อร๊ายยยยย!!!!อยากจะบ้า เล่นจุดธูปเชิญกันซะขนาดนี้
ทำเอาคนเขียนร้อนตูดนั่งไม่ติด ให้ตายเถอะ บ๊ะเจ้า!
จำต้องมาปล่อยตอนนี้ต่อ เร่งตรวจปานใจขาด
นี่พวกคุณรู้ไหมเคอะ ว่าคนเขียนกลายเป็นอีบ้าอัพถี่..ไปโดยปริยาย
My love
Part 51
[Special Ton] “ตาเต้ยอยู่ไหน เอาหลานกูมานะอีตุ๊ด” พอศาลกับเจ้าหน้าที่ออกจากห้องพ้นหลังไป มาดสาวน้อยผู้น่าสงสารหายวับทันที
“หึ!..รอชาติหน้าตอนศพมึงหนอนขึ้นก่อนเถอะอีตอแหล..อย่าหวังนับจากวินาทีนี้ มึงจะได้ใกล้น้องเต้ยอีก
สันดานระยำเรียกแม่อย่างมึง กูไม่ยอมให้แปดเปื้อนลูกพี่ต้นเป็นอันขาด” แบมเชือดเฉือนด้วยคำพูด
พร้อมกับพยักหน้าให้ผมพาพ่อแม่กับทุกคนออกจากห้อง คงไม่อยากให้ผู้ใหญ่เห็นการปะทะฝีปากขั้นเทพแน่ๆ
“พี่ต้นอย่าเพิ่งไป ทีมมีเรื่องจะตกลงกับพี่” ไม่ทันได้ขยับทีมรั้งไว้ ทำให้ต้องชะงัก ส่งสายตาให้เขมเทคแคร์ดูแล
ทนายกับพ่อแม่ไปก่อน เขมมันหัวไว..เพียงแค่นั้นมันพาทุกคนหายลับเหลือเราเพียงสามคน มีผม แบมและทีม
ส่วนทนายของเธอออกไปตอนไหนไม่รู้ด้วยซ้ำ..
“มึงมีอะไรรีบพูดมา” แบมเป็นคนเร่ง
“คิกคิก..พี่ต้นเห็นแล้วสินะ โอกาสที่พี่ชนะคงไม่มี ถ้าพี่อยากได้ตาเต้ยคืน รับเงื่อนไขของทีมสิ เลิกยุ่งกับอีตุ๊ดนี่ซะ..
ทีมจะยุติเรื่องนี้ทั้งหมด แต่ถ้าพี่ยังรั้น แพ้มาพี่จะไม่ได้เห็นหน้าตาเต้ยอีกต่อไป” สีหน้าแววตาของทีมเหมือนมั่นใจว่าจะชนะ
ผมแอบกังวลกลัวแพ้เหมือนกัน หากทนายของทีมเน้นเรื่องรสนิยมทางเพศของผมเป็นข้อบกพร่อง
แล้วศาลดันเชื่อโอกาสของผมคงมีแค่ 50 :50 เช่นกัน
“พี่ต้นไม่ต้องไปฟังอีนรกนี่ เสียเวลาเปล่า..เราไปกันเถอะ” แบมรั้งแขนพาผมหันหลังเดินออกห้อง
“ดี..อยากลองดีจะได้เห็นกัน ตาเต้ยจะถูกส่งไปอยู่กับแม่ทีม อย่าหวังว่าพี่จะได้เจอหน้าลูกอีก..ฮะฮ่าๆๆ”
คำพูดเธอทำเอาผมหยุดกึก หันไปเผชิญหน้าอย่างเร็ว ไม่รู้ผมใช้สายตาแบบไหน เธอมีอาการนิ่งไปครู่ก่อนเชิดหน้าเย่อหยิ่งเข้าใส่
“ทีมไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นเต้ยเป็นลูกพี่ คำให้การของทีมล้วนโกหกทีมรู้อยู่แก่ใจ ยังมีหน้าอ้างว่ารักหลาน
พี่เสียใจแทนเต้ยมาก ที่มีน้าเห็นแก่ตัวแบบทีม” เป็นครั้งแรกที่ตราหน้าเธอ ผมไม่เคยต่อว่าหรือกล่าวโทษเธอมาก่อน
ไม่ว่าจะโดนกระทำตั้งแต่ครั้งถูกวางยา ผมโทษตัวเองที่สะเพร่าประมาทเลินเล่อไม่ระวังตัว เลือกไม่กล่าวร้ายเธอ
แต่ครั้งนี้เหลือทนจริงๆ
“เหรอ..แล้วใครแคร์ ทีมทำได้มากกว่านี้อีก” เธอดันเชิดหน้าใส่
“เหรอแล้วไง..กูแคร์หรือก็ไม่ใช่ มึงจะมีปัญญาอะไรมาพาตาเต้ยไปอยู่กับแม่มึงหืม
ในเมื่อตอนนี้ตาเต้ยไม่ได้อยู่ที่นี่..อีควาย!!!” ผมอึ้งแกมกลั้นขำเลยครับ ท่าทางแบมเชิดหน้าเริ่ด
ตีฝีปากเลียนแบบทีมดูแล้วตลกสุดๆ อารมณ์กำลังหงุดหงิดพลันหายวับไปด้วย
“อีตุ๊ด!..มึงหมายความว่ายังไง” ทีมชี้นิ้วมือสั่นเลยตอนนี้
“ควายบรมโคตรควาย!!! มึงมันแหลตัวแม่ ควายเรียกเมียห่าราก น้องเต้ยไม่ได้อยู่ที่นี่
ตั้งแต่กูให้น้องชายพาออกจากห้องแล้ว มึงมันควายสุดๆ ไม่รู้สินะ..ระหว่างคดีอยู่ชั้นศาล
เด็กอยู่ในความดูแลใครศาลไม่มีอำนาจสั่ง..อิอิ ตอนนี้มึงต่างหากที่ไม่ได้แตะต้องน้องเต้ยแม้แต่ปลายเล็บ
ที่สำคัญต่อให้พวกกูแพ้แล้วไง ใครจะยอมให้มึงเอาน้องเต้ยไป กูก็แค่ทำไม่รู้ไม่เห็น
โยนความผิดให้คนเหี้ยๆอย่างมึงซะก็สิ้นเรื่อง ตลอดมามึงพูดอยู่ปาวๆ น้องเต้ยอยู่ในความดูแลของมึงมาตลอด
ไม่เคยเพ่นพ่านแผ้วพานมาบ้านพวกกู เด็กหายไปแบบนี้ ต้องโทษมึงที่ไร้สมองแล้วยังอวดโอ่ว่าตัวเองมีดี
สิ่งเดียวที่กูยอมรับนับถือมึงก็คือ.. อีสตอหอยเน่าเท่านั้นแหละ ชั่วชีวิตกูไม่เคยเจอใครตอแหลหน้าด้านอย่างมึงมาก่อน
เลิกหวังว่ามึงจะถือไพ่เหนือกว่าตั้งแต่วินาทีนี้ได้เลย ต้องโทษที่มึงมันโง่แล้วอวดฉลาดอีดอก พาน้องเต้ยมาศาลแต่แรก
จำไว้คนอย่างอีแบมไม่เสียเหลี่ยมใครง่ายๆ โดยเฉพาะผัวกู..ยิ่งไม่มีทางเสียให้ใคร รอมึงเป็นผีเกิดอีกสิบชาติ
อย่าหวังได้แดกเจี๊ยวหวานผัวกู..อีกะหรี่สาธารณะแม่งเอ้ยยย!! ไปเถอะพี่ต้น พูดกับอีควายนี่แล้วของขึ้น
พานจะตบมันเสียตังค์ฟรีเปล่าๆ สู้เอาไปบริจาคให้เด็กกำพร้าดีกว่ามาให้อีนี่ใช้ ถึงจะสะใจที่ได้ตบมัน
แต่ก็ไม่คุ้มเป็นเสนียดมือที่ไปสัมผัสหน้าด้านพอหนังตีนอย่างอีสำเพ็งนี่หรอก” พูดจบไม่รอช้า แบมลากผมเดินดุ่ยๆ
ปล่อยให้ทีมยืนอ้าปากหน้าซีดเป็นใบ้ไปแล้วครับ ผมเองยังอึ้งปนทึ่งไม่หาย ไม่คิดว่าแบมจะชิงตัวน้องเต้ย
โดยวานน้องหนุ่ยแอบพากลับอย่างเนียนๆ
“แบม..อย่าบอกที่ขอให้เขมช่วยคือเรื่องนี้” ผมถามระหว่างทางเรากำลังไปสมทบคนที่เหลือ
นัดร้านอาหารฝั่งตรงข้ามศาล
“แค่ส่วนหนึ่ง ยังมีที่ต้องพึ่งไอ้เขมอีก ไม่งั้นจะยอมลงทุนห้องสวีทโรงแรมห้าดาวภูเก็ตให้มันเหรอ”
ร้ายจริงเมียผม เห็นแบบนี้หัวใจชุ่มชื่นขึ้นอย่างประหลาด อดแหย่ไม่ได้
“แบม..แล้วที่พูด ไม่ยอมให้เจี๊ยวหวานพี่เรื่องจริงใช่เปล่า พี่เพิ่งรู้เจี๊ยวพี่สำหรับแบมเป็นของหวาน”
พูดเองก็เขินปาก ไม่เคยหยอดเมียแบบนี้มาก่อน ตาเรียวสวยตวัดหางตามองผม ก่อนเฉเมินไปทางอื่น
แต่ผมแอบเห็นหน้าสวยแดงเป็นริ้ว ตอนอารมณ์ปรี๊ดคงไม่ทันคิดว่าตัวเองหลุดอะไรออกมา
ทำผมอารมณ์ดีตลอดมื้อเที่ยงไปเลยครับ แทนที่จะเครียด กลายเป็นพวกเราผ่อนคลายลงมาก
ทนายของบอลลูนยืนยันว่าเรามีโอกาสชนะ รอช่วงบ่ายสืบพยานต่อน่าจะรู้ผล เท่านั้นผมก็มีความหวังขึ้นมาทันที
“เขม..น้องหนุ่ยถึงบ้านแล้วใช่ป่ะ” แบมถามระหว่างเดินกลับมายังศาล หลังทานมื้อเที่ยงเสร็จ
งานนี้พ่อผมขอเป็นเจ้าภาพ ไม่ขัดศรัทธาให้แกจ่ายตามความต้องการ
“อืม..ถึงตั้งแต่ยังไม่แดกข้าว มันแวะพาลูกพี่ต้นไปเดินห้างเล่นอีก ล่าสุดที่กูคุย
น้องเต้ยหลับอยู่บ้านเรียบร้อย คงเหนื่อยที่ได้เที่ยวแหละมั้ง” เขมตอบกลับมา
“พี่เพิ่งรู้หนุ่ยดูแลเด็กเป็นด้วย” เท่าที่ทราบน้องหนุ่ยเป็นลูกคนเล็ก ไม่เคยดูแลเด็กมาก่อน ทำไมถึงดูแลน้องเต้ยได้
“เป็นสิครับพี่ ตอนเด็กๆผมก็ดูแลมันเหมือนกัน ซึมซับไปไม่น้อย ที่แน่ๆไอ้ตี๋มันอยากมีน้องตายชัก
สมใจด้วยซ้ำได้ขลุกอยู่กับลูกชายพี่ ดูมันแคร์ผมที่ไหน มีแต่ผมโทรตาม ไม่มีหรอกที่คิดจะโทรมารายงาน”
ประโยคท้ายเพิ่งเห็นเขมท่าทางเถื่อนๆ ออกอาการนอยด์เกือบขำแล้วครับ มุมนี้เขมมันก็มีด้วยเหะ
“แล้วไปกันยังไง นั่งแท็กซี่เหรอ” แบมถาม
“รถกูสิ..มันลัลลายึดกุญแจกูไปเรียบร้อย ขากลับมึงรับผิดชอบไปส่งกูด้วยนะ” เขมหันมาเรียกร้องที่แบม
“เออ..เพิ่งรู้มึงนี่ใจป๋าเนอะ เรียกร้องชิบเป๋ง น่าสงสารน้องหนุ่ยที่คบกับมึง คงถูกขูดเลือดขูดเนื้อไปไม่น้อยแล้วมั้ง
ทีชะนีสายไหมมึงเปย์ไม่อั้น กูว่าข่าวไม่กรองแหงแซะ”
“พรืดดด!!!” หลุดขำจนได้ เขมโดนเมียผมว่าเสียคนเลย
“เล่นซะกูไปไม่เป็นเลยแบม พี่ต้นพานขำกูเลยอีห่า มิน่าพวกไอ้โจ๊กมันถึงยกมึงขึ้นหิ้งห้ามตีฝีปากด้วย
แก้ความเข้าใจเสียใหม่ กูไม่เคยเอาเปรียบไอ้ห่าตี๋เหอะ มีแต่มันที่เล่นกูเดือนเป็นหมื่น ส่วนสายไหมเล็กๆน้อยๆ
ไม่ได้เปย์งี่เง่าซักหน่อย แลกกับที่กูได้ความสนุก ถือว่าซื้อความผ่อนคลายของผู้ชายคิดอะไรมากวะ”
ฟังสองคนโต้กันไปมาเงียบๆ กลายเป็นในหัวปลอดโปร่งโล่งขึ้นมาก ไม่พะวงกับปัญหาที่กำลังจะเริ่ม
เพื่อนแบมกลุ่มนี้ผมอดดีใจแทนไม่ได้ แต่ละคนไม่มีใครทิ้งกันเลย
ข้อความส่งจากกนกถามรายละเอียดไม่ขาด ตอนนี้น้องไปเป็นกำลังใจให้คู่หมั้น
ติดสอยห้อยตามกันยกทีมอยู่ภูเก็ต อีกสองวันผมกับแบมจะตามไป พ่วงหนุ่ยกับเขมไปด้วย
เมียผมจองห้องสวีทเป็นสินน้ำใจตอบแทนให้เสร็จสรรพ
“ทนายผู้ร้อง ต้องการเบิกพยานเพิ่มหรือไม่” ศาลถามทันที หลังทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการ
“ผมเบิกพยานปากเอกเด็กชายตฤณหทัย ขึ้นให้ปากคำครับท่าน เนื่องจากเด็กอายุเพิ่งย่าง 2 ขวบ
รบกวนท่านใช้ดุลยพินิจว่าควรทำเป็นทางการหรือไม่” ทนายของทีมแจ้งความประสงค์ เดิมทีรายชื่อพยานไม่มีชื่อลูกผม
ทั้งฝ่ายผมและฝ่ายทีม จู่ๆให้น้องเต้ยขึ้นให้การเฉยเลย
“ขอค้านครับท่าน” ทนายร่วมของผม พี่เขายกมือค้านทันควัน
“อนุญาต เชิญทนายผู้คัดค้าน” ศาลอนุญาตให้พูด
“พยานปากนี้ไม่ได้ระบุในเอกสาร ทั้งยังเป็นเด็กบริสุทธิ์ไร้เดียงสา การให้ปากคำล้วนต้องจัดเป็นกรณีพิเศษ
สำคัญจะดึงเวลาที่เหลือให้ล่าช้า ประเด็นบ่ายเป็นพยานของผู้คัดค้าน สมควรให้ผมเชิญพยานขึ้นให้ปากคำ หากพิจารณาแล้ว
น้ำหนักเอกสาร ไม่เพียงพอสามารถเรียกพยานเพิ่มนัดศาลภายหลัง ขอค้านพยานปากนี้ของผู้ร้องครับท่าน” ศาลนิ่งไปเป็นครู่
“ไม่ได้ครับท่าน พยานปากนี้สำคัญสำหรับผู้ร้อง หากเด็กยืนกรานสมัครใจให้ผู้ร้องเป็นผู้ดูแล
ย่อมชี้ชัดว่าเด็กผูกพันกับใครมากกว่า” ทนายของทีมก็ไม่ยอมเช่นกัน ผมลุ้นระทึกไปด้วย ห่วงความรู้สึกลูก
หากต้องไปนั่งให้ใครต่อใครคอยป้อนคำถาม ที่เด็กต้องตอบอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“ศาลอนุญาต คำค้านฟังไม่ขึ้น เชิญทนายผู้ร้องนำพยานมาแสดงตัว
หากต้องใช้เจ้าหน้าที่พิเศษ ศาลจะให้เชิญมาร่วมด้วย” ศาลให้คำค้านของทนายผมตกไป
“ประเด็นตอนนี้พยานเด็กชายตฤณหทัย ได้ถูกลักพาตัวไปครับ โดยคนของฝ่ายผู้คัดค้าน
ผมใคร่ขอความกรุณาให้ท่านนำพฤติกรรมมิชอบด้วยการกระทำ พิจารณาประกอบสำนวนด้วยครับ”
ทนายทีมรีบรายงานศาลป้ายความผิดมาให้ผมทันที
“เดี๋ยวก่อนคุณทนาย การให้ร้ายลูกความผมถือว่าไม่พึงกระทำเป็นอย่างยิ่ง
หากคุณยืนกรานว่าผู้ร้องนำเด็กมายังศาล แล้วถูกลักพาตัวไปต่อหน้า พวกคุณเพิ่งจะรู้ตัวว่าเด็กหายไปหรืออย่างไรครับ
ยังแจ้งศาลเพื่อร้องขอความเห็นใจ ฟังดูไม่ชอบด้วยเหตุผล ข้อแรกเด็กมากับผู้ร้องจริงหรือไม่
ทำไมไม่อยู่ในความดูแลของเธอ ประการสอง..หากเด็กหายไปย่อมแสดงถึงวุฒิภาวะในการดูแลความปลอดภัยของเธอ
ไม่ดีพอจะดูแลเด็กด้วยซ้ำ ประการสาม..ตลอดระยะเวลาครึ่งวันเช้า เด็กไม่ได้อยู่ในห้องนี้
เธอเองรวมทั้งคุณต่างรู้โดยตลอด ทำไมพึ่งมานึกสอบถามตามหาตัวเด็ก
พิสูจน์ได้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เด็กไม่ได้อยู่กับผู้ร้อง ถึงไม่ทำให้คนที่อ้างปาวๆว่ารักหลาน
ปานดวงใจเปรียบเหมือนแม่รับรู้แต่แรก สัญชาตญาณคนเป็นแม่ คงไม่ปล่อยให้ลูกหายไปจากสายตาได้
ไม่ต้องว่ากันเป็นชั่วโมงหรอกครับ แค่ห้านาทีต้องเฉลียวใจแล้ว เว้นเสียแต่สิ่งที่คุณให้การมาทั้งหมดเป็นเท็จ
ไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย” ผมเกือบร้องเยส!! ออกไปดังๆ หลังทนายตอกหน้าทนายของทีมหงายเงิบ
แบมถึงกับกลั้นขำ แม้แต่เขมมันก็ด้วย พวกพ่อแม่อมยิ้มตามกัน
ไม่คิดว่าถึงเวลาทนายที่มีแต่รอยยิ้มจะตีฝีปากคมขนาดนี้
“ตกลงคุณไม่มีพยาน ถ้างั้นศาลพิจารณาให้ฝ่ายผู้คัดค้านขึ้นให้การได้เลย เชิญทนาย”
ศาลตัดฉับ ให้ทนายเรียกพยาน ผมเตรียมตัวขึ้นให้การ พยานฝั่งนี้เป็นผมในฐานะ ‘พ่อ’
“เชิญพยานปากเอก นายบัญชกร xxx ที่แท่นสาบานด้วยครับ” ตกตะลึง ไม่ใช่แค่ผม
พ่อแม่แม้แต่ลุงเริญทนายหลักยังตาโต ความจริงต้องเป็นผมขึ้นให้การ ทนายกลับเรียกแบมเฉย
เมียผมก้าวออกไปนั่งด้วยท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม ไม่มีอาการประหม่าให้เห็นแม้แต่น้อย
“ข้าพเจ้านายบัญชกรxx ขอสาบานต่อพระเยซูคริสต์ จะเบิกความต่อศาลด้วยความสัตย์จริงทั้งสิ้น
หากนำความเท็จมากล่าวแม้แต่น้อย ขอพระองค์ไม่รับเป็นบุตรในอ้อมหัตถ์ของพระองค์ และไม่ประสพกับความสุข
ดังใจปรารถนา หากข้าพเจ้ากล่าวความจริงต่อศาล ขอความสมหวังจงบังเกิดแด่ข้าพเจ้า เป็นบุตรในพระเมตตา
ของพระองค์ตลอดกาลนาน” ผมเกือบหลุดหัวเราะพรืดแล้วครับ ดีที่ก้มหน้าหลบได้ทัน
ให้ตายไม่คิดว่าแบมจะเปลี่ยนศาสนากะทันหัน เมียผมเป็นพุทธ ทำไมกลายเป็นนับถือศาสนาคริสต์หน้าตาเฉย
ยิ่งท่าทางนำนิ้วชี้นิ้วกลางแตะหน้าผาก ก่อนจะเป็นอกซ้ายขวาสลับไปมาก้มหัวลงด้วย
มืออีกข้างนิ้วแอบไขว้กันต่างหาก ไม่ขำก็ทนไม่ได้แล้ว ต้องขมกรามบดกันแน่นไม่ให้ออกอาการ
ส่วนเขมมันก้มหน้าคางมุดอกไปแล้วครับ กลั้นขำสุดติ่งไม่ต่างกัน เมียผมสามารถมากเซเลอร์มูนสุดๆ
ต่อด้านล่าง