ตอนที่ 11
ท่ามกลางโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ แต่กลับมีคนทานอาหารแค่สองคือผมกับพี่วิน มีลุงพ่อบ้านวู ยืนดูอยู่ไกลๆ ผมตักข้าวใส่ปากไป เก้ๆ กังๆ ก็มันไม่ชินหนิ จะให้ทำยังไงได้ กินข้าวร่วมกับซาตานบ้าพลัง อารมณ์แปรปรวนก็บ่อย ผมนี่ไม่ไหวด้วยหรอกนะ
“ทำหน้าเหม่อเลย นินทาอะไรฉันรึเปล่า!” นั่นไงๆ รู้ไปซะทุกเรื่อง
“ปะ เปล่าครับเปล่า ”
“อ้าว เปล่าก็กินข้าวได้แล้ว เขี่ยข้าวอยู่นั่นแหละ”
ผมทานข้าวไปจนหมดเกลี้ยง ไม่ได้กินจุนะ แต่ผมตักนิดเดียว ก็ข้าวเช้าผมไม่ค่อยกินเยอะอยู่แล้ว
“ เน! ”พี่วินเรียกผมหลังจากดื่มน้ำเสร็จแล้ว
“ครับ”
“วันนี้ว่างไหม”
“อืม…..ผมไม่….”
“อืมโอเค สรุปก็คือว่างนะ ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย พอดีจะไปซื้อของขวัญวันเกิดให้ลูกพี่ลูกน้องฉันหน่ะ”
ลูกพี่ลูกน้อง นี่พี่วินมีญาติอีกอย่างนั้นหรอ ถ้าอย่างนั้นคนที่พี่เค้าพูดถึงก็ต้องเป็นญาติเราด้วยหน่ะสิ
“ว่าไง….. เป็นอะไรไป วันนี้เหม่อหลายครั้งแล้วนะ”
“อ้อ ครับๆ ผมขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”
“อืมๆ ฉันจะรอที่ห้องโถงแล้วกัน”
30 นาทีผ่านไป ผมก็เดินออกมาจากห้องนอนด้วยชุดเรียบๆง่ายๆ เสื้อยืดสีออกเหลืองอ่อนกับเดฟยีนสีดำ
“คุณวินครับ ผมเสร็จแล้วครับ”
อ้าวมองๆ ผมแต่งตัวตลกหรอ หรือว่าเราจะใส่ดูพื้นๆเกินไป ไม่ทันที่ผมจะได้ถามพี่วิน พี่เลียงกับพี่หยวนก็เดินมาพอดี
“น้องเน จะไปไหนหรอ แต่งตัวน่ารักเชียว”
คำทักทายของพี่เลียงก็ไปปลุกต่อมบ้าอำนาจพี่วินเข้าอีกจนได้ ตอนนี้พี่วินจากคนที่กำลังเหม่อมองอยู่กลายเป็นเปลี่ยน
โฟกัสไปทางพี่เลียงกับพี่หยวนซะแล้ว
“ฉันจะพาเนออกไปข้างนอก มีอะไรอีกไหม!!” พี่วินตอบพี่เลียงไปเสียงดัง
“ไม่มีแล้วครับ” พี่หยวนตอบแทนพี่เลียงเพราะดูเหมือนบรรยากาศจะไม่ดี
“ก็ดี! หลีกทางให้ฉันด้วย ป่ะ เน”
ผมมองหน้าพี่เลียง พี่เค้าทำสีหน้าไม่ค่อยดี ผมก็ไม่รู้จะทำไง ได้แต่พยักหน้าไปให้ บอกให้รู้ว่าผมไม่เป็นไร
ระหว่างทางที่นั่งรถไปที่ห้างพี่วินนั่งนิ่งตลอดเวลา ผมเองก็หันไปมองข้างทางอยู่บ่อยๆ จนจู่ๆพี่เค้าก็เป็นฝ่ายพูดก่อน
“ไอ้เน เป็นอะไร รึว่าไม่พอใจที่ฉันพามาด้วย”
“เปล่าหนิครับ”
“แล้วแกทำไมนั่งนิ่งจังวะ หันมาคุยกับฉันบ้างอะไรบ้าง โถ่เอ้ย อยากอยู่กับไอ้เลียงก็ไม่บอก ตาจ้องมองกันจน……..”
“นี่คุณวิน!! กรุณาอย่ามโนเองได้ไหม ผมเต็มใจมารึไม่เต็มใจมามันก็ต้องมา เพราะผมเป็นคนรับใช้ ผมเลือกได้อีกอย่างนั้น
หรอครับ”
“หึ ก็ดี รู้ตัวก็ดีว่าแกมันเลือกชะตาชีวิตไม่ได้ ”
“………”ผมไม่ตอบ แล้วหันกลับไปมองข้างทางเหมือนเดิม
“ไม่เอาหน่าเน ช่วยทำให้ฉันแฮปปี้หน่อยจะได้ไหม”
“ผมทำอย่างที่คุณว่าไม่ได้หรอกครับ ”
“ทำไม ทีกับไอ้เลียงนั่น พร้อมทำให้ทุกอย่าง”
“เอ๊ะคุณวิน ทำไมต้องคอยมองจับผิดผมอยู่เรื่อย ผมไม่เข้าใจ”
“คนอย่างแกไม่เคยเข้าใจอะไรใครเค้าหรอก”
“………..”
นี่พี่วินพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นหรอ ผมเนี่ยนะที่ไม่เคยเข้าใจใครเค้า ผมหรือว่าพี่กันแน่ ผมเหนื่อย เหนื่อยที่ต้องคอยต่อล้อ
ต่อเถียงแล้วนะ
“เน!!”
“……..”
“เน!” เสียงเริ่มดังขึ้น
“………”
“ไอ้เน!” นั่นไง คนเรานะ เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น จะเรียกอะไรผมนักหนา
“ครับ”
“โถ่เว้ย เชี่ย คุยกับมึงนี่ช่วยทำให้กูมีความรู้สึกว่ากูคุยกับคนหน่อยจะได้ไหม ทำเป็นอยู่หน้าเดียวรึไงมึงหนะ”
“ผมเป็นอย่างนี้แหละครับ ดีใจก็หน้านี้ เสียใจก็หน้านี้”
“มึงอย่าเล่นลิ้นกับกูนะเน พ่อกุไม่อยู่บ้าน อีกสองสัปดาห์จะกลับมา อยากตายรึไง”
“ผมเลือกได้ด้วยหรอครับ ชีวิตผมตั้งแต่ได้เข้ามาที่บ้านหลังนี้ ชีวิตก็เปรียบเสมือนวางอยู่บนเส้นด้าย หึน่าสมเพชตัวเองซะ
จริงๆ”
“เน ขอหล่ะ อย่าเล่นลิ้นกับกูจะได้ไหม กูไม่ใช่เทวดาที่จะใจเย็นได้นานเหมือนมึงหรอกนะ”
“ครับ ผมทราบดีว่าคุณเป็นคนยังไง”
“ไอ้เน!”
ผมตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นพี่วินยกมือขึ้นพร้อมกับกำมือแน่น ผมตกใจมากแต่ผมไม่มีอาการแสดงที่ตกใจเลย แปลกจริง
ทั้งๆที่ผมกลัวแท้ๆ ผมหลับตาลงช้าๆ รอผลกรรมซัดเข้าหน้าผม แต่กลับไร้วี่แวว
“โถ่โว้ย ไม่ได้ดังใจกูเลยมึงเนี่ย”
ผมลืมตาขึ้นก็พบว่าพี่เค้าหันหน้าไปมองถนนฝั่งโน้น ผมก็ถอนหายใจหนึ่งทีก่อนจะหันหน้าไปข้างทางอีกฝั่งหนึ่ง แปลกจริง
ทำไมพี่เค้าไม่ตีผมหล่ะ
ผ่านไป 15 นาที ก็ถึงห้างสรรพสินค้าแล้ว
“คุณวินจะซื้ออะไรก่อนดีครับ”
ผมตัดสินใจถามพี่ชายตัวเองไปก่อน พี่วินหันหน้ามามองผมนิดนึงหน้าตายังโกรธไม่หายเลย พร้อมกับเดินนำผมไปอย่าง
รวดเร็ว ผมเดินก้าวแทบไม่ทัน
“คุณวิน รอผมด้วย เดินเร็วแบบนี้ผมเดินตามไม่ทันนะ” ผมตะโกนพูดออกไป แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ยิน
ผมเดินตามพี่วินมาจนถึงจุดเสื้อผ้าชั้นสาม และผมก็ต้องหยุดเดินต่อเพราะไม่รู้ว่าพี่วินไปทางไหนแล้ว
“หายไปไหนแล้ว ผมจะตามพี่ทันได้ไง เฮ้อ”
“อ้าว นึกว่าใคร ที่แท้ก็พ่อหนุ่มเนื้อทอง นี่เอง”
ผมตกใจมาก หันกลับไปมองก็พบว่า พวกพอยซันไอวี่ ยืนจ้องหน้าห่างผมไม่กี่เมตรนี่เอง อะไรกันมาวันนี้เจอถึง 3
คนเลยหรอ หนึ่งคนผมพอจำได้ แต่อีก 2 คนทำไมผมไม่เคยเห็น
“เดล! ” ผมอุทานด้วยความตกใจ
“น่าดีใจจังที่ยังจำฉันได้ นาวา คนยี้แหละที่ชีวินปกป้องสุดชีวิต แล้วก็ พีทจ๊ะ พี่ปีลัน ของเธอก็ปกป้องอยู่ไม่น้อย ฮ่าๆๆ พี่
เองก้ไม่รู้นะว่าพ่อหนุ่มนี่วิเศษอะไรนักหนาถึงขนาดที่ลูกคนใหญ่คนโตทั้งสองคนต้องมาคอยเป็นห่วง ฮ่าๆๆ”
“หึ แกสินะ ไอ้หน้าด้าน แย่งพี่วินไปจากฉัน น่ารักไม่เลวหนิ แต่ไม่แน่นะ ถ้ายังไม่เลิกยุ่งกับพี่วินแล้วหละก็ ใบหน้าที่น่ารักของ
แก จะเละไม่รู้ตัว และฉันจะเป็นคนถลกหนังแกให้จระเข้กินซะ”
ทำไมกัน ผู้ชายที่ชื่อนาวา ทำไมดูโหดร้ายอย่างนี้ ผมว่าท่าจะไม่ดีซะแล้ว เดินหนีไปดีกว่า
“จะไปไหน!” เสียงหนึ่งเสียงที่มาพร้อมกับมือที่ดึงผม ผมไปข้างหลังอย่างแรง จนผมกลั่นทนเจ็บไม่ไหว
“โอ้ย ปล่อยผมเถอะผมเจ็บแล้วครับ ”
“ เอาหล่ะ นาวา พีท พี่ขอตัวแล้วกันนะ จัดกันสมใจแล้วก็โทรเรียกพี่แล้วกันนะจ้ะ บ้ายบาย ขอให้โชคดีนะหนุ่มน้อย ”
“ได้เลยพี่เดล เดี๋ยวผมโทรหา พีท เอาผ้าเช็ดหน้าเรายัดใส่ปากมันไปซะ”
“ไม่นะ ขอร้องหล่ะ ปล่อยผมเถอะ เราไม่มีเรื่องต้องบาดหมางกันนะครับ ฮือๆ”
เอาอีกแล้ว ผมต้องยอมจำนนเพราะน้ำตาตลอด เมื่อไหร่ผมจะหมดกรรมซักทีนะ
“อ่อยอะ อ่อย อ่ออ้องอ่ะ( ปล่อยนะ ปล่อย ขอร้องหล่ะ )”
ท่ามกลางคนจำนวนไม่น้อยในตรงนั้น แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเลย
“มองอะไร ถ้าใครเอาเรื่องนี้ไปแจ้งความนะ ฉันนี่แหละจะทำให้พวกแกไม่มีเงาหัวกันทั้งหมดนี้เลย ไปขายของต่อสิห้ะ มองอยู่
ได้”
นาวาตวาดพนักงานร้านเสื้อไป ทำไมถึงได้เลือดเย็นหน้ากลัวอย่างนี้นะ
“จำไว้นะ พี่วินเป็นของฉันคนเดียว ” นาวาดึงผมผมแรงขึ้นแรงขึ้น ส่วนพีทก็คอยยิ้มเยาะอยู่ด้านหน้าผม
“โอ้ย ฮือๆ”
“และจำใส่สมองขี้ข้าอย่างมึงไว้ด้วยนะว่า พี่ปีลันเป็นของกู จำไว้ ไม่งั้นกูเอามึงตาย”
“หึน่าสมเพช หน้าตาก็น่ารักอยู่หรอกนะ แต่ทำไมถึงได้หน้าด้านหน้าทนอย่างนี้ ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงแก็งค์พวกฉันเลยหรือ
ไง ” นาวาพูดขึ้น ผมฟังแล้วแทบจะหยุดไม่อยู่จริงๆ
“หึ นาวาแกไม่รู้อะไร มันก็แค่อยากลองดีกับเราก็แค่นั้น วันนี้พวกฉันมาทักทายแค่นี้ ถ้ายังไม่เลิกยุ่งหล่ะก็ รอภพชาติต่อไปได้
เลยนะ ไอ้หน้าอ่อน” พีทพูดพร้อมกับดึงผิวออกจากปากผมพร้อมกับโยนใส่หน้าผมอย่างแรง
“ไปเถอะนาวา”
สิ้นเสียงของพีทปุ๊บ นาวาก็ปล่อยผมที่กำไว้ เผยให้เห็นถึงการกระทำที่แรงมาก ผมของผมร่วงลงเป็นกระจุกๆ กองเต็มพื้น
“ฮ่าๆ ดูสิ ผมร่วงเยอะเลย ดีใจด้วยนะกับทรงผม ไฮไลด์ใหม่ อยากได้ก็ไม่บอกแต่ทีแรก วันใหม่มาใช้บริการอีกสิ จะดึงให้
ไม่เหลือแม้แต่เส้นเดียวเลยนะ ฮ่าๆ”นาวาพุดพร้อมกับมองผมอย่างน่าสมเพช
“จุ๊ๆ ไม่เอาหน่า ไม่ร้องนะ แค่นี้มัน ไม่ตาย!!! หรอก” พีทบีบคางผมอย่างแรงก่อนจะเดินออกไป
ทิ้งให้ผมนอนจมน้ำตาอยู่ที่พื้น พี่พนักงานก็วิ่งออกมาดูตามกันติดๆ
“น้องๆ เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม ”
“ฮือๆๆ ”
“แก จะถามน้องเค้าทำไม ก็ดูสภาพน้องตอนนี้ซิ”
“เออ ใช่ ฉันไม่น่าถามเลย”
“เน!! เป็นอะไรไปนั่งอะไรตรงนั้น”
เสียงเสียงนึงดังขึ้นมา ทำไมกันนะผมถึงได้รู้สึกปลอดภัยที่อยู่ใกล้พี่ชายของผมนัก
( พี่ชีวิน )
ผมเดินเข้าไปหาเน แต่ผมกลับต้องตกใจเมื่อเห็นสภาพของเน เส้นผมกองเต็มพื้น ผมที่เหลืออยู่บนหัวก็พะรุงพะรังไปหมด ดูแล้วผมแทบอดตำหนิตัวเองไม่ได้ ผมไม่น่าใช้อารมณ์จนเดินไม่รอเนเลย
“เน!! เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไร เน บอกฉันสิ”
“คุณๆ มาช้าไปนิดเดียวเมื่อกี้น้องคนนี้ถูกลูกหลานเจ้าของห้างทำร้ายเมื่อกี้นี้เอง”
“อะไรนะ นี่ฝีมือ พีทกับนาวาหรอ นี่พวกนั้นยังเป็นคนอยู่รึเปล่า แล้วพวกคุณทำไมไม่เข้าไปห้ามหล่ะ”
“จะกล้าหรอค่ะ คุณนาวา ตะหวาดเสียงดังลั่น พวกหนูไม่กล้าหรอกค่ะ ”
“ พวกคุณนี่ใช้ไม่ได้จริงๆ เอาหล่ะ เน หยุดร้องไห้นะ ฉันขอโทษ มาๆเดี๋ยวฉันช่วยพยุงนะ ”
ผมเห็นสภาพเนแล้ว สงสารมาก คราวนี้แก๊งค์พอยซันไอวี่ก้าวก่ายคนของผมก่อนเองนะ เรื่องนี้ไม่จบแน่
เอโต้เรื่องนี้เราต้องคุยกันให้มันรู้เรื่อง( น้องเน )
ตอนนี้พี่วินพาผมมากินฟูจิ ตอนเที่ยงผมเองยังกลัวไม่หาย เหตุการณ์เมื่อกี้มันทำให้ผมไม่กล้ายุ่งกับพี่วินเลย
“เน ทานนี่หน่อยนะ อ่ะ ฉันคีบให้”
“คุณวิน ขอร้องหล่ะครับ อย่าทำดีกับผมอีกเลยนะ ”
“ทำไมหล่ะ หรือว่าเรื่องเมื่อกี้ เนคงจะกลัวซินะ ฉันรับรองว่าเค้าจะไม่มาทำร้ายเนอีกแน่”
“ขอร้องหล่ะ คุณกำลังทำให้ผมตายทั้งเป็นนะ อย่าทำให้ผมรู้สึกผิดไปมากกว่านี้”
“เน เรื่องเมื่อมันทำให้เน คิดมากขนาดนั้นเลยหรอ”
“คุณวิน เรื่องเมื่อกี้มันมากเกินไปที่ผมจะรับได้ ผมถูกกล่าวหาว่าไอ้หน้าด้าน ถูกหาว่าว่าเป็นแฟนคุณ ผมขอหล่ะนะ อย่าทำ
แบบนี้อีก เพราะมันจะทำให้พวกเค้าเข้าใจผมผิด ไม่งั้นผมคงต้องหลบหน้าแก็งค์นี้ไปตลอด ผมเจ็บ ผมเหนื่อย ที่ต้องมาเจอ
กับคนที่หน้ากลัวขนาดนี้”
“เน พี่ขอโทษ เนเจ็บมากแค่ไหน พี่ยิ่งเจ็บกว่าเนหลายสิบเท่า ขอหละนะ พี่รับรองพี่จะไม่ให้พวกนั้นมาทำร้ายเนอีกแล้ว ”
“ไม่มีประโยชน์หรอกครับ พวกเค้ามีกันกี่คน ผมนั้นแทบนับไม่ถ้วน และพวกเค้าอยู่ตรงจุดไหนผมก็ไม่รู้อีก ดีไม่ดี เค้าอาจจะ
กำลังมองผมกับคุณอยู่ก็ได้”
“ถึงยังไง พี่ก็ยืนยันคำเดิม”
“งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูด เค้าพูดถูกขี้ข้าอย่างผม ไม่ควรจะกำแหงใส่เค้า”
จากนั้นผมกับพี่วินก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก แล้วผมก็เดินตามพี่วินเลือกซื้อของขวัญให้กับญาติเค้า แล้วกลับบ้านไป
พอนั่งรถมาถึงหน้าบ้านกลับพบว่ามีคนสวมชุดเสื้อคลุมรัดกุมกำลังด้อมๆมองๆที่นอกรั้วบ้าน
“นั่นใครหน่ะ มายืนดูยืนส่องอะไรที่รั้ว”
“เดี๋ยวผมลงไปดูให้ครับนาย”
ผมมองส่องผ่านกระจกรถด้านหน้าออกไป แลดูเหมือนคนที่ผมรู้จัก และคุ้นมากๆตัวสูงประมาณนี้ ท่าทางการยืน ต้องไม่ผิด
แน่ พี่เจมส์แหง่ๆ
“พี่เจมส์!!!”
“อะไรนะ ใครหรอเน เนรู้จักหรอ”
“ใช่ผมรู้จัก”
ผมรีบเปิดประตูรถออกไป วิ่งไปหาแต่ดูเหมือนพี่เจมส์จะตกใจคนขับรถที่เดินไปลงไปดูเมื่อตะกี้เลยวิ่งขึ้นรถมอเตอร์ไซต์หนี
ไป พี่เจมส์เค้ามาทำไมกันนะ จะมาก็น่าจะโทรบอกกันก่อน เออลืมไปโทรศัพท์ใหม่ที่พี่วินให้มาเราก็ไม่มีเบอร์พี่เจมส์แล้วหนิ
เฮ้อ
“เน ขึ้นรถ เข้าบ้านกันเถอะนี่ก็เย็นแล้ว ป่ะ”
“ครับ”
ผมยังไม่วายหายสงสัยอยู่ดี รึว่าที่บ้านเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า รึว่าแม่เป็นห่วงเรา จะว่าไปผมก็ไม่ได้กลับบ้านมา เป็นเดือนๆแล้วนะ ว่างๆผมคงต้องขอคุณท่านกลับบ้านซักหน่อยแล้ว
พอผมกลับไปถึงบ้านพี่เลียงพี่หยวนตกใจมากที่เห็นสภาพผมของผมเป็นแบบนี้
“เน ไปโดนอะไรมา ทำไม……..”
“เน!! เหนื่อยมามากพอแล้ว ไอ้เลียงไอ้หยวน พวกลื้อสองคนควรจะให้เนไปพักผ่อนได้แล้วนะ ส่วนงานอื่นที่ยังเหลือก็ไปทำ
ซะ ซุน เซ้ง ไปส่งเนที่ห้องแทนฉันที”
“ไม่ต้อง ผมเดินกลับเองได้ครับ”
ผมสงสารพี่เลียงพี่หยวนนะ ขอบคุณที่เป็นห่วงผมไม่ดีเองแหละที่อ่อนแอจนเกินไป ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ ผมจะทำยังไงกับชีวิตก็ไปดี ถ้าพวกพอยซันไอวี่ไม่ล้มเลิกความแค้นนี้ ผมคงจะต้องถูกถลกหนังจริงๆแน่ ไม่ได้ ผมจะไปใกล้และไปยุ่งกับพี่วินอีกต่อไปไม่ได้ แล้วพี่ปีลันด้วย ผมต้องขอโทษนะถ้าให้ผมเลือกผมก้ไม่อยากจะทำแบบนี้ แต่เพื่อความปลอดภัยของผม ผมต้องทำ แม่ครับเนอยากกอดแม่จัง แม่รู้ไหมว่าเนมาอยู่ที่นี่ คุณพ่อไม่ค่อยว่างเลย มีแต่ไปงานตลอด แต่เนก็ดีใจที่พ่อยังเมตตาและรักเนอยู่ ถึงแม้ว่าเนจะยังไม่บอกพ่อว่าเนเป็นลูกเค้าก็ตาม
เป็นไงบ้าง มาต่อให้แล้วนะ ^^ ไม่รู้ว่าจะชอบกันรึเปล่า ขอโทษนะที่ต้องทำให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับน้องเน