ความประหวั่นพรั่นพรึงที่พิทเจอเมื่อครู่นั้นยังทำให้เขารู้สึกขนคอลุกชันไม่หาย อาการมันบอกไม่ถูก เหมือนคนที่กลัวอะไรบางอย่างสุดขีด ความกลัวที่เขาเองก็ไม่คาดคิดว่ามันจะมหาศาลขนาดนี้
รูปปั้นพญานาคธรรมดา แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น
“พี่เป็นอะไรไปรึเปล่า” รุจเดินตามมาข้างใน “ผมเห็นสีหน้าพี่ไม่ค่อยดีตั้งแต่....”
แล้วรอยยิ้มมุมปากก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ตั้งแต่เห็นรูปปั้นรูปนั้น”
“นายเห็นเหรอ”
“ใช่ครับ ทำไมจะไม่เห็น พี่หน้าซีดชัดเจนขนาดนั้น”
บางครั้งพิทก็รู้สึกว่าใบหน้าของรุจนั้นน่าเกรงขาม ด้วยคิ้วที่เรียวยาวตวัดขึ้น ดวงตาที่กลมโตแต่กลับคมกริบราวกับนัยตางู ทุกครั้งที่พิทจ้องตาเขา มันทำให้ร่างของพิทชาไปทั้งตัวจนเขาต้องหลบสายตา
“ไม่รู้สิ เห็นรูปปั้นนั้นแล้วใจคอไม่ค่อยดี” เขาหลบตาแสร้งมองไปที่ภาพวาด
“เหรอครับ บางที..............”รุจเว้นจังหวะ “บางทีพี่อาจทำอะไรไว้กับรูปปั้นนั้นก็ได้นะ”
แล้วทุกอย่างก็เงียบงัน ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัดให้ใจชื้น
.
.
.
“ผมล้อเล่นน่ะพี่ โธ่ คิดมากไปได้ ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่รูปปั้น” แล้วเขาก็หัวเราะเสียงก้องในโบสถ์ ก่อนจะเดินหายออกไป
พิทยังคงอยู่ในโบสถ์นั้นต่อ เขารู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นทันทีที่อยู่ในนี้ พระประธานที่อยู่เบื้องหน้าเขานั้นมองต่ำลงมา คล้ายกับจ้องมายังเขา พิทนั่งลงก่อนจะขัดสมาธิ เขาหลับตา และตั้งจิตนิ่ง
และแล้ว เขาก็เห็น เห็นตัวเองลุกขึ้นยืน เบื้องหน้าพระประธานก่อนจะหันหลัง และยังเห็นร่างของตนเองนั่งหลับตาอยู่ที่เดิม พิทไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
แสงสว่างอยู่เบื้องหน้า ที่นั่นเป็นประตู เขาเดินไปยังแสงนั้น และก็ได้พบว่าตัวเองยืนอยู่ตรงมหานทีอันกว้างใหญ่ เขาหันหลังกลับมา แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า โบสถ์ หมู่บ้านหายไป รอบๆตัวเขามีเพียงผืนน้ำเท่านั้น
“ที่นี่ที่ไหน” เขานึกในใจแต่เสียงกลับก้องกังวานเหมือนเขากำลังตะโกนอยู่ในอุโมงค์มืด
ที่ที่เขายืนอยู่เป็นผืนน้ำที่แน่นิ่งและมั่นคงราวกับหินผา แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขากล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า ด้วยความเวิ้งว้าง กว้างใหญ่และน่าเกรงขามของมหานทีนั้นเอง
ในขณะที่พิทกำลังยืนงุนงงอยู่นั้นเอง เขาก็เห็นความเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหน้า มหานทีที่สงบนิ่งเมื่อครู่นี้กลับบิดเป็นเกลียวยาว อย่างช้าๆและค่อยๆใหญ่ขึ้นๆ รูปร่างที่ชัดเจนนั้นทำให้พิทถึงกับผงะ เขาคิดจะก้าวขาถอยแต่กลับทำไม่ได้ดั่งใจ
เขาทำได้เพียงเฝ้ามองผืนน้ำนั้นก่อตัวเป็นเกลียวยาวใหญ่ขึ้นๆและในที่สุดมันก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในเกลียวน้ำนั้น
ภาพของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งกำลังค่อยๆเคลื่อนมาหาพิทอย่างช้าๆ ม่านน้ำที่ถูกแหวกขึ้นมานั้นกระเซ็นแยกออกเป็นสองข้าง
ภาพของงูขนาดใหญ่สีเขียวเข้มนั้นปรากฏขึ้น พิทตัวแข็งทื่อ อ้าปากค้าง
“วีดดดดดดดดดดดดดด”จู่ๆเสียงหวีดร้องก็ดังกึกก้องขึ้น งูเขียวยักษ์ตัวที่ดูเชื่องช้านั้นตอนนี้กลับถลาพุ่งเข้ามาหาร่างของพิทอย่างไว เขาจำหน้าตาของมันไม่ได้ เห็นเพียงลำเสียงสีเขียวที่พุ่งทะยานเข้าหาร่างตนเอง พิทพยายามจะปัดป้องแต่เขาทำไม่ได้ แสงนั้นพุ่งตรงมายังเขาพร้อมเสียงวีดร้องดังจนหูแทบระเบิดก่อนที่จะชนร่างเขาอย่างจัง
.
.
.
“เฮือกกก” และแล้วพิทก็สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาจากสมาธิในสภาพเหงื่อท่วมตัว เขาลืมตาขึ้นได้และถอยกรูดไปด้านหลังก่อนจะลุกขึ้นยืนและล้มตึงด้วยความตื่นกลัว
“นาย”เสียงลุงหลวยดังมาจากเบื้องหลัง เขาต้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้าที่หวาดกลัวสุดขีดของนายตนเอง
“นายเป็นอะไร”
“ลุง ลุง ผมเห็น ผมเห็น”เขาละล่ำละลักเล่า
“ผมเห็นลุง” สายตาของพิทที่หวาดผวากวาดไปทั่วบริเวณคล้ายกับหวาดระแวงว่างูตัวนั้นจะยังอยู่แถวนี้
“นายเห็นอะไร นาย” ลุงหลวยจับไหล่เขาก่อนเขย่าเรียกสติ
เวลาผ่านไปสติของพิทก็ค่อยๆกลับมา เขาหายใจอย่างช้าๆแต่หนักหน่วงก่อนจะทรุดตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน
“นาย.....”เสียงชายแก่เรียกด้วยความเป็นห่วงเป็นระยะๆ
“ลุง ผมเห็น ผมเห็นงู งูตัวใหญ่” ในที่สุดพิทก็เล่าออกมา
แล้วทุกอย่างก็เงียบลง...............................