ร้ายที่ 22 “คุณ . . ว่าไงนะ” ผมพูดกับลิน เมื่อตะกี้เธอได้พูดในสิ่งที่ผมไม่คิดว่าหลุดออกมาจากปากสาวสวยสุดไฮโซอย่างลิน เธอเรียกผมว่าแก . .
“คะ? เปล่านี่” เธอปฏิเสธแล้วก็รับแก้วน้ำส้มจากมังกร ยิ้มให้มังกรอย่างอ่อนหวาน แต่พอมองมาที่ผมมันเป็นรอยยิ้มที่เย็นยะเยือกซะงั้น
ผมไม่ใช่คนที่ใจร้ายกับผู้หญิง . . แต่ถ้าผู้หญิงมันน่าหมั่นไส้นักล่ะก็ ผมก็ใจร้ายใส่ได้เหมือนกันนะเว้ย
มังกรมองมาที่ลินอย่างเหนื่อยใจ ก่อนที่จะหันไปรับรองแขกฝรั่งที่มาสั่งเหล้ากับมันต่อ ทิ้งให้ผมอยู่กับลินที่จิบน้ำส้ม ไม่หลงเหลือรอยยิ้มใดๆอยู่บนใบหน้าของเธอ
“เคยคิดมั้ย . .” เธอเปรยขึ้นมา ผมมองซ้ายมองขวา ลินคงไม่ได้คุยกับฝรั่งคนนั้นหรอก เธอคุยกับผมนี่แหละ
“อะไร”
“ระหว่างคุณกับฉันมังกรจะเลือกใคร”
“ไม่เคยคิด” ผมตอบทันที ถึงแม้ว่าเสียงตัวเองจะดูสั่นเครือมากก็เถอะ
“คงไม่แน่ใจล่ะสิ ว่ามังกรจะเลือกตัวเองรึเปล่า”
“คุณพูดอะไรของคุณ”
“เขาเลือกฉันอยู่แล้ว เพราะคุณมันก็แค่ . .” เธอหลุบสายตาลงต่ำอย่างดูถูกใส่ผม “. . ฆาตกรคนหนึ่ง”
“ว่ายังไงนะ” ถ้าผมได้ยินไม่ผิด . . ฆาตกร . . ใช่มั้ย อะไรกัน ผมไปฆ่าใครตอนไหน
“ชีวิตที่สงบสุข กินเหล้าเมายา ทำตัวเสเพลไปวันๆ . . คุณไม่มีทางรู้หรอก ว่ามีใครบ้างที่ต้องเจ็บเพราะคุณ . .”
“. .”
“มีใครบ้างที่ต้องตายเพราะคุณ”
ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังมือสั่น เป็นครั้งแรกที้คำพูดของสุภาพสตรีมีอิทธิพลกับผมมากขนาดนี้ เพราะน้ำเสียงของเธอ ความจริงจังของเธอ และก็ความโกรธเกลียดชังอย่างที่สุดที่ถูกส่งผ่านมาจากตัวเธอ
ผมมือสั่นเพราะผมกลัว . . กลัวว่าสิ่งที่เธอพูดมันจะเป็นเรื่องจริงขึ้นมา . .
“ดูคุณอึ้งๆนะ” ลินเปลี่ยนจากน้ำส้มมาเป็นแก้วแอลกอฮอล์ขนาดเล็ก “คงไม่มีใครโง่ขนาดนั้นหรอก ที่ตายเพราะคนอื่นน่ะ”
“และที่คุณพูดมาทั้งหมด . . คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่” หลอกให้ผมคิดหนัก หรืออะไรกัน ผมเดาความคิดของผู้หญิงตรงหน้าไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว
“มีอยู่อย่างเดียวที่ฉันต้องการ . .” ลินมองไปที่มังกร “ก็คือเขา . . เขาคนเดียวเท่านั้น”
“. . .”
“ฉันไม่ยอมให้คุณพรากอะไรไปจากฉันอีกแล้ว”
แก้วแอลกอฮอล์นั่นถูกสาดเข้ามาอย่างจังที่สูทของผม ดูเหมือนว่าความโกรธของเธอจะถูกสะกดเอาไว้ในใจมานาน ผมที่ยังงงๆกับทั้งคำพูดและก็การกระทำของเธอมองตามหลังเธอที่เดินจากไป . . กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆลอยขึ้นมาแตะจมูก คำพูดของลิน . . ทำให้ผมไม่เข้าใจอะไรขึ้นมา ไม่เลยสักนิดเดียว
ผมรู้แต่เพียงว่า . . เรื่องราวระหว่างผม มังกร หรือแม้กระทั่งกับลินเอง อาจเชื่อมโยงกันด้วยอะไรบางอย่าง
“มาอยู่นี่นี่เอง” พี่เจ้าขุนเดินทำหน้าซีเรียสเข้ามาหาผมและก็คว้าแขนผมขึ้นมาทันที “กลับกรุงเทพคืนนี้ พี่จองไฟลต์ไว้แล้ว”
“หวะ ว่าไงนะ” จริงจังถึงขนาดเปลี่ยนสรรพนามจาก กู เป็น พี่ ตอนนี้ไม่มีใครล้อเล่นกับพี่ขุนได้แม้แต่คนเดียว ผมรู้ ผมเคยโดนมาแล้ว
“กลับกรุงเทพ”
“ทำไมอ่ะพี่ขุน งานยังไม่จบเลย”
“พี่รู้แล้วว่าเราเกือบโดนฆ่าตั้งสองครั้ง”
พี่ขุนมองมาที่ผมพลางส่งสายตาคาดโทษมาให้ แต่ยังไงก็ไม่มีทางปิดความห่วงใยที่มีมากกว่าได้
“ทำไมไม่บอก”
“ก็พี่ขุนยุ่งอยู่”
“คิดเหรอว่ามังกรจะดูแลเราได้ตลอด”
“มังกรไม่ได้ดูแลนาย นายดูแลตัวเอง” . . รึเปล่าวะ
“ยังไงก็ช่าง ไปสนามบินตอนนี้เลย เดี๋ยวพี่จะเอาของกลับไปให้ทีหลัง”
“เร่งด่วนไปป่ะ” พี่ขุนดึงแขนผมให้ออกมาจากบาร์ ท่าทางจะพูดจริงทำจริงและไม่มีใครคัดค้านพี่ผมได้แน่นอน ผมหันหลังกลับไปมองไอ้มังกรที่มองมาด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจเช่นกัน . . มองมันจนลับสายตา จนมองไม่เห็นมันอีกเลย
“โทษทีนะ ที่พี่ทำไปเพราะพี่เป็นห่วงเรา” พี่ขุนยัดผมเข้าไปในรถ ทุกอย่างถูกเตรียมการไว้หมดแล้วเหรอเนี่ย . . ทำไมมันรวดเร็วอย่างนี้วะ “พี่จะอยู่เคลียร์งานทางนี้ เสร็จเมื่อไหร่จะรีบกลับ ห้ามไปไหนมาไหนคนเดียว เพราะถ้าทำ . .”
“. .”
“พี่จะไม่ยอมให้เราออกไปไหนอีกเลย”
สองร้ายในหนึ่งรัก *
“ช่วงนี้ไม่มีน้ำเต้าหู้เลยนะคะเนี่ย” ป้าแม่บ้านที่กำลังวางรูปฝีมือไอ้มังกรอยู่หันมาเอ่ยอย่างสงสัย “พ่อหนุ่มลูกครึ่งคนนั้นหายไปไหนน้า . . ป้าชอบหน้าเค้าจัง เค้าหล่อลากดินไปเลย!”
. . “นั่นสินะครับ” . . นี่ขนาดผมกับมันต่างก็มีเบอร์กันและกันแล้วนะ ผมยังไม่ได้รับการติดต่อจากมันเลยแม้แต่นิดเดียว ตั้งแต่ถูกดึงออกมาจากบาร์ครั้งนั้น ผมก็ไม่ได้ติดต่ออะไรไอ้มังกรอีก พรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้วด้วย ชีวิตช่วงนี้เป็นอะไรที่แย่สุดๆไปเลย
“กลับมาครั้งนี้ . . ไม่มีน้ำเต้าหู้ 2 ถุง แต่มีการ์ด 2 คนมาแทนสินะคะ”
“ถ้าป้าหมายถึงไอ้ยักษ์ที่ยืนอยู่หน้าประตู 2 คนนั่นล่ะก็ . . ใช่ครับ” เป็นครั้งแรกที่ชีวิตผมต้องมีบอดี้การ์ดมาคอยควบคุม ขอย้ำ ควบคุมครับ ไม่ใช่รักษาความปลอดภัย จะออกไปไหนก็ต้องมีคนร่างยักษ์สองคนเดินตามอย่างกับตัวตลก โคตรอายคนอื่นเลยขอบอก “หรือว่า . .ไอ้สองคนนั้นจะจับไอ้มังกรหักครึ่ง . . ทำให้มันมาส่งน้ำเต้าหู้ไม่ได้”
“อะไรนะคะ”
“เปล่าครับป้า” ผมเหลือบมองไปที่รูปพี่แมท “ป้าครับ . . พี่เค้าจะไม่กลับมาที่นี่อีกเลยเหรอครับ” เค้าเป็นผู้ที่อยู่ข้างห้องของผมไงครับ
“คงจะอย่างนั้นค่ะ” ป้ามีน้ำเสียงเศร้าอย่างชัดเจน “ป้าชอบน้องเค้ามาก เค้าเป็นน่ารักดีนะคะ เหมาะกับคุณเจ้านายมากเลย”
“เอ่อ . . ไม่ใช่แล้วล่ะครับแบบนั้นน่ะ” ป้ายังไม่เลิกมีความคิดแบบนั้นอีกเหรอเนี่ย “ป้าพอจะรู้มั้ยครับ ว่าไอ้คนที่มาส่งน้ำเต้าหู้ให้ผมกับพี่แมท . . เค้าสนิทกันรึเปล่า” และเค้าสนิทกันในฐานะไหน? เพราะเรื่องวอลเปเปอร์ที่หน้าจอโทรศัพท์ ผมก็ยังไม่ลืม
“คือ . . ป้ามาทำงานที่นี่หลังคุณแมทมาอยู่ซะอีกค่ะ เรื่องนี้ป้าเลยไม่รู้น่ะ”
“เหรอครับ”
จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้สินะ . . ให้ตาย มันจะเป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนไปถึงไหนกัน ผมยิ่งไม่ค่อยฉลาดอยู่ด้วย
หลังจากที่ป้าทำงานเสร็จป้าก็ออกจากห้องของผมไป ทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว(ถ้าไม่นับไอ้ยักษ์ 2 คนที่เฝ้าประตูอยู่นะ) ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเป็นรอบที่ร้อยของวัน รอบที่ห้าร้อยกว่าๆของสัปดาห์ ไม่มีชื่อว่า “KING DRAGON” ที่ผมเม็มเอาไว้ปรากฏขื้นมาแม้แต่นิดเดียว คือตอนแรกผมก็ไม่ได้จะสนใจอะไรหรอกว่ามันจะโทรมาหรือไม่โทรมา แต่พอนานวันเข้า ผมก็เฝ้าโทรศัพท์มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น จนท้ายที่สุดก็ต้องยอมรับตัวเองอย่างหน้าโง่ๆเลยว่าผมรอโทรศัพท์มัน
ใช่ ผมรอโทรศัพท์มัน เพราะหลังจากที่โดนเอาตัวมาจากบาร์ริมสระ ผมก็ยังไม่ได้คุยอะไรกับมันสักคำ
ซึ่งจะพูดให้ถูกก็คือ . . ตั้งแต่มีจูบนั่น . . มันก็ไม่คุยกับผมอีกเลย
หรือนี่จะเป็นคำสั่งพี่ขุนวะ ? ผมคันปากอยากจะถามพี่ขุนใจจะขาดแต่เฮียแกเล่นงานรัดตัวซึ่งหนึ่งในงานที่รัดตัวนั่นก็คือตามหาตัวคนร้ายที่กล้าทำร้ายผมทั้งๆที่ยังอยู่ในอาณาจักรของพี่ผม พอผมเอ่ยปากว่าจะขอออกตามหาเองบ้าง ผมก็โดนด่า ผมเลยไม่ช่วยซะเลย ปล่อยให้พี่ชายผมงมเข็มอยู่ในมหาสมุทรอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ
“นาย! เกิดอะไรขึ้น!” เสียงไอ้ธัญดังขึ้นมาจากหน้าประตู “เฮ้ย! ปล่อยกูดิวะไอ้ฟายยยยยย”
ผมรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูให้เพื่อนทันที
“เชี่ยธัญ”
ตอนนี้มันกำลังถูกไอ้ยักษ์ 2 คน จับแข้งจับขาไว้เพื่อที่จะไม่ให้เข้ามาในห้องผมได้
“ไอ้สองตัวนี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกับมึงเนี่ย”
“ปล่อยเพื่อนกูก่อนได้มั้ย” ผมบอกไอ้ยักษ์คู่
พวกมันทำหน้าเหมือนหมางง ก่อนที่จะพร้อมใจกันปล่อยไอ้เชี่ยธัญโดยการทำให้มันล้มก้นจ้ำเบ้า . .
“โอ๊ย!!!! ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยย รอให้กูตัวใหญ่กว่าพวกมึงก่อนเหอะ!!!” มันเอามือคลำก้นขณะเดินตามผมเข้ามาข้างในห้อง
“เอ่อ กูขอโทษว่ะ”
“ไม่ใช่ความผิดของมึงหรอก” มือขวาของผมมันไม่เคยโกรธผมจริงๆ “เกิดอะไรขึ้นที่ภูเก็ตวะ มึงบอกกูมานะ ปกติมึงจะเกลียดชิบหายเวลาถูกคุ้มครองแบบนี้นี่หว่า”
เพราะไม่ใช่ครั้งสองครั้งที่พ่อไม่ก็พี่ขุนส่งคนพวกนี้มาครับ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีส่งมา . . ชีวิตผมมันเสี่ยงอันตรายตลอดเวลาอยู่แล้ว “เรื่องมันยาวน่ะ”
“เล่ามา”
“ไหนล่ะ ของฝาก”
“มึงยังจะมีอารมณ์มาเล่นอีกเหรอ” ไอ้ธัญทำเสียงโหด “พ่อกับพี่มึงส่งการ์ดมา แสดงว่ามึงไปทำเรื่องอันตรายอีกแล้วใช่มั้ย”
“กูไม่ได้ทำ” คนร้ายต่างหากที่ทำ . . ไอ้เหี้ย
“เอ้านี่ของฝาก” มันโยนถุงกระดาษแบรนด์อังกฤษสุดหรูมาให้ถุงใหญ่เบ้อเริ่ม “ทีนี้จะเล่าได้รึยัง”
สรุปคือมันอยากฟังมากเลยสินะ . . ผมถอนหายใจก่อนที่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มันฟัง แน่นอนว่าตัดฉากจูบแบบงงๆนั่นออกไป . .
พอไอ้ธัญฟังจบ มันก็ลุกขึ้นยืนทันที “เห้ย จะไปไหน” ผมถามงงๆ
“ก็จะไปแก้แค้นให้มึงน่ะสิ”
“เฮ้ย นั่งก่อน” ผมดึงแขนมันนั่งลง “มึงโผล่ไปยุ่งดีไม่ดีพี่ขุนก็พาลมาคุมความประพฤติมึงด้วย เรื่องนี้เฮียแกบอกจะจัดการเอง”
“มึงแน่ใจนะว่า . .”
“ระดับพี่ขุน . .ไม่ช้าก็เร็วก็รู้เรื่องเองนั่นแหละ . .”
“. . .”
“เร็วกว่ามึงกับกูช่วยกันสืบละกันน่ะ”
“ล่าสุดที่มึงออกมาเดินเล่น . .มันวันไหนวะ” ธัญถาม ตอนนี้ผมกับมันกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง และตรงไกลๆนู่นคือไอ้ยักษ์ 2 คนที่จับตามองผมตาไม่กระพริบ
“สามวันที่แล้ว” ผมตอบเซ็งๆขณะวิ่งจ๊อกกิ้งเหยาะๆ
“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้ว”
“ไปมอไปเจอกับนรกน่ะสิ มึงรู้มั้ยว่าเกรดกูได้เท่าไหร่เทอมที่แล้ว” พูดแล้วอยากจะร้องไห้ออกมาเป็นภาษาเยรูเซเล็มจริงๆครับ “เกินสองมาจึ๋งหนึ่ง เกือบติดโปร”
“หึ ก็ดีที่ยังเกินมานะ”
“ไม่ต้องมาพูดแล้วสัด กูเซ็ง” ผมวิ่งนำหน้ามันไป ไอ้ธัญไม่ได้อยู่ในชุดออกกำลังกายวิ่งตามมา “กับเอมอรเป็นไงบ้างวะมึง โทษทีที่กูไม่เคยถาม กูสนใจแต่เรื่องของตัวเองเยอะไปหน่อย”
“เอมอรทำไมวะ”
“พวกมึงไม่ได้คบกันเหรอ”
“ไม่เคยคบ!” ธัญร้อง “ไอ้เชี่ยธีแม่งแต่งเรื่องมั่วซั่วตลอด ไม่เคยคบเลยนะ จริงๆนะ”
“อ่าๆ ไม่คบก็ไม่คบ มึงไม่ต้องโวยวายขนาดนั้นก็ได้โว้ย”
“. . ก็ไม่ได้คบจริงๆ”
“เออๆกูรู้แล้ว” ผมตอบมัน “ว่าแต่เชี่ยธีอยู่ไหน . . ไม่เห็นมันมาหากูเลย”
“ยังมาไม่ถึงไทยเลยมึง มันไม่ได้กลับมาพร้อมกู”
“อ้าว ติดแหม่มเหรอวะ ทำไมไม่กลับพร้อมครอบครัวล่ะ”
“กูต่างหากที่ไม่ได้กลับพร้อมครอบครัว” มันตอบ สายตามองออกไปยังทางข้างหน้า “กูมาก่อน”
“ทำไม อังกฤษอากาศดีจะตาย ที่ดี . . แม่งร้อน”
“ก็กูอยากกลับ”
“กวนตีน ไอ้เชี่ย . .”
ผมคงไม่ได้คุยกับมันนานล่ะมั้งก็เลยเถียงกันไปมาเยอะหน่อย ไอ้ธัญมันยังคงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมเสมอ ถึงแม้ว่าพักหลังๆผมจะไปขลุกอยู่กับไอ้พวกชายโฉดเยอะไปจนมันก็เคยบ่น แต่ถึงบ่น มันก็ไม่เคยโกรธผมจริงๆจังๆ เพราะบางทีมันก็เริ่มรู้แล้วว่าพวกไอ้มังกรแม่งไม่เคยทำร้ายผมเลยแม้แต่นิดเดียว
สงสัยผมจะบ่นถึงมัน(มากไป)มั้ง . . ผมเลยเห็นคนที่ควงแขนสาวอยู่ไกลๆนู่นเป็นไอ้มังกร . . ตาฝาดอยากจะตีตาของตัวเองมาก แต่ทว่า . .
เป็นไอ้มังกรจริงๆ . . มันควงแขนมากับลิน
“เฮ้ย กูไปซื้อไอติมแป๊บนะ”
ผมบอกกับธัญ ตอนที่เห็นสองคนนั้นทำท่าจะเดินไปหารถขายไอติม
“หา ให้กูไปซื้อให้ป่าว”
“ไม่ต้อง กูเอง”
“งั้นกูเอาแมคนั่มช็อคโกคาปูชิโน่นะ”
“เออๆๆ” . . ขอโทษนะ มึงจะสั่งอะไรนะกูไม่ได้ยินเลย ผมเดินไปจากไอ้ธัญก่อนที่มันจะพูดจบซะอีก ผมเดินไปเรื่อยๆจนหยุดลงที่รถขายไอติมที่ลินกำลังกอดแขนออดอ้อนไอ้มังกรให้ซื้อไอติมให้กินอยู่
ผมเสนอหน้ามาทำไมก็ไม่รู้ . . แต่ลึกๆแล้ว ผมก็แค่อยากรู้ปฏิกริยาของไอ้มังกรนะ ว่าถ้ามันเจอผมมันจะทำหน้ายังไง . .
ผลปรากฏว่า . . มันมองมา แล้วมันก็หลุบตาต่ำลง
“อ้าว เจ้านาย” ลินทำเสียงเซ็งขึ้นมาทันที “บ้านอยู่แถวนี้หรือสะกดรอยตามมาจ๊ะ”
“ไม่ทั้งคู่ครับ” ผมตอบลิน แต่สายตาของผมก็ยังจ้องไปยังไอ้มังกรอยู่ ตั้งแต่เจอกันที่บาร์นั่น นี่ก็เกือบจะเป็นอาทิตย์แล้วล่ะมั้งที่ไม่ได้คุยกับมันอีกเลย
เซนส์ของผมมันบอก . . ว่าไอ้มังกรมันแปลกไปจริงๆ
“เหรอ” ลินตอบ เธอมองผมเหมือนเป็นกองขึ้ควายกองหนึ่ง “มังกรสรุปมังกรจะเอาอะไรอ่ะ”
“ลินเลือกให้เถอะครับ” มังกรตอบลินแล้วก็ยิ้มให้เธอเบาๆ
. . . ผมสะตั๊นไปหลายวิกับรอยยิ้มนั้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ยิ้มให้ผมก็ตาม ยิ้มของมันที่ปกติปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าอย่างยากเย็น แต่ทว่าบัดนี้มันกลับยิ้มขึ้นมาได้โดยง่าย . . เพราะอะไรกัน
“งั้นลินเลือกอันนี้ให้นะ มังกรชอบกินช็อคโกแลตนี่”
“ครับ ตามใจลินเลย”
“น่ารักที่สุด ลินเลี้ยงเองนะ”
“ไม่ได้ครับ เป็นผู้ชายก็ต้องเลี้ยงผู้หญิงสิ”
“. . เหรออออ ก็ด้ายยยยย” ลินเอาหัวชนไหล่ของมังกรอย่างหยอกล้อ
ผมมาทำอะไรอยู่ตรงนี้วะ . . อาการชาวาบไปทั่วทั้งตัวและก็หัวใจนี่มันอะไรกัน . . ผมรู้สึกเหมือนผมจะล้มลงไปตรงนั้นได้ เพียงแค่สายลมเบาๆมาสะกิด
นี่สินะ . . อาการที่เรียกว่า(เกือบ)ล้มทั้งยืน
ช็อคสนิท . .
“เจ้านาย เจ้านายจะเอาอะไร มังกรเลี้ยงเลยนะ” ลินจิกสายตามองมายังผม พร้อมๆกับแสร้งทำเป็นยิ้มส่งมาให้
. . . ผมจะเอาอะไรได้อีกล่ะ “อยากกินทั้งตู้ มันจะซื้อให้มั้ยล่ะ”
“ให้พ่อมึงจ่ายเถอะนะแบบนั้นน่ะ” มังกรเลิกคิ้วขึ้น พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่โคตรเย็นชา ชนิดที่ว่าผมสัมผัสได้ถึงความห่างเหินแบบสุดๆ
“คิกคิก นั่นสินะคะ” ลินช่วยเสริม “มังกรจ่ายตังค์แล้วไปกันเถอะ”
“ครับ”
บอกตรงๆว่าผมยืนตัวแข็งทื่อและค้างท่าไหนก็ค้างท่านั้นอยู่อย่างนั้นนานหลายนาทีเลยทีเดียว จนรู้ตัวอีกทีเมื่อเค้าสองคนเดินไปได้ไกลแล้ว ทิ้งให้ผมอยู่กับลุงคนขายไอติมที่กำลังงงว่าผมจะกินไอติมหรือเล่นมิวสิกวีดีโอกันแน่
ถ้าผมเล่นมิวสิกวีดีโออยู่ล่ะก็ . . ผมคงกำลังเล่นเพลง “ที่ผ่านมาเรียกว่าอะไร”
สองร้ายในหนึ่งรัก *
มหาวิทยาลัยอันเป็นที่รัก(?)
“เชี่ยยยย แอร์สวยเหี้ยยยย เมื่อคืนกูไม่ได้นอนเลยมึงรู้มั้ยฟายยยย” ไอ้ธีโม้เรื่องนี้เป็นครั้งที่สิบห้าของวันแล้ว มีอยู่คนเดียวที่ฟังมันคือ ไม่มีใครเลย “นมนี่เด้งใส่หน้ากู ฟุบฟับๆ โอ้ย ฟินสัดสลัดไข่”
“นาย เป็นไรรึเปล่า” บอกแล้วว่าไม่มีใครฟังมันจริงๆครับ ไอ้ธัญมันถามผมแบบนี้เป็นครั้งที่สิบห้าเหมือนกัน
“เปล่า” ผมก็ตอบมันเป็นครั้งทิ่สิบห้า
“หน้าตาเหมือนไม่ได้นอนเลยนะ”
“บ้า ใครมันจะไม่ได้นอน” กูได้นอนนะเว้ย . . แค่ครึ่งชั่วโมงเอง นอนหลับตาเฉยๆ หลังจากนั้นก็ลืมตาตลอดทั้งคืน
มันเป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วที่ผมเอาเรื่องไอ้มังกรมาคิด จากคิดนิดๆ เป็นคิดหน่อยๆ เป็นคิดกลางๆ เป็นคิดค่อนข้างมาก เป็นคิดมาก และก็เป็นคิดมากชิบหายเลยไอ้เหี้ยเอ๊ย! . . หลังๆมานี่หลังจากที่กลับจากภูเก็ตมันทำให้ผมแทบไม่เป็นอันกินอันนอน เอาแต่คิดถึงจูบบ้านั่น คิดถึงทุกการกระทำ คิดถึงทุกคำพูดที่บางทีมันก็พยายามจะสื้อความหมายอะไรบางอย่างกับผม ผมเก็บมาคิดแม่งทุกอย่าง จนไม่เหลือแล้วซึ่งความเป็นตัวของตัวเอง
แต่พอมาเจอเหตุการณ์เมื่อวานแค่ครั้งเดียว ทำเอาผมไปไม่เป็น . . ไม่เป็นเลยทีเดียว มันเหมือนกับว่าที่มันทำทุกอย่าง มันทำให้ผมคิดเองเออเองคนเดียวยังไงยังงั้น . .
“แม่ง!!!!!!” ผมทุบโต๊ะเรียนจนอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่สะดุ้งตกใจ ทั่วทั้งคลาสเรียนหยุดชะงักมองมาที่ผมเป็นตาเดียว ผมก็หน้าด้านทำหน้าหงิกใส่ทุกคนที่มองมา อาจารย์กระแอมเล็กๆและก็เริ่มสอนต่อไป
“ฮะๆๆ ไอ้นายผู้ไม่เคยแคร์เหี้ยอะไรกลับมาแล้วเหรอวะ” ไอ้ธีหันมาแซว
“ทำไมวะ”
“หลังๆนี่มึงหงอลงไปเยอะ ใครๆเค้าก็พูด”
“กูไม่ได้หงอเว้ย แค่ขี้เกียจมีเรื่อง” ผมหันไปด่าไอ้ธี “มึงสนใจนมแอร์ของมึงต่อไปเถอะ”
“แม่ง ถ้าได้สักครั้งกูจะตั้งใจเรียน”
โคตรหื่นเลยว่ะ . . ไอ้เชี่ยธี
“ได้แดกข้าวทั้งที ตอนบ่ายไม่มีเรียน กูแนะนำให้ไปแดกห้าง” ไอ้ธีพูดเองคิดเองเสร็จสรรพ พวกผมก็ขี้เกียจคิดเลยพยักหน้ากับมันไปเพื่อความสบายใจของมัน
“มึงเลี้ยงนะ”
“ได้ . .ถ้ากูเห็นผู้หญิงที่มีนมใหญ่เท่าแอร์คนนั้น กูจะเลี้ยงชาบูพวกมึงเลยเอ้า”
“เป็นเอามากนะ เชี่ยธัญ มึงเป็นพี่น้องกับมันทำไมมึงไม่ได้เชื้อมันมามั่งวะ”
“โหย สัดนาย ไอ้ธัญนี่แม่งหนักกว่ากูอีก” ธัญรีบคว้าคอธีเอาไว้ทันที แปลกดีที่เห็นคนที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะกำลังฟัดเหวี่ยงกัน “อ๊ากกกกกก มึงรู้มั้ยว่ามันเอารูปใครไปดูในห้องน้ำและก็ว่าว”
“เฮ้ย ใครวะ” ขอพักเรื่องเครียดนิดนึง กวนตีนไอ้ธัญเล่นดีกว่า
“กูไม่เคยทำอย่างนั้น” ธัญรีบแก้ตัว
“ปล่อยกู ปล่อยกูนะเว้ยยยยยย ไม่งั้นกูพูด ไม่งั้นกูจะพูดจริงๆนะ!!!!!”
ไอ้ธัญปล่อยไอ้เชี่ยธีทันที
“แค่กๆๆ”
“สมน้ำหน้า ปากไวทำส้นตีนอะไร”
“สัด กูไม่พูดอยู่แล้วล่ะน่ากูแค่แกล้ง”
“บอกมานะเว้ย ใครวะๆ อาโออิ มิยาบิ ??” ผมเดินแบบหันหลังเดินเพื่อที่จะถามไอ้ธีให้รู้ความจริง แต่ทำอย่างนั้นทำให้ผมมองไม่เห็นทางข้างหน้าและก็ชนเข้าอย่างจังกับใครบางคน
นั่นทำให้ผมหน้าหงิกลงทันที . .
“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ”
“พ่อมึงเกิดเป็นเสาขวางทางคนอื่นรึไง” ผมหันไปจ้องเขม็งอย่างไม่ยอมแพ้
มังกรเลิกคิ้ว . . มันขนาบข้างด้วยไนท์กับแอร์อย่างเช่นเคย แต่ที่ไม่เหมือนเคยคือสองคนนั้นมองมาที่ผมอย่างเครียดๆแทนที่จะโบกมือทักทายอย่างอารมณ์ดี “หลีกไป”
“มึงนั่นแหละ หลีกไป” สงครามโง่ๆของผมกับมันกำลังเริ่มขึ้น
“จะหลีกไม่หลีก”
“มึงมาทำเหี้ยอะไรที่นี่ ตึกสินกำไม่มีข้าวกินเหมือนตึกบริหารเหรอ”
“ไม่ใช่เรื่องของมึง” มังกรหันขวับไปหาไอ้แอร์
แล้วไอ้แอร์ก็พูดราวกับเตี๊ยมกันมาก่อน “แฟนผมเรียนคณะนี้อ่ะครับ”
“กูพามันมาหาแฟน”
ผมเลยหลีกทางให้มันเพราะไม่รู้ว่าจะหาเรื่องอะไรมันได้อีก พวกมันเดินตรงไปยังใต้ถุนตึกที่มีคนเดินขวักไขว่กันเต็มไปหมด . .
ผมกำหมัดแน่น แบบนี้มันทำเกินไปแล้ว . . ทำเหมือนที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่ . . มันทำเกินไปแล้ว
ย้อนเวลากลับไปประมาณห้านาทีก่อน
ฉากหน้าคณะบริหาร
มังกร : ตกลงมั้ยไอ้แอร์ ถ้าโดนจับได้ มึงต้องตอบตามนั้น
แอร์ : ทำไมต้องให้กูโกหกเจ้านายด้วยวะ
มังกร : เออน่ะ
ไนท์ : มังกรมึงนี่นะ . .อยากเห็นหน้าทำไมไม่โผล่หน้าไปดีๆ
มังกร : กูเปล่า
แอร์ : เชี่ยไนท์ มึงชินกับปากแข็งๆของไอ้ราชานี่รึยัง
ไนท์ : แม่งโคตรไร้สาระสุดๆเลย
มังกร : กูได้ยินนะ (เส้นเลือดเริ่มปูด)
แอร์ : มันแค่อยากจะมาดูว่าเจ้านายเป็นอะไรหรือไม่เป็นอะไร
ไนท์ : ห่วงเค้าว่างั้น
แอร์ : ใช่ แม่งห่วงเค้าจะไปดูเค้าก็ต้องไปแบบแอบๆ
ไนท์ : โคตรไม่แมนเลย
แอร์ : ใช่ (มองเห็นเจ้านายเดินถอยหลังเข้ามาใกล้) เฮ้ย นั่นเจ้านาย
ไนท์ : ชิบหายแล้ว
หลังของเจ้านายชนอกมังกรเสียงดังตู้ม
(((จบฉาก)
ยี่สิบนาทีต่อมา ณ ห้างที่ผมกับเพื่อนเลือกที่จะไป
บังเอิญผมเดินสวนทางกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยร่วมชะตากรรมกันมาก่อน ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะโผล่มาให้ผมเห็นในเมื่อร้อยวันพันปีผมก็ไม่เคยเห็นหน้าเธอ
“แฟนไอ้แอร์รึเปล่า?”
เธอสะดุ้งเฮือกตกใจใหญ่ พร้อมๆกับพยักหน้าเบาๆ “ค่ะ”
“เธอเรียนคณะอะไร?”
เธอดูไม่ค่อยเข้าใจ แต่เธอก็ตอบ “เราเรียนวิทยาศาสตร์”
ผมปล่อยให้เธอที่ยังงงๆเดินจากไป แล้วยิ้มให้กับตัวเองในใจ
ไอ้เหี้ยมังกร . . ไอ้คนตอแหล . . มาลุ้นความรักของเขาและเขากันต่อ (ปกติต้องใช้เขาและเธอ) 555
ตอนต่อไป ไม่นานเกินรอ ^____________^