Come to love . . เข้ามาให้รักกัน *ตอนพิเศษสั้นๆ* [23/06/15] P.17
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Come to love . . เข้ามาให้รักกัน *ตอนพิเศษสั้นๆ* [23/06/15] P.17  (อ่าน 286507 ครั้ง)

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
    คิดถึงไอรักเกียร์ :o8:  :call:

ออฟไลน์ Weena

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คิดถึงคนแต่ง  คิดถึงไอรัก คิดถึงเกียร์ คิดถึงสา คิดถึงงงงงงมาเร็วนะคะ :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
คิดถึงเกียร์ไอรักมว้ากกกก มาต่อไวๆนะคะ ^_^

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
คนแต่งหายไปไหนน๊าาาาา :hao7:
 คิดถึงเกียร์ไอรัก :o8:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
คิดถึงครับคิดถึง :m13:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
เพิ่งได้อ่าน เรื่องดีมากเลย แต่มาเจอตอนคนแต่งหายนี่สิ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ จะมาอัพต่อไหม?

ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
ตอนที่28


"เกียร์ๆ ผมมีข่าวดีด้วยละ" เอนหลังนอนบนโซฟากรอกเสียงไปตามสาย แล้วหัวเราะคิกคักกับคุณไอซิสที่นั่งคลอเคลียอยู่บนตัวผม นอนบนตัวคนนี่สบายเหลือเกินนะ

'หืม...เรื่องอะไร’มันถามกลับด้วยเสียงฉงน

"ยังไม่บอกหรอก ปล่อยให้งง คึๆ เอาไว้เจอกันแล้วคุณจะรู้เอง ดีไหม" เรื่องอะไรจะบอกให้โดนดุสองรอบละ สู้ไปฟังเทศน์ครั้งเดียวตอนเจอกันเลยดีกว่า

'หัดมีความลับกันแล้วเหรอ'

"ฮื้อ เปล่าสักหน่อย เดี๋ยวคุณก็รู้เอง เซอร์ไพรส์ไงเซอไพรส์"

'หึหึ แมวเจ้าเล่ห์' มันตอบ ได้ยินเสียงพิมพ์งานเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ

"ถ้าผมเจ้าเล่ห์ คุณก็เป็นจอมหื่น" ตายห่า วกกลับเข้าเรื่องที่มันถนัดซะได้ ยั้งปากไม่ทันด้วย คิดได้ก็พูดจบประโยคไปเสียแล้ว

'หื่นกับไอรักคนเดียว..คืนนี้เตรียมตัวเหนื่อยได้เลย โทษฐานหนีเที่ยวตัวเดียว’นั่นไงไอรักว่าละ แล้วเดี๋ยวนี้มันเรียกผมเป็นตัวแล้วนะครับ ร้ายกาจมาก

“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” บ่นอุบอิบเบาๆ แต่มันก็ยังได้ยิน

‘โดนแน่ๆ’ แหนะ มีขู่ๆ ไม่กลัวหรอก บอกแล้วไงว่ากลัวไม่โดน

"บ้า แล้วทำงานไปถึงไหนแล้วครับ ใกล้เสร็จหรือยัง" ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง

'ใกล้แล้ว...เสร็จแล้วจะไปรับนะ'

"ผมพึ่งหย่อนก้นนั่งเก้าอี้ยังไม่ร้อน จะให้กลับแล้วเหรอ"

'ก็มันคิดถึง..' ฟังแล้วเขินๆแฮะ คิดถึงอะไรเล่า พึ่งแยกกันไม่ถึงครึ่งวัน นี่ถ้ามันอยู่ใกล้ๆ ผมกระโดดถีบเท้าคู่ไปแล้วนะนี่ หึๆๆ

"มาสักหนึ่งทุ่มนั่นละครับ เพราะยังไงก็ต้องรอพวกพี่ๆกลับบ้านก่อนด้วยน่ะครับ" มันเงียบไปพักหนึ่ง

'..ไปรอด้วยได้ไหม' ผมเม้มปากแน่นกลั้นยิ้มกับเสียงอ่อยๆเหมือนไม่กล้าขอ จะสงสารก็สงสาร จะน่ารักก็น่ารักฉิบ

"จะดีเหรอ" ผมก็ถามไปงั้นละ เพราะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว

'..ถ้ามันรบกวนก็ไม่เป็นไร จะให้ไปรับตอนไหนก็บอกแล้วกัน' ผมต้องเป็นโรคจิตไปแล้วแน่ๆ แกล้งมันแล้วยิ้มแก้มปริขนาดนี้ ก็ดูมันตอบสิครับ ไม่เข้ากับเสียงดุๆของมันเลย ผมนี่แทบจะกัดหูคุณไอซิสเพื่อกลั้นเสียงเล็ดลอด ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ แค่จับหูไอซิสแล้วบิดขึ้นลงไปมา เจ้าตัวก็เอียงหน้าทำหน้าบ้องแบ๊วตาใสใส่ผม คงงงกระมังว่าแด๊ดมันเป็นบ้าอะไร

"ถ้าเสร็จแล้วก็มาแล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมจะบอกแม่บ้านให้จัดอาหารเย็นเอาไว้ให้คุณด้วยเนอะ"

'ฮึ่ม ไอ้แมวขี้แกล้ง ถ้าเจอจะจับฟัดให้ลุกไปเรียนไม่ได้เลย' หูย โหดว่ะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"น้องไอรักลูก..ตัวเล็ก เปิดประตูให้มาม๊าหน่อยค่ะ"

"แม่ผมขึ้นมาตามแล้ว เอาไว้คุยกันทีหลังนะครับ" วางสายเสร็จก็เดินไปเปิดประตู เห็นแม่ยิ้มหวานส่งมาให้ ข้างหลังเป็นแม่บ้านถือของขึ้นมาพะรุงพะรัง คงเป็นของใช้ของแมว

"ว่าไงครับ"

"เห็นแม่บ้านบอกว่าตัวเล็กจับแมวได้ อยู่ไหนเหรอคะมาม๊าอยากเห็น" แม่ผมชะเง้อมองเข้ามาในห้อง ผมเลยเปิดประตูกว้างออกให้เข้ามา ท่านดิ่งไปหาคุณไอซิสที่นั่งตาแป๋วอยู่บนโซฟา

“น่ารักน่าชังจังลูก” ยังไม่ทันอะไร คุณหญิงแม่เรียกคุณไอซิสว่าลูกอย่างสนิทสนมกันเสียแล้ว เหอะๆ

ดูท่าท่านจะชอบเจ้าหญิงตัวน้อยองค์ใหม่ ลูบหัวลูบหางไม่ปล่อยเลย

“ผมว่าจะให้ชื่อไอซิส ดีไหมครับ” ดีไม่ดีไม่รู้ แต่ไอรักเรียกว่าไอซิสไปเรียบร้อยแล้ว

“ตัวเมียเหรอคะ...ดีจังตัวเล็ก บ้านเราจะได้มีเพศหญิงบ้าง น่าเอ็นดูจริงๆเลยลูก หนูไอซิส” ผมพยักหน้าตอบ หลังจากนั้นคุณท่านก็เล่นกับไอซิสกันยาว รายนั้นก็หงายตัวอ้าซ่าให้ท่านเกาคอเกาตัวแบบเปิดทางสุดๆ จนแม่บ้าน(คง)ทนไม่ไหว เอ่ยเตือนให้ลงไปทานข้าวข้างล่าง ถ้าแม่บ้านไม่เตือน ผมว่าทั้งบ้านคงต้องหิ้วท้องรอยันเย็นโน่น

ลงมาก็เห็นพ่อนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในหัวโต๊ะ ผมเอ่ยทักแต่ไกลพร้อมเดินเร็วเข้าไปนั่งคุกเข่าข้างๆแล้วสวมกอดให้ชื่นใจกับการที่ไม่ได้กลับมาหาท่านตั้งนาน

“เป็นไงบ้างละเรา อ้วนขึ้นหรือเปล่าหื้ม” ไม่ใช่เพราะผมนะ โน่นคนที่อยู่คอนโดโน่นนน

“อ้วนขึ้นแล้วไม่ดีเหรอครับ แต่ไอรักว่าไอรักก็ตัวเท่าเดิมนะครับ” ผมพูดเสียงอ้อน ถูหน้ากับหน้าท้องพ่อผม ถึงจะแก่แล้วแต่พุงไม่ค่อยมีนะครับ ท่านค่อนข้างดูแลตัวเองพอสมควร ออกกำลังกายเสมอ เวลานัดลูกค้าก็ไปต่อกันที่ไดร์ฟกอล์ฟ บางวันที่ว่างๆก็เข้าห้องฟิตเนสที่บ้าน อีกอย่างอาจเป็นเพราะท่านเป็นลูกครึ่งเลยสูงมาก ร่างใหญ่และหนา(พี่ของผมทั้งคู่ก็ได้พ่อมานั่นละครับ) ถึงจะเบาลงไปตามวัยบ้างแล้ว แต่ก็ยังดูเฟิร์มอยู่เลย

“ดีสิลูกรัก ตัวมีแต่กระดูก แด๊ดกอดแล้วเหนื่อยใจ” ท่านทำเป็นถอนหายใจเหมือนปลงกับสเปิร์มที่เกิดมาแล้วได้เท่านี้ โหผมนี่ไซส์มาตรฐานชายไทยเถอะ แต่คนรอบข้างดันไซส์ยักษ์วัดแจ้งเท่านั้นเอง

ผมนั่งคุยกับพ่อแม่ไปสักพักใหญ่ๆ และถือโอกาสบอกว่าเพื่อนจะมาทานข้าวด้วย ผมยิ้มงงๆให้กับพวกท่านที่ทำหน้าตาแปลกๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เปลี่ยนเรื่องไปเรื่องอื่นแทน

เสียงรถดังเข้ามา ผมขอตัวก่อนจะลุกขึ้นไปรับคนที่คุณก็รู้ว่าใคร คือผมจำเสียงรถของตัวเองได้น่ะครับ จะบอกว่ามันมีเอกลักษณ์ก็ไม่เชิง ต้องบอกว่าคุ้นชินกับเสียงของมันอย่างนี้คงเหมาะกว่ากระมัง ออกมาก็เห็นเกียร์เดินมาเปิดประตูข้างคนขับแล้วหยิบกระเช้ารังนกออกมา อลังการงานสร้างบานตะไทเกินไปไหม

“โอ้โหแฮะ ลมอะไรพัดให้คุณซื้อรังนกมาหว่า” ผมส่งเสียงแซว มันรีบหันมา พอเห็นว่าเป็นผมก็คลี่ยิ้มบางออกมาให้ใจผมสั่นเล่น

“ลมรัก” ฮื้มมมม มันไปอัพความเสี่ยวมาจากสำนักไหนวะ ผมฟังแล้วแทบจะบิดตัวเป็นเกรียว ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ชายนะ แค่หน้าแดงอย่างตอนนี้ก็น่าอายเกินพอแล้ว

“...เอ่อ ผมนึกว่าลมพิษขึ้น เหอะๆ เข้ามาก่อนเถอะครับ ผมช่วยถือไหม” มันส่ายหน้า แล้วเดินตามผมไปห้องอาหาร

“แด๊ด ม๊า เกียร์มาแล้วครับ” ผมเรียกทั้งสองท่านที่กำลังคุยกันอยู่ ก่อนจะหันมาสนใจคนข้างตัว เกียร์รู้หน้าที่ กล่าวทักทายแล้วมือไม้อ่อนทันทีที่ท่านหันมา ผมมองแม่ที่พยักหน้าแล้วยิ้มให้มัน ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นพ่อผมไม่ได้มองมา คอตั้งตรงเหมือนวางมาด แต่ที่ทำให้ผมหน้าเสียนั่นคือสีหน้าของท่านที่นิ่งขรึม ไม่หืออือกับการมาเยือนของเกียร์เลยสักนิด

“แล้วนั่นเอามาทำอะไรเหรอคะ” แม่ทำลายบรรยากาศอันเงียบครึม เกียร์ได้สติจึงถือกระเช้าไปให้แม่ แล้วเดินตามมานั่งข้างผม ก่อนหน้านี้คงชะงักกับท่าทีพ่อไปเหมือนกัน

“ซื้อมาฝากครับ” มันตอบสั้นตามเคย แต่กระตุกยิ้มบางอย่างกับเปลี่ยนหน้ากาก นี่คงอยากเรียกคะแนนเรตติ้งกันใช่ไหม

“สกปรก มีแต่สิ่งเจือปน คงจะหยิบมาส่งๆ” เสียงพ่อพูดออกมาลอยๆ ผมกับเกียร์เริ่มมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย แปลก..รู้สึกแปลกตั้งแต่ที่เกียร์เดินเข้ามา

ไม่สิ ตั้งแต่เจอแม่แต่เช้าเลยด้วยซ้ำ

“คุณคะ” แม่เรียกพ่อเสียงปราม

“ผมพูดความจริง” พ่อเสียงเข้มกลับ มองหน้าแม่แล้วหน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนจะถอนหายใจออกยาวแล้วเมินกลับตามเดิม

ผมเอื้อมมือไปจับมืออีกข้างใต้โต๊ะ มันหันมามองแล้วบีบมือกลับ ก่อนจะหันไปมองหน้าพ่อผมอีกครั้ง

“ขอโทษครับ ที่ไม่ได้คิดก่อนซื้อ” ผมมองมันอย่างอึ้งๆ เมื่อเห็นมันก้มหัวขอโทษให้พ่อผมโดยไม่ลังเล อย่างเกียร์น่ะหรือที่จะยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ ผมรีบกระตุกมือเบาๆ แต่มันยังก้มค้างอยู่อย่างนั้น และเงยขึ้นมาสบตาผมหลังจากที่พ่อพูดประโยคถัดมา

“ไม่ได้คิดหรือคิดไม่ได้” คำพูดหนึ่งทำทั้งห้องเงียบกริบ

“เอาละ ทานข้าวกันดีกว่าค่ะ ป้าสร้อยจ๊ะตั้งโต๊ะได้เลยค่ะ” แม่โพล่งพูดขึ้นมาอีกรอบ แล้วเรียกแม่บ้านที่อยู่ใกล้ๆเพื่อนำอาหารมาตั้ง

ระหว่างที่ทานข้าวกัน เกียร์ก็ตักอาหารให้ผมตามปกติ ผมเงยคุยกับแม่บ้าง กับพ่อบ้าง ถึงพ่อจะตอบผม แต่ดูเหมือนจะตึงๆกับเกียร์ยังไงไม่รู้สิ เวลาผมลากให้เกียร์มีส่วนร่วมกับเนื้อหาที่คุยกัน ท่านจะตอบแบบกันซีนแล้วเปลี่ยนเรื่องไปเสียอย่างนั้น

“แล้วไปยังไงมายังไงคะ เห็นมาส่งน้องไอรักตั้งแต่เช้าไม่ใช่หรือ” แม่ผมถาม พ่อสบถเสียง ‘เหอะ’ แล้วทานข้าวสงบตามเดิม

“รีบกลับไปทำงานครับ ตอนนี้ส่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว” มันตอบกลับอย่างนอบน้อม ผมก้มหน้ากระตุกยิ้ม

“แด๊ดอิ่มแล้วเหรอครับ ทานน้อยจัง” ผมถามพ่อที่รวบช้อนส้อมเข้าหากันแล้วเช็ดปากเป็นอย่างสุดท้าย ท่านก็ทานเกือบหมดละครับ แต่ปกติจะรอทานของหวานด้วยกันก่อน

“บรรยากาศในบ้านมันไม่ค่อยดีนะตัวเล็ก แด๊ดไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่า” พ่อลูบหัวผมแล้วหอมแก้ม ก่อนจะลุกออกไป

“อย่าไปถือสาคนแก่เลยนะคะ พอดีเขากำลังอารมณ์ไม่ดีเท่าไร” แม่ยิ้มบอกเกียร์ มันพยักหน้าแล้วตอบกลับ

“ครับ”

“พึ่งทำงานเสร็จ แล้วไม่นอนพักผ่อนละจ๊ะ” ผมขยับนั่งตัวตรงเกร็ง เมื่อแม่วกกลับมาเรื่องเดิม เรามองหน้ากันก่อนที่มันจะหันกลับไปตอบ

“จะมารับไอรักไปซื้อของครับ แล้วก็ถือโอกาสมาเยี่ยม” เวลามันคุยกับพ่อแม่ผม ดูเป็นทางการที่สุดเท่าที่เคยเห็นแล้ว

“หืม..เหรอคะ พูดเหมือนอาศัยอยู่ด้วยกันเลยนะ” ผมแทบสะดุ้ง แต่พยายามเก็บอาการเอาไว้ เพราะแม่นั่งมองผมอยู่ แม้ว่าท่านจะหัวเราะกลบเกลื่อน แต่ผมก็เห็นว่าแววตาท่านต้องการจะสื่ออะไร

“มาม๊าขอถามพวกหนูตรงๆนะคะ เราทั้งคู่เป็นอะไรกันหรือ” แม่ตีสีหน้าจริงจังแล้วมองพวกผมอย่างคาดคั้น

“...เอ่อ คือ..”

ผมพูดไม่ออก สายตาแม่เหมือนรู้มาแล้วทุกอย่าง ในหัวผมเริ่มประติประต่อเรื่องราวได้แล้ว ความรู้สึกตงิดแปลกๆในตอนแรกนั้นผมไม่ได้คิดไปเอง

“มาม๊าไม่รู้หรอกนะคะว่าสมัยนี้เขาไปถึงไหนกันแล้ว และมาม๊าก็ไม่โกรธไม่น้อยใจด้วยที่คบกันโดยที่ไม่บอกให้ผู้ใหญ่รับรู้ เพราะหนูอาจจะกังวลใจกับอะไรหลายๆอย่าง”

“..มาม๊า..” ผมพูดไม่ออก เหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่ในลำคอ น้ำตาเริ่มไหลลงมาจนต้องก้มหน้าซ่อนมันเอาไว้ แต่มิวายมีมือจับคางให้หันไปแล้วเช็ดออกให้อย่างเบามือ ผมยื้อคอเอาไว้ไม่ให้มันแสดงกิริยาแบบนี้ออกไปให้ผู้เป็นแม่เห็น มันยอมปล่อยแต่โดยดี หันไปบอกกับแม่ผมด้วยน้ำเสียงจริงใจและสัตย์จริง

“ให้ผมได้ช่วยดูแลไอรักอีกคนหนึ่งได้ไหมครับ” เสียงมันก้องอยู่ในใจผม น้ำเสียงที่จริงใจกังวาน ได้ยินแล้ววูบวาบไปทั้งตัว ผมหันไปมองคนที่สบตาแม่ไม่ถอย เหมือนให้รู้ว่าที่พูดมามันมาจากใจจริงแท้ ผมยิ้มออกมา ปาดน้ำตาแล้วหันไปมองแม่

จะรักมันก็ต้องแน่วแน่มั่นคงสิ สู้ อย่าท้อถอย!

“แล้วน้าจะรู้ได้ไงคะว่าเรารักลูกน้าจริง” แม่มองมันอย่างประเมิน

“ผมขอแค่โอกาสและเวลาที่จะให้ผมได้พิสูจน์ว่าผมรู้สึกแบบนี้จริงๆ”

ผมก็มั่นใจกับความรักของเราเหมือนกับที่สายตามันแสดงออกมาในตอนนี้

“ให้เราสองคนรักกันเถอะนะครับ” แม่หันมามองเมื่อผมพูดเสร็จ

“แต่ถ้าถามมาม๊าว่าเรื่องนี้ทำให้เสียใจไหม มาม๊าก็เสียใจนะคะ” แม่ผมยิ้ม แต่นัยน์ตาท่านเศร้าสร้อยทำให้มันจี๊ดไปถึงขั้วหัวใจ

“..ฮึก ขอโทษครับ..ไอรักขอโทษ..ไอรักเสียใจที่ทำให้มาม๊าผิดหวัง.. แต่ แต่ไอรักเลือกแล้ว..ฮึก..ให้โอกาสเกียร์เถอะนะครับ นะครับมาม๊า” ผมพนมมือสั่นๆขอโทษผู้เป็นแม่ ใจผมปวดร้าวไม่ต่างกัน

แม้ว่าผมจะเสียใจที่ทำให้แม่ผิดหวัง แต่ผมไม่เสียใจที่เลือกรักเกียร์ ผมอยากจะให้แม่เปิดใจให้เกียร์

เพราะผมเชื่อว่าเกียร์ทำได้อย่างที่พูด

ผมมั่นใจว่ามันจะทำให้แม่รักและเอ็นดูอย่างที่ผมรักมันได้

“มาม๊าพูดตอนไหนคะว่าไม่ให้โอกาส” แม่พูดหน้านิ่ง แต่คำพูดทำผมกับเกียร์มองหน้ากัน พอเห็นว่าเราทั้งคู่ไม่ได้ตอบอะไรไปจึงพูดต่อ

“มาม๊าแค่เสียใจที่ไม่ได้อุ้มหลาน แล้วก็เห็นตัวเล็กเล่นหุ่นยนต์มาตั้งแต่เด็ก แต่พอมารู้ว่ามีแฟนเป็นผู้ชาย มาม๊าก็เลยตกใจ แอบเครียดนิดหน่อย แต่มาม๊าก็ไม่ได้คัดค้านทั้งคู่หรอกนะ” ผมมองแม่ที่พูดอย่างยิ้มๆก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ คนที่นั่งจับมือผมไม่ปล่อยก็คงมีสีหน้าเหมือนกับผมตอนนี้แน่ๆ

“ขอบคุณครับ” มันคงไม่มีอะไรทีจะอธิบายไปมากกว่าคำนี้อีกแล้วละครับ แค่แม่ยอมรับและเข้าใจพวกผม แค่นี้ก็มีความสุขมากพอแล้ว

“ค่ะ แล้วก็อย่าลืมที่พูดเอาไว้ด้วยนะคะ มาม๊าจะคอยดูอยู่ห่างๆ ถ้าวันไหนที่หนูผิดคำพูดละก็... หึๆ ..แต่อุปสรรคเยอะหน่อยนะคะ ผู้ชายในบ้านนี้หวงไอรักทุกคน” แม่ขู่แล้วหัวเราะอย่างน่ากลัว ก่อนจะบอกสิ่งที่ทำให้ผมคิดว่าทั้งบ้านต้องรู้เรื่องของผมกันทุกคนแล้วแน่ๆ ยิ่งคิดยิ่งสลด สงสารเกียร์ว่ะ

“ขอบคุณครับมาม๊า ถ้าเกียร์ทำไอรักเสียใจ ไอรักจะมาฟ้องมาม๊าน้า” เวลานี้ต้องรีบประจบประแจงครับ คนโดนพาดพิงหันมองขวับเลย ฮ่าๆๆๆ

“จ้า แหมตัวเล็ก ได้ทีแล้วเอาใหญ่เชียว จริงสิป่านนี้คนแก่คงหงุดหงิดอยู่ในสวนหน้าบ้านแน่ๆ เดี๋ยวมาม๊าไปดูแด๊ดลูกก่อนนะจ๊ะ”

พอท่านยิ้มหวานแล้วออกไป ห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ แรงบีบมือคลายลงก่อนที่คนข้างๆจะหันมากอดอย่างเต็มตัวแล้วซุกหน้าลงซอกคออยู่อย่างนั้น

“..มาม๊ายอมรับเราแล้ว” ย้ำคำพูดนั้นอีกหลายรอบ ตอกย้ำเหตุการณ์เมื่อกี้ให้กับเราทั้งสองคน มันก็ตอบกลับซ้ำๆพร้อมกระชับกอดแน่นขึ้น

“กังวลอะไรอยู่” มันคลายออกเล็กน้อย ลูบตามโครงหน้าแล้วทัดผมให้

“ตอนนี้มาม๊าก็ยอมรับเราแล้ว จะเหลือก็แต่แด๊ดแล้วก็พวกพี่ๆนี่ละ พวกเขาต้องโกรธผมมากแน่ๆ เฮ้อ...” พ่อผมแสดงออกชัดเจนขนาดนี้แล้วว่าไม่ยอมรับ แล้วพี่ทั้งสองคนละ

ไม่อยากจะคิด

“อุปสรรคใหญ่ขนาดไหน ถ้าเราเชื่อใจกัน มันก็ผ่านไปได้” มันพูดปลอบ หอมแก้มผมเบาๆแล้วผละออกมาเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา

“คุณหนูคะ คุณหญิงบอกให้พาเพื่อนขึ้นไปพักบนห้องได้นะคะ” ผมทำหน้าแปลกใจ

“แล้ว...”

“คุณผู้ชายโดนสกัดดาวรุ่งค่ะ กว่าพวกท่านจะตกลงกันได้เล่นเอาพวกแม่บ้านผวากันแทบทุกคน” ว่าอยู่แล้วเชียว พ่อคงไม่อยากให้ผมขึ้นไปอยู่บนห้องสองต่อสองกับแฟนที่เป็นผู้ชายหรอกน่ะนะ

“อ่า นั้นขึ้นไปข้างบนดีกว่าเนอะ” ผมถามลอยๆน่ะครับ เพราะพูดจบก็ลากแขนมันให้เดินตาม อีกคนก็ทำตัวอ่อนปวกเปียก ลากไปไหนก็ไปตาม ไม่หือไม่อือสักอย่าง

“เอ้อเกียร์ ถ้าเห็นอะไรแล้วอย่าตกใจนะ” ผมหันมาบอกก่อนจะบิดประตูเข้าไป ลืมไปว่าข้างในมีไอซิสอยู่ มันเลิกคิ้วแต่ก็พยักหน้า

พอเปิดไปก็ได้ยินเสียง เมี้ยววเมี้ยววว ดังมาก่อนตัวเลยครับ ไอ้ตัวยุ่งเดินมาพันแข้งพันขา ทำตางัวเงียเหมือนพึ่งตื่น ผมอุ้มมันขึ้นมา จับท้องที่ป่องจนน่ากลัวเบาๆ ก็ขากับตัวมันเล็กเหมือนแมวขาดสารอาหาร แต่พอได้กินทีก็คงกินจนอิ่มไปยันพรุ่งนี้เลยกระมัง ผมหันไปมองคนข้างๆที่ปิดประตู มองไอซิสนิ่ง

“แฮะๆๆ ไม่ได้ซื้อมานะครับ มันเข้ามาในบ้านผมเอง จริงๆนะ” ผมรีบบอกมันก่อนจะโดนดุ ไม่ได้หรอกครับ เราไม่ผิดนี่นา ที่พูดไปก็เรื่องจริงร้อยเปอร์เซ็นต์เถอะ

“จนได้สินะ” มันมองผมตาเขียวเลย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่คล้ายจะปลงๆ

“ก็..ครับ”

“ปล่อยไอ้ฟีบลงได้แล้ว” โห มึงเรียกลูกกูว่าไอ้ฟีบเลยเหรอ แม่ง จี๊ดเลย เดี๋ยวจะขุนไอ้ฟีบให้เป็นไอ้ตุ๊ต๊ะเลยคอยดูสิ

“เขาชื่อไอซิสครับ” ผมมองมันอย่างเอือมๆ แล้วปล่อยไอซิสลง รายนั้นก็เดินตามผมต้อยๆ ดูท่าจะติดผมแล้วละ ส่วนคนตัวโตก็เดินตามมาเหมือนกัน แต่ไอ้นี่มันเยอะหน่อยมากอด มาหอมแก้มอะไรของมันเหมือนปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือพาลเอาเท้าไปเขี่ยไอซิสจนกระเด็นเลย

“ไป ชิ่วๆ” ดูมัน

“ไปแกล้งไอซิสทำไมละครับ น่าสงสารออก” ผมพูดจบ มันก็หน้าบึ้งใส่แล้วหันหลังให้ทันที โหยยย เด็กโข่งเอ๊ยย

“เป็นอะไรละครับ” มือก็อุ้มไอซิสขึ้นปลอบ อีกมือก็จับแขนเด็กโข่งเอาไว้

“.......”

“จุ๊บ จุ๊บ หายยัง งอนอะไรเยอะนี่ ระวังตีนกาจะขึ้นนะครับ” ผมยืดตัวขึ้นไปจุ๊บปากมันเบาๆ หึหึ กูใครครับดูด้วย ไอรักนะครับ รู้ทางมันหมดแล้วว่าต้องรับมือกับมันยังไง มาสิบเกียร์ก็แพ้ไอรักเถอะ หึๆๆ วะฮ่าๆๆๆ

“ก็ไอรักไปห่วงไอ้ทรุดทำไมนักหนาละ” อ้าวไอ้นี่

“เขาชื่อไอซิสครับ ไม่ใช่ไอ้ทรุด”

“เออนั่นละ อย่าไปเล่นกับมันเยอะ มานี่” มันจับไอซิสให้ออกไปพ้นๆทาง คือมันก็วางพื้นดีๆนั่นละ แต่แค่ปล่อยจากที่สูงไปจนผมร้อง ‘เฮ้ยย’ แล้วตีแขนมันเบาๆ แต่มันไม่สนใจเอามือปลาหมึกเกี่ยวเอวแล้วโยนผมไปบนเตียงนุ่ม

“เกียยยร์..”

“เงียบน่า” อ้าว ไอรักจะทักท้วงก็มาสั่งเราอีก ก็ดูมันสิครับ นอนกอดผมจากด้านหลังไม่พอ ยังจะเอามือเข้ามาลูบหน้าท้องผม แล้วหายใจฟืดฟาดอีก ก็รู้ว่ามันเพลิน แต่ช่วยดูอารมณ์ไอรักได้ไหมครับ แม่งเสียวจนใจจะขาดแล้วว

“อย่าทำอะไรที่นี่นะเกียร์”

“รู้แล้วหน่า” อ้าว นี่กูอ้าวกับมันมากี่รอบแล้วฟะ ฮึ่ม

ผมพลิกตัวไป เรานอนกอดกันอยู่นิ่งๆ ผมเห็นว่าเงียบนานแล้วจึงพูดต่ออีก

"เกียร์"

"หืม"

"ที่พูดเมื่อกี้ไม่กลัวแม่ผมโกรธเหรอ" ไปขอลูกชายโต้งๆแบบนี้ เป็นใครใครก็กลัวนะครับ

"ไม่" มันกระชับกอดแน่นขึ้น

"แล้วไม่กลัวว่าท่านจะไม่ยอมรับเราเหรอครับ" ผมถามเป็นหนูจำไมต่อ เห็นมันอมยิ้มด้วย แต่ก็ต้องซุกหน้ากับอกมันอีกครั้ง ใครจะไปกล้ามองนานๆวะ ยิ้มเจิดจ้าขนาดนี้

"ไม่หรอก"

"อ้าว แล้วถ้าท่านไม่ยอมรับเราละ เกียร์จะทำไง"

"ฉุดลูกชายคนเล็กละมั้ง" มันพูดพลางหัวเราะในลำคอไปด้วย มาดคุณน้ำแข็งหายเรียบ

ผมยิ้ม แล้วคลอเคลียกับอกมันแรงๆ ก่อนจะเอามือท้าวคางขึ้นมองหน้ามันชัดๆ มันขยับตัวให้เล็กน้อย มือยังเกี่ยวเอวผมอยู่ไม่ปล่อย

"เหมือนหนีตามในละครอะเหรอ อย่างนี้ผมก็ต้องเป็นพระเอกใจแตกสิ"

[ต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
[ต่อจากด้านบน]




"นางเอกต่างหากละ"

"บ้า ผมเป็นผู้ชายนะ แมนขนาดนี้ ดูๆ กล้ามปู" ผมเบ่งกล้ามให้ดู มีนะครับ แต่ไม่เท่ามันที่เป็นมัดๆเท่านั้นเอง

"หึหึ ปูลมขาดสารอาหารชัดๆ" ปูลมอะไรเล่า เปรียบซะพันธุ์เล็กเชียวนะ ฟังแล้วหงุดหงิดแปลกๆ หมั่นไส้คนกล้ามใหญ่ชะมัด

"ฮึ่ยยย" ผมหน้าบึ้งใส่มัน แล้วกระดึ๊บตัวไปตามเสียงแคว่กๆแง้วๆที่ปลายเตียง ไอซิสลูกพ่อออ

ผมอุ้มมันขึ้นมา จะวางบนเตียงก็เจอหัวเข่าใครบางคนสะกิดที่ต้นขายิกๆ หันไปก็เจอตาคมมองดุๆ โด่ อะไรวะ แค่จะให้มันสัมผัสเตียงนุ่มๆบ้างนี่นา คนนอนได้ทำไมแมวจะนอนด้วยไม่ได้ละ แต่ก็ขัดเขาไม่ได้หรอกครับรายนั้น เลยจำใจต้องวางไอซิสที่พื้นปลายเตียงเหมือนเดิม แล้วก้มเล่นกับมันจนก้นกระดกอยู่บนเตียงนี่ละ

จะเล่นท่ายากไปไหมครับ

"มานอนดีๆ" เผลอแปบเดียว เสียงมารโหดก็ดังขึ้นอีกรอบ

"จ้าๆ" แล้วผมจะตามใจมันทำไมหว่า

เหมือนกับผมและมันไม่ได้เครียดอะไร แต่ความจริงเราต่างกลับมาคิดในใจนะครับ ผมรู้ว่าตัวเองก็หนักใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นะครับ ส่วนเกียร์นั้นก็คงไม่ต่าง ถึงแม้จะมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม แต่ผมดูออกว่ามันคิดมากเหมือนกัน

ถึงแม้ว่าจะผ่านไปด่านหนึ่งแล้ว แต่มันก็กังวลไปหมด ยิ่งหลังจากนี้ อะไรจะเกิดขึ้นบ้างไม่รู้

คนอื่นผมไม่เก็บเอามาคิดหรอก จะมีก็แต่คนในครอบครัวนี่ละ

เฮ้อ..

คิดไปคิดมาก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาก็ตอนที่เกียร์เดินไปรูดผ้าม่านที่หน้าต่างบานใหญ่ เผยแดดสีส้มเข้มเกือบครามยามเย็น แอบปวดหัวเล็กน้อย แปลกนะครับที่คนโบราณเรียกเวลานี้ว่าผีตากผ้าอ้อม แต่ผมว่าคงเป็นกลยุทธ์ที่จะให้เรานอนเป็นเวลากระมัง อาจเป็นเพราะผมเรียนสายวิทย์ จึงเชื่อว่าเวลานี้มันเป็นช่วงที่อุณหภูมิกำลังเปลี่ยนแปลง ร่างกายก็ยังไม่พร้อมที่จะพักผ่อนตอนนั้นด้วยก็เท่านั้นเอง

แต่ก็ไม่ได้ไม่เชื่อหรือจะลบหลู่ความเชื่อแต่โบราณนะครับ แค่เอนเอียงไปทางเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มากกว่า

"ตื่นแล้วเหรอ" ยังครับ

"ครับ แล้วไอซิสละครับ" คุณน้ำแข็งชักสีหน้าทันทีที่ผมถาม

"ไม่รู้ นอนมั้ง นอนพุงไม่กระเพื่อมอยู่แถวไหนสักที่" คือที่พูดมาจะแช่งลูกผมใช่ไหมครับ ร้ายกาจ

"ลงไปเล่นข้างล่างกันดีกว่าเนอะ ผมขอไปล้างหน้าแปบหนึ่ง" มันพยักหน้า ผมบิดขี้เกียจ นั่งมึนๆสักพักก็ลุกไปล้างหน้าล้างตา แอบแปรงฟันลวกๆด้วย เพื่อความสะอาดและสดชื่นในช่องปาก

พอลงมาแถวสนามหญ้า ผมก็เดินไปเล่นไอแดดกับไอหมอก ทั้งสองตัวชอบวิ่งน่ะครับ ถึงจะเชื่องกับคนในบ้านแต่เวลาที่จะชวนมันวิ่งเล่นต้องเป็นผมกับพี่ไอติมเท่านั้นนะครับ  ถ้าเป็นคนอื่นมันจะไม่วิ่งด้วย ขนาดแม่ผมมันยังเดินเอื่อยๆทอดน่องไปหาเฉยๆ

แค่ผมโผล่ขาไป พวกมันก็วิ่งมากระโจนใส่ทำเหมือนผมเป็นพันธุ์เดียวกันกับพวกเขาเลย ผมก็วิ่งไปทางไหนมันก็ติดไฮสปรีดตามมาอย่างกับเงา เกียร์ที่นั่งอยู่แถวนั้นก็โยนลูกเทนนิสเยินๆที่เอามาจากแถวกรงสุนัขมาให้ผม

เล่นกันนานจนเหนื่อยละครับถึงได้นอนอ้าซ่าพักกันอย่างหมดสภาพทั้งสุนัขทั้งคน ส่วนอีกคนที่นั่งดูเพลินๆก็ยิ้มขำใหญ่ คงจะไม่ค่อยเห็นผมในลุคนี้กระมัง ก็แหงสิ อย่างนี้เก็บไว้คนที่บ้านเห็นก็พอแล้ว

อืม..นี่ผมยังพูดไม่ชัดเจนอีกเหรอครับ ก็หมายความว่าผมมองมันเป็นหนึ่งในครอบครัวผมแล้วไง หายสงสัยกันยัง ฮู้

"เป็นนักวิ่งมาก่อนเหรอ วิ่งวนเป็นแมวลมกรดเลย"

"แฮ่กๆ เขามีแต่หนูลมกรดครับ แมวไม่มี๊" นอกจากไอรักจะต้องนอนอกกระเพื่อมแล้วยังต้องตอบปัญหาชาวเกรียนของมันด้วยเหรอ มันขยี้หัวผมใหญ่เลย ถึงผมจะเหงื่อน้อย แต่มันก็ซึมๆออกมาบ้างนะครับ ยิ่งมึงขยำขยี้มันขนาดนี้ เม็ดเหงื่อก็ออกมาแบ่งปันหญ้าข้างตัวเลยเหอะ

"ทำอะไรกันน่ะ!" เสียงทุ้มดังขึ้น ผมรีบเท้าแขนขึ้นหันไปมองตามเสียง เห็นพ่อกำลังเดินมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

"เปล่าครับ ไอรักพึ่งเล่นกับไอหมอกกับไอแดดเสร็จ" ไอรักรีบแก้ตัว ไม่สิ ไอรักพูดความจริง

"ลุกขึ้นเลยตัวเล็ก" ผมรีบทำตามที่อีกคนสั่ง พ่อดึงตัวผมเซไปอยู่ด้านหลังแล้วเอ่ยปากไล่ผม

"ไอรัก เข้าบ้านไป" พ่อจ้องเกียร์ด้วยสายตาเชือดเฉือน มันมองพ่อ ก่อนจะสบตาแล้วยิ้มบางให้ผม พยายามบอกว่าไปเถอะ มันอยู่ได้ แต่ผมยังคงลังเลอยู่

“แต่...”

“แด๊ดบอกให้เข้าบ้านไปไง” พ่อเริ่มดุเสียงดังขึ้น ผมตกใจเพราะน้อยครั้งที่พ่อจะเสียงดังใส่

แต่ท่านก็คงรู้สึกตัว หันมองกลับมาหาผมพร้อมพูดเสียงอ่อนลง

“ไปอยู่เป็นเพื่อนมาม๊าเถอะตัวเล็ก”

ผมเดินออกมา มิวายหันไปมองทั้งสองคนเป็นระยะอย่างเป็นห่วง เกียร์จะรับมือพ่อไหวไหมนะ จากระยะไกลก็ไม่เห็นทั้งสองคนพูดอะไรกันเลยนะครับ แต่จ้องหน้ากันนิ่งอยู่อย่างนั้น

ผมถอนหายใจออกมา จะรักกันก็ต้องทำรับมือเรื่องนี้ให้ได้สินะ ในใจก็กังวลมากเหมือนกันนะครับที่จะทำให้คนที่สำคัญกับเราได้เข้าใจและยอมรับเรื่องนี้ไปพร้อมกันได้ ผมรู้ว่ามันยากที่จะเข้าใจ แต่ผมก็ไม่เคยเหนื่อยที่จะสู้ ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจไปจากมันเลย ถึงเราจะเปลี่ยนไปคบผู้หญิงอย่างที่สังคมยอมรับได้ แต่ถ้าไม่รักกัน เราจะทนไปเพื่ออะไร

ผมรักมัน  ผมถึงบอกไงครับว่าผมไม่เคยเหนื่อยที่จะรักและพร้อมที่จะสู้ไปด้วยกัน

เพราะคำว่า ‘เรา’ นั่นละครับ มีมัน มีผม รักเราจึงยิ่งใหญ่เกินกว่ากรอบเล็กๆที่สังคมได้ตีเอาไว้ว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง

ยังไม่ทันไปถึงประตูใหญ่ก็ได้ยินเสียงรถขับเข้ามา และอีกคันก็ขับตามมาติดๆ ผมยิ้มออกมาอย่างดีใจ เมื่อเห็นพี่ไออุ่นกับพี่ไอติมลงจากรถ ผมวิ่งเข้ากอดคนใกล้ที่สุดอย่างแรง ได้ยินเสียง ‘อั่ก’ ด้วยละ แต่ใครจะสนละครับ คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว

“โอ้ยยยตัวเล็ก กอดมาได้ซะแรง คนนะไม่ใช่รถบั๊ม” ปากบ่นแต่ดูดู๊ กอดไอรักหลังแทบหัก

“ก็เค้าคิดถึงตัวเองนิ..” ไม่รู้ทำไม พอเจอพวกพี่แล้วน้ำตามันรื้นขึ้นมา ผมไม่ได้เป็นคนขี้แงนะ แต่ผมค่อนข้างที่จะติดครอบครัว พอไม่เจอกันนานก็เลยเป็นแบบนี้

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ พี่ล้อเล่น โน่น ไปดูพี่ชายตัวเองเลย น้อยใจแล้วมั้งน่ะ หึๆ” พี่ติมพยักพเยิดไปทางพี่อุ่น ผมผละออกมา ยิ้มกว้างแล้ววิ่งปรู๊ดไปกระแทกกอดอีกคนแรงๆอีกครั้ง เสียงอั่กลอยมาให้ได้ยินอีกแล้ว

“ว่าไงครับ ลืมพี่แล้วเหรอ หื้ม” พี่อุ่นหอมขมับแล้วอุ้มผมโยกไปโยกมาเหมือนเด็ก เออก็สนุกดีนะ แต่ผมตัวหนักไงเลยยกให้ลอยได้นิดเดียว

“ใครจะไปลืมตัวเองเล่า เค้าคิดถึงทุกคนเลย คิดถึงพี่อุ่นเท่าฟ้าเลยด้วย ฮื้อๆๆๆ”

“เอ้าไอ้ตัวดีเป่าปี่ซะแล้ว ฮ่าๆๆๆ” ถ้าเดินมาหันเราะใส่ก็เข้าบ้านไปเถอะพี่ติม หันไปค้อนเจ้าตัว แต่รายนั้นก็ยักคิ้วกวนๆใส่อีกต่างหาก ผมหันไปส่งสายตาฟ้องพี่อุ่นที่เป็นเกราะกำบังที่ดีที่สุดของผม

“อย่าแกล้งน้อง” พี่อุ่นดุอย่างไม่จริงจัง แต่ก็ทำให้พี่ติมหยุดได้ มิวายก็ยังแอบส่งยิ้มกวนมาให้อีก ได้! ไม่ยุ่งด้วยแล้ว!

“เออแล้วไหนแมวละตัวเล็ก” พี่ติมพูดขึ้น เห็นไหมครับบ้านผมมีการสื่อสารแบบโลกาภิวัตน์ขนาดไหน จะอยู่กันไกลขนาดไหนก็ส่งข่าวไปมาหากันได้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนบอกพวกพี่นะครับ ไม่พวกแม่บ้านก็แม่ผมนี่ละ

“นอนอยู่ที่ห้องครับ ขี้เซามากๆ” ไม่รู้ว่าตื่นหรือยังนะ แต่ตอนลงมานี่แทบไม่กระดิกตัวตามเลย นอนหลับสนิ๊ทสนิท

“เหมือนเจ้าของใช่ไหม ฮ่าๆๆๆ”

“พี่อุ่น พี่ติมแกล้งเค้าอีกแล้วอะ!”

“หึ เข้าบ้านกันเถอะ” พี่อุ่นกอดให้ผมเดินเข้าบ้านด้วยกัน ไม่มีแม้แต่จะมองไปยังสนามหญ้าหน้าบ้านเลย ผมว่าพวกพี่คงเห็นเกียร์กับพ่อตั้งแต่ขับรถเข้ามาแล้วละ แต่ทำเป็นไม่สนใจก็เท่านั้น ผมรู้สึกแย่แปลกๆ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปในเวลานี้

แม่เดินมารับในห้องโถงพอดี พวกพี่ทั้งสองทักทายและกอดเหมือนกับทุกวัน ก่อนจะพากันเดินไปรับห้องรับแขกที่มีคุณไอแดดกับไอหมอกนอนกระดิกหางดิ๊กๆอยู่ นอนรอเจ้านายสบายเชียวนะครับสุนัขบ้านนี้

“ไอหมอก ไอแดด” พี่ติมเรียก พวกมันเอี้ยวซ้าย เอี้ยวขวาค่อยๆลุกเหมือนคนแก่ แล้วเดินดุ๊กดิ๊กทำปากแหะๆเงยหน้ามอง พวกผมยิ้มขำกับท่าทางของมัน

“งานเยอะหรือ ไม่กลับมาบ้านเลย” พี่อุ่นลูบหัวผมที่นั่งอยู่บนตักเขา พี่แกชินแล้วน่ะครับ ตอนผมเริ่มเจริญเติบโต(อ้วนนั่นเอง)เขาก็บ่นๆว่าหนักอย่างโน้นหนักอย่างนี่ มีการมาไล่ให้ลงไปนั่งข้างๆด้วยนะครับ แต่ตอนนี้ก็ชิวครับ หนักจนชิน

“ก็ด้วยละครับ” แอบรู้สึกผิดที่ลืมมาหาชะมัด เฮ้อ

“โทรก็ไม่โทรมา”

“ยุ่งๆน่ะครับ เค้าก็โทษน้า” ผมเกยคางกับไหล่พี่อุ่นแล้วกอดเอวโยกไปโยกมาเป็นการขอโทษ

“หึหึ”

“ไม่ต้องอ้อนเลยนะตัวดี ใครจะยุ่งตลอดทั้งวันหะ ถามหน่อย” พี่อุ่นเงียบไปแล้ว คราวนี้เป็นพี่ติมที่มาถามแทน รายนี้ชอบแกล้งผมอะ ถ้าผมจนมุมจะเป็นเวลาที่เขาชอบใจมาก

“อะไรเล่า กลับมาก็เหนื่อยแล้วนี่”

“หนึ่งนาทีไม่เค๊ยไม่เคยคิดจะโทรเลยว่างั้น”

“ไอรักลืมเอง ไอรักขอโทษครับ” ผมรับผิดอย่างช่วยไม่ได้ ดูสิ พี่ติมหัวเราะที่ได้แกล้งผมใหญ่เลย ส่วนคนอื่นได้แต่ส่ายหน้าเอือม เอือมพี่ติมนะครับไม่ใช่ผม ไม่ใช่หรอกเชื่อสิ

“เลิกแกล้งน้องได้แล้วลูก ขึ้นไปอาบน้ำได้แล้วไป เดี๋ยวก็ไม่สบายเนื้อสบายตัวหรอก” แม่ผมบ่นมาเป็นห่างว่าวเลยครับ

ผมลากสองพี่ตัวโตขึ้นไปยังชั้นสอง แล้วพาไปดูเจ้าหญิงของบ้านที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ พอผมเรียกชื่อก็ไม่ตื่นจนต้องสะกิดแล้วเรียกดังขึ้นถึงสะลึมสะลือตาปรือขึ้นมา

“..เมี้ยว..” ผู้ชายสามคนก้มหัวมองคุณไอซิสด้วยสีหน้ายิ้มแก้มปริ ตัวอะไรไม่รู้ น่ารักได้อีก

“นอนเยอะไม่ดีนะครับ เดี๋ยวก็ปวดหัวหรอก” ผมเอ็ดเบาๆ

“ไอรัก นั่นแมว ไม่ใช่คน” พี่อุ่นเตือน ส่วนพี่ติมเอามือมาขยี้หัวผมกระจาย

“ก็เค้ากลัวมันไม่สบายอะ”

“แล้วพาไปให้หมอตรวจร่างกายหรือยัง หื้ม” พี่อุ่นถาม ผมส่ายหน้า

“ได้มาเมื่อกลางวันเองครับ กะว่าวันพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนจะพาไปตรวจสักหน่อย เผื่อจะได้ฉีดวัคซีนแล้วก็ถ่ายพยาธิด้วย”

“นั่นสิ ควรไปทำนะ ดูสิท้องป่องเลย แมวอะไรเนี่ยตัวเล็กท้องโต” พี่ติมจิ้มหัวคุณไอซิสเบาๆแล้วอมยิ้มขำ เขาเรียกว่าเป็นแมวที่มีคาแรคเตอร์ครับ!

“ให้แม่บ้านจัดการให้ไหม”

“อย่าเลยครับ เค้าอยากดูแลไอซิสให้ดีที่สุดน่ะครับ”

“ชื่อไอซิสเหรอ” พี่ติมหันมาถาม แล้วก้มเล่นกับไอซิสต่อ ไปเอาไม้แขวนเสื้อข้างตู้มาแกว่งให้แมวประสาทแดกเล่น ไอซิสก็บ้าจี้ ตีมึนตะคลุบใหญ่เลย

“ครับ เพราะละซี่”

“ดีกว่าชื่อไอรักนิดหนึ่ง” ถ้าไม่ติดว่าพี่ไออุ่นกับไอซิสอยู่ตรงนี้ ผมจะยกเตียงทุ่มใส่หัวพี่แกให้รู้แล้วรู้รอด

ไม่นานพวกพี่ก็ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมอุ้มไอซิสลงไปเล่นข้างล่างด้วย ดูท่าเจ้าตัวเล็กของผมจะเข้ากับไอหมอกและไอแดดพอสมควร วิ่งกันวุ่นเลย ตอนแรกก็กลัวว่าจะกัดกันตายไปข้างหรือเปล่า แต่ไม่เลยครับ มันเป็นมิตรกันมากเลย ผมแปลกใจนะที่ทั้งสองตัวไม่เขม่นแล้วกระโจนงับหัวไอซิส แต่ก็ดีแล้วละครับที่เข้ากันได้

“เป็นยังไงบ้างครับ” ผมรีบถามอย่างลุ้นๆเมื่อเห็นเกียร์เดินมาห่างจากพ่อที่ปลีกตัวขึ้นไปข้างบนเมื่อกี้

มันมองผมก่อนจะถอนหายใจแล้วส่ายหน้าเบาๆ ไหล่ผมลู่ลงช้าๆแต่มันก็บีบมือผมเบาๆแล้วปล่อยออก

“ไม่เป็นไรนะ” ผมพยักหน้าเบาๆ มันหนักไปหมด เหมือนอยากจะทรุดลงเสียตรงนี้ไปเลย มันเสียศูนย์ เสียความมั่นใจไปเกือบครึ่ง

“..ไหวไหมเกียร์”

“ไหว ไอรักละ”

“ไหวสิ ท้อบ้าง แต่ไม่ถอยหรอกนะ” บอกน้ำเสียงจริงจัง ถึงเวลาจริงๆเป็นใครก็ยิ้มไม่ออกหรอกครับ อย่างผมตอนนี้ไง ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทางมันมืดจนแทบไม่เห็นแสงสว่าง แต่ใจสู้สั่งขาให้วิ่งหาทางออก ทั้งที่ไม่รู้ว่าหนทางที่จะพบเจอทางออกมันอยู่ตรงไหน

"แล้ว..พ่อว่ายังไงบ้างครับ" เสียงผมคงแห้งแล้งเกินไป มันจึงลากผมไปที่ลับตาคนแล้วกอดผมไว้ทั้งตัว

“ว่าไงครับ เขาว่ายังไงบ้าง” ผมถามอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ามันไม่ตอบเสียที

“..เขาให้เราเลิกกัน..ห้ามเจอ..ห้ามคุย..ห้ามทัก..ทำเหมือนเป็นคนไม่เคยรู้จักกันยิ่งดี..ถ้ารักจริง..ก็ต้องเพื่ออนาคตไอรัก..” เสียงมันสั่นเครือลงทุกที ผมหลับตา พยายามสูดหายใจแล้วเงยหน้าถาม

“แล้วคุณตอบ..” พูดแค่นั้น กว่าจะออกมาแต่ละคำ ช่างยากเย็นเหลือเกิน..

“เพราะเรารักกันจริง..เลยทำให้ไม่ได้ สำหรับเกียร์คนเลิกกันคือคนที่หมดรักกัน ดังนั้นเราจะไม่เลิกกัน”

“….” น้ำตาที่รื้น ไหลลงมาช้าๆ ผมซุกอกหนา

“และจะช่วยกันทำเพื่ออนาคตของเราด้วยความรักของเรา..แต่เขาก็...ไม่ยอมรับ” มันผละออกมาสบตาในอ้อมกอดแล้วเช็ดน้ำตาให้

สายตานี้เหมือนตอนที่ผมขอให้เราลองห่างกัน สายตาที่เศร้าหมองยังติดตาผมไม่เคยหายไป

“ตัวเล็ก!” ไม่ทันที่จะหันไปตามเสียงเรียกก็มีมือมากระชากแขนให้ออกจากอ้อมกอดอุ่น ผมตกใจหันไปมองก็เจอพี่ติมจ้องมาทางผมกับเกียร์เขม็ง

“เมื่อกี้ทำอะไรกัน” พี่ติมถามเสียงเย็นก็ทำผมใจแป้วอีกครั้ง

“ปะ เปล่าครับ”

“เปล่าอะไร! เมื่อกี้พี่เห็นเรากอดกับมันอยู่ ทำไมเราทำตัวอย่างนี้ห้ะ!”

“เสียงดังอะไรติม” พี่อุ่นที่เดินมาพร้อมแม่ก็เข้ามาทัก แค่พี่ติมคนเดียวผมก็ตัวสั่นจนทนไม่ไหวแล้ว

“ไอ้นั่นมันกอดไอรักต่อหน้าต่อตาติม แม่ง มึงเป็นใครวะมากอดน้องกู เหี้ยเอ๊ย”

“ติม! ใครสอนให้พูดไม่เพราะอย่างนี้คะ พูดจาให้มันดีๆหน่อย” แม่ดุเสียงหลง

“ขอโทษครับ แต่มัน..ฮึ่ม!..ติมรับไม่ได้ที่จะให้น้องเราไปคบกับผู้ชายอย่างนี้ บ้านเราไม่เคยมีใครทำอย่างนี้มาก่อน มาม๊าก็รู้ว่ามันผิดธรรมชาติ สุดท้ายมันก็ต้องเลิกกันเพราะปัจจัยหลายอย่าง ตอนนี้น้องอาจจะหลงสนุกชั่วคราว แต่สุดท้ายแล้วไม่ใครก็ใครก็ต้องจบด้วยการเลิกกัน ติมไม่อยากให้น้องเสียใจ ไม่อยากให้น้องเสียเวลา เรื่องนี้ติมรับไม่ได้ พี่รับไม่ได้จริงๆไอรัก” พี่ติมพรั่งพรูออกมา แล้วหันมาบอกกับผมด้วยประโยคแสนแทงใจ

“แต่ไอรักรักเขา! พี่ติมได้ยินไหมว่าไอรักรักเกียร์! ฮึก..มันไม่ใช่ความรู้สึกชั่ววูบ แต่มันเหมือนกับคนทั่วไปที่เขารักกันจริง เหมือนผู้ชายรักผู้หญิง เหมือนกับที่แด๊ดรักมาม๊า แต่แค่เราทั้งสองเป็นผู้ชายเหมือนกัน แค่นั้น..แค่นั้นจริงๆ ทำไมคนที่ไอรักอยากให้เข้าใจ กลับ...กลับไม่เข้าใจไอรักเลยสักนิด...ฮึก”

“..ไอรักผิดมากเหรอ..” ขามันล้าจนทรุดตัวลงซบกับเข่า

พึ่งเข้าใจว่าน้ำตาเช็ดหัวเข่าก็วันนี้

“อย่ามาจับ!” เสียงพี่ติมดังขึ้น พร้อมปัดมือเกียร์ที่กำลังประคองให้ผมลุกขึ้น แล้วดึงให้ผมไปทางพี่ติมแทน

“ปล่อยเขารักกันไปเถอะลูก น้องติมจะดูถูกความรักของคนอื่นไม่ได้นะคะ เราจะมาเปรียบเทียบกับใครที่เคยเห็นมาไม่ได้ ผู้ชายรักกันยันแก่ยันเฒ่ามีออกเยอะไป น้องติมลองเปิดใจให้กว้างกว่านี้แล้วจะเข้าใจน้องนะลูก”

“…”

“น้องไม่ได้ผิดอะไรเลย ความรักไม่มีคำว่าผิดหรือถูกหรอกนะคะ อย่างน้อยน้องเขาก็ทำตัวน่ารัก มีความรับผิดชอบ ไม่เคยละทิ้งหน้าที่การเรียนหรือไปทำไม่ดีอะไร แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอคะ”

“อย่างนั้นก็เถอะ ติมก็ยอมรับไม่ได้อยู่ดี ต่อไปนี้ไอรักต้องกลับมานอนบ้าน”

“พี่ติม!”

“ถึงเราจะบังคับตัวน้องได้ แต่ก็บังคับใจน้องไม่ได้หรอกนะติม มาม๊าขอพูดแค่นี้ละ” แม่พูดแค่นั้นแล้วเดินออกไป

“ไอรักลองไปคิดดูดีๆว่าที่ทำอยู่มันถูกดีหรือยัง พี่ยังยืนยันคำเดิม กลับมานอนบ้านซะ” พี่ติมหันมาพูดแล้วเดินขึ้นชั้นบน

“พี่อุ่น..” ผมเรียกพี่ไออุ่นเอาไว้ เขามองผมนิ่งแล้วส่ายหน้าออกมา

“พี่ไม่อยากให้เราเสียใจ แต่พี่ก็ไม่อยากยอมรับ”

สุดท้ายก็เหลือแค่ผมกับเกียร์ที่ยืนอยู่ตรงนี้ มันคว้าผมกอดอีกครั้ง

“..ทำไมละเกียร์ ทำไมมันต้องเป็นอย่างนี้ด้วย..ทำไม..ทำไมอะ..ทำไม...” ไร้เสียงร้องโฮ แต่ความเจ็บกระอักอยู่ข้างในมันล้นออกมาเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสายอย่างไม่รู้ตัว

โหดร้ายเกินจะรับ

“ไม่เป็นไรหรอก สิ่งที่น่ากลัวคือความรู้สึกของเราต่างหาก เกียร์จะมาหาบ่อยๆ เขาจะได้ชิน” ผมผละตัวออกมามองมันอย่างใคร่รัก เวลาแบบนี้มันยังนิ่งและใช้ความคิดไตร่ตรองเรื่องราวเพื่อแก้ไขปัญหา มันรักผมมากจนไม่อยากเสียไปพอๆกับที่ผมไม่อยากเสียมันไป

“ขอบคุณครับที่ไม่ทิ้งกัน” ผมปาดน้ำตาแล้วยิ้มสู้

“เกียร์สิต้องขอบคุณ”

เรายิ้มให้กัน มองตากัน สื่อความรู้สึกออกมาโดยที่ไม่ต้องใช้คำพูดหรือการกระทำใดๆ เพียงมองดวงตาที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกที่มากมายก็ทำให้รู้ว่าเรามีกันและกัน เพื่อกันและกัน

คนอื่นยังรับเราได้ ทำไมเราจะทำให้พ่อกับพวกพี่ๆรับไม่ได้ละ! ไอรักไฟ้ท์ติ้ง!



TBC-------->>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


+ขอโต๊ดดดดด ไม่อยากจะหายไปนานนะคะ ความจริงพอเปิดเทอม งานรุมเร้า เราก็ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะปลีกตัวมาอัพให้อย่างน้อยเดือนละ2ครั้ง แต่เหตุไฉนถึงอัพเดือนละ1ครั้งไปได้ ขออภัยจริงๆค่ะ
+ขอระบายหน่อยนะคะ T^T เทอมนี้มีโปรเจคใหญ่ ต้องทำแผนการตลาดกับร้านของหวานชื่อดังในห้างทั่วประเทศ หากทำแผนห่วย ร้านเขาก็เจ๊ง ถ้าทางผู้บริหารไม่โอเคกับแผนงานก็ต้องทำใหม่ให้เขาซื้องานจนได้อะค่ะ ก็เลยต้องเต็มที่กับมันมากหน่อย ถ้าเขาโอเคก็ได้30คะแนน ถ้าทำยังไงก็ไม่ผ่านก็หายไป30คะแนนค่ะ(โหดสุดๆ) เมื่อวานก็พึ่งส่งแปลTextbookเกือบ800หน้า เล่นเอาเราแทบน็อคคาคอมฯ เรียนปี3หรือจบทำงานไปได้5ปีแล้วฟระ เครียดจริงๆ
+ที่กล่าวมาคือจะบอกว่า ช่วงนี้งานเยอะจริงๆค่ะ แต่ไม่ทิ้งกันแน่นอน สัญญา ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง +>> แก่แล้วไง...เล็กไม่เกี่ยง <<+ ขอพักไปก่อนนะคะ ไม่รู้ว่าปีใหม่จะมาต่อทันไหม แต่ก็ไม่ทิ้งแน่ๆค่ะ

โซ่รักทุกคนเหมือนเดิม :L2:

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
ว่าแล้วเชียว
แม่ไอรักเห็นภาพในรถตอนเช้าแน่ๆ
สงสารเกียร์ไอรัก
เฮ้อเรื่องมันเศร้า :m15:
 :กอด1: :L2: :pig4:
ขอบคุณคนแต่งที่มาต่อให้ค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
มาม่าอืดเต็มชาม 555 คนเขียนก็สู้ๆนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
สงสารเกียร์กับไอรักจังเลย แงงงง  :ling1: แต่ก็เข้าใจคุณพ่อกับพี่ ๆ ของไอรักนะ
จะให้ยอมรับง่าย ๆ ก็คงจะยาก แต่ก็โชคดีที่ยังมีคุณแม่คนนึงล่ะที่ยอมรับได้
ที่สำคัญ ชอบมากที่ทั้งสองคนไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ และจะต่อสู้เพื่อความรัก
แล้วดูพี่อุ่น ก็ไม่แข็งขนาดพี่ติม พี่อุ่นอาจจะยอมรับได้เป็นคนถัดไปก็ได้
ค่อย ๆ เอาชนะใจไปทีละคน พิสูจน์ให้ทุกคนได้รู้ว่าทั้งคู่รักกันจริง ๆ
ไม่เกินความสามารถของเกียร์กับไอรักอยู่แล้ว เอาใจช่วยทั้งคู่สุดใจขาดดิ้น
รอตอนต่อไปจ้า นาน ๆ มาทีก็รอได้ รอเสมอ เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะคะ สู้ ๆน้า  :กอด1:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
ไอรักกับน้องเกียร์สู้นะคะ ที่บ้านรักไอรักมากก็ต้องมีกันซีนกันบ้าง แต่ถ้ารักกันจริงที่บ้านก็ต้องเข้าใจ
สงสารอีตาเกียร์จะเฉาตายไหมที่ไม่ได้อยู่กับไอรัก ยังดีที่มีแม่เข้าใจอยู่หนึ่งคนค่ะ
แต่พี่อีกคนก็ยังไม่รู้ท่าทีเนอะ ที่แรงสุดคือคุณพ่อ โอย คนอ่านหมดแรง แต่ก็เป็นกำลังใจให้ผ่านไปได้
ไอรักเอาความน่ารักมาใช้ให้เต็มที่ลูก ให้ทุกคนใจอ่อน 555

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
เย้....ดีใจที่มาต่อ

อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่ามันสะเทือนใจ  น้ำตารื้นเลย

ก็เข้าใจว่ามันยากจะยอมรับเรื่องแบบนี้

แต่ก็น่าจะคิดตามแบบที่คุณแม่บอกนะ

ถึงจะขังตัวไว้ได้ แต่ใจเล่าใครจะขังเจ้าได้

ต้องให้ไอรักเจ็บเจียนตายหรอไรถึงจะยอมรับกัน

เฮ้อ..................ก็ว่ากันไป

รอตอนต่อไปนะ


ปล.เกือบลืม เกียร์-ไอรักสู็ๆ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
เกียร์กับไอรักต้องสู้นะ รักกันไม่พากันเสียก็ดีแล้ว
ทำไมไม่ยอมเข้าใจนะ

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
สู้ๆนะทั้งสองคน เราจะเอาใจช่วย  :sad4:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เกียร์กับไอรักสู้สู้นะ  :m15:

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เศร้าอะ

ไม่คิดว่าครอบครัวจะกีดกันขนาดนี้ อย่างที่แม่บอกว่าความรักไม่มีถูกผิดหรอก แค่เกียร์ไอรักรักกันเอง ไม่ได้ไปฆ่าใครสักหน่อยแง้ๆๆ

สู้ๆนะคะไอรัก นักเขียนด้วยเนอะ เป็นกำัลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
ตอนที่29






วันนี้ผมมามหาลัยกับคนขับรถที่บ้าน หลังจากที่เกิดเรื่องที่บ้านขึ้นพ่อก็ให้คนขึ้นไปเอากุญแจคอนโดเกียร์จากห้องนอนผม แล้วให้แม่บ้านไปเอาเสื้อของผมกลับมาทั้งหมดโดยที่ผมและเกียร์ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย มารู้อีกทีก็ตอนที่แม่บ้านกำลังขนเสื้อผ้าเข้าบ้าน ผมว่าพ่อทำเกินไป ถึงขนาดไม่อยากให้ผมกลับไปเหยียบที่นั่นอีกเลยหรือไง แต่ก็พูดอะไรไปไม่ได้เพราะนั่นก็เป็นพ่อของเรา จึงได้แต่ระบายความรู้สึกผ่านแรงบีบมือสากของอีกคน พอตกตอนเย็นพี่ติมก็พูดเชิงไล่เกียร์ให้ผมรู้สึกเจ็บอีกครั้ง


‘ถ้าไอ้นี่ยังอยู่ในบ้าน พี่จะไม่ทานข้าวเย็นที่นี่!’


เกียร์ก็ต้องยอมกลับไปแต่โดยดีเพราะเห็นว่าวันนี้คงอยู่ได้เพียงเท่านี้ มันไม่อยากให้พี่ต้องผิดใจกับผม อะไรที่ยอมได้ก็ต้องยอม มันบอกผมว่า..ยอมไปก่อน กลับไปตั้งหลักหนึ่งก้าวแล้วจะกลับมาเดินหน้าอีกสิบก้าว.. ฟังดูเหมือนมันมั่นใจมากเลยนะครับ ความจริงมันก็อย่างนั้นละ มันมุ่งมั่นทั้งๆที่รู้ว่ามันยากลำบากเพียงไหนก็ตาม มันบอกจะไม่ยอมเสียผมไป แค่นี้ผมก็ยิ้มออกแล้ว

แต่วันนั้นมันเอารถผมมาเพื่อจะมารับผม แล้วก็ต้องกลับไปคนเดียว แถมยังต้องเดินกลับอีกต่างหากเพราะจะขับรถผมกลับไปคนที่บ้านก็คงจะมองไม่ดี ตอนมันหันหลังเดินกลับบ้าน ผมแทบน้ำตาตก ผมสงสารเกียร์มาก ประตูรั้วกับตัวบ้านก็ไกลเหลือเกิน จะขับรถไปส่งก็โดนปฏิเสธ บอกให้ผมรีบเข้าบ้านไปเพราะกลัวยุงจะกัด ผมไม่อยากเห็นมันเหนื่อยเลย แล้วยิ่งเวลาที่มันรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยผมทั้งที่ตัวเองต้องเดินกลับเป็นกิโลกว่าจะถึงถนนใหญ่ มันยิ่งทำให้ผมแทบบ้า..

พอแยกกับมันได้สักพักผมก็ขึ้นไปต่อรองกับพ่อเรื่องที่มาเรียน เพราะเขาเกริ่นไว้ตอนเย็นว่าจะส่งคนมาจับตาดูผมทุกฝีก้าว ผมบอกกับท่านว่าขอเพียงให้คนขับรถมารับ-ส่งอย่างเดียวได้ไหม แลกกับที่ผมไม่ต้องกลับไปนอนคอนโด ผมบอกท่านว่าผมไม่ชอบให้ใครมาสะกดรอยตามเป็นเงาแบบนั้น ไม่ได้อยากเป็นนักโทษในเรือนจำ แล้วอีกอย่างยังไงผมก็กลับไปนอนที่บ้านอยู่ดี ตอนนั้นก็นานกว่าจะขอท่านได้ ดีที่แม่เข้ามาพอดีจึงช่วยพูดให้อีกเสียง

“วันนี้ผมมีเรียนทั้งวัน มารับดึกหน่อยละกัน”

“คุณหนูมีเรียนถึงห้าโมงครึ่งไม่ใช่เหรอครับ” เอออออสัตว์ ไอ้นี่เสือกรู้ทุกอย่าง แม่ง

“รู้ได้ไง”

“คุณท่านสั่งให้คนเอาตารางสอนมาให้ผมแล้วครับ” เถียงไม่ได้ครับ นั่นพ่อผม

“ผมว่าจะไปอ่านหนังสือกับเพื่อนที่ห้องสมุดต่ออีกสักพัก” เถียงไม่ได้ ก็อ้างมันเสียเลย

“งั้นผมอ่านหนังสือรอที่นั่นได้ไหมครับ” แต่นี่มึงจะเที่ยงตรงกับงานที่ได้รับมอบหมายเกินไปแล้ว

“ไม่ได้!”

“เอ่อ แต่คุณท่านจะดุผมสิครับ” อะไรๆมามองทางกระจกหลัง เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว ไอรักตีหน้าขรึมใส่

“ผมขอเวลาหนึ่งชั่วโมง หกโมงครึ่งมารับแล้วกัน” ผมถอนหายใจแล้วบอก กว่าจะตกลงกันได้แทบบ้าตาย

ผมเดินลงมาจากรถอย่างเซ็งๆ ลอบมองไปยังเห็นไอ้ไผ่(คนขับรถ)จอดอยู่ที่เดิม คงจะให้ผมขึ้นตึกไปก่อนถึงจะเคลื่อนรถออกไปแน่ๆ แอบดูมันจากในตึกก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ

“เฮ้อ...เฮ้ยย” ถอนหายใจยังไม่จบเฮือกก็มีมือใหญ่รั้งไปกอดเต็มตัว ตอนแรกตกใจสะดุ้งสุดตัว แต่พอได้กลิ่นที่คุ้นเคยกับสัมผัสที่ทำเมื่อคืนผมนอนไม่หลับเพราะไม่มีมัน อาการเกร็งก็ผ่อนคลายลงได้อย่างน่าประหลาด

“คิดถึงฉิบหาย” แหน่ะ มาก็หยาบคายใส่เลยนะ อย่างนี้มันน่า...

กอดให้แน่นเสียเลย แหะๆ

“เมื่อคืนก็คุยโทรศัพท์กันจนหลับยังไม่พออีกเหรอครับ” มันฝังจมูกลงซอกคอผมให้แน่นขึ้นแล้วสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะผ่อนออกซ้ำๆอยู่อย่างนั้น พลางตอบด้วยเสียงหงอยเหงาไปด้วย

“ไม่พอ มันกระสับกระส่าย นอนไม่หลับ”

“ผมก็..เหมือนกัน” แรงกระชับกอดแน่นขึ้น ผมไม่สนใจแล้วว่าใครจะมองผมบ้าง ตอนนี้ผมสนเพียงมันแค่คนเดียว

“เมื่อคืนหนาวไหม ห่มผ้าดีหรือเปล่า หื้ม”

“ไม่เตะแล้ว เตะไปก็ไม่มีใครจับห่มให้เหมือนเคย” ..แต่พอห่มมันก็หนาวอยู่ดี หนาวทั้งกายทั้งใจ

“ดูแลตัวเองหน่อยนะ”

“คุณก็เหมือนกันนะครับ ..เอาละ ได้เวลาไปเรียนแล้วละ” ผมผละตัวออกมาแล้วยิ้มจืดๆไปให้ แม้ว่าเราจะคิดถึงกันเพียงไหน แต่ต่างคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำ ละทิ้งไม่ได้อยู่ดี

“ไปเรียนด้วยได้ไหม”

“ไม่ได้ครับ อย่าเกเรียนสิ มันไม่ดีนะ” ผมเตือนมันด้วยเสียงดุ เวลาอย่างนี้งอแงตลอด

“เราจะได้เจอกันอีกตอนไหน” มันถอนหายใจแล้วถามด้วยหน้าตาโหยหาอยู่ตลอด มันไม่ใช่เวลาที่ผมจะเขินไม่ใช่เหรอ จะหลบสายตานั้นทำไมกัน

“เอ่อ ก็พักกลางวัน แล้วก็หลังผมเลิกเรียนน่ะครับ ผมบอกให้ที่บ้านมารับประมาณหกโมงเย็น”

“เสร็จแล้วโทรมานะ” มันกำชับบอกด้วยสีหน้าจริงจัง

“ครับ แต่ผมจะไปหาที่โรงอาหารวิศวะเองนะครับ เกียร์ไม่ต้องมาหาผมที่นี่หรอก”

“ทำไม มันมีอะไร” มันคิ้วขมวดพูดเสียงแข็งพลางเสตามองรอบๆอย่างจับผิด ไอ้นี่ยิ่งนานไปยิ่งระแวง ผมออกจะซื่อตรงกับคุณขนาดนี้ โถๆๆๆ

“ก็คุณทำอะไรเพื่อผมเยอะแล้ว ให้ผมตามใจคุณบ้างไม่ได้เหรอ ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อยอยู่ฝ่ายเดียวนี่”

“..อ้อนนักนะ” มันกระตุกยิ้มออกแล้วยืดแก้มผมใหญ่ แหมตะกี้นี่แทบจะฆ่ากูเสียให้ได้ หน้ามือเป็นหลังส้นเท้าสาก

“อ้อนอะไรเล่า จิ๊ อ้อจริงสิว่าจะพาคุณไอซิสไปตรวจร่างกายด้วยนี่นา เกียร์ไปด้วยกันไหมครับ”

“ที่ไหน” มันได้ยินชื่อไอซิสก็มุ่ยหน้าลง แต่มือไม่เหี่ยวลงเลย บี้อยู่ได้แก้มผมนี่

“คงเป็นโรงพยาบาล...ครับ คนขับรถคงไปส่งเหมือนเดิม แต่ไม่ลงเดินตามผมหรอก เกียร์จะไปด้วยก็ได้นะครับ” ผมเล่าเรื่องที่ตกลงกับพ่อเอาไว้ให้มันฟังตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ ส่วนเรื่องโรงพยาบาลสัตว์นั้นทางบ้านผมไม่ได้จับธุรกิจด้านนี้หรอกเพราะทำแต่โรงพยาบาลคน แต่พอดีโรงพยาบาลนั้นผมเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่อยู่ แต่ไม่มีใครรู้นอกจากครอบครัวผม เพราะผมให้คนอื่นบริหารแทน

“อืม ให้ชื่นใจหน่อย” มันเห็นคนจะเดินมาทางเราก็ดึงให้เข้าไปในห้องน้ำแล้วล็อคประตู ก่อนจับคางผมให้เงยขึ้น ป้อนจูบอ่อนหวานอยู่หลายนาทีแล้วผละออกอย่างเชื่องช้า

ผมเดินไปส่งมันที่รถมอเตอร์ไซค์คันเดิม โคตรคิดถึงเวลาที่ลมโกรกหน้าเลยให้ตายสิ เกียร์ทำให้ผมต้องกลายเป็นสก๊อยติดเบาะแล้วใช่ไหมนี่

จากนั้นก็เดินขึ้นไปเรียนตามปกติ และก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับพวกเพื่อนฟัง สรุปคาบเช้านี่แทบไม่ได้เรียนเลยทีเดียว ไอ้บอส คลื่น เนมมันก็เป็นผู้ฟังที่ดีตั้งใจฟังมาก และรักเพื่อนเกิน กลัวไม่รู้ข่าวสารพร้อมกันเลยโทรไปประชุมสายกับคิม พิช ไทป์ที่อยู่ต่างคณะให้มาฟังพร้อมกัน ไม่ได้เกรงใจอาจารย์เลยสักนิด หลายครั้งที่อาจารย์ต้องเอ่ยเตือน พวกผมก็เงียบ แต่ก็เป็นได้พักเดียว หันมาซักถามผมต่อ มีการเร่งให้ผมเล่าต่ออีก อะไรจะเสือกขนาดนั้นวะเพื่อนกู

“เออ ไม่เป็นไรโว้ย เดี๋ยวมันก็ผ่านไปด้วยดี” ต้องใช้เวลาสักเท่าไรละ.. แต่ก็หวังว่าจะเป็นอย่างที่ไอ้เนมมันพูดเหมือนกัน


เสร็จจากคาบเรียนที่เมื่อยปากเพราะไอ้เพื่อนจอมเจือก ผมก็ติดต่อเกียร์ทันที

12:07 iruk *หมีหิวข้าว*

12:07 igearuk อ้วน

12:07 iruk อชิระแควกๆ

12:07 igearuk ข่วนเล็บอยู่?

12:08 iruk เปล่า ลองเทสเสียง อิอิ

12:08 iruk เลิกเรียนแล้วเหรอครับ

12:08 igearuk ใกล้แล้ว

12:09 iruk ตอบไวมาก จะฟ้องครูอังคณา

12:09 igearuk รอไอรักโทรมา

12:09 igearuk เลิกยัง

12:09 iruk เลิกแล้วครับ กำลังไปหานะ

12:10 igearuk อย่าคุยกับคนแปลกหน้า (คงเป็นคำที่ยาวสุดเท่าที่มันตอบไลน์)

12:10 iruk หายห่วงค้าบ

12:10 igearuk ดีมาก

คงไม่ต้องบอกว่าผมคุยกับใคร เกียร์มันเอาชื่อผมกับมันมารวมเข้ากันจนกลายเป็น ‘igearuk’ พอตั้งเสร็จก็อมยิ้มกริ่มอยู่คนเดียว ไม่รู้มันเพ้ออะไรของมันแค่ชื่อไลน์ คือมันก็ไม่ได้ชอบเล่นโทรศัพท์อะไรนะครับ ต้องเหตุสำคัญๆมันถึงจะจับโทรศัพท์ขึ้นที(เหมือนผม) แต่ที่มันอารมณ์ดีเพราะชื่อเรารวมกันเป็นหนึ่งเดียวต่างหาก

และแค่มันยิ้มนิดเดียวก็ทำให้ผมยิ้มตามได้อย่างประหลาดแล้วละ


“สวัสดีครับทุกคน” กว่าผมจะเดินฝ่าแดดไปถึงคณะมันก็เห็นกลุ่มมันตั้งฐานนั่งในโรงอาหารกันหมดแล้ว แอบอึดอัดสายตาที่มีแต่คนมองมาด้วย เดี๋ยวนี้ผมสังเกตว่าผู้ชายเริ่มมองผมมากขึ้น ไม่รู้ทำไม หรือเพราะเขามองเพราะเรื่องผมกับเกียร์มันดังกระฉ่อนมอวะ ไม่น่าจะใช่มั้ง เอ๊ะ หรือกูจะแต๋วขึ้นวะ!?

“โหแก้มแดงแปร๊ดเลยว่ะมึง เหงื่อไหลนิดๆเอ็กซ์สาดด ฮ่าๆๆ” มึงไม่ต้องหัวเราะจนเห็นลิ้นไก่ขนาดนั้นก็ได้ไอ้คุณพัต แม่งชอบพูดเกินจริง

“มายังไง” เกียร์รีบลุกขึ้นมาล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงของผม(เพราะมันไม่เคยพก)เพื่อหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้แล้วถามด้วยเสียงเครียด จะรีบลุกทำไมเล่าอีกก้าวเดียวไอรักจะถึงอยู่แล้ว

“เดินมาครับ” ผมตอบซื่อๆ

“เหนื่อยไหม ไม่ร้อนเหรอ หน้าแดงหมดแล้ว แสบหน้าไหม ทีหลังให้เพื่อนสนิทมาส่งนะ อย่าเดินมาเอง” มันร่ายยาวจนผมมึนไปเลย กูงงว่ากูผิดอะไร จะพยายามเข้าใจแล้วกัน

“ร้อนไปหน่อย แต่เดินมาก็สนุกดีนะครับ”

“ดื้อ!” อ้าว มันว่างั้นแล้วตีหัวผมเบาๆอีก ครบสูตรเลยแฟนกู ทั้งดุทั้งใช้ความรุนแรง

“กูแทรกบทสนทนาของพวกมึงทั้งสองไม่ได้เลยใช่ไหม” หันมาอีกทีก็เห็นเพื่อนมันนั่งกันตาปริบๆ ไม่สิ คนอื่นในระแวกเดียวกันก็มีอาการแบบนั้น

“แหะๆ เออเกียร์ผมหิวข้าวอะ” ไม่รู้จะตอบอย่างไรก็เลยหันไปหัวเราะใส่คุณมัด แล้วกระซิบบอกเกียร์เบาๆ มันก็เดินไปซื้ออย่างว่าง่าย เออดีเนอะ บทจะเชื่องก็เชื่องซะ

“เนกับโฟ่ไม่มาเรียนเหรอครับ” ปกติจะเห็นกันครบกลุ่ม เลยหันไปถามมัด

“เดี๋ยวพวกมันก็มา มันไปรับงานจากอาจารย์อะ” งานที่ว่าคืองานที่อาจารย์จ้างให้นิสิตทำงานให้น่ะครับ เขียนโปรแกรมบ้าง ซ่อมคอมพิวเตอร์บ้าง เกียร์ก็ทำอยู่เหมือนกัน น่าจะได้เงินดีเพราะเขาต้องการแค่ไม่กี่คน มันบอกว่ารับเพราะงานนี้ทำในบ้านได้ อีกอย่างคืออยากเรียนรู้อะไรหลายๆด้านไม่ใช่แค่ด้านไฟฟ้ากำลัง สาขาที่มันกำลังเรียนอยู่ตอนนี้อย่างเดียว

“ครับ แล้วนี่...” เด็กสองคนที่ร่วมโต๊ะหน้าตาคุ้นๆเหมือนเคยเห็นแฮะ แต่จำไม่ได้

“อ๋อ เคยเจอกันแล้วนิ ไอ้นี่ชื่อเล็ก เป็นหลานรหัสไอ้เกียร์ ส่วนนี่ชื่อฝัน หลานรหัสไอ้เน ..ส่วนนี่ชื่อไอรัก แฟนพี่รหัสมึงอะเล็ก ไหว้ซะ ฮ่าๆๆ” ผมหน้าแดงแปร๊ด ไอ้พัตมึงนะมึงเล่นกูอีกแล้วไงละ ถามว่าอายไหมก็ตอบเลยว่าไม่ แต่กูเขินหน้าจะระเบิดอยู่แล้วครับ!

“โห แฟนพี่เกียร์แม่ง....” เสียงมึงล่องลอยไปไหม

“แม่งไร” ไอ้คนโดนนินทามาจากไหนไม่รู้ เสียงโหดใส่หลานรหัสตัวเองเฉยเลย

“ง่ะ”

“มึงพูดดีๆนะถ้าไม่อยากตาย” พัตกระซิบเสียงดังแบบตั้งใจให้คนอื่นได้ยินด้วย

“เอ่อ เอ่อหล่อมากเลยคร๊าบ พี่ก็หล่อโคตร แฟนก็โคตรน่า.. เอ้ยโคตรหล่อ เหมาะสมกันที่สุดในโลกเลย” คำพูดมึงโกหกเอาหน้าชัดๆ

“ดี” เวรกรรม ไอ้นี่เสือกเชื่อเด็กมันอีก บ้ายอนะมึง ไอรักละกลุ้ม

“พวกมึงเบาๆหน่อยสิยะ” ผมเห็นสามุ่งมั่นกับวิทยุธานินทร์รุ่นเก๋ามานานละ เห็นหมุนหาคลื่นอยู่นั่นไม่หยุดสักที

“มึงทำอะไรอะ กูเห็นมึงง่วนอยู่นานละ” คิดเหมือนผมเลยครับมัด

“เอ๊ะกูบอกว่าเบาๆ กูหาคลื่นลุ้นหวยอยู่” โห ผู้หญิงไทยคนนี้ ไม่ได้มีดีแค่หน้าตานะครับ ยังกล้าได้กล้าเสี่ยงอีกด้วย เก่งจริงๆ

“หืม..เพลงนี้”

“หือ ทำไมเหรอคะเจ้าชาย” สาเงยหน้าขึ้นถามเสียงหวานเลยโดนมัดที่นั่งข้างๆผลักไหล่ไปที

“อ๋อเปล่าครับ พอดีผมชอบเพลงนี้น่ะ ชอบมากๆด้วย” ผมตอบแบบยิ้มๆ ประมาณว่าถ้าเปลี่ยนแล้วกูจะโกรธมึงมากๆ

“โอ้ยนั้นฟังเพลงนี้ก่อน ช่างหวยมันเนอะ อิอิ” น่ารักจริงๆเพื่อนเกียร์คนนี้ เหมือนเกียร์มันจะรู้ความคิดของผมจึงกระแอมออกมาเบาๆ

“พี่ไอรักๆ พี่นามสกุล อัศววัฒนไพศาล หรือเปล่าอะ” อยู่ๆหลานรหัสตัวโตของไอ้เกียร์ก็มาถามผมแบบโต้งๆ

“ทำไม” ไอ้เกียร์ถามกลับไปเร็วกว่าผมอีก หลานมึงถามใครกันแน่หะน้ำแข็ง

“ง่ะ”

“เกียร์ อย่าเสียงดุใส่น้องสิครับ ใช่ครับน้องเล็ก มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมเตือนเกียร์แล้วหันไปตอบน้องมัน

“ผมเห็นในเน็ตว่าคอนโดXX ที่อยู่ใกล้ๆมอเราเป็นของพี่เหรอฮะ” หน้าน้องเล็กตอนนี้จริงจังมากจนผมอดที่จริงจังตามด้วยไม่ได้

“ของแม่พี่ต่างหากครับ แม่พี่พึ่งซื้อกิจการที่นั่นต่อจากเจ้าของคนเก่า ไม่ใช่ของพี่หรอก” ผมตอบหน้ายิ้มๆ

“เฮ้ย จริงเหรอพี่ เฮ้ยย ฮ่าๆๆ แล้วมันมีห้องว่างไหมอะ คือผมอยากได้เช่าห้องหนึ่ง แต่อยากได้ถูกๆอะ งบผมไม่ค่อยมี แฮะๆ” มันตกใจโอเวอร์แอ็คติ้งกว่าได้มงกุฎมิส(เตอร์)เวิลด์อีกนะนี่

“ถูกๆเหรอ ถ้าเป็นที่นั่นมันไม่ถูกน่ะสิ ถึงพี่จะลดให้มากกว่าครึ่งก็ตามทีเถอะ เอาอย่างงี้ไหม ไปอยู่ห้องพี่ก็ได้นะ” ผมยิ้มบอกอย่างใจดี ไอ้เกียร์หันควับคิ้วขมวดเลย ผมก็มองมันงงๆ

“จะไปอยู่กับมันหรือไง” มันพูดเสียงสะบัด อ้าวงอนไอรักอีก ไอ้นี่มันลืมอะไรไปหรือเปล่า

“ให้น้องยืมสักสองเดือนก็ไม่ได้เสียหายสักหน่อย ยังไงผมก็นอนคอนโดคุณอยู่แล้วนี่ อีกอย่างตอนนี้ผมก็โดนพ่อผมจำกัดที่อยู่ด้วยนิครับ” เหมือนพึ่งคิดได้ สีหน้าเริ่มคลายออก

“....”

“ไอรักทำตัวน่ารักขนาดนี้ ยังระแวงได้ลงคอเหรอ ใจร้ายจัง” ไม่น่ากระซิบยั่วมันเลย มันหัวเราะเบาๆแล้วก้มลงมาหอมแก้มเร็วๆต่อหน้าประชาชน ผมกระเด้งหน้าออก หันซ้ายหันขวาเจอแต่สายตาที่มองพวกผมเป็นตาเดียวก็ต้องรีบก้มหน้าลง โคตรอายเลย แหง่งๆๆ

“โหไอ้เกียร์ มึงไม่เกรงใจพวกกู ก็เห็นแก่คนในโรงอาหารหน่อยเถอะ ตายิบยับเชียวนะไอ้ห่า แถวนี้ยิ่งมีแต่แฟนคลับไอ้ไอรักอยู่ด้วย จากที่มึงโดนเกลียดอยู่แล้วเดี๋ยวก็มีคนไปปาขี้หน้าบ้านมึงหรอก” พัตว่า

“กลัว?” บางทีผมก็อยากจะกระทืบหน้านิ่งๆที่ติดจะกวนมึนของมันนะครับ

“แล้วสรุปได้จริงๆเหรอพี่ จะดีเหรอ แล้วค่าเช่ามันเท่าไรอะ” คำพูดติดเกรงใจ แต่นัยน์ตามันแวววาวจนน่าตบสักทีสองที

“ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่คิดค่าเช่า แต่คงอยู่ได้แค่สองเดือนนะ เพราะพี่ไม่รู้ว่าจะต้องใช้ห้องตอนไหนอีกหรือเปล่า”

“ย้ายสำมะโนครัวมาบ้านเกียร์ได้แล้ว” ไอ้คุณน้ำแข็งมันกระซิบบอกด้วยคำพูดที่กวนส้นเท้า ดูความกระล่อนของมัน

“โหห ใจดีสุดๆอะ ขอบคุณค้าบบพี่ชายสุดหล่อ อย่างนี้ไอ้เล็กรักตายเลย อิอิ” น้องมันลุกขึ้นมาแทบจะกราบตักผม ไอรักก็ถอยกรูดไปหาเกียร์สิครับ นอกจากที่ผมจะตกใจกับการกระทำเพี้ยนๆของมัน ยังต้องเผลอร้องโหเพราะน้องมันตัวสูงมาก เท่าเกียร์เลย เด็กสมัยนี้มันกินอะไรเป็นอาหารวะ โตได้โตดี

“อ่า ไม่เป็นไรครับ ไปนั่งทานข้าว(ดีๆ)เถอะ” น่าน ยังไม่ไป มายืนทำตาวิ้งๆเหมือนหมาได้กระดูกอีก

“ไปไกลๆ เดี๋ยวมึงจะโดน” จนเกียร์ไล่นั่นละถึงยอมไป

ทานอาหารกันเสร็จเกียร์ก็พาไปขับรถเล่น มันก็ไม่ได้ดูแดดเลยนะครับ แค่นั่งรถปุ๊บตูดกูสะดุ้งทันที แดดร้อนยิ่งกว่าทะเลทรายเสียอีก แต่มันก็ไถ่โทษโดยการร่อนไปร้านไอศกรีมหน้ามอ ผมยิ้มหน้าบานเลย

“เสร็จแล้วนั่งรอในคณะนะ ตอนเย็นอันตราย” กูอยู่มาจะจบอยู่แล้วไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แต่พอมึงทักขึ้นมาเท่านั้นละ เดี๋ยวมันก็มี

“จ้า มาไวๆนะ” ผมโทรไปบอกคนขับรถที่บ้านแล้วว่าให้เอาคุณไอซิสมาด้วย แล้วเลื่อนเวลากลับบ้าน โดยให้รายงานไปว่าพาเจ้าหญิงไปตรวจสุขภาพ ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร


..............................................


“เป็นไงครับเรา ไม่ให้ใครจับเลยเหรอ” ไอซิสร้อง เมี้ยว เมี้ยว เหมือนฟังรู้เรื่องเลย แต่เปล่าหรอกมันร้องไปอย่างนั้นละ เห็นว่าตอนที่จะเอามาไม่ยอมให้แม่บ้านจับ พอมาอยู่ในรถก็ดิ้นพล่าน สงสัยจะกลัวรถกระมัง แต่พอเจอผมก็เริ่มสงบลง

สัตว์มันก็เป็นสิ่งมีชีวิต มีชีวิตจิตใจ ใครเป็นนายมันก็คงรู้ด้วยสัญชาตญาณหรือความคุ้นเคยนั่นละครับ

“คุณหนูครับ มีคนตามเรามา” คนขับรถพูดเสียงเครียดพลอยให้ผมเครียดตาม ไม่ใช่ว่าเครียดเพราะกลัวจะถูกปองร้ายอย่างในละครช่องหลายสีอะไรหรอก แต่เครียดเพราะนั่นมันรถเกียร์ไง

“ไม่หรอก คงจะไปเส้นทางเดียวกับเรา ขับไปเถอะ” ผมตีหน้านิ่งสั่ง ทั้งที่ในใจลนลานจนใจจะขาดอยู่รอนๆ อย่าให้มันจับได้นะ ไม่งั้นมันได้ไปรายงานพ่อแน่ๆ

“ครับ” ยังดีที่ไผ่มันเป็นคนขับรถคนใหม่ของที่บ้าน ดูมันงงๆเอ๋อๆ ผมบอกอะไรก็เชื่อไปซะหมด

“เอ่อ คุณหนูครับ ให้ผมรอแถวนี้ใช่ไหมครับ” ปกติมันต้องรู้หน้าที่ตัวเองไม่ใช่หรือ ถามอะไรเยอะจังวะ

“อืม นานหน่อยนะ” ตีหน้าเคร่งเอาไว้ไอรัก

“ครับ” เออ สักที

ผมเดินหิ้วกระเป๋าใส่น้องแมวเข้าไปยังตัวโรงพยาบาล ก่อนที่บุรุษพยาบาลจะเข้ามาช่วยยกก็มีบุรุษหน้านิ่งคว้าไปเสียก่อน แถมยังมองเขม่นพนักงานอีก พนักงานคงร้อนๆหนาวๆเลยเดินไปรับบัตรคิวมาให้ แต่ผมโบกไม้โบกมือให้เขาแล้วลากตัวการไปยังหน้าห้องพยาบาลพิเศษ

“กินอะไรหรือยัง”

“ยังเลยครับ เรียนเสร็จก็ออกมาเลย”

“แล้วขนมที่ซื้อไว้ตอนกลางวันละ” มันรู้ว่าผมต้องกลับไปทานอาหารเย็นที่บ้านจึงซื้อขนมมารองท้องให้เมื่อตอนกลางวัน

“พวกนั้นมันทานไปหมดแล้วอะ ผมได้ดื่มแค่นมช็อคเอง” ไอรักขอฟ้องนิดหนึ่ง ไอ้พวกเพื่อนผมเจอของกินไม่ได้หรอก เห็นเป็นแดก เขมือบทุกครั้งที่มีช่องทาง

“ทีหลังแอบใส่กระเป๋าตัวเองไว้สองถุงนะ จะได้ไม่โดนแย่ง” หน้ามันโคตรจะจริงจังเลย

“หัวหมอได้อีกอะเกียร์” ว่าแล้วก็หัวเราะ มึงคิดได้เนอะเกียร์ เทคนิคนี้เหมือนสมัยตอนอยู่ประถมไม่มีผิด

มันหยิบขนมออกมาเหมือนรู้ว่ามันจะเกิดขึ้น เตรียมพร้อมสุดๆ ผมรับบิสกิตไปทานไม่กี่ชิ้น แอบเขินนิดหน่อยที่มาทานขนมในโรงพยาบาลสัตว์แบบนี้

“รออยู่ข้างนอกก็ได้นะครับ” มันลังเลนิดหน่อยแต่ก็ยอมนั่งหน้าห้องแล้วส่งไอซิสมาให้

ผมเดินเข้าไปห้องพยาบาลพิเศษ เจอหมอกำลังเดินเข้ามาจากประตูสำหรับเจ้าหน้าที่พอดี ผมยิ้มให้ แต่ไอ้หมอบ้ามารยาทแย่มาก มองผมหัวจรดเท้าเลย กูเชิญมึงออกดีไหมสัตว์

“อ่ะ เอ่อ สวัสดีครับ คุณอชิระใช่ไหมครับ เชิญครับเชิญ” กว่ามันพึ่งได้สติเชิญให้นั่ง กูแทบขึ้น

“ขอบคุณครับ” ภาคความคิดกับคำพูดไอรักแตกต่างราวฟ้ากับเหว แต่หาได้สนใจไม่ ด่าไอ้หมอคนนี้ในใจต่อไปอย่าให้มันรู้

“พอดีผมพึ่งได้คำสั่งให้เข้ามาตรวจที่ห้องพิเศษ ไม่ทราบว่ารอนานหรือเปล่า ขอโทษด้วยนะครับ” หมอขอโทษขอโพยใหญ่ คงคิดว่าผมเป็นลูกคนใหญ่คนโตกระมัง แต่ผมไม่ใช่ไง ผมเป็นแค่หุ้นส่วนรายสำคัญเท่านั้นเอง

“ไม่เป็นไรครับ พึ่งมาเหมือนกันครับ” ผมยิ้มให้ ไอรักอาจจะมองคนผิดไปเพราะดูๆแล้วก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ถ้าตัดการเจอกันครั้งแรกไปอะนะ

“ผมชื่อภูมิภัทร เรียกภัทรเฉยๆก็ได้ครับ” หมอหนุ่มอารมณ์ดียื่นนามบัตรมาให้แล้วยิ้มสว่างไสวตบท้าย รู้สึกแปลกๆนิดหน่อยแฮะ อะไรจะเป็นทางการขนาดนี้แค่มาตรวจแมวเอง

“ครับ แล้วจะเริ่มตรวจกันได้หรือยังครับ” หมอภัทรหน้าเสียไปนิดหน่อยแต่รีบปรับสีหน้าให้ยิ้มดังเดิม ขอไอรักเสียมารยาทหน่อยเถอะ เดี๋ยวกูตายเพราะคนข้างนอกเอา ใช้เวลานานไม่ได้เดี๋ยวมันพิโรธ

“ครับ วันนี้เป็นอะไรมาเอ่ย” ไอรักไม่ได้เป็นอย่ามามองตากัน ผมตีหน้ามึนเปิดกระเป๋าเอาคุณไอซิสออกมา

“โอ๊ะโอหน้าตาน่ารักเหมือนใครกันหนอ..” อะไรของหมอวะ

ผมให้หมอตรวจไอซิสไป น้องตะกุยตะกายใหญ่เลยคงจะยังไม่ชินมือกระมัง แต่อยู่กับเกียร์มันก็ไม่เป็นแบบนี้นะแปลกดี ตอนโดนฉีดยาคุณไอซิสร้องเสียงดังจนผมต้องเดินไปช่วยลูบหัวให้สงบ แต่ผมก็ต้องรีบเขยิบออกมาเพราะรู้สึกว่าจะไปเบียดหมอภัทรเกินไป ผมไม่ได้ผิดนะ แต่ถ้าไม่รู้สึกไปเองไอ้หมอมันกระแซะเข้ามาเอง ที่มีตั้งเยอะตั้งแยะ ห่านิ

“โอ๋ๆ เจ็บไหมไอซิส ขอโทษนะ” เมื่อทุกอย่างเสร็จ ก็คลานมานอนซมข้างหน้า ผมเลยจัดการอุ้มเอาไว้ในอ้อมกอด น่าสงสารจัง ร้องเสียงแผ่วเชียว

“อีกสองสัปดาห์มาถ่ายพยาธิอีกครั้งนะครับ ดูท่าเจ้าตัวนี้จะมีเยอะพอสมควร ส่วนนี่ยาของน้องไอซิสครับ”

“ขอบคุณครับ”

“อ้อคุณอชิระ รบกวนช่วยกรอกประวัติส่วนตัวของเจ้าของให้ด้วยนะครับ” ผมมองแบบฟอร์มที่หมอเอามาให้งงๆ

“ต้องเขียนด้วยเหรอครับ” เพราะจำได้ว่าผู้บริหารแจ้งกับผมว่าแค่เอามาตรวจ รับยาโดยไม่ต้องจ่ายเงินแล้วกลับได้เลย

“ครับ” หมอบอกยิ้มๆ แต่ไอรักก็ก้มเขียนไปแบบงงๆ สงสัยผู้บริหารคงลืมบอกหมอกระมัง

“ยังไงหากมีอะไรก็โทรตามเบอร์ที่อยู่ในนามบัตรได้ตลอดเวลาเลยนะครับไม่ต้องเกรงใจ”

“อ่า ครับ เสร็จแล้วใช่ไหม ผมขอตัวกลับเลยนะครับ” ไอรักสัมผัสถึงแรงสั่นตรงสีข้างยิกๆอยู่นานแล้ว คงต้องขอม้วนตัวกลับเผ่าแล้วละ

“ครับ แล้วเจอกันครับ” ขนลุกกับยิ้มไอ้หมอคนนี้วะ จะยิ้มอะไรนักหนาหวานหยดย้อยขนาดนั้น

“นาน!” เปิดออกมายังไม่ทันก้าวออกไปก็เจอคุณน้ำแข็งยืนเป็นก้อนยูนิตระยะประชิด เล่นเอาผมผงะเลย

“ให้เขาตรวจอย่างละเอียดอะครับ มันเลยนานไปหน่อย” ผมพามันออกมานั่งม้าหินอ่อนแถวสนามหญ้า ตอนนี้มันก็มืดแล้วจึงไม่มีคนอยากออกมากินลมชมวิว

“พุงมันหายไปไหนหมด” เกียร์มันงงว่าทำไมไอซิสถึงตัวแฟ่บกว่าตอนแรก ตอนผมเห็นตอนแรกก็งงเหมือนกัน

“สงสัยโดนถ่ายพยาธิไปหมดไส้หมดพุง ดูสิคงเพลียน่าดู” เจ้าหญิงขี้เซานอนหลับปุ๋ยไม่มีแววจะตื่นเลย

“แล้วหมอว่าไงบ้าง” ยังดีที่มันเริ่มสนใจไอซิสบ้างแล้ว จับพลิกไปพลิกมาอยู่นั่น ไม่รู้ว่าจะแกล้งให้แมวตื่นหรือยังประหลาดใจกับพุงไม่เลิก

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ อีกสองอาทิตย์ให้มาถ่ายพยาธิอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าผมจะว่างมาหาหรือเปล่า” ใกล้จะสอบปลายภาคแล้ว ผมค่อนข้างคาดหวังกับเกรดเทอมนี้พอสมควร เพราะผมคิดว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้พ่อกับพวกพี่ๆมองเกียร์ดีขึ้น อยากให้รู้ว่าเราคบกันไม่ได้ทำให้เราทำตัวเหลวไหลอะไร ความจริงก็อยากให้พวกเขาภูมิใจในตัวผมด้วย

“เกียร์น่าจะว่างพามาได้ ยังไงค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน”

“แล้วงานเขียนโปรแกรมที่รับมาละครับ เขากำหนดส่งอีกสองอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ”

“ปลีกตัวมาได้”

“โอ้โหใจพี่หล่อมากอะ” ผมพูดแล้วยิ้มตาหยีใส่ เห็นอย่างนี้มันก็พ่อพระเหมือนกันนะนี่

ผมยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิเพื่อหลบยุง คนข้างๆก็มีไม่เคยกัดมัน แต่จ้องจะกัดกูอยู่นั่นละ ฮึ่มๆ หรือเลือดผมจะหวานวะ แล้วเลือดใครเค็มบ้างอะอยากรู้ ผมหยุดคิดอะไรฟุ้งซ่านแล้วเงยหน้าไปมองคนที่เงียบไปได้สักพัก แต่ก็ต้องผงะเพราะหน้าอีกคนอยู่ห่างกันเพียงคืบ

“เกียร์..จะทำอะไร” มันยื่นหน้าเข้ามาเรื่อยๆ ผมเลยถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ มือไม้พันกันยุ่งไปหมด

“ชู่..” มันว่าแค่นั้นแล้วเคลื่อนหน้าเข้ามาประกบปากลงทันที ลูบคางให้ผมอ้าปากก่อนจะสอดลิ้นเข้ามาเกี่ยวตวัดปลายลิ้นอย่างถวิลหา ผมครางฮือหลับตาแน่น ตั้งสติได้ก็พยายามสนองกลับไปไม่แพ้กัน มันดึงตัวให้ไปนั่งตัก มือผมจึงไปคล้องคออีกคน กอดมันเอาไว้อย่างแนบชิด


อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมคิดถึงมันขนาดไหน อยากให้รู้ว่าไม่มีมันแล้วมันแย่เกินจะทนไหว


[ต่อล่าง]

ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
[ต่อจากด้วยบน]








เราจูบกันจนพอใจก็ค่อยๆถอนออกมาอย่างอ้อยอิ่ง



“ผม..คิดถึงคุณ” น้ำตาที่รื้นออกมากลับไหลลงอย่างไม่รู้ตัว คนอาจจะคิดว่าเพียงคืนเดียวมันจะอะไรนักหนา มันอาจจะเกินไปสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับผมแล้วนั้นวันเดียวก็มากพอแล้ว เพราะเราไม่เคยต้องห่างมันนานขนาดนี้ เราอยู่ดูแลกัน มองหน้าให้กำลังใจอยู่ข้างกันเสมอ เวลานอนก็หลับไปด้วยกลิ่นอายของกันและกันทุกคืน เวลาตื่นก็เจออีกคนนอนอยู่ข้างกาย ออกมาก็เห็นแผ่นหลังกว้างง่วนทำอาหารเพื่อให้ได้อิ่มท้องอิ่มใจทุกครั้ง มันทำให้ทุกวันของผมมีความสุขจนกลับไปมีชีวิตอย่างตอนไม่มีมันแทบไม่ไหว


การที่รับแรงกดดันจากพ่อและพี่ๆผมก็ว่าแย่แล้ว แต่ความโหยหากันและกันแย่ยิ่งกว่า


“ทนหน่อยนะ” ผมพยักหน้ากับอกหนา แล้วซุกเข้าตัวให้แนบชิดขึ้น เอียงหน้าเข้าหาให้มันเช็ดน้ำตาให้แล้วลูบหัวได้ถนัด

“ทำอะไรไม่อายแมวเลยเกียร์อะ” สูดน้ำมูกแล้วแกล้งทำหน้ามุ่ยบอกมัน

“ใครเริ่มละ”

“เรื่องอย่างนั้นก็มีแต่คุณนั่นละที่เริ่ม ..หื่นชะมัด” แอบงุบงิบประโยคท้าย แต่ก็ไม่พ้นหูมันอยู่ดี

“ชอบทำหน้าตาน่ารักนัก โดนบ้างก็ดีแล้ว” ไอรักไปทำหน้าอย่างนั้นตอนไหนวะ

“ฮึ่ยย ..ไปกันเถอะครับ ป่านนี้นายไผ่คงตบยุงตายไปหลายพันตัวแล้ว”

“ไผ่?” มันเลิกคิ้วถามขณะที่ผมกำลังลุกขึ้นถือกระเป๋าคุณแมว


“อ๋อ คนขับรถน่ะครับ ป่ะ” ผมยื่นมือไปให้จับ มันมองมือผมนิ่ง ก่อนจะวางบนมือทับแล้วออกแรงกระชากจนตัวผมปลิวไปกระแทกอกมันอีกครั้ง


..ฟอด..


“โทษฐานเรียกชื่อผู้ชายคนอื่น” ไอ้เจี้ยยยยย จวยเอ๊ยทำไอรักเขินหน้าแทบระเบิดแล้วยังมายิ้มพิฆาตให้อีก ใจเต้นรัวเป็นกลองสะบัดชัยเลยกู

“ฮึ่ย ปล่อยเลย เดี๋ยวจะโดนดี” ผมสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมกอด มืออีกข้างยังถือกระเป๋าคุณแมวคาอยู่เลย

“กำลังรออยู่เลยละ หึหึ”


!!!!!!!!!!!!





















“ตัวเล็ก” พี่อุ่นเรียก ผมเลยเปลี่ยนแผนจากที่จะเดินขึ้นห้องไปเก็บของก็กลายเป็นเดินไปหาพี่อุ่นที่ห้องนั่งเล่นแทน

“สวัสดีครับ” ทักทายไม่พอ ต้องกระโดดทับตัวพี่อุ่นเพื่อกอดกระชับความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้น เสียง ‘อั่ก’ ลอยมาให้ได้ยินอีกแล้ว

“แถวโรงพยาบาลรถติดหรือ” คงรู้ว่าผมพาไอซิสไปหาหมอแล้วละ

“ต้องติดสิครับ ไม่งั้นจะขับมายังไงละ” พี่แกส่ายหน้าด้วยความละอา แล้วแจกมะเหงกให้ผมไปทีหนึ่ง เห็นดาววิ่งรอบหัวติ้วๆเลย

“เดี๋ยวจะโดน ..แล้วเมื่อคืนได้นอนบ้างหรือเปล่า ทำไมถึงคล้ำอย่างนี้ละ” ยิ้มเริ่มหุบลง ผมพิงอกพี่อุ่นแล้วกอดแน่น ตัวล้าไม่เท่าไร แต่ใจนี่สิ..

ผมส่ายหน้าเบาๆ

“พึ่งร้องไห้มาใช่ไหม” พี่อุ่นลูบเปลือกตาผมเบาๆ มองด้วยความสงสาร

“งืม..ไอรักคิดถึงเกียร์ เค้าสงสารเกียร์อะตัวเอง” มันต้องอดทนเจ็บ โดยที่ไม่เคยบ่นเลยสักครั้ง มีแต่บอกให้ผมเชื่อใจ ทนอีกแปบเดียวแล้วมันจะทำให้เราอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ทั้งที่ความจริงตัวมันก็เจ็บกับเรื่องนี้ไม่แพ้กันเลยสักนิด

“แล้วไม่สงสารตัวเองบ้างหรือไง หื้ม” นั่นสิ ผมลืมคิดถึงตัวเองไปเลย ตอนนี้ตัวเองก็น่าสงสารพอกัน

“แล้วพี่อุ่นไม่สงสารเค้าบ้างเหรอ” ผมช้อนตามองให้พี่อุ่นเห็นใจ

“.......”

“ไม่คิดว่าไอรักจะเสียใจบ้างเหรอครับ”

“..เฮ้อ ความจริงพี่ไม่อยากให้ตัวเล็กไปแต่งงานกับใครเลยด้วยซ้ำ เราเป็นน้องคนเล็กที่พี่รักมาก พี่ก็หวงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว พี่ทะนุถนอมของพี่มาตั้งนาน แต่ตอนนี้มีใครก็ไม่รู้จะมาแย่งตัวเล็กไปจากพี่ คิดว่าพี่ไม่เสียใจเหรอ” พี่อุ่นพูดด้วยสีหน้าเครียดแล้วย้อนถาม

“แต่ไอรักก็ไม่ได้จะคบกับเกียร์แล้วทิ้งครอบครัวไปเลยนี่นา เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับ ตอนนี้ไอรักรักพี่อุ่น พี่ติม ม๊า แด๊ดยังไง พรุ่งนี้และวันต่อๆไปไอรักก็ยังรักมากเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนไปเลย”

“….”

“ไอรักแค่อยากจะให้ครอบครัวเรารักคนที่ไอรักรักด้วยแค่นั้นเอง ..ไอรักขอมากไปเหรอ” เสียงแผ่วบอก อีกคนที่กำลังจ้องตาผมลึก


“แต่สักวันไอรักจะเสียใจ” ผมหันไปตามเสียงจากข้างหลัง ก็เจอพี่ติมกอดอกพิงประตูด้วยใบหน้านิ่ง


ผมตกใจเล็กน้อย ปกติคนที่ทำหน้าตาแบบนี้จะเป็นพี่อุ่นเสียมากกว่า  น้อยครั้งที่หน้าเจ้าเล่ห์ของพี่ติมจะเปลี่ยนมาจริงจังใส่ผมขนาดนี้ เห็นแบบนี้แล้วผมไม่กล้าหันไปสบตาเขาเลย

“พี่ไม่เชื่อหรอกว่าความรักแบบนี้มันจะไปกันได้นานไปจนตาย ตอนนี้ไอรักอาจจะรักสนุกหรือสับสนอยู่ แต่สุดท้ายเราทั้งสองคนก็เลิกกันอยู่ดี พี่คิดว่ากว่าจะถึงเวลานั้นมันก็เสียเวลาไปหลายชั่วโมง อาจจะเป็นวันหรือเป็นเดือนกว่าจะรู้ตัวกันเอง สู้เลิกกันไปตั้งแต่ตอนนี้อย่างที่แด๊ดบอกไม่ดีกว่าเหรอ” พี่ติมพูดแล้วสาวเท้าเข้ามานั่งข้างกัน

“ทำไมพี่ติมต้องดูถูกความรักของผมด้วย แล้วพี่ติมรู้ได้ไงว่าไอรักรักสนุกอยู่ ดูจากอายุเหรอ หรือมองว่าไอรักเป็นเด็กเลยคิดว่ารักใครจริงๆไม่เป็น ไอรักกำหนดอนาคตไม่ได้หรอก เหมือนที่พี่ติมบังคับให้ผมเลิกกับเกียร์ไม่ได้ แต่ถ้าถึงเวลานั้นจริงไอรักก็ต้องทำใจยอมรับมัน แต่ตอนนี้ วินาทีนี้ไอรักรักเกียร์ไปแล้ว ให้ไอรักได้มีความสุขกับคนที่รักไม่ได้เลยเหรอ” ผมพูดเสียงเริ่มสั่นเครือลงเรื่อยๆ

ผมไม่รู้หรอกว่าต่อไปมันจะเกิดอะไรขึ้น..ไม่อยากจะรู้ด้วย ..แต่ตอนนี้รู้เพียงว่าผมมีมันอยู่ข้างกาย..คนที่ผมอยากจับมือเดินฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน..คนที่ช่วยเติมช่องว่างที่ขาดหายไปในใจให้มันเต็มขึ้นมา..ตอนนี้ผมเจอคนๆนั้นแล้ว..มันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ

“ต้องให้ไอรักบอกอีกกี่ครั้งทุกคนถึงจะเชื่อกัน ไอรักจริงจัง ไม่ได้เป็นความรักฉาบฉวยอย่างที่คิดกัน คนที่ตามหามาทั้งชีวิต..ตอนนี้ไอรักเจอแล้ว..เกียร์คือคนนั้น..” ผมสบตาทั้งสองคนด้วยความมุ่งมั่นที่มีอยู่เต็มเปี่ยม

ทั้งคู่เงียบไปพักใหญ่ กระทั่งพี่อุ่นเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมยิ้มออกมา

“จะผ่านด่านพี่ก็ต้องยากหน่อยนะ ถ้ายอมแพ้ก็ยื่นซองขาวก่อนแข่ง ฝากบอกมันด้วยถ้าขึ้นมาแล้วลงหลังเสือไม่ได้ ไม่งั้นไม่ตายดีแน่”

“พี่อุ่น! ติมยัง....” พี่ติมจะแย้งเสียงดัง แต่พี่อุ่นขัดขึ้นมาก่อน

“อะไรที่เป็นความสุขของน้องก็อย่าขัด เราดูได้อยู่ห่างๆ สะเออะมากไปก็ไม่ใช่เรื่องของพี่ที่ดี”

“เจ็บนะนี่! ทีกับตัวเล็กนี่พูดเพราะจัง แต่กับติมนะแทบจะกินหัว ฮึ่ย” พี่ติมแกล้งบอกอย่างน้อยใจ แต่ในใจก็คงคิดตามละครับ ผมหอมแก้มพี่อุ่นเชิงขอบคุณ

“ความด้านของคนมีไม่เท่ากัน อย่างติมต้องใช้คำขั้นแอดว๊านซ์นั่นละเหมาะสมที่สุดแล้ว” พี่อุ่นพูดจบ ผมนี่ปล่อยหัวเราะก๊ากลั่นบ้านเลย ยิ่งเห็นพี่ติมที่กำลังทำหน้าไม่ได้ดั่งใจแล้วยิ่งขำ

“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยตัวดี เดี๋ยวโดนๆ พี่ไม่ยอมให้ไอ้หน้าปลาตายผ่านไปง่ายๆหรอก หึ!” พี่ติมขู่ซะเสียวเลยนะ

“แล้วนายคนนั้นอยู่ไหนละ”

“นั่งอยู่รั้วข้างนอกอะครับ นั้นผมบอกให้เกียร์เข้ามานะ” ผมเงยไปตอบแล้วถามพี่อุ่นหน้ายิ้มกว้างอย่างมีความหวัง เกียร์ไลน์มาบอกว่าจะนั่งรออยู่ข้างนอกก่อน ถ้าจะทานอาหารแล้วให้เรียกเดี๋ยวตามเข้าไป มันอยากให้ผมมีเวลาอยู่กับครอบครัวบ้าง

“ให้มันดมควันอยู่ข้างนอกสักชั่วโมงก็คงจะดีไม่น้อย”

“พี่ติมอะ!”

“ตามใจเถอะ แต่ไม่ต้องเดินไปรับนะ เราอยู่ในบ้าน ให้เขาเข้ามาเอง” พี่อุ่นบอก สั่งขนาดนี้แล้วจะขึ้นต้นว่าตามใจเถอะทำไมหว่า

“คร๊าบบ เดี๋ยวเค้ามานะ ฟอดด..ขอบคุณมากครับพี่อุ่น ฟอดด..พี่ติมด้วย” พี่อุ่นยิ้มบางให้ผมที่กำลังลุกออกจากตัวเขา ส่วนพี่ติมเก๊กหน้าหงุดหงิดอยู่ครับ ผมดูออกว่าเขากำลังแอบยิ้ม น้องหอมแล้วชื่นใจละสิ ฮึฮึ

ผมลุกออกไปนั่งตรงบันไดหน้าบ้านแล้วส่งข้อความไปบอกให้มันเข้ามาในบ้าน ไม่ถึงนาทีมันก็โทรกลับมา

‘หืม’

“ทางสะดวกแล้วครับ เกียร์ขับรถเข้ามาจอดในบ้านเลย”

วางสายไปครู่เดียวก็เห็นมันขับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่เข้ามาจอดตรงหน้าผม ผมยิ้มตาหยีให้ มันเลยถามอีกทีว่าเป็นอย่างไรบ้าง

“ไอรักซะอย่าง สบายหายห่วงครับ อิอิ”

“…” มันเลิกคิ้วเชิงถามงงๆ

“พี่อุ่นบอกว่าให้คุณพยายาม ไม่รู้คุณจะยังสู้หรือเปล่า” ผมแกล้งถามมันหน้ายิ้ม

“เตรียมดาบเตรียมโล่พร้อมแล้ว รบเลยไหม” มันคว้าเอวผมมาจับไว้หลวมๆแล้วยักคิ้วให้ มึงปล่อยมุขหน้านิ๊งนิ่งเนอะ ในใจกำลังดีใจละสิ หึหึ

“งั้นผมไปเตรียมช้างทำยุทธหัตถีเลยดีไหม”

“ช้างไม่มี เอาไอ้ทรุดแล้วกัน หึหึ”

“ไอซิสครับไม่ใช่ไอ้ทรุด ผมแก้ให้ฟังเป็นพันรอบละนะ ป่ะเข้าบ้านเถอะ” ยังไม่ทันจะก้าวผ่านประตูบานใหญ่ก็ต้องหันไปตามเสียงรถเสียก่อน ผมหันไปมองเกียร์ มันมองอยู่แล้วพอดี

“ตัวเล็ก” ผมยิ้มให้กับคนที่กำลังลงจากรถ พ่อมองหน้าผมนิ่งๆแล้วดึงตัวผมให้หลุดจากเกียร์ก่อนจะลากเข้าบ้านไป ผมหันไปมองอีกฝ่ายด้วยหน้าตื่น มันยิ้มให้แล้วเดินมาตามหลัง

“ม๊าไปไหนละ” พ่อลากจนไปถึงห้องนั่งเล่นที่มีพี่ทั้งสองคนนั่งอยู่

“เมื่อกี้อยู่กับแม่บ้านที่ห้องเตรียมอาหารครับ” พี่อุ่นเป็นคนตอบ

 “อืม แล้วไอซิสเป็นไงบ้างหื้ม” พ่อหันมาถาม

“เอ่อ ก็ ก็ดีครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไร” โซฟาวงกลมที่กว้างรอบห้อง ผมโดนพี่อุ่นกับพ่อประกบ ส่วนพี่ติมนั่งถัดจากพี่อุ่น เกียร์ยืนเคว้งกลางห้องเหมือนไม่รู้ว่าควรจะนั่งก่อนไหม

“นั่งเลยครับเกียร์” ผมเอ่ยบอก ตาคอยมองพ่อไปด้วย เขาทำหน้าเฉยๆแต่ไม่มองเกียร์ตั้งแต่ลงจากรถมาเลยแม้แต่น้อย

“เอ้อแล้วหมอที่นั่นดีไหมละ เห็นว่าบริการดีมากเลยนิ” บริการแจกยิ้มโคตรดีเลยครับ หมอนั่งยิ้มยืนยิ้มจนเหงือกแห้ง

“ก็โอเคนะครับ เหมือนโรงพยาบาลสัตว์ชั้นนำทั่วไป” ผมตอบพี่ติม ไม่เสียใจที่เลือกคนสนิทของพ่อไปดูแล

“ไออุ่น คืนนี้ลูกค้าคงถึงไทย พรุ่งนี้เช้าก็เข้าไปดูเขาหน่อยแล้วกัน”

“ครับ” พี่อุ่นตอบพ่อ

“แด๊ดไปเปลี่ยนชุดนะ” ผมพยักหน้า พ่อหอมแก้มทั้งสองข้างแล้วเดินออกไป

“นั้นไอรักขอตัวด้วยคนนะครับ” ผมบอกพี่ทั้งสองแล้วหันไปพยักหน้าให้เกียร์ตามมา ยังไม่ทันที่มัันจะยกก้นขึ้นก็มีคนขัดเสียงดัง

“หยุดเลย มึงมานี่ นั่งนิ่งๆเลย”

“ติม! พูดไม่เพราะอีกแล้วนะ ถ้าได้ยินอีกเป็นครั้งที่สอง ม๊าจะเอายาม่วงป้ายปากให้” แม่เดินมาได้ยินพอดีเลยว่าเข้าให้ ยาม่วงหรือเจนเชียนไวโอเลที่พี่ติมกลัวนักกลัวหนา เพราะตอนเด็กๆม๊าชอบเอามาป้ายปากจนพี่ติมขยาดมันจนถึงบัดนี้ ยาม่วงมันโหดเหนือคณานับจริงๆ

“ไม่เอาแล้วครับม๊า ติมขอโทษ” หงอยเลยสิพี่ติม

“ฮิฮิ งั้นไอรักขอตัวขึ้นข้างบนกับเกียร์นะครับ”

“จ๊ะ ไปเถอะ” แม่พยักหน้ารับไหว้เกียร์แล้วลูบหัวมันเบาๆ ไอ้นี่มันเป็นลูกสุดที่รักของแม่ผมแล้วใช่ไหมนี่ ถ้าแม่ไม่มาป่านนี้คงทะเลาะกันอีกยาว



.....................................



ปุ...ปุ

ผมออกจากห้องน้ำมาก็เจอกับน้ำแข็งก้อนยูนิตนอนรอบนเตียง มีการตบเตียงเรียกด้วยนะ แต่ทำได้ไม่กี่ครั้งหรอกเพราะเจ้าหญิงลายวัวตะปีนขึ้นมานอนข้างๆ มือใหญ่ก็เปลี่ยนจากตบเตียงเป็นผลักหัวไอซิสยิกๆ ทารุณกรรมสัตว์ไปไหมมึง แต่เจ้าตัวก็กวนตีนนะ นอนล้มตัวแปะไม่กระดิกไปไหน อ้าแขนอ้าขาเหมือนจะท้าชนไอ้คุณน้ำแข็ง ถ้าไอซิสยักคิ้วยึกๆได้คงทำไปแล้ว

“เกียร์ พอแล้วเดี๋ยวไอซิสมึนหัว” มือข้างหนึ่งช้อนตัวไอซิสขึ้นให้ห่างมือใหญ่ อีกมือพลางซับน้ำที่เกาะบนใบหน้าไปด้วย

“มารหัวขน” เกีย์สบถเบาๆ

“อะไรนะครับ ไม่ค่อยได้ยิน”

“มันผอมกว่าเมื่อวานนะ” ที่ผมได้ยินมันไม่ใช่แบบนี้นะ

“แล้วไป อย่าให้เห็นว่าแกล้งไอซิสอีกนะครับ”

“..ลับหลังมึงโดนแน่ไอ้ทรุด”

“อะไรนะครับ!”

“เปล่า!”






































“อ้าว ม๊าจะให้แม่บ้านขึ้นไปเรียกพอดี มานั่งเลยจ๊ะ” ผมยิ้มแล้วเดินไปนั่งข้างแม่ เกียร์ตามมานั่งติดๆ

“โหย วันนี้มีแต่ของชอบทั้งนั้นเลยครับ” หอมแก้มแม่เบาๆแล้วกวาดตาดูอาหาร มีแต่กุ้งทั้งนั้นเลย มันกุ้งเยิ้มๆอย่างนี้ไอรักก็ตาลุกวาวสิครับ ท่านหัวเราะเบาๆ

“ม๊าเห็นตัวเล็กเรียนมาหนักๆเลยลงมือทำเองสุดฝีมือเลยนะคะ เกียร์จะเอาอะไรอีกไหมลูก”  ไอรักถึงได้ว่า กลับมาไม่เห็นม๊าเลย

“แค่นี้ก็เยอะมากแล้วครับ ขอบคุณครับ” มันตอบอย่างสุภาพ

“ทานกันเถอะครับ” พี่ติมตัดบท เราจึงลงมือทานอาหารกัน

“เรียนเป็นยังไงบ้างหื้ม” แด๊ดหันมาถามผมหลังจากที่เราทานไปได้สักพัก

“ก็เรื่อยๆครับแด๊ด แต่ต้องฟิตนิดหนึ่ง จะสอบแล้ว แฮะๆ”

“อ่านหนังสือเยอะๆนะตัวเล็ก ไม่แน่เทอมหน้าแด๊ดจะส่งหนูไปเรียนต่างประเทศ”

เคร้ง....

“ขอโทษครับ” เกียร์พูดขึ้นแล้วรวบช้อนส้อมที่กระทบจานเสียงดังเมื่อครู่

“ไร้มารยาท” พ่อพูดลอยๆ แต่เป็นใครใครก็รู้ว่ากำลังพูดถึงคนไหนอยู่

“คุณคะ หมายความว่ายังไงกัน”

“หมายความอย่างที่ผมพูดนั่นละ ความจริงส่งลูกไปเรียนเมืองนอกก็มีประสบการณ์ใหม่อีกแบบ เพื่อนเราก็มีเยอะแยะ จะส่งไปรัฐไหนก็ไม่ต้องกังวลใจอะไร อีกอย่างตอนนี้มันก็เป็นโอกาสที่ดี ผมว่าไอรักควรจะเปิดโลกทัศน์ให้มากกว่านี้”

“แต่ติมว่ามันไม่เห็นจะดีไปกว่าเรียนในไทยเลยนะครับ” พี่ติมแย้งขึ้น ทุกคนเครียดทันทีที่พ่อพูด ผมมองแต่ละคนด้วยสีหน้าเลิกลั่ก

“ยังไงละ” พี่ติมสะอึก พ่อเห็นว่าเงียบไปเลยพูดต่อ

“แด๊ดอยากให้บ้านเรามีด็อกเตอร์สักคน ไม่ใช่ไปทางธุรกิจกันทั้งสามคน ไปเรียนตรีที่โน่นก็ต่อโท เอกไปเลย นอกจากดีกรีจะดีกว่าคนอื่นแล้วอีกหน่อยอาเซียนก็จะเปิด ให้ตัวเล็กไปฝึกความรู้ความสามารถ แด๊ดไม่เห็นว่ามันจะแย่ตรงไหน”

“แต่ติมไม่เห็นด้วย มันต้องใช้เวลาตั้งหลายปีนะครับแด๊ด”

“ไออุ่นว่าไงละ” พ่อตัดบทแล้วถามพี่คนโต พี่อุ่นหันมามองผมแวบหนึ่งแล้วถอนหายใจ อย่าเห็นด้วยกับพ่อนะ ผมไม่อยากไป..

“อุ่นไม่เห็นด้วยครับ” พ่อคิ้วขมวดมองอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไร

“ไอรักเป็นคนฉลาดอยู่แล้ว เรื่องภาษาก็ไม่ต้องพูดถึง อีกอย่างอุ่นคิดว่าว่าถ้าคนมันจะเก่งมันขึ้นอยู่กับตัวคนมากกว่าสถานที่เรียน ถ้าไอรักอยากไปเรียนต่อที่โน่นอุ่นก็เห็นด้วยเพราะมันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขา แต่อุ่นดูแล้วน้องไม่อยากจะทิ้งสิ่งต่างๆที่น้องผูกผันไปหลายปีหรอกครับ เราให้น้องเรียนที่ไทยก็ได้ อยากให้เป็นด็อกเตอร์ก็ไม่เห็นต้องไปไกลเลย ที่นี่ก็มีบุคลากรที่มากความสามารถไม่แพ้ต่างประเทศหรอกครับ” พี่อุ่นหยุดก่อนจะพูดต่อ

“แล้วถ้าแด๊ดต้องการจะส่งน้องไปเรียนต่อนอกเพียงเพราะประเด็นอื่นที่แด๊ดไม่ได้พูดมา อุ่นก็ไม่เห็นด้วยหรอกครับ และอุ่นก็พอจะเดาออกว่าเป็นเพราะเรื่องอะไร แด๊ดไม่ต้องห่วงหรอกครับถ้าทั้งสองคนนั้นรักกันจริง แม้จะอยู่คนละซีกโลกยังไงก็ยังรักกัน แต่ถ้าทั้งสองคนไม่ได้เกิดมาคู่กัน จะอยู่ใกล้กันแค่ไหนก็เลิกกันอยู่ดี”

ผมมองพี่อุ่นด้วยความปลื้มเปรม เพราะเขาเป็นคนที่เข้าใจผมที่สุดคนหนึ่ง ผมถึงได้รักพี่อุ่นมากขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าผมจะไม่รักพ่อกับแม่หรือพี่ติมนะครับ ผมรักพวกเขาไม่แพ้กันเลย

“ฉันก็ไม่เห็นด้วยนะคะ คุณให้ลูกไกลหูไกลตาขนาดนั้นจะเป็นตายร้ายดียังไงเราก็ไม่รู้ ถึงเราจะมีคนรู้จักอยู่ที่นั่นมาก แต่มันก็ไม่เหมือนเราเห็นเองหรอกนะคะ ชีวิตเขาให้เขาเลือกเองเถอะค่ะ”

พ่อนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ หวังว่าเขาคงไม่ได้คิดจะส่งผมไปไกลๆอีกหรอกนะ ผมไม่อยากไปเลยจริงๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นโอกาส แต่มันไม่จำเป็นต้องไปข้างไปอีกซีกโลกเพื่อใบปริญญาไม่ใช่เหรอ ถ้าให้ผมไปเรียนคอร์สสั้นๆผมก็โอเคนะ แต่ถ้าให้ไปเรียนตรี โท เอกเลยผมว่าคงอยู่ไม่ไหวแน่ๆ เรียนไทยจนจบเอกสิบใบยังมีความสุขมากกว่าไปเรียนเอาใบปริญญาที่โน่นเพียงใบเดียวเสียอีก

ผมรู้ที่พ่อคิดจะส่งตัวผมไปคงไม่พ้นเรื่องเกียร์หรอก ก่อนหน้านี้ท่านไม่เคยอยากให้ผมไปไกลจากอ้อมอกเขาเลย ตอนจะไปอยู่คอนโดยังเถียงกันแทบตายกว่าจะย้ายออกมาได้ พ่อคงไม่พอใจเรื่องที่ผมคบกับเกียร์จริงๆ..



..........................



“ไอรัก” ยังไม่ทันจะหันไปถาม มันจับมือให้ไปทางสวนข้างบ้าน ผมเดินตามแรงไปแบบงงๆ จนมาหยุดหน้าบ่อปลาคาร์ฟขนาดเล็กที่ไม่ค่อยมีคนมาแถวนี้ เพราะจะไปนั่งเล่นบ่อขนาดใหญ่อีกบ่อที่อยู่หน้าบ้านกันเสียมากกว่า


“มีอะไรเหรอครับ ลึกลับจัง” ผมว่าขำๆ


เกียร์ดึงมือผมขึ้นมาแล้วสอดอะไรบางอย่างเข้านิ้วนางข้างซ้าย ผมมองสิ่งนั้นอย่างอึ้งๆแล้วมองหน้าอีกคนที่กำลังยิ้มให้อย่างอ่อนโยน


“..เกียร์..” ผมพูดไม่ออก


“หืม” มันดึงตัวผมไปกอดแล้วส่งเสียงถามในลำคอข้างใบหูผมเบาๆ


“เกียร์..ไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อ” ผมถามเสียงอู้อี้บนอกมัน ถึงพ่อแม่มันจะให้เงินมาเป็นเดือนไม่ขาด แต่ผมรู้ว่ามันมีค่าใช้จ่ายเยอะ ต้องรับภาระหลายๆอย่างขนาดไหน ไหนจะต้องเติมน้ำมันรถ ค่าคอนโด ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหารของเราสองคนอีก แม้ผมจะอ้อนจนได้จ่ายบ้างบางครั้ง แต่สุดท้ายมันก็ยังเป็นคนรับผิดชอบเสียส่วนใหญ่อยู่ดี แล้วมันยังจะแบ่งเงินมาซื้อของแทนใจแบบนี้ให้ผมอีก


จะทำให้ผมรักคุณไปถึงไหน..


“ว่าจะซื้อให้นานแล้ว มีเงินเก็บนิดหน่อยกับค่าที่รับงานมาทำนั่นละ”


“....” กระชับกอดมันแน่นขึ้น


“ใส่แบบนี้ไปก่อนนะ เกียร์จะหาวงที่สวยกว่านี้ให้ทีหลัง”


“..ฮึก ไม่ต้องหาใหม่หรอก..วงนี้ก็พอแล้ว..ผมชอบวงนี้ที่สุด ฮึก” ผมมองแหวนเพชรแถววงที่อยู่บนมือแล้วจูบลงเบาๆให้รู้ว่าวงนี้มันล้ำค่าและสำคัญกับผมขนาดไหน


“ร้องไห้ทำไม ไอ้แมวขี้แยเอ๊ย อย่างนี้ยังจะเลี้ยงแมวอีก” มันว่าขำๆแล้วเช็ดน้ำตาให้


“โหย อึก.. มือเช็ดก้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ กลิ่นตุๆ ฟื้ดด..” ใส่ความให้มันไม่มั่นใจในตัวเอง แต่เจ้าตัวยังมีหน้ามาหัวเราะเสียงทุ้มอีกไม่ได้สะทบสะท้านหนังหนาของมันเลยสักนิด เลยจัดการสั่งน้ำมูกใส่หกแล้วขยี้จมูกใส่อกมันให้หนำใจ


“เอาให้หมดโพรงนะ ไม่หมดโดน” ดูมันขู่ผมสิ ไอ้น้ำแข็งบ้า


“ฟื้ดดด ฟื้ดดดด”


“ยังดีที่พ่อผมไม่ไล่คุณเวลามาหาที่บ้าน” ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงอกแตกตายวายชีวี ถ้าไม่มีมันก็ไม่มีใครให้สละเสื้อมารับน้ำมูกผม เสื้อมันสำคัญมากๆเลยนะนี่


“แต่ก็เหมือนไม่มีตัวตน” มันว่าอย่างนั้น มือลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน


“ผมถึงได้บอกไงว่ายังดี อย่างน้อยเขาก็ยังให้โอกาสให้คุณได้เข้ามาในบ้าน” ผมบอกไปยิ้มไป

“หึหึ มองโลกแง่ดีไปไหม”

“อ้าว แน่นอนสิ ไม่อย่างงั้นผมหลงจะมาติดกับคนเย็นชาอย่างคุณได้เหรอ” ผมผละหน้าแล้วเงยไปพูดหน้าซื่อตาแป๋ว มันเลิกคิ้ว

“เคยทำใส่?”

“ก็..ไม่แล้ว ถึงตอนแรกๆยังทำเหมือนจะกัดหูผมก็เถอะ” เบะหน้าบอก แต่มันก็จริงอย่างที่ว่านั่นละ เมื่อก่อนมันอยู่โหมดดาร์กตลอดน่ากลัวจะตาย แต่ตอนนี้นี่อย่างกับภาคสวรรค์ เทวดาหน้าโหดมีวงแหวนรอบหัววิ๊งๆเลย

แต่แหมเห็นอย่างนี้จิตใจไอรักบอบบางยิ่งกว่าลูกนกพึ่งคลอดอีกนะครับ โหมดดาร์กของมันติดตาจนผมยังกลัวไม่หาย

“คนนะไม่ใช่หนู” เมื่อกี้ที่พูดผมหมายถึงสุนัขนะคุณน้ำแข็ง เข้าใจอะไรผิดแบบไม่ดูขนาดไซส์ตัวเองเลยนะ คุณคิดว่าตัวเองเตี้ยเหมือนโดราเอมอนเหรอวะ คุณคิดผิด

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง พันธุ์อะไรไม่รู้ดุ๊ดุ เพื่อนในฝูงตัวเองยังเกร็งกันเลย” พูดอย่างนี้แล้วยังไม่รู้ก็ให้รู้ไป แหนะๆ มีการโคลงศีรษะทำท่านึกคิดนิดหนึ่ง ผมมองมันเพลินก็ต้องตกใจเพราะอยู่ๆมันก็ก้มลงมากัดหูจนผมร้องโอ้ย ลงโทษหนักไปไหมวะ คนอะไรฟันคมอย่างกับใบมีดโกน แหง่งง

“ก็นั่นมันเพื่อน”

“หือ..แล้ว..” ผมมองตาแป๋ว เอานิ้วชี้จิ้มลงบนหัวตัวเองเป็นการถาม

“แต่นี่คนรัก..หึหึ” เสียงหัวเราะในลำคอหมดไปพร้อมสัมผัสที่ประกบลงมายังริมฝีปากผมอย่างนุ่มนวล


TBC---------->>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>



+หวังว่ายังไม่ลืมกันนะคะ แฮะๆ
โซ่ :L2:ทุกคน

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
สงสารเกียร์ไอรัก
แต่ยังดีนะที่ทางบ้านไอรักยอมให้เกียร์เข้าไปในบ้านได้
 :L2:เกียร์ไอรักสู้ๆนะ

 :L2: :L1: :pig4:
ขอบคุณคนแต่งค่ะ
ขอบคุณมากที่มาต่อให้ค่ะ








CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Ella Killer

  • บุคคลทั่วไป
แปะก่อนนนนน รอให้มาม่าผ่านไป แล้วจะมาอ่านนน  :ling1:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
น้ำตาซึมตอนเค้าให้แหวนกัน รักกันมากเลยคู่นี้น่ารักที่สุดค่ะ
รักพี่ไออุ่นมากกู้โลกสุด ๆ ได้คุณแม่ช่วยอีกคน เฮ้อ รู้สึกโล่งใจ แต่คุณพ่อก็น่ารักนะที่รับฟังทุกคน
ไม่ได้เชื่อแต่ตัวเองไปซะหมด ที่สำคัญยอมให้เกียร์เข้ามาในบ้านได้ ถือว่าโอเคอยู่นะ
ดีกว่ากีดกันไม่ให้เจอกันเลย เชื่อเหอะ ไอรักอ้อนไปอ้อนมาทุกคนต้องยอม รักมากโอ๋มากกันขนาดนี้
คุณหมอคิดจะจีบน้อง ชิชะ เค้ามีแฟนแล้วจ้า หล่อมากด้วยนะ ขี้หวงมากอีกต่างหาก 555

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
ขอบคุณพี่ๆที่เข้าใจ แต่ไม่รู้ว่าคุณพ่อจะใจแคบไปถึงไหน :เฮ้อ:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
ชอบมากครับเพิ่งมา สนุกมาก

เป็นกำลังใจให้ครับผม

ยังอ่านไม่ทัน

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
เหลือแต่คุณพ่อของไอรักเท่านั้นที่ยังไม่ยอมรับเกียร์
สู้ ๆ นะคุณน้ำแข็ง

+1 เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้า
 :กอด1:  :L2:

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
น้ำตาแทบไหลตอนพระเอกหาเงินมาซื้อแหวนให้โอ้ยยยยยย :o12:

แต่ซึ้งลื้ม เค้ารักกันขนาดนี้อย่าไปขัดขวางเลย

รอตอนต่อไปค่ะ สนุกมว้ากก

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
เพิ่งอ่านถึงตอนที่11ครับ

สนุกมากๆเลย

เป็นกำลังใจให้ครับผม

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
อ่านทันแล้วววววววว สนุกดีค่ะ ^^

แต่คนแต่งพิมพ์คำว่า "งั้น" เป็น "นั้น" หมดเลย

นี่อ่านไปงงไป ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
โอยยย สองคนนี้น่ารักที่สุด อยากได้ทั้งคู่เลยค่าา

ขอแพคคู่ใส่กล่องกลับบ้าน

คุณพ่อตาใจเย็นๆนะคะ อย่าพรากเขาจากกันเลย

ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
ตอนที่30



“แหมๆๆ ถึงขนาดต้องให้เค้าช่วยเลยเหรอตัวเอง ไม่พึ่งหนุ่มแว๊นรุ่นใหญ่ของตัวเองแล้วไง?”

“กูเริ่มรำคาญมึงละ” ผมบ่นอย่างไม่จริงจัง ตั้งแต่มันเริ่มสตาร์ทรถนี่ยังไม่หยุดบ่นสักที

“ไรอะ อิอิ นี่กูอุส่าขับรถแอร์เย็นๆมาให้มึงถึงที่เลยนะนี่ น้ำมันก็แพง รถกูไม่ใช้แก๊สนะโว้ยจะบอก ยังไม่ทันออกจากมอรถก็เสือกติด นี่กูต้อง....”

“โอ้ยยยยยยยย มึงหยุดเหอะเนม เงียบปากหน้าตั้งหลังตรงแล้วขับรถต่อไปเลยนะ ยัง ยังไม่ทำอีก!”

“ฮึ้บ” มันเม้มปากทำเป็นกลั้นหายใจ ทำได้ไม่กี่นาทีก็หันมาฝอยต่อ ไอรักเลือกมากับคนผิดใช่ไหม

“เอ..แต่ก็แปลกที่ไอ้เกียร์ยอมปล่อยมึงมาแรดคนเดียวได้” แรดห่าอะไรแค่มาดูงานสัตว์

เมื่อวานคลื่นส่งรูปมหกรรมงานสัตว์เลี้ยงมาให้ ผมเกิดกิเลสอยากไปมาก แล้ววันนี้งานจัดเป็นวันสุดท้ายแต่เกียร์ไม่ว่างต้องรีบปั่นงานส่งภายในตอนเย็นอยู่ที่คณะ ครั้นจะโทรไปหานายไผ่ให้มารับก็เบื่อหน้ามัน จึงตัดสินใจไปกับเพื่อนดีกว่า เพื่อนคนอื่นก็ไม่ว่างกันสักคนเลยต้องมากับไอ้เนมแค่สองคน แต่ตอนนี้ผมว่าผมกำลังคิดผิดอย่างมหันต์ที่ไม่ลากนายไผ่มา ก็ดูไอ้เนมแม่งแซวไม่หยุดปากเสียที

“เกียร์ไม่ว่างโว้ย ไอ้คิมก็เรียน คนอื่นก็อ่านหนังสือ ถ้ามีใครว่างกูคงไม่ชวนมึงมาหรอก คึๆ” แอบกัดมันนิดหนึ่ง แต่ไอ้เนมมันไม่เคยสะทกสะท้านหรอก ยังยิ้มแป้นเหมือนเดิม

“แหลลลลลลล แต่ตอนนี้กูว่าไอ้เกียร์มันอาจจะแอบนอกลู่นอกทางเหมือนมึงว่ะ อิอิ” ไอ้นี่ชอบใส่ร้ายแฟนกูอยู่เรื่อย

“ไม่หรอก ไม่มีทาง” ไม่ได้พูดด้วยความลังเลนะครับ ผมมั่นใจว่ามันไม่เถลไถลไปไหนหรอก ถ้าจะไปไหนมันบอกผมก่อนอย่างไม่มีปิดบัง แต่ไม่ใช่แค่มันนะครับ ผมก็ทำเหมือนกัน เหมือนอย่างที่ผมมางานนี้ ผมก็ส่งข้อความไปบอกมันเหมือนกัน เราทำอย่างนี้จนเป็นนิสัยแล้วละครับ

แต่ก็ดีนะครับที่มันไม่ได้มาด้วยเพราะผมวางแผนว่าจะไปซื้อแหวนที่รูปทรงเดียวกับที่อยู่บนมือผมไปให้มันด้วย แต่คงไม่เซอร์ไพรส์ตอนนี้หรอก ปล่อยให้มันตายใจไปก่อน หึหึหึ

กว่าจะถึงงานก็ปาไปเกือบบ่ายโมง ความจริงผมมีเรียนบ่ายด้วยแต่อาจารย์ยกเลิกคลาสพอดี ที่บ้านไม่รู้หรอกครับไม่งั้นคงส่งให้มารับผมทันทีทันใดแล้วละ

ภายในงานมีคนค่อนข้างเยอะกว่าวันอื่นๆอีก ผมรู้ก็เพราะรูปที่ไอ้คลื่นมันส่งมาให้ไงครับ มันไปมาสองวัน ในรูปไม่ได้มีเยอะเท่าวันนี้เลย สงสัยคราวนี้ไอรักคงต้องไปเบียดเสียดกับผู้คนแล้วละ ไอรักสู้!

“โหสัตว์ สัตว์ สัตว์” ไอ้เนมทำเสียงแอ็คโค่

“เออสัตว์ ป่ะ” ผมกวักเรียกสัตว์ เอ๊ยเรียกไอ้เนม มันยังยืนนิ่งเอานิ้วสั่นๆชี้ไปที่งานค้างอยู่นั่นละ

“คือ คือ คือคนเยอะไปไหมวะ”

“งานแฟร์นะ ไม่ใช่กางเกงในตู้มึงถึงจะไม่เยอะอะ” ขอกัดมันหน่อย เห็นใส่กางเกงยีนส์อยู่ตัวเดิมมาหลายเดือนละ

“แหมไอ้ห่าตะเอง รู้ทันกูตลอด แฮะๆ กูไม่ขอเดินได้เปล่าวะ เหม็น” อ้าว มาจะสุดทางแล้วโบกมือลากูเสียอย่างนั้น

“เออเรื่องมึง ไปหาอะไรทานรอกูก่อนก็ได้ เสร็จแล้วเดี๋ยวกูโทรหา”

 “จ๊ะที่รัก”

“ที่รักพ่อง เดี๋ยวเกียร์ได้ยินแล้วมึงจะซวย” มันทำหน้าบรึ๋ยทันทีที่ผมพูดจบ มันเป็นคนที่ขยาดคุณน้ำแข็งที่สุด แบบไม่ขอเจอกันเสียจะดีกว่า ไม่รู้มันจะอะไรขนาดนั้น คุณน้ำแข็งของผมออกจะน่ารัก เนอะ

ผมเดินกลับไปโซนร้านเพชรก่อนอย่างแรก กว่าจะเลือกแบบแหวนเดียวกันที่มีไซส์เดียวกับเกียร์ก็เล่นเดินเข้าออกไปหลายร้านเหมือนกัน พอซื้อเสร็จเรียบร้อยก็เดินเข้างานสัตว์ ผมเริ่มดูโซนของสุนัขก่อน ความจริงจะมาซื้อแค่ปลอกคอให้คุณไอแดดกับไอหมอกนะ แต่เดินไปเดินมาดันได้ทั้งอาหาร ปลอกคอ เสื้อ ขนม อะไรต่อมิอะไรเต็มมือเลย แอบเหงื่อตกในใจไอรักจะแบกไปหาเนมอย่างไรดี ซื้อไม่ดูกำลังตัวเองเลยเฮ้ออ

ตอนแรกกะว่าเสร็จจากที่นี่แล้วจะกลับไปหาเกียร์แล้วรอนายไผ่ที่อาคารเรียนเสียหน่อย แต่ดูท่าแล้วสงสัยคงต้องวานไอ้เนมไปส่งตรงกลับบ้านแล้วละ

ส่วนเรื่องเกียร์กับที่บ้านผมก็เรื่อยๆละครับ ยังดีที่พี่อุ่นพี่ติมเริ่มไม่ตึงใส่เกียร์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ดีมากร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกครับ ส่วนพ่อก็เฉยชากับเกียร์เหมือนเดิมไม่แม้แต่จะมองหน้า ทุกวันก็ไม่เคยรับไหว้เกียร์ด้วย ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะเกียร์ก็ไม่ได้ยอมแพ้ มาหาที่บ้านผมทุกเย็น ซื้อของติดไม้ติดมือตลอดจนแม่ผมรักยิ่งกว่าลูกตัวเองแล้ว

ผมเดินดูของไปเพลินๆคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้สนใจเสียงรอบข้างเท่าไร จนมีคนคว้าแขนผมหมับ เกือบหันไปต่อยหน้าแล้วถ้าไม่ติดว่าของเต็มมือ เลยหันไปมองค้อนคนที่กระชากแขนกะว่าจะด่าเสียหน่อยแต่ก็ต้องแปลกใจ

“หมอยิ้มสยาม”

“ฮ่าๆ อะไรกันครับ เจอไม่กี่ครั้งก็ตั้งฉายาให้ผมแล้วหรือ” เจออะไรไม่กี่ครั้ง เจอแค่ครั้งเดียวเองโว้ย

“อ่า ขอโทษครับ” เผลอหยุดปากไปหน่อย อุส่าแอบตั้งชื่อให้หมอในใจแล้วนะนี่ มีคนรู้จนได้

“ไม่เป็นไรครับน่ารักดี แล้วคุณอชิระมาทำอะไรเหรอครับ โห ของหมาทั้งนั้นเลย ว่าแต่คุณอชิระเลี้ยงหมาด้วยเหรอครับ” หมอพูดหน้ายิ้ม

“ครับ” ผมตอบอย่างมึนๆ มันถามมาเป็นยวง ผมตอบครับคำเดียวคงไม่น่าดูแย่หรอกกระมัง

“อย่างนี้ไม่หนักเหรอครับ ถืออาหารเป็นถุงๆเลย เอาอย่างนี้ไหม ไปวางที่บูทของผมก่อนแล้วเราค่อยไปเลือกของกันใหม่เนอะ” อย่ามาเนอะกับกูได้ไหม ไอรักอยากเดินคนเดียว เพื่อนก็ทิ้ง แฟนก็หาย ยังมีหมอหน้าเปื้อนยิ้มมาตามรังควาญความสันโดษอีก ชีวิตไอรักหนอ

“เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่าครับ” ผมปฏิเสธไปอย่างสุภาพ

“ไม่ต้องเกรงใจครับ มาๆเดี๋ยวผมช่วย คุณหน่อยๆช่วยดูแลของพวกนี้หน่อยนะเดี๋ยวผมมา” มึงยังจะเซ้าซี้ข้างไข่กูอี๊ก(เสียงสูงปรี๊ดในใจ)

“จะดีเหรอครับ เผื่อเขาต้องการหมอ..”

“ไม่เป็นไรครับ ที่บูทมีหมออีกตั้งสองคน หายห่วงครับหายห่วง” กูไม่ได้ห่วงมึ๊ง กูห่วงตัวกูนี่ละ เฮ้อ

“อ่าครับ หมอภูมิลองเดินดูงานบ้างหรือยังอะครับ” ชวนคุยไปบ้างไม่ให้น่าเกลียดจนเกินไป แต่ไอ้หมอดันชะงักตัวกึก

“อะไรนะครับ” ไอรักถามแปลกเหรอ เออวะ เขาจัดบูทกันมาหลายวันแล้วก็ต้องเคยเดินดูบ้างเป็นธรรมดานี่นา บ้าจริง

“อ๋อเปล่าครับ แฮะๆ” ผมเบี่ยงหน้าหนีอย่างเนียนๆ ไม่อยากสบตาหวานฉ่ำกับไอ้หมอมากเท่าไร มันแปลกๆ

“เมื่อกี้คุณอชิระเรียกผมว่าอะไรนะครับ”

“หือ หมอไงครับ”

“ไม่ใช่นะครับ เมื่อกี้คุณเรียกชื่อผมว่า..?”

“อ๋อ หมอภูมิ จริงสิคุณให้ผมเรียกว่าหมอภัทรนี่นา ขอโทษด้วยครับ” ผมออกตัวขอโทษไปก่อน เพราะบางคนเรียกชื่อผิดไม่ได้เลย เป็นประเด็นทันที เดี๋ยวไอรักจะโดนต่อยหน้าเอาได้

“ไม่ๆ เอ๊ย หมายถึงเรียกหมอภูมิก็ได้ครับ ความจริงจะมีคนในครอบครัวผมเท่านั้นละครับที่เรียกได้ แต่สำหรับคุณอชิระผมก็อยากให้เรียกแบบนั้น” อย่าจ้องขนาดนั้นได้ไหมมันเสียวสันหลัง ที่ผมเรียกหมอดูมีภูมิฐานเลยรู้สึกว่าชื่อภูมิมันเข้ากว่าชื่อเล่นเขาเท่านั้นเอง

“เอ่องั้นผมเรียกว่าหมอภัทรแล้วกัน”

“หมอภูมินั่นละครับดีแล้ว” เอาจริงๆ คือผมไม่เคยเห็นไอ้หมอนี่หน้าบึ้งเลยสักครั้ง

“อ่าครับ” กูเรียกมึงไอ้หมอนี่ละง่ายดี ภูมิ ภัทรอะไรไม่สนละ

“แล้วนี่คุณอชิระจะไปซื้ออะไรต่อเหรอครับ เชิญเลยครับ นำเลย” หมอผายมือให้ผมเดินอย่างกับผมเป็นนายกสมาคมคนรักสัตว์

ผมเดินเอื่อยจนไปหยุดที่โซนแมวเหมียว ให้ตายสิมีแต่ของน่ารัก ปลอกคอมีวิบวับด้วยแถมยังถูกอีกต่างหาก โน่นก็ดี นี่ก็น่ารัก ไม่รู้จะเอาอันไหนดีสรุปหยิบมาให้หมดเลยแล้วกัน จะหยิบจับใส่ตะกร้าแต่ก็แวบคิดถึงอีกคนเสียก่อน..ทักไปหาก่อนดีกว่า

13:46 iruk ทำไรอยู่ค้าบ

13:46 igearuk ปั่นงาน เบื่อ (ตอบเร็วอีกแล้ว ดีใจจัง อยากคุยให้หายคิดถึง)

13:47 iruk อ่องเอ๊ๆ เดี๋ยวก็เสร็จครับ สู้!

13:48 igearuk กลับยัง อยากกอด

13:48 iruk กำลังเลือกปลอกคอให้ไอซิสอยู่

13:48 iruk *ส่งรูปคลอกคอไปให้เลือกสามรูป*

13:48 igearuk สุดติ่งกระดิ่งแมว

13:48 iruk สวยละซี่ เอาอันไหนดีครับ เลือกไม่ถูกเลย

13:50 igearuk ฟ้าน้ำทะเล

13:50 iruk นึกว่าคุณจะเอาสีดำนะเนี่ย เห็นชอบจัง ฮ่าๆ

13:50 igearuk ตัวมันก็ดำแล้ว

13:51 igearuk สีน้ำทะเลสวยเหมือนตาไอรัก

13:51 iruk *หมีบิดตัว*

13:51 iruk เขินงะ ไปจ่ายเงินดีกว่า ไว้คุยกันครับ

 


“แฟนเหรอครับ”  ยังไม่ทันเก็บโทรศัพท์เสียงด้านข้างก็ดังขึ้นให้ตื่นจากภวังค์ทำไอรักแทบสะดุ้ง หันไปเห็นหมอมันมองมายิ้มๆเหมือนเดิม แต่รู้สึกว่าแปลกไปกว่าครั้งอื่น

“อ่อ ครับ” ผมพยักหน้าตอบ อยู่ดีๆรอยยิ้มหมอหายไปแล้วมองผมนิ่งเลย สักพักก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา

“แฟนคุณคงสวยมาก” หล่อต่างหากเล่า

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ แฟนคุณคงสวยกว่า” พูดแล้วหัวเราะแฮะๆ

“ผมไม่มีแฟนหรอกครับ คนที่กำลังเล็งๆอยู่ก็เป็นของคนอื่นไปแล้ว เสียใจชะมัด” อ้าว ดราม่าใส่ไอรักอีก ไอรักไม่ได้เป็นกระโถนให้หมอสัตว์นะ แต่ผมก็สงสารเขานะครับ ไปชอบเขาแต่เขาดันมีเจ้าของนี่เจ็บอยู่เหมือนกันนะ อย่าถามว่ารู้ได้ไง ลองนึกจำลองสถานการณ์ตอนที่เกียร์ไม่รับรักผมแล้วมีคนในใจอยู่แล้ว อกข้างซ้ายมันก็สั่นเหมือนจะร้องไห้

“คุณใจดีอย่างนี้ลองตื้อเข้าไปบ่อยๆเดี๋ยวเขาต้องใจอ่อนกับคุณแน่ๆครับ” ผมปลอบใจ พอดีกับแม่ค้ายื่นของมาให้หลังจากที่จ่ายเงินเสร็จ ผมพูดขอบคุณเบาๆแล้วหันไปฟังสิ่งที่หมอจะพูดต่อ

“แต่เขามีแฟนแล้วนะครับ”

“ถ้ารักจริง ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกครับ” ผมพูดไปเล่นๆ หวังว่าคงไม่เอาคำของผมไปทำหรอกนะ ผมไม่ได้อยากยุให้ไปแย่งคนอื่นหรอก แค่อยากให้ตอนนี้หมอหายเศร้าเท่านั้นเอง

“จริงเหรอครับ” ผมมองหมองงๆ แต่ก็พยักหน้าไป รอยยิ้มไอ้หมอกลับมาอีกครั้งคราวนี้กว้างกว่าปกติด้วย เอาสิเอาให้ถึงใบหู ไอรักจะปิดโรงพยาบาลจัดงานฉลองที่หมอยิ้มถึงรูหูเลย

“ถ้าอย่างนั้นผมขอโทรหาคุณบ้างได้ไหม”

“…?” ผมมองไอ้หมองงๆ อยู่ดีๆก็เปลี่ยนเรื่องคุย ทำงานหนักไปหรือเปล่าวะ

“คือผมว่าจะปรึกษาคุณเรื่อง เอ่อ เรื่องความรักน่ะครับ พอดีผมไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้สักเท่าไร” หมอพูดด้วยท่าทีขัดเขิน เป็นภาพที่ทำให้ผมยิ้มได้นะครับ ไม่มีใครที่เพอร์เฟคไปซะทุกอย่าง ถึงจะเรียนสูงขนาดไหนแต่เรื่องบางเรื่องก็อาจจะไม่ได้เก่งเสมอไป และที่ทำผมยิ้มเอ็นดูได้ก็คงจะเป็นท่าทางแล้วก็คำพูดซื่อๆของหมอคนนี้ บางคนไม่ยอมรับหรือบอกใครต่อใครหรอกว่าเราไม่เก่งเรื่องอะไร ยิ่งคนที่มีอีโก้สูงแล้วด้วย แต่ก็ดีที่ดูท่าแล้วหมอภูมิไม่ได้เป็นแบบนั้น

“ได้สิครับ ถ้าผมช่วยได้น่ะนะ แฮะๆ” ไม่รู้จะช่วยได้ขนาดไหนเพราะผมไม่ได้เป็นศิราณี

เดินดูของกับคนถือของ(หมอภูมิ)อีกสักพักใหญ่ๆก็กลับไปเอาของที่บูท หมอภูมิเขาก็ดีนะครับ มีน้ำใจมาช่วยยกข้าวยกของไปหาไอ้เนม พอเจอไอ้เนมก็งงๆประมาณว่าไอ้นี่มันเป็นใคร คุยกันไม่นานเท่าไรหมอก็ขอกลับไปทำงานก่อน คงจะอึดอัดด้วยละ ก็ดูไอ้เนมมันจ้องสิอย่างจะกินเลือกกินเนื้อหมอภูมิ มันก็นิ่งเงียบครุ่นคิดอะไรไม่รู้ทั้งที่ผมกำลังด่าที่มันไปเสียมารยาทใส่เขายกใหญ่

“เออๆๆ มึงเลิกด่ากูได้ละ แม่ง มึงก็หัดดูหน้าไอ้หมอเชี่ยนั่นตอนมองมึงดิ หื่นสัตว์ๆ กูละอยากให้ไอ้หมอเจอไอ้เกียร์ มันจะได้เจอของจริงสักที ส่วนมึงก็โง๊โง่เนอะ ไม่รู้เรื่องกับชาวบ้านชาวช่อง” ดูมัน มาด่าผมกลับอีก

“อะไรของมึงวะ โมโหใครมาเนี่ย”

“ไม่รู้ว่ะ กูก็งง” ผมงงกับมัน

“ก็ดูดิ กูเกลียดหน้ามันอะ หยึ๋ยแม่ง เล่นหูเล่นตาฉิบหาย” มันพูดต่ออย่างโมโห ดูท่ามันจะไม่ชอบขี้หน้าหมอภูมิจริงๆ

“เล่นหูเล่นตา?”

“ไอ้ห่าบักสีดา มันคล้ายๆกับชม้ายตาอะ อย่างนี้อะอย่างนี้ๆ ดูหน้ากูรู้แล้วว่าแม่งอยากเอามึงเป็นเมีย” เฮ้ยไอ้บ้า หยาบคาย

“มึงไม่คิดว่ากูจะไปเป็นผัวเลยเหรอ เฮ้ยๆผิดประเด็น คือกูหมายถึงเขามาเล่นหูเล่นตาใส่กูตอนไหน กูผู้ชายนะโว้ย” มันหรี่ตามองผมใหญ่เลย ไอรักพูดผิดเฉยๆนะ

“ห่า แล้วให้กูอธิบายตั้งนาน”

“ก็มึงแร๊พเป็นไฟขนาดนั้น กูจะแทรกตรงไหนดีละ” ผมพูดประชดแล้วส่ายหน้าให้มัน ไอ้เนมเลียไอศกรีมในมือแล้วเงยขึ้นมายิ้มตาหยีใส่

“อิอิ”

แต่เอ๊ะ หมอภูมิไม่ได้ขอเบอร์ผมไว้นี่นา


.........................................


ผมบอกลาไอ้เนมหลังจากที่แม่บ้านช่วยกันยกของเข้าบ้านเสร็จเรียบร้อย แล้วพาคุณสุนัขคุณแมววิ่งเข้าบ้าน สามตัวก็วิ่งตามดุ๊กๆ

“เร็ว! ไอหมอก!” ไอหมอกลิ้นห้อย พยายามหอบร่างใหญ่ๆและไขมันของตัวเองตีกระเพื่อมวิ่งตามเพื่อนๆมา เห็นแล้วสงสารสังขารลูกกูเลย

“คงไม่ต้องซื้อของเข้าบ้านให้ลูกๆไอรักสักหนึ่งปีได้เลยนะคะ” แม่เอ่ยแซวเมื่อเดินผ่านแม่บ้านที่ถือของเต็มมือ

“ไอรักเห็นมันถูกดีน่ะครับ เลือกไม่ถูกด้วยเลยหยิบมาเยอะไปหน่อย แฮะๆ” ก็จริงนี่ อันโน้นก็เข้า อันนี้ก็ดี สรุปเอามาหมดเลย

“หมาๆแมวๆคงมีความสุขน่าดูนะ วิ่งรอบตัวไอรักกันให้วุ่น” พ่อตอบหน้ายิ้ม แน่นอนสิครับ ผมอยากดูแลเขา อยากให้ไอแดด ไอหมอก ไอซิสได้อยู่สบายเหมือนกับคน ไม่ได้มองว่าเขาคือสัตว์เพื่อเลี้ยงไว้เฉยๆ

“วันนี้พี่ติมกลับดึกหน่อยนะครับ” พี่ติมโทรมาบอกผมน่ะครับ เห็นว่ามีนัดกับลูกค้าคงยาว ส่วนพี่อุ่นคงกลับเวลาปกติ

“อืม งั้นทานข้าวกันเลยแล้วกัน”

ผมปลีกตัวไปโทรหาเกียร์ มันบอกว่าคงไปไม่ทันแต่ไม่ต้องห่วงให้ทานข้าวกับครอบครัวไปก่อนเลย เสร็จแล้วจะรีบตามไป ผมคุยกับมันเสร็จก็วางสายไปทานอาหาร

พอเสร็จก็ออกมานั่งเล่นกับลูกๆผมแถวบ่อปลาเล็ก ที่ที่มีความทรงจำของผมกับมันอยู่ ไอซิสโดนไอแดดแกล้งจนเกือบจะตกบ่อให้ปลากินอยู่หลายรอบ ผมก็มองดูเขาเล่นกันไปสักพักก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์สี่สูบจึงลุกขึ้นไปหาพร้อมกับสมุนอีกสามตัวที่วิ่งตามมาติดๆ

“เป็นยังไงบ้างครับ เหนื่อยไหม” มันถอดหมวกกันน็อคออก พยักหน้าทำหน้าอ่อนเพลียแล้วอ้าแขนรอให้ผมเดินเข้าไปกอดมัน

“ความจริงกลับไปนอนที่บ้านเลยก็ได้นะครับ ผมเข้าใจ” มันพึ่งปั่นงานเสร็จคงต้องการพักผ่อน ผมก็ไม่ได้เป็นคนงี่เง่าขนาดที่ไม่เจอหน้ากันแล้วโวยวายหรอก ผมเข้าใจมันดี

“หึ” มันส่ายหน้า ส่งเสียงปฏิเสธในลำคอ

“แล้วทำไมตัวอ่อนปวกเปียกละ” มันหัวเราะเบาๆกับคำพูดผม

“หิว” คราวนี้กลายเป็นผมที่หัวเราะแทน

“เข้ามาข้างในก่อนเถอะครับ”

ผมจูงคนตัวโตเข้าไปยังห้องทานอาหาร จะกดกริ่งเรียกแม่บ้านให้เสิร์ฟอาหารอุ่นๆแต่มันก็ห้ามเสียก่อน มันบอกให้พามันไปห้องครัวแล้วจะทำเองเกรงใจแม่บ้าน ป่านนี้คงหลับไปแล้ว ก็จริงของมันคือบ้านผมนอนไวเหมือนโกหก นับแม่บ้านคนสวนด้วยนะ สบายจริงๆ -*-

พอดีว่าอาหารเมื่อเย็นยังมีอยู่ มันเลยไม่ต้องทำทานเอง ผมดูมันเหนื่อยๆล้าๆก็อ่อนใจ มันไม่ได้แสดงอารมณ์ว่าเพลียหรอก แต่ผมดูออก

“เมื่อยเหรอครับ” เห็นมันบีบบริเวณไหล่อยู่หลายครั้ง

“นิดหน่อย นั่งพิมพ์งานนานอยู่ท่าเดียว” แล้วเวลาพิมพ์งานใครมันมีหลายท่าบ้างวะ ไอรักงงตึ้บ

ผมลุกขึ้นยืนซ้อนหลังมัน ค่อยๆบีบจับแถวท้ายทอยและไหล่มันเบาๆ มันชะงักตัวแข็งไปครู่หนึ่งแต่ก็ผ่อนคลายลง

“ตรงนี้เหรอครับ” มันพยักหน้า ครางออกมาเพราะร่างกายผ่อนคลาย

“รู้สึกดีขึ้นไหม” มันพยักหน้าอีกรอบ แต่คราวนี้ตะปบเข้ามือผม เลื่อนเก้าอี้ให้ห่างจากโต๊ะอาหารชุดเล็กแล้วดึงให้ไปนั่งบนตักมัน


“ไหนบอกว่าหิวไงครับ..อื้อ”


ยังไม่ทันพูดจบ เกียร์ก็ยื่นหน้าเข้ามาซุกไซร้แถวลำคอ ขย้ำมือตามเนื้อตัวผมอย่างหื่นกระหาย ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดันมาโดนก้น จะยกหนีก็โดนมือหนาจับเอวไว้ไม่ห่างแถมยังรั้งมาให้แนบชิดมากขึ้น ผมเริ่มบิดตัวด้วยความเสียวเมื่อเกียร์รั้งเสื้อขึ้นไปแล้วเอาลิ้นตวัดดูดดุนจุกนมของผมทั้งสองข้างอย่างมัวเมา ผมแทบไม่ได้ปลดปล่อยมาตั้งแต่เกิดเรื่องพอถูกปลุกขึ้นไม่นานก็แข็งจนเจ็บจะแย่อยู่แล้ว



เพล้ง..



ผมสะดุ้งตกใจจากภวังค์ หันไปตามเสียงก็เห็นจานข้าวที่เกียร์ทานไปไม่เท่าไรคว่ำอยู่ที่พื้น ไม่ต้องมองว่าฝีมือใคร ผมเองนี่ละครับที่เผลอไปปัดมันตก

“ต่อนะ” มันว่าแล้วหมายจะจูบปากผม

“อ๊ะ เอ๊ะ เกียร์พอก่อน ไม่ดีหรอกครับ” เมื่อสติกลับมา ยางอายก็กลับมาพร้อมกัน ตาดุหยาดเยิ้มเงยหน้าขึ้นมองอย่างฉงนสนเท่ห์

มันคิ้วขมวดอย่างขัดใจ แต่ก็ชะงักเหมือนพึ่งรู้ตัว

“นี่ห้องครัวนะครับ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าแล้วจะยุ่งเอา” ผมเม้มปากแน่น เขินที่มาทำอะไรแบบนี้ในห้องครัว บรรยากาศช่างไม่น่าพิศวาสเอาเสียเลย

“ไปห้องน้ำไหม ค้างไม่ใช่เหรอ ห้องนอนไอรักดีไหม ห้องทำงานหรือจะสวนหลังบ้านดี” ทีเรื่องนี้นี่สมองไวเชียวนะ มีตัวเลือกมาให้เป็นข้อๆเลย

“พอเลยๆ เลิกทำตาเยิ้มๆใส่ด้วย กินข้าวเสร็จก็กลับไปได้แล้วครับ” มาทำเป็นมองหน้าๆ เห็นได้ไม่ยากอย่างงี้ ไอรักยังหยิ่งได้อยู่นะครับ

ผมนั่งสงบสติตัวเองดูมันกวาดเศษข้าวที่กระจายตกพื้นอยู่ครู่หนึ่ง ก็ลุกขึ้นไปตักข้าวให้มันใหม่ เห็นว่ามันกินจนหมดเกรี้ยงก็สุขใจ คงมาเหนื่อยๆจริงๆ

ทานเสร็จก็ขึ้นไปนอนเล่นบนห้อง ผมกลิ้งตัวเล่นกับคุณไอซิสบนพรมพื้นห้อง ก็เกียร์ไม่ให้ไอซิสนอนบนเตียงนี่ เลยปล่อยให้เกียร์นอนบนเตียงดูพวกผมเล่น

“ถ่ายทำไมอะ!” เงยหน้าไปเห็นอีกคนถือโทรศัพท์เล็งมาทางผม

“เล่นไปสิ” มันชะโงกหน้าตอบ ถ่ายวิดีโอแน่ๆ

“แล้วคุณถ่ายทำไมเล่า ผมขยับตัวไม่ออกนะ” เผลออมลมจนรู้สึกว่าแก้มพองออกมา มันหัวเราะใหญ่เลยโดนของเล่นไอซิสปาใส่ตัว ใช่เรื่องตลกเหรอห๊ะ!

“ไอ้แมวฟิวส์ขาดแล้ว หึหึ” มันจับของเล่นแล้วโยนมาคืน จะไม่โกรธมันหรอกถ้ามันไม่ตั้งใจโยนให้โดนหัวไอซิส ดูความเลวของมันนะครับ

“อยากถ่ายก็ไปถ่ายตัวเองสิ” ผมพูดงอนๆ แล้วเดินไปรับโทรศัพท์ตัวเองที่ดังขึ้นมาพอดี เดินมานั่งบนเตียงข้างมัน คนข้างๆตีเนียนเลื้อยตัวมานอนหนุนตัก

“เออว่าไงมึง” ผมกรอกเสียงถามคิม ห้ามมือเกียร์ไปด้วย พยายามลวนลามผมทุกวิถีทาง

‘เฮ้ยมึง งานสัตว์มันมีวันนี้วันสุดท้ายแล้วเหรอวะ’

“เออ จะตะโกนทำไมวะ” ขนาดผมยกโทรศัพท์ให้ห่างจากหูยังได้ยินเสียงมันเลย

‘กูตกใจอะ ไอ้เนมบอกมันวันสุดท้ายแล้ว แม่งล้อเลียนกูใหญ่เลยว่าไม่ได้ไป’ คือคิมมันชอบเรื่องสัตว์เหมือนผมนั่นละครับ บ้านมันเลี้ยงหมาเป็นสิบตัวเหมือนเกียร์เลย แต่มันพลาดเพราะติดสอบ ส่วนผมพรุ่งนี้เริ่มสอบวันแรก แต่ที่ทำตัวสบายกว่าคนอื่นแบบนี้เพราะผมอ่านทบทวนไปสามรอบแล้ว ผมเป็นคนอ่านหนังสือไวน่ะครับ แต่จำได้หรือไม่ได้นี่อีกเรื่องหนึ่งนะ

“มึงจะไปเครียดทำไม มันก็พูดให้มึงอิจฉาเล่นเท่านั้นละ อย่างไอ้เนมมันรอข้างนอกงานอยู่แล้ว มึงก็รู้ว่ามันไม่ค่อยชอบสัตว์”

‘ก็มันพูดข่มกูอะ เนี่ย ตอนนี้มันยังพูดไม่หยุดเลย กูโคตรรำคาญ เฮ้ยไปไกลๆสิวะ’ มันทะเลาะอะไรกันไม่รู้ ไอ้สองคนนี้ก็แปลก วันไหนไม่กัดกัน ฟ้าคงตกลงพื้น

“มึงไปเคลียกันก่อน เสร็จแล้วค่อยโทรมาใหม่แล้วกัน” คนบนตักนอนหลับตาเริ่มขยุกขยิกหันหน้าเข้าตัวผม ส่วนมือก็เกี่ยวเอวผมไว้ไม่ห่าง ไอรักเลี้ยงเด็กโข่งหรือเปล่าวะ เริ่มไม่แน่ใจ

‘เฮ้ยๆ เดี๋ยวดิ แล้วนั่นเสียงไรวะ ไอซิสเปล่าอะ’ ไอ้คิมส่งเสียงตื่นเต้นใหญ่เลย อยากมาเล่นกับไอซิสละสิ

“เออ ไถขากูใหญ่เลย อยากขึ้นเตียงแต่เกียร์ไม่ให้” ผมพูดฟ้องพลางลูบหัวอีกคนไปด้วย ตาโหลเชียว สภาพเหมือนคนพึ่งเลิกยาไม่มีผิด มึงหักโหมทำงานจนไม่ได้หลับได้นอนหรืออัดกระทิงแดงเกินวันละสองขวดมาวะนี่

‘โหแม่ง ใจร้าย แล้วไอซิสพันธุ์อะไรวะ’

“พันมือพันตีน” เสียงทุ้มโพล่งขึ้นตอบ ผมเลิกคิ้วมอง แต่มันคงไม่เห็นหรอกเพราะนอนหลับตาอยู่ ผมนึกว่ามันหลับไปนานแล้วนะ

‘เอ้อะ...’

“เดี๋ยวเถอะเกียร์ พันธุ์อะไรไม่รู้ว่ะ ไม่มีมั้ง”

‘พันธุ์ไทยไงมึงจะถามอะไรมันเยอะวะบ้าเปล่า หรือจะให้มันไปพันทิป จะบ้าไปแล้วกะละมัง สนใจมันขนาดนี้ไปแต่งงานกับไอซิสเลยปะเดี๋ยวกูจัดให้ ...นั่งแดกโป๊งเหน่งไปเงียบๆได้ไหมไอ้ชี่ยเนม พูดมากจังโว้ยกูรำคาญ…!#^%&!’ เสียงไอ้เนมพูดสามประโยคแรก ที่เหลือเป็นไอ้คิม มันจะฆ่าหมกคอนโดกันไหมนั่น ผมเห็นว่ามันคงไม่หันมาคุยแล้วก็วางสายไป

“วันนี้นอนที่นี่ไหมครับ” ถามมันเบาๆ

“ได้เหรอ”

“ไม่รู้สิ” มันลุกขึ้นมาหน้ามึนๆ ผมเลยลูบหน้าลูบตาให้ มันจับมือเอาไว้แล้วซบลงฝ่ามือ

“อาบน้ำด้วยกันนะ” มันปรือตาขึ้นมาสะกดให้ผมตอบตกลง แต่ยังไม่ทันเดินไปไหน โทรศัพท์ก็ดึงขึ้นมาอีกครั้ง ผมเลิกคิ้วมองเบอร์แปลกที่ปรากฎขึ้น เกียร์ทำสัญญาณว่าจะเข้าไปรอในห้องน้ำ ผมเลยพยักหน้าตอบ

“สวัสดีครับ”

.
.
.
.

(ต่อล่าง)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด