
เนื่องจากเป็นวันของครอบครัว ทำให้มีลูกค้ามากมายมาซื้อไอศกรีมกันอย่างล้นหลาม เมื่อผมไปถึงรถที่บรรจุความเย็นเอาไว้ก็เหลือไอศกรีมแค่เพียงสองแท่งราวกับจงใจ ผมจ่ายเงิน แล้วส่งไอศกรีมอีกแท่งให้ดิวที่ยืนอยู่ข้างกัน
ผมแกะไอศกรีมในมือได้เพียงครู่เดียว ร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่งก็วิ่งมาเกาะรถขายไอศกรีม ก่อนจะปีนขึ้น เพื่อชะโงกดูของหวงานที่แสนเย็นฉ่ำ
“ขอโทษนะหนู ตอนนี้ไอติมหมดแล้ว” ลุงคนขายรีบบอก พร้อมกับเด็กน้อยที่แสดงสีหน้าผิดหวัง
“เอาไว้ไปซื้อที่อื่นนะลูก” แม่ของเด็กคนนั้นพูดปลอบ ก่อนจะจูงลูกของเธอเดินออกไป ทว่าเด็กชายวัยประมาณหกขวบกลับร้องงอแง
“แต่ผมอยากจะกินตอนนี้!”
โอ้! ไอ้เด็กเอาแต่ใจ
ผมมองดูเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าพลางกัดไอศกรีมในมือของตัวเองไปด้วย ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น เมื่อเห็นเด็กชายจอมเอาแต่ใจได้รับไอศกรีมเหมือนกับผมไปอยู่ในมือ ผมหันไปมองตามที่มาของเจ้าของไอศกรีมแท่งนั้น
“เอาของพี่ไปก็ได้ครับ” ดิวบอก แล้วย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกัน
รักเด็กหรือมึง...
“ขอบคุณครับ” เด็กชายตอบพลางยิ้มกว้าง แม่ของเด็กคนนั้นก็แสดงสีหน้าเกรงใจออกมา
“ราคาเท่าไหร่ค่ะ” เธอถาม ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง
“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าผมซื้อให้” ดิวรีบบอก พร้อมกับส่งยิ้มประจำตัวไปให้อย่างเคย
กูเป็นคนซื้อให้ต่างหาก...
ผมมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า ก่อนจะถอนหายใจออกมา เพียงไม่นานคู่แม่ลูกก็เดินจากไป ผมกัดไอศกรีมของตัวเองอีกครั้ง แล้วเดินนำไอ้พ่อพระออกมาจากบริเวณนั้น
“อดเลยมึง” ผมพูดขึ้น ก่อนจะยิ้มออกมา “ใจดีจริงนะ”
“สงสารน้องเขาน่ะ” ดิวบอก แล้วหันมาส่งยิ้มให้ผม “ไม่รู้หรือไงว่าแฟนตัวเองเป็นคนมีน้ำใจ”
“มีน้ำใจแต่ตัวเองเดือดร้อน มันจะดีเหรอ” ผมถามพลางเลิกคิ้วมอง
“ดิวให้ด้วยใจครับ” ดิวพูดขึ้น ก่อนยักคิ้วกลับ “เท่ไหมล่ะ”
ผมเบ้หน้าใส่ พร้อมกับเสียงหัวเราะที่เกิดขึ้น ถึงจะพูดค่อนแคะดิวไปแบบนั้น แต่ผมก็รู้สึกดีที่มันเป็นคนแบบนี้
ผมมองท่าทีของคนไม่ทุกข์ร้อน ก่อนจะตัดสินใจยื่นไอศกรีมที่ถืออยู่ในมือไปตรงหน้าคนที่เดินด้วยกัน ดิวทำหน้าสงสัยกลับมา
“พอดีกูก็มีน้ำใจเหมือนกัน” ผมบอก แล้วอมยิ้มขึ้น “แล้วกูเท่ไหม”
“ไม่เท่...แต่น่ารัก” ดิวพูดขึ้น ก่อนจะจับมือชองผมที่ถือไอศกรีมเอาไว้ แล้วกัดไปหนึ่งคำ
ผมหัวเราะในคอด้วยความเคอะเขิน ก่อนที่เราสองคนจะเดินผลัดกันกินไอศกรีมแท่งเดียวกันด้วยเสียงหัวเราะ
เวลาผ่านไปโดยไม่มีใครคิดสนใจ แต่ทันทีที่ผมมองดูนาฬิกาของตัวเองก็ปรากฏว่าสี่โมงเย็นแล้ว
“เย็นขนาดนี้แล้วเหรอ” ผมเปรยขึ้น อย่างที่คนเคยกล่าวเอาไว้ เวลาที่มีความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ
“อืม...ผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ” ดิวพูดขึ้นบ้างพลางมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง “คนก็เริ่มทยอยกลับกันแล้วด้วย”
“อืม” ผมตอบรับ แล้วมองภาพครอบครัวที่เริ่มเดินทางกลับ ก่อนจะหันไปมองคนที่มาด้วยกันอีกครั้ง “ถ้างั้นเราก็กลับกันได้แล้ว”
“จะรีบกลับไปไหนล่ะ” ดิวบอก ก่อนจะส่งยิ้มมาให้ เมื่อผมแสดงสีหน้าสงสัยออกมา “มาถึงฃลบุรีแล้วก็ต้องไปทะเลด้วยสิ”
:: +++++++++++++++ ::
ทะเล...
ผมมองท้องทะเลเบื้องหน้าที่กว้างสุดขอบฟ้า แล้วผ่อนลมหายใจอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะสูดรับกลิ่นอายความเค็มและสายลมอ่อนที่พัดเข้ามาปะทะกับร่างกาย
หลังจากเดินทางออกมาจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียว พวกเราก็ใช้เวลาอีกเล็กน้อย เพื่อมากินอาหารทะเลกันต่อ แน่นอนว่าดิวเป็นคนเลี้ยงอีกเช่นเคย และเมื่อเต็มอิ่มกับมื้อเย็นแสนอร่อย พวกเราก็มาเดินกินลมชมวิวอยู่ที่จุดจอดรถริมทะเลครับ
ผมเท้าแขนกับแมงกั้นถนน ก่อนจะสูดหายใจลึก ท้องฟ้ายามนี้กำลังถูกย้อมด้วยสีส้มแปลกตา แสงสว่างหนึ่งเดียวของโลกกำลังจมดิ่งลงสู่ทะเลเบื้องหน้า บรรยากาศที่เบาสบาย ทำให้ผมผ่อนคลายอย่างที่สุด
อยากหยุดเวลาไว้...
มันคงเป็นความเห็นแก่ตัวที่มนุษย์คงไม่สามารถทำได้ ผมคงได้แต่เก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่กำลังเลยผ่านและจดจำไว้ในความทรงจำที่แสนพิเศษ
ผมยิ้มออกมาด้วยหัวใจที่พองโต ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะมีช่วงเวลาที่แสนหวานแบบนี้ แถมยังเป็นผู้ชายที่เคยไม่ชอบหน้ากันอีก
“แมลงปอดูลิงนั่นสิ” ดิวหันมาบอก แล้วชี้ทิศทางให้ผมดู โดยไม่ลืมที่จะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปอย่างขะมักเขม้น
เอ่อ…ดิวคงชอบสัตว์มากจริงๆ
ผมมองลิงที่กำลังปีนอยู่ตรงเสาไฟฟ้า เพียงไม่นานมันก็หอบหิ้วลูกของมันขึ้นไปบนยอดเขา โดยมีช่างภาพอย่างไอ้บ้าที่ยืนข้างผมตามติดอย่างสนใจ
“สุดยอด! ไมเคยเห็นแบบนี้มาก่อน” ดิวบอกด้วยความตื่นเต้น
ผมมีแฟนอายุเท่าไหร่วะ...
ผมคิดขึ้นมาอย่างอ่อนใจ ก่อนจะเลิกสนใจดิวที่เอาแต่สนใจลิง แล้วหันไปมองท้องทะเลเบื้องหน้าอีกครั้ง
“พระอาทิตย์จะตกแล้ว” ผมพูดขึ้น พร้อมกับดิวที่หันมามองตาม
ถึงจะเคยนึกเสียดายที่ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันไม่ทัน แต่เวลานี้ผมกำลังได้ดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันแทน
“ดีจังที่ได้มาดูด้วยกันแบบนี้” ดิวพูดขึ้น แล้วกอดคอของผมเอาไว้
ผมหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังส่งยิ้มมาให้ ก่อนที่ผมจะยิ้มกลับด้วยความรู้สึกอิ่มเอมอย่างที่สุด
เราสองคนยืนมองพระอาทิตย์ตกดิน ท่ามกลางสายลมเย็นที่ปะทะเข้ามาเป็นระยะ ท้องฟ้าที่เคยสดใสกลับมืดลงจนกลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม แต่ผมรู้ดีว่าอีกไม่นานมันจะสว่างสดใสเหมือนเดิมอย่างเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
ไม่ต่างจากความรักที่มีให้กัน ถึงแม้มันจะขรุขระไปบ้าง แต่สุดท้ายจะมีหนทางให้เริ่มใหม่เสมอ...
“วิวสวย น่าถ่ายรูปสุดๆ” ดิวพูดขึ้น ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม
“แล้วทำไมไม่ถ่ายล่ะ” ผมถามกลับโดยไม่ได้หันไปมอง
“ถ่ายเยอะแล้ว...ขี้เกียจ” ดิวตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
“แต่มึงไม่ได้ถ่ายรูปกูเลยสักรูป” ผมหันไปบอกเสียงนิ่ง
“รู้ได้ยังไง” ดิวถามกลับ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับริมฝีปากที่ระบายยิ้มออกมา “ถ่ายเป็นสิบภาพแล้วเนี่ย อยากดูไหมล่ะ”
ผมอมยิ้มออกมา เมื่อได้ยินแบบนั้น ก่อนจะยื่นหน้าไปมองรูปแอบถ่ายที่เจ้าของเต็มใจนำเสนอ ภาพของผมหลากหลายอิริยาบถกำลังฉายออกมาเป็นอัลบั้ม
“ทำไมชอบแอบถ่ายจังว่ะ โรคจิตหรือไง” ผมถามขึ้นอย่างสงสัย
“คงงั้นล่ะมั้ง” ดิวตอบกลับ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
ความรักที่เบ่งบานได้ทุกครั้งที่เปิดใจให้กัน...
ความรักของเรา...
แอบมารัก...ก็ไม่บอก fin. Note :::สวัสดีค่ะ ในที่สุดก็มาลงตอนสุดท้ายแล้ว หวังว่าจะไม่นานเกินรอนะคะ
สำหรับตอนนี้ก็เป็นโมเมนต์เล็กๆ ที่คิดว่าหวานกำลังดี พอให้กรุ่มกริ่มหัวใจกัน
ที่จริงแล้วเป็นเนื้อเรื่องต่ออีกเล็หน้อยจากตอนที่แล้ว แต่ตัดมา เพราะมันยาวเกินไป
ส่วนเรื่องราวต่อจากนี้ รวมกึงเรื่องของดิว ของุบงิบไว้เป็นตอนพิเศษในเล่มนะคะ อิอิ
แต่มิ้นคิดว่าตอนจบนี้ก็ลงตัวในระดับนึงแล้วค่ะ คงจะไม่ค้างคากัน แฺฮะๆ
ตั้งแต่วันแรกที่ลงจนถึงตอนนี้ก็ราว 1 ปีพอดี
นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นที่นี่ที่แรก และดำเนินมาถึงจุดนี้ได้ เพราะกำลังใจและคำแนะนำที่มีให้กันเสมอมา
ขอบคุณมากจริงๆค่ะ
ขอบคุณที่ทำให้นักเขียนมือใหม่คนหนึ่งได้มีโอกาสสร้างความฝันเล็กๆ ที่อยากจะแต่งนิยายสักเรื่องเป็นของตัวเองให้ได้
หวังว่าเมื่ออ่านนิยายเรื่องนี้จบจะพบกับรอยยิ้มและความสุขนะคะ
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
ปล. 1 สำหรับผู้อ่านท่านใดสนใจหนังสือ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่หน้าแรกค่ะ
ปล. 2 หลังจากนี้จะลงฉบับรีไรท์ (ถ้ามีเวลา) จนครบนะคะ
ปล. 3 มิ้นกำลังจะเริ่มเรื่องใหม่ ยังไงช่วยติดามกันด้วยนะคะ (โฮษณาล่วงหน้าสุดๆ)