๐๐Timeless รักข้ามภพ๐๐ Update เปิดจองรวมเล่ม P.33
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ๐๐Timeless รักข้ามภพ๐๐ Update เปิดจองรวมเล่ม P.33  (อ่าน 267833 ครั้ง)

ออฟไลน์ ไป๋ไป๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ศรีเมือง!!!!! อย่าเป็นอะไรน๊า... :hao5:

อ่านตอนนี้แล้วเศร้า..สุดท้ายนางศรีปางตาลก็ยังตามอาฆาตอยู่ทุกชาติ  เง้อๆ สงสารแต่ศรีเมืองอ่ะ ไม่รุ้จะเป็นยังไงบ้าง 

ที่สำคัญไม่อยากให้เรื่องนี้จบเลย...กำลังสนุก :mew2:

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
ศรีเมืองงงงง ม่ายยยย อุ้ยลืม คิดว่าตัวเองเป็นพิท5555
โอยศรีเมืองน่ารักจริงๆ มาต่อเร็วๆน้าา :mew1:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ไม่ๆๆๆๆ  ศรีเมือง
สงสารศรีเมืองอ่ะ ไม่อยากให้พิทกลับปัจจุงันเลย
อยากให้อยู่กับศรีเมือง
สงสารศรีเมืองอ่ะ ฮือๆ

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
สงสารศรีเมืองจังเลย
 
ยอมตายแทนด้วยอ่ะ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ศรีเมืองยอมตายแทนพิท ไม่ใช่ผากอง
ซึ้งมาก แต่จะให้ดีขออย่าให้ศรีเมืองเป็นอะไรเลย

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
เศร้าอ่ะ กระซิก กระซิก

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :sad4: พ่อศรีเมืองจะเป็นเยี่ยงไรบ้างหนา  :mew4:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:รอออออออออออออต่อไปปปปปปปปปปปปป :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ภพสุดท้าย ไขปริศนา


แสงแดดสีทองที่ลอดมาตามใบต้นประดู่แยงตาของเขา พิทเหมือนหลับไปนานแสนนาน ความเหนื่อยล้า ความทุกข์ใดๆที่ผ่านมาเลือนหายไปหมดสิ้น การตื่นของเขาในครั้งนี้เป็นการตื่นที่มีความสุขที่สุดที่เขาเคยหลับมา

“อ่า!!!” เขาค่อยๆลืมตาขึ้น บิดขี้เกียจ ในสมองว่างเปล่าเหมือนผ่านการรีเซตข้อมูลทุกอย่างออกไป

“ที่ไหนอีกเนี่ยะ” พิทมองไปรอบๆและพบว่าตัวเองนอนหลับอยู่ใต้ต้นประดู่ต้นใหญ่ ริมแม่น้ำสายคุ้นตา

“อย่าบอกนะ” เขาทำหน้าสงสัยก้มลงมองตัวเอง และเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเขาอยู่ในชุดแต่งตัวในสมัยปัจจุบัน เสื้อยืดกางเกงยีนต์ตัวเดิมตอนที่เขาใส่ไปหาหลวงพ่อที่วัด ทำไมเขาย้อนอดีตมาอีกภพแต่กลับยังแต่งตัวแบบเดิม หรือว่านี่มันชาติปัจจุบัน
พิทลุกขึ้นมองไปรอบๆ ที่นี่มันคุ้นตาเหมือนในฝันที่เขาเคยฝันถึง แม่น้ำที่มีตลิ่งสูงชัน น้ำในแม่น้ำเขียวมรกต

“แล้วตรงนั้นก็.............” เป็นเหมือนที่เขาคิด ไม่ไกลจากที่เขายืนอยู่นั้นเป็นอาศรมเล็กๆ

“คงไม่ใช่ยุคปัจจุบันแล้วสิ” เขาสังหรณ์ใจ

พิทยืนลังเลอยู่ข้างอาศรม เขาไม่แน่ใจว่าจะขึ้นไปข้างบนดีหรือเปล่า
ขึ้นไปแล้วจะเจออะไร

จะอธิบายเรื่องราวซ้ำๆอย่างไรให้เขาเข้าใจ

“ขึ้นมาก่อนเถิด ท่านผู้มาจากแดนไกล” เสียงนุ่มเย็นนั้นดังมาจากข้างใน พิทหันซ้ายหันขวา เมื่อแน่ใจแล้วว่าเสียงนั้นเชื้อเชิญเขา เขาจึงค่อยๆย่างขึ้นไปอย่างระมัดระวัง

ประตูเปิดแง้ม พิทชะโงกหน้าเข้าไปและต้องผงะเมื่อภาพที่เขาเห็นคือชายคนหนึ่งที่หน้าตาละม้ายคล้ายเขา จะบอกว่าเป็นตัวพิทเองก็ดูจะไม่เหมือนสักเท่าไหร่เพราะชายผู้นั้นดูเหมือนจะมีอายุมากกว่า เป็นผู้ใหญ่กว่าและดูสุขุมกว่า

“นี่มันอะไรกัน” พิทว่า เขาแปลกใจว่าปกติหากเขาย้อนอดีตมา เขาจะต้องไปอยู่ในร่างตัวเองในภพนั้นๆ แต่หนนี้กลับไม่ใช่ เขายังคงเป็นเขา แต่นี่มันไม่ใช่

 ชายผู้นั้นกำลังนั่งสมาธิในตอนเช้า หลับตาอย่างเยือกเย็น

พิทชะโงกหน้าไปอีกรอบ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าชายผู้นั้น

“เข้ามาก่อนเถิด”

พิทเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าพราห์มผู้นั้น

“ขอบใจท่านมากนะ ที่อุตส่าห์เดินทางมาเพื่อข้าในครั้งนี้”

“เดินทางมาเพื่อท่านเหรอครับ” มันน่าแปลกมากที่พิทต้องมานั่งสนทนากับตัวเองแบบนี้

“ท่านคิดว่าการเดินทางข้ามภพชาติของท่านเป็นเรื่องบังเอิญกระนั้นรึ” เขายิ้มเย็นๆ

พิทแสดงอาการไม่เข้าใจอย่างชัดเจน

“ทุกอย่างล้วนลิขิตไว้แล้ว ข้ามิสามารถแก้ไขอะไรที่จะเป็นผลในอนาคตได้ แต่ท่านสามารถแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตแทนข้าได้”
พิทนั่งฟังอย่างตั้งใจ

“ข้ารู้ว่าจักเกิดอะไรขึ้นกับข้า กับเวไตย กับศรีปางตาลในอนาคต ข้ารู้ แต่ข้าจักเปลี่ยนแปลงมันด้วยตัวข้าเองมิได้ กรรมของข้า ข้าต้องชดใช้มันถึงสามชาติภพ และจักจบสิ้นในภพที่สี่ซึ่งเป็นภพของเจ้า”

“ท่านหมายถึง ที่ผมมาที่นี่เพราะท่านอย่างนั้นเหรอ”

“ไม่ใช่เพราะข้า ไม่ใช่เพราะท่าน แต่เป็นเพราะเรา”

ปริศนาต่างๆเริ่มคลี่คลาย พิทเริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นมากขึ้น การเดินทางของเขาที่ผ่านมาไม่ใช่เหตุการณ์บังเอิญ การที่ลุงหลวยตาย การพบกันของเขาและทิว เรื่องพระที่นำพาเขาข้ามภพ คาถาอาลัมพายน์ที่หมองูพูด และอื่นๆที่เกิดขึ้นไม่ใช่เหตุบังเอิญ

“หลังจากการพบกันวันนี้ เราจะไม่ได้พบกันอีก ท่านจักต้องแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดแทนข้า จงตามหามันให้ได้ว่าเหตุใดเราถึงต้องตายเพราะแรงอาฆาตของศรีปางตาล”

“หมายความว่ายังไงครับ ที่บอกว่าเราจะไม่ได้พบกันอีก” พิทสงสัย

“ข้าจะไม่สามารถติดต่อกับท่านได้อีก ทันทีที่ข้าลืมตา ท่านจะหายไปจากมโนจิตของข้า” พราห์มผู้สงบนิ่งหลับตาพริ้ม “ท่านผู้มาจากแดนไกล โอกาสสุดท้ายได้มาถึงแล้ว ข้าเสี่ยงมากที่นำท่านมาที่นี่ หากท่านทำไม่สำเร็จ ทั้งท่าน และข้าจักหายไปตลอดกาล”

พิทใจหายวาบทันทีที่ได้ยินคำว่าหายไปตลอดกาล

พราห์มผู้นั้นยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆลืมตา และทันทีที่เขาลืมตา พิทก็กลายเป็นอากาศธาตุเพราะพารห์มผู้นั้นไม่เห็น ไม่สนใจ หรือไม่คิดด้วยซ้ำว่ามีเขานั่งอยู่ตรงนั้น

พราห์มผู้นั้นลุกขึ้นจากการนั่งสมาธิ เขาหยิบผ้าขาวมาพาดบ่า ก่อนจะเดินออกไปตักน้ำในโอ่งดินหน้าอาศรมล้างหน้าและบ้วนปาก

“ท่าน ท่าน” พิทพยายามเรียกความสนใจจากเขา แต่ไม่เป็นผล ชายผู้นั้นลืมเลือนทุกสิ่ง
พิทนั่งลงถอนหายใจ นึกว่าต่อไปจะทำยังไงก็เหนื่อยหน่ายจนต้องถอนหายใจออกมา

พราห์มเดินไปหยิบไม้กวาดที่ทำจากกิ่งไม้ขนาดเหมาะมือทุบปลายจนแตกและแผ่ออก เขากวาดใบประดู่ที่หล่นมากองรวมกัน ทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมา

พิทนั่งมองด้วยความเบื่อหน่าย กิจวัตรแบบนี้จะมีอะไรน่าตื่นเต้น แล้วเรื่องราวจะเกิดขึ้นตอนไหน เขาจะต้องรอถึงเมื่อไหร่

“เฮ้อ” พิทถอนหายใจเป็นครั้งที่สอง พิงหลังกับไม้ระเบียง

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ใบไม้แห้งถูกกวาดรวมกันจนเป็นกองใหญ่ เขานึกว่าพราห์มผู้นั้นจะเสร็จ แต่เปล่าเลย เขากลับแยกมันเป็นสามกอง แล้วยืนเพ่งนิ่ง

“เออ บ้าไปแล้ว” พิทว่า เขาเบือนหน้าหนี แต่ก็ต้องรีบหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงบางคน

“ท่านนักพรต เราสองพี่น้องเดินทางมาไกลแสนไกล ขอน้ำให้เราดื่มดับกระหายหน่อยเถิด” แล้วทันทีที่เขาหันไป หน้าพิทถึงกับซีด ภาพที่เห็นคือชายสองคนที่เขาคุ้นเคย ทิวกับบรรณนั่นเอง พวกเขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเก่ามอซอ ไม่ใส่รองเท้า เนื้อตัวมอมแมมเหม็นคลุ้ง

“เชิญท่านทั้งสองพักให้หายเหนื่อยก่อนเถิด เราจักเอาน้ำมาให้”

ชายทั้งคู่นั่งลงที่ข้างอาศรม ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วยิ้ม

“ท่านนักพรต ท่านอยู่ที่ริมฝั่งมหานทีนี้มานาน ได้พบเห็นบรรดานาคีเล่นน้ำแถวนี้บ้างหรือไม่” ชายผู้ที่หน้าตาเหมือนบรรณหันมาถาม

“นาคีมิใช่จักให้มนุษย์เห็นได้ง่ายๆ ข้ามิใช่ผู้มีบุญวาสนาอันใด ไยเลยจักได้เห็นเหล่านาคี” พราห์มผู้นั้นก้มหน้าตักน้ำ ก่อนจะถือตรงมาให้ทั้งคู่

พิทขยับไปใกล้ๆ ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาอยู่ตรงนี้

“ท่านนักพรต ท่านไม่เห็นหรือไม่ยอมบอกเรากันแน่” ชายผู้นั้นถาม

“สิตามัน”ชายอีกคนที่หน้าเหมือนทิวหันไปส่งสายตาดุ ดวงตาที่คิมกริบดุจพญาเหยี่ยวนั้นดูน่าเกรงขามและทรงอำนาจ

“ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ที่พี่ชายของข้าเสียมารยาท ข้าชื่อเวนไตย ส่วนพี่ชายข้าสิตามัน พวกเราเป็นชาวบ้านยากจนเดินทางมา
จากแดนไกล” ชายผู้น้องนั้นดูสุภาพ และอ่อนโยนกว่าผู้พี่มาก

“เราชื่อสวามิน” พราห์มผู้นั้นยิ้ม พร้อมๆกับที่พิทยิ้ม ในฝันเขาเคยได้ยินชื่อนั้นทั้งหมด มันเหมือนสิ่งที่เขาฝันกำลังจะเป็นเรื่องจริง

“การล้างผลาญชีวิตกันมิจบมิสิ้นนั้น ย่อมหาใช่วิถีแห่งอมตาลัยไม่ เพียรบำเพ็ญบารมีต่างหากเล่า ที่จะนำท่านไปสู่ความสงบที่แท้จริง”

“ท่านหมายความว่ากระไร” ชายผู้พี่มีสีหน้าไม่พอใจ

พราห์มสวามินยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร ส่วนเวนไตย ผู้น้องนั้นเฝ้าแต่มองเขาไม่วางตา

“วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มเกรงว่าการเดินทางข้างหน้าจักลำบาก หากพวกท่านมิรังเกียจ ขอเชิญค้างที่นี่เสียสักคืน”

ทั้งสองคนหันไปปรึกษากัน และสุดท้ายเวนไตยผู้น้องก็หันมาพยักหน้าตอบตกลง

“อ๋อ มารู้จักกันตอนนี้นี่เอง แหม มาตรงเวลาเป๊ะเลยนะเรา” พิทยิ้ม พลางเดินตามทั้งหมดขึ้นสู่อาศรม

ไม่นานนักหลังจากนั้น ฝนห่าใหญ่ก็เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เสียงฟ้าแลบ ฟ้าร้องดังสลับกันไปมา

“เปรี้ยง!!” และฟ้าก็ผ่าลงมายังต้นไทรต้นใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลจากอาศรมจนโค่นลง

“จะเกิดเหตุเพศภัยอันใดกระนั้นหรือ” สวามินเปรย



           สวามินนั่งอยู่ที่ชานเรือนหน้าอาศรม สายฝนหยดเป็นเม็ดตามขอบหลังคาอาศรม เขามองออกไปข้างนอกอย่างเลื่อนลอย

“ท่านสวามิน อมตาลัยที่ท่านพูดถึงคืออะไร” จู่ๆเวนไตยก็เดินออกมาจากห้องนั่งลงใกล้ๆพราห์ม

“อมตาลัย คือดินแดนแห่งความเป็นอมตะ ไม่มีเกิด ไม่มีดับ ไม่มีทุกข์ ไม่มีเศร้า ไม่มีพบ ไม่มีจาก ไม่มีกลางวัน ไม่มีกลางคืน
ที่ที่ซึ่งมีแต่ความยินดีปรีดา การหลุดพ้นจากพันธนาการที่เรียกว่ากิเลสทั้งหลายทั้งปวง” สวามินอธิบายพร้อมรอยยิ้ม

“ที่นั่นจะไม่มีการฆ่าฟัน การจองเวร การแย่งชิง” เวนไตยถาม

“ไม่มี”

“ไม่มีเสียงกรีดร้อง ไม่มีเสียงสาปแช่ง ไม่มีแรงอาฆาต”

“ไม่มี”

“ที่แห่งนั้นอยู่ที่ใดกันเล่า เราสามารถเดินทางไปได้หรือไม่”

“ต่อให้ท่านมีปีกกางกว้างเป็นพันโยชน์ดุจพญาครุฑ แต่หากท่านมิใช่ผู้บำเพ็ญเพียรที่ดีพร้อม ท่านก็มิอาจไปสู่ดินแดนแห่งอมตาลัยได้”

เวนไตยนั่งฟังอย่างตั้งใจ พิทเองที่นั่งอยู่ใกล้ๆก็ฟังและคิดตามไปด้วย นี่นับว่าเป็นความรู้ใหม่ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีความเชื่อแบบนี้ในยุคนั้นด้วย เขาเคยได้ยินแต่การเดินทางสู่อ้อมกอดพระเจ้า หรือพระอัลเลาะห์ หรือการนิพพานในศาสนาพุทธ แต่ดินแดนอมตาลัยนี้เขาไม่เคยได้ยิน

“ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าที่นั่นมีจริงในเมื่อท่านเองก็ยังหาใช่ผู้บำเพ็ญที่ดีพร้อม”

“ไม่เห็นใช่ว่าจักไม่มี” สวามินว่า  “หยุดสิ่งที่ท่านกำลังจะทำเสียเถิด เวนไตย เพราะสิ่งนั้นหาใช่หนทางสู่ความสงบไม่”

“ท่านรู้” แววตาของเวนไตยฉายแววตระหนก

“เรามิรู้อันใดไปมากกว่าที่เจ้ารู้ดอก” เขายิ้ม “หยุดเสีย แล้วเดินทางไปยังอมตาลัยกับเรา”

สายฝนเริ่มซา กลิ่นหญ้าหอมอ่อนลอยโชยมาแต่ไกล น้ำในแม่น้ำนั้นเอ่อปริ่มตลิ่ง แต่ก็ยังใสดุจแก้วผ่องอำไพ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ลึกลงไปในมหานทีที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดนั้น ที่นั่นกลับมีแสงระยิบระยับเป็นประกายสว่างนำทางท่ามกลางความมืด แสงนั้นเกิดจากประกายอัญมณีที่ประดับประดา

ใครจะรู้ว่าลึกลงไปนั้น เมื่อผ่านผืนน้ำที่ทำหน้าที่อำพรางสายตาจากมนุษย์ จะมีประตูบานใหญ่ที่ประดับประดาด้วยอัญมณีหลากสี ผ่านประตูนั้นจะเจอกับปราสาททรงแปลกตาสีทองอร่าม
ผู้คนในเมืองบาดาลแต่งกายโอ่อ่า ประดับสร้อยมรกตยาว ผมของทั้งชายหญิงต่างมัดมวยเกล้าเหนือหัว

ที่นั่นคือเมืองบาดาล เมืองที่ชาวบาดาลอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข
เมืองบาดาลแห่งนี้ปกครองด้วยพญานาคภุชงค์ เจ้าเมืองผู้เป็นใหญ่ในน่านน้ำผู้คอยให้น้ำ ให้ฝนแก่มนุษย์เบื้องบน ท่านมีบุตรชายหนึ่งคนคือ นาคินทร์ และธิดาผู้งดงามราวพระจันทร์เต็มดวงศรีปางตาล

“ข้าหน่ายกับการอยู่แต่ในนี้เหลือเกิน” ศรีปางตาลเงยหน้ามองท้องน้ำเบื้องบนอย่างเลื่อนลอย นางเปรียบเสมือนนกน้อยในกรงทองที่พระบิดาหวงราวกับไข่ในหิน

“พระนางจะทำเยี่ยงนี้ไม่ได้นะเพคะ” นางกำนัลร้องห้ามเมื่อเห็นว่าศรีปางตาลกำลังจะลักลอบออกจากวังบาดาล

“เจ้าไม่บอก พระบิดาข้าไม่รู้หรอก ข้าขึ้นไปไม่นาน” นางดูตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้มาก “เฝ้าประตูนี้ไว้นะ” ว่าแล้วนางก็ก้าว

ล่วงประตูเมืองไป และทันทีที่เท้านางก้าวผ่านขอบประตูไป ร่างกายที่เป็นมนุษย์ก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นนางนาคีที่เลื้อยว่ายผ่านโขดหินมุ่งหน้าสู่โลกมนุษย์



นางนาคศรีปางตาลเลื้อยผ่านกระแสน้ำวนที่เชี่ยวและแรง มันทำหน้าที่เหมือนปราการที่ป้องกันผู้ไม่พึงประสงค์ก้าวผ่านมายังเมืองบาดาลอีกชั้น ก่อนจะเห็นแสงอาทิตย์ระยิบเหนือผิวน้ำ

นี่เป็นครั้งแรกที่นางหนีออกมาสู่โลกมนุษย์ ความเบื่อหน่าย กฎระเบียบ และข้อบังคับต่างๆที่พระบิดาวางไว้นั้น ทำให้นางดิ้นรนอยากจะออกมาดูโลกภายนอก ทุกครั้งที่เหล่านางกำนัลสนทนากันอย่างสนุกสนาน ในวันขึ้น 15 ค่ำ ที่พวกนางได้รับอนุญาตให้ขึ้นมายังโลกมนุษย์ พวกนางจะเล่าถึงต้นไม้เขียวขจี ดอกไม้หลากสีอีกทั้งกลิ่นหอมที่โชยเย็น บรรดามนุษย์ที่หน้าตาแปลกประหลาด พูดจาแตกต่าง เครื่องประดับที่งดงามแปลกตา อาหาร วิถีชีวิต เรื่องเหล่านี้ยิ่งกระตุ้นความอยากรู้ให้นางมากขึ้น

“ท่านพ่อให้ข้าไปด้วยเถิด” นางเคยร้องขอพระบิดา แต่กลับถูกปฏิเสธ

“ไม่ได้ มนุษย์มีทั้งดีและชั่ว มิสมควรที่เจ้าจักไปเกลือกกลั้วด้วย” ผู้เป็นบิดายืนกราน

“แต่ทำไมนาคินทร์ถึง............”

“นาคินทร์เป็นผู้ชาย ภายภาคหน้าเขาต้องปกครองนครแทนพ่อ”

เหตุผลของบิดาทำให้นางถึงกับหน้าถอดสี บางครั้งศรีปางตาลก็รู้สึกน้อยใจเหมือนผู้เป็นพ่อลำเอียง แต่ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ นางจึงเก็บความอัดอั้นไว้

จนวันนี้ วันที่นางมีหนทางลอบหนีออกจากเมือง ศรีปางตาลตื่นเต้นจนแทบจะรอที่จะสัมผัสพื้นดินเบื้องบนนั้นไม่ไหว

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
พี่บรรณ ตัวร้ายสิน่ะะะะ

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว ฝนที่ตกทั้งคืนบัดนี้ได้หยุดลงแล้ว แต่ยังคงทิ้งหยดน้ำเป็นประกายเมื่อต้องแสงไว้บนใบไม้ พราห์มสวามินลุกขึ้นมาเดินเลียบริมแม่น้ำ ปล่อยให้ชายพเนจรสองคนนั้นพักผ่อนอยู่ช้างใน
พิทเองก็เผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน คืนนั้นทั้งคืนเขานอนนึกถึงแต่ศรีเมืองเฝ้าแต่คิดว่าศรีเมืองจะเป็นอย่างไรบ้าง

“สิตามัน ข้าไม่อยากเดินทางไปกับท่านอีกแล้ว” เวนไตยพูด

“เจ้าหมายความว่ากระไร”

“ข้าหน่ายกับการเฝ้าตามล้างผลาญชีวิตเผ่านาคาเต็มที”

“เวนไตย เจ้าเสียสติไปแล้วรึ นั่นมันวิถีของเรา วิถีของเหล่าพญาครุฑเช่นเรา” สิมันตาจ้องเขม็ง “ข้ามิฟังอันใดทั้งนั้น แต่งตัวแล้ว
เร่งออกเดินทาง เราต้องตามหามณีนาคาให้พบ” เขาลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง รู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เวนไตยพูด

พิทเงี่ยหูฟังเรื่องราวภายในห้อง เขาเริ่มมองเห็นรอยร้าวเล็กๆที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว




เวนไตยเดินตามสิมันตาออกมา พวกเขาทั้งคู่เดินตรงมาหาสวามินที่กำลังเดินกลับอาศรม

“พวกเรามาลา ขอบใจท่านมากสำหรับที่พัก” สิมันตาพูดด้วยสายตาแข็งกร้าว เขารู้ดีว่าความคิดบ้าๆของผู้เป็นน้องนั้นมาจากใคร
เวนไตยนั้นถึงจะอ่อนแอ หัวอ่อนไปบ้าง แต่เขาก็ห้าวหาญและเด็ดเดี่ยว อีกทั้งจิตใจที่เข้มแข็งแน่วแน่ราวหินผานั้นก็ไม่ใช่ใครจะมาสั่นคลอนได้ง่ายๆ

หากไม่ใช่เพราะนักพรตถือดีผู้นี้แล้วนั้น เวนไตยคงไม่มีความคิดที่จะอยู่ที่นี่หรอก

พราห์มสวามินยืนนิ่ง ไม่พูดอะไร แต่เขากลับหันมองมาที่เวนไตย

“ท่านไปเถิด สิมันตา ข้าอยากอยู่ที่นี่” เวนไตยพูด

คำพูดนั้นทำให้ผู้เป็นพี่ถึงกับแน่นิ่ง เขากัดฟันแน่น

“เหลวไหล เจ้าจักอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เวนไตย ที่นี่หาใช่ที่ของเจ้าไม่”

“พี่ข้า ปล่อยให้ข้าเลือกทางเดินของข้าเองสักคราเถิด”

“ไม่ได้!!” ความโกรธทะลักออกมาจากน้ำเสียงและแววตาของชายผู้นั้น เขาหันไปคว้าแขนผู้เป็นน้อง เสียงลมดังครืนๆจนต้นไม้สั่นอย่างน่าอัศจรรย์

ผู้เป็นน้องขืนตัวไว้ เขาตั้งใจแน่วแน่แล้วว่ายังไงก็ต้องอยู่ที่นี่

“สิมันตา ข้าอยากหยุด” เวนไตยค่อยๆแกะมือผู้เป็นพี่ออกจากแขน ถึงแม้พิทจะมองว่ามันเป็นเหตุการณ์ธรรมดา แต่จริงๆแล้วเขากลับรับรู้ได้ถึงพลังมหาศาลที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้สีหน้าอันเรียบเฉยของคนทั้งคู่

เวนไตยแกะมือผู้เป็นพี่ออก เขาถอยหลังมายืนข้างพราห์มสวามิน

“ได้ เวนไตย หากเจ้าต้องการเช่นนั้น แต่จำคำของข้าไว้ ทันทีที่ข้าก้าวเท้าออกจากที่นี่ ความเป็นพี่น้องของเราก็จบสิ้นเช่นกัน”
แววตาของเวนไตยแน่นิ่ง น้ำตาคลอหน่วย ทั้งคู่จ้องหน้ากันอยู่พักใหญ่ ผู้เป็นพี่เองก็เหมือนตกใจกับสิ่งที่เขาพูดไปแต่ในเมื่อพูด
ออกไปแล้วจะคืนคำเสียไม่ได้

“เจ้านักพรต เจ้าจักต้องชดใช้กับสิ่งที่เจ้าทำ” สิมันตาพูด พร้อมกับหันหลังเดินออกไปจากที่พักด้วยความโมโห เขาไม่หันมาแม้แต่จะมองผู้เป็นน้องชาย





“ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าจะอยู่ที่นี่” สวามินถาม

“ข้ามั่นใจ”

“หากเป็นเช่นนั้น ท่านจะมีความลับกับเราไม่ได้”

เวนไตยนิ่งเงียบ เขาลังเลที่จะพูดความจริง แต่แล้วเมื่อเห็นแววตาของพราห์มสวามิน แววตาที่บอกว่าเขาจะปลอดภัย แววตาที่บอกว่าไม่เป็นไร เวนไตยจึงตัดสินใจพูด

“ข้ากับพี่ชายข้า เราเป็นครุฑที่เดินทางมาจากฉิมพลีนครเพื่อตามหามณีนาคา”

ไม่มีสีหน้าตื่นตระหนกจากพราห์มสวามิน พิทเองที่ยืนนิ่งเป็นอากาศธาตุก็เช่นกัน

“มณีนาคา” สวามินย้อนถาม

“ใช่มณีนาคา มณีที่เผ่านาคาใช้ในการกลายร่างจากพญางูเป็นมนุษย์”

“พวกท่านจะเอาดวงแก้วนั้นไปทำไม”

“มณีนาคานั้นเกิดขึ้นมาจากการสั่งสมบารมีของเหล่าพญานาค พญานาคที่ครอบครองมณีนั้นจะสามารถกลายร่างเป็นมนุษยได้

หากพวกข้าได้ครอบครองมณีนาคายิ่งมากเท่าไหร่ อำนาจและความยิ่งใหญ่ของเผ่าครุฑก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”

“ท่านเป็นพญาครุฑผู้ยิ่งใหญ่หาใดเทียบ แม้แต่พระนารายณ์ก็ยังมิสามารถเอาชนะท่านได้ แต่เหตุใดจึงได้ลดตัวลงกระทำการต่ำช้า แย่งชิงสิ่งของที่มีค่าของผู้อื่นมาเป็นของตน” สวามินพูด

“มิใช่ครุฑทุกตนจะมีพละกำลังอำนาจยิ่งใหญ่ล้นฟ้า ครุฑก็เหมือนเหล่านาคที่ต้องสั่งสมบารมีเพื่อที่จะได้มาซึ่งมหาอำนาจ ดังนั้น
ครุฑเหล่านั้นจึงตามล่าพญานาคเพื่อแย่งชิงมณีนาคา” เวนไตยอธิบาย

“ ข้ารู้ว่าสิ่งที่ข้ากระทำนั้นน่าละอายใจยิ่งนัก และตอนนี้ข้าก็สำนึกผิดแล้ว ท่านสวามินโปรดชี้แนะทางที่ถูกให้กับข้าด้วยเถิด”

“แล้วเราจักเชื่อใจท่านได้อย่างไร”

เวนไตยเงียบไป สีหน้าครุ่นคิด
.
.
.
“ข้าจะขอมอบพลังอำนาจแห่งสุบรรณให้กับท่าน นับจากนี้เป็นข้าคือนักพรตธรรมดาที่ไม่มีฤทธิ์ใดๆอีกต่อไป” แววตาที่มุ่งมั่นนั้นฉายแววที่แรงกล้า

“อำนาจแห่งสุบรรณ?”

“ใช่ นั่นก็คือคาถาอาลัมพายน์”

ทันทีที่เวนไตยพูด พิทถึงกับร้องอ๋อ เขาเข้าใจแล้วว่าเขาได้คาถานี้มาได้อย่างไร  “จงคืนให้แก่เจ้าของ” ที่หมองูผู้นั้นพูดหมายความเช่นนี้นี่เอง

เวนไตยยกมือพนมขึ้น เขาหลับตาและตั้งจิตแน่วแน่  ทันใดนั้นเองดวงแก้วเพทายสุกสว่างก็ปรากฏขึ้นที่หน้าอกของเขา เวนไตยกำมันไว้ ก่อนจะยืนให้พราห์มสวามิน

“บัดนี้ข้าคือนักบวชเช่นท่านแล้ว ท่านสวามิน”

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
หมดหรือยังนาาาา ต่ออีกสิ อิอิ  :mew2: :mew2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2013 21:19:29 โดย nunnan »

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
โอ้ววววว เจ๋งงง หยั่งงี้เวนไตยตามมาปกป้องท่านสวามินโดยที่ไม่มีพลังอำนาจอะไรเลยเนี่ยนะ ซึ้งจัง :hao5:

 สิมันตา นี่ตัวร้ายเลยแหะ ท่าทางจะเป็นคนที่ทำให้ ศรีปางตาลอาฆาต  :katai1:

มาต่อเร็วๆน้าา :mew1:

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
อุ๊บ! เริ่มใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีแล้ว  :mew1:
ถ้าหากศรีปางตาลเชื่อฟังคำของพ่อก็คงไม่เกิดเรื่องเชนนี้เป็นแน่  :hao4: 
บรรณต้องมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโศกอนาตกรรมนี้แน่ๆ เลย  :hao3:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
เรื่องค่อย ๆ คลี่คลาย
รอตอนต่อไปนะ :L2:

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
เรื่องราวเริ่มคลายปมทุกอย่างแล้ว

ขอให้เค้าแก้ไขสิ่งต่างๆ ได้ด้วยเถอะ

เอาใจช่วยนะ รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ปริศนาเริ่มกระจ่างแล้ว. ยิ่งทวีความตื่นเต้นขึ้นไปอีก
สนุกมากเลย
สงสัยพี่บรรณในอดีต คือ ตัวก่อเรื่องเปล่านะ

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
แล้วพิทจะส่งคืนเจ้าของได้ยังไงล่ะ
ในเมื่อไม่มีรับรู้ถึงตัวพิทได้

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
เริ่มจะคลี่คลายลงแล้วสินะ

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ความเคียดแค้นชิงชังในตัวพราห์มสวามินนั้นเพิ่มขึ้นทวีคูณ ทันทีที่สิมันตานึกถึงแววตาที่โอหังนั้น เขาพรากผู้เป็นที่รักของสิมันตาไป ใครก็ตามที่บังอาจหยามเกียรติพระยาปักษาเช่นเขานั้น มันผู้นั้นต้องไม่ตายดีแน่

“ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่ เจ้าพราห์มสวามิน”

และทันใดนั้นเองเขาก็กลายร่างจากชายอนาถาเสื้อผ้าขาดวิ่น เป็นบุรุษรูปงามกำยำ ผิวดำแดง แววตาแข็งกร้าวดุจพญาเหยี่ยว อาภรณ์ที่สวมใส่ก็ล้วนแล้วแต่ประดับประดาด้วยอัญมณีสีแดงล้ำค่า
ชายผู้นั้นกำหมัดแน่น เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นพายุก็พัดโหมกระหน่ำ จนต้นไม้เอนล้มไม่เป็นชิ้นดี

“ข้าจะกลับมา” สิมันตาเหลือบมองไปข้างหลังก่อนจะทะยานตัวหายไปหมู่เมฆที่ดำมืด
...



พิทนั่งเหม่อมองไปที่พราห์มสองคนนั้นที่กำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ความเบื่อหน่ายกำลังจะฆ่าพิททั้งเป็น นานๆครั้งพิทก็นึกเล่นสนุก ลองเดินผ่านทะลุชายทั้งคู่ไปบ้าง เผิ่อพวกเขาจะมีปฏิกิริยาใดๆรับรู้ว่ามีอีกคนหนึ่งที่อยู่ตรงนี้ แต่ไม่มีเลย ทั้งคู่ยังคงวุ่นวายอยู่กับการพูดคุยสนทนาในสิ่งที่พิทไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย

“ออกไปเดินดีกว่า” ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นมองออกไปเบื้องหน้าริมแม่น้ำสายใหญ่ ที่ทอดยาว เขาอยากรู้ว่าแม่น้ำสายนี้จะไปสิ้นสุดที่ไหน พิทจึงตัดสินใจเดินเลียบไปเรื่อยๆ

“ป่านนี้ที่บ้านจะเป็นยังไงบ้างนะ” เขาคิด พลางก้มมองเชือกผูกข้อมือที่ปัดนี้เหลือปมอีกแค่ปมเดียวให้กระตุก แค่เขากระตุกปมนั้นเชือกก็จะขาดจากกันทันที แล้วเขาก็จะได้กลับบ้าน

แสงแดดยามบ่ายนั้นอบอุ่นและอ่อนโยน สายลมที่พัดหอบเอาไอน้ำมาเบาๆทำให้พิทนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เขาเอนตัวพิงกับโคนต้นไม้ มองออกไปในแม่น้ำที่หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว

“ตูม!!!” แต่แล้วจู่ๆก็มีเสียงน้ำแตกซ่านกระจายดังขึ้นอีกฝั่ง พิทลุกขึ้นมอง แวบเดียวนั้นเองเขาเห็นร่างของอะไรบางอย่างกำลังแหวกว่ายขึ้นมาจากน้ำ มันเหมือนสิ่งที่พิทคุ้นเคย เขาค่อยๆหลบไปหลังต้นไม้ เฝ้ามองการเคลื่อนไหวของสิ่งนั้น จนกระทั่ง..............

“ศรีปางตาล” พิทเห็นร่างของหญิงสาวที่งดงามราวกับภาพวาดนั้นค่อยๆก้าวขึ้นมาจากท้องน้ำ ผมสยายดำเลี่ยไปตามแผ่นหลังนั้นแห้งสนิทเมื่อพ้นน้ำ มันพริ้วไหวไปตามแรงลม

พิทมองหญิงงามผู้นั้นอย่างไม่วางตา

“สวยอ่ะ” เขาเผลอพูดออกไปโดยลืมไปว่าหญิงคนนี้นี่แหละที่เฝ้าตามเอาชีวิตเขาไปทุกชาติ

ศรีปางตาลเดินขึ้นมาจากฝั่ง นางมองไปรอบๆตัวอย่างตื่นเต้น ก้าวย่างของนางดูทุลักทุเล แต่ทันทีที่ได้เหยียบบนพื้นหญ้า ศรีปางตาลก็ยิ้ม ก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น และดมกลิ่นหญ้าไอดิน

“ทำบ้าอะไรของเค้าน่ะ” พิทงง

สักพักนางก็ลุกขึ้นก่อนที่จะกลายร่างเป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาเดินตรงมายังที่ที่พิทหลบอยู่

“ชิบหาย” เขารีบหลบ แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องซ่อน ในเมื่อไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว

พิทกล้าๆกลัวๆที่จะก้าวออกมาจากที่กำบัง แต่เมื่อแน่ใจแล้วว่านางนาคนั้นไม่เห็นเข้า พิทจึงออกมายืนข้างนอกอย่างอุ่นใจ
ศรีปางตาลเดินผ่านเขาไป พิทเดินตามไปติดๆ

นางดูตื่นเต้นกับทุกอย่าง

ใบไม้

ดอกไม้

แมลง

ผีเสื้อ

“ท่าจะไม่ค่อยเต็ม” พิทว่า แต่ก็ยังเฝ้าเดินตามไปไม่ห่าง

จนในที่สุดนางก็เดินมาถึงท่าน้ำที่พราห์มทั้งสองใช้อาบน้ำ ศรีปางตาลหยุด และแอบหลังพุ่มไม้ทันทีที่เห็นพราห์มทั้งสองเดินลงมาอาบน้ำ

นางหยุดจ้องมองไม่ไหวติง พิทเดินไปใกล้ๆก่อนจะโบกมือ แต่นางก็ยังคงมองอยู่อย่างนั้นแล้วยิ้มอย่างพึงใจ

“หวาย แอบดูผู้ชายอาบน้ำ” พิทแซว แต่เขาก็แอบเขินในใจเพราะชายคนที่อาบน้ำด้วยผ้าขาวบางแนบเนื้อผืนเดียวนั้นก็คือเขา
ด้วย

“นี่ เจ้ เป็นสาวเป็นนางนะเราน่ะ”

“เฮ้ย จ้องซะขนาดนี้เดี๋ยวก็ท้องหรอก”

“เค้าเขินนะตัวเอง เลิกยิ้มแบบนั้นได้แล้ว”

พิทกระโดดเหยงๆพยายามจะเรียกร้องความสนใจ แต่นางนาคนั้นเหมือนต้องมนต์สะกด นางจ้องภาพพราห์มทั้งคู่อย่างไม่วางตา

“ใครน่ะ” และก็เป็นเวนไตย ที่สังเกตเห็นความผิดปกติหลังพุ่มไม้ เขาได้ร้องทักขึ้นมา นั่นทำให้ศรีปางตาลตกใจ นางถอยหลังออกมา มองซ้ายมองขวา

สุดท้ายจึงตัดสินใจหมุนแหวนที่นิ้วชี้ของนาง แต่โชคร้ายที่แหวนนั้นหลุดจากนิ้ว ร่างของนางจึงแปรเปลี่ยนเป็นเพียงงูน้ำ เลื้อยผ่านหน้าพิทหายหลับลงน้ำไป

เวนไตยวิ่งมาที่จุดเกิดเหตุ เขามองดูรอบๆ และพบเข้ากับแหวนนางนาคตนนั้น เวนไตยรู้ทันทีว่านี่คือมณีนาคา เขาจ้องมันในมือ

“ต้องมีนาคมาที่นี่แน่ๆ” เขาว่า แต่แล้วเวนไตยก็ตัดสินใจนำแหวนนั่นไปมอบให้กับสวามินพร้อมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พราห์มฟัง

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ศรีปางตาลเลื้อยลงบาดาลด้วยความตื่นตระหนก นี่เป็นครั้งแรกที่นางเจอมนุษย์ มนุษย์ที่มีลักษณะไม่แตกต่างจากเผ่านาคาเลย แต่เหตุฉไนนางถึงรู้สึกพิเศษกับพราห์มผู้นั้น ทำไมนางถึงไม่สามารถลืมใบหน้าของพราห์มผู้นั้นได้
ทันทีที่นางเข้าสู่เขตนาคา ร่างของนางก็คืนร่างเป็นธิดาพญาภุชงค์ในทันที นางเดินเลี่ยงสายผู้คนก่อนจะหลบเข้าเขตวัง และหายเข้าห้องไป

“พระนาง คราวหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะเจ้าคะ ข้าหัวใจจะวาย” หนึ่งในนางกำนัลรีบปรี่เข้ามาประคองร่างศรีปางตาลเข้าห้อง ก่อนจะลงกลอนปิดประตู

“ข้าเจอมนุษย์ ข้าเห็นมนุษย์” แววตาของศรีปางตาลตื่นตระหนกปนตื่นเต้น นางละล่ำละลักเล่าเหตุการณ์การหนีจากเมืองบาดาลครั้งแรก

นางกำนัลเอามือทาบอกด้วยความตกใจ นางเองก็ใคร่รู้ว่าหน้าตามนุษย์นั้นเป็นอย่างไร เพราะนางถูกเลี้ยงมาให้เป็นเพื่อนเล่นศรีปางตาล และเป็นหนึ่งในนางกำนัลไม่กี่คนที่ไม่เคยขึ้นไปยังโลกมนุษย์

“ข้าอยากขึ้นไปอีก โมราห์” ดวงตาของนางเป็นประกาย

“ไม่ได้นะเจ้าคะ หากพระบิดาของพระนางรู้เข้า ข้ามีหวังหัวหลุดจากบ่า”

“ข้าไม่อยากถูกกักขังเยี่ยงนี้แล้ว ข้าอยากมีเสรีเหมือนน้องข้า ได้ทำอะไรตามใจที่อยากจะทำ ได้ไปไหนตามใจที่อยากจะไป ข้าไม่อยากเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยง” นางนั่งลงเป็นแท่น ก่อนจะถอนหายใจ

“พระนางเป็นถึงธิดาพญาภุชงค์นะเจ้าคะ จักทำอันใดตามใจเยี่ยงบุรุษนาคาหาได้ไม่”

“แต่ข้าอยากขึ้นไปอีก ข้าอยากขึ้นไปยังโลกมนุษย์เบื้องบนอีก” นางพูดพร้อมทั้งนึกใบหน้าของพราห์มหนุ่มผู้นั้นที่ยังตราตรึงอยู่ในใจของนาง

“พระบิดาของพระนางย่อมมีเหตุผลที่ไม่ยอมให้พระนางขึ้นไปข้างบนนั่น”

“พระบิดาไม่เคยมีเหตุผลใดๆกับข้า โมราห์เจ้าก็รู้” นางลุกขึ้นยืน เสียงสร้อยประดับกระทบกัน

“แล้วอีกอย่าง ถึงข้าจะอยากขึ้นไปแค่ไหน แต่ก็คงทำไม่ได้ เพราะว่า” นางนิ่งไปครู่หนึ่ง “ข้าทำแหวนมณีนาคาหล่นหาย”

“พระนางศรีปางตาล!!” โมราห์ร้องด้วยความตกใจ

“ข้าทำมันหล่นหาย ไม่มีมณีนาคาข้าก็กลายร่างเป็นมนุษย์ไม่ได้”  นางถอนหายใจ

“พระนาง” นางกำนัลร้อนใจ  “หากความนี้ทราบถึงหูพระบิดาของท่าน ข้าต้องตาย และพระนางต้องเดือดร้อนแน่ๆ”

“ข้าจักทำอย่างไรดี โมราห์ ข้าอยากขึ้นไปโลกมนุษย์อีก เจ้าช่วยข้าตามหามณีนาคามาคืนให้ข้าได้หรือไม่”

“พระนาง!!!”
..................................................



วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนพิทไม่รู้ว่าเขามาติดอยู่ที่นี่กี่วันกี่คืนแล้ว ทั้งสวามินและเวนไตยใช้ชีวิตชนิดที่เรียกได้ว่าน่าเบื่อที่สุดเมื่อเทียบกับชาติภพก่อนๆที่ผ่านมา

พวกเขาเรียบเฉย เย็นชา ไม่แสดงออก และไร้ความรู้สึกต่อกันอย่างสิ้นเชิงจนพิทมองไม่เห็นว่าความผูกพันที่ท่วมท้นในชาติต่อไปมันเกิดขึ้นได้ยังไง

เวนไตยกับสวามินใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการอ่านตำรา ค้นหาสัจจะธรรมในชีวิต พิทเดินตามชีวิตของพวกเขาทุกฝีก้าวราวกับเรียลลิตี้โชว์ในช่วงแรก

แต่หลังจากที่พบว่า บทชีวิตของเขาทั้งคู่ไม่มีบทใดๆน่าสนใจเลย ไม่มีบทดร่ามา บทโรมานซ์ บทเฉือดเฉือนให้สะเทือนใจ พิทจึงละเลยการใส่ใจหาความจริงไปในเวลาต่อมา

ทุกค่ำคืนทั้งคู่จะนอนด้วยกัน สนทนากันจนต่างหลับไป ส่วนพิทนั้นใช้เวลาส่วนใหญ่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ย้อนคิดเรื่องราวที่ผ่านมา

เขาคิดถึงศรีเมือง คิดถึงสภาพตอนที่เขาไม่อยู่ ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไร ได้รับโทษหรือไม่ มีชีวิตอยู่หรือเปล่า

เขาคิดถึงโสภณเด็กหนุ่มผู้แสนดี ผู้เคียงข้างเขาตลอดจนกระทั่งวันสุดท้าย

เขาคิดถึงทิว ผีขี้เล่นเจ้าเล่ห์ที่มักทำให้เขายิ้มได้ และลืมเรื่องราวทุกข์ใจ

พิทคิดถึงพวกเขา คิดถึงพวกเขาจริงๆ


เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาลุกขึ้นมาเหมือนกิจวัตรประจำวัน เพียงแต่คราวนี้พิทไม่มีแก่ใจจะลุกตาม เขานอนต่อไปจนถึงสายๆของวันนั้น ก่อนจะลุกขึ้นมาด้วยความเกียจคร้าน
แต่คราวนี้ไม่เหมือนวันก่อน

ที่ท่าน้ำพิทเห็นหญิงสาวชาวบ้านแปลกหน้าคนหนึ่งท่าทางตื่นกลัว กำลังพูดคุยกับพราห์มทั้งสอง พิทรีบปรี่เข้าไปหา ก่อนจะได้ยินว่า นางมาหาแหวนที่ทำหล่นหายไว้เมื่อหลายวันก่อน

“ข้ามาหาหลายที่แล้ว แต่ไม่พบ พวกท่านเห็นบ้างหรือไม่”
เวนไตยดูจะตระหนกเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะเขารู้ว่าหญิงชาวบ้านผู้นี้ ไม่ได้เป็นเพียงแต่ชาวบ้านธรรมดา แต่นางต้องเป็นนาง
นาคที่มาตามหามณีนาคาเป็นแน่

แต่เวนไตยเลือกที่จะนิ่งเฉย เพราะบัดนี้เขาเป็นเพียงพราห์มธรรมดาหาได้เป็นพญาครุฑผู้ทรงฤทธิ์แล้ว เวนไตยจึงเลือกที่จะเดินจากมาอย่างเงียบๆ ปล่อยให้สวามินตัดสินใจเรื่องแหวนมณีนาคาแทน


“ท่านคืนแหวนนางไปแล้วหรือ” เวนไตยถามเมื่อเห็นสวามินเดินจากท่าน้ำมา

“นางบอกลักษณะแหวนถูกต้องทุกประการ ข้ามิมีเหตุผลใดที่จะเก็บมันไว้”

“นางเป็นนาค” เวนไตยพูด

“เรารู้ แต่นางมิได้มาร้าย”

พิทยืนฟังนิ่ง นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับเขาในหลายวันมานี้

แต่แล้วพอทุกอย่างผ่านไป พวกเขาก็กลับลืมเรื่องราวเหล่านั้น และบรรยากาศก็กลับมาเฉื่อยชาน่าเบื่อเหมือนเดิม

“โอ้ย เมื่อไหร่จะได้รู้ความจริงเสียทีเนี๊ยะ” พิทตะโกนอย่างหมดความอดทน


""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ณ วังบาดาล ศรีปางตาลเดินไปเดินมาอย่างกังวลใจในห้องบรรทมห้องใหญ่ที่ถูกประดับประดาอย่างสวยงาม หินย้อยลงมาจากเพดาน นอกหน้าตามองเห็นพื้นน้ำทำหน้าที่เป็นแผ่นฟ้า เหล่าปลาแหวกว่ายอยู่ข้างบน ภาพเหล่านั้นน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้ที่ไม่เคยพบเห็น แต่กลับนางแล้วมันเป็นแค่ภาพชินตา

“โมราห์ได้เรื่องไหม” นางโผเข้าหานางกำนัลที่ลักลอบขึ้นไปยังโลกมนุษย์ หลายวันมานี้นางเฝ้าให้นางกำนัลออกตามหามณีนาคาแต่กลับล้มเหลว คราวนี้นางหวังว่าคงเป็นเช่นนั้นอีก

นางกำนัลเดินเข้ามาหน้าตาตื่น นางมีเหงื่อเต็มหน้าด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะหันปิดประตู และทรุดลงนั่งกับพื้น

“โมราห์!!” ศรีปางตาลถามหาอย่างร้อนใจ

“นี่เจ้าค่ะ พระนาง” นางยื่นแหวนนั้นให้ศรีปางตาล

“ใช่ นี่แหละแหวนข้า ขอบใจเจ้ามากนะ โมราห์” นางสวมมันแทบจะทันที “เจ้าเจอมันได้อย่างไร”

“พราห์มมนุษย์ผู้หนึ่งเก็บมันไว้เจ้าค่ะ”

ศรีปางตาลเผลอยิ้มออกมา ใช่เขา ต้องใช่เขาแน่ๆ

“เราคงจะได้พบกันอีกนะ ท่านพราห์ม”


ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
หมดแล้วหรอออ  :a5: :a5:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:ที่แท้ก็หลงรักเขานี่เอง :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
ใกล้จบแล้วอ่ะ

เรื่องราวเปิดเผยบ้างแล้ว


ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
ความรักทำร้ายนาคดีๆ กลายเป็นวิญญาณร้ายไล่ฆ่าเวนไตยหรอเนี่ยน่ากลัวจริงๆ :ling3:

มาต่ออีกเร็วน้าาา :mew1:

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ง่ะ ยังมิจุใจเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด