๐๐Timeless รักข้ามภพ๐๐ Update เปิดจองรวมเล่ม P.33
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ๐๐Timeless รักข้ามภพ๐๐ Update เปิดจองรวมเล่ม P.33  (อ่าน 267751 ครั้ง)

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
จุดเริ่มต้นของความแค้นกำลังจะเริ่มแล้วสินะ

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
ใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีแล้ววว
งานนี้พิทจะได้รู้หรือเปล่า
มานั่งรอตอนต่อไปค่าาาา

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3

m_pop91

  • บุคคลทั่วไป
สงสารก็แต่ศรีเมือง

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ค่อยๆรู้ไปเรื่อยสินะ

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
ชอบๆ อ่านช้าไปหน่อย ><

พีททุกสถานะการไม่เคยหวั่น ขนาดกลัวยังหลุดด่าได้ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
รีบมาต่ออีกน้า อยากอ่านชอบบบ

ออฟไลน์ LimousinX9

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
กำลังสนุกเลย

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
เวนไตร  ตามไปปกป้องพีททุกๆชาติ:hao5: 


ตัวการที่ทำให้เกิดปัญหา บรรณ  เเน่ๆ :beat:

+1ค่ะ

รอคอยตอนต่อไป  :mew1:

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
บนโลกมนุษย์ พราห์มทั้งสองกำลังออกขออาหารจากชาวบ้าน  ระยะทางจากหมู่บ้านมายังอาศรมนั้นไกลกันมาก ต้องใช้เวลาเกือบค่อนวัน พิทถือโอกาสตามพวกเขาไปด้วยเพื่อออกไปเห็นอะไรใหม่ๆนอกจากป่า ต้นไม้ และแม่น้ำ

ทันทีที่พวกเขามาถึงเขตชุมชน ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป ที่นี่ในยุคพันปีที่แล้วนั้นดูน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับพิท ประติมากรรม สิ่งก่อสร้าง วัด บ้านเรือน ผู้คน เทวสถานต่างๆที่เขาเคยร่ำเรียนมา และเห็นเพียงแต่ในรูป บัดนี้เขาได้เห็นของจริง พิทถึงกับตื่นตะลึงอย่างพึงใจ

ศิลปะในยุคนี้เป็นยุคประมาณศรีวิชัย เขาพอจะเดาได้จากการที่เคยได้ศึกษามาก่อน เพราะฉะนั้นพอจะอนุมานได้ว่าเขาย้อนอดีตมาไกลถึงพันปี

พิทปล่อยให้ทั้งคู่เดินขออาหาร ส่วนเขากลับเดินชมวิถีชีวิตชาวบ้านเรื่อยเปื่อย ในสมัยนั้นมีการแลกเปลี่ยนสินค้ากันอย่างกว้างขวาง ไม่มีการซื้อขายเพราะไม่มีตัวกลางในการแลกเปลี่ยน ทำได้แค่ใครมีอะไรก็มาแลกกัน

ในยุคนั้นสิ่งที่เป็นที่นิยมมากจะเป็นเครื่องประดับจากลูกปัด เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะหันไปทางไหน เขาก็จะเจอลูกปัดหลากสี เครื่องปั้นดินเผา ผลไม้ อาหารป่า

พิทตื่นตาตื่นใจกับที่นี่มาก เขาหยุดยืนมองดูชายแก่ปั้นหม้อจากดินเหนียวอยู่เป็นนานสองนาน
จนกระทั่งสายตาไปปะทะเข้ากับหญิงสาวสองคนที่คุ้นตา

“ศรีปางตาลกับหญิงชาวบ้านที่มาตามหาแหวนนี่”  พวกนางดูเป็นชาวบ้านธรรมดามาก ศรีปางตาลในตอนนั้นไม่ต่างจากหญิงชาวบ้านที่ใคร่รู้ธรรมดาเลย ไม่น่าเชื่อว่านางจะกลายเป็นปิศาจร้ายได้ถึงเพียงนี้

พิทเดินตามพวกเขาไปเรื่อยๆ เฝ้าดูหญิงสาวช่วยกันเลือกเครื่องประดับ เฝ้าดูพวกนางที่ยังอ่อนต่อโลกสำรวจสิ่งต่างๆรอบตัวอย่างตื่นเต้น จนบางครั้งพิทเผลอลืมตัวยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู

พิทมารู้ตัวอีกทีก็พบว่าเขาเดินมาไกลจากพราห์มสองคนนั่นแล้ว เขาจึงย้อนกลับไปตามหาสองคนนั่นและเดินตามพวกเขากลับไปอย่างเงียบๆ

ระหว่างทางทั้งคู่หยุดพักดื่มน้ำใต้ต้นไม้ใหญ่ และที่นั่นเองที่พวกเขาได้เจอเข้ากับหญิงสองคนนั้น

พิทเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก่อนแล้ว เขาลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น เพราะคิดว่ามันคงมีอะไรน่าตื่นเต้นเป็นแน่ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น

ศรีปางตาลเดินเลี่ยงไปอีกทางพร้อมกับหญิงอีกคน และสุดท้ายหญิงคนนั้นก็ลับตาไปเหลือแต่ศรีปางตาลคนเดียว
นางเดินย้อนกลับมายังที่ที่พราห์มสองคนนั่งพัก

“ท่านทั้งสอง” ศรีปางตาลทัก ในมือถือกระบอกน้ำ “ข้าขอถวายน้ำให้พวกท่านได้หรือไม่”

แววตาของนางเป็นประกายเมื่อมองมายังสวามิน

“ได้สิ เรากำลังหิวน้ำพอดี”

ศรีปางตาลนั่งคุกเข่าลง ก่อนจะยื่นน้ำให้

“เจ้ามาทำอะไรอยู่แถวนี้คนเดียวรึ” สวามินถาม

“เรือนของข้าอยู่แถวนี้ ข้ามาหาของป่าที่นี่เป็นประจำ” นางยิ้ม ไม่กล้าเงยหน้ามาสบตา

“พวกท่านเป็นใคร”

“เราเป็นพราห์ม”

“พราห์ม?” ศรีปางตาลทำหน้าสงสัย

“ใช่ พราห์ม คือผู้ที่แสวงหาความสงบที่แท้จริงของชีวิต”

นางยังคงทำหน้าสงสัย จนสวามินเผลอยิ้มออกมา

“แสวงหาความสุขหรือ ทำไมต้องแสวงหา พวกท่านไม่มีความสุขกระนั้นรึ”

“เรามิได้หมายถึงความสุขฉาบฉวยพวกนั้น เราหมายถึงความสุขที่นิรันดิ์”

“ข้าสามารถเป็นพราห์มเยี่ยงพวกท่านได้หรือไม่” ศรีปางตาลเงยหน้าขึ้นมา

“ได้สิ หากเจ้ามิรังเกียจ อาศรมของเราอยู่ไม่ไกลจากที่นี่” สวามินกล่าวชักชวน ก่อนที่จะลุกขึ้น “เราต้องไปก่อนแล้ว เจ้าเร่งกลับเรือนเถิด ค่ำมืดจักเป็นอันตราย”

ทั้งคู่แยกทางกับศรีปางตาลที่ยืนมองพวกเขาจนหลับสายตา.................

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
“แค่นี้อ่ะเหรอ” พิทรู้สึกผิดหวัง เขาคาดหวังว่าจะมีอะไรที่พอเป็นเบาะแสได้ แต่กลับไม่มีเลย พิทเดินคอตกตามสองคนนั้นกลับอาศรมอย่างเลื่อนลอย

แต่หลังจากนั้น ทุกวันพระจันทร์เต็มดวง ศรีปางตาลจะปรากฏตัวเป็นหญิงสาวชาวบ้านมาหาพราห์มหนุ่ม พิทไม่รู้ว่านางสนใจใคร่รู้ในรสพระธรรม หรือแค่มีใจเสน่หาในตัวสวามินกันแน่

“ข้าว่านางศรีปางตาลดูแปลกๆนะ ท่านสวามิน” เวนไตยพูดขึ้นมาในคืนหนึ่ง “นางดูเหมือนมิได้สนใจในสิ่งที่ท่านพูด ข้าเห็นนางมักส่งสายตาแปลกๆมาที่ท่านเสมอ”

“เราไม่คิดเรื่องพรรนั้นหรอก เวนไตย”

“ท่านไม่คิด แต่ท่านห้ามมิให้นางคิดไม่ได้”

“อย่างน้อยนางก็ยังมีใจไฝ่ดีมิใช่รึ”

“แต่ข้า................”

“เวนไตย การให้โอกาสคนเป็นสิ่งที่ผู้ทรงศีลพึงกระทำ เราเคยให้โอกาสท่าน ไยท่านถึงมิคิดให้โอกาสคนอื่น”

“ท่านเป็นคนดี ท่านสวามิน เป็นคนดีเกินไป ท่านไม่มีวันรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมพวก........................”เวนไตยเกือบเผลอหลุดปาก

“เราขอบใจท่านที่เป็นห่วง และเราปรารถนาดีกับท่านเสมอเวนไตย หวังจักให้ท่านหลุดพ้น”

“ข้าก็ปรารถนาดีกับท่าน ท่านสวามิน ข้าถึงได้พูดเตือน”
สวามินยิ้ม

“แต่จำข้าไว้อย่างหนึ่งเถิด ไม่ว่าจักอย่างไรข้าก็จะปกป้องดูแลท่าน มิให้ใครผู้ใดมาทำร้ายได้”

คืนนั้นทั้งคู่หลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน พิทเองก็ผล็อยหลับไป แต่เขาต้องมารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใครคนหนึ่งกำลังเดินหลงจากอาศรม

พิทลืมตาขึ้น และท่ามกลางความมืดนั่นเองที่เขาเห็นร่างเดินผ่านเขาไป

“เวนไตย” พราห์มเวนไตยเดินย่องลงจากอาศรมอย่างแผ่วเบา พิทลุกขึ้นเดินตามเขาไปอย่างห่างๆ
.........................................................







“พระนาง” นางกำนัลกระซิบ “หยุดเถิดเจ้าค่ะ เลิกขึ้นไปยังโลกมนุษย์เสียเถิด พระนางขึ้นไปบ่อยเกินไปแล้วนะเจ้าคะ”

“อย่ากลัวไปเลย โมราห์ ทางลับทางนี้มิมีใครรู้นอกจากเจ้ากับข้า อีกอย่าง นางกำนัลหน้าห้องก็เฝ้าห้องข้าอย่างแน่นหนา พระ
บิดาไม่สงสัยดอก”

“โธ่พระนาง”

ไม่มีเสียงใดจะทัดทานความรุ่มร้อนในใจของนางนาควัยสะคราญได้อีกต่อไป บัดนี้เพลิงแห่งราคะลุ่มหลงได้กำลังเผาไหม้อกของนาง จนนางแทบจะบ้าคลั่ง นางลุ่มหลงพราห์มสวามินผู้นั้นจนมิอาจถอนตัว ทุกครั้งที่นางหลับตา พลันเกิดเป็นภาพพราห์มหนุ่มในมโนจิต ทั้งแววตา  กิริยาท่าทาง น้ำเสียง  บ่อยครั้งที่นางเผลอไผลนึกไปถึงภาพนางเสพสังวาสกับพราห์มผู้นั้น และเมื่อตื่นขึ้นมา นางจะรู้สึกปั่นป่วนไปทั่วท้องน้อย

ร่างของนางแหวกว่ายผ่านกระแสน้ำยามค่ำคืน เงาพระจันทร์สาดแสงไปทั่วผืนน้ำเบื้องบน คืนนี้นางคิดถึงพราห์มผู้นั้นจนไม่อาจข่มตาหลับลงได้ ขอเพียงแค่ได้เห็น ได้ยินเสียงแค่นี้ก็พอสำหรับการฝ่าฝืนคำสั่งของพระบิดาแล้ว

“ตูม!!” เสียงน้ำกระเซ็นซ่านดังขึ้น ก่อนจะเงียบลง และปรากฏเป็นภาพหญิงสาวที่กำลังเดินเยื่องย่างขึ้นจากน้ำ ภาพนั้นพิทเห็นทุกอย่าง เขาจำได้ทันทีเพราะเขาเคยเห็นมันในนิมิตแล้ว

เวนไตยยืนหลบอยู่หลังพุ่ม เขาจะทำอะไรพิทไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่ดี นางนาคเดินตรงมายังอาศรมที่พักของพราห์ม แต่จู่ๆเวนไตยก็เดินออกมาขวางไว้

“เจ้า”  นางตกใจถอยหลัง

“เจ้ามาทำอันใดดึกดื่นเช่นนี้”

“หาใช่ธุระของเจ้าไม่”

“ศรีปางตาล เจ้ามีจุดประสงค์อันใดกันแน่”
นางนาคไม่พูด ได้แต่ก้มหน้านิ่ง

“บอกข้ามาบัดเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงของเวนไตยดูเหมือนจะจริงจังขึ้น

พิทจ้องมองทั้งสองคนอย่างไม่วางตา บางทีเขาอาจได้เบาะแสใดๆจากการพูดคุยของทั้งสองนั้นก็ได้ เขายื่นหน้าไปใกล้ พลันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังอยู่ข้างหลังเขา

“เฮ้ย พี่บรรณ” พิทตกใจเผลอร้องออกมาเสียงดังลั่น เพราะใครที่ว่านั่นคือบรรณ

“ไม่ใช่สิ นี่มันสิมันตานิ นายมาทำอะไรที่นี่” พิทไม่เข้าใจ เขาเห็นชายผู้นั้นเดินจากไปตั้งหลายวันแล้วนี่ แต่เหตุใดถึงมาปรากฏตัวแอบซุ่มอยู่ตรงนี้

พิทหันหน้าหันหลังไม่รู้จะเอายังไงดี

“ข้าบอกให้บอกข้ามา นางนาคี” ทันทีที่เวนไตยเอ่ยชื่อนี้ สีหน้าของศรีปางตาลก็เปลี่ยนไป นางเหมือนตกใจที่มีคนรู้ความลับนี้ของนาง

“เจ้ารู้”

“ใช่ ข้ารู้ ข้าถึงไม่ไว้ใจเจ้า” เวนไตยจ้องมองนางตาเขม็ง แววตานั่นเองทำให้ศรีปางตาลอ่อนแรง นางรู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวบางอย่าง  ความกลัวที่สยายปีก และกรงเล็บพร้อมจะเข้าขย้ำนางและทำให้เรี่ยวแรงและอำนาจหายไปหมดสิ้น นางทรุดลงกับพื้น ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไม่ว่าเจ้าคิดจะทำอันใด ศรีปางตาล แต่จงจำไว้ ข้าจะเฝ้ามองเจ้ามิให้คลาดสายตา”

แล้วเวนไตยก็หันหลังเดินหายขึ้นไปบนอาศรม ตอนนั้นเองที่พิทรู้สึกสงสารนางนาคน้อยนั้นจับใจ แววตาของนางที่หวาดกลัว ความรู้สึกบางอย่างกำลังบอกพิทว่านางกำลังจะร่ำไห้

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
พิทหันไปเบื้องหลัง หันไปมองว่าชายคนที่ชื่อสิมันตาจะทำอะไรกับนางนาคนั่นหรือไม่ แต่เปล่าเขาไม่ทำอะไรทั้งๆที่เห็นอยู่ว่านางเป็นนาคและครอบครองแหวนมณีนาคา สิมันตาเอาแต่ยิ้มอย่างพึงใจ ก่อนจะหายลับไปราวกับสายลม

 ศรีปางตาลเลื้อยลงบาดาลด้วยความทุกข์ทรมานใจ นางไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆชายผู้นั้นถึงได้น่ากลัวมากขนาดนี้ ความน่ากลัวนั้นคืออะไร แล้วนางจะทำอย่างไรต่อไป

นางเลื้อยผ่านกระแสน้ำเชี่ยวจนในที่สุดก็กลายร่างเป็นธิดานาคี ศรีปางตาลเร่งเดินเข้าไปในห้อง ด้วยคำถามในหัวมากมาย ความเดียงสาต่อโลกภายนอกนั้นทำให้ไม่รู้เสียเลยว่านางกำลังจะเจอกับอะไร

 ที่ห้องนั้น นางพบสิ่งผิดปกติบางอย่าง ทันทีที่นางเดินเข้ามาก็พบกับบรรดานางกำนัลที่ต่างก้มลงจนแทบจะติดพื้น ตัวสั่นงันงก นางเดินเข้าไปหาพวกนาง

“พวกเจ้าเป็นอะไรไป” แต่ไม่มีใครตอบใดๆทั้งสิ้น จนศรีปางตาลเปิดประตูเข้าไปถึงได้พบว่าพระบิดาของนางกำลังนั่งอยู่ด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว

“หายไปไหนมา ศรีปางตาล” น้ำเสียงที่แข็งกร้าวนั้น ทำให้โมราห์นางกำนัลคนสนิทสะดุ้งโหยง
ศรีปางตาลไม่ตอบ เพียงแต่เดินก้มหน้าเข้ามาหาใกล้ๆ

“ข้าถามว่าเจ้าหายไปไหนมา” พญาภุงชงค์ตวาดลั่น

“ลูก เอ่อ ...............................”

“ตอบมา”

“ลูกขึ้นไปโลกมนุษย์มา”

“ปัง!!” เสียงฝ่ามือตบเข้ากับพื้นเตียงเสียงดังลั่น “คำสั่งของข้า เจ้ามิยำเกรงเลยรึ ศรีปางตาล”

“ทำไมท่านต้องบังคับลูกด้วย” นี่เป็นครั้งแรกที่นางขึ้นเสียงกับพระบิดา เพราะความอัดอั้นถึงได้ทำให้นางหาญกล้าถึงเพียงนี้

“ลูกมิได้ทำอะไรผิด แค่อยากออกไปเห็นโลกภายนอกเหมือนผู้อื่นบ้างเท่านั้น ทำไมถึงต้องห้ามกันด้วย”

“เพราะข้า ข้า.....”ผู้เป็นพ่ออ้ำอึ้ง

“หรือลูกมิใช่ลูกของท่าน”

“หยุดพูดเช่นนี้นะ ศรีปางตาล นับจากบัดนี้ไปข้าจักให้ทหารมาเฝ้าหน้าห้องของเจ้าแทนเหล่านางกำนัลพวกนั้น ข้าจักไม่ให้เจ้า
ขึ้นไปข้างบนนั่นอีก” น้ำเสียงเด็ดขาดและทรงพลังนั้น ทำให้ม่านน้ำข้างนอกสั่นกระเพื่อม ศรีปางตาลลุกขึ้น

“เสด็จพ่อ..............”

“เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้างบนนั่นอันตรายแค่ไหน ศรีปางตาล พ่อมิอยากเสียเจ้าไปเหมือนแม่เจ้าอีกแล้ว”

พญาภุงชงค์เดินออกมาจากห้องนั้น ภาพวันวานที่ผู้เป็นคู่ชีวิตถูกพญาครุฑจิกตีจนตายนั้นยังคงติดตาและฝังลึกในความทรงจำ เขาไม่มีวันที่จะปล่อยธิดาผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ต้องพบเจอชะตากรรมเช่นนั้นอีกเป็นแน่

ศรีปางตาลล้มลงบนเตียงและร้องไห้ปานจะขาดใจ นางไม่เข้าใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับนางในวันนี้ ไม่เข้าใจทำไมพราห์มเวนไตยถึงได้ชิงชังและกีดกันนาง

ไม่เข้าใจที่ผู้เป็นบิดากักขังนางราวกับนางเป็นสัตว์เลี้ยง

“พระนาง” โมราห์ นางสนมเข้าไปปลอบใจ “ทรงเชื่อพระบิดาเถอะเจ้าค่ะ อย่าขึ้นไปข้างบนนั่นอีกเลย”
.....................................................................




ศรีปางตาลถูกขังอยู่ในห้องนั้น ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน นางเหม่อลอย และหัวใจของนางเริ่มเย็นชา ใบหน้าพราห์มสวามินนั้นทำให้นางคุ้มคลั่งแทบบ้า นางอยากพบเขา อยากเจอ อยากเห็นหน้า มองตา ได้ยินเสียง สูดกลิ่นกาย

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงหวีดร้องดังขึ้นจนเหล่าทหารต้องกรูเข้ามา

ศรีปางตาลแผดเสียงร้องเหมือนคนบ้า นางวิ่งพล่านไปทั่วห้อง ทำลายข้าวของทุกอย่าง นี่เป็นธรรมชาติของเหล่านาคี เมื่อมีอารมณ์กราดเกรี้ยวมักจะควบคุมตัวเองไม่ได้ นางก็เช่นกันที่บัดนี้ตัณหาราคะที่พระบิดากลัวนักกลัวหนากำลังครอบงำจิตใจนางและทำลายนางอย่างไม่สามารถจะควบคุมได้

เหล่าบรรดานางกำนัลต่างโผเข้าไปจับนาง แต่ไม่สามารถต้านทานกำลังได้ จนในที่สุด พญาภุชงค์ก็เข้ามาและใช้เชือกที่ทำมาจากกล้วย ที่เหล่านาคกลัวนักกลัวหนา มัดตรึงนางไว้ และนั่นก็ทำให้นางสิ้นฤทธิ์ในที่สุด

ศรีปางตาลถูกกักขังไว้ในห้อง ท่ามกลางการคุ้มกันที่แน่นหนากว่าเดิม นางร่ำร้องจนไม่มีน้ำตาจะไหลอ้อนวอนจนไม่มีใครรับฟัง
ในที่สุดนางก็ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก

เวลาผ่านไป ที่นางแน่นิ่งอยู่เช่นนั้น ไม่แตะต้องอาหารหรือน้ำเลย

“พระนาง ดื่มน้ำหน่อยเถิดเจ้าคะ ไม่เสวยอะไรเลยเช่นนี้มาหลายวันแล้วนะ” โมราห์เฝ้ามองนางด้วยความเป็นห่วง

“เจ้าห่วงข้าด้วยรึ”

“ทำไมพระนางพูดเช่นนี้หล่ะ ห่วงสิเจ้าคะ ห่วงมาก”

“ถ้าเจ้าห่วง............”ศรีปางตาลลุกขึ้น “แก้เชือกนี่ให้ข้าที ข้าเจ็บปวดเหลือเกิน”

สีหน้าของโมราห์เปลี่ยนไป แววตาที่ลังเลและกลัวเกิดขึ้น นางถอยหลังออกไป

“โมราห์”

“พระนางข้าช่วยท่านไม่ได้จริงๆ” โมราห์ก้มหน้านิ่ง

ศรีปางตาลน้ำตาไหลอีกครั้งด้วยความสิ้นหวัง
นี่นางจะไม่ได้เห็นหน้าพราห์มสวามินอีกเลยชั่วชีวิตหรือ

โมราห์นั่งอยู่ใกล้ๆ เฝ้ามองนางสิ้นหวัง และกำลังจะตรอมใจ จนในที่สุดนางก็ทนดูภาพนี้อีกไม่ไหว

“พระนาง ข้าจะขึ้นไปโลกมนุษย์ เพื่อนำสารจากท่านไปให้พราห์มสวามิน แต่ท่านต้องสัญญากับข้า ว่าท่านจะตัดใจจากท่านพราห์ม”

แววตาของศรีปางตาลกลับมีหวังขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้น

“ได้ ได้ ขอบใจเจ้ามากนะโมราห์”

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
นางนาคโมราห์แปลงกายเป็นนาคแหวกว่ายผ่านน้ำ ลำตัวยาวใหญ่สีเขี้ยวคล้ำ หอนสีแดงสะบัดไปมา นางมองขึ้นไปเบื้องบนใช้แสงอาทิตย์ยามเย็นนำทาง 

แสงนั้นค่อยๆชัดขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดนางก็ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากน้ำช้าๆอย่างหวั่นๆ ก่อนจะเลื้อยมาถึงตลิ่งและกลายร่างเป็นหญิงสาวชาวบ้าน โมราห์มุ่งหน้าไปยังอาศรมของพราห์มสวามิน  นางรู้เส้นทางดี จึงเร่งฝีเท้าและคอยหลบผู้คนเพื่อไม่ให้คนเห็น

ณ อาศรมนั้นเอง ทั้งพราห์มสวามินและเวนไตย ต่างกำลังนั่งปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เมื่อได้ข้อยุติพราห์มเวนไตยก็จะบันทึกมันไว้ในใบลาน เพื่อเป็นเหมือนหลักคำสอน
ความน่าเบื่อของพวกเขานั้น ทำให้พิทถึงกับถอนหายใจ เขาลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเดินออกมาจากอาศรม เลียบแม่น้ำมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึงต้นก้ามปูต้นใหญ่ เขานั่งพักตรงนั้น มองทอดยาวออกไปสุดแม่น้ำ

ทันใดนั้นเองพิทก็เหลือบไปเห็นชายคนหนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นไม่ห่างจากเขามากนัก พิทจำได้ทันทีว่าชายผู้นั้นคือ สิมันตา ผู้เป็นพี่ของเวนไตย พิทไม่ไว้วางใจชายผู้นี้เลย

แววตาของเขาดูมีเล่ห์เหลี่ยมและเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่ตลอดเวลา พิทรีบลุกและเดินตามสิมันตาไปทันที
ชายผู้นั้นเร่งฝีเท้าขึ้น จนทำให้พิทแทบจะกึ่งวิ่งกึ่งเดิน เพื่อจะตามให้ทัน และทันใดนั้นเองจากร่างที่เป็นสิมันตา กลับกลายแปรเปลี่ยนเป็นพราห์มสวามิน พิทหยุดกึกด้วยความงงงวย เขาหันหลังกลับไปยังอาศรม และพบว่าพราห์มสวามินก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้น
ตอนนี้หัวใจพิทเริ่มเต้นรัว เขาเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ความไม่น่าไว้วางใจ หรือเขาจะเข้าใกล้กุญแจไขไปสู่ปริศนานั้นแล้ว

ยิ่งคิดว่าความจริงกำลังจะปรากฏ พิทก็ยิ่งตัวสั่น ดวงตาเขาเบิกโพรงไม่กล้าแม้แต่กระพริบเพราะกลัวจะพลาดวินาทีที่สำคัญไป

“สิมันตาปลอมตัวเป็นพราห์มสวามินนั้นทำไม คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ” พิทว่า พลางเร่งฝีเท้าเดินตามไปติด

และ ณ ริมแม่น้ำห่างจากอาศรมนั่นเอง ที่พิทเห็นพราห์มสวามินแปลง หยุดและยืนรอใครบางคน เขาดูนิ่งเฉย และเหมือนกำลังวางแผนบางอย่าง

ไม่นานนักพิทก็เห็นหญิงสาวชาวบ้านคนเดิมที่เขาเคยเห็นพร้อมกับศรีปางตาลก่อนหน้านี้ กำลังลุกลี้ลุกลนก้มหน้าเดินมา

“ท่านพราห์ม” นางเงยหน้าขึ้นมา สบตากับพราห์มจำแลง

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

“ข้าเอ่อ” นางมองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังกลัวบางอย่าง “ข้ามาหาท่าน”

“มาหาข้า?”

“พระนางศรีปางตาลให้ข้านำสาร์นนี้มาให้ท่าน” สาวชาวบ้านยื่นบางอย่างให้พราห์มจำแลง พิทยืนมองอยู่ใกล้ๆ
พราห์มจำแลงอ่านข้อความนั้นก่อนจะกระหยิ่มยิ้มอย่างพอใจ

“ขอบใจเจ้ามากสำหรับความมีน้ำใจของเจ้า ข้าเอง.....” พิทเห็นรอยยิ้มนั้นแล้ว เขารู้สึกสังหรณ์ใจยังไงชอบกล

“ก็มีสาร์นอยากให้เจ้านำไปให้ศรีปางตาล” เขายื่นมือส่งบางอย่างให้นาง “ส่งให้ถึงมือศรีปางตาล”

นางยิ้ม ก่อนจะรีบหันหลังกลับเดินหายไปอย่างไว พิทมองพราห์มจำแลงด้วยความไม่เข้าใจ

“เขาจะทำอะไรของเขากันแน่”

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
ตอนแรกนึกว่าพี่บรรณจะเป็นคนดีซะอีกกกก  :mew5: :mew5:

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
 :z6: ขอกระทืบสิมันตาทีเถ้ออออ
หนอยแน่คนที่ใส่ร้าย ทำให้ศรีปางตาลเข้าใจผิดพราหมณ์สวามินคือมันนี้เอ้งงง :angry2:

แต่แอบสงสัย เวนไตยตอนแรกๆ ก็ดูเฉยๆกับพราหมณ์สวามินนินา
ทำไมพอเกิดชาติหลังๆดูรักลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ555 :hao3:

มาต่ออีกเร็วๆน้าาา :katai2-1:

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
ว่าเเล้ว บรรณใส่ร้าย ชาวบ้านเขา ก็กรรมไม่ดีอีก :beat:

เวนไตร :impress2:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :katai1: :katai1: :katai1:ชั่วร้ายที่สุด :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ที่แท้คนก่อนเรื่องก็คือสิมันตาหรอกเหรอ
ว่าแต่พิทจะทำอย่างไรต่อไปนะ :hao4:

m_pop91

  • บุคคลทั่วไป
เริ่มคลี่คลายแล้ว

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะบรรณสินะ
แต่คนที่ต้องรับเคราะห์และโชคร้อยก็เห็นจะเป็นสวามิน ผู้ที่มิเคยมองโลกในแง่ร้าย
ศรีปางตาลจะทำอย่างไร หากรู้ความจริงว่าผู้ที่เฝ้าทำร้ายมาทุกชาติ คือผู้ที่มิเคยกระทำผิดเลย
งานนี้บรรณจะได้รับผิดชอบหรือเปล่า
ต้องตามลุ้นนนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
อิพี่บรรณมันน่าโดนกระทืบนัก

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อิสิมันตา  แกนี่เอง เป็นตัวต้นเหตุ 
ทำให้สวามินต้องทนทุกข์มาตั้งกี่ชาติภพ บ้าที่สุดเลย
น่าจับไปทำนกย่างเกลือซะจริิง ชิๆ

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
โมราห์นาคีดำดิ่งลงสู่ก้นบาดาลด้วยกลัวอาญาจากพญาภุชงค์นางจึงแปลงกายเป็นงูน้ำตัวเล็กเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตของนาคตนอื่น

นางนำสาร์นจากพราห์มจำแลงส่งให้ถึงมือศรีปางตาล

ทันทีที่นางเปิดสาร์นนั้นออกอ่าน รอยยิ้มและความหวังก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของศรีปางตาล นางกลับมายิ้มได้อีกครั้ง

“ท่านพราห์มว่ากระไรเจ้าคะ” นางโมราห์ใคร่รู้

“ท่านพราห์ม ท่านพราห์มอยากเจอเรา โมราห์”

สีหน้านางกำนัลถอดสีทันที

“ไม่ได้นะเจ้าคะ พระนางสัญญากับโมราห์แล้ว”

ศรีปางตาลเงียบไปครู่ใหญ่ นางหันหลังให้โมราห์ สายตาเหม่อลอยออกนอกหน้าต่าง

“ไม่หรอก ข้าไม่ไปหรอก”

นางพูด แต่คำพูดนั้นเลื่อนลอยเหมือนสายลมที่พัดไปไร้จุดหมาย



พิทกลับมานั่งครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่พราห์มสวามินพูดกับเขาในคืนแรก เรื่องการมาของนักเดินทางผู้ตกยากทั้งสอง การปรากฏตัวของนางนาค เรื่องราวทั้งหมดนี้เริ่มเข้าเค้าที่จะนำไปสู่กุญแจที่จะไขปริศนาแรงอาฆาตของนางนาค

แต่ที่พิทยังสงสัยในตอนนี้คือ เขาไม่รู้ว่าจะเข้าไปช่วย หรือแทรกแซงไม่ให้เกิดเรื่องราวติดพันไปถึงอนาคตตอนไหน
 และอย่างไร

“เฮ้ออ” เขาจนปัญญาจริงๆ

พิทอยากจะหาใครสักคนที่พอจะปรึกษาได้บ้าง แต่หันซ้ายหันขวา กลับไม่มีใครข้างๆเลย

เวนไตยหลบออกมานั่งนอกอาศรม เขาเองก็มีท่าทีกังวลใจไม่แพ้กัน พิทเมื่อมองไม่เห็นใครที่พอจะปรับทุกข์ได้ จึงเดินไปนั่งตรง
หน้าเวนไตย

“เครียดเหมือนกันเหรอนาย” เขาพูด ทั้งๆที่รู้ว่าเวนไตยไม่มีทางได้ยิน

“ฉันก็เครียด ไม่รู้จะทำยังไงดี ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกเช่นนี้นะ”

พิทเอื้อมมือไปแตะผ่านมือของเวนไตย

“ทิว มองตาฉันหน่อยสิ อย่างน้อยให้ได้รู้ว่าฉันยังมีตัวตน”






...................




บัดนี้หัวใจของศรีปางตาลรุ่มร้อนเหมือนอยู่ในกองเพลิงแห่งราคะ ถ้อยคำในสาร์นที่พราห์มสวามินส่งมาให้นั้นทำให้นางลืมคำสั่งห้ามของพระบิดาไปหมดสิ้น เมื่อได้รู้ว่าชายที่นายหลงรักก็มีใจให้นางด้วยเหมือนกันแล้วนั้น  ยิ่งทำให้นางลืมกลัวทุกอย่างไปหมดสิ้น

“แก้มัดให้ข้าบัดเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะกัดลิ้นตาย” ศรีปางตาลทำท่าเอาจริง แต่โมราห์กลับสองจิตสองใจที่จะทำตามคำสั่ง

“ข้าบอกให้แก้มัดให้ข้า” สีตาของนางสว่างวาบขึ้นมา จนโมราห์ถึงกับทรุดลง นางไม่เคยเห็นพระนางของนางมีท่าทีเหี้ยมโหดแบบนี้ แววตาและใบหน้าของศรีปางตาลนั้นเหมือนถูกปิศาจเข้าสิง

โมราห์ค่อยๆคลานเข้าไปหา หลบตาศรีปางตาล พลางเอื้อมมือไปจับเชือกอาคม ทันทีที่โมราห์จับ เชือกนั้นก็ร้อนขึ้นเหมือนเหล็กกล้าที่ถูกไฟแผดเผาจนแดงฉาน มือของโมราห์นั้นไหม้ผองจนมีควันขึ้นมา แต่นางก็ต้องฝืนใจแก้มัดเชือกนั้น เพราะรู้ดีว่าบัดนี้ศรีปางตาลผู้เป็นนายเหนือหัว มิใช่ศรีปางตาลคนเดิมอีกต่อไปแล้ว

ทันทีที่เชือกอาคมนั้นหลุดออก ศรีปางตาลก็ลุกขึ้นเดินข้ามหัวนางกำนัลที่บัดนี้ นอนดีดดิ้นร้องโหยหวนทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด

ศรีปางตาลไม่แม้แต่จะปลายตามอง มีแต่เสียงร้องเรียก

“พระนาง พระนาง” อยู่เบื้องหลังเท่านั้น

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
บัดนี้หัวใจของศรีปางตาลรุ่มร้อนเหมือนอยู่ในกองเพลิงแห่งราคะ ถ้อยคำในสาร์นที่พราห์มสวามินส่งมาให้นั้นทำให้นางลืมคำสั่งห้ามของพระบิดาไปหมดสิ้น เมื่อได้รู้ว่าชายที่นายหลงรักก็มีใจให้นางด้วยเหมือนกันแล้วนั้น  ยิ่งทำให้นางลืมกลัวทุกอย่างไปหมดสิ้น

“แก้มัดให้ข้าบัดเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะกัดลิ้นตาย” ศรีปางตาลทำท่าเอาจริง แต่โมราห์กลับสองจิตสองใจที่จะทำตามคำสั่ง

“ข้าบอกให้แก้มัดให้ข้า” สีตาของนางสว่างวาบขึ้นมา จนโมราห์ถึงกับทรุดลง นางไม่เคยเห็นพระนางของนางมีท่าทีเหี้ยมโหดแบบนี้ แววตาและใบหน้าของศรีปางตาลนั้นเหมือนถูกปิศาจเข้าสิง

โมราห์ค่อยๆคลานเข้าไปหา หลบตาศรีปางตาล พลางเอื้อมมือไปจับเชือกอาคม ทันทีที่โมราห์จับ เชือกนั้นก็ร้อนขึ้นเหมือนเหล็กกล้าที่ถูกไฟแผดเผาจนแดงฉาน มือของโมราห์นั้นไหม้ผองจนมีควันขึ้นมา แต่นางก็ต้องฝืนใจแก้มัดเชือกนั้น เพราะรู้ดีว่าบัดนี้ศรีปางตาลผู้เป็นนายเหนือหัว มิใช่ศรีปางตาลคนเดิมอีกต่อไปแล้ว

ทันทีที่เชือกอาคมนั้นหลุดออก ศรีปางตาลก็ลุกขึ้นเดินข้ามหัวนางกำนัลที่บัดนี้ นอนดีดดิ้นร้องโหยหวนทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด

ศรีปางตาลไม่แม้แต่จะปลายตามอง มีแต่เสียงร้องเรียก

“พระนาง พระนาง” อยู่เบื้องหลังเท่านั้น


,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,


ฟากพิทที่ยังคงร้อนอกร้อนใจไม่รู้จะทำอย่างไรกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นดี เขาพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆจนเข้ารูปเข้ารอยแล้ว แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะช่วยได้อย่างไร

เวลาใกล้เข้ามาทุกที เขารู้ว่านางนาคต้องขึ้นมาตามคำลวงของพราห์มแปลงนั่นแน่ๆ พิทพยายามส่งสารบางอย่างไปยังสวามิน แต่เปล่าประโยชน์ เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเต้นเป็นเจ้าเข้าโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้เลยว่าเรื่องร้ายกำลังจะเกิดขึ้น
เมื่อทำอะไรไม่ได้ พิทจึงรีบเร่งฝีเท้าไปยังริมนทีในนิมิต เขาจำได้ดีว่ามันอยู่ไม่ไกลจากอาศรมมากนัก แต่ทันทีที่พิทไปถึงเขาก็พบเพียงแต่ความว่างเปล่า

พิทไม่ลดละความพยายาม เขายังคงนั่งรออยู่ และแล้ว ไม่นานนัก เขาก็เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างภายใต้ผืนน้ำอันเรียบนิ่ง ผืนน้ำที่ค่อยๆกระเพื่อม พร้อมทั้งเสียงพ่นลมหายใจฟู่ๆ

“พญานาค” พิทตื่นตะลึงอีกครั้ง เขายืนนิ่งมองนาคตนนั้นค่อยเลื้อยส่ายมายังริมฝั่งและกลายร่างเป็นศรีปางตาล หญิงสาวที่งดงามสมดั่งธิดาแห่งมหานที

ทันทีที่นางขึ้นฝั่ง เกล็ดมรกตที่เคยห่อหุ้มก็กลับกลายเป็นอาภรณ์สีปีกแมลงทับ หงอนสีแดงสลับทองก็กลายเป็นอัญมณีสร้อย ต่างหู ประทับร่าง

นางค่อยๆเยื่องย่างขึ้นจากน้ำ และมองหาอะไรบางอย่าง พิทเริ่มลนลาน เขาเคยเห็นภาพครุฑยุดนาคมาแล้ว เขาไม่อยากให้เกิดเช่นนี้อีก

“ต้องทำอะไรสักอย่าง คิดสิๆ” พิทเดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่น เขาเฝ้าแต่คิดว่าจะช่วยศรีปางตาลอย่างไร แต่ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งพบเจอแต่ความมืดมิด

“โธ่เว้ย แล้วจะให้ย้อนเวลามาทำบ้าอะไรวะ” ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวก่นด่าเสียงดังลั่น ปากก็ร้องห้ามศรีปางตาลไม่ให้เดินขึ้นมา

“อย่ามา หยุดอยู่ตรงนั้น อย่ามา” แต่ไม่เป็นผล นางเดินผ่านร่างของเขาไปเหมือนอากาศ พิทพยายามจะจับมือนางแต่ไร้ประโยชน์

และแล้วสิ่งที่พิทกลัวมากที่สุดก็เกิดขึ้น การปรากฏกายของพราห์มสวามิน ที่มีแต่พิทเท่านั้นที่รู้ว่าเขาคือตัวปลอม แต่ตรงกันข้ามกับศรีปางตาล นางดีใจและร่ำไห้ด้วยความปิติ ก่อนจะถลาเข้าไปคุกเข่าต่อหน้าพราห์มนั่น มือทั้งสองข้างลูบเท้าเขาแล้วเอามา
สัมผัสหน้า

“ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน ท่านพราห์ม” พิทเห็นน้ำตาของนางไหลเปื้อนเท้าชายผู้นั้น นี่เป็นการลดเกียรติการเป็นเผ่านาคาเป็นอย่างมาก การที่ต้องก้มหัว คุกเข่าและลูบเท้ามนุษย์เช่นนี้

แต่ศรีปางตาลสละแล้วซึ่งศักดิ์ศรีทั้งปวง บัดนี้นางรักสวามินอย่างหมดใจ และในขณะเดียวกันก็หลงกลสิมันตาเข้าแล้วเช่นกัน
พิทมองภาพเหล่านั้น เขาเริ่มอยากจะทึ้งตัวเองออกเป็นชิ้นๆ เขารู้ดีทุกอย่างแต่กลับช่วยนางนาคไม่ได้ พิทเข้าใจและรู้ซึ้งแล้วว่าทำไมนางถึงอาฆาตพยาบาทเขาถึงเพียงนี้

ความรักและศรัทธาที่บริสุทธิ์นั่นถูกตอบแทนด้วยคำลวง มันเหมือนการควักเอาดวงตาและหัวใจนางออกมาพร้อมๆกันเลยทีเดียว

“โธ่ ศรีปางตาล” พิทเผลอหลั่งน้ำตากับภาพที่เห็น

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
“ข้านึกว่าจักไม่ได้เจอท่านอีกแล้ว ข้าไม่เคยคิดจะพรากท่านจากเพศพราห์ม เพียงแต่ได้รักท่านฝ่ายเดียวก็สุขใจแล้ว แต่เมื่อท่านได้ส่งสาร์นหาข้าเพื่อบอกความในใจนั้น สาร์นนั้นได้ทำให้ข้ากล้าที่ทลายกำแพงแห่งบาดาล กล้าที่จะขัดคำสั่งพญาภุชงค์ กล้าที่จะละทิ้งศักดิ์ศรีและความเป็นชาวนาคา...เพื่อท่าน” นางพร่ามพรรณนาความรักที่มีต่อพราห์มนั่น โดยที่ฝ่ายชายมิได้โต้ตอบใดๆนอกจากแววตาที่เย็นชาและอำมหิต

“ศรีปางตาล ได้ยินชั้นมั้ย อย่าเชื่อเขา เขาเป็นตัวปลอม” พิทร่ำร้อง

“ท่านพราห์ม ข้าพร้อมจะไปกับท่าน ไม่ว่าจะต้องหนีไปไกลแค่ไหน ขอแค่มีท่าน ข้าก็ไม่หวั่น”

“ดี” คำเดียวที่หลุดจากปากพราห์มแปลง แค่คำเดียวจากนั้นเขาก็สะบัดขาและหันหลังเดินนำหน้าไป

ศรีปางตาลลุกขึ้นเช็ดน้ำตา ก่อนจะเดินตามเขาไป แต่เหมือนยิ่งเร่งฝีเท้าเท่าไหร่ พราห์มแปลงก็ยิ่งไกลออกไปทุกที
จนในที่สุด

“ท่านสวามิน ท่านอยู่ที่ไหน” ในที่สุดศรีปางตาลก็พลัดหลงจากสวามิน พิทเดินตามไปติดๆ อกของเขาแทบจะระเบิด เฝ้าอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยนางนาคน้อยผู้นี้ด้วย

“อย่าไปตรงนั้น” พิทร้องตะโกนเสียงลั่น เมื่อจู่ๆภาพในฝันของเขาก็ปรากฏขึ้น ภาพนาคที่โดนครุฑขย้ำอยู่ข้างหน้าเขานี้เอง ที่ตรงนี้นี่เอง

ศรีปางตาลเดินมาถึงตลิ่ง นางหันไปหันมาอย่างร้อนใจ ปากก็พร่ำเรียกชื่อสวามิน

“เจ้ามองหาใครรึ” และแล้ว สิมันตาก็ปรากฏตัวในอาภรณ์ที่สีแสดแดงราวกับเพลิงนรก ริมฝีปากที่ดำคล้ำแสยะยิ้มอย่างพึงใจ

“เจ้าเป็นใคร” ศรีปางตาลตกใจ นางถอยหลังพร้อมทั้งกระชากแขนออก

“ข้าเป็นใครน่ะหรือ ฮ่าๆๆ” เขาหัวเราะ “ข้าก็คือคนที่สวามินสั่งให้มากำจัดเจ้าไง”

พิทได้ฟังเช่นนั้น  ความโกรธถาโถมเข้าใส่ ความรักที่เขาเคยมีต่อชายที่ชื่อบรรณในภพปัจจุบันได้มลายหายไปจนหมดสิ้น บัดนี้ความจริงปรากฏ เขาตาสว่างแล้ว ชายผู้นี้นี่เองที่เป็นผู้สร้างปมอาฆาตให้กับเขา พิทโกรธจนเส้นเลือดในตาเขาปูดแดง
แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ทนยืนมองชายผู้นั้นใส่ร้ายตัวเขาอย่างเลือดเย็น

“กำจัดข้า?” นางทำหน้าสงสัย แต่ก็ยังฝืนยิ้ม

“โธ่ นางนาคน้อย เจ้านี่ช่างเดียงสาเสียนี่กระไร ข้าจะบอกอะไรให้เอาบุญนะ ไม่มีมนุษย์คนไหนมีใจเสน่หาสัตว์เดรัจฉานเยี่ยงพวกเจ้าดอก”

สีหน้าศรีปางตาลเริ่มวิตก นางตกใจที่ชายแปลกหน้าผู้นี้รู้ความลับนี้

“เจ้าพูดเรื่องอันใด”

“สาร์นบอกรัก พร่ำพรรณนา โธ่ สวามินบอกข้าหมดแล้วเรื่องข้อความในสาร์นนั่น เขาบอกให้ข้ามากำจัดเจ้าเสียให้พ้นจากการแสวงธรรมของเขา”

สิมันตากัดฟันกรอด เขาสาแก่ใจที่ได้ชำระแค้นเจ้าพราห์มโอหังนั่น ในขณะเดียวกันก็สามารถแย่งชิงมณีนาคามาเป็นของตนเอง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแท้ๆ

การลบหลู่เกียรติพญาสุบรรณเยี่ยงเขาเป็นเรื่องให้อภัยไม่ได้ แล้วเจ้าพราห์มนั่นจะต้องชดใช้อย่างสาสม

“ไม่จริง” ศรีปางตาลถอยหลัง

“เขาบอกข้าหมดแล้ว เรื่องที่เจ้าน่าสะอิดสะเอียนเพียงใด เขารังเกียจเจ้ายิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ ไม่อยากแม้แต่จะชายตาแล”

“ไม่จริง” อีกครั้งที่นางถอยหลัง หัวใจนางแหลกสลายไม่เป็นชิ้นดี ความรักความภักดีที่นางมีต่อสวามินบัดนี้ได้มลายหายไปเหลือแต่ความเคียดแค้นชิงชัง

“นางนาคีที่น่าสงสาร ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้าเลย แต่หากจักจองเวรก็จงจองเวรกับสวามินเถิดนะ” ว่าแล้วเขาก็เอื้อมมือไปจับแขนของศรีปางตาล ทันใดนั้นศรีปางตาลก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส

พิทยืนมองภาพเหล่านั้น น้ำตาของเขาหลั่งไหลออกมาเป็นสายด้วยความอัดอั้นและทุกข์ทรมาน เขาช่วยอะไรศรีปางตาลไม่ได้เลย ใจหนึ่งอยากจะวิ่งกลับไปตามสวามินหรือเวนไตยมาช่วย

แต่มันก็คงจะเปล่าประโยชน์ลำพังแค่จะให้พวกเขารับรู้การมีตัวตนของพิท ยังทำไม่ได้

เขาสิ้นหวังแล้ว การย้อนอดีตเพื่อตามหาความจริงจบสิ้นแล้ว พิทช่วยอะไรใครไม่ได้ เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

“โธ่เว้ย” พิททรุดลงกับพื้นกระชากหัวตัวเองไปมาอย่างเหลือทน เสียงของศรีปางตาลบาดลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ เสียงสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บปวด และสิ้นหวังนั้นทำให้พิทอยากจะตายตามนางไปด้วย

“เจ็บปวดละสินะ ฮ่าๆๆ” สิมันตาปล่อยมือของนาง รอยนิ้วมือของเขาปรากฏเป็นแผลไหม้ชัดเจน

“ข้าทำอะไรให้เจ้า ทำไมต้องทำร้ายข้าด้วย” นางทรุดลงกับพื้น สะอื้นไห้

“ทำไมต้องทำร้ายเจ้านะหรือ” สิมันตาหยุดนิ่ง จ้องมองไปที่นางด้วยสายตาอำมหิตไร้เมตตา “เพราะข้าเป็นพญาครุฑนะสิ”

“พญาครุฑ” ศรีปางตาลอ้าปากกว้างด้วยความกลัว ตำนานครุฑที่เป็นศัตรูกับนาคนั้นถูกเหล่าต่อกันมาในเผ่านาคา มารดาของนางถูกครุฑฆ่าตาย  และนางรู้ทันทีว่านางไม่มีทางหนีพ้นความตายนี้ได้เช่นกัน ศรีปางตาลสะอื้นไห้นึกถึงใบหน้าของผู้เป็นพ่อ นางรู้
แล้วว่าทำไมพระบิดาถึงได้กักขังนาง นางเข้าใจความปรารถนาดีของผู้เป็นพ่อแล้ว

“ปล่อยข้าไปเถิด” ศรีปางตาลสิ้นหวัง นางยกมือไหว้อ้อนวอนขอชีวิต

“ข้าก็อยากปล่อยเจ้าไปดอกนะ แต่สวามินต้องโทษข้าแน่ๆที่ไม่ทำตามคำสั่งเขา” สิมันตาแสยะยิ้ม

“หากจะโทษก็โทษเขาเถิดนะ” สายตาของสิมันตาจ้องมองไปที่แหวนมณีนาคานั่น ก่อนจะคว้ามัน แต่ศรีปางตาลสะบัดมืออย่างเร็วและวิ่งหนีหมายจะลงน้ำ

สิมันตาเคลื่อนไหวราวกับสายลม เขามาดักไม่ให้ศรีปางตาลหนี จนนางต้องกระเสือกกระสนวิ่งหนีไปทางอื่นอย่างไม่คิดชีวิต
เขาต้อนนางราวกับนางเป็นของเล่นที่น่าหรรษา และเมื่อศรีปางตาลจะวิ่งอีกครั้งสิมันตาจึงคว้าไหล่ของนางพร้อมทั้งจิกเล็บลงไปอย่างสุดแรงจนนางร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด

“เจ้าหนีข้าไม่พ้นดอก ส่งมณีนาคามาให้ข้าเสียโดยดี” สิมันตาขู่พร้อมทั้งจิกเล็บลงไป ศรีปางตาลทรุดลงไปกองกับพื้น แต่นางก็ยังแข็งใจไม่ยอมมอบแหวนซึ่งเป็นหนทางเดียวที่ทำให้นางหนีไปได้

“อย่าดื้อดึงไปหน่อยเลยน่า หากเจ้ามอบแหวนให้ข้าแต่โดยดี ข้าอาจเมตตาไว้ชีวิตเจ้าก็ได้”

ศรีปางตาลรวบรวมพละกำลังเฮือกสุดท้าย นางกลั้นหายใจ ก่อนจะหันไปจ้องตาสิมันตา
แสงวาบสีเขียวสว่างขึ้นมาจากนัยน์ตาของนาง แสงนั่นเองที่ทำให้สิมันตาแน่นิ่งเหมือนต้องมนต์

ศรีปางตาลอาศัยจังหวะนั้นสะบัดหนีออกมาก่อนจะแปลงร่างเป็นนาคกระโจนแหวกว่ายผ่านแม่น้ำไปอย่างรวดเร็ว

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ในตอนนั้นเองที่ดวงตาของสิมันตาสว่างแดงขึ้นมา เขากัดฟันกรอดด้วยความโมโห นาคีมีฤทธิ์เพียงแค่นี้ บังอาจมาลองดีกับพระยาสุบรรณผู้ยิ่งใหญ่เยี่ยงเขา

สิมันตากำหมัดแน่นก่อนจะถลาตัวขึ้นฟ้าและกลายร่างเป็นพญาครุฑที่มีปีกสยายกว้างใหญ่จนบังพระอาทิตย์จนมืดมิด
พิทตกใจกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาถอยหลังหนีไปหลบหลังพุ่มไม้เหมือนเช่นคนขี้ขลาดที่เขามักเป็นอยู่เสมอ
ภาพของครุฑร่างมหึมาที่สะบัดปีกไปมาจนป่าแทบทะลาย แม่น้ำถูกแรงของปีกที่สะบัดแหวกออกเป็นสองซีก เสียงแผดร้องลั่นนั้นทำให้พิทต้องเอามืออุดหู

ครุฑตนนั้นสะบัดปีกพลางโฉบไปมา สายตาก็จิกจ้องไปที่แม่น้ำที่แตกกระจายทุกครั้งที่บินผ่าน
พิทภาวนาของให้ฝันของเขาไม่เป็นจริง ภาวนาให้ศรีปางตาลหนีไปให้ได้
แม่น้ำกว้างใหญ่ไพศาลนั้น อาจดูเหมือนปลอดภัยสำหรับนาค แต่คงไม่ใช่คราวนี้ ในที่สุด ร่างของนาคศรีปางตาลก็ปรากฏขึ้นเมื่อ

พญาครุฑสะบัดปีกอีกหน  มันกรีดร้องเสียงแผดหู ก่อนจะโฉบลงไปจิกร่างของนาคขึ้นมา และทันทีที่นาคโดนกรงเล็บที่คมกริบราวกับมีดดาบ เสียงแผดร้องอย่างเจ็บปวดก็ดังขึ้น

สัตว์ทั้งสองต่างต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย อีกตัวสู้เพื่อเอาชีวิตรอด อีกตัวสู้เพื่อจ้องจะทำลายชีวิต
พิทยืนตัวสั่นงันงกอยู่หลังพุ่มไม้เฝ้ามองสัตว์ทั้งสองสู้กัน ครุฑใช้จงอยจิกไปที่ลำตัวของนาคจนเลือดสาดกระเซ็นแดงฉานไปทั่วท้องน้ำ อีกทั้งกรงเล็บนั้นก็ฝังลึกลงไปจนดิ้นไม่หลุด

นาคเองก็ใช้หางเกี่ยวตวัดรัดขาอันทรงพลังของพญาครุฑไว้ มันบีบรัดอย่างสุดกำลัง ปากก็ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

พญาครุฑกระชากร่างนาคไปมา และในจังหวะนั้นเองที่นาคเอี้ยวตัวมาและฝังเขี้ยวพิษลงบนขาของครุฑ มันแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะสะบัดร่างของนางนาคจนปลิวร่วงลงกระแทกพื้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ร่างของพญานาคกระแทกพื้นหล่นลงต่อหน้าพิท มันขดตัวไปมา ดิ้นรนทุรนทุรายด้วยความหวาดกลัวและตกใจอย่างสุดขีด
นางนาคพยายามประคองตัวและจะเลื้อยหนี แต่ยังไม่ทันที่มันจะเหยียดร่าง พญาครุฑก็ถลาลงมาโฉบขย้ำกรงเล็บเข้าที่หัวของมัน  ก่อนจะจิกกดลงกับพื้น มันกระพือปีกจนฝุ่นตลบอบอวล ต้นไม้ล้มระเนระนาด  ขนาดต้นไม้ใหญ่ที่พิทหลบอยู่ยังแทบจะยืนต้นไม่ไหว

ครุฑพยายามจะลากมันขึ้นฟ้า แต่หางของนาคกลับเกี่ยวพันไว้กับต้นไม้ใหญ่ พวกมันฉุดยื้อกันอยู่พักใหญ่
และแล้วนางนาคก็ต้านทานพลังอำนาจของครุฑไม่ไหว หากมันยังดื้อดึงที่จะยึดร่างกับต้นไม้ต่อไป ร่างของมันคงจะขาดสองท่อนเป็นแน่

นางนาคร้องไห้อย่างสิ้นหวัง พิทยืนตัวสั่นด้วยความกลัว วินาทีนั้นเองที่นางนาคสะบัดหัวมาทางพิท และพิทเองก็ก้าวออกไปประจันหน้ากับครุฑอย่างหวาดกลัว

สายตาของนางนาคจ้องมาที่พิท ราวกับเห็นเขา เขารับรู้ได้ว่านางอ้อนวอนให้เขาช่วย พิทได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เหมือนในฝัน

นางเห็นพิทแน่นอน

นางรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้

แต่เหมือนจะสายเสียแล้ว พญาครุฑได้กระชากร่างของนางขึ้นฟ้า กระพือปีกแค่ครั้งเดียวทั้งคู่ก็ลอยละลิ่วขึ้นไปจนไม่อาจได้ยินเสียงตะโกนร้องห้ามจากสิ่งมีชีวิตที่เล็กเหมือนผงธุลีเช่นเขาจากเบื้องล่าง

แต่กระนั้นพิทก็ยังตะโกน

เขาตะโกนสุดเสียง

“หยุดนะ ปล่อยนางเดี๋ยวนี้”

“หยุด อย่าทำนาง หยุด” พิทกระโดดโบกมือไปมา หวังจะให้พญาครุฑได้เห็น แต่ไม่มีประโยชน์ ครุฑตนนั้นอ้าปากร้อง ก่อนจะใช้จงอยปากจิกลำคอพญานาคจนเลือดสาดกระเซ็น การจิกอย่างแรงครั้งสุดท้ายนี่เองที่ทำให้นาคตนนั้นแน่นิ่งไป

พิทน้ำตาไหลทันทีที่เห็นภาพนั้น เขาทรุดลงกองกับพื้นร้องไห้เหมือนคนเสียสติ

ร่างของนางนาคถูกเหวี่ยงกระแทกพื้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ร่างนั้นกลับค่อยๆคืนร่างเป็นหญิงสาวที่มีเลือดและแผลเหวอะหวะน่าสยดสยอง

พิทรีบวิ่งอย่างทุลักทุเลเข้าไปนั่งลงใกล้ๆร่างนั้น

“ศรีปางตาล อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ อดทนไว้เดี๋ยวชั้นจะไปตามสวามินมาช่วย” พิทพูดเหมือนนางจะได้ยิน

แต่สายตานางนั้นเลื่อนลอย เลือดไหลออกปากจมูก ไม่ยอมหยุด

พิททำอะไรไม่ถูกเขาทำท่าจะลุกขึ้นวิ่ง แต่แล้วก็กลับนั่งลง เป็นอย่างนี้อยู่หลายรอบ

  แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อศรีปางตาลจับมือเขาไว้

“ท่าน” นางมองมาที่เขา “ในที่สุดท่านก็มาหาข้า” เลือดไหลออกมาจากปากนาง

“คุณ คุณเห็นผมเหรอ” พิทอดแปลกใจไม่ได้  แต่เขาก็ดีใจที่นางเห็นเขา มาถึงวินาทีนี้พิทรู้ได้ทันทีว่า เขาแก้ไขอดีตไม่ได้ เขาช่วยศรีปางตาลไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาทำได้คือ ทำมันให้ถูกต้อง

“ท่าน ท่านไม่ได้หลอกข้าใช่ไหม”

พิทรีบจับมือนางแน่น ประคองร่างที่ท่วมเลือดไว้ น้ำตาของพิทไหลเอ่อ

“ท่านร้องไห้ทำไม” นางเอื้อมมือลูบแก้มพิท

“ผมร้องไห้ให้กับคุณ ศรีปางตาล ผมขอโทษ” พิทสะอื้นร่ำ

“ท่าน” นางยิ้มเมื่อได้ยินคำนี้จากพิท “ท่านไม่ได้เกลียดข้าเหมือนที่พญาครุฑนั่นบอกใช่ไหม” น้ำตาสีปางตาลหลั่งริน ปนไปกับเลือด

พิทลูบแก้มนางเบาๆ

“ไม่” พิทส่ายหัว “ชายคนนั้นโกหก เขาโกหก” พิทละล่ำละลักพูด เขาพยายามจะอธิบายอะไรอีกมากมาย

“ข้ารู้ ข้ารู้ท่านไม่ทำเช่นนั้นกับข้าแน่” นางกระอักลิ่มเลือดออกมา เลือดสีแดงฉานนั้นกองเต็มมือพิท

“ข้ารักท่านนะ ท่านสวามิน” นางมองตาพิทอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มที่มีความสุข 

“ข้าดีใจ ที่อย่างน้อยได้ตายในอ้อมกอดท่าน”

พิทส่ายหน้าไปมา น้ำตาไหลพราก “ไม่นะศรีปางตาล อดทนไว้ ผมจะไปตามคนมาช่วย”

แต่เหมือนทุกอย่างจะสายไปเสียแล้ว ศรีปางตาลหายใจแผ่วลง ตาค่อยๆปิด และมือที่กุมมือพิทไว้ก็ค่อยๆคลาย

“ศรีปางตาล อย่าตายนะ” พิทตะโกนร้องเหมือนคนเสียสติ

ความโกรธความเกลียดชังที่มีต่อตัวนางก่อนหน้านี้ได้มลายหายไปจนหมดสิ้น เมฆหมอกดำมืดในใจที่บังตาได้คลี่คลาย บัดนี้ในใจของเขาเหลือแต่ความรู้สึกผิด และสงสารนาง

พิทประคองร่างที่หายใจรวยรินนั้นขึ้นมากอดแน่น แนบแก้มชิด ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูนาง

“อโหสิให้ผมนะ ศรีปางตาล”

รอยยิ้มครั้งสุดท้ายปรากฏขึ้นก่อนที่ร่างนั้นจะแน่นิ่งไป.....................................

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
 :z3: ฮืออออออออ สงสารศรีปางตาล เกลียดสิมันตา แกมันเลววววว ฮือออ :o12:
ขอให้ศรีปางตาลอภัยให้พิทด้วยเถอะ
 บางที่สิ่งที่จะมาแก้ไขคือวาระสุดท้ายของศรีปางตาล จะได้มีพราหมณ์สวามินอยู่เคียงข้าง และอโหสิให้ใช่ไหม :mew5:
รอตอนต่อไปค่าา. +1 :mew1:

ออฟไลน์ jamlovenami

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :o12: อ๊ากกกกก เศร้าแสรด อีพี่สุบรรณแกเลวอ่า

แต่สุดท้ายเรื่องก็คลี่คลายล่ะนะ หวังว่านางนาค(เรียกซะ)คงอโหสิล่ะนะ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ในที่สุดพิทก็ทำมันสำเร็จซินะ
แต่อดสงสารศรีปางตาลไม่ได้ ที่ต้องมาตายให้กับความรักที่ไม่อาจสมหวังได้

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
เลวจริงๆ โยนความผิดให้คนอื่น

ขอให้ศรีปรางตาลให้อภัย

หมดเวรหมดกรรมตาอกันเถอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด