ครบ 100%ใครที่ยังไม่ได้อ่าน 70% แรก ให้กลับไปอ่านได้ที่หน้า 117 ก่อนนะคะ ขอบคุณพี่ VAN มากๆค๊า ช่วยแก้คำผิดให้ทุกตอนเลย งานนี้มีรางวัลอิอิ!!! My love
Part 41
[Special Joke] “ฮั่นแน่!!!..มาหลบดูอะไร” เอ่ยปากแซวแฟนบูตัส ดันนั่งมุมอับหลังเวทีซึ่งล้อมเต๊นท์ให้นักแสดง
ไอ้หน้าลูกครึ่งนั่งอมยิ้มคนเดียวในมือกดปุ่มโทรศัพท์ดูใหญ่
“อย่าแซว..ผมรู้พี่แอบเอาคนของผมไปดูเหมือนกัน” เสือกเงยหน้าหรี่ตาคาดโทษผมเฉย
“แฮ่ม!..มันเป็นรูปของพี่ด้วยหรอกน่า คิดมาก” เนียนไปก่อน
“เกี่ยวอะไรกับรูปเดี่ยวครับ” ว่าแล้วมันต้องมาลูกนี้
“รูปนั่นน่ารัก ฟิลดีมาก ขอเก็บเป็นที่ระลึกหน่อย” ยังแถต่อ ไอ้ห่าหวงฉิบหายเลยมัน
“ถือว่าพี่ดูแลบูมาตลอด ห้ามใครดูเป็นอันขาด” อีอึนมันจะรู้ไหม แฟนโคตรของโคตรบรรลัยหึงตัวพ่อ
“ว่าแต่เราไม่ไปนั่งที่โต๊ะ” พวกผมมีโต๊ะด้านหน้าเวที ครอบครัวทยอยมากันครบแล้ว
ออกไปทักทายหอมปากหอมคอ ก่อนกลับเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเล่นละคร ขืนไปตอนเปลี่ยนชุดมีเฮกันละงานนี้
“ไม่ครับ รอบูขึ้นแสดงก่อนค่อยไปทีเดียว” ตามมาคุมเถอะไอ้ห่า ทำเนียน
ต่อให้หลบมุมยังแอบเห็นไม่ยอมให้คลาดสายตาสักนิด
“อืม..ไว้รอไปพร้อมกันทีเดียว” เออออห่อหมกไปกับมัน ความจริงโต๊ะที่จองห้าโต๊ะ
ยกให้พวกผู้ใหญ่ไปสี่ รวมครอบครัวมากันครบ
ส่วนโต๊ะสิบที่นั่ง พวกผมขอไว้พอดีคน มีผมไอ้หนก พี่ต้นไอ้แบม บูตัสไอ้บอล ไอ้เขมน้องหนุ่ย
น้องเอกน้องวิทย์ สองคนหลังไม่มีใครเปิดตัวแฟนกันเลยเว้ย คงเห็นมีพ่อแม่มาด้วยมั้ง
ผมเลี่ยงมานั่งคอยไอ้หนกใกล้ๆบูตัส หลังมันมุดเข้าไปในพาติชั่นเปลี่ยนชุดนานเป็นชาติ
ยังไม่โผล่ออกมาอีก อีห่าแบมกับพวกผู้หญิงที่ดูแลเรื่องแต่งหน้าแต่งตัวพากันไปรุมอยู่ เห็นบอกชุดเจ้าชายของไอ้หนก
ต้องช่วยกันแต่ง อะไรมันยุ่งยากขนาดนั้น ผมกับบูตัสเรียบร้อยเสร็จหมดแล้ว รวมทั้งตัวประกอบคนอื่นๆ
นั่งจับกลุ่มคุยกันอย่างร่าเริง
“มึงเหมาะเหี้ยๆบูตัส ดูกูดินุ่งผ้าถุงเสื้อคอกระเช้า เ-ย็ดเป็ดโคตรเหมือนกะเทยอุบาทว์” ผมพูดกับอึนตัวแม่
มันนั่งทำตาโตกลั้นขำผมใหญ่ ไอ้อาการไหล่สั่นแต่ปั้นหน้านิ่ง โคตรจะเนียนเลย...สาดดดด!!!
“มึงอยากหัวเราะไม่ต้องทรมาน กูยังทุเรศตัวเองอีห่า” ประชดแม่ง ใครจะเอวบางร่างน้อยได้เท่ามัน
แค่แต่งตัวสาวชาวบ้านธรรมดาเสือกหน้าใสเติมลิปสติกหน่อย ดาราหนัง VA ยังแพ้ความแบ๊วของมันเลย
ส่วนผมทั้งแต่งหน้าพอกแป้งดูเป็นเกอิชาญี่ปุ่นไปแล้ว ดันเหมือนผีจูออนมากกว่านางเอก
ยิ่งทาลิปสติกไม่เต็ม อีห่าแบมมันดันวาดเล็กไม่เท่าริมฝีปากจริงของผม พานคล้ายเปรตวัดแจ้งไปเลย
ปากเหี้ยไรเท่ารูเข็ม สุดอนาถตัวเองพิลึก
“มึงคิดมากโจ๊ก ทำอย่างกับมึงอยากสวย..ตกลงมึงเป็นอีแอบ” มันพูดกลั้วขำ
“กูไม่ได้อยากแต่ง บอกอีแบมแล้วไม่ต้องทาแป้งแต่งหน้า ทีมึงยังไม่เห็นลงแป้งห่าไรเลย
เสือกพอกกูทั้งรองพื้นทั้งแป้งขาววอกซะขนาดนี้ แม่งเหมือนหน้ากูมีอะไรมาโป๊ะอยู่” รำคาญสุดๆ ต่างหาก
“ก็มึงมีเครานิ โกนแล้วยังออกเขียว แถมคิ้วก็เข้มหนาอย่างกับไม้หน้าสาม แบมมันทำถูกแล้ว
ผู้หญิงที่ไหนคิ้วหนาเป็นปื้นแบบนั้น จะกันทิ้งก็เสียดาย เล่นแค่สิบห้านาทีเอง” ปัญหาเชียวหละ
นี่แหละอีห่าสวยตัวแม่มันเลยรองพื้นปิดคิ้วผมซะหนา ก่อนวาดให้ใหม่เป็นสระอิ เส้นเล็กนิดเดียว
ไม่เป็นเกอิชาได้ยังไง ลองเปลี่ยนชุดกิโมโนล่ะก็ จับกูไปโรงน้ำชาได้เลย
“เหตุผลพวกมึงกูถึงทรมาน แล้วปากกูเป็นเหี้ยไรทาลิปเท่ารูเข็ม” ฟังดิมันจะอธิบายยังไง
“ปากมึงปกติเป็นปากผู้ชายแมนๆเข้มๆ หน้ามึงขาวขืนทาเต็มรูปปากก็กลายเป็นปอบปากกว้างเอาดิ
ปากจู๋เล็กๆแบบนี้จะได้ดูเซ็กซี่” ฟังดูดี
“มึงดูยังไงเซ็กซี่ห๊ะ!..กูดูไม่ต่างเปรตวัดสุทัศน์” เถียงใจขาด เรื่องเซ็กซี่น่ารักสายตากูไม่มีพลาด
ดูอย่างมันตอนนี้ ถึงใส่เสื้อแขนกระบอกคอกลมติดกระดุมสีบานเย็นเข้ารูป นุ่งผ้าถุงตีนจกสีดำ
ดันขลับผิวขาวของมันให้กระจ่างขึ้นอีกเท่าตัว
แถมหน้าไร้แป้งทาแค่ลิปสติกสีเนื้อมันวาว สวมวิกผมยาว แค่นี้มันกลายเป็นสาวใช้
ที่เหมาะเล่นบทซินเดอเรลล่าทันที สาวใช้ห่าไรจะน่ารักน่ามองแย่งซีนนางผมหอมไปเต็มๆ
หันดูสารรูปตัวเองกูมันแม่เลี้ยงใจยักษ์ชัดๆ เสือกเอาผ้าสีดำมาโพกหัวบิดเป็นเกลียวแทนผมหอม
ให้ยาวพอส่งจากหอคอยช่วยพระเอกใช้เป็นเชือกปีนขึ้นมา ชัดเลยผีจูออน..
“ฮะฮ่าๆๆ เปรตตรงไหน ไม่เหมือนสักนิด” ทำพูดให้กำลังใจ เสือกหัวเราะขำเป็นเรื่องเป็นราว
“เฮ้ย!..บูตัส” เสียงทักดังข้างหลังผม ไอ้เถื่อนเขมเดินนำน้องหนุ่ย เอก วิทย์ ตามกันเป็นพรวน
“อะไรเขม ไม่อยู่โต๊ะล่ะ” บูตัสมันยังยิ้มไม่หุบ ปากก็ถามกลั้วขำ
“กูเข้ามาดู กำลังจะรำอวยพร พวกมึงเล่นต่อจากนี้ดิ” ไม่กล้าหันหน้าประจันพวกมันตรงๆ
ดันพร้อมใจมายืนข้างหลังกูอีก
“อืม..นั่นไงกนกแต่งตัวเสร็จแล้ว” มันพยักเพยิดไปทางพาติชั่น แฟนผมโผล่หัวนำออกมา
พร้อมทีมลูกมือที่เข้าไปช่วยแต่งตัว สาด..หล่อน่ารักอย่างกับเจ้าชายน้อยละครพื้นบ้าน เล่นเอาอึ้งเหมือนกัน
“ว้าว!..เท่ครับพี่หนก” เสียงไอ้น้องเอกแย่งชมก่อนใคร
“มึงจะไม่หันมาโชว์ให้พวกกูดู ไอ้โจ๊ก” ไอ้เถื่อนมันจับบ่าพร้อมกับบีบสองที เสือกจำกูได้อีก
“เออ..” ท้ามาเลยหันไปฉีกยิ้มให้ซะ ผงะถอยหลังเป็นแถว
“ฮะฮ่าๆ..นี่พี่โจ๊กเหรอ ว๊าก!..ฮ่าๆๆ” ว่าแล้วพวกจัญไรมันต้องขำกู
ล่อเอามือกุมท้องขนาดนี้ มึงเอามีดมาแทงกูดีกว่า นรกแหละ..
“มึงจะหัวเราะอีกนานไหมไอ้ห่า” อดไม่ไหวแหวแม่งซ้าาา!!!
“โอ้ย!..ก็มันตลกจริงๆนี่ครับ ดูพระเอกอย่างเท่ แล้วนี่นางผมหอมหรือผีน้ำครับพี่
น่าจะเอาภูตแม่น้ำโขงมาผสมนางผมหอมด้วยหรือเปล่า” กูอยากกระทืบปากไอ้ห่าเอกจริงๆ พูดซะเห็นภาพเลย
“ใครบอกมึงไอ้เอก นี่ไม่เหมาะภูตน้ำโขง เหมือนผีจีนบวกปอบผีฟ้ามากกว่า” ไอ้น้องวิทย์เสริม
พร้อมใจกันหัวเราะไม่เกรงใจกูเลย
“หวีดสยองชัดๆ” ไอ้น้องหนุ่ยกระทืบซ้ำ
“ผีแม่หม้าย หาแดกตับผู้ชายเหมาะสุดว่ะ” ไอ้เถื่อนเหยียบจมดิน
แล้วพวกอัปรีย์ทั้งหลายก็พากันหัวเราะชักดิ้นชักงอ พร้อมคำวิจารณ์ที่เล่นเอาคนหล่อสามโลกอย่างผมกลายเป็นศพบัดดล
“อีห่าแบม กูเปลี่ยนใจแล้ว มึงให้บูตัสมันเป็นนางเอก กูเป็นคนใช้เลยอีนี่ มึงฟังพวกมันวิจารณ์ดิ
ดึงความมั่นใจกูไม่เหลือซาก” ลงที่ใครไม่ได้ขอเหวี่ยงต้นเหตุที่แปลงโฉม มันต้องรับผิดชอบ
“อย่างี่เง่าห่าโจ๊ก มึงดูตัวมันเท่าหนูพุก จะดึงไอ้หนกขึ้นนั่งร้านไงหึ
มึงนั่นแหละ บทซ้อมจนขึ้นใจแล้ว” แพ้มันอีกตามเคย
“เอาน่ามึงอยากสวยเหรอ ไหนบอกแมน” กูตายคำพูดมึงนี่แหละ พอแฟนทอมเบรกผมหุบปากฉับ
ยิ่งมันระแวงผมไม่แมนอยู่ด้วย กรรมกู.. กลายเป็นสารพัดผีปีศาจพวกห่ามันเปรียบ อะไรไม่เท่าเล่นให้พ่อ แม่
กับน้องสาวดูอีกต่างหาก กูสาบานละครนี้จะเป็นครั้งแรกครั้งสุดท้ายในชีวิต โบกมือลาขาดพร้อมงาน ‘อำลา’ แม่งเลย
“ต่อไปเป็นการแสดงละครของนักเรียนห้องคิงส์ชั้นม.6/1 ประจำปีการศึกษาxxx ในท้องเรื่อง ‘นางผมหอม’
ขอเชิญทุกท่านรับชมได้ ณ บัดนี้”
เสียงพิธีกรประกาศสิ้นสุด โหมโรงด้วยเทปดนตรีไทย เปิดตัวแม่ของนางผมหอมกับเมียน้อยขี้อิจฉา
ออกไปดื่มน้ำในป่า แม่นางผมหอมดื่มน้ำในอุ้งเท้าพญาช้าง ส่วนนางอิจฉาดื่มอุ้งเท้าพญาโค จนกลับมาตั้งท้อง
เป็นการแสดงฉากแรกโดยเพื่อนในห้องรับบทตัวประกอบ กระทั่งคลอดนางผมหอมกับลูกขี้อิจฉาเหมือนแม่
ถึงเวลาผมต้องขึ้นเวทีพร้อมไอ้อ้วนหลังห้อง ยังดีกูมีเพื่อนร่วมความอนาถ
ถึงผมจะสารพัดผีปีศาจ แต่ดูมันใส่เสื้อเอวลอยห้อยอยู่ลิ้นปี่ โชว์พุงปลิ้นทาสีสะดือเสียแดงเป็นวง
ผูกแกละสองข้างทาลิปแดงเขียนตาม่วง ปัดแก้มแดงแปร๊ด เหอๆยิ่งกว่าปัญญาอ่อนจากราชานุกูลอีก
“แปะๆๆ..กรี๊ด!!!..ฮ่ะฮ่าๆๆ ตัวไหนนางผมหอม ตัวไหนลูกขี้อิจฉา ตกลงที่โผล่มามันละครสัตว์ชัดๆ บลาๆๆ”
กูอยากแทรกไม้กระดานเวทีดำดินหนีเสียพ้นๆ เสียงปรบมือยังพอเข้าใจต้อนรับการเปิดตัวนางเอก
แต่ไอ้คำวิจารณ์ตามหลังนี่สิ พ่องมึง..ละครสัตว์
เกือบไม่รอดในฉากแรก ไม่กล้าชำเลืองโต๊ะพ่อแม่ที่นั่งกับป๊าม๊าพี่ชายไอ้หนกมันเลย แต่ก็อดไม่ได้
เห็นไอ้น้องตัวดีหัวเราะงอหายแทบตกเก้าอี้ เอาก็เอาวะอย่างน้อยรอยยิ้มของพ่อกับแม่ ป๊าม๊าไอ้หนกก็ยืนยัน
ไม่ได้เลวร้ายสักหน่อย นานครั้งจะเห็นพ่อยิ้มกว้างแบบนี้ ถือซะว่ากูเล่นตลกกลางแจ้งแทน
มาถึงฉากพญาช้างรับนางผมหอมไปอยู่บนหอคอย หลังพิสูจน์ใครคือลูก โดยการเหยียบงวงขึ้นคอพญาช้าง
ไอ้อ้วนที่เป็นลูกพญาโคโดนพญาช้างเหยียบตายเพราะแอบอ้าง ผมก็ไปพำนักยังหอคอยที่พญาช้างสร้างขึ้น ไม่มีบันไดปีน
การขึ้นต้องให้พญาช้างใช้งวงส่งตัวเข้าทางหน้าต่าง พร้อมกับเปิดตัวคนใช้ที่พญาช้างไปพาหญิงชาวบ้านหลงป่ามาให้
“ว้าว!!!..กรี๊ดด!!...วี๊ดด..วิ้วว..ฮิ้วว!!..น่ารักอ่า เหมาะเป็นนางเอก เว้ย!..น่าร๊ากกก!!..เฮ้ย!..ฮะฮ่าๆๆ” เสียงต้อนรับบูตัส พร้อมกับหัวเราะตอนมันสะดุดขาตัวเองเกือบหัวคะมำ ดีที่ตั้งหลักทัน
คงเขินเสียงกรี๊ดที่ดังจากพวกม.6 ม.3 ซึ่งรู้จักมันเป็นอย่างดี
แฟนคลับอีกตรึม โดยเฉพาะไอ้ตัวผู้ที่หวังเคลมทั้งหลาย เจอลุคสาวน้อยจิ้มลิ้มเข้าไป
นั่งก้นไม่ติดเก้าอี้เลยเชียว สรุปอีห่าแบมมันฆ่ากูชัดๆดันชูเพื่อนรักมันก็ไม่บอก อีสวยประหารร้ายระยำจริงมึง
“คุณหนูเจ้าค่ะ ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว จะโปรยข้าวตอกดอกไม้ให้พวกนกก่อนไหมเจ้าค่ะ”
เสือกพูดบทผิดอีก มันโคตรโก๊ะจริงๆ ในบทแค่โปรยข้าวสารให้อาหารนก ข้าวตอกดอกไม้ห่าไหนของมันเนี่ยะ
“นี่ชบาฉันขอแค่ข้าวสาร ข้าวตอกดอกไม้ไว้โปรยไล่ผีป่าเถอะ” แถไปกับบทพิเรนทร์ของมัน
ดันทำหน้าแบ๊วพึ่งนึกได้ว่ามันพูดผิด
ไอ้ท่าทางตาโตเหวอเนี่ยะ เล่นเอาฟีโรโมนความน่ารักเรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่น
ดูเหมือนซินเดอเรลล่ากับแม่เลี้ยงใจยักษ์เสียมากกว่าอีก
มาถึงฉากปิดท้องเรื่อง เปิดตัวเจ้าชายซึ่งเก็บผอบใส่ผมหอมลอยตามน้ำได้
ออกตามหาเจ้าของเส้นผมในผอบ กระทั่งตามกลิ่นถึงหอคอย แต่ขึ้นมาไม่ได้พร้อมทหารติดตามอีกหนึ่งนาย
“แม่นางผมหอม ข้ารู้เจ้าอยู่บนนั้น หากผอบนี้เป็นของเจ้าแล้ว ได้โปรดให้ข้าได้ยลโฉมด้วยเถิด”
ไอ้หนกป้องปากตะโกน ทำเหมือนตะโกนให้คนบนหอคอยได้ยิน ถึงคิวบูตัสชะโงกหน้าไปดู หันมาพูดกับผมตามบท
“คุณหนูเจ้าค่ะ เจ้าชายต่างเมืองตามผอบที่ท่านอธิฐานหาผัว ไม่ดูเขาหน่อยหรือเจ้าค่ะ”
มันพูดเพี้ยนตลอด ในบทบอกหาเนื้อคู่ล่อซะผัวเลย เรียกเสียงหัวเราะในความเปิ่นของมัน บวกเสียงเชียร์ในความเท่น่ารัก
ของไอ้หนกเล่นเอาเป็นที่ถูกอกถูกใจคนดู ป๊าม๊าไอ้หนกถึงกับยิ้มไม่หุบ ลืมกระทั่งลูกสาวเป็นพระเอกหน้าตาเฉย
“ได้ข้าจะดูสิว่า เจ้าชายที่ไหนเป็นเนื้อคู่กัน” พูดเสร็จชะโงกหน้าทำเป็นเมียงมอง
ตอนนี้ผมกับบูตัสอยู่บนนั่งร้านที่ทีมไอ้หัวหน้าห้องเช่ามาตบแต่งเป็นหอคอย
“สงสัยพรหมลิขิต” พูดจบผมทำเป็นสบตาพระเอกที่แหงนมองมา ฉากนี้ตั้งใจถ่ายทอดความรู้สึก
ผ่านดวงตาแทนการบอกรัก รู้เลยมันกำลังเขินสายตาผมอยู่
“เจ้าชายพะยะค่ะ แม่นางผมหอมคนสวย ไฉนมีพี่เลี้ยงเป็นผีป่า” สัด..บทนี้ไม่มีนี่หว่า
แล้วทำไมไอ้แห้งหน้าตี๋ที่รับเป็นทหารถึงพูดออกมาวะ เล่นเอาเรียกเสียงหัวเราะฮากระจายดังทั่วทั้งสนาม
“นางคงมีผีคุ้ม ไม่เช่นนั้นอาจมีบุรุษหรือพวกโจรมาลักพาตัวไปสิ” ไอ้ห่าทอมเสือกรับมุกอีก
“ถ้าเช่นนั้นท่านจะรีรอกระไร ขอให้นางนำเราขึ้นไปข้างบนเถอะ” กลับมาสู่บทปกติ
“แม่นางผมหอมผู้เลอโฉม ข้ามิเห็นทางขึ้นหอคอยเจ้าแต่อย่างใด เมื่อได้สบพักตร์แล้วไซร้
จงเปิดหอคอยรับข้ากับทหารติดตามด้วยเถิด เราเดินทางรอนแรมมาไกล กระหายน้ำและอาหาร เจ้าจักมีน้ำใจ
ต้อนรับพวกข้าได้หรือไม่” ไอ้ทอมส่งสายตาอ้อนวอนมาตามบทพูด
“คุณหนูเจ้าขา สงสารผัวคุณหนูเจ้าค่ะ รีบนำพวกเขาขึ้นมาเถอะ” อีอึนมันพาลพาล่มจริงๆ
ท่องบทผิดๆถูกๆ แต่เรียกเสียงฮาได้ไม่ขาด ก็หน้ามันเข้ากับบทพูดที่ไหน เด๋อด๋าไปอย่างอึนๆมึนๆ กลับดูน่าเอ็นดูปนขำ
“ยังไม่ได้เป็นผัว แค่เนื้อคู่ที่ข้าเสี่ยงทายผอบ ว่าแต่ให้ข้านำขึ้นมา จะทำได้เช่นไร
แม้แต่ตัวเจ้ากับข้ายังต้องอาศัยงวงพญาช้างผู้บิดา” ผมแก้บทตามตลอด พร้อมกับดึงเข้าสู่บทปกติ
“เช่นนี้สิท่าน ปอยผมของท่านยาวเกือบผืนดิน ขาดไม่ถึงศอก หากบุญพวกท่านมี ก็ห้อยหัวขึ้นมาได้แน่นอน”
กรรม..ห้อยหัวมันผีแล้วอีห่าบู ในบทต้องห้อยโหน มันพาเพี้ยนได้ตลอดสิท่า
“เอาเถอะ ข้าจะลองเสี่ยงดู หวังว่าหนังหัวข้าคงไม่หลุดนะชบา” อันหลังผมต่อบทเพิ่ม
เรียกเสียงหัวเราะไม่หยุดของผู้ชมทุกโต๊ะ ครอบครัวเราเหมือนพากันซื้อโต๊ะมาดูตลกปาร์ตี้เสียอย่างนั้น
“เจ้าชายผู้มาเยือน จงสดับฟังเงื่อนไข ข้าจักส่งปอยผมลงไป หากท่านคือคู่ตุนาหงันไซร้
จักสามารถโหนเส้นผมของข้าขึ้นมาได้” ผมตะโกนกลับลงไป
“ข้าต้องสามารถได้ เชิญเจ้าเถิด” ไอ้หนกตอบกลับมา ได้เวลาผมกับบูตัสช่วยกันเอาผ้าสีดำที่โพกหัว
ทิ้งจากนั่งร้านลงไปให้กนก
“นั่นคือเส้นผมของข้า เชิญท่านเถอะ” พูดจบไอ้หนกก็จับผ้าทำเป็นปีน
ความจริงมันกับไอ้ตี๋ทหารช่วยกันเอาชายผ้ามัดเอวไอ้หนก แล้วให้มันจับยึดด้วย ที่เหลือผมเป็นคนดึงขึ้น
ไม่ลำบากเท่าไหร่ น้ำหนักตัวมันไม่เยอะหรอก มันช่วยประคองตัวเองกระทั่งขึ้นมาถึงนั่งร้าน
“แปะๆๆ!!!..ฮิ้ว!!..วู้วว!!” เสียงปรบมือแสดงความดีใจในความพยายาม
ที่พวกเรานำพระเอกขึ้นบนหอคอยสำเร็จ พร้อมกับบูตัสตรงเข้าไปช่วยกนกแกะผ้าที่มัดเอวมันออกเรียบร้อย
“ขอบคุณแม่นางมาก เจ้าช่างงามทั้งน้ำใจและใบหน้า ข้าในฐานะเจ้าชายแห่งเมืองxxxx ขอรับเจ้าเป็นมเหสี”
พูดจบมันหันไปคว้าเอวบูตัสพร้อมดันให้หันหน้าออกเวที โบกมือให้ผู้ชมทั้งสนาม
“กรี๊ดด!!..แปะๆๆ..เยี่ยมๆ เล่นได้ดี สุดยอดดด!!!..ฮะฮ่าๆๆ” เสียงปรบมือแสดงความยินดีกับพวกมัน
ไหงกลายเป็นบูตัสเป็นนางเอกเล่าเฮ้ย! นี่มันพลิกบทกันเองเลยเหรอเนี่ยะ
“นี่ๆ เจ้าชายข้าต่างหากคือนางผมหอม” ผมเข้าไปสะกิด เรียกเสียงฮาขี้แตกขี้แตนจากคนดู
หลังบทมีหักมุมตอนจบ
“เจ้าอย่าริทะเยอทะยานให้มาก ถึงเป็นผีป่าข้าจักมีอาคมกำราบได้เช่นกัน” มันเสือกตอกผมหน้าหงาย
“นังผีป่า หากอยากได้ผัวมาแต่งกับข้าแทนเถอะ” ไอ้ห่าตี๋ทหารข้างล่างดันตะโกนแข่งเสียงหัวเราะ
กลายเป็นเรียกเสียงหัวเราะกระหน่ำเลยงานนี้ สรุปกูเป็นผีป่า...อร๊ากกกก!!!
ห่าบูตัสก็มึนอึนไปตามระเบียบ ก่อนโฆษกเพื่อนในห้องจะรับหน้าที่ปิดละครของเราลง
พร้อมตัวแสดงก่อนหน้าขึ้นเวทีมาสมทบครบ
“ละครนางผมหอมสเปเชี่ยลได้จบลง ด้วยการที่เจ้าชายเดินทางค้นหาพระชายาเป็นผลสำเร็จ
ขอเสียงปรบมือให้นักแสดงของเราทุกคนด้วยครับ” เสียงปรบมือดังกึกก้อง พวกเราได้แต่ยิ้มโบกมือตอบผู้ชม
ความจริงผมแอบเคืองที่มันหักมุมโดยที่ไม่รู้ แต่พอเห็นรอยยิ้มเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขในการชมการแสดงจากคนดู
โดยเฉพาะครอบครัวผม ทำให้อารมณ์ที่ว่าหายเป็นปลิดทิ้ง ละครออกมาแบบนี้ก็ดีเหะ
คนดูมีแต่ความสนุกขำขันตลอดเรื่อง สังเกตพวกไอ้ห่าเขม ไอ้น้องหนุ่ย เอก วิทย์ แม้แต่น้องสาวผม
กระทั่งแฟนอีอึนตัวแม่ มันยังนั่งหัวเราะโชว์ฟันขาวด้านล่างเวทีกันใหญ่ เล่นขำท้องขัดท้องแข็งแบบนี้
ยืนยันว่าเราประสบความสำเร็จในการแสดงอย่างสวยงามจริงๆ...
มาอัพตอน 41 ให้ครบ 100% แล้วนะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจเช่นกันค่ะ ตอนหน้าได้ลุ้นโจ๊กกับกนกแล้วค่ะ
รอดูว่าเกิดเหตุการณ์อะไร ทำให้ทั้งคู่มีอันต้อง......
Luk.