๐๐Timeless รักข้ามภพ๐๐ Update เปิดจองรวมเล่ม P.33
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ๐๐Timeless รักข้ามภพ๐๐ Update เปิดจองรวมเล่ม P.33  (อ่าน 267736 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
กรี๊ดดดดดดด!
ใครรุกใครรับอ่ะคนอ่านงง T-T (นี่มันใช่เรื่องไหมเนี่ย!)
อยากอ่านต่อ ขออีกหลายๆ ตอนได้ไหมคะ TT^TT

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
เศร้า กระซิก กระซิก  :monkeysad:

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ปมยังไม่ทันคลาย
หัวใจก็ถูกบีบรัดอีก

จะรู้สึกดี จะชอบ และบอกรัก
ก็ไม่อาจกระทำได้
จนกว่าการตามล้างแค้นของนางศรีปางตาลจะจบสิ้นหรือ
พิทจึงจะได้อยู่คนที่เขาร่วมใช้ชีวิตด้วยทุกภพทุกชาติได้อย่างมีความสุข

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 o13 มาอ่านรวดเดียวเลย มารอการถ่ายทอดสด อิอิ  :impress3:  o13  o13  o13
สุดยอดมาก สนุกมากคะ  :L2:  :L2:

ออฟไลน์ jamlovenami

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เจอคนนี้(ศรีเมือง)ฟินเลย บ่องตงรักจุงเบย อยากอวดทุกคนเลย ว่าพบเจ้าของ....หัวใจ :กอด1:

.........

นี่แหละที่รอมานานๆ เธอคนเดียวไม่ต้องการใคร อิอิ


ออฟไลน์ Accelerator

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :mew2: :mew2: สรุปแล้วพิทเคะ ทิวเมะใช่มะครับ เรามาถูกทางแล้วใช่ไหมนี่ (เรางงใครเป็นพระเอก55+) แต่ขอให้เป็นอย่างที่เราคิดเถิด สาธุ :call:

ปล. เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์สุดหล่อสุดสวยสุดเท่สุดน่ารักนะครับ มาต่อไวๆน๊า :mew2: เราชอบเรื่องนี้มากเลย :mew3:

ออฟไลน์ ►MoNkEy-PrInCe◄

  • อินเตอร์ไลน์
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 726
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
อย่าดรา่มานะ

ไม่เอาเด็ดขาด TT^TT

 :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ ไป๋ไป๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ทั้งคู่นอนหันหลังให้กัน ใจหนึ่งพิทก็อยากจะปรับความเข้าใจ แต่อีกใจปล่อยไว้แบบนี้ก็คงจะดีกว่า
พิทผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่เขาตื่นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมาที่นอกเรือน พิทลืมตาขึ้นและพบว่ายังมืดอยู่ และคนที่ยืนอยู่หน้าเรือนก็คือศรีเมือง

“ทำไมตื่นเช้าจังวะ จะรีบไปไหน” เขายีตางัวเงีย

“จากนี่ไปหัวเมืองภูนาครอีกไกล คงต้องใช้เพลาสักสองวัน หากมิออกแต่ย่ำรุ่ง จักถึงช้า” ศรีเมืองดูเคร่งขรึมขึ้น

พิทลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา ก่อนจะแต่งตัวและออกมายืนพร้อมเขา

ศรีเมืองเร่งฝีเท้าเดินนำออกไป  พิทเดินตามหลังไปอย่างเงียบๆ

ระหว่างทางศรีเมืองนิ่งเงียบไปตลอด จนพิทก็รู้สึกอึดอัด เขาจึงเร่งฝีเท้ามาเดินข้างๆศรีเมือง

“นายโกรธชั้นเหรอ”

เขาไม่ตอบ

“ขอโทษนะที่ทำให้รู้สึกไม่ดี ชั้นผิดเองแหละ ที่ไม่...........”

“เจ้าไม่ผิดดอก” ศรีเมืองแทรกขึ้นมา “ที่ข้าเงียบไปเพราะข้ากำลังทำใจ เจ้าพูดถูกทุกอย่าง ข้าเข้าใจ เพราะฉะนั้นข้าจึงพยายามไม่ผูกพันกับเจ้ามาก หากวันหนึ่งเจ้าจากไปจริงๆ ข้าจักได้มิต้องเสียน้ำตา”

พิทกลืนน้ำลายลงคอ กี่หนแล้วที่เขาต้องทำร้ายความรู้สึกของชายผู้นี้

“แต่นายไม่คิดว่าเราควรจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุดเหรอ” พิทถาม

“มันจักมีประโยชน์อันใด ในเมื่อเจ้าจักต้องไปอยู่ดี”

“นายไม่อยากเก็บชั้นไว้ในความทรงจำเลยเหรอ” น้ำเสียงของพิทดูเหงาหงอยลงไป เขาใจหายเมื่อคิดว่า อีกไม่นานจะต้องกลับ
ภพของตนเองแล้วละทิ้งชายที่แสนดีผู้นี้ไว้เบื้องหลัง

ศรีเมืองก็ดูเหมือนจะเงียบไป เขาเดินก้มหน้า

“พักที่นี่ได้มั้ย ชั้นเหนื่อย” ทั้งคู่หลบพักอยู่ใต้ต้นไทรใหญ่เมื่อเห็นว่าเย็นย่ำมากแล้ว เขาอาสาไปหาน้ำดื่มมาให้ศรีเมือง





“ดื่มน้ำก่อนสิ” เขายื่นน้ำให้ศรีเมืองก่อนจะนั่งลงข้างๆ

“แล้วนายจะทำยังไงต่อไป” พิทถาม

เขาได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เฮ้อ ไม่รู้สิ ข้ายังไม่ได้คิด แค่เรื่องของเจ้าก็เต็มหัวข้าไปหมดแล้ว” ศรีเมืองพูดติดตลก

“ขอโทษนะที่โผล่มาทำให้นายวุ่นวาย ยุ่งยาก”

“ไม่ดอก ข้าห่วงเจ้าเสียมากกว่า หากเรื่องที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริง นางนาคตนนั้นไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่”

“ข้าไม่กลัวแล้ว ข้ามีคาถาอาลัมพายน์”

“อย่าชะล่าใจไป เจ้าลืมเสียแล้วหรือว่าที่หมองูตายไปน่ะ ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าคาถานั่นได้ผลหรือไม่”

“โห นายอ่ะ จะให้กำลังใจกันก็ไม่ได้”

“ไม่มีข้าแล้ว เจ้าก็หมั่นฝึกฝนท่องคาถา อย่าเที่ยวไปกอดกับใครโดยที่ยังไม่รู้จักเขา อย่าเที่ยวเอาดาบมาจิ้มตัวเอง ฝึกต่อสู้ไว้
ป้องกันตัวเองบ้างแล้วก็.....”

พิทเอานิ้วมาแตะริมฝีปากศรีเมือง บรรยากาศที่ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้านั้นยิ่งทำให้ภายในหัวใจว้าเหว่ กลิ่นหอมของดอกประตู่ลอยมาตามลม หวนให้พิทคิดถึงที่ที่เขาจากมา

“ชั้นรู้ว่านายเป็นห่วง” พิทยิ้ม “แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ที่นั่นมีนายอีกคนคอยดูแลชั้นอยู่”

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
คืนนั้นเป็นเสมือนคืนสุดท้ายของทั้งคู่ พิทจัดแจงตัดใบไม้มาปูเป็นที่นอน ส่วนศรีเมืองนั้นพยายามจุดไฟ หลายวันที่ผ่าน การใช้ชีวิตร่วมกับชายคนนี้ทำให้พิทเรียนรู้ว่า มิตรภาพมันเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อจริงๆ เพียงแค่ต่างฝ่ายต่างหยิบยื่นให้แก่กัน
เขามองศรีเมืองที่กำลังง่วนกับการจุดไฟ พลางยิ้มอย่างสุขใจ

“ยิ้มอะไรของเจ้า”

“ยิ้มให้นายนั่นแหละ” พิทว่า

“ยิ้มให้ข้า” ศรีเมืองทำหน้าสงสัย

“ใช่ ยิ้มในสิ่งที่นายเป็น สิ่งที่นายทำ และสิ่งที่นายคิด นายเป็นคนดี สักวันจะต้องเจอคนที่เหมาะสมแน่นอน”

“คนที่เหมาะสมเหรอ” เขาโยนฟืนลงกองไฟ “ข้าเจอแล้ว แต่มันคงยังไม่เหมาะสมพอ”

“เข้าเรื่องอีกล่ะ นายนี่ มานอนกันเถอะ ชั้นง่วงแล้ว”

ศรีเมืองมานอนใกล้ๆพิท เขาถอนหายใจบ่อยมาก

“ชั้นจะให้นายดูความลับชั้นอะไรอย่างหนึ่ง” พิทยกแขนขึ้นมา “เห็นเชือกเส้นนี้มั้ย ถ้าชั้นดึงมัน มันจะพาชั้นกลับบ้าน”

“กลับที่ที่เจ้าจากมาน่ะหรือ”

“ใช่”

“แล้วเจ้าจะจำข้าได้หรือไม่”

“อืม” พิทครุ่นคิด “ไม่รู้เหมือนกันน่ะ ครั้งที่แล้วชั้นแค่กระตุกมัน มันก็พาชั้นมาที่นี่”

“ข้าอยากให้เจ้าจำข้า จำข้าในวันที่ข้ายังรักเจ้า อย่าจำข้าในวันที่ข้าจักฆ่าเจ้าได้หรือไม่”

พิทหัวเราะตัวโยน

“ไม่ ชั้นจำหมดแหละ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมันน่าจดจำหมด ชั้นชอบตอนนายโหดๆเหมือนนายหัวเรื่องเชลยศักดิ์นะ”
ศรีเมืองทำหน้างง

“เอาเหอะน่า ชั้นชอบเวลานายขึงขัง ทำท่าทะมึงทึง เวลานายแกล้งไม่สนใจ เวลานายกัดฟันด้วยความโกรธ เวลานายเขินหน้าแดง เวลานายยิ้ม นายหัวเราะ นายทำหน้าหมางง”

ศรีเมืองขมวดคิ้ว

“ชั้นชอบทุกอย่างที่เป็นนาย”

แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน ศรีเมืองไม่เข้าใจทั้งหมดที่พิทพูดหรอก แต่เขารู้สึกดีกับคำพูด แววตา และรอยยิ้มนั้น นั่นทำให้ศรีเมืองเอื้อมมือมากุมมือพิท

“ขอข้าจับมือเจ้าอย่างนี้ จนกว่าจะหลับได้หรือไม่”

พิทยิ้มให้ ก่อนจะกุมมือตอบ แล้วทั้งคู่ก็หลับไปในค่ำคืนที่จันทร์เต็มดวง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
ขออีกกกกกกกกกกกก  :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
เช้ามืดนั้นเองพิทตื่นมาและพบว่าศรีเมืองหายไป เขาแปลกใจเพราะปกติศรีเมืองไม่เคยทิ้งดาบห่างตัว ดวงอาทิตย์ยังไม่โผล่ขอบฟ้า ความมืดครอบคลุมทั่วบริเวณ พิทลุกขึ้นออกเดินหาศรีเมือง

“ศรีเมือง ศรีเมือง” บรรยากาศวังเวงเริ่มไม่น่าไว้ใจ ไอเย็นยะเยือกแผ่ซ่านจนขนบริเวณต้นคอของพิทลุกชัน เขาเดินไปตามทางมาเรื่อยๆจนสังเกตเห็นรอยทางคล้ายมีอะไรถูกลากเป็นทางยาว ต้นหญ้าบริเวณนั้นเฉาเหี่ยวผิดสังเกต
และแล้วจู่ๆพิทก็ได้ยินเสียงขู่ฟ่อๆใกล้ๆหู เขาหันไปและพบว่างูตัวหนึ่งกำลังแลบลิ้นขู่อยู่บนกิ่งไม้ใกล้ๆเขา
พิทตกใจล้มลงกับพื้น เขาเงยหน้าขึ้นเห็นร่างของศรีเมืองถูกผูกแขวนห้อยหัวลงมาจากต้นไม้

“ศรีเมือง” พิทลุกขึ้นพลางหาทางช่วยชายผู้นั้นลงมา

“เป็นห่วงกันมากนักไม่ใช่รึ ขึ้นมาช่วยมันสิ” และแล้วเสียงที่คุ้นหูนั้นก็ทำให้พิทเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

“ศรีปางตาล”

“คิดจักใช้คาถาอาลัมพายน์มาปราบข้ารึ เจ้าพรามณ์โง่ ฮ่าๆๆ” นางหัวเราะเสียงดัง อีกมือบีบคอศรีเมืองที่หมดสติไว้แน่น

“หมองูเจ้าเล่ห์นั่นยังมิกล้าใช้มันกับข้า นับประสาอะไรกับคนอย่างเจ้า”

พิทกำหมัดแน่น เขาจ้องหน้าศรีปางตาลตาไม่กะพริบ ลำพังแค่ทำร้ายเขาก็มากพอแล้ว นี่ยังคิดจะสร้างเวรด้วยการทำร้ายผู้อื่นอีก

“ให้อภัยไม่ได้อีกแล้ว”

พิทหลับตาประณมมือ แล้วเริ่มท่องคาถานั่น

เสียงรอบตัวเงียบลง เขาลืมตาขึ้น และพบว่า

“เฮ้ย” นางนาคตนนั้นโผล่มายืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะใช้หางท่อนล่างบีบรัดตัวพิท
พิทเริ่มดิ้นแต่ยิ่งดิ้นนางก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นๆ จนเขาเริ่มหายใจไม่ออก

“ไม่ได้ผล คาถานั่นไม่ได้ผล” พิทเริ่มกระวนกระวาย พยายามอย่างสุดกำลังที่จะเป็นอิสระ
แต่เหมือนทุกครั้งยิ้งเขาดิ้นรนเท่าไหร่ มันก็ยิ่งรัดเขาแน่นมากขึ้นเท่านั้น
พิทตั้งสติ หลับตาและเริ่มบริกรรมคาถาใหม่

แต่ไม่เป็นผล คาถานั่นเป็นแค่นิทานหลอกเด็ก มันไม่แต่จะทำให้นางศรีปางตาลหยุดฟังเลย

พิทสิ้นหวังอีกครั้ง เขาก้มหน้านิ่ง ยอมรับชะตากรรม

 แต่แล้วจู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งกระซิบดังข้างหู

“ตั้งสติ พูดตามเรา” เสียงนั้นแผ่วเบาแต่หนักแน่น พิทหลับตาอีกครั้งก่อนจะผ่อนลมหายใจ
เขาท่องคาถาตามเสียงกระซิบนั่น และทันใดนั้นเอง ดวงตาของนางนาคก็เบิกโพรง นางตกใจกลัวสุดขีด คงจะคาดไม่ถึงว่าพิทจะสามารถท่องคาถานั่นได้

“นี่เจ้า เจ้า ทำไม”

พิทค่อยๆลืมตาขึ้น และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนางนาคตนนั้นหน้าซีด  นางบิดตัวไปมา ปากขมุบขมิบเหมือนกำลังสาปแช่งพิทอยู่
เขายังค่องท่องคาถานั้นต่อไป

นางนาคเริ่มแสดงอาการกระวนกระวาย เริ่มเหมือนมีอาการหวาดระแวง ตาคอยมองแต่บนท้องฟ้า

“อย่า อย่า” ศรีปางตาลเอามือปัดป้องไปมา หางที่รัดร่างพิทแน่นค่อยๆคลายออกจนในที่สุดพิทก็เป็นอิสระ ท่อนล่างที่เป็นงูของนางนั้นดีดดิ้นไปมา ศรีปางตาลค่อยๆถอยหลังจนล้มลง

“โอย อย่า อย่าทำข้า” นางร้องอ้อนวอน แต่พิทก็ยังคงท่องคาถาบทนั้นต่อไป

นางนาคบิดลำตัวเป็นเกลียวด้วยความเจ็บปวด ลำตัวเริ่มมีแผลพุพอง ควันจากไอร้อนระเหยออกมาจากตัวของนาง

ในที่สุดนางนาคก็คืนร่างเป็นศรีปางตาล หญิงสาวที่งดงามราวเทพธิดา

นางกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น มือพยายามตะเกียกตะกายมาหาพิท แต่นางไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้ จึงได้แต่กระเสือกกระสนลุกขึ้นนั่งพนมมือร้องขอความเมตตา

“อย่าทำเราเลย อย่าทำเรา” น้ำตาแห่งความทรมานหลั่งไหลออกมาเป็นทาง พิทตกตะลึงกับภาพที่เห็น คราแรกที่สามารถทำให้นางเจ็บปวดได้บ้างนั้น เขารู้สึกสาแก่ใจ กี่ครั้งแล้วที่นางทำร้ายเขา ทำให้เขาทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ คราวนี้ นางโดนเข้ากับตัวบ้างคงจะเข้าใจพิทมากขึ้น

แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้นและเห็นภาพนางดีดดิ้นทุรนทุราย แผลที่พุพอง ความร้อนที่กำลังเผาไหม้นางนั้น ทำให้พิทนึกสะท้อนใจขึ้นมา และยิ่งได้เห็นน้ำตาของนางด้วยแล้วนั้น ความโกรธความแค้นที่สั่งสมมากลับมลายหายไปหมดสิ้น

“เราทำไม่ได้”
พิทหยุดท่องคาถาทันที เขาทนเห็นหญิงคนนี้เจ็บปวดไม่ได้ นางเองคงทุกข์ทรมานมามากพอแล้ว เขาทำร้ายนางอีกไม่ได้

“ไปเสียเถิด เราจักไม่ทำร้ายเจ้าด้วยมนต์อาลัมพายน์นี้อีกต่อไป” พิทได้ยินคำพูดที่เขาไม่ได้พูดนั้น
และเข้าใจทันทีว่าทำไมในชาติต่อไปหลังจากนั้น พิทถึงไม่สามารถป้องกันตัวใดๆจากนางนาคตนนี้ได้ นั่นเป็นเพราะคำสัตย์ที่เขาหรือสวามินได้ให้กับนางในชาตินี้นี่เอง

นางนาคยกมือไหว้อย่างอ่อนแรง ก่อนจะกลายร่างเป็นงูดินที่สภาพมีแผลเต็มตัวเลื้อยหายเข้าพงหญ้าไป
พิทรู้สึกตัวอีกที ก็เห็นศรีเมืองนอนหมดสติอยู่ที่ใต้ต้นไม้ เขาถลาเข้าไปหาก่อนจะพยายามเรียกสติศรีเมือง
ชายผู้นั้นลืมตาขึ้น และมองหน้าพิทอย่างประหลาดใจ

“ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เขาถาม

“ข้าฝัน ฝันถึง.......................................” แล้วศรีเมืองก็นิ่งเงียบไปเหมือนพยายามนึกเรียบเรียงเหตุการณ์ “ข้าฝันถึงหมองู ฝันถึงนาคตนนั้นแล้วก็........”

พิทพยายามตั้งใจฟัง

“ในฝันข้าได้ยินทั้งสองคุยกัน หมองูบอกกับนางนาคว่าให้หยุดจองเวรกับเจ้า แล้วเขาจะไม่ใช้คาถาอาลัมพายน์ นางนาคไม่ยอม  ข้ารู้สึกเหมือนนางมาที่นี่เพื่อสังหารหมองูและทำลายคาถา หลังจากนั้นนางก็ตรงเข้าไปทำร้ายหมองูซึ่งเขาไม่ตอบโต้ใดๆ นอกจากมองมาที่ข้า และบอกกับข้าว่า ถึงเวลาของเขาแล้ว ถึงเวลาแล้ว จงเอาคาถานี้คืนกลับแก่เจ้าของ”

พิทตั้งใจฟัง แล้วเขาก็เข้าใจข้อสงสัยว่าทำไมหมองูถึงตายทั้งๆที่สามารถใช้คาถานี้ปราบนางนาคได้

เมื่อศรีเมืองเล่ามาถึงตรงนี้จู่ๆเขาก็แสดงอาการตกใจอย่างสุดขีด

“หลังจากนั้นข้าก็จำอะไรไม่ได้อีก นอกจาก นอกจาก” ศรีเมืองกระวนกระวาย “ดวงตาสีเขียวน่ากลัวคู่นั้น”

“นางทำอะไรนาย” พิทถาม

“ไม่รู้ ข้ารู้แต่ว่าทันทีที่ข้าจ้องมองดวงตาคู่นั้นข้าก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย จนมาฟื้นอยู่ที่นี่”

“นายไม่เป็นไรแล้วหล่ะ นางนาคตนนั้นไปแล้ว” พิทปลอบ

“เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า”

“ยังจะห่วงชั้นอีก” พิทยิ้ม “ไม่เป็นอะไรแล้วหล่ะ”



ทั้งคู่นั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่พักใหญ่ พิทเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ศรีเมืองฟังรวมทั้งเรื่องที่เขาสาบานจะไม่ใช้คาถาอาลัมพายน์นั่นอีก

“เจ้าแน่ใจแล้วรึ”

“ไม่รู้สิ ชั้นไม่ได้พูด แต่เป็นสวามินพูด เขาคงมีเหตุผลอะไรบางอย่างแหละ” พิทว่า

“อือ” ศรีเมืองพยักหน้า

“แต่จะว่าไปนะ ชั้นก็อดสงสารนาคตนนั้นไม่ได้นะ ตอนที่นางถูกคาถาน่ะ เฮ้อ” เขาถอนหายใจ “ลำพังแค่ติดอยู่ในห้วงแห่งความพยาบาทอาฆาตแค้นก็ทุกข์ทรมานพอแล้ว ชั้นคงไม่ใจไม้ใส้ระกำซ้ำเติมนางได้อีกหรอก”

ศรีเมืองหันมายิ้มกับพิท

“ยิ้มอะไร”

“เปล่า ข้าแค่ภูมิใจในตัวเจ้า ทำถูกแล้วหล่ะ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร”

คำพูดของศรีเมืองคำนี้นี่เองที่ทำให้พิทคิดได้

ที่เขาย้อนอดีตกลับมาไม่ใช่เพื่อคาถาอาลัมพายน์

ไม่ใช่เพื่อมาทำร้ายนางนาคตนนั้นคืน

แต่เหตุผลที่ย้อนอดีตมาเพื่อระงับเวรที่มีต่อนางนาคตนนั้นต่างหาก

“ขอบใจนะ ศรีเมือง” พิทโผเข้ากอดด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็ขบคิดปัญหาโลกแตกนี้ได้แล้ว เขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะระงับเวรกรรมนี้ให้ได้

ออฟไลน์ ►MoNkEy-PrInCe◄

  • อินเตอร์ไลน์
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 726
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
แง่มๆ สั้นง่า จะเอาอีก  :ling1:

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:อยากอ่านต่ออออออออออออ :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
 :z3: เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรก็จริงน้า แต่เรากลัวว่านางนาคพอหนีกลับไปรักษาตัวหายจะกลับมาฆ่าอีกรอบน่ะสิเนี่ย
พระเอกเวลาอ้อนแล้วน่ารักจัง :hao6:
มาต่อเร็วๆน้าาา :กอด1:

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
คิดได้เช่นนี้ก็ดี
การตามฆ่ากันทุกชาติจะได้หมดๆไป

แต่นางนาคหายไปแล้วจะกลับมาอีกมั้ย

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้ให้ถึงที่สุด รอๆน้า

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
ดันไว้ก่อนนะ วันนี้งานยุ่งมาก ตอนเย็นค่อยเข้ามาอ่าน

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
งื้อ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรละน่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
สู้ๆนะพิท
จะได้หมดเวรหมดกรรมกันซะที

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
ยังไม่จุใจเลย
ไม่เชื่อหรอกว่าศรีปางจะหยุดจองเวร ในเมื่อชาติต่อๆ ไปก็เห็นศรีปางฆ่าพิทอยู่ดี
นั่นมันก็เหมือนกับทำบุญบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาปแท้ๆ เพราะถึงยังไงศรีปางก็คงกลับมาแว้งกัดพิทไม่ต่างจากงูดีๆ นี่เอง

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ทั้งคู่อาบน้ำชำระร่างกายและเตรียมตัวออกเดินทาง พิทตั้งใจจะไปส่งศรีเมืองที่เขตเมืองภูนาคร หลังจากนั้นเขาจะกระตุกเชือกอีกครั้งเพราะอยากรู้ว่าชาติไหนกันแน่ที่เป็นฉนวนเหตุให้นางนาคตนนั้นอาฆาตเขา

“ต่อให้ต้องย้อนไปอีกกี่ร้อยกี่พันชาติ ชั้นก็จะทำ” พิทพูดหนักแน่น

“ข้าดีใจที่ได้พบเจ้า”

“ชั้นก็เหมือนกัน จากนี้ไปชั้นไม่รู้ว่า นายกับผากองจะเป็นยังไง”

“ก็คงเป็นศัตรูกันเหมือนดิม ตราบใดที่ผากองผู้นั้นมิได้ซึมซับเอาความดีที่เจ้ามีไว้เลย”

พิทยิ้มไม่พูดอะไรต่อ

“ตอนเด็กเจ้าดีกับข้ามาก เจ้าเป็นคนเจอข้าและพาไปหาท่านขุนประจัน ข้าเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีหัวนอนปลายตีน พ่อแม่เป็นใครมา
จากไหนก็ไม่รู้ แต่เจ้าก็ไม่เคยคิดรังเกียจ ขนมต้มที่เจ้าหยิบยื่นให้ข้าในวันนั้น ข้ายังจำได้ดี”

พิทเดินฟังอย่างสงบ

“เราเติบโตมาด้วยกันโดยที่เจ้ามิเคยคิดรังเกียจ มีวันหนึ่งเราไปตลาดและข้าถูกพวกเด็กนักเลงรังแก เจ้าก็ช่วยข้าสั่งสอนพวกมันทั้งๆที่ตัวเจ้าเองเล็กกว่าพวกมันมาก พวกเรากลับบ้านแผลเต็มตัว ท่านขุนสั่งเฆี่ยนข้าหาว่าเป็นตัวก่อเรื่อง แต่เจ้าไม่ยอม เจ้าบอกว่า ข้าไม่มีพ่อแม่ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะเอามาล้อ และเด็กพวกนั้นก็มาหาเรื่องก่อน เจ้าย้อนถามขุนประจันว่า จักให้เจ้ามิดูดำดูดีปล่อยให้ข้าโดนรังแกกระนั้นรึ”  ศรีเมืองหัวเราะในลำคอเบาๆ

“ข้าจำได้ว่าท่านขุนหัวเราะพึงใจ แต่กระนั้น เจ้ากับข้าก็ยังโดนเฆี่ยนอยู่ดี”

แววตาของศรีเมืองเป็นประกายเมื่อเขาพูดถึงเรื่องราวในวัยเด็กนั้น พิทเองก็รู้สึกอิ่มใจไปด้วย เขาฟังอย่างตั้งใจและซาบซึ้งไปกับมิตรภาพของพวกเขา

“ในวันที่เราถูกจับเป็นเชลยนั้น เจ้าบอกกับข้าว่าเจ้าจักล้างแค้นให้ท่านขุน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เจ้ากลับกลายเป็นอีกคนที่ข้ามิรู้จัก ลืมเลือนคำมั่นที่เคยให้ไว้กับข้า หลงลืมศักดิ์ศรีของตน หันไปเข้ากับพวกศัตรู วันที่ข้าซมซานหนีกลับมายังภูนาคร ข้าไม่เคยคิดอีกเลยว่าจะได้เจ้า ผากองคนเดิมกลับคืนมา จนกระทั่ง....................” เขานิ่งไป กลืนน้ำลายลงคอเหมือนพยายามกล้ำกลืนความรู้สึกบางอย่าง

“จนกระทั่งชั้นมาใช่มั้ย” พิทยิ้ม “ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าถ้ากลับไปยุคปัจจุบันของชั้นแล้ว ชั้นจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นหรือไม่ แต่จงวางใจเถอะ ชั้นจะไม่มีวันลืมเรื่องของเรา...........แน่นอน”

พิททิ้งท้าย



พวกเขาเดินเคียงข้างกันไม่ห่าง แต่กลับไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย เหมือนต่างคนต่างพยายามจะเก็บความทรงจำทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทุกย่างก้าว ทุกเสียงลมหายใจของกันและกัน

อาทิตย์คล้อยลงไป เงาของทั้งสองทอดยาว ในที่สุดทั้งคู่ก็เดินมาถึงเขตภูนาคร ที่ที่พิทสามารถมองเห็นต้นตาลจำนวนมาก กำแพงหินศิลาสีแดงทอดยาว ยอดปราสาทใหญ่โตโอ่อ่า เขาหยุดมอง และรู้ทันทีว่าเวลาแห่งการบอกลาได้มาถึงแล้ว

“เอ่อ ส่งข้าแค่นี้พอ”ศรีเมืองหลบตา

“ได้ งั้น ชั้น.............”พิทไม่รู้จะเริ่มบอกลายังไง “งั้นชั้นไปนะ” เขาว่า

“อืม เดินทางปลอดภัย” แล้วศรีเมืองก็หันหลังให้ก่อนจะเดินไปไม่ทันให้พิทล่ำลา

“ศรีเมือง” พิทเรียก ศรีเมืองหยุดกึก เขาก้มหน้าหันหลังให้ สักพักจึงหันมาก่อนจะโผเข้ากอดพิทแน่น

“อย่าลืมสัญญาที่บอกว่าจักไม่ลืมข้านะ ผากอง” ศรีเมืองกระซิบข้างหู

“ไม่ลืมหรอก โชคดีนะ เพื่อนรัก” พิทตบหลังเขากอดจะกอดตอบแน่น

ทั้งคู่นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แต่ศรีเมืองนั้นอยากจะหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้ ไม่แม้จะคิดว่าหากเขาคลายจากอ้อมกอดนี้แล้ว ไม่มีทางที่เขาจะได้รับการกอดแบบนี้อีก

“ลาก่อน” พิทคลายอ้อมกอด เขามองหน้าศรีเมืองซึ่งบัดนี้ตาแดงก่ำ

“ลาก่อน” ทั้งคู่ผละออกจากกัน ต่างคนต่างหันหลังให้กันและไม่มีใครหันมามองกันอีกจนทั้งคู่ลับตาไป

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
พิทเดินก้มหน้ามาตลอดทาง เขาไม่รู้เลยว่าจะไปทางไหนต่อ รู้แต่ว่าตอนนี้เขาใจหาย และอยากจะกลับหลังหันวิ่งกลับไปหาศรีเมือง ทำไมเขาถึงคิดแบบนี้ ทำไมเขาถึงคิดว่าอยากจะอยู่กับชายผู้นั้น หรือว่า.......................

“อยู่นี่นี่เอง” แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นตรงหน้า พิทผงะ ก่อนจะเงยหน้าจากพื้น

“พี่บรรณ” และชายคนที่ยืนตรงหน้านั้นทำให้พิทแทบช๊อค ชายคนนั้นคือบรรณคนที่เขามีใจให้

“ไม่ใช่” แต่แล้ว พิทก็ได้สติ เขาจำได้ทันทีว่าชายที่หน้าคล้ายบรรณนั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่ แต่เป็นชายในชุดนักรบที่ช่วยเขาจากคมดาบของศรีเมืองในสนามรบคราวก่อน

“ข้าตามหาเจ้าเกือบพลิกแผ่นดิน”

“หาชั้น” พิทย้ำ “เอ่อ นายไม่ต้องพาชั้นกลับแล้วหล่ะ ไปบอกเจ้าเมืองนายเถอะว่าชั้นไม่เป็นแล้วทหาร ชั้นจะกลับบ้าน” พิทยิ้ม
แต่ชายผู้นั้นกลับทำหน้าขึงขังใส่

“เจ้าจักไปไหนมิได้ทั้งนั้น “

“ทำไม”

“ราคาค่าหัวเจ้านั้นมหาศาลจนข้ายั้งใจไว้ไม่อยู่ทีเดียวล่ะ”

และแล้วรอยยิ้มนั้นก็ปรากฏขึ้น แต่เป็นรอยยิ้มที่เยือกเย็นและไม่น่าไว้ใจ

“หมายความว่าไง” พิทเริ่มใจคอไม่ดี เขาถอยหลัง

“เดี๋ยวเจ้าก็จักรู้ทุกอย่าง พวกเจ้า” ชายผู้นั้นหันไปเรียกทหาร “จับมันเอาไว้”


..................................................


พิทถูกคุมตัว มือทั้งสองข้างถูกมัดไพร่หลัง เขาเดินตามเหล่าทหารและชายผู้นั้นไป

“จะพาชั้นไปไหน”พิทถาม

“นี่มันทางไปภูนาครนิ จะพาชั้นมาทำไม” พิทสงสัยเพราะชายผู้นี้เป็นทหารของเมืองโยเดีย แต่กลับพาเขาเข้าเมืองภูนาคร
ชายผู้นั้นไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น เขามุ่งหน้าเดินเข้าเมือง  มือกำดาบแน่น ความสงสัยวิ่งพร่านในหัวของพิท เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดชายผู้นี้จึงทำแบบนี้ พิทคิดจะกระตุกเชือกข้อมือ แต่เพราะความสงสัยจึงทำให้เขารอดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อน

ทั้งหมดเดินทางผ่านประตูเมือง พิทเงยหน้ามองขอบประตู ทั้งหมดล้วนประดับตกแต่งด้วยรูปปั้นพญานาค ภายในเมืองนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่มองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด หนึ่งในชาวบ้านได้ตะโกนเรียกชื่อเขาขึ้นมา และนั่นก็ทำให้คนอีกนับสิบมามุงล้อมรอบเขาจนแทบหาทางเดินไม่ได้

พิทพยายามชะเง้อมองหาศรีเมือง เขาอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีแม้วี่แวว

“บอกเจ้าภูนาครว่าข้านำเชลยศึกมาถวาย” ชายผู้นั้นสั่งทหารหน้าทางเข้าวัง พิทมองตามด้วยความงุนงง

“ทำแบบนี้ทำไม” พิทถาม

“มิใช่กงการอันใดของเจ้า”

“ไม่ใช่กงการชั้นได้ไง ก็นายกำลังจะส่งชั้นไปตาย”

ไร้ซึ่งคำตอบจากปากเขา พิทจนใจที่จะเค้นถาม เขาจึงนิ่งเงียบเสีย

ไม่นานนัก นายประตูทวารคนเดิมเดินมาพร้อมกับทหารที่ดูมียศสูง

“พามันเข้ามา”

ทุกคนในเมืองนี้ปฏิบัติกับเขาราวกับเขาเป็นคนกาลีบ้านกาลีเมือง สายตาที่หยามเหยียด คำพูดที่ซุบซิบกันทำให้พิทรู้ว่าพวกเขาคงเกลียดผากองมาก

พิทก้มหน้าเดินจากที่ก่อนหน้านี้เขาแค่อยากจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษจริงๆแล้ว
เขาถูกนำตัวเข้าไปในท้องพระโรง ที่ที่ซึ่งแสดงถึงความยิ่งใหญ่ ที่นั่นพิทได้เจอกับชายแก่คนหนึ่งซึ่งออกมารับเรื่องแทนเจ้าเมืองภูนาคร ชายคนนี้ถูกเรียกว่าอุปราช พิทไม่ได้รับอนุญาตให้เงยหน้าขึ้นมอง เขาจึงไม่รู้ว่าชายแก่ผู้นั้นหน้าเป็นอย่างไร

“ทำดีมาก อองตู” ชายแก่กล่าวชมเชยคนที่จับตัวพิทมา เขารู้แล้วว่าคนที่หน้าเหมือนบรรณในชาตินี้คืออองตู

“มิเสียแรงที่ข้าส่งเจ้าไปเป็นไส้ศึกโยเดียตั้งแต่ยังเด็ก”

พิทก้มหน้านิ่ง ในที่สุดความกังขาของเขาก็คลี่คลาย ที่แท้ชายผู้นี้เป็นไส้สึกที่ทางภูนาครส่งตัวไปนี่เอง

“เจ้าผากอง เสียแรงที่เป็นถึงบุตรขุนประจันผู้ภักดี แต่กลับทำตัวเนรคุณขายชาติ พ่อของเจ้าคงหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือดในความชั่วช้าของเจ้า ข้ารอเวลานี้มานาน เวลาที่จะกำจัดคนทุรยศขายชาติ บัดนี้กรรมได้ตามสนองเจ้าให้กลับมารับโทษทัณฑ์ ดูสิ ว่าโยเดียจักอาวรณ์เจ้าแลส่งคนมาช่วยขุนผากองผู้ยิ่งใหญ่คนนี้หรือไม่” ชายแก่พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ทหาร จับมันไปขังไว้รอพระราชโองการในวันพรุ่ง”

พวกเหล่าทหารกรูเข้ามาหาพิท วินาทีนั้นเองที่เขาคิดจะกระตุกเชือกข้อมือ แต่ช้าไปเสียแล้ว เหล่าทหารจับแขนทั้งสองข้างเขาเขาพาดกับท่อนไม้ที่วางบนบ่าและรัดแน่นหนาด้วยเชือก พิทไม่สามารถดึงเชือกนั้นได้ในสภาพที่แขนถูกรัดตรึงออกจากกันเช่นนี้

“ซวยแล้วกู”

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ทหารพาพิทโยนใส่ในคุกที่ทั้งเหม็นและอับ เขาอ้อนวอนขอให้ปลดเชือกที่ตรึงแขนเขาแต่ไม่เป็นผล ทหารพวกนั้นไม่ฟังคำอ้อนวอนของเขาเลย ไม่มีทางใดอีกแล้วที่จะหนีออกไปจากคุกแห่งนี้ พิทเริ่มกระวนกระวายร้อนใจ หากวันรุ่งขึ้นเขายังอยู่ในสภาพแบบนี้ มีหวังต้องโดนตัดหัวเป็นแน่

“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย” พิทกรีดร้องในใจ

.............................................................................


ฝ่ายศรีเมืองหลังจากแยกกับพิทแล้วเขาก็เดินทางกลับเมือง และตรงไปยังเรือนขุนประจันเพื่อพักชำระร่างกายก่อนเข้าเฝ้า เขายังไม่มีกะจิตกะใจจะคิดการณ์ใดทั้งนั้น การลาจากกับผากองในครั้งนี้ทำให้ศรีเมืองหมดอาลัยทุกอย่าง และไม่รู้จะอยู่ไปทำไมในเมื่อวันหนึ่งเขาก็จะต้องถูกส่งไปรบและสังหารผากอง

“เจ้ารู้ข่าวที่ท่านอองตูพาอ้ายผากองเข้าเมืองมาหรือยัง” เสียงบ่าวไพร่ในบ้านพูดคุยกันในขณะที่ศรีเมืองเดินผ่าน

“เจ้าว่าอันใดนะ”

บ่าวทั้งคู่นั่งลงคู้ตัวงอก่อนจะรายงานเรื่องราวที่พวกเขาได้ยินมา

ศรีเมืองนิ่งเงียบไป เขาเหมือนตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผากองโดนจับได้อย่างไร ใครเป็นคนจับ และตอนนี้ผากองอยู่ที่ไหน แต่ไม่มีเวลาจะมาคิดหาคำตอบอะไรตอนนี้แล้ว เขาเร่งกระโจนลงจากเรือนมุ่งหน้าเข้าวังเพื่อตามหาผากอง





เวลาในที่คุมขังนั้นยาวนาน ห้องสี่เหลี่ยมที่ปูพื้นด้วยหญ้าฟาง กั้นด้วยไม้เนื้อแข็งท่อนใหญ่ ข้างๆห้องของพิทนั้นมีนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่อีกประมาณสองสามคน

คำถามเกิดขึ้นในหัวพิทมากมาย เขามาที่นี่เพื่ออะไร มาหาความตายอย่างนั้นหรือ หรือนี่จะเป็นกลลวงของนางนาคศรีปางตาล
ในหัวพิทครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีต ยังมีบาปกรรมใดอีกหรือที่เขาต้องชดใช้ ที่ผ่านมาเขายังรับความทุกข์ทรมานไม่พออีกหรือ

เขาเฝ้าครุ่นคิดวนไปวนมา ภายในห้องขังนั้นไม่สามารถรู้เวลาได้ว่ากี่โมงกี่ยาม ความหวังที่จะให้ใครมาช่วยเริ่มริบหรี่ พิทเริ่มหมดอาลัยตายอยาก เขาเอนกายลงทอดกายอย่างเหนื่อยแรง พอกันทีความพยายามที่ผ่านมาให้มันจบกันเสียวันนี้ เหนื่อยเต็มทนแล้ว

พิทนั่งลืมตาอยู่อย่างนั้น นานเท่าไหร่ไม่รู้ จากที่ได้ยินเสียงผู้คนเดินไปเดินมา ร้องรำทำเพลง ก็ค่อยเงียบหายไป และสุดท้ายพิทก็เผชิญกับความเงียบสงัดเพียงลำพัง

เสียงไก่ขันเป็นสัญญาณให้รู้ว่าบัดนี้เวลาเช้าของอีกวันได้มาถึงแล้ว นั่นหมายความว่าถึงเวลาที่เขาจะเดินทางสู่ความตายที่รออยู่เบื้องหน้าแล้ว พิทยิ้มสมน้ำหน้าชะตากรรมตัวเอง เขาหัวเราะเยาะโชคชะตา และสุดท้ายก็ต้องหลั่งน้ำตาเพราะวาสนา

“ทำไม ทำไมต้องทำกับชั้นแบบนี้” พิทคร่ำครวญ

ทหารนายหนึ่งนำสำหรับอาหารใส่ใบต้องมากองไว้ให้หน้าประตู พิทแค่เหลือบตาไปมอง แต่ไม่แม้แต่จะแตะต้องมัน ความตายทำให้เขาลืมหิว ลืมง่วง ใจของเขาเต้นแรงสลับกับแผ่วเบาอย่างไม่เป็นกระบวน เขาเริ่มกลัว..................

ทุกครั้งที่มีเสียงฝีเท้าคนเดินผ่าน พิทจะเงยหน้าขึ้นมอง และตัวสั่นเทา แต่เมื่อเป็นแบบนี้หลายครั้งเข้าเขาจึงสติแตก

“พากูไปประหารเสียทีสิเว้ย” เสียงตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่าดังขึ้นในห้องขัง แต่กลับไม่มีใครสนใจ นานๆครั้งพวกทหารเฝ้าประตูจะหัวเราะด้วยความสมเพชเขาสักครั้งหนึ่ง

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดเสียงฝีเท้าที่หนักแน่นและเฉียบขาดก็ดังขึ้น พิทเงยหน้ามองอีกครั้งและพบว่าเขาคนนั้นคือชายที่จับกุมเขามา

“ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว อ้ายผากอง” รอยยิ้มแสยะเยาะนั่นทำให้พิทอยากจะฉีกเนื้อเขาเป็นชิ้นๆ

ทหารสองนายเข้ามาจับแขนของพิทที่กางพาดอยู่กับท่อนไม้ พิทสะบัดออก

“กูเดินเองได้” เขาว่าก่อนจะลุกขึ้นและเดินนำหน้าอย่างไม่สะทกสะท้านใดๆอีกแล้ว

ก่อนออกจากประตูคุก ทหารนายหนึ่งผูกผ้าปิดตาเขา ก่อนที่อีกนายจะจูงโซ่ที่ผูกติดกับคอไว้ เสียงโซ่กระทบกันนั้นน่าสยดสยอง เขานึกถึงโทษกุดหัวสมัยโบราณที่เคยได้ศึกษามา น้ำตาของพิทก็ไหล ปากก็พร่ำเรียกถึงแต่ชื่อแม่ของเขา

“ในสมัยโบราณวิธีการประหารนักโทษนั้นน่าสยดสยองยิ่งนัก เพชฌฆาตดาบหนึ่งดาบสองจะแต่งกายด้วยผ้าเตี่ยสีแดงสักยันต์เต็มตัว นักโทษจะถูกผูกตา จากนั้นนักฆ่าทั้งสองจะเข้าไปขออโหสิกรรม

ทางเข้าจะถูกสร้างขึ้นด้วยหลักไม้ใหญ่สามต้น ปูปิดด้วยกิ่งไม้เพื่อไม่ให้เห็นทางเข้า จะมีแค่เพชฌฆาตเท่านั้นที่รู้ ด้านในมีอาสนะยกสูง สำหรับพระสงฆ์นั่งประจำกับบาตรและบรรจุน้ำมนต์สองบาตร น้ำมนต์นั้นเรียก ธรณีสารใหญ่ ใช้ล้างเสนียดจัญไร ไล่เคราะห์เพชภัยให้กับตัวนักฆ่า เพชฌฆาตเองก็จะต้องบริกรรมคาถาสะกดวิญญาณ ในขณะที่ด้านนักโทษจะต้องถูกผูกติดกับหลักประหาร

จากนั้นเมื่อพระธำมรงค์แจ้งถึงเวลาอันสมควรประหาร ปี่พาทย์จะบรรเลงและเพชฌฆาตจะเริ่มร่ายรำวนซ้ายมิให้เกิดอัปมงคลแก่ตัวนักโทษ

จากนั้นปีพาทย์จะบรรเลงเพลงเร็วและรัวขึ้น เพชฌฆาตดาบหนึ่งที่ทำหน้าที่ลวงจะร่ายรำและกระทืบเท้าหลอกล่อ ส่วนนักโทษดาบสองที่ทำหน้าที่กุดหัวจะแอบอยู่ด้านหลังประตู ก่อนจะค่อยๆย่องเข้ามาทางด้านหลัง พอได้ระยะเพชฌฆาตดาบสองจะฟันดาบฉับเข้าที่ข้อต่อระหว่างกระดูกก้านคอ กับกระดูกสันหลัง หัวก็จะขาดกระเด็นหลุดจากบ่า

เมื่อเพชฌฆาตลงดาบเสร็จ เขาจะกระทืบเท้าครั้งหนึ่ง แล้วยกดาบขึ้นเลียเลือดที่ติดปลายดาบกิน เป็นการข่มขวัญวิญญาณผีตายโหง จึงค่อยหันหลังกลับประตูป่าทันที ห้ามกลับหลังหัน และห้ามหกล้มเป็นอันขาดมิฉะนั้นวิญญาณผีตายโหงจะเข้าสิงทันที

เรื่องราวบทเรียนที่พิทได้ร่ำเรียนมาในวิชาโบราณคดีนั้นแล่นเข้ามาในสมองเป็นฉากๆ ไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างที่เขาเคยเรียนจะเกิดขึ้นจริงกับตัวเองในวันนี้

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
อุ๊บ!
นี่เรามาปาดหน้าเค้กเหรอเนี่ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2013 20:58:25 โดย Chichi Yuki »

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
อ๊ากกกกกกกก ดีใจ  :pig4:

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
“คุกเข่า” เสียงนั้นสั่งพลางกดไหล่ให้เขานั่งลง เขาค่อยๆแกะผ้าผูกตาออก พิทลืมตาขึ้นช้าๆ วาดภาพไว้ว่าจะเหมือนในตำราที่เขาเรียน

แต่ทันทีที่เขาลืมตา กลับพบว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ลานประหารเป็นแค่ลานดินโล่งเตียนบริเวณหลังวัด ด้านข้างนั้นมีซุ้มที่ทำจากไม้และมีแท่นยกสูงเป็นที่นั่งสำหรับเจ้าเมือง ด้านข้างมีพระสงฆ์สองรูปนั่งอยู่ ไม่มีฝูงชน ไม่มีชาวบ้าน ไม่มีเสียงปีพาทย์ มีแต่เหล่าขุนนางเพียงไม่กี่คนที่นั่งอยู่ในซุ้มนั้น

“เห็นที่เจ้าเป็นบุตรของขุนประจัน จักไม่กุดหัวต่อหน้าธารกำนัลให้เป็นที่อับอายไปถึงวงศ์ตระกูล” เสียงหนึ่งทุ้มกังวานดังมาจากซุ้ม

พิทมองไปรอบๆ ความหวังอันเลือนรางที่จะพบกับศรีเมือง แต่แล้วความหวังนั้นก็ดับสนิทเมื่อไม่มีวี่แววของชายผู้นั้นเลย

“เจ้ามีอันใดจักกล่าวก่อนตายหรือไม่” มหาอุปราชพูด

พิทก้มหน้านิ่งใครจะมีกะจิตกะใจจะสั่งเสีย ญาติพี่น้องที่นี่ก็ไม่มีสักคน เขาไม่สนใจคำพูดใดๆของอุปราชเฒ่านั่นอีกเลย ใจยังคงจดจ่ออยู่กับเชือกที่ข้อมือ ภาวนาขอให้ทหารแก้มัดเขา และจัดท่าประนมมือแทนเพื่อพิทจะได้หาโอกาสกระตุกเชือก  แต่พวกนั้นกลับนิ่งเฉย

 ทหารดึงขาเขาก่อนจะมัดมันด้วยเชือกอย่างแน่นหนา เขาทอดสายตามองไปสุด แต่ก็ยังไม่พบผาเมือง

“ต้องมาตายตรงนี้จริงๆแล้วเหรอ” พิทเปรยกับตัวเอง เขาถอนหายใจครั้งสุดท้ายก่อนจะยืดอกรับความตาย

เสียงพระสงฆ์เริ่มบริกรรมคาถา เสียงนั้นเยือกเย็นน่าขนลุกและหดหู่ เขาอยากจะเอามืออุดหูแต่ก็ทำไม่ได้ ความล้าของร่างกายโดยเฉพาะแขนที่ยืดกางตลอดเวลานั้น ทำให้พิทอ่อนแรง

“ลงมือได้” เพชฌฆาตเดินออกมาจากด้านหลังโรงซุ้ม ไม่เหมือนที่พิทจินตนาการไว้ ชายผู้นั้นเป็นเพียงชายบึกบึนที่สักยันต์เต็มตัวคนหนึ่ง ฟันดำเพราะเคี้ยวหมาก เขาถ่มน้ำลายลงดาบที่ขาววับราวมีดโกน ก่อนจะใช้ฝ่ามือลูบมันอย่างแผ่วเบา
พิทกลืนน้ำลายลงคอ เขาตื่นกลัวและเหนื่อยหน่ายในขณะเดียวกัน เขาหวาดกลัวแต่กระตือรือร้นอยากตายในเวลาเดียวกัน นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วใช่มั้ย

“ลงมือ”

เพชฌฆาตเดินตรงมาที่เขา พลางทำปากขมุบขมิบและเป่าลงมาที่เขา ก่อนจะถอยไปหนึ่งก้าว พิทใจเต้นรัวเป็นกลอง ตัวสั่นเทา และน้ำตาก็หลั่งริน

นักฆ่าวางคมดาบที่ลำคอของเขา พิทสะดุ้งเฮือกด้วยความกลัว ความเย็นของคมดาบบาดลึกเข้าไปสุดขั้วหัวใจ

นักฆ่าวางดาบเล็งที่ต้นคอของเขาสองสามครั้ง ก่อนจะเงื้อดาบรอคำสั่งพิพากษาสุดท้ายของชีวิตพิท

“ประหาร”

.
.
.

น้ำตาหยดสุดท้ายหลั่งริน พิทยืดอกอ้าแขนรับความตาย เขาหลับตาและนึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่

“ผมจะกลับไปหาแล้วนะครับ” เขาสูดลมหายใจลึก









“ช้าก่อน” แต่แล้วกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เสียงอื้ออึงรอบตัว เพชฌฆาตเงื้อดาบค้างไว้ทัน พิทลืมตามองหาต้นเสียง

“ข้า ขุนศรีเมืองขอรับอาสาสังหารอ้ายขบถผู้นี้ด้วยตัวของข้าเอง”

และแล้วพิทก็เห็น ชายคนที่เขาร่ำร้องเรียกหาอยู่ตลอดเวลา ชายคนที่คอยปกป้องช่วยเหลือเขามาตลอด ชายผู้นั้นก้าวออกมาจากฝูงผู้คนที่เฝ้ามองการตายของเขา  ในมือกำดาบคู่ใจ

“ข้าสาบานกับขุนประจันไว้แล้วว่าจะฆ่ามันด้วยมือของข้าเอง”

เพชฌฆาตถูกเรียกกลับเข้ามา อุปราชทูลข้อความนี้ให้กับท่านเจ้าเมืองและได้รับความยินยอม

ศรีเมืองเดินตรงเข้ามาหาพิท เขาเงยหน้ามองศรีเมืองก่อนจะยิ้มให้

“ได้ตายด้วยมือของนาย ชั้นก็ดีใจแล้ว” พิทพูดก่อนจะยิ้มทั้งน้ำตาอีกครั้ง

ศรีเมืองไม่พูดอะไร สายตาของเขาเลื่อนลอย เลือดเย็น เหมือนครั้นตอนที่พิทเจอเขาครั้งแรก
ชายผู้นั้นคงลืมเขาไปแล้วเป็นแน่

เขาเดินรอบพิท ปลายดาบจี้มาที่เขา พิทหลับตา บัดนี้ชีวิตของเขาอยู่ในมือชายผู้นี้แล้ว จะฆ่าเขาเพื่อล้างแค้น หรือจะไว้ชีวิตเขาเพราะสายสัมพันธ์ พิทไม่มีทางรู้เลย

“เจ้าสมควรตาย” ศรีเมืองนั่งลงใกล้ๆ “แต่ไม่ใช่ที่นี่ วันนี้”

พิทหันมามองด้วยความไม่เข้าใจ

“ข้าจักเชื่อเจ้าสักครั้ง ทำตามที่เจ้าเคยบอก” ศรีเมืองจับข้อมือข้างที่มือเชือกไว้แน่นเขาทิ้งดาบลงกับพื้น

“เจ้าทำอะไรของเจ้า ขุนศรีเมือง” อองตูตะโกน “เขาจะปล่อยนักโทษ จับตัวมันไว้ มันจะปล่อยนักโทษ”

ทหารพร้อมอาวุธครบมือ วิ่งกรูเข้ามายังลานประหาร พวกเขาพุ่งเข้ามาเพื่อจับตัวศรีเมือง

“ข้าจักฆ่าเจ้าอีกคน อ้ายศรีเมือง” อองตูกระโดดเข้ามาขัดขวาง
.
.
.


“ไปหาคำตอบของเจ้าให้พบ ผากอง สหายรักของข้า จงไปเสียเถิด”

“ไม่นะ ศรีเมืองอย่า นายจะถูกฆ่านะ อย่า” พิทพยายามขัดขืน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องชายคนนี้บ้าง แม้แต่สักเพียงครั้ง

หากศรีเมืองกระตุกเชือก วิญญาณของเขาจะต้องหายไปยังอีกภพหนึ่ง โดยปล่อยให้ศรีเมืองรับเคราะห์อยู่คนเดียว

พิทจึงพยามขัดขืนอย่างเต็มกำลัง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าสะบัดตัวไปมา เพราะร่างของเขาถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา

อองตูและเหล่าทหารของเขาโผใกล้เข้ามายังศรีเมืองทุกที ทุกที

“ลาก่อน พิท” นี่คือคำอำลาครั้งสุดท้ายของชายผู้นั้น  เขาเรียกชื่อพิท ชื่อที่พิทไม่เคยจะคาดหวังว่าชายผู้นั้นจะจำได้และเรียก
มัน น้ำตาแห่งมิตรภาพได้หลั่งไหล พิทร่ำไห้ปากพร่ำร้องขออ้อนวอนว่าอย่าทำแบบนั้นทั้งที่รู้ว่าไม่เป็นผล ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งให้ชายผู้นั้นหยุดปกป้องเขาได้

ไม่มี

ไม่มีทาง

ศรีเมืองกระตุกเชือกข้อมือเบาๆจนปมอีกปมคลายออก พิทมองหน้าเขาทั้งน้ำตา เขาไม่อยากแม้จะกระพริบตาเพียงเพราะอยากจะเก็บภาพใบหน้าที่มีค่าของศรีเมืองไว้ทุกวินาที น้ำตาที่คลอเบ้าทำให้ภาพชายผู้นั้นไม่ชัด เสียงอื้ออึงดังใกล้เข้ามาๆ พิทเห็น

ภาพทหารวิ่งเข้ามาดึงร่างศรีเมืองออกจากเขา ภาพอองตูเตะเข้าที่ชายโครงศรีเมืองอย่างแรง
ภาพที่ศรีเมืองนอนคดคู่โดยที่สายตาจับจ้องมาที่พิทอย่างไม่ละสายตา ริมฝีปากที่ยิ้มน้อยๆนั้นค่อยๆเลือนรางจางหายไปในกลุ่มหมอกควัน

“ศรีเมือง อย่า อย่า อย่าทำเขา” เสียงสะท้อนสุดท้ายที่พิทได้ยินคือเสียงของตัวเองที่ก้องอยู่ในหู พิทถูกกระชากขึ้นที่สูงอย่างแรงอีกครั้งก่อนจะหยุดนิ่ง และเพียงแค่พริบตาเดียวร่างของเขาก็ถูกกระชากร่วงหล่นลงมาอย่างแรง จนในที่สุดเขาก็หมดสติไป

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
มาอีกแล้ววว

........................

ไม่น้าาาาาาา
ศรีเมืองจะเป็นยังไง
อ้ายอองตู! ก็ไม่ได้โทษหรอกนะ
แต่เรื่องทั้งหมดก็เกิดเพราะผากอง
ทำไมผากองถึงเลือกที่จะทรยศบ้านเมืองอย่างนี้กันนะ อยากให้มาอธิบายจัง
ไหนว่าจะแก้แค้นยังไง ทำไมถึงมาขึ้นตรงต่อศัตรู
มันต้องมีอะไรแน่ๆ
อย่างนี้ต้องตามลุ้น

ปล.ยังไม่อยากให้จบเร็วๆ เลยอ่ะค่ะ T-T
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2013 21:05:00 โดย Chichi Yuki »

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
หมดแล้วววววว
โอ้ยสงสารพิท จริงจังง  :mew4: :mew4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด