“อย่าลืมล้างหัวด้วยนะเว้ย” โสภณกำชับขณะที่พิทกำลังเปิดประตูบ้าน พิทหันมายิ้มให้เขา โสภณยิ้มตอบกลับไม่มีคำพูดใดๆสำหรับเขาอีกแล้ว
พิทล้มตัวลงนอน ภาพของโสภณกับประภาคยังตราตรึงในใจของเขา เขาอยากมีความรู้สึกแบบนั้นบ้าง ถึงแม้ประภาคในชาตินี้จะเป็นตัวเขา แต่อย่างไรเสีย มันก็ไม่ใช่ตัวเขาอยู่ดี
“เฮ้อ” เขาถอนหายใจยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก เสียงฝนตกกระทบหลังคาบ้าน หนักบ้างเบาบ้างนั้นกล่อมให้พิทค่อยๆเคลิ้มจนหลับไปในที่สุด
๘ ธันวาคม ๒๔๘๔
เสียงหวีดร้องของบางอย่างดังขึ้นในกลางดึกของคืนนั้น เสียงที่ปลุกให้พิทสะดุ้งตื่น เขามองออกไปนอกหน้าต่างเห็นผู้คนกำลังวิ่งออกมาจากบ้าน ต่างพากันมองดูโลหะยักษ์ที่บินโฉบพร้อมทั้งส่งเสียงหวีดหวิวกลางท้องฟ้า
“ญี่ปุ่นบุก พวกญี่ปุ่นบุก” เสียงตะโกนอื้ออึ้งของชาวบ้านดังโหวกเหวก ฝนตกลงมาไม่ขาดสาย แต่พวกเขาเหล่านั้นก็พร้อมใจกันหอบข้าวหอบของวิ่งหนีกันอลม่าน
“ปังๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น ยังไม่ทันทีที่พิทจะเปิดประตูออกมา ผู้เป็นพ่อของเขาก็ถลาเข้ามาในห้องเสียก่อน
“เก็บของให้ไว พวกญี่ปุ่นบุก” สีหน้าที่เรียบเฉยไม่อาจซ่อนไว้ซึ่งแววตาที่หวั่นเกรงของพ่อนั้น ทำให้พิทตระหนักในทันที่ว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ
พิททำอะไรไม่ถูก เขามองซ้ายมองขวา ไม่รู้จะเก็บอะไรยังไง เพราะของที่อยู่ในห้องนี้ไม่มีชิ้นไหนที่พิทคุ้นเคยเลยสักชิ้น
สุดท้ายเขาตัดสินใจหยิบเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงวอร์มมาเปลี่ยนแล้ววิ่งลงไปข้างล่าง
“ประภาค” เป็นโสภณที่ปั่นจักรยานมาจอดหน้าบ้านก่อนจะวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“รีบไปที่กอง ครูฝึกเรียกรวมพล”
พิทกระโดดขึ้นจักรยานอย่างไม่กลัวตาย ความตายไม่ได้อยู่ในสมองเขาอีกต่อไป อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ที่อลม่าน เสียงเครื่องบินและแสงไฟที่สาดลงมาทำให้เขารู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับภพนั้น
“ไหนนายบอกว่าญี่ปุ่นไม่มีวันบุกไทยไง” พิทถาม
“ก็ใครมันจะไปรู้เล่าว่าพวกนี้จะคิดคดทรยศ”
พิทจับเสื้อโสภณแน่น
เขารู้สึกว่าอยู่หลังเด็กหนุ่มคนนี้แล้วปลอดภัย
“ถ้าเกิด เรา เอ่อ ถูกยิงขึ้นมา” พิทพูดขาดเป็นห้วงๆ “มันจะเจ็บมั๊ย” ก่อนจะก้มหน้ารอฟังคำตอบ
“ไม่รู้สิ คงเจ็บมั้ง” โสภณพูด ในขณะที่กำลังเร่งปั่นจักรยานฝ่าฝูงชนที่มุ่งหน้าหนีตาย
“มันจะเจ็บกว่าถูกมีดบาดมั๊ย”
“อย่าคิดแบบนั้นสิวะ เราจะไม่เป็นอะไร ได้ยินมั๊ย เราจะไม่เป็นไร”
พิทหยุดพูดทันที
เขาเอาหน้าแนบแผ่นหลังของโสภณ หลับตา และเตรียมพร้อมเพื่อเผชิญหน้าความจริง
“ทุกคนฟังให้ดี บัดนี้พวกญี่ปุ่นได้ขึ้นฝั่งแล้ว ทางการกำลังส่งทหารมาช่วยพวกเรา แต่ในขณะนี้ ที่นี่ยังมีแต่พวกเรา ซึ่งเป็นยุวชนทหารที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี เราทุกคนก็เปรียบเสมือนทหารกล้า จิตวิญญาณที่จะปกป้องอธิปไตยของประเทศมีเต็มเปี่ยม เพราะนั้น เรา จะออกไปทำหน้าให้สมกับเป็นชายชาติทหาร พวกเราจะตรึงกำลังต้านพวกญี่ปุ่นไว้ จนกว่าทางการจะส่งทหารมาช่วย”
พวกยุวชนทหารที่บัดนี้อยู่ในชุดทหารพร้อมอาวุธครบมือยืนเรียงแถวหน้ากระดานอย่างพร้อมเพรียง แต่ละคนล้วนมีแววตาที่มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว ไม่มีใครเกรงกลัวต่อภัยที่จะมารุกรานแม้แต่คนเดียว
“เราจะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกจะไปสังเกตการณ์ที่ชายหาด อีกส่วน ตามผมมา เราจะไปตรึงกำลังพวกญี่ปุ่นที่สะพาน”
พิทกับโสภณถูกรวมให้อยู่ในกลุ่มที่ต้องไปกับครูฝึก พวกเขาขึ้นรถทหาร ก่อนที่รถจะแล่นออกไปท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำ ทั้งคู่มองหน้ากัน
บัดนี้พิทแยกไม่ออกแล้วว่าที่เค้ารู้สึกอยู่ตอนนี้คือตัวเองหรือว่าประภาคกันแน่
รถโยกไปโยกมาเพราะถนนที่ถูกน้ำฝนชะกร่อนมาทั้งคืน เท้าของพิทนั้นแช่ปริ่มอยู่ในรองเท้าที่มีน้ำท่วมขัง อีกทั้งเสื้อผ้าที่เปียกปอน แต่ความลำบากเล่านั้นไม่ได้บั่นทอนจิตใจที่ตอนนี้ฮึกเหิมด้วยความรักชาติ
เขาไม่รู้หรอกว่าเขาจะสู้ไปเพื่ออะไร รู้เพียงแต่ว่า ยุวชนทหารทั้งหมดรวมทั้งครูฝึกที่นั่งอยู่บนรถนั้น ต่างมีแววตาที่มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว พวกเขาอายุยังไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ แต่ความกล้าหาญนั้นเทียบไม่ได้กับที่พิทมีเลย
“เอาล่ะ เตรียมอาวุธให้พร้อม” ครูฝึกกระโดดลงจากรถ ก่อนจะกวักมือเรียกนักเรียนแต่ละคนลงมา
“ประภาค” พิทกระโดดลงเป็นคนสุดท้าย เขาถูกครูฝึกที่ใบหน้าคล้ายบรรณคว้าข้อมือไว้
“อยู่ใกล้กับครูไว้” พิทมองหน้าเขาอย่างประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ครูฝึกพูด
แต่ยังไม่ทันจะถาม ครูก็วิ่งไปรวมกับกลุ่มที่ตอนนี้หมอบอยู่ข้างถนน
พิทวิ่งตามมานอนท่าเตรียมใกล้ๆโสภณ ตอนนี้หัวใจเขาเต้นโครมคราม มือที่กำปืนอยู่นั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนและเหงื่อ
ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย มีเพียงเสียงฝนที่ตอนนี้ซาลงจนมองเห็นฝั่งตรงข้ามที่เป็นสวนมะพร้าว
“เห็นอะไรไหวๆ ยิงได้เลย”เสียงครูฝึกกำชับ
“ปัง!!” สิ้นเสียงครู เสียงปืนก็ดังขึ้น เล่นเอาทั้งหมดตกอกตกใจ
“ใครยิง”
“ผมครับ”วินัยค่อยๆยกมือขึ้นอย่างเหนียมอาย
“ยิงทำซากอะไรวะ”
“ก็ ก็ครู บอกว่าเห็นอะไรไหวๆให้ยิงได้เลย”
“ปัดโธ่เว้ย ก็ดูเสียก่อนสิวะ นั่นมันตัวเหี้ย จะไปยิงมันหาพ่อมึงเหรอ”
เสียงนักเรียนคนอื่นหัวเราะกันคิกคักๆ คลายความตึงเครียดไปได้เปราะหนึ่ง
“อ้าวเฮ้ย หัวเราะอะไรกัน หน้าสิ่วหน้าขวาน นี่ไม่ใช่ชั่วโมงฝึกนะเว้ย ข้าศึกพร้อมจะยิงหัวพวกเธอทุกเมื่อหากไม่ระวังตัว”
คำนี้ของครูฝึกกระชากอารมณ์เหล่ายุวชนทหารทุกคนให้กลับมาสู่โลกของความเป็นจริง
ทั้งหมดตั้งท่าเตรียมพร้อม ปืนทุกกระบอกหันออกไปสู่ถนน
พิทเหลือบตามองโสภณ เช่นเดียวกับที่โสภณเลื่อนมามาจับมือเขา
“เราจะไม่เป็นไร...ใช่มั๊ย” โสภณถาม
“อืม เราจะไม่เป็นไร” พิทตอบอย่างมั่นใจในน้ำเสียง แต่ในใจเขากลับคิดตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง