Page 17 : ก้าวกลับไป (1/2)
“บอกกูมาเหอะว่ามึงแอบรักใคร…” สิปป์ศิลป์ในสภาพเปียกปอน ยืนตัวสั่นเอ่ยคำถามหน้าบ้านของเพื่อนสนิทที่ทำหน้างัวเงียคล้ายยังไม่ตื่นจากฝัน
เมตตาเรียบเรียงเหตุการณ์เท่าที่สมองซึ่งหลับไหลไปแล้วจะทำได้ ตอนนี้เป็นเวลาตีสอง ก่อนหน้านี้เขานอนฟังเสียงฝนอยู่ในห้องจนหลับไป สักพักหนึ่งมีเสียงเคาะประตูรัวหน้าบ้าน เสียงนั้นดังก้องเข้ามาในความฝัน ก่อนจะเงียบลง แล้วเปลี่ยนเป็นเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ที่หัวนอนแทน
“มึงมาทำอะไรเนี่ย เข้ามาก่อน” แม้สติยังคืนมาไม่เต็มที่ แต่สภาพอันเปียกปอนของเพื่อนก็ทำให้เขาตอบรับโดยอัตโนมัติ ทว่าคนด้านนอกไม่สนใจคำเชิญ ยังคงเอ่ยคำถามเดิมเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง
“มึงแอบรักใครอยู่...”
เมตตาเอื้อมมือไปดึงตัวเย็นเฉียบของเพื่อนสนิทให้เขามาในบ้าน ท่ามกลางแรงขืนของอีกฝ่าย ตอนนี้เจ้าของบ้านตื่นเต็มตา จัดแจงเอาผ้าขนหนูและน้ำอุ่นมาให้ผู้มาเยือนยามวิกาล
“มึงแอบรักใคร...”
“โอเค..โอเค มึงเช็ดตัวก่อน กินน้ำนี่ด้วย เดี๋ยวกูไปหาชุดมาให้ แล้วจะมาตอบคำถาม”
เจ้าของบ้านหายไปในห้องนอน ปล่อยให้อีกคนปฏิบัติตามคำสั่งจนครบทุกอย่าง ตบท้ายด้วยการอาบน้ำ สระผม และเปลี่ยนชุดที่ถูกจัดแจงไว้ให้
รายการทีวีตอนดึกไม่มีอะไรนอกจากโฆษณาขายเครื่องออกกำลังกายฝรั่งเสียงภาษาไทย แต่เมตตาก็ยินดีที่จะเปิดมันเป็นเสียงแบล็คกราวน์ เพื่อลดทอนบรรยากาศมาคุที่น่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
“มึงตอบกูก่อน ทำไมอยู่ๆ ก็โผล่มา” อาศัยจังหวะที่ผู้มาเยือนยังไม่ทันตั้งตัวยิงคำถามนำไปก่อน พอโดนถามอย่างนั้น คนที่โผล่มากลางดึกก็อึกอักไม่รู้จะตอบยังไง
“คือ...มึง เมื่อกี๊กูไปกินข้าว...กับแนนนี่...มา”
“แนนนี่? เอเจนซี่อ่านะ” ในความทรงจำของเมตตา แนนนี่คือคนของเอเจนซี่ที่แม็กกาซีนดีลงานด้วย เป็นผู้หญิงเซลฟ์จัด และเป๊ะจนเวอร์ จากคำบอกเล่าของสิปป์ศิลป์
พออีกฝ่ายพยักหน้ารับว่าใช่ คำถามที่ว่า ‘แล้วมันเกี่ยวอัลไลกับการที่มึงมานี่?’ ก็ปรากฏบนใบหน้าโดยไม่ต้องเอ่ยสักคำ
“คือกูคุยกับเค้ามาสักพักแล้ว แบบที่นอกเหนือจากเรื่องงานอ่ะ กูว่าจริงๆ แล้วเค้าก็น่ารักดี เป็นคนน่าสนใจ...” ปลายเสียงค่อยๆ แผ่วลง เมื่อสีหน้าของคนฟังนั้นราบเรียบจนเหมือนบึ้งตึง
“เออๆ นี่มึงมาหากูตอนตีสองเพื่อจะบอกเนี่ยนะ? แล้วคำถาม...”
“กูว่าจะลองคบกับเค้า แต่อยากถามมึงก่อนว่ามึงแอบรักใครอยู่หรือเปล่า” เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ เมตตาเพิ่งสังเกตว่าโฆษณาที่เปิดไว้เงียบเสียงไปด้วยในจังหวะเดียวกัน
“ฮะ?”เจ้าของบ้านอุทานด้วยความไม่เข้าใจ “คือกูไม่เห็นความเกี่ยวพันของสองประโยคนี้เลย”
“เออน่า มึงแค่ตอบกูมาก็พอ” คนมีลับลมคมนัยคว้ารีโมทกดเปลี่ยนช่องหนีความเงียบ ดึกดื่นแบบนี้สัญญาณภาพที่ส่งมามักจะขาดๆ หายๆ เป็นประจำ
หลังครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ เมมตาก็เข้าใจอะไรได้มากขึ้น “อ๋อ...เฮ้ย! มึงสบายใจได้ กูไม่ได้ชอบแนนนี่ กูไม่รู้จักเค้าด้วยซ้ำ หน้ายังไม่เคยเห็นเลย...”
มือเรียวสะบัดรีโมททิ้งแล้วเปลี่ยนเป็นทึ้งหัวตัวเอง เมื่อเพื่อนสนิทเข้าใจอะไรๆ ผิดไปไกล “ไม่ใช่เว้ย คือ ตอนนี้มึงชอบใครป่ะ แบบ..ชอบแล้วไม่กล้าบอกไรงี้...”
เสียงฝนด้านนอกเบาลงแล้ว เมตตาจึงเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศอับทึบภายในบ้าน นึกประหลาดใจกับความบังเอิญที่ค้นพบ ทำไมแทบทุกเรื่องที่สิปป์ศิลป์เข้ามาเกี่ยวข้องมักจะเกิดขึ้นตอนฝนตกทุกที
เมื่อหันกลับมาเผชิญกับคำถามที่ลอยอยู่ในห้อง ก็พบว่าคนถามพาตัวเองไปมุดหัวอยู่ในตู้เย็นเสียแล้ว ไหนว่าไปกินข้าวกับสาวมา แล้วการมาค้นอะไรกินตอนดึกนี่มันใช่เรอะ ?
“นี่หมดอายุยังอ่ะ” มือเรียวชูเกี๊ยวกุ้งแช่แข็งขึ้น เจ้าของบ้านไม่ตอบ แต่รับไปใส่ไมโครเวฟหน้าตาเฉย แถมหยิบผลไม้ในครัวออกมาให้ด้วย สิปป์ศิลป์ลอบถอนหายใจ มองดูแก้วน้ำอุ่นและผ้าเช็ดผมที่ผึ่งเอาไว้ ...ก็เพราะใจดีแบบนี้ไง ความหวังมันถึงได้หอมหวานจนเขากระโจนหาครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าจะอ่อนโยนต่อกันน้อยกว่านี้สักนิด เขาอาจไม่ต้องมาถามคำถามในวันนี้ก็ได้
“มึงจำเบลล์ได้ป่ะ” เจ้าของบ้านเอ่ยขึ้นพร้อมกับเกี๊ยวกุ้งควันฉุยในมือ สิปป์รับต่อมาวางบนโต๊ะ ความรู้สึกหนักอึ้งเข้าโถมทับ เมื่อชื่อของผู้หญิงที่เมตตาเคยสนิทสมัยเรียนคือคำตอบ
“อืม...กูว่าละ เป็นบัดดี้มึงตอนปีหนึ่งด้วยใช่ป่ะ”
“ใช่ บัดดี้กู แต่...เปล่า กูไม่ได้ชอบเค้า แค่จะบอกว่า วันก่อนกูเห็นเค้าโพสต์รูปคู่กับทอมในเฟซ”
ใบหน้าเหรอหราของคนฟังทำเอาเมตตาต้องกลั้นขำ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงจริงจัง “กูไม่อยากบอกมึงเลย...มึงจำอาจารย์สอนภาษาไทยที่มาใหม่ได้ป่ะ”
คนถือช้อนอ้าปากค้าง “อ.วรางคณา?”
“เยสสสส สเป็ก!”
“มึงเล่นของสูงเรอะ อาจารย์แกจะสี่สิบแล้วนะเฮ้ย” ความหิวเมื่อครู่หายวับไปอย่างรวดเร็ว หากไม่ทันจะได้โวยวายต่อ คนช่างอำก็เฉลยเสียก่อน
“สเป็กพ่อกู!!” พูดจบก็หัวเราะจนตัวโยน แม้จะโดนอีกคนทำหน้าดุใส่ แต่ก็ไม่วายมีเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอตามท้าย
“มึงอยากตายมั้ยไอ้เมต...” หลังจากถูกหลอกถึงสองครั้ง สิปป์ศิลป์ก็เลิกคิดจะได้คำตอบอะไรจากคนอย่างเมตตาแล้ว บางทีในหัวใจของมันอาจว่างเปล่า กลวงโบ๋ หรือบางที...มันอาจไม่มีหัวใจก็ได้
“โอเคๆๆ” เมตตายกสองมือยอมแพ้ “มึง...ขวัญใจยังมีอิทธิพลกับกูมากกว่าที่คิดว่ะ”
เขาลืมไปได้ยังไง ...แฟนเก่าของเมตตา คนที่กันเขาออกจากวงโคจรของเพื่อนสนิทได้อย่างสมบูรณ์
“...อืม นี่คือคำตอบมึงใช่มั้ย”
“ใช่”
“ขอบคุณมาก”
หลังจากคืนที่สิปป์ศิลป์เปียกปอนไปด้วยหยาดฝนแห่งความจริง เขาก็ไม่เคยคิดถามเมตตาอีกเลยว่ามีใครในใจ และในเวลาไม่ถึงอาทิตย์ เขากับแนนนี่ก็ตกลงคบหากันอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความดีใจของเพื่อนสนิท เมตตาถึงกับออกปากว่า ‘กูดีใจที่มึงมีแฟน นึกว่าบั้นปลายชีวิตมึงจะบวชจนนิพพาน’
ตั้งแต่มัธยมมาจนถึงมหา’ลัย สิปป์ศิลป์ไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตน มีแต่แซวคนนั้นทีคนนี้ที แต่พอผู้หญิงจะเล่นด้วย เขาก็ถอยหนี เมตตาเข้าใจว่า เพราะการเรียนโรงเรียนชายล้วนมาตลอด ทำให้สิปป์เบื่อหน่ายนิสัยแบบผู้หญิง และติดเขาแจจนเหมือนน้องชายมากกว่าเพื่อน จนเกือบทำให้เขาไม่มีแฟนไปด้วยอีกคน
หากเมตตาจะมองเห็นอะไรสักนิด ก็คงเข้าใจความหมายของคำถามในคืนฝนพรำเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว คำถามที่ทำให้ใครบางคนยอมปล่อยปัจจุบันให้เป็นอดีต และเริ่มต้นใหม่กับอนาคตที่น่าจะไร้ความเจ็บปวดเหมือนอย่างที่เผชิญ
…………. Gayscale Magazine………….
TBC
เอาตอนที่ 17 ครึ่งแรกมาหย่อนไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องรอนาน
ครึ่งแรกเล่าไปถึงอดีตก่อนที่สิปป์กะคบกับแนนนี่นะคะ
เดี๋ยวอีกครึ่งที่เหลือจะตามมา...ห่างๆ แฮ่ >.<
ไปละค่ะ บัยยยยส์
