Special part 1 : ประกาศรับสมัครนักเขียน 1 ตำแหน่ง
มิถุนายน 2554ชื่อ : นายสิปป์ศิลป์ จ.
ชื่อเล่น : สิปป์
อายุ : 23 ปี
วันเกิด : 19 พฤษภาคม 2531
ภูมิลำเนา : กรุงเทพมหานคร
เบอร์โทรศัพท์ : 081-872XXXX
e-mail : sipsilp19@xx.com
ตำแหน่งที่ท่านต้องการสมัคร : นักเขียน
เงินเดือนที่ท่านต้องการ : 15,000 บาท “แนะนำตัวหน่อยค่ะ” ผู้หญิงที่เพิ่งแนะนำตัวว่าเป็นบก.ของ Gayscale เอ่ยเสียงกังวาน หลังจากกวาดสายตาดูประวัติโดยย่อของเด็กที่มาสมัครงานจบ
“ชื่อสิปป์ศิลป์ครับ เรียนจบคณะ....”
“ชื่อแปลว่าอะไรอ่ะ” ไม่ทันได้ตอบจบ พี่บก.ก็ถามแทรกขึ้นมาก่อน
“อ่า...แปลว่า ศิลปะครับ สิปป์ ก็ ศิลปะ ศิลป์ ก็ ศิลปะ” คนฟังเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เจ้าของชื่อเลยอธิบายต่อ “พอดีพ่อสอนวิจิตรศิลป์ ส่วนแม่ทำงานแกลอรี่ครับ เลยได้มาสองศิลป์เลย”
ตอบจบคนชื่อแปลกก็ยิ้มกว้าง เรื่องชื่อจริงนี่ต้องอธิบายกันตั้งแต่อนุบาลยันสมัครงาน เคยขอแม่เปลี่ยนชื่ออยู่เหมือนกัน เอาอะไรก็ได้ที่มันง่ายกว่านี้ เช่น ศักดิ์ชัย ยอดชาย สิทธิพร หรือ ศิลป์ คำเดียวสั้นๆ แต่แม่ยืนยันว่าไม่ได้ ก็เลยต้องใช้ชื่อนี้ไปตลอดชีวิต
“จบเอกไทยเหรอ” ผู้หญิงตรงหน้าถาม เป็นอันว่าไม่ต้องแนะนำตัวแล้วล่ะมั้ง
“ครับ เอกไทย โทปรัชญา”
“เก๋ๆ นะ เรียนปรัชญา พูดรู้เรื่องมั้ยเรา” สิปป์ถึงกับเหวอเล็กน้อยเมื่อเจอคำถามนี้ ...แล้วที่นั่งคุยกันอยู่นี่ เจ๊เห็นผมใช้วุ้นแปลภาษาเรอะ??
“รู้เรื่องสิครับ ปรัชญาก็เป็นศาสตร์อีกแขนงหนึ่งเท่านั้นเอง เหมือนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาที่สาม”
“อืม...เรียนปรัชญาแล้วได้อะไร”
คนถูกถามนิ่งไปนิดหนึ่ง “เราจะ ‘แถ’ อย่างเป็นระบบครับ เพราะเราเรียนรู้ว่าเหตุผลที่สมเหตุสมผลเป็นยังไง เราก็เลยรู้วิธีที่จะพูดให้เรื่องๆ หนึ่งน่าเชื่อถือ”
“เช่น...?”
“พี่ควรจะรับผมเข้าทำงานนะครับ เพราะนอกจากผมจะเรียนเอกไทยที่ศึกษาเรื่องการเขียนมาอย่างดีแล้ว ผมยังเรียนปรัชญาที่สอนวิธีคิด ส่งเสริมให้ตั้งข้อสงสัย และขวนขวายหาคำตอบ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สำคัญมากของนักเขียน”
“แล้วความจริงคือ...?”
“ความจริงก็คือ...” คนถูกสัมภาษณ์แกล้งถ่วงประโยค พลางลอบสังเกตอาการคนฟัง “ความจริงก็คือ ผมอยากทำงานที่นี่มาก อยากโตไปพร้อมหนังสือ ผมนับถือคนก่อตั้งที่กล้าทำหนังสือฟรีก็อปปี้หัวเดียวโดดๆ ผมศรัทธาในการคิดต่าง ที่กล้าทำหนังสือเพศที่สาม ในวันที่สังคมยังยอมรับกันแค่เปลือกนอกครับ”
บก.เอ้กระตุกยิ้มมุมปากหลังจากฟังคำตอบยาวเหยียดนั่นจบ “น้องเป็นเกย์หรือเปล่า”
“เปล่าครับ” สิปป์ศิลป์ตอบด้วยเสียงหนักแน่น “แต่ผมมีเพื่อนที่เป็นเกย์เยอะพอสมควร เค้าน่าจะมีข้อมูลให้ผมได้...”
“ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ข้อมูลหรอกค่ะ แต่ถ้าน้องไม่ ‘อิน’ มันก็คงยากที่น้องจะเขียนออกมาจากความรู้สึก”
คราวนี้นักอยากเขียนถึงคราวจนมุมจริงๆ จึงทำได้เพียงยิ้มรับบางๆ ไม่มีคำพูดอะไรต่อ
“ไหนลองแถให้พี่ฟังซิ ว่าน้องจะทำยังไง ถ้าน้องไม่อิน” บก.เอ้ส่งคำถามไปแย๊บเด็กตรงหน้าอีกหมัด คิดเอาไว้ในใจว่าถ้าคำตอบนี้โดน บางทีอาจไม่ต้องเรียกสัมภาษณ์คนต่อไปแล้วก็ได้
คนโดนแย๊บประสานมือตรงหน้าตัก พยายามเค้นสมองนึกถึงเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลที่เคยเรียนรู้มา แล้วเขาก็นึกได้ถึงเรื่องหนึ่งที่ชอบมากสมัยอยู่ปีสอง
“พี่เคยไปนรกมั้ยครับ” โอ้...กูแรงไปมั้ยเนี่ย แม้จะอึ้งกับคำถามของตัวเองไม่น้อย แต่ยังไงก็คงต้องพูดต่อ พอคนตรงหน้าส่ายหัวปฎิเสธ สิปป์ก็พูดต่อทันที “แล้วพี่จินตนาการถึงนรกได้มั้ยครับ”
บก.เอ้กลอกตาไปมา “อืม... ก็มีต้นงิ้ว มีกระทะทองแดง มีไฟร้อนๆ มีเสียงโหยหวน...”
เมื่อได้ยินคำตอบดังนั้น คนถูกสัมภาษณ์ก็ลอบยิ้มกับตัวเอง “นรกในจินตนาการของผมก็ไม่ต่างกับพี่เท่าไร และผมเชื่อว่าของคนอื่นก็คงคล้ายๆ กัน เราทุกคนไม่เคยมีใครไปนรกในตอนที่ยังชีวิตอยู่ แต่เรามี ‘แบบ’ ของนรกอยู่ในหัว เป็นสิ่งที่คิดถึงร่วมกันโดยที่เราไม่เคยแม้แต่จะสัมผัส”
บก.ใหญ่แห่ง Gayscale พยักหน้า
“ทีนี้ถ้าผมบอกพี่ว่า นรกที่ผมเจอนะครับพี่ ไม่มีต้นงิ้ว ไม่มีกระทะทองแดง แต่มีวิญญาณของคนทำชั่ววนเวียนรอชดใช้กรรม พี่ว่านี่คือนรกมั้ย”
“อืม ก็ยังเป็นนรกอยู่”
“เพราะอะไรครับ”
“เพราะเป็นที่อยู่ของวิญญาณคนชั่ว”
“ใช่ครับ นี่แหละแบบที่แท้ของนรกในการรับรู้ของคน รูปร่างหน้าตาของมันอาจแตกต่างกันไปได้ แต่จุดประสงค์ของมันไม่มีวันเปลี่ยน นั่นคือเป็นที่ชำระความของคนทำชั่วครับ”
ในขณะที่บก.เอ้ยังมึนงงกับนรก สิปป์ศิลป์ก็ยิงคำพูดต่อ “ความเป็นเกย์ก็เหมือนกันแหละครับ ไม่ว่าจินตนาการของคนต่อเกย์จะเป็นยังไง จะแต่งหน้า ปากแดง หน้าขาว รองพื้นผิดเบอร์ แต่งตัวเนี๊ยบ หรือดูแมนๆ เป็นผู้ชายปกติ แต่ความจริงแท้ของเกย์ก็คือ ผู้ชายที่ชอบผู้ชาย ถูกมั้ยครับ”
คนถูกถามพยักหน้า
“ผมแค่จะบอกพี่ว่า ผมไม่ต้องเป็นเกย์ ผมก็สามารถเข้าถึงสารัตถะ เอ่อ หมายถึง ความจริงของการเป็นเกย์ได้ครับ”
บก.เอ้เดินลงมาส่งสิปป์ศิลป์ข้างล่าง เลยเห็นว่าเด็กที่มาสมัครนักเขียนมีเพื่อนมาด้วยหนึ่งคน เด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันกับสิปป์ศิลป์ยกมือไหว้ด้วยท่าทางนอบน้อม บก.เอ้รับไหว้ก่อนจะแอบพิจารณาคนตรงหน้าด้วยวิสัยของคนช่างสังเกต ใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยไรหนวดนั่นดูคร้ามจากแดดมากกว่าเป็นคนผิวเข้ม ดวงตารีเล็กกับคิ้วเข้ม รับกับจมูกโด่งอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเกือบหล่อเลยทีเดียว เสียดายที่แก้มตอบไปหน่อย บวกกับผมยาวที่ดูรุงรังเกินไป ไม่งั้นคงตรง ‘คอนเซปต์’ ของพรีเซนเตอร์โฆษณาที่กำลังหาอยู่สุดๆ
“เพื่อนน้องสิปป์ มาสมัครงานด้วยหรือเปล่าคะ” บก.เริ่มผูกสัมพันธ์
เมตตายิ้มและส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ “เปล่าครับ ผมขับรถมาส่งสิปป์เฉยๆ เค้าไม่เคยมาแถวนี้น่ะครับ”
“เมตมันอยากเป็นตากล้องครับ ถ้าเกย์สเกลเปิดรับสมัครก็แอบกระซิบเพื่อนผมมั่งนะครับ” สิปป์ศิลป์พูดติดตลก รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก หลังจากพ่นเรื่องนรกจบ เหมือนยกนรกออกจากอกก็ไม่ปาน
“งั้นขึ้นไปกรอกใบสมัครไว้ก็ได้ ถ้ามีตำแหน่งว่างเดี๋ยวให้ HR ติดต่อไปนะ”
สิปป์ยักคิ้วให้เพื่อน ก่อนจะหย่อนตัวเองลงแทนที่ที่เมตตาเคยนั่ง มองเพื่อนสนิทเดินขึ้นไปบนห้องที่เขาเพิ่งจากมา บางทีระหว่างเขากับเมตตา อาจทำได้แค่รอกันไปรอกันมาอย่างนี้ก็ได้...
เมตตาใช้เวลากรอกใบสมัครไม่นานก็เสร็จ พอลงมาถึงด้านล่างก็เห็นว่าสิปป์ศิลป์ฟุบหลับไปเสียแล้ว
“มึง...” เขย่าเบาๆ คนที่มักจะหลับช่วงบ่ายก็งัวเงียขึ้นมา
“เสร็จแล้วเหรอ” มือเรียวขยี้ตาเล็กน้อย แถมด้วยการบิดขี้เกียจอีกสองที โซนรับรองแขกของออฟฟิศนี้เปิดแอร์เย็นสบาย ไม่เห็นหนาวเข้ากระดูกเหมือนห้องเรียนเลยวะ
“ถ้าได้ทำงาน มึงจะหลับในเวลางานมั้ยเนี่ย” เมตตาบ่นพึมพำ ขณะที่สองมือก็ช่วยเพื่อนแบกพอร์ตผลงานไปด้วย
“มึงก็มาทำงานที่เดียวกับกูดิ่ จะได้ช่วยกลบเกลื่อน ฮ่าๆๆ” พอเห็นเด็กติดนอนตอนบ่ายหัวเราะร่าเหมือนไม่ยี่หระต่อปัญหาของตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
“กูอยู่ปลุกมึงไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะโว้ย!!!” ว่าเสร็จก็เดินนำลิ่วๆ ออกมาจากออฟฟิศ ทิ้งให้อีกคนวิ่งตามหน้าตาตื่น
“มึงจะไปไหนอ่ะ” สิปป์ศิลป์ตะโกนถามคนที่เดินห่างออกไปหลายช่วงตัว
“ไปขึ้นรถดิ่วะ”
“กูหมายถึง...” คนที่ตามหลังรีบวิ่งมาจนทัน “ที่มึงปลุกกูไม่ได้ตลอดชีวิตอ่ะ มึงจะไปไหน”
เมตตาใช้ยกแฟ้มอันโตขึ้นบังแดดให้คนที่ยืนประจันหน้า ท่ามกลางแดดยามบ่ายที่ร้อนเกินจะยืนคุยกันกลางลานจอดรถ
“กูอาจไม่ได้ทำงานที่เดียวกับมึงก็ได้” พอเห็นอีกคนทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กโดนขัดใจ มือหนาเลยโบกแฟ้มลงศีรษะของไอ้คนเอาแต่ใจด้วยความหมั่นไส้
“แต่กูจะพยายาม โอเคป่ะ”
คนได้ฟังไม่มีคำตอบ มีเพียงรอยยิ้มประกายแข่งกับแสงแดดเท่านั้น...
.
.
Gayscale Magazine ไม่กี่วินาทีที่แล้วบก. ขอคุยมาแล้วจ้า!!
รีบเข้ามาเมาท์เลยหลังจากวันนี้แอบเก็บโมเมนต์น่ารักๆ ระหว่างน้องคนหนึ่ง (ขอเรียกว่าน้อง ส.) กับเพื่อนสนิทของฮี (ขอเรียกว่าน้อง ม.) แอร๊ยยยยยยย!! ก็ถ้ามันจะงุงิ คุคิกันขนาดเน้ มีการช่วยถือของ เอาแฟ้มบังแดดให้กัน ยืนส่งยิ้มให้กัน สงสัยจะไม่ใช่แค่เพื่อนแหงมๆ คริคริ
งานนี้คงไม่มีรูปสองหนุ่มมาให้ดู แต่ขอบอกว่าหน้าตาผ่านเกณฑ์มาตรฐานเกย์สเกลทั้งคู่ คนนึงตาโตๆ หน้าขาวๆ อีกคนหน้าเข้มมาดเซอร์เชียวล่ะ แต่ถ้ายังจินตนาการไม่ออก ลองไปดูที่ร้าน xxxxxx กันดีกว่า ร้านนี้สาวๆ ก็เข้าได้น๊า แต่แนะนำว่าดูแต่ตาเน้อ ถ้าไม่อยากอกหัก เพราะปู้จายรักกันเอง >.< ปล. อย่าลืมบอกกับทางร้านมาอ่านเจอจากนิตยสารเรานะ จะได้รับส่วนลด 10% จ้า
14 คน ถูกใจสิ่งนี้
1 shares
ดูอีก 12 ความคิดเห็นทั้งหมดMiss BB : บก.อย่าลืมมาเล่าเรื่องน้อง ส. กับ น้อง ม. อีกนะคะ

ฮาระจัง : อุ้ย!! ตัวละครใหม่ ว่าแต่เราจะได้อ่านเรื่องของสองคนนี้อีกมั้ยน๊า
Gayscale Magazine : ใครที่อยากรู้เรื่องราวของสองคนนี้ต่อ บก.ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะได้เจออีกมั้ย แต่ถ้าได้เจอสองคนนี้อีก แสดงว่าคู่แท้แน่นอน ฮิฮิ้วววว!!
TBC.
//อารมณ์ไหน ?? << ถามตัวเอง
เอาตอนพิเศษมาลงจ้า เป็นช่วงที่สิปป์มาสมัครงาน
อ่านกันเพลินๆ ระหว่างรอตอนหลักนะ
บะบายยย
