Lesson 30
“เดี๋ยวก่อนพี่โชว์” ผมตะโกนเรียกพร้อมทั้งออกตัวลุกตามพี่โชว์ไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ทันครับพี่โชว์เดินหนีผมหายไปแล้ว
“ทันไหมคิม” เต้พึ่งวิ่งตามผมมาครับคงพึ่งจ่ายค่าอาหารเสร็จ
“ไม่ทัน...เดี๋ยวค่อยไปคุยที่บ้านก็ได้ไม่เป็นไร” เฮ้อ อยากเป็นผีจังเลยตอนเนี่ย จะได้หายตัวกลับบ้านได้เลย
“แล้วเรื่องที่เราถามล่ะคิม” มาแล้วไงครับ ผมอุตส่าเลี่ยงไม่อยากตอบแล้วนะ แต่คิดอีกทีนึง...ถ้าเคลียร์กันไปให้จบเลยจะเป็นผลดีต่อผมและเต้ที่สุดเลยครับ
“…” ผมเอื้อมมือไปจับมือเต้ขึ้นมาเต้ก็มีสีหน้ายิ้มครับ
“เราขอบใจนะสำหรับความรู้สึกดีๆที่เต้มีให้กับเรา...แต่ว่าเป็นเพื่อนกันอ่ะดีแล้ว เราไม่ได้รังเกียจนะแต่เราไม่พร้อมจะมีความรักในรูปแบบนี้”
“ไม่เป็นไรคิม เราเข้าใจเป็นเพื่อนกันก็ได้ แค่นี่ก็พอแล้ว” เต้พูดแล้วยิ้มออกมาทางสีหน้าแต่แววตากับเศร้าลงถนัดตา เฮ้อ ทำไมต้องมีแต่ตัวผู้มาหลงผมด้วยวะเนี่ย
“เป็นเพื่อนกันมั่นคงกว่าเยอะ” ผมบอกเต้แล้วยิ้มให้ จากนั้นเต้ก็อาสาขับรถกลับมาส่งผมที่บ้านครับ ผมก็ไม่ขัดศรัทธาอะไร
“เต้ขอบคุณมากที่มาส่ง ขับรถดีๆล่ะ”
“โอเค แล้วเจอกัน” พูดจบเต้ก็ออกรถไปเลยครับ ส่วนผมก็เดินเข้าบ้านและมองไปทางโรงรถก็เห็นว่ารถพี่โชว์กลับมาแล้ว ผมเลยรีบขึ้นไปห้องเป้าหมายที่ผมมีเรื่องจะต้องเคลียร์ด้วย
“ก๊อก ก๊อก พี่โชว์” ผมเคาะเรียก
“พี่โชว์เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ หนีคิมมาทำไม” เอาวะไม่เปิดก็ตะโกนคุยเนี่ยแหละ
“มีอะไร” เสียงตอบกลับมาแล้วครับ
“พี่หนีคิมมาทำไม” ผมเลยครับ ประตงประตูไม่ต้องเปิดมันแล้ว
“ไม่ได้หนี” แค่เนี่ยนะกูพล่ามอารัมภบทไปสะมากมายตอบกูกลับมาแค่นี้นะ ฮึ่ย ยิ่งคิดยิ่งเดือด
“อย่ามางี่เง่าใส่คิมนะพี่โชว์ มีอะไรก็ออกมาพูดกันดิ” เอาละกูเริ่มไม่ไว้หน้ามึงแล้วนะ
“…” เงียบ
“พี่โชว์!!!” ผมตะโกนสุดเสียงเลยครับ
“พี่ว่าคิมกลับไปห้องตัวเถอะไป” นี่ใช่ไหมคือคำตอบผมตัวชาเลยครับ และตามมาด้วยอาการสั่นของคนที่กำลังจะโกรธมาก น้ำตาก็พาลจะใหลเป็นอะไรวะเนี่ยจังหวะนี้เองโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล.....ครับ....มะ...ไม่มีจริง....เพล้ง!!!!”
( Show Part )
สิ่งที่ผมเห็นวันนี้มันคืออะไรกัน...ไอ้เด็กเต้นั่นกับคิมกินข้าวกันดูแล้วท่าทางจะมีความสุขมาก มีกระหนุงกระหนิงกันดูแล้วเหมือน....คนรักกัน เหอะ ผมมันไม่น่าโง่เลยเค้าปฏิเสธตั้งแต่แรกแล้วก็น่าจะรู้ตัวแต่ผมก็ยังโง่ โง่ที่คิดว่าสักวันนึงเค้าจะรับรักผม แต่ก็สมควรแล้วแหละกับสิ่งที่ผมทำกับเค้ามาก่อนหน้านี้ ไม่เป็นไรในเมื่อน้องเค้าต้องการแบบนี้ผมจะเป็นคนที่ยอมถอยออกมาเอง เจ็บแปปเดียวเดี๋ยวมันก็หายครับ คงไม่ถึงกับตายหรอกจริงไหม
“ฮัลโหล ไอ้วินอยู่ไหนวะ” ผมโทรหาเพื่อนดีกว่าครับอารมณ์แบบนี้อยู่เฉยๆไม่ได้เดี๋ยวจะพาลคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้มันวุ่นวายปวดหัวไปซะเปล่าๆ
“อยู่ผับกูเนี่ยแหละมึงมาเปล่า” ไอ้เพื่อนเวรไปกันไม่ชวนผมเลย
“เออ กูมันหมาหัวเน่าของแท้เลย ไปไหนกันไม่เคยมีใครชวนกูหรอก” ผมพูดแบบน้อยใจใส่มันครับ
“แหม ทำน้อยใจนะมึงก็เห็นว่าเดี๋ยวนี้เป็นพ่อพระกลับบ้านเร็ว แต่ถ้าอยากมาก็มาสิวะ”
“เออ ครึ่งชั่วโมงถึง” วางสาย หยิบโทรศัพท์ กุญแจรถ แล้วระเห็จออกจากห้องด้วยความไวล้านปีแสง วันนี้จะเมาแม่งให้หัวลาน้ำเลย
“อ้าวเฮ้ยๆ มาแล้วว่ะมาๆนั่งเลย” ไอ้วินเขยิบที่ให้ผมนั่งครับ
“ผสมไรวะ” รู้งานจริงมึงไอ้แสบ
“ไม่ต้องผสม...เอามาเพียวๆนั่นแหละ” พอผมบอกพวกมันก็ตาค้างกันครับ เป็นเหี้ยไรกันอีกล่ะ หมาบ้านมึวพ่นไฟได้หรือไง
“มึงเฮิร์ทเหี้ยอะไรมาล่ะ” คราวนี้ไอ้ฟ้าเป้นคนถามผมครับ
“…” ผมเงียบไม่ตอบครับแล้วรับแก้วเหล้ามาจากไอ้แสบ
“ไอ้สัด หยิ่งหรอมึงอ่ะถามไม่ตอบ” คราวนี้ไอ้ส้มครับ แม่งอยากรู้ทุกเรื่องจริงๆอีห่านี่
“เสือก....รู้เรื่องกูแล้วแม่มึงจะไม่มีชู้หรือไง” อารมณ์นี้ด่าแม่งหมดแหละครับ และผมก็ยกเหล้าเพียวๆแก้วที่สองเข้าปากหมดไปรวดเดียวเลยครับ
“แม่ง ลามปามถึงแม่กูเลย ปล่อยให้แม่งบ้าไปเงี่ยแหละ ไอ้ก็อตซิลล่าหำหด!!!” เหอะๆ ด่าเหี้ยอะไรของมึงวะ แต่ชั่งแม่งมันเถอะตอนนี้อ่ะ
“เฮ้ยมึงแล้วคิมอ่ะ อยู่บ้านหรอ” นั่งมาได้สักพักนึงไอ้วินก็ถามขึ้นครับ
“อยู่บ้านดิวะ...อยู่บนเตียงรอไอ้เหี้ยแหละ ฮิ้ว~” พวกแม่งแซวกันไม่รู้เวลาผมก็เงียบครับ
“หรือว่าน้องคิมมีแฟนใหม่วะมึง มันถึงได้มานั่งบ้าอยู่เนี่ย”
“เออใช่ว่ะมึงหรือว่า บลาๆๆๆ” ห่าเหวอะไรอีกหนักหนาก็ไม่รู้สารพัดที่พวกมันจะพูดกัน
“พวกหยุดพูดเรื่องนี้สักทีได้ไหม!!!!!” ผมตวาดพวกมันลั่นเลยครับ ดีที่ว่าตรงที่พวกเรานั่งจะมีคนนั่งน้อยมากเพราะเป็นโซน VIP ซึ่งอยู่บนชั้นสองมันจะไม่วุ่นวายเหมือนโซนข้างล่างครับ
“มึงเป็นอะไรของมึงวะ มีอะไรก็ระบายมาเถอะ ไม่งั้นจะมีเพื่อนไว้ทำเหี้ยอะไร” โอเคครับมันมาแบบนี้แถมสีหน้าจริงจังมาก ผมเลือกที่จะเงียบเอาไว้ครับ
“เออ ถ้ามึงเงียบมึงก็นั่งแดกเงียบๆไปเถอะ” ผมทำตามคำแนะนำ(ประชด)ของมันครับแล้วผมก็นั่งกระดกจนไม่ได้สติจริงๆ
ผ่านไปหลายๆวันผมพยายามหลบหน้าคิมตลอด แล้วมันก็ไม่เจอจริงๆครับไม่เจอเลยจริงๆแม้กระทั่งในบ้าน บอกใครใครจะเชื่อว่าอยู่บ้านเดียวกันแต่ไม่เจอหน้ากันเลย
“พี่โชว์ คิมไปไหนอ่ะ” เฟียร์ถามผมครับ
“พี่ไม่รู้” ผมตอบแล้วเมินหน้าหนี
“เฟียร์ไม่เห็นมาเป้นอาทิตย์แล้วนะ โทรไปก็ไม่ติด หลายวันแล้วนะเนี่ยอยู่บ้านเดียวกันไม่เจอกันบ้างเลยหรอ” เห็นไหมมีแต่คนถามผมแบบเนี่ย
“อือ” ผมบอกแค่นั้นเฟียร์ก็จากไปครับ แล้วสักพักเฟียร์ก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมาหาผม ทำให้ไอ้วินมันตกใจมากๆ
“เดี๋ยวๆเฟียร์วิ่งทำไมเดี๋ยวหกล้ม” ไอ้ห่านี่มึงทำเหมือนเฟียร์เป็นเด็กสามขวบพึ่งหัดเดินเลยเนอะ
“ไว้ก่อนพี่วิน...พี่โชว์เพื่อนที่คณะเฟียร์บอกว่าคิมไม่ได้เข้าเรียนมาหนึ่งอาทิตย์แล้วนะพี่” ผมฟังแค่นั้นก็ลุกขึ้นแล้วขับรถกลับบ้านไปอย่างรวดเร็วและเหมือนเฟียร์จะรู้ โดดขึ้นรถผมมาเลยครับ จุดหมายของเราคือ...บ้านนั้นแหละ
“พี่วินขับรถตามมาเลย” เฟียร์โทรบอกไอ้วินครับ จากนั้นผมขับรถด้วยความเร็วที่เหนือกว่าจรวดที่เค้าส่งขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์ซะอีก(เวอร์ชิบ!!!)แปปเดียวก็ถึงบ้านครับ
“ไปดูในห้อง” ผมบอกเฟียร์แล้วเราสองคนก็วิ่งไปที่ห้องเลยครับพอเปิดประตูก็เจอว่าหน้ากระจายไปหมดโทรศัพท์ก็แตกกระจายอยู่หน้ากระจก ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าดูก็พบว่าไม่เหลือเสื้อผ้าในตู้เลยสักตัวเดียว
“นี่มันอะไรอ่ะพี่โชว์!!!” เฟียร์แทบจะตะโกนถามผม แต่ผมจะตอบอะไรล่ะ เพราะผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น...ทำไม...หายไปไหน...จะเป็นยังไง ตอนนี้ผมสับสนไปหมดนี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!!!!