ตอนที่ 4 :: เดินเที่ยวกัน!! ::“ไงเรา เหนียวตัวไหมเนี่ยเดี๋ยวไปอาบน้ำก่อนเถอะ”ปรเมศพาเด็กหนุ่มมายังอีกชั้นหนึ่ง ชั้นนี้มีเพียงแค่สองห้องและค่อนข้างเงียบกริบ นันทกรกวาดตามองไปรอบๆห้องที่ประดับด้วยเตียงนอนเดี่ยว โทรทัศน์ เครื่องเสียง ตู้เย็นและยังมีห้องน้ำในตัวอีก ก่อนจะหันมาหาเจ้าของที่ทำท่าหาผ้าเช็ดตัวในตู้เสื้อผ้าให้กับตัวเอง
“ห้องอะไรอะพี่เมศ ในบริษัทมีห้องแบบนี้ด้วยหรือ??”
“ห้องนอนเวลาพี่มาค้างที่บริษัทนะ ชั้นนี้พี่ปิดทำห้องพักผ่อนของตัวเองนะ”ปรเมศตอบพร้อมดึงเสื้อออกมาจากราวแขวน
“แล้วไม่เคยพาสาวๆมาทำรุ่มร่ามแถวนี้บ้างเหรอครับ”นันทกรถามเย้า แกะกระดุมเสื้อที่ตนใส่ไปด้วย
“คุณหญิงแม่ของอาร์เค้ารู้ไปหมดแหละ ใครจะกล้าพาขึ้นมา ขนาดในห้องทำงานที่ไม่น่าจะสงสัยเค้ายังรู้เลย ขืนพามาชั้นนี้สายของคุณหญิงแม่โทรรายงานกันสายไหม้แหงๆ”ชายหนุ่มพูดอย่างเซ็งๆหันมามองทางนันทกรก่อนจะชะงักกึก เมื่อเห็นบนร่างกายขาวสะอาดนั้นเหลือเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว และบ๊อกเซอร์ตัวนั้นก็กำลังจะถูกเจ้าของรูดออกแล้วด้วย
“ขาว........เฮ้ย!!ไม่ใช่ ทำไมไม่ไปถอดในห้องน้ำ!!.........หัดอายบ้างซิเรา!!”นันทกรมองอย่างงงๆ
“ทำไมอะ ปกติผู้ชายเค้าก็เดินถอดเสื้อแก้ผ้ากันทั้งนั้นอะ อยู่นู้นอาร์ก็ถอดออกบ่อย”จริงของเด็กหนุ่ม เค้าก็เคยทำแต่ทำไมไม่รู้พอเห็นนันทกรทำจึงเห็นว่ามันไม่เหมาะเลยสักนิดเดียว
“ไม่ต้องถามให้มาก เอ้า!นี้ผ้าเช็ดตัว รีบๆไปอาบน้ำเลย”ว่าแล้วก็ดุนหลังคนตัวเล็กกว่าเข้าห้องน้ำ
“เฮ้อ!!เหนื่อยจริงๆเลยเรา”ปรเมศนั่งลงบนเตียงเอามือลูบหน้าแล้วนึกไปถึงผิวขาวเนียนนั้นก็อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ ผิวสวยพอๆกับพวกผู้หญิงเลยแฮะ
“พี่เมศ อาบเสร็จแล้วผ้าเปลี่ยนอะ”เมื่อเสียงน้ำหยุดไหลเด็กหนุ่มก็ออกมานั่งลงบนเตียงในสภาพมีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันไว้ที่เอว ทำเอาปรเมศไม่รู้จะเอาตาไปไว้ที่ไหนดี
“เอ้านี่!!รีบแต่งตัวเลยเดี๋ยวเป็นหวัด”
“คร้าบบบบ........เสื้อพี่เมศตัวใหญ่ไปไหมเนี่ย”หลังจากใส่เสื้อที่ว่าตัวเล็กที่สุดแล้วของปรเมศมันก็ยังหลวมโครกอยู่ดีเพราะคนที่ใส่ผอมบางผิดกับเจ้าของเสื้อเหลือเกิน
“เอาน่า มีอะไรก็ใส่ไปก่อน........อยากซุ่มซ่ามเองนิเรา”
“ก็ส่งให้พี่แอนเค้าไปแล้ว ใครจะรู้ละว่าเค้าจะทำหลุดมือ อุ๊บ!!!!”นันทกรบ่นเล็กน้อยก่อนจะรีบปิดปาก ทำให้ปรเมศเลิกคิ้วสงสัย ยิ่งน้องชายตรงหน้าทำหน้าตาเลิกลั่กเค้าก็ว่ามันต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน
“ทำหลุดมือ???สรุปนี่เราซุ่มซ่ามเองหรือยังไงกันแน่”ปรเมศยืนกอดอกถาม
“ซุ่มซ่ามเอง......จริงๆนะพี่แอนเค้าไม่ได้ทำอะไรหรอก”คำพูดเหมือนปกป้องใครอีกคนทำให้ปรเมศยิ่งอยากรู้ความจริงไปใหญ่
“อาร์ พี่ขอความจริง....”นันทกรทำท่าลังเลเล็กน้อยแล้วถอนหายใจออกมา
“แบบว่าอาร์กับพี่แอนก็คุยเล่นกันอยู่ พอดีเผลอหลุดปากเรื่องที่คุณป้าช้อยจะให้หมั้นกัน..........ก็เห็นพี่แอนแกหน้าซีดเลย ก็ว่าจะหาเรื่องเบี่ยงเบนเลยให้เค้าเอาแก้วโกโก้ที่กินไปเก็บ...........พอดียื่นให้เค้าแล้วอีท่าไหนไม่รู้มือพี่เค้ามาสะบัดโดนแก้วแล้วก็หกมาใส่อาร์..............มันเป็นอุบัติเหตุแหละพี่เมศ ผมว่าพี่แอนเค้าไม่ได้ตั้งใจหรอก”คำพูดของนันทกรทำเอาปรเมศคิดหนักเพราะไม่รู้เจตนาของมัทรีว่าแกล้งจริงหรือไม่ได้ตั้งใจ......
“เอาเหอะ งั้นกลับบ้านเลยดีไหม เดี๋ยวพี่ไปหยิบเอกสารที่ห้องทำงานก่อนแล้วเรากลับบ้านกัน วันนี้พี่ไม่มีงานอะไรแล้ว”
“แล้วแต่พี่เมศครับ”เด็กหนุ่มส่งยิ้มให้ก่อนทั้งคู่จะเดินกลับไปที่ห้องทำงานด้วยกันอีกครั้ง
“พี่เมศ สภาพผมแย่มากเลยไหมอะ”นันทกรถามเมื่อเดินมาสักพักจนเกือบถึงห้องทำงานของปรเมศแล้ว
“ทำไมหรือ ก็.......ไม่เห็นแปลก แค่เสื้อมันใหญ่ไปหน่อย”ร่างสูงมองรอบๆตัวเด็กหนุ่มก่อนตอบ
“ก็ตั้งแต่เดินมา พวกพี่ๆเค้ามองกันแปลกๆอะ”นันทกรบ่นอุบอิบอย่างเสียเซลฟ์ ปรเมศหันไปมองรอบๆเมื่อเห็นทั้งพนักงานหนุ่มสาวจ้องเจ้าตัวเล็กของเค้าแล้วหันไปซุบซิบกันก็รีบดึงนันทกรเข้าหาตัวแล้วพูดเสียงเย็น
“มองอะไรกัน...........มีงานก็รีบไปทำสิ แล้วถ้าใครอยากนินทาน้องผมมากนักก็จะให้กลับไปนินทาที่บ้านซะเลยดีไหม”พูดจบต่างคนต่างก็รีบหันกลับไปทำงานของตัวเองทันที
เมื่อกลับมาถึงห้องทำงาน สิ่งแรกที่ทั้งสองเห็นคือมัทรีที่หันมามองคนที่เดินเข้ามาในห้องแล้วสะดุ้งด้วยกลัวเจ้านายว่าอีก นันทกรยิ้มให้เหมือนจะบอกอีกฝ่ายว่าไม่ได้ถือสากับสิ่งที่เกิดขึ้นไปก่อนกระตุกชายเสื้อให้ปรเมศก้มหัวลงมาหาตน
“พี่เมศ เดี๋ยวผมไปรอข้างนอกนะครับ”นันทกรกระซิบที่ใบหูเบาๆแล้วหันไปยิ้มที่ไม่สื่อความหมายให้หญิงสาวอีกครั้ง ทำให้มัทรีไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้ต้องการทำอะไรกับเธอกันแน่ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย
“เอ่อ.........น้องอาร์ได้บอกอะไรคุณหรือเปล่าคะ”เมื่อเด็กหนุ่มฝรั่งออกไปแล้ว มัทรีก็ถามขึ้นทันที
“บอกอะไรครับ??”ปรเมศหันมาถามเสียงเรียบพลางเก็บเอกสารไปด้วย
“ก็เรื่องที่น้ำหก.......น้องอาร์เค้าคงไม่บอกว่าแอนตั้งใจทำใช่ไหมคะ”
“แล้วแอนตั้งใจทำหรือเปล่าละครับ”คราวนี้ชายหนุ่มหันมามองมัทรีทั้งตัว สายตาเต็มไปด้วยความตำหนิจนหญิงสาวไม่พอใจ
“เปล่าคะ........นี้สรุปน้องอาร์เค้าหาว่าแอนทำใช่ไหมคะ แล้วบอสก็เชื่อด้วย??”
“อาร์ไม่ได้พูดสักคำว่าคุณทำ เค้าบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ.......แต่ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริง ผมถามตรงๆนี้คุณจงใจทำหรือเปล่า”ปรเมศไม่พอใจที่มัทรีพูดเหมือนนันทกรเป็นเด็กชอบใส่ความคนอื่น ทั้งที่เค้ามั่นใจว่าน้องเค้าไม่ใช่
“แอนเปล่านะคะ!!!เด็กนั้น........น้องอาร์ต่างหากที่เอาแก้วมาชนมือแอนจนมันหกรดตัวเอง!!!”หญิงสาวอารมณ์เสียเมื่อชายหนุ่มจะพยายามยัดเยียดให้เธอเป็นคนทำ
“คุณอย่ามาใส่ร้ายอาร์!!น้องผมไม่ทำอย่างนั้นแน่!!”
“น้อง.........น้องจริงๆหรือคะ หึ!!คุณรู้ไหมว่าน้องอาร์เค้าบอกว่าเค้าเป็นคู่หมั้นคุณ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเค้าจะใส่ร้ายแอนไปเพื่ออะไร เพราะเค้ารู้ไงคะว่าเราสองคนเคยทำอะไร.....”
“เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้!!ผมขอละกันขอให้เรื่องนี้จบ อย่าทำอะไรอย่างนั้นกับอาร์อีก ไม่งั้นผมคงให้คุณอยู่บริษัทนี้ไม่ได้”พูดจบชายหนุ่มก็เดินออกนอกห้องทันที ปล่อยให้หญิงสาวยืนกำมือแน่นอยากจะกรีดร้องออกมา
“ฮะๆ โง่ชะมัดทำตัวเองแท้ๆ”เด็กหนุ่มที่นั่งนอกห้องหัวเราะเบาๆ เสียงทะเลาะกันดังออกมาถึงข้างนอกแม้จับอะไรไม่ได้เท่าไหร่แต่พนักงานข้างนอกก็พอรู้เลาๆแล้วว่าตนกับรองประธานเจ้าของบริษัทนี้เป็นอะไรกันจากคำพูดของมัทรีเมื่อครู่
เมื่อปรเมศออกมานันทกรรีบเดินเข้าไปหาทันที สายตาบ่งบอกถึงความเป็นห่วง มือขาวกำเสื้อสูทของอีกคนแน่น
“พี่เมศ......”ปรเมศลูบหัวอีกฝ่ายก่อนหันไปทางห้องเลขาที่อยู่ใกล้ๆ
“เปลี่ยนตัวเอาคุณมัทรีออกจากการเป็นเลขาของผมให้คุณนภดลมาทำงานแทนจนกว่าคุณพิมวรรณจะกลับมา เข้าใจไหม??”
“คะ ครับ!!”เลขาหนุ่มอีกคนรีบรับคำทันที
“กลับบ้านกันนะอาร์”ปรเมศพูดเสียงนุ่ม
“อืม”เด็กหนุ่มตอบรับแล้วทั้งสองก็เดินออกไปด้วยกัน ปล่อยให้ทั้งบริษัทเกิดข่าวลือว่ารองประธานหนุ่มเพลย์บอยตกร่องปล่องชิ้นกับเด็กหนุ่มหน้าฝรั่งเรียบร้อยจนหมดลายคาสโนว่าแล้ว!!!
“พี่เมศ........ทำอย่างนั้นมันจะไม่แย่หรือ??”เสียงติดหม่นของคนที่หันหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถ ทำให้ปรเมศต้องหันมามองแวบหนึ่งก่อนหันกลับไปที่ถนน
“ใคร?? อะไรแย่??”
“ก็พี่กับพี่แอนไง............ข้างนอกได้ยินหมดเลยนะ ทั้งเรื่องที่พี่พูดเหมือนพี่แอนแกล้งผมแล้วก็เรื่อง......หมั้น........พี่ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ”ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองคนขับรถอย่างไม่แน่ใจและเหมือนจะรู้สึกผิด
“ช่างมันเหอะ เรื่องหมั้นคนเราลือกันไม่กี่อาทิตย์ก็ลืมกันหมดแล้ว ส่วนเรื่องแอน........เค้าก้าวเกินกรอบที่เค้าควรจะเป็น นี้อาจเป็นโอกาสดีที่พี่จะเลิกยุ่งกับเค้าก็ได้”ปรเมศพูดปลอบใจพลางยื่นมือมาขยี้หัวคนขี้กังวล
“แต่ว่า......”
“ไม่มีแต่อาร์.........นี่ คืนนี้อยากไปเปิดหูเปิดตาไหม ไม่ได้กลับเมืองไทยมาหลายปี อยากไปเที่ยวที่ไหนบ้างหรือเปล่า??”
“ไม่รู้อะพี่เมศ ไม่ได้กลับมาหลายปีแล้ว นึกไม่ออกว่าที่ไหนเป็นที่ไหนบ้าง ขืนให้ผมออกไปเองคงต้องหลงทางแน่ๆเลย”เด็กหนุ่มสะบัดหัวผมกระจายตอบคำถามอีกคน แถมยังทำหน้าหวาดเหมือนกลัวคนที่ขับรถอยู่พาไปปล่อยทิ้งที่ไหน
“งั้นเอางี้ เดี๋ยวเรากลับบ้านกันก่อน อาบน้ำอาบท่ากันก่อนแล้วคืนนี้พี่ชายจะพาเที่ยวกลางคืนเอง”
“เที่ยวพวกผับบาร์หรือพี่เมศ ผมไปไม่ได้หรอก ผมแพ้เหล้ากับควันบุหรี่”นันทกรรีบบอก กลัวปรเมศจะพาไปที่ถนัดของตน
“อืม งั้นเหรอ............งั้นเราเดินเที่ยวดูแสงสียามค่ำคืนตามที่ต่างๆกันไหม”ปรเมศนึกก่อนเปรยออกมา
“แบบพวกถนนคนเดินเหรอพี่เมศ ก็ดีนะเผื่อผมอยากซื้ออะไรส่งไปให้แด๊ดกับมัมที่นู้นบ้าง”เด็กหนุ่มดวงตาเป็นประกายสดใสแบบคนถูกใจ ทำเอาคนชวนยิ้มเอ็นดู
“งั้นกลับถึงบ้านก็รีบกลับไปทานยาแก้หวัดแล้วนอนพักผ่อนซะ ตอนเย็นเดี๋ยวพี่บอกเค้าไม่ต้องเตรียมอาหารเผื่อเราสองคน พี่จะพาเดินดูของไปกินไปเปลี่ยนบรรยากาศ เอาไหม??”นันทกรพยักหน้าขึ้นลงรัวเร็ว ใบหน้าแย้มยิ้มจนแทบเห็นฟันครบ 32 ซี่ ท่าทางอยู่ไม่เป็นสุขทำเอาปรเมศแอบขำ.........อย่างน้อยก็ดีกว่านั่งจ๋องแบบเมื่อกี้ละกันน่า เจ้าตัวยุ่ง!!
......................................
......................
.........
...
“กลับมาแล้วครับ!!!”เสียงทักทายร่าเริงแจ่มใสจากหน้าประตูห้องโถง ทำให้คุณหญิงชดช้อยที่กำลังนั่งดูตลาดหุ้นทางโทรทัศน์นั้นหันมามองด้วยความเอ็นดู
“กลับมาแล้วหรือจ๊ะ.........หืม??น้องอาร์เมื่อเช้าหนูไม่ได้ใส่เสื้อตัวนี้นี่ลูก??”เมื่อเห็นเสื้อตัวใหญ่โคร่งของลูกชายคนโตอยู่บนตัวของว่าที่ลูกสะใภ้ สายตาคมกริบก็เบนไปหาเจ้าของเสื้อทันที
“ผมซุ่มซ่ามนิดหน่อยนะครับ คุณป....คุณแม่ เผลอทำแก้วน้ำหกใส่ตัวเองเข้า”นันทกรรีบอธิบายแล้วเข้าไปนั่งข้างๆอ้อนหญิงคนเดียวในห้อง
“ตายจริง......ระวังหน่อยสิลูก แล้วนี้อาบน้ำอาบท่าแล้วใช่ไหมจ๊ะ”คุณหญิงชดช้อยจับเด็กช่างอ้อนพลิกซ้ายพลิกขวา
“ผมพาไปอาบที่ห้องพักของผมแล้วครับแม่ พอดีไม่มีงานเลยรีบพากลับว่าจะให้กินยาแล้วนอนพักซะ กลัวไข้ขึ้น”ปรเมศเป็นฝ่ายตอบแทน คุณหญิงพยักหน้าตอบรับ
“งั้นรีบไปทานยาแล้วนอนเถอะนะจ๊ะ...........จริงสิ แม่ได้ให้เค้าจัดห้องให้เสร็จแล้ว จะไปอยู่เลยไหมจ๊ะน้องอาร์”
“ก็ดีครับ.........โชคดีเนอะพี่เมศ คืนนี้ไม่มีใครมาแย่งเตียงแล้วนะ”นันทกรหันไปเย้าแหย่อีกหนึ่งหนุ่มที่ยืนอยู่ ปรเมศส่ายหัวยิ้มๆ
“ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า พูดเหมือนพี่รังเกียจเราไปได้”ปรเมศพูดตามความรู้สึกที่แท้จริง เค้าไม่เคยอึดอัดถ้าคนที่มานอนด้วยเป็นนันทกร แต่ทุกคนก็ควรจะมีห้องของตัวเองไว้เป็นที่ส่วนตัวบ้างไม่ใช่หรือไง??
“แม่ให้เค้าจัดห้องที่ติดกับตาเมศไว้ให้ ถ้าคืนไหนไม่สบายก็ไปเคาะประตูห้องพี่เค้านะลูก”
“ครับ งั้นผมไปทานยาแล้วนอนก่อนนะครับ เย็นนี้พี่เมศจะพาไปเที่ยวขืนเป็นหวัดขึ้นมาอดสนุกกันพอดี”เจ้าตัวคนพูดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนเดินขึ้นไปยังชั้นสอง ปล่อยให้แม่ลูกเค้านั่งคุยกันต่อไป
“ว่าไงละเรา น้องน่ารักใช่ไหมละ..........แม่บอกแล้วดีกว่าอยู่กับพวกผู้หญิงของเราตั้งเยอะ”คุณหญิงชดช้อยยิ้มอย่างพออกพอใจ
“น้องน่ารักเป็นปกติอยู่แล้วละครับ แต่ผมบอกแม่แล้วว่าคิดกับอาร์แค่น้องชาย ต่อไปนี้ผมจะระมัดระวังในการใช้ชีวิต ไม่มั่วผู้หญิงอีกเพราะงั้นเลิกเล่นซักทีเถอะครับแม่ สงสารอาร์ด้วยไม่รู้อะไรด้วยเลยต้องมาโดนกับผมด้วย”ปรเมศพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง คุณหญิงชดช้อยทำหน้าหมั่นไส้
“ยะ!!!แม่คงเชื่อเราหรอก ขอดูความประพฤติอีกสี่ห้าเดือน ยังไงน้องก็ต้องอยู่กับเราอีกตั้งหลายปี จับหมั้นกันตอนไหนก็ไม่สาย...”ปรเมศถอนหายใจโล่งอกเมื่อแม่ของเค้าเริ่มผ่อนปรนให้ ไม่จับหมั้นดั่งที่เคยบอกในคราวแรก แต่สิ่งที่ทั้งสองคนไม่รู้เลยก็คือ เด็กหนุ่มหน้าฝรั่งที่คิดว่าเดินขึ้นบันไดเข้าห้องไปแล้วนั้นที่จริงยังอยู่ที่ระเบียงเหนือหัวทั้งสองคนนั้นแหละ
“คุณป้าใจดีเกินไปหน่อยแล้ว สงสัยต้องหาทางให้พี่เมศทำตัวแย่ๆซะบ้างดีกว่า”เสียงเยียบเย็นลอยออกมาจากนันทกร เล็บนิ้วโป้งถูกกัดระบายความไม่พอใจ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
“ฮิวส์??........ชิ!!!น่ารำคาญชะมัด”มือเรียวกดรับสาย พลางเดินเข้าห้องนอนของตนไป
เมื่อพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า นกกาเริ่มกลับคืนสู่รัง เสียงนาฬิกาลูกตุ้มโบราณร้องเสียงกังวาน ร่างสูงที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องพักผ่อนเงยหน้าขึ้นมองเห็นเข็มสั้นชี้เลขหกและเข็มยาวชี้เลขสิบสองก็บิดขี้เกียจผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่อยู่ในท่าเดียวตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
“อืมมมมม!!ป่านนี้อาร์เป็นยังไงบ้างนะ”ว่าแล้วก็ปิดหนังสือเก็บลงชั้น เปิดประตูห้องออกไปยังอีกห้องหนึ่ง ห้องที่เค้าคาดว่าคงมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนอนหลับปุ๋ยอยู่ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ.......
“อาร์.........อาร์ตื่นได้แล้ว”เพียงการเขย่าตัวแผ่วเบา นันทกรก็ค่อยๆปรือตาขึ้นอย่างงัวเงีย
“อือ.......พี่เมศ กี่โมงแล้ว??”พูดพลางหาวหวอด ทำให้ปรเมศอดขยี้หัวเล่นไม่ได้ด้วยความเอ็นดู
“หกโมงเย็นแล้ว ไปอาบน้ำอาบท่าซะ เดี๋ยวพี่จะพาไปหาอะไรกินกันข้างนอกเลย”นันทกรพยักหน้ากึกๆแบบคนยังไม่ตื่นเต็มตาก่อนลากสังขารเดินเข้าห้องน้ำไป ปรเมศเห็นแล้วก็หัวเราะ เคาะประตูห้องน้ำที่ถูกปิดไป
“พี่รอด้านล่างนะ ให้ว่องละ”
“คร้าบบบบบ”
////////////////////////////
“พี่เมศศศศศ ดูนู้นซิน่ากินชะมัด”เสียงร้องเจื้อยแจ้วตลอดทางทำให้ปรเมศอดยิ้มไม่ได้ นันทกรทำหน้าตื่นตาตื่นใจชี้ชวนเค้าดูนู้นดูนี้ตลอดทางถนนที่เดินผ่าน
“ชอบไหม เดินแบบนี้”คนร่างสูงถาม นันทกรยิ้มแฉ่งพยักหน้า
“ชอบครับ อยู่ที่นู้นต้องมีงานเทศกาลเท่านั้นถึงจะได้เดินแบบนี้”
“เราชอบก็ดี แต่พี่ว่าเราไปหากินแบบเป็นร้านก่อนดีกว่านะแล้วค่อยเดินหาขนมกิน”เด็กหนุ่มตอบตกลงอย่างว่าง่าย ปรเมศมองร้านอาหารสองฝั่ง พลางคิดว่าอะไรพอที่จะให้นันทกรทานได้บ้างก็ถูกเด็กหนุ่มดึงปลายเสื้อโปโลสีน้ำเงินเข้มของเค้ายิกๆ
“พี่เมศ ผมอยากกินนั้น”
“ข้าวผัดน้ำพริก??เผ็ดนะ เคยกินหรือเปล่าเรา??”ร่างสูงถามอย่างสงสัย กลัวนันทกรจะกินเผ็ดไม่ได้
“เคย!!อยู่นู้นมัมชอบทำอาหารไทยให้กินบ่อยๆ”
“งั้นก็ได้ แต่ถ้าเผ็ดก็อย่าฝืนละ เดี๋ยวจะปวดท้องเอา”นันทกรพยักหน้าดีใจ เดินคล้องแขนลากร่างสูงเข้าร้านทันที
“ยินดีต้อนรับคะ!!สองที่นะคะ เชิญคะ”หญิงสาวพนักงานเสิร์ฟในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ผูกผ้ากันเปื้อนไว้ด้านหน้าออกมารับแขกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนผายมือให้สองหนุ่มเดินเข้าไปนั่งในร้านพร้อมส่งเมนูให้ทันทีเมื่อเห็นว่าแขกนั่งลงแล้ว
“หูย!!รายการเยอะแยะเลยอะพี่เมศ เลือกไม่ถูกเลย”นันทกรว่าเข้า พลางกวาดตามองเมนูขึ้นลง
“นั้นสิ มีอันไหนแนะนำบ้างไหมครับ”
“ค่ะ คุณลูกค้ากินเผ็ดได้หรือเปล่าคะ?? ถ้าไม่ได้จะแนะนำเป็นพวกข้าวคลุกกะปิคะ เราใช้กะปิอย่างดี แถมมีทั้งไข่หั่นฝอย หมูหวาน แตงกวาฝาน กุ้งแห้งทอดกรอบ มะม่วงโรยหน้าครบเซ็ตคะ หรือถ้าต้องการเผ็ดเล็กน้อยแนะนำข้าวผัดน้ำพริกลงเรือคะ เรามีแบบเผ็ดน้อยและเผ็ดมาก เครื่องเคียงก็มีไข่หั่นฝอย หมูหวาน ปลาทอก หอมซอยแล้วก็พวกผักสดนะคะ รสชาติค่อนข้างเค็ม หวาน เปรี้ยว ส่วนถ้าชอบของเผ็ดๆก็แนะนำพวกข้าวน้ำพริกโจร น้ำพริกนรก รับรองความเผ็ดเลยคะ แบบพื้นๆเราก็มีนะคะเช่นพวกข้าวน้ำพริกกะปิ น้ำพริกอ่อง น้ำพริกกุ้งสด น้ำพริกมะขาม”
“งั้นพี่ว่าอาร์กินข้าวคลุกกะปิละกันนะ......อย่าเถียง เดี๋ยวกินเผ็ดมากขึ้นมาปวดท้องแล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน ส่วนผมเอาข้าวน้ำพริกกะปิครับ น้ำเอาเป็นน้ำเปล่าครับ”หญิงสาวพยักหน้าพลางจดรายการอาหารอย่างรวดเร็วก่อนจะจากไป นันทกรนั่งทำหน้าบูดทันที
“พี่เมศอะ!!เชอะ!!งอน”เด็กหนุ่มสะบัดหน้าทำงอน ปรเมศได้แต่หัวเราะหึหึ มองดูนู้นดูนี่ไปรอบๆร้าน
“เธอดูสิ เด็กคนนั้นน่ารักเนอะ อย่างกับตุ๊กตาฝรั่งแหนะ”
“จุ๊ๆ เบาๆสิเธอ คนที่มาด้วยเค้าเป็นคนไทยนะ เดี๋ยวเค้าได้ยินหรอก”ปรเมศฟังสองสาวที่นั่งอยู่ข้างหลังเค้าเม้าท์กันแล้วยิ้ม ก็สมควรหรอกวันนี้นันทกรอยู่ในชุดผ้านิ่มคอวีแขนกุดสีฟ้าสว่างมีฮู้ดห้อยอยู่ด้านหลังกับกางเกงผ้าสามส่วนพอดีตัวสีน้ำตาลเข้ม รองเท้าผ้าใบสีเดียวกับกางเกง สกรีนลายดาวอย่างเท่ห์ที่ส้นและหลังเท้า กระเป๋าสะพายพาดตัวสีฟ้า ผมสีน้ำตาลถูกรัดหางม้าสั้นกุดอย่างลวกๆ หากมองผ่านๆคงมีแต่คนนึกว่าเป็นเด็กหญิงฝรั่งท่าทางทอมบอยเป็นแน่
“พี่เมศ ยิ้มอะไร คนเค้างอนอยู่นะ”มีเหวี่ยงเว้ย.....ปรเมศแอบคิดในใจ
“งอนหรือ ว้า!!งั้นก็หมดสนุกเลยสิ งั้นกินเสร็จแล้วกลับเลยละกัน งานกร่อยแล้วนิ”
“อ๋า!!ไม่งอนก็ได้ ไม่งอนแล้ว ผมยังไม่ได้เดินเที่ยวดูอะไรเลย พี่เมศพาผมเดินก่อนนะ นะๆๆ”สายตาวิ้งๆน่าเอ็นดูถูกส่งมา ปรเมศที่แกล้งเก๊กเศร้าอยู่อดไม่ได้หัวเราะออกมาดังๆ พลางคิดนานเท่าไหร่และนะที่เค้าไม่ได้หัวเราะเต็มที่แบบนี้ อาจจะยิ้มบ่อย แต่ก็แค่ยิ้มเพราะพอใจแต่ไม่ได้หัวเราะเพราะมีความสุขมากขนาดนี้....
“โอเคๆ เห็นแล้วละเมื่อกี้ตอนเดิน พอเห็นขนมแล้วน้ำลายหยดแหมะๆเลยนี่เรา”
“แหมก็ขนมเมืองไทยน่าอร่อยทั้งนั้นเลยนิ อยู่นู้นกินแต่เค้ก สโคน คุ้กกี้ เบื่อจะแย่แล้ว”
“งั้นก็รีบกินไป แล้วเราไปหาขนมกินกันต่อ”ปรเมศเลื่อนจานน้ำพริกที่เพิ่งมาส่งพอดีให้ตรงหน้านันทกร เด็กฝรั่งพยักหน้าก้มหน้าก้มตากินอย่างตั้งใจ ร้องหาน้ำเป็นระยะจนปรเมศอดส่ายหัวขำๆไม่ได้
หลังจากทานอาหารเสร็จสองหนุ่มก็เดินดูของไปเรื่อยๆ นันทกรมักหยุดซื้อขนมนู้นนี้ตลอดจนปรเมศต้องเอ่ยปากห้ามเพราะกลัวกินไม่หมด คนโดนห้ามก็กลับพองแก้มบอกว่าเอาไปฝากคนนู้นคนนี้ที่บ้าน ฝากตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่ยันยามที่เฝ้าประตูบ้าน ซึ่งพูดขนาดนี้ปรเมศก็คงขัดไม่ได้ยอมให้ร่างเล็กซื้อไปชิมไปตลอดทาง
“อาร์........หยุดเดินทำไมน่ะ??”ปรเมศถาม เมื่ออีกคนหยุดชะงักอยู่กับที่เมื่อผ่านร้านหนึ่ง มันเป็นร้านแผงลอยที่ตกแต่งน่ารักๆสไตล์วินเทจ ดอกไม้พลาสติกถูกเกี่ยวตามเสาไม้สีขาวด้านข้างพันเหมือนไม้เลื่อย บนพื้นแผงลอยปูด้วยหญ้าพลาสติกสีเขียว ของที่วางบนหญ้านั้นเต็มไปด้วยของกระจุกกระจิกมากมาย เมื่อมองตามนันทกรไปแล้วก็เห็นดวงตาสีน้ำตาลนั้นมองตุ๊กตาผ้าเนื้อนุ่ม ผมทำจากเส้นไหมสีดำ ตาทำจากกระดุมสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ ในชุดเสื้อลายสก็อตสีฟ้าที่นอนยิ้ม แก้มชมพูอยู่ข้างเกวียนสีขาวบรรจุดอกไม้หลากสี
“อ๊ะ.....อ๋อ......มองตุ๊กตานิดหน่อยนะพี่เมศ”เสียงเล็กที่เคยเจื้อยแจ้วดูเรียบอย่างน่าประหลาด ดวงตานั้นมีแววสั่นไหวเล็กน้อย
“ชอบหรือ??”
“นิดหน่อยครับ.........พี่เมศว่ามันหน้าตาไม่เหมือนพี่เมศหรือ เหมือนออกเห็นปะ??”นันทกรหยิบตุ๊กตาขึ้นมาให้อีกคนดู ปรเมศมองเพ่งมองยังไงก็ไม่เห็นเหมือนตัวเอง
“เหมือนเหรอ?? คงงั้นมั้ง....”ปรเมศตอบกึ่งรับกึ่งสู้
“พี่เมศ ซื้อให้หน่อยสิ......นะ”ไม่รู้ว่าเพราะแววตาที่แสดงออกมาของนันทกรหรือบรรยากาศหรืออะไรก็แล้วแต่ ปรเมศพยักหน้าพลางถามราคาคนขายและส่งเงินให้ไป นันทกรดึงตุ๊กตาไปไว้แนบอก ยิ้มขอบคุณหากแต่ดูมันไม่สดใสเหมือนเคย
“ขอบคุณครับพี่เมศ อาร์จะเก็บรักษาให้ดีที่สุด”แม้นันทกรจะแปลกไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมในเวลาไม่ถึงสิบนาที ปรเมศจึงไม่ติดใจอะไรและพากันเดินเล่นต่อจนหมดแรงไปทั้งคู่.....
“วันนี้สนุกมากๆเลยพี่เมศ ขอบคุณครับ”นันทกรพูดเมื่อเดินเข้ามาในตัวบ้าน
“สนุกก็ดีแล้ว งั้นก็ไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ”
“อืม งั้นพรุ่งนี้เจอกันครับ อ๋อ......พรุ่งนี้อาร์ตามไปด้วยอีกนะที่บริษัทอะ”ปรเมศถอนหายใจ
“ห้ามไม่ได้อยู่แล้วนิ คุณหญิงชดช้อยก็ต้องให้ไปอยู่แล้ว”
“อิอิ งั้นขึ้นนอนแล้วพี่เมศ ราตรีสวัสดิ์.......จุ๊บ!”นันทกรหอมแก้มกู๊ดไนท์คิสคนที่ตัวสูงกว่าก่อนวิ่งขึ้นห้องไป ปรเมศไม่ว่าอะไรเดินขึ้นห้องตัวเองไปเช่นกัน
เมื่อถึงห้องนอนแขกที่ถูกจัดไว้เป็นห้องของตัวเองแล้ว นันทกรก็ล้มตัวลงนอนทันทีแต่ก็ลุกขึ้นเหมือนนึกอะไรได้ เดินไปหยิบเจ้าตุ๊กตาในถุงขึ้นมากอดแนบอกแล้วล้มตัวนอนอีกครั้ง
“อเลน.......ผมคิดถึงคุณ.......อเลน ผมสัญญาผมจะต้องมีความสุขอย่างที่คุณต้องการ เพราะงั้นคุณต้องเชียร์ผมนะ เชียร์ให้พี่เมศรักผม......เพราะถ้าเป็นพี่เมศที่เหมือนคุณขนาดนั้น.........ผมจะต้องรักได้แน่ๆ รักไม่น้อยกว่าที่ผมรักคุณ.....”คำพูดภาษาอังกฤษถูกกล่าวออกมาราวกับจะกล่าวให้อีกคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ได้รับรู้ พูดจบก็น้ำตาไหลอย่างเงียบๆ ตุ๊กตาถูกกอดแน่นราวกับเป็นตัวแทนของคนที่ไม่มีวันได้มา.....
ติดตามตอนต่อไป...
----------------------------
Neya : สวัสดีคะ Neya รายงานสดจากที่ทำงาน 555+
แอบลงนิยายที่ทำงานคะ ถ้าหัวหน้ารู้คงโดนตบ
เอาเป็นว่ามาพูดเรื่องของเรากันดีกว่าเนอะ เห็นกระทู้ที่ตอบๆกันมาแล้วก็ชื่นใจที่ทุกคนรักน้องอาร์กันมากมายเหลือเกิน อยากบอกว่าน้องอาร์เป็นหนึ่งในตัวละครซีรีย์นายเอกนายร้ายคะ คือจากการที่เขียนมาหลายเรื่องเราจัดนายเอกเราเป็นหลายระดับ มีทั้งใสซื่อ ร้าย เรียบร้อย เอาไว้วันหลังจะมาลงเรื่องอื่นให้อ่านบ้างคะแต่เรื่องนี้ให้มันจบก่อนเนอะ หากคนอ่านทุกท่านรักน้องอาร์ก็ขอให้รักตลอดไปนะคะ ไม่ว่าน้องอาร์จะร้ายยังไงก็ตามเราหวังเพียงแค่นั้น กลัวสักวันจะมีคนว่าลูกน้อยๆคนนี้
อ๊ะ!!พอ เดี๋ยวจะมาม่า มีอีกเรื่องที่อยากบอก......ตอนต่อไปยังแต่งไม่เสร็จเลยอะ ไม่รู้จะมาทันกำหนดที่ตั้งไว้คราวหน้ารึเปล่า แหะๆ(//ยังกล้ามาหัวเราะเนอะ)
ยังไงก็รออ่านกันต่อไปนะจ๊ะ คนเขียนขอร้อง
วันนี้เม้าท์แค่นี้ก่อนละกันนะคะ เดี๋ยวเจ้านายมาเห็นจะแย่เอา งั้นก็สวัสดีอีกรอบคะ