ภพสุดท้าย ไขปริศนา
แสงแดดสีทองที่ลอดมาตามใบต้นประดู่แยงตาของเขา พิทเหมือนหลับไปนานแสนนาน ความเหนื่อยล้า ความทุกข์ใดๆที่ผ่านมาเลือนหายไปหมดสิ้น การตื่นของเขาในครั้งนี้เป็นการตื่นที่มีความสุขที่สุดที่เขาเคยหลับมา
“อ่า!!!” เขาค่อยๆลืมตาขึ้น บิดขี้เกียจ ในสมองว่างเปล่าเหมือนผ่านการรีเซตข้อมูลทุกอย่างออกไป
“ที่ไหนอีกเนี่ยะ” พิทมองไปรอบๆและพบว่าตัวเองนอนหลับอยู่ใต้ต้นประดู่ต้นใหญ่ ริมแม่น้ำสายคุ้นตา
“อย่าบอกนะ” เขาทำหน้าสงสัยก้มลงมองตัวเอง และเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเขาอยู่ในชุดแต่งตัวในสมัยปัจจุบัน เสื้อยืดกางเกงยีนต์ตัวเดิมตอนที่เขาใส่ไปหาหลวงพ่อที่วัด ทำไมเขาย้อนอดีตมาอีกภพแต่กลับยังแต่งตัวแบบเดิม หรือว่านี่มันชาติปัจจุบัน
พิทลุกขึ้นมองไปรอบๆ ที่นี่มันคุ้นตาเหมือนในฝันที่เขาเคยฝันถึง แม่น้ำที่มีตลิ่งสูงชัน น้ำในแม่น้ำเขียวมรกต
“แล้วตรงนั้นก็.............” เป็นเหมือนที่เขาคิด ไม่ไกลจากที่เขายืนอยู่นั้นเป็นอาศรมเล็กๆ
“คงไม่ใช่ยุคปัจจุบันแล้วสิ” เขาสังหรณ์ใจ
พิทยืนลังเลอยู่ข้างอาศรม เขาไม่แน่ใจว่าจะขึ้นไปข้างบนดีหรือเปล่า
ขึ้นไปแล้วจะเจออะไร
จะอธิบายเรื่องราวซ้ำๆอย่างไรให้เขาเข้าใจ
“ขึ้นมาก่อนเถิด ท่านผู้มาจากแดนไกล” เสียงนุ่มเย็นนั้นดังมาจากข้างใน พิทหันซ้ายหันขวา เมื่อแน่ใจแล้วว่าเสียงนั้นเชื้อเชิญเขา เขาจึงค่อยๆย่างขึ้นไปอย่างระมัดระวัง
ประตูเปิดแง้ม พิทชะโงกหน้าเข้าไปและต้องผงะเมื่อภาพที่เขาเห็นคือชายคนหนึ่งที่หน้าตาละม้ายคล้ายเขา จะบอกว่าเป็นตัวพิทเองก็ดูจะไม่เหมือนสักเท่าไหร่เพราะชายผู้นั้นดูเหมือนจะมีอายุมากกว่า เป็นผู้ใหญ่กว่าและดูสุขุมกว่า
“นี่มันอะไรกัน” พิทว่า เขาแปลกใจว่าปกติหากเขาย้อนอดีตมา เขาจะต้องไปอยู่ในร่างตัวเองในภพนั้นๆ แต่หนนี้กลับไม่ใช่ เขายังคงเป็นเขา แต่นี่มันไม่ใช่
ชายผู้นั้นกำลังนั่งสมาธิในตอนเช้า หลับตาอย่างเยือกเย็น
พิทชะโงกหน้าไปอีกรอบ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าชายผู้นั้น
“เข้ามาก่อนเถิด”
พิทเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าพราห์มผู้นั้น
“ขอบใจท่านมากนะ ที่อุตส่าห์เดินทางมาเพื่อข้าในครั้งนี้”
“เดินทางมาเพื่อท่านเหรอครับ” มันน่าแปลกมากที่พิทต้องมานั่งสนทนากับตัวเองแบบนี้
“ท่านคิดว่าการเดินทางข้ามภพชาติของท่านเป็นเรื่องบังเอิญกระนั้นรึ” เขายิ้มเย็นๆ
พิทแสดงอาการไม่เข้าใจอย่างชัดเจน
“ทุกอย่างล้วนลิขิตไว้แล้ว ข้ามิสามารถแก้ไขอะไรที่จะเป็นผลในอนาคตได้ แต่ท่านสามารถแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตแทนข้าได้”
พิทนั่งฟังอย่างตั้งใจ
“ข้ารู้ว่าจักเกิดอะไรขึ้นกับข้า กับเวไตย กับศรีปางตาลในอนาคต ข้ารู้ แต่ข้าจักเปลี่ยนแปลงมันด้วยตัวข้าเองมิได้ กรรมของข้า ข้าต้องชดใช้มันถึงสามชาติภพ และจักจบสิ้นในภพที่สี่ซึ่งเป็นภพของเจ้า”
“ท่านหมายถึง ที่ผมมาที่นี่เพราะท่านอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ใช่เพราะข้า ไม่ใช่เพราะท่าน แต่เป็นเพราะเรา”
ปริศนาต่างๆเริ่มคลี่คลาย พิทเริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นมากขึ้น การเดินทางของเขาที่ผ่านมาไม่ใช่เหตุการณ์บังเอิญ การที่ลุงหลวยตาย การพบกันของเขาและทิว เรื่องพระที่นำพาเขาข้ามภพ คาถาอาลัมพายน์ที่หมองูพูด และอื่นๆที่เกิดขึ้นไม่ใช่เหตุบังเอิญ
“หลังจากการพบกันวันนี้ เราจะไม่ได้พบกันอีก ท่านจักต้องแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดแทนข้า จงตามหามันให้ได้ว่าเหตุใดเราถึงต้องตายเพราะแรงอาฆาตของศรีปางตาล”
“หมายความว่ายังไงครับ ที่บอกว่าเราจะไม่ได้พบกันอีก” พิทสงสัย
“ข้าจะไม่สามารถติดต่อกับท่านได้อีก ทันทีที่ข้าลืมตา ท่านจะหายไปจากมโนจิตของข้า” พราห์มผู้สงบนิ่งหลับตาพริ้ม “ท่านผู้มาจากแดนไกล โอกาสสุดท้ายได้มาถึงแล้ว ข้าเสี่ยงมากที่นำท่านมาที่นี่ หากท่านทำไม่สำเร็จ ทั้งท่าน และข้าจักหายไปตลอดกาล”
พิทใจหายวาบทันทีที่ได้ยินคำว่าหายไปตลอดกาล
พราห์มผู้นั้นยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆลืมตา และทันทีที่เขาลืมตา พิทก็กลายเป็นอากาศธาตุเพราะพารห์มผู้นั้นไม่เห็น ไม่สนใจ หรือไม่คิดด้วยซ้ำว่ามีเขานั่งอยู่ตรงนั้น
พราห์มผู้นั้นลุกขึ้นจากการนั่งสมาธิ เขาหยิบผ้าขาวมาพาดบ่า ก่อนจะเดินออกไปตักน้ำในโอ่งดินหน้าอาศรมล้างหน้าและบ้วนปาก
“ท่าน ท่าน” พิทพยายามเรียกความสนใจจากเขา แต่ไม่เป็นผล ชายผู้นั้นลืมเลือนทุกสิ่ง
พิทนั่งลงถอนหายใจ นึกว่าต่อไปจะทำยังไงก็เหนื่อยหน่ายจนต้องถอนหายใจออกมา
พราห์มเดินไปหยิบไม้กวาดที่ทำจากกิ่งไม้ขนาดเหมาะมือทุบปลายจนแตกและแผ่ออก เขากวาดใบประดู่ที่หล่นมากองรวมกัน ทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมา
พิทนั่งมองด้วยความเบื่อหน่าย กิจวัตรแบบนี้จะมีอะไรน่าตื่นเต้น แล้วเรื่องราวจะเกิดขึ้นตอนไหน เขาจะต้องรอถึงเมื่อไหร่
“เฮ้อ” พิทถอนหายใจเป็นครั้งที่สอง พิงหลังกับไม้ระเบียง