ตอนที่34“เกียร์ครับ..”
“หืม..ยังไม่นอนอีก”
“ผมปวดฉี่ ทำไงดี” อ้าวแหน่ะ ปวดปัสสาวะนี่ต้องเอ่ยถามว่าทำอย่างไรด้วยหรือนี่กู ท่าจะเพี้ยนขั้นสุด
บ้าชะมัด ไอรักอั้นปัสสาวะนอนบิดไปมาอยู่นาน คิดว่าจะนอนไปทั้งอย่างนี้แต่ก็ทำไม่ได้ ความจริงผมไม่ได้กระแดะไปห้องน้ำคนเดียวตอนกลางคืนไม่ได้หรอก แต่เมื่อตอนเย็นที่มีงานเลี้ยงกระชับมิตรของทั้งสองมหาลัย ไอ้เนมมันดันเล่าเรื่องผีให้ฟังนี่สิ โดยปรกติแล้วผมก็ไม่ได้เป็นคนที่กลัวเรื่องพวกนี้สักเท่าไรนัก แต่เอาจริงๆก็...อดคิดไม่ได้
ผมมองค้อนเจ้าของได้ยินเสียงหัวเราะหึหึ เดี๋ยวเถอะเดี๋ยวจะโดน เห็นคนอื่นขวัญผวาเป็นเรื่องตลกเหรอชิ แต่มันคงไม่เห็นหรอกว่าผมทำหน้าบู้บี้ขนาดไหนเพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ไฟก็ไม่มีสักดวง ได้ยินแต่เสียงใบไม้ที่ถูกลมพัดเอื่อย เสียงอึ่งอ่างร้องประสานเสียงเพราะเมื่อตอนเย็นฝนตกปรอยๆไปที เห็นไหมละครับ ถ้าบรรยากาศไม่พาไปจริงๆผมก็ไม่กลัวหรอกนะนี่
เกียร์ลุกขึ้นแล้วดึงมือผมให้เดินตามมันไป ผมก็เดินซอกแซกไม่ให้เหยียบหัวคนที่นอนเอกเขนกกันอยู่ แต่ถ้าให้พูดตรงๆก็คงต้องบอกว่าเดินตามรอยเท้าเกียร์ไปละครับ ไอ้ผมก็สายตาคล้ายคนแก่เข้าทุกวัน เพ่งเงาหัวเพื่อนที่เลือนลางไม่ไหวหรอกไม่ได้เก่งขนาดคุณน้ำแข็งญาณทิพย์ อิอิ
เชี่ยแม่ง แล้วจะไม่ให้ไอรักกลัวได้ไง ออกมาจากห้องได้ขนลุกขนชันโดยไม่มีใครสั่งเพราะตลอดทางเดินไม่มีแสงไฟเลยสักหย่อม แสงสว่างมาจากพี่พระจันทร์ล้วนๆ นี่กลัวไฟตกถึงขนาดประหยัดกันขนาดนี้เชียวเหรอ
“เกียร์..เข้าไปด้วยกันไหมครับ” กว่าจะพูดออกมาได้ก็ยึกยักอยู่นาน มันจะหาว่าผมเชิญชวนหรือเปล่านี่ เปล่านะไม่ได้ยั่วนะแค่ได้ยินเสียงตุ๊กแกดังข้างหูเลยไม่อยากอยู่คนเดียวเท่านั้นเอง
“?” มันจุดเทียนหน้าห้องน้ำกับในห้องน้ำให้อยู่ พอผมพูดจบก็หันมามองผมด้วยสีหน้าที่แปลกใจมาก เอาเถอะ ไหนๆปวดฉี่ก็ปวดแล้ว ขอไอรักหน้าด้านสักวันเถอะครับ
“นะ นะครับ เข้าไปด้วยกันเถอะนะครับ” ผมหลับหูหลับตาพูด เกียร์มันก็เงียบไปพักหนึ่งแล้วคว้าคอผมไปดูดปากแรงๆดังจ๊วบ
“เฮ้ยยเกียร์ อะ บ้า ผมตกใจนะ ถ้าผมฉี่แตกขึ้นมาใครจะรับผิดชอบเนี่ย!” ผมซัดแขนมันแก้เขิน ไอ้คุณน้ำแข็งชอบทำตาหวานเชื่อมมาให้ผมเขินทุกทีเลยให้ตายสิ จิ้มตาบอดเสียเลยดีไหม!
“อย่างอื่นแตกแทนไม่ได้เหรอ” ไอ้หื่น!
“หยุดเลยเกียร์ พูดอย่างกับเป็นตาแก่บ้ากาม ไม่อยากเข้าก็ไม่ต้องเข้า” พอผมจะหันตัวเข้าห้องน้ำ มันก็รีบเข้าไปยื่นรอหน้านิ่งเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว มันน่าหมั่นไส้ไหมละ
ถึงจะอาบน้ำตุ่ม ใช้ขันซัดน้ำเย็นเข้าตัว แต่โชคดีนะครับที่ห้องน้ำที่นี่สะอาดมาก ไม่มีอัขระตรงผนังหรือสิ่งแปลกปลอมชวนอาเจียน เรื่องอื่นผมรับได้แต่เรื่องห้องน้ำนี่ขอเถอะครับ
ผมสั่งให้น้ำแข็งก้อนใหญ่เท่ายักษ์หันหลัง ซึ่งเกียร์ก็ทำแต่โดยดี จากใจจริงเลยนะ ผมโคตรอายเลยที่ต้องให้ใครมาฟังเสียงที่ผมทำธุระอยู่แบบระยะประชิดขนาดนี้ ถึงมันจะเคยเกิดขึ้นมาบ้างในช่วงที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่คอนโดแต่สำหรับผมก็เคยไม่ชินกับมันเสียที ส่วนเกียร์ผมก็ไม่เคยเห็นมันรู้สึกรู้สาอะไรเลย ทำนิ่งยืนฟังเหมือนชมวงออเคสตร้าอย่างงั้นละ พอทำธุระเสร็จแล้วก็เดินไปสะกิดมัน ซึ่งเกียร์ก็ได้แต่พยักหน้าให้เฉยๆแต่ไม่ยอมหันมาหาจนผมเริ่มแปลกใจ...หรือผีจะเข้าสิงวะ!?
“...เกียร์..” เสียงกลืนน้ำลายดังเอือกไม่ได้มาจากผมแค่คนเดียว เอาไงดีวะ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกูต้องวิ่งไปเอาข้าวสารเสกมาปาใส่หน้าเกียร์หรือต้องพรมน้ำมนตร์รดหัวเกียร์ดีวะ ผมกลั้นหายใจพลิกตัวเกียร์ให้หันมาประชันหน้าอย่างสุดแรงเกิด
เหี้ย...ผีเข้าจริงด้วย...ผีทะเล!!!!!!!!!
“เกียร์!!!!!!” ผมจำได้ว่าตะโกนไปเกือบสุดเสียง แต่อีกคนยกมือปิดปากผมทัน ไอ้คุณน้ำแข็ง ไอ้หื่นมหาตภัย ผมนึกว่ามันโดนผีอำแต่ที่ไหนได้ เห็นมันยืนชักยืนลูบอาวุธใต้หว่างขาตัวเองอย่างเพลิดเพลิน แถมสีหน้าท่าทางกำหนัดขั้นที่พร้อมปล่อยได้ตลอดเวลา
“เฮ้ยเกียร์ อย่าแกล้ง ไม่เอาผมไม่เล่นนะ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน” ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดมัน ไอ้เกียร์บ้ามันเอาเกียร์น้อยถูกับไอรักน้อย มึงจะเสยลูกกูทำไมมม
“ไม่ได้แกล้ง”
“งั้นก็เอาลูกคุณออกไปสิครับ!”
“ไม่แกล้ง แต่เอาจริง..” พูดจบนิ้วแม่งก็แล่นมาแหย่รูไอรักทันที ไอ้ชั่วไอ้เลวไอ้ตัญหากลับบบบบบบบบ
………………………………………….
“มึง ปลิงเกาะอะ” เนแว่นพูดกับผมแต่มือยังคงทาสีไม่หยุด แรกๆมันก็เงอะๆงะๆแต่หลังๆมานี่แทบจะเป็นเซียนนักทาสีไม้เลยทีเดียว ผมทึ่งกับพัฒนาการของเนจริงๆ
นี่งานก็เสร็จไปเยอะเหมือนกัน คนบ้านละแวกนี้เห็นว่าเรามาช่วยกันบำรุงสร้างโรงเรียนก็เลยมาช่วยกันคนละไม้คนละมือจนตอนนี้มากันล้นโรงเรียนเลยครับ นี่ละคนไทย ช่วยเหลือกันได้ก็ช่วยกัน
“ผมขอกระป๋องสีขาวหน่อยสิครับ” ผมไม่สนใจ เปลี่ยนเรื่องพูดแล้วมองไปที่ถังสีที่อยู่ข้างตัวเนแว่น
“เออเอาไปสิ แต่ทำให้เพื่อนกูเลิกหงอยได้ไหม กูเห็นแล้วเกะกะลูกตาจริงๆว่ะ” เนถอนหายใจแล้วส่ายหน้าปลงกับเพื่อนมันที่มันอุตส่าห์พูดจนปากจะฉีกให้กลับไปยังฝ่ายของตัวเองเป็นร้อยรอบได้แต่ก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่เยื้องไม่ใกล้ไม่ไกลจากพวกผมเท่าไร ผมปรายตามองไอ้คนที่นั่งอยู่ด้านหลัง เห็นสายตาที่มองมาอย่างสำนึกผิด เหอะ คิดว่ากูง่าย นึกอยากจะแหย่จะทำที่ไหนก็ได้ว่างั้น มึงคิดผิดแล้วไอ้น้อง กูไม่ได้ง่ายโว้ย เรื่องเมื่อคืนแค่ตกกระไดพลอยโจร ไอรักโมโหมากพูดเลย
“เกียร์ผิดไปแล้ว..” คิดว่าน้ำเสียงอ่อยๆเหมือนคนเป็นโรคจะทำให้ไอรักหายโกรธงั้นเหรอ ฝัน
“จะไม่ทำอีกแล้ว..” อย่าคิดว่าแค่เอานิ้วมาสะกิดปลายเท้าแล้วไอรักจะลืมเรื่องที่คุณปิดปากผมแน่นแล้วกระแทกใส่เหมือนข่มขืนกันนะ! ถึงตอนนั้นผมจะ เอ่อ..เกิดอารมณ์เหมือนกัน แต่ แต่ผมก็ไม่ได้ยินยอมตั้งแต่แรกนะ!
“หายโกรธกันนะ..” เหอะ! ง่ายไปแล้วไอ้น้อง
“ถอยครับ” ผมพูดโดยที่ไม่ได้หันไปมองว่าอีกฝ่ายทำหน้าอย่างไร แต่เนก็หันมามองเหมือนสงสารเกียร์จับใจ เกียร์เขยิบถอยหลังสักพักผมก็ได้ยินเสียงมันลุกออกไป ผมถึงได้หันไปมองที่ประตู
“เจ็บไปไหม โหดไปไหม ทำเหมือนคนจะไป ไม่แคร์ว่าใครจะเกือบตาย..น่าสงสารมึงจริงๆนะไอ้เกียร์ ใครกันนะใจร้ายโกรธมันได้ลงคอ...คนน่ารักมักใจร้าย ใช่ไหมเธอ~” ผมหันไปมองเนที่ยังทำเป็นทำการทำงานแต่ปากพูดไม่หยุด ผีเจาะปากมาพูดเหรอวะ
“อะไรครับ” เสียงจิกด้วยไม่ใช่อะไร
“เปล๊าาา”
ช่วงพักกลางวัน ผมก็ยังนั่งวาดลวดลายเล็กน้อยบนโต๊ะไม้อยู่ น้องๆที่ใช้จะได้รู้สึกผ่อนคลายมีความสุข เวลาเรียนจะได้ไม่กดดันตัวเอง ถ้าจิตใจปลอดโปร่งก็จะทำให้เรารับความรู้และสร้างความคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น เหมือนผมคิดเยอะไปเนอะ คำพูดสร้างภาพได้เป็นหลายรูปแล้วละ กร๊ากก ส่วนเรื่องทานข้าว ถ้าจะให้ลงไปตอนนี้ก็คงไปเบียดกับผู้คนมากกว่า ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยหิวเท่าไรด้วย
“ได้เวลากินข้าวแล้วไอ้เจ้าชาย”
“ทานก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมลงตามไปทีหลังนะ” ผมพูดยิ้มๆให้เน
“ยังไม่หายโกรธไอ้เกียร์อยู่เหรอวะ กูก็ไม่รู้หรอกว่าเกียร์ไปทำอะไรให้มึงโมโหมันนักหนาหรอก แต่กูสงสารจริงๆว่ะ กูอยู่กับมันมานานไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้หรอกนอกจากเป็นกับมึงนี่ละ นี่ก็ครั้งแรกเลยด้วยมั้งที่เคยเห็น หายๆโกรธมันเถอะว่ะ” ไปกันใหญ่แล้ว ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงจริงจังไปไหน ผมหายโกรธไปตั้งนานละ ใครจะกล้าโกรธมันได้นานๆ ต่างคนต่างรู้สึกแย่ไม่เอาด้วยหรอก แต่ที่ผมไม่ลงไปเพราะผมกำลังมันส์กับการละเลงโต๊ะอยู่โว้ย
“ผมยังไม่หิวครับ ถ้าเจอเพื่อนผมหรือเกียร์ก็ฝากบอกด้วยนะครับว่าทานกันไปก่อนเลยไม่ต้องรอ” เดี๋ยวไอ้เนมมันบ่นอีกที่ทำให้มันต้องหิ้วท้องรอ
“เออๆ รีบตามมานะโว้ย เดี๋ยวเพื่อนกูคิดมากจนอกแตกตายไม่รู้ด้วย”
เมื่อเนออกไปห้องก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะคนอื่นก็ลงไปทานข้าวกันหมดแล้ว ผมเดินไปหยิบกระดาษหนังสือพิมพ์มาปูรองเพิ่มแล้วลงมือทาสีอีกครั้ง สักพักใหญ่ก็ได้ยินเสียงประตูเปิดขึ้น
แอ๊ด...ปึก..
ผมหันไปตามเสียงเปิดปิดประตู คนตัวโตหน้าหงอยเดินมาพร้อมถาดอาหาร มันทรุดลงนั่งข้างๆแล้วไม่พูดไม่จา แต่ดูจากท่าทางแล้วคงเป็นเพราะไม่กล้าพูดอะไรออกมามากกว่า
“ทานก่อนเถอะครับ” ผมพูด มันส่ายหน้า เม้มปากแน่นแล้วจัดแจงหยิบจานอาหารออกมาจากถาด วางตรงหน้าผม
“?” ผมมองจานอาหารตรงหน้าอย่างงงๆ แล้วหันไปมองมัน
“..ไอรักกินก่อน” ผมมองคนที่เบี่ยงหน้าออกไม่มองหน้ากัน ก็เพราะว่ามันน่ารัก ดูแลผมดีขนาดนี้ไงผมเลยไม่เคยโกรธมันจริงๆจังๆสักที ว่าแล้วก็หยิบจานข้าวมาถือไว้แล้วลงมือทานอาหารหนึ่งคำ ก่อนจะตักข้าวจ่อปากเกียร์แล้วยิ้ม คราวนี้คุณน้ำแข็งยอมหันมามองสบตา
“ทานด้วยกันนะครับ” เท่านั้นละมันถึงยิ้มออกมาได้
กว่าที่เราสองคนจะอิ่ม คนอื่นๆก็ทยอยขึ้นมากันแล้ว ก็มัวแต่คุยเล่นกันจนลืมอาหารตรงหน้าไปเลยน่ะสิครับ ส่วนเรื่องเมื่อคืนเราก็ไม่ได้ยกขึ้นมาพูดอีก มันก็คงรู้ว่ามันทำผิดตรงไหนและก็คงจะไม่ทำอีกแล้วละ
“อ้าวๆๆ ดีกันแล้วเหรอวะ” เสียงคุ้นๆเหมือนไอ้พิชทำให้ผมต้องหันไปมอง ชัดเลย มากันเป็นตับทั้งเพื่อนเกียร์ทั้งเพื่อนผม
“นี่กูไม่ได้เล่าอะไรไปเลยนะ สงสัยมันรู้กันด้วยตัวเอง หึหึ” ไอ้เนแว่น มึงตัวดีเลย มึงบอกชัวร์
“โห่ อะไรว้า เค้ากะจะมาดูสักหน่อยว่าเกียร์หงอยนี่มันเป็นยังไง เนอะตัวเองเนอะ ฮ่าๆๆๆ..อ่ะเอ่อ..แหะๆ” เนมกระแซะๆไอ้คิมแต่ก็ต้องสะดุ้งเพราะสายตาเกียร์
“กวนตีน” ผมจะตบหัวเนมแต่โดนคิมยึดข้อมือเอาไว้ก่อน
“ป๊าดด หยุดๆๆ เดี๋ยวก่อนเลยมึง นี่อะไรยังไงกันวะทำไมกูพึ่งรู้ ไหนไอ้เนบอกว่ามึงนั่งหันตูดใส่เกียร์ นี่อะไร แทบจะนั่งขี่กันอยู่ละ” ไอ้เชี่ย แค่นั่งคุยกันมึงพูดเหมือนได้เสียกัน ไอรักเสียภาพพจน์นะ! ผมถลึงตาใส่แต่ไอ้คิมก็ลอยหน้าลอยตากวนส้นบาทาแบบไม่ได้สนใจ ฮึ่ยย
“โหไอ้ตกยุค เป็นตำรวจเหรอวะถึงได้มาตอนสุดท้ายทุกที เขาเห็นกันเป็นชาติละ” เนยืดอกพูดโอ่ ได้ข่าวมึงก็พึ่งรู้เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ
แล้วพวกมันก็นั่งจ๋อมจับเข่าคุยเรื่องโน่นนี่กันเสมือนเป็นบ้านตัวเอง คนอื่นที่เข้ามาจะทำงานก็เมียงมองมาเหมือนเห็นตัวประหลาดนับสิบประชุมหารือกัน ไอ้พวกมันก็เกรียนกันนะ ใครเข้ามาโดนแซวหมดทุกคน เห็นแล้วก็น่าสงสารผู้หญิงนะครับ เพื่อนผมมันก็หน้าตาดีพอสมควรไงจึงได้แต่เดินม้วนก้มหน้าแดงๆไปตามๆกัน
“เออกูว่าจะพูดนานละว่าแม่งใส่แหวนเหมือนกันเด๊ะอย่างกับคู่แต่งงานแล้วเลยพวกมึงนิ” พิชพูด ผมหน้าร้อนขึ้นมาทันที ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของคนข้างตัวยิ่งแทบอยากมุดดินหนี ไอรักเขินนนนเป็นนะ
“คู่ใหม่ปลามันก็งี้ กูละอิจฉา” ไอ้พัตต อย่าแซวกันสิวะครับ
“พอๆ เลิกแซวได้แล้ว” ผมพูดเสียงงึมงำเบาๆ มึงเห็นหน้ากูไหม หน้ามุ่ยคิ้วขมวดเพราะอยากให้เลิกแซวกูเสียที (ถ้าไม่รวมหน้าแดงนะ)
“อิอิ เค้าก็เห็นนานแล้วๆๆ เค้าคันปากอยากแซวมานานแต่ก็กลัว..” มันพูดแล้วเหลือบตาไปหาเกียร์ มันคงกลัวมากน่าดู
“โอเคนะ” ระหว่างที่พวกมันเม้ามอยเรื่องผมอย่างสนุกปากกัน ไทป์ก็กระซิบถาม ผมยิ้มให้เฉยๆไม่ตอบอะไรเพราะมันก็คงรู้คำตอบแล้ว
“เหี้ย ทำไมมึงมีสลิ่มด้วยวะ กูลงไปคนแรกๆแม่งหมดแล้วอะ ไอ้คู่รักขี้โกงงงงงงง” พัตที่นั่งข้างเกียร์ มองขนมที่พวกผมกำลังทานกันอยู่แล้วดิ้นพล่านใหญ่ หือ ถ้าพัตลงไปเป็นคนแรกๆแล้วเกียร์มันไปเอามาจากไหนละนี่ อย่าบอกนะว่ามันปล้นคนอื่นมา หน้าแม่งยิ่งชวนให้คิดไปทางที่ไม่ดีอยู่ กร๊าก
“เสือก”
“อูย โดนไปสิ”
“เออมึง เมื่อคืนเหมือนกูจะได้ยินเสียงอะไรเลยว่ะ” สะดุ้งเฮือก ผมเหลือบไปมองไอ้เนมตาแทบเคล็ด อย่าบอกนะว่ามันได้ยินเสียงเรา..
“หา เสียงอะไรวะ ที่ไหนอะ” คิมพูด ผมมองเกียร์ตาเขียวเลย เกียร์มันก็เลิ่กลั่กใหญ่ เอ่อก็ไม่ได้แสดงว่ามันเลิ่กลักขนาดนั้นหรอก แต่ผมก็พอดูออก
“ไร้สาระ ไปทำงานไป!” เกียร์เสียงดังกลบเกลื่อนความผิด ทำให้ทั้งห้องหันมามองมันเป็นจุดเดียว ไอ้ไม่เนียนนนน
“งะ..ตะ แต่กูได้ยินจริงๆนะ กูสะดุ้งตื่นมาตอนกลางคืนอะ ได้ยินว่ามีคนตะโกนว่าเอี้ยมั้ง” คงเป็นตอนที่ผมตะโกนเรียกชื่อเกียร์แน่เลย ไอ้เกียร์มึง ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก ผมหันไปมองยังไม่ทันปั้นสีหน้าอะไรออกไปมันก็รีบส่ายหน้าให้แล้วจับมือผมแน่นเหมือนกลัวจะโดนโกรธอีก
“หรือว่าจะเป็นเซียวเหล่งนึ่งกำลังเรียกหาเอี้ยก้วยวะ”
“ไอ้สัตว์ นี่อยู่ไทย ไม่ได้อยู่จีน มาเป็นเซียนกระบี่พิชิตมารเลยนะมึง” โฟ่ว่าไอ้คิม
“เอ่อ โทษทีมึง กูว่ามันเรื่องมังกรหยกมากกว่านะ” เนแว่นสกัดดาวรุ่งให้ร่วงมาไม่เป็นท่า โฟ่ยิ้มแหะๆแล้วพึมพำ ‘อ้าวเหรอ กูดูนานแล้วนี่หว่า’
“หึหึ แต่กูว่าเสียงคนกำลังโดนทารุณหรือเปล่าวะ แบบ เหี้ย ประมาณนี้….”
“ไปทำงานกันได้แล้วไอ้สัตว์!” เงิบเลยสิมึง เสียงดังกว่าเมื่อกี้อีก ผมที่อยู่ข้างๆยังสะดุ้งเลยคิดดูสิ
“สะ เสียงดังทำไมวะ เออแม่งไปก็ได้ ไล่กูจังเลยนะมึงแม่ง” พัตครับ มึงพูดแม่งได้อยู่คำเดียวเหรอ ประโยคนิดเดียวปาไปสองคำเชียวนะ ทุกคนก็ทยอยกันลุกออกไป
“โอ้ย..” เนมลุกขึ้นแล้วเซแต่คิมรับปีกมันได้พอดี นี่มึงรู้ว่าด้านนั้นมีเพื่อนอยู่หรือเปล่าวะ ท่าล้มมึงสวยเชียว
“เป็นเหี้ยอะไรมึง” คำพูดสวยหรูแลดูเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนจับใจ
“เสียหลักว่ะ”
“รากฐานไม่มั่นคงก็งี้ กูบอกแล้วให้แดกเยอะๆไม่เชื่อกูเห็นไหม สงสารละป๊าม๊ามึงที่มีลูกผอมเป็นไม้จิ้มฟัน”
“บ่นๆๆ บ่นเป็นไอ้แก่อยู่นั่น กูเสียหลัก..เพราะรักเธอหรอกโว้ย ฮิ้ว” มันฮิ้วเสียงยาวคนเดียวแล้วเดินออกไปเหมือนแห่ขบวนขันหมาก ปล่อยให้คนที่ฟังนับสิบคนอ้าปากค้างกับมุขของมัน มึง-กล้า-มาก
“คุณก็ไปได้แล้วครับ” ไหนๆก็ไหนๆละ ขอไล่มันไปในตัวเลยแล้วกัน ก็ดูมันมานั่งขวางงานผมหมดเลย คนจะทำงานทำการ หึหึ เห็นอย่างนี้ไอรักก็จริงจังกับงานนะครับ
“ไม่โกรธแล้วนะ” ไอ้นี่ ชอบซักไซร้จริงมึงนิ
“จะโกรธถ้าคุณมานั่งทับแปรงทาสีของผมนี่ละ”
“..รู้สึกเดี๋ยวนี้จะโหดขึ้นเป็นสิบเท่า”
“ว่าไงนะครับ!?”
“เปล่าๆ” แล้วไป
…………………………………………………………
“พี่ๆ ทำไมตาสีฟ้าได้อะ” เด็กน้อยตัวสีเข้มที่เป็นเด็กนักเรียนในโรงเรียนนี้พูดออกมาซื่อๆ ถึงแม้ว่าวันนี้จะอยู่ในช่วงปิดเทอม แต่พวกน้องๆที่บ้านใกล้ก็มาเที่ยวเล่นกันที่นี่ ไหนๆก็มาพอดีผมเลยชวนน้องมาทาสีด้วยกัน ถ้าพูดตามความจริงคือก็หาคนแบ่งเบาภาระกันน่ะครับ กร๊ากก
“อ๋อ มันกินแฟนต้าเยอะไปหน่อยอะน้อง” ไอ้คิมมันเดินผ่านห้องผมพอดีเลยตะโกนหลอกเด็ก เลวจริงๆมึง
“พี่ผมก็ชอบกิน ทำไมไม่ตาสีนี้บ้างอะ” เด็กมันก็ช่างถาม(มาก)นะ
“อย่าไปเชื่อมัน พ่อแม่พี่เป็นลูกครึ่ง เอ่อ เป็นคนต่างชาติน่ะ” อธิบายให้เด็กฟังก็ยากเหมือนกัน พอไม่เข้าใจก็ทำหน้างงใส่ให้เราเสียเซลฟ์ เข้าใจหัวอกคนเป็นครูเลยครับ
“อ๋ออ” มันเข้าใจจริงๆหรือเปล่าวะ
“แล้วนี่อายุเท่าไหร่แล้วเอ่ยตัวเล็ก”
“ผมไม่ตัวเล็ก โตแล้ว” อูย เจอเด็กโหดว่ะ
“ครับๆ ตัวเท่าหน้าแข้งพี่เองแหนะ” ผมพูดแล้วขยี้หัวเกรียนๆของน้องมัน
“นัทแปดขวบแล้ว เตะไอ้เป้งชนะตลอด มันไม่เคยทันผมหร้อก” น้องกำหมัดชูใหญ่ ผมว่าน้องมันผอมไปนะ กินอะไรเป็นอาหารวะอยากรู้
“โหจริงเหรอ แล้วไหน ใครเหรอครับเป้งอะ” ผมก็เออออไป พลางทำงานไปด้วย ฟังน้องมันโม้ก็เพลินดีเหมือนกัน แต่มือน้องไม่ทำงานเลยนะ เม้าทีหยุดงานทั้งหมดเลย
“มันไม่มาหรอก มันกลัวผม” ครับ เอ็งเก่ง
“เก๋าไปปะน้องนัท” เนแว่นหันมาหัวเราะใส่ น้องเห็นก็ทำหน้ายู่ยี่ให้เน
ผมยิ้ม ฟังเด็กน้อยกับเนเถียงกันไปมาจนเพลินลืมระวังไม้เลยโดนบาด ผมซีดปากออกมาเพราะมันบาดลึกกว่าที่อื่นๆที่แค่ตำเบาๆ ห่าเอ๊ย เลือดเลย น้องนัทหันมาเห็นก็โวยวายลั่นห้อง มือป้อมๆจับมือผมแล้วร้องไห้ใหญ่เลยทำให้ผมยิ้มออกมาได้ เด็กมันน่ารักจริงๆนั่นละ ผมเลยเดินลงไปขอพลาสเตอร์จากฝ่ายปฐมพยาบาลโดยมีเด็กน้อยตัวเท่าหน้าแข้งจับมือแน่นไปด้วยกัน
ตกดึกผมก็มีปลิงสองตัวเกาะติดหนึบ ตัวหนึ่งเป็นตัวที่ผมตื่นมาก็เห็นจะหลับตานอนก็เห็นทุกวัน ส่วนอีกตัวเป็นเด็กผิวเข้มเกาะขาไม่ยอมกลับบ้าน อ้อนแม่อยู่นานจนได้มานอนกับผมคืนนี้
“นัทไปด้วย” พอเห็นเกียร์กับผมเดินแยกไปอาบน้ำคนละห้อง น้องนัทก็เลยจับมือผมให้แน่นขึ้นแล้วพูด ผมยิ้มให้แล้วพยักหน้าเพราะยังไงผมก็ให้เข้าไปด้วยอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้เข้าน้องนัทก็โดนกระชากจากด้านหลัง หันไปก็เห็นคุณน้ำแข็งยืนทำหน้ายักษ์อยู่ก่อนแล้ว รู้สึกมันจะหน้าบึ้งมาสักพักใหญ่ๆแล้วละแต่ผมไม่ได้ถามออกไปเพราะน้องนัทชวนคุยตลอดทางเลย
“โอ้ยๆ ปล่อยผม ปล่อยๆๆๆๆ” น้องนัทดิ้นพล่าน พยายามสะบัดมือแต่ก็ไม่หลุดจากอุ้งตีนหนา ผมจะเอ่ยปากดุมันเพราะสงสารน้องแต่มันก็ถูกตัดหน้าเสียก่อน
“มึงน่ะมานี่” พูดจบก็กระชากตัวเด็กไปซะตัวปลิวเข้าไปอาบน้ำกับมัน ผมได้แต่ส่ายหน้าเอือมแล้วเข้าไปอาบบ้าง
เสร็จก็ขึ้นไปบนห้องโดยมีเสียงน้องนัทเจื้อยแจ้วไม่หยุด ผมก็ขำเด็กมันนะพูดได้ไงวะตลอดทาง แต่เห็นท่าทางสนุกสนานแล้วก็ไม่อยากถามไปหรอก
แต่คงมีคนหนึ่งที่ดูท่าจะไม่สนุกสักเท่าไร ก็ไอ้คุณน้ำแข็งที่เดินหน้าหงิกอยู่อีกข้างนี่ไงละ ยิ่งตอนเห็นแผลที่มือผมครั้งแรกก็พาลโกรธคนที่อยู่ในเหตุการณ์หมดเลย หาว่าเนแว่นไม่ดูแลอย่างที่มันอุตส่าห์ย้ำนักย้ำหนา หาว่าคนอื่นหางานหนักมาให้ผม หาว่าเด็กชวนคุยจนทำให้ผมไม่ทันได้ระวัง กูจะบ้าตาย แถมมันยังหมั่นไส้น้องนัทที่มาเกาะแกะผมอีกนะ เชื่อเลย
กว่าจะได้นอนก็เถียงกันอยู่นานสองนานว่าจะให้ผมนอนหันไปทางไหน ซ้ายก็เกียร์ ขวาก็เด็กหน้าแข้ง จนไอ้บอสที่นอนใกล้ผมทนไม่ไหวลุกขึ้นมากดให้ผมนอนหงายตัดปัญหาการทะเลาะวิวาท ไอ้ผมกับน้องนัทก็กลั๊วกลัวมันนะ หน้าทะมึนมาเชียว รู้อยู่ว่าถ้าไม่ใช่เรื่องไอ้คลื่นมันความอดทนต่ำมาก ก็เลยได้แต่นอนนิ่งให้สองหน่อกอดก่ายจนอึดอัดตลอดทั้งคืน
…………………………………..
“เสร็จแล้วโว้ยยยยยยยย” เสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนออกมาอย่างดัง ในที่สุดงานทั้งหมดก็สิ้นสุดลงเสียที โรงเรียนที่ขาดแคลนทั้งห้องเรียนและอุปกรณ์เกี่ยวกับการเรียนการศึกษา ตอนนี้ก็เหมือนได้โรงเรียนใหม่เลยครับ
พวกผมกับเด็กโรงเรียนนี้มองภาพตรงหน้าอย่างภูมิใจและดีใจกับน้ำพักน้ำแรงที่เราร่วมกันสร้าง ประธานโครงการของพวกผมและอีกมหาวิทยาลัยหนึ่งเรียกรวมตัว กล่าวคำสั้นๆแล้วมอบเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์ให้กับผู้อำนวยการโรงเรียนนี้
หลังจากนั้นก็แยกย้ายไปเก็บของแล้วยกขึ้นรถเพื่อเตรียมตัวกลับ น้องนัทกอดขาผมร้องไห้เป็นสายเลย เห็นแล้วก็กลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่เพราะผมรู้จักน้องนัทหนึ่งอาทิตย์ได้แล้วจึงสนิทกับน้องนัทมากพอสมควร
“ตั้งใจเรียนเป็นเด็กดีนะครับน้องนัท หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้งนะ” ผมย่อตัวลงกอดน้องไว้แนบอก อีกฝ่ายกอดกลับแน่นยิ่งสะอึกสะอื้นเข้าไปใหญ่
“นะ..นัท ฮึก เป็น..อึก..เด็ ก.ดี..ฮึก..อ ยู่ แ ล้ว...เรียน..เก่ง..ฮึก ด้วย..ฮื้อ...”
“ครับๆ น้องนัทเก่งที่สุดเลยเนอะ” ทำไมรู้สึกว่ายิ่งปลอบก็ยิ่งร้องวะ ผมหันไปมองเกียร์ก็เห็นมันมองมานิ่งๆก็ยอมให้ผมกอดปลอบนะ มองไปเห็นคนอื่นที่สนิทกับเด็กโรงเรียนนี้ก็โดนกอดเหมือนกัน
“นั ท.. จะไป..เรียน..ฮึก..ที่..เมือง..หลวง..ฮึก..นัทจะ..ไ ป.หา..ฮึก..พี่ ไ อรัก..ฮึก”
“งั้นน้องนัทก็ต้องตั้งใจเรียนให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจนะครับ อยู่ที่นี่ก็ช่วยการช่วยงานท่านด้วย โตมาจะได้เก่งๆสอบเข้ามหาลัยได้แล้วก็จะได้มากรุงเทพฯด้วยนะ” ผมยิ้มให้น้องนัทตัวน้อย หน้าตามอมแมมจนผมต้องใช้มือเกลี่ยน้ำตาออกเบาๆ
“กว่าจะขึ้นก็เล่นบทโศกซะกูเศร้าเลยนะมึง” พิชพูดขณะที่ผมขึ้นมาบนรถแล้ว ผมก็มองไม่ได้ตอบอะไร เศร้าอยู่ ยิ่งตอนรถเคลื่อน เด็กตัวเท่าหน้าแข้งหน้าตามอมแมมวิ่งไล่ตาม ผมยิ่งเสียใจเข้าไปใหญ่
ติ๊ด..
ข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้น ผมยกขึ้นมาดูเพียงได้เห็นข้อความสั้นๆจากคนที่นั่งรถคนละคันก็ทำให้ผมกลับมายิ้มได้ไม่ยาก
iGEAR (18:48) : ไม่เป็นไรนะ
กลับไปคงต้องอ้อนการณ์ใหญ่เลยแล้วละมั้ง เล่นใส่ใจกันขนาดนี้
TBC-------->>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
+กราบขออภัยทุกๆท่านด้วยความจริงใจค่ะ TT !!!! นี่มันกี่วันกี่เดือนแล้วเนี่ยที่ไม่มีเวลามาต่อเลย
+ใครได้ดูเดอะวอยซ์ตอนแรกบ้างคะเมื่อกี้ รู้สึกเลยว่าคนไทยก็มีเสียงที่ดีมีคุณภาพมากเลยนะคะ ฟังแต่ละคนร้องแล้วขนลุก พอจบเลยรีบลุกขึ้นมาต่อให้เลย ฮ่าๆๆ ความจริงวันนี้เป็นวันอาทิตย์แรกที่สามารถลืมตาดูโลกได้ วันอื่นนี่จมแต่วิทยานิพนธ์ไม่ลืมหูลืมตาเลยค่ะ
ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ เป็นกำลังใจให้โซ่แต่งนิยายต่อไป