[เรื่องสั้น]...รักหมดใจ พี่ชายของผม... (ตอนเดียวจบ) 28/09/12
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น]...รักหมดใจ พี่ชายของผม... (ตอนเดียวจบ) 28/09/12  (อ่าน 38379 ครั้ง)

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0A
 






*******************************************************
[/color]


มีเรื่องสั้นมาฝากค่ะ เรื่องนี้แต่งไว้นานแล้วเคยลงเป็นแฟนฟิค แต่นำมาปรับเป็นนิยายเรื่องสั้น ฝากด้วยนะคะ ความสนุก ความซึ้ง และความคาดไม่ถึง มาพิสูจน์กันว่าเรื่องสั้นเรื่องนี้จะทำให้ความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นบ้างในหัวใจของคุณ
















“ไพน์...กลับเถอะเย็นแล้ว...”

“อืม...”

    เสียงร้องเรียกของเซนเพื่อนสนิทของผมดึงให้ผมละสายตาจากสิ่งที่ผมยืนมองมานับร่วมชั่วโมงหันกลับไปมองก่อนจะพยักหน้ารับคำเบาๆ

     ท้องฟ้าสีทองยามเย็นที่ทอดยาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาบ่งบอกว่าเป็นเวลาเย็นมากแล้วอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ท้องฟ้าสีทองก็จะแปรเปลี่ยนเป็นสีดำมืดสนิทไร้ซึ่งแสงใดๆนอกจากแสงไฟจากดวงนีออนที่ส่องสว่างยามค่ำคืน

“พรุ่งนี้ฉันมาคนเดียวก็ได้...ไม่อยากกวนนาย” ผมหันไปบอกเซนที่เดินเคียงกันมาตามทางเดิน  เซนหันหน้ามามองผมน้อยๆก่อนจะเอ่ยขึ้น

“พรุ่งนี้จะมาอีกเหรอ...”

“อืม...”
 
“นายมาที่นี่ทุกวันร่วมหนึ่งปีแล้วนะ...” เซนจ้องมองหน้าผมอย่างห่วงใย

“ก็ฉันกลัวพี่เขาเหงานี่นา...”
 
   รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของผม ผมเอี้ยวตัวหันหลังกลับไปมองสิ่งที่ผมเพิ่งละจากมันมา  กองดินที่นูนขึ้นด้านหน้ามีป้ายปูนที่สลักชื่อและภาพของใครคนหนึ่ง...ใครคนหนึ่งที่นอนหลับสนิทอยู่ภายใต้เศษก้อนดินที่เย็นเยียบ...

“ไพน์...” น้ำเสียงเอ่ยเรียกที่เบาแผ่วพร้อมกับมือนุ่มของเซนที่บีบมือผมเบาๆอย่างให้กำลังใจ ผมหันตัวกลับมาพลางส่งยิ้มบางให้เซนเหมือนกับบอกอีกฝ่ายว่า...ผมไม่เป็นไร

ผมไม่เป็นไรแล้วจริงๆนะ  ^^

“กลับเถอะ...จะมืดแล้ว...” ผมว่าขึ้นพลางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เซนพยักหน้ารับพลางส่งยิ้มบางๆตอบกลับมาให้กับผมก่อนที่เราจะค่อยๆมุ่งหน้าเดินออกจากสถานที่ที่มีร่างไร้วิญญาณนับร้อยนับพันนอนหลับพริ้มอย่างหมดกรรมโดยมีก้อนดินนับร้อยก้อนถมทับร่างของพวกเขาอยู่และหนึ่งในนั้นก็มีคนสำคัญของผมอยู่ด้วย...

พี่ชายต่างสายเลือดของผม...

พี่หิน ภูผา อินทรพงษ์










Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ daboo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 444
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
จบแล้วหรอครับ

ออฟไลน์ kiyomaro

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2012 22:24:36 โดย kiyomaro »

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
หนึ่งปีที่แล้ว…


“เราเลิกกันเถอะ...”

“ทำไม...”

“เพราะไพน์ไม่ได้รักกันน่ะสิ…”

“ไม่...ไพน์รักกันนะ” อีกฝ่ายส่ายหน้าน้อยๆ

“ไม่หรอก...มันไม่ใช่ความรัก ไพน์คบกับกันก็เพื่อลบความรู้สึกบางอย่างของไพน์ออกไป...แต่สุดท้ายนายก็ทำไม่ได้”

“กัน...”

“ชีวิตคนเรามันสั้นนะ...ทำตามที่ใจไพน์เรียกร้องเถอะจะทำอะไรก็รีบๆทำก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป...”

“ฮึก..”

“ไม่มีถูกผิดสำหรับความรักหรอกนะ...”

“ฮึก...ไพน์ขอโทษ”

“กันรักไพน์นะ...ลาก่อน”

“ฉันก็รักนาย...กัน...”

   ผมมองตามแผ่นหลังกว้างของคนรักของผมที่เพิ่งยุติความสัมพันธ์ลงเพียงเพราะเขารู้มาตลอดว่าที่ผมตกลงรับรักเขาเพราะอะไร แต่เขาก็เลือกที่จะเคียงข้างดูแลผมเพื่อที่สักวันหนึ่งผมอาจจะรักเขา  ใช่...ผมยอมรับว่าผมรัก ‘กัน’ และสามารถพูดคำว่ารักได้เต็มปากแต่...

มันเป็นรักในแบบของเพื่อนที่มีความหวังดีมอบให้แก่กัน  ไม่ใช่รักในแบบของคนรัก...

ผมรู้ว่ากันรักผมและรอคอยผมมานานแค่ไหน...ผมตกลงคบกับกันเพื่อที่หวังว่าผมอาจจะรักกันได้สักวันหนึ่ง

แต่สุดท้ายหัวใจของผมก็เพรียกหาเพียงคนๆเดียว...

พี่หิน...พี่ชายต่างสายเลือดของผม...




“อ้าวไพน์...กลับมาแล้วเหรอ ^_^” ผมไม่รู้ว่าเดินกลับมาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมรู้แต่ว่าตั้งแต่กันหันหลังเดินจากผมไป ผมก็เดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยมาตลอดทางจนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของตนเองและเสียงเสียงเรียกของร่างสูงที่อยู่ในห้วงความคิดของผมแทบจะตลอดเวลา

พี่หิน...

“ครับ” ผมตอบรับคำพลางเดินเลี่ยงขึ้นไปบนห้องนอนที่อยู่ชั้นสองของบ้านแต่ข้อมือผมก็ถูกคว้าเอาไว้ก่อนด้วยมือแกร่งของอีกคน

“เมื่อกี้กันมาหาพี่ที่บ้าน” น้ำเสียงราบเรียบที่เอ่ยขึ้นมาเหมือนปกติแต่ประโยคนั่นทำเอาหัวใจผมกระตุกวูบดิ่งลงเหวอย่างรวดเร็วดวงตาที่เพิ่งผ่านการร้องไห้ของผมเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ

กันมาอย่างนั้นเหรอ...มาหาพี่หิน...หระ หรือว่ากันจะบอกอะไรกับพี่หิน...

ไม่นะ...ถ้าพี่หินรู้เรื่องนั้นต้องเกลียดผมแน่ๆเลย...ผม...ผมไม่ต้องการแบบนั้น...

“หระ เหรอฮะ...ละ แล้วเขามาทำไม...”

“กันฝากนี่มาให้ไพน์น่ะ...”

   พี่หินยื่นซองจดหมายแผ่นหนึ่งที่คาดว่าด้านในคงมีแผ่นกระดาษที่เขียนข้อความบางอย่างเอาไว้ ผมรับมันมาด้วยมืออันสั่นเทา ก้อนสะอึกจุกอยู่ที่คอผม รู้สึกว่าอากาศที่ใช้หายใจเริ่มติดขัด

“ขอตัวนะ...ครับ”  ผมบอกโดยที่ไม่แม้แต่จะกล้ามองร่างสูงที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายสักนิด ผมยอมรับว่าผมกลัว...กลัวที่จะมองใบหน้าคมคายนั่น  ถึงผมจะบอกกับตัวเองว่าไม่รู้สาเหตุที่จะต้องกลัวแต่ลึกๆแล้วผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผมเองที่ไม่กล้าพอที่จะยอมรับมัน...

ผมมันเป็นคนขี้ขลาด...ผมรู้...


ปัง!!

   เสียงปิดประตูห้องด้วยฝีมือของผมเองดังขึ้น ร่างของผมพิงกับบานประตูพลางแข้งขาที่อ่อนล้าบวกกับจิตใจที่อ่อนแอค่อยๆทำให้ร่างของผมทรุดลงกับพื้น นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของผมจ้องไปยังวัตถุสีขาวแผ่นบางในมือก่อนจะค่อยๆแกะมันออกด้วยมือที่สั่นเทา...

  ผมไม่รู้ว่าข้อความที่อยู่ข้างในคืออะไรแต่ที่ผมรู้คือเจ้าของจดหมายนี้กำลังเจ็บ...เจ็บปวดกับความเห็นแก่ตัวของผมเอง...
ผมมันเลวที่ทำร้ายคนๆหนึ่งที่รักผมอย่างจริงใจ...

   ผมค่อยๆคลี่แผ่นกระดาษออกช้าๆ ลายมือบรรจงที่ผมจำได้ขึ้นใจเรียกน้ำเหลวใสให้รื้นขึ้นในนัยน์ตาผมอย่างห้ามไม่อยู่ ผมค่อยๆอ่านข้อความที่อยู่ในแผ่นกระดาษที่ขาวที่ตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาของผมแม้ดวงตาผมจะพร่าเลือนแต่ผมก็ยังพยายามเพ่งอ่านต่อไป


To… Pine
   หวัดดีอีกครั้งนะไพน์...ไพน์คงจะสงสัยว่ากันจะเขียนจดหมายหาอีกทำไมในเมื่อเราสองคนเพิ่งจะคุยกันไป แต่กันก็แค่อยากจะบอกไพน์ว่า...เรื่องนั้นกันบอกพี่หินไปหมดแล้วนะ...กันรู้ว่าไพน์อาจจะโกรธแต่จะให้ทำไงได้กันอยากเห็นไพน์มีความสุขกับคนที่รักนี่นา...การที่กันเดินจากมานั่นหมายความว่ากันต้องการให้ไพน์ได้อยู่เคียงข้างกับคนที่ไพน์รักจริงๆ  ฮะ ฮะ เจ็บเหมือนกันแฮะ  ช่างเถอะ...เอาเป็นว่ากันทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ ไปเคลียร์เองแล้วกัน  กันโคตรจะเท่ห์เลยใช่ม้า ^O^
   อีกอย่างที่กันอยากจะบอก...รักไพน์นะ...ตลอดสองปีที่ผ่านมาหัวใจกันบอกเสมอว่ารักไพน์  ถึงกันจะไม่มีสิทธิ์พูดประโยคนี้แล้วแต่กันก็อยากจะพูดว่ารักนายๆๆๆ ฮ้า...อยากร้องไห้อีกแล้วสิ ที่ร้องไห้น่ะเพราะดีใจนะที่จะไม่ต้องมาปวดหัวกับตัวแสบอย่างนายอีก มีเวลาไปส่องสาวอื่นแล้วด้วย ฮิฮิ   ฉันคงเพ้อมากไปละแค่นี้แล้วกัน...

ถ้าเราได้เจอกันอีกวันนั้นไพน์ต้องมีความสุขยิ้มกว้างๆให้กันเห็นนะ
From…gun
คนอกหักที่จะรักนายตลอดไป...
[/i]


  ผมค่อยพับกระดาษแผ่นนั้นพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูที่ออกมาจากดวงตามากมาย รอยยิ้มพร้อมเสียงสะอื้นเผยขึ้นช้าๆ ไม่ว่าอย่างไรผู้ชายที่ชื่อกันคนนี้ก็ยังหวังดีกับผมเสมอมา ตลอดสองปีที่ผมมีเขาอยู่เคียงข้าง  คอยดูแลผม ให้ความรักกับผม อ้อมกอดอุ่นๆพร้อมกับคำปลอบโยนต่างๆนาๆมันทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจเสมอ  ผมได้แต่หวังว่าสักวันเขาจะเจอคนดีๆที่รักเขารักและรักเขาเช่นกัน ผมภาวนาอย่างนั้น...นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมจะตอบแทนเขาได้ในเวลานี้...

ผมรักกัน...ถึงมันจะไม่ใช่ความรักแบบคนรักแต่หัวใจผมก็บอกเสมอว่าผมรักเขา...

แม้ผมจะไม่สามารถมอบความรักในแบบที่กันต้องการได้เพราะผมได้มอบให้ใครอีกคนไปจนหมดแล้ว...

แต่ผมก็อยากให้เขาได้รับรู้ว่าผมก็รักเขาเช่นกัน...


ตึก ตึก ตึก

   เสียงฝีเท้าของผมที่ค่อยๆก้าวลงขั้นบันไดลงมาช้าๆ เหมือนแต่ละก้าวมันช่างบีบรัดหัวใจของผมเหลือเกิน  สายตาของผมสอดส่องมองหาร่างของใครบางคน...

ใครบางคนที่กุมหัวใจผมไว้ทั้งดวง...

    แสงสีนวลของทีวีที่ส่องแสงขึ้นภายในความมืดของบ้านทำให้ผมรู้ว่าคนที่ผมตามหาอยู่ที่ไหน สองขาของผมก้าวไปที่หมายนั่นช้าๆมือทั้งสองข้างกำแน่นอย่างงรู้สึกเกร็งสะท้านไปทั้งตัว  ผมไม่รู้ว่าผมจะขอบคุณกันดีหรือเปล่าที่ช่วยเผยในสิ่งที่ผมไม่แม้แต่จะกล้าปริปากออกมา...ก็อย่างที่บอกเพราะผมกลัว...กลัวความผิดหวังและความรู้สึกเกลียดชังที่อาจจะได้รับ...

และถ้าสิ่งนั้นเป็นจริง ผมคงไม่มีแม้แรงที่จะ...หายใจ...

“พะพี่...หินครับ” ผมรวบรวมความกล้าครั้งใหญ่ในชีวิตเอ่ยเรียกคนที่นั่งดูทีวีออกไป เสียงที่แผ่วเบาที่กลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้ยินแต่สุดท้ายแล้วใบหน้าคมที่คุ้นเคยก็หันมาตามเสียงเรียกของผม...

ผมรู้สึกว่าอัตราหัวใจของผมเต้นรัวเร็วขึ้น...

“นั่งสิ...” พี่หินเอ่ยบอกผมพลางเขยิบเว้นช่องว่างข้างตัวให้ ผมเดินไปทรุดนั่งลงบนโซฟาข้างกายพี่หินอย่างเคยชินแต่ในความรู้สึกผมมันช่างแตกต่างจากวันก่อนๆโดยสิ้นเชิง ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทุกบริเวณความอึดอัดครอบงำเข้าสู่ภายในร่างกายจนราวกับว่าแทบจะขาดอากาศหายใจ

พี่หินรับรู้ความรู้สึกของผมแล้ว...

แล้วเขาจะรังเกียจความรักของผมมั้ย...

“พะพี่...”

   ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยเอื้อนถ้อยคำใดออกไปริมฝีปากร้อนก็พุ่งเข้ามาฉกฉวยเข้ากับเรียวปากบางซีดของผมอย่างแผ่วเบา ผมนิ่งอึ้งกับการกระทำของอีกฝ่ายแต่สุดท้ายผมก็ตอบรับสัมผัสนี้ไว้อย่างเต็มใจ...ถ้าจะพูดให้ถูกต้องบอกว่าผมโหยหาสัมผัสนี้มานานแสนนาน...

 สัมผัสบางเบาราวกับขนนก...แต่กลับหอมนุ่มละมุนลิ้น...

“ไม่ต้องพูดอะไร...พี่รู้ทุกอย่างแล้ว...” ถ้อยคำอบอุ่นที่เอ่ยเอื้อนทันทีที่ถอนเรียวปากออกจากกัน เหมือนยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่ผมเฝ้ารอคอยมาตลอดใกล้จะเป็นจริง...

ขอบคุณพระเจ้าที่รับฟังคำอธิษฐานของผม...

“พี่ก็รักไพน์...”  ผมนิ่งค้างกับประโยคบอกรักที่ดังขึ้นจากพี่หินที่มาพร้อมกับอ้อมกอดอบอุ่นอย่างไม่ทันตั้งตัว สมองผมตีกันให้วุ่นอีกใจหนึ่งก็รู้สึกยินดีกับประโยคนี้แต่อีกใจหนึ่งก็ขบคิดกับคำบอกรัก

รัก...แบบไหน...

แบบพี่น้อง...

หรือแบบที่ผมรู้สึกกับพี่หิน...แบบคนรัก...

“ผมก็รักพี่ฮะ...พี่ชายของผม...” ผมเอ่ยแผ่วเบาผมยังไม่กล้าฟันธงลงไปว่าคำว่ารักของพี่หินสื่อถึงอะไรกันแน่ ผมก็เลยต้องใช้คำว่า ‘พี่ชาย’ เพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกของผมเอาไว้ ถึงมันจะเจ็บปวดที่ต้องเอ่ยแต่ก็ยังดีกว่าต้องเสียพี่หินไปเพราะคำพูดที่ทำร้ายตัวเอง...

“พี่รักนายที่เป็นไพน์...เด็กผู้ชายคนหนึ่ง...”

“…”

“ไม่ใช่ไพน์...ในฐานะน้องชาย...”  น้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับสัมผัสบางเบาที่ขมับของผมเรียกน้ำตาของผมให้พรั่งพรูออกมา มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจเหมือนที่ผ่านมาแต่มันเป็นหยาดน้ำตาแห่งความตื้นตันใจ...

ช่วยบอกผมทีว่ามันไม่ใช่ความฝัน

“ไหนลองบอกพี่อีกทีซิ...คำว่ารักของนายน่ะ” พี่หินถอนอ้อมกอดออกพลางจ้องเข้าไปในนัยน์ตาผมเหมือนกับค้นหาบางอย่างที่ถูกซ่อนไว้...คำว่ารักที่พี่หมายถึงคงเป็น...

“ผมรักพี่ครับ...รักมานาน...ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ…”

“^_^”

“รักพี่ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง...ไม่ใช่พี่ชาย...” จบประโยคสุดท้ายผมก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาคมแสนมีเสน่ห์  ผมพูดออกไปแล้ว...ความรู้สึกที่ผมเก็บซ่อนลึกไว้ห้าปีในที่สุดมันก็ถูกเผยออกแล้ว  มันถูกพูดออกมาพร้อมกับหัวใจผมที่เต้นระรัวเมื่อมันสัมผัสได้ว่าเจ้าของผู้กอบกุมหัวใจดวงนี้ก็เปิดรับผมเข้าไปอยู่ในหัวใจอีกดวงเช่นกัน...

“ไพน์...” ผมสัมผัสได้ถึงมืออุ่นร้อนที่แตะลงที่ปลายคางผมพร้อมเชยคางผมขึ้นให้สบกับดวงตาคมเฉียบที่ฉายความนัยบางอย่าง สายตาสองคู่สบกันนิ่งเหมือนกับว่าตกอยู่ในห้วงวังวนของความนัยที่สื่อออกทางแววตา แม้ไม่มีคำเอ่ยเอื้อนใดๆแต่เราทั้งคู่ก็รับรู้กันได้...ด้วยดวงตา...และหัวใจ...

ขอบคุณครับพระเจ้าที่รับฟังคำอธิษฐานของผม...

และอีกคนที่ผมไม่อาจจะลืมได้...

ขอบใจมากๆนะ ฉันไม่รู้จะต้องตอบแทนนายยังไง...แต่นายจะอยู่ในห้วงหัวใจของฉันตลอดไป...

กัน...กันยพัฒน์





หนึ่งเดือนผ่านไป

“พี่หินนนนนนนน  แฮกๆ”

“วิ่งทำไมเดี๋ยวก็ล้มหรอก ดูดิ๊!! เหงื่อเต็มเลย”

“ก็ผมกลัวพี่รอนานนี่ ”

“นานแค่ไหนพี่ก็รอได้เสมอ” เสียงทุ้มอ่อนโยนพร้อมกับสายตาที่สื่อความหมายทอดมองเข้ามาในนัยน์ตาผม

งืออออออ  เขิน  :-[ :-[
“ไปกินไอติมกันเถอะครับ ”  ผมจับมือหนาของเฮียพลางส่งยิ้มที่คิดว่าน่ารักที่สุดออกไป  เฮียกระชับมือของเราสองคนให้แน่นมากขึ้น ก่อนจะพากันเดินออกจากรั้วโรงเรียน จุดหมายของเราก็คือร้านไอติม

“พี่หิน”

“ครับ” 

“ขอบคุณนะครับที่รักผม”

“พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณนาย ที่ให้พี่รัก ^_^” สายตาของเราทั้งคู่จ้องมองกันเพื่อสื่อถึงความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ความอบอุ่นจากมือที่จับกันแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูหัวใจ การที่เราได้รับความรักจากคนที่รักมันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง

“เข้าไปในร้านกันเถอะ” มือหนาขยี้หัวผมเบาๆ ผมเลยทำแก้มพองลมใส่เขาซะเลยโทษฐานทำให้ผมหมดหล่อ เอ๊ะ!! ไม่ใช่สิ น่ารักต่างหาก

   พี่หินพาผมเข้ามาในร้านไอติมที่ตกแต่งด้วยโทนสีส้มน่ารักๆแห่งหนึ่ง เราสองคนเลือกมุมที่อยู่ด้านในสุดของร้านเพราะพี่หินไม่ชอบที่ที่มีคนพลุกพล่านเท่าไหร่   โอย...ผมรู้สึกหน้ามืดชอบกลสงสัยไปเดินตากแดดเมื่อกี้แน่ๆ

“ไพน์...เป็นอะไรหรือเปล่า” พี่หินถามผมด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง มือหนาวางทาบลงบนหน้าผากนูนของผมเบาๆ

“ไม่เป็นไรครับแค่หน้ามืดนิดหน่อย แฮ่ๆ”

“แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร ถ้ารู้สึกไม่ค่อยดีต้องบอกพี่นะ” พี่หินลุกจากเก้าอี้ตรงข้ามมานั่งข้างๆผมพร้อมกับจับตัวผมนู่นนี่จนวุ่นวายไปหมด

แต่ผมแอบรู้สึกดีนะ

“ไม่เป็นไรจริงๆครับ ฮ้า ไอติมมาแล้ว ^O^” ผมทำเสียงดี๊ด๊ามากมายเมื่อไอติมรสสตอเบอร์รี่ที่โปรดปรานของผมกับรสช็อกโกแลตของพี่มาเสิร์ฟ ผมแอบเห็นพี่หินส่ายหัวไปมากับความดื้อของผมแต่ผมไม่เป็นไรจริงๆนี่นา

“มากินไอติมกันเถอะครับ ” ผมหยิบช้อนยื่นให้พี่หินแล้วก็เริ่มสวาปามไอติมแสนอร่อย ฮ้า ได้กินอะไรเย็นๆนี่มันชื่นใจจริงเลย หุๆของพี่หินก็แอบน่ากินเหมือนกันนะเนี่ย

“อ้าวไพน์ มากินของพี่ได้ไง ของตัวเองก็มี”

“เชอะ! งก!” ถึงผมจะว่าอย่างนั้นแต่ก็ยังตักไอติมของอีกฝ่ายเข้าปากไม่หยุด เหมือนกับคนข้างๆที่ปากบ่นผมว่าไปแย่งไอติมแต่ก็ไม่ห้ามผมซ้ำยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกต่างหาก

ผมรู้ว่าผมมันน่ารักแต่มองกันขนาดนี้ผมก็เขินนะ

“เลอะน่ะ...” จบน้ำเสียงทุ้มผมก็เข้าใจทันทีว่าพี่หินหมายถึงอะไร ลิ้นร้อนเลียเข้าที่มุมปากผมอย่างอ่อนละมุนขจัดคราบไอติมที่เปรอะเปื้อนให้

“พี่หินบ้า! เช็ดเองได้น่า” ผมตีเข้าที่อกหนาแก้เขิน คนบ้า! ทำอะไรก็ไม่รู้คนเยอะแยะ ถ้าอยู่ที่บ้านจะไม่ว่าสักคำ (ซะงั้นไป =_=)

เคร้ง!

“อ๊ะ! เดี๋ยวไพน์เก็บเอง ” เพราะความที่เขินมากไปหน่อย มือไม้ที่ปัดป่ายของผมเลยไปโดนช้อนหล่นตกลงไปใต้โต๊ะ พี่หินทำท่าจะลงไปเก็บแต่ผมก็ห้ามเอาไว้ซะก่อน  ก็ผมตัวเล็กกว่ามุดง่ายกว่าพี่เขานี่ ให้พี่หินมุดลงไปมีหวังคราวนี้ได้พังทั้งโต๊ะแน่ๆ

วูบบบบ!!!

   ขณะที่ผมกำลังเอื้อมไปหยิบช้อนไอติมผมก็รู้สึกหน้ามืดพร้อมอาการปวดหัวอย่างหนัก เหมือนกับดวงตามืดดับไปชั่วขณะ ผมเพ่งมองผ่านความมืดใต้โต๊ะ

   ระหว่างที่ผมกำลังพยายามสลัดอาการปวดหัวออกไป มือผมกุมที่ขมับตัวเองพร้อมบีบมันอย่างแรงเผื่อมันจะหายปวด หลับตาลงและภาวนาว่าเมื่อลืมตาโลกที่มืดดับจะกลับมามองเห็นแสงสว่างอีกครั้ง

และคำภาวนาก็เป็นผล แต่ศีรษะนี่สิมันไม่ทุเลาลงเลย ปวดมาก เหมือนหัวจะระเบิด มันรู้สึก...

“ไพน์ หาเจอยัง ทำไมนานจัง” เสียงพี่หินดังมาจากด้านบนเก้าอี้ ผมเลยรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ถ้าพี่หินรู้จะต้องตกใจเป็นห่วงกันให้เรื่องใหญ่โตแน่ๆ เผลอๆผมอาจโดนบังคับให้ไปโรงพยาบาลสิ่งที่ผมกลัวที่สุดรองจากผี

“ครับๆเสร็จแล้ว”

“เป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าไม่ค่อยดี” ผมว่าแล้วว่าพี่เขาต้องถาม

“เอ่อ...พอดีเมื่อกี้ซุ่มซ่ามหัวโขกขาโต๊ะ ซี๊ดดดด เจ็บอ่ะ ” ผมว่าพลางแกล้งเอามือคลำศีรษะตัวเองป้อยๆ เหมือนเจ็บจริงๆทั้งที่ความจริงอยากจะร่ำร้องอย่างทรมานแต่ก็ต้องทำเป็นร่าเริงอย่างกลัวว่าพี่หินจะจับพิรุธได้

“ไอ้เด็กติ๊งต๊องเอ๊ย!!”





   ตั้งแต่วันนั้นมาผมก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะหน้ามืดบ่อยๆ ตามืดดับเหมือนสัญญาณโทรศัพท์ที่ขาดๆหายๆบางครั้งรู้สึกลูกตาลามไปถึงปวดหัวมากจนแทบระเบิด อยากจะควักมันออกมาทิ้ง นี่ผมเป็นอะไรกันแน่...ผมไม่กล้าไปหาหมอเพราะกลัวคำตอบ กลัวว่าจะต้องรับรู้สิ่งน่ากลัว ถึงแม้ตอนนี้การมันจะแย่มากแล้วก็ตาม

ผมรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก

“ไพน์ เป็นอะไรหรือเปล่า เข้าห้องน้ำนานแล้วนะ” น้ำเสียงกังวลของพี่หินดังแทรกผ่านบานประตูเข้ามา ผมพยายามประคองตัวเองที่หน้ามืดล้มพับลงไปกับพื้นห้องน้ำ มือกำอ่างหน้าไว้แน่น วันนี้ก็เอาอีกแล้ว มันเป็นอีกแล้ว

   ใช่ครับ! พี่หินยังไม่รู้เรื่องนี้ ผมไม่อยากบอกเขา ไม่อยากให้เขามาเป็นกังวลเรื่องของผมสิ่งที่พี่เขาทำให้ผมอยู่ตอนนี้มันก็มากเกินพอแล้ว

แอด ~

 “พี่ก็..ผมกำลังถ่ายหนักอยู่พี่เข้ามาทักอย่างนี้มันก็หดเข้าไปหมดสิ =3=” ผมเปิดประตูออกมาแสร้งทำหน้ายู่ใส่พี่หิน พยายามเพ่งมองใบหน้าที่เลือนลางจากการมองเห็น

“อ้าว...พี่ขอโทษ ก็ไม่รู้นิเห็นหายเข้าไปนานนึกว่าเป็นอะไร พักนี้ยิ่งดูซีดๆอยู่”

“ซีดที่ไหนกัน ไพน์ขาวขึ้นต่างหาก พี่หินมั่วอีกละ” ผมเอานิ้วจิ้มจึกๆไปที่อกแกร่ง

“ครับๆมั่วก็มั่ว ไปนอนได้แล้วดึกแล้วนะ” ว่าจบพี่หินก็จูงมือผมไปนอนผมเลยถือโอกาสที่พี่เผลอหลับตาลง ตอนนี้ผมมีเขาคอยประคอง คอยนำทาง ผมขอพักร่างกายแล้วเดินไปตามทางที่มือใหญ่นำพา

ขอโทษนะครับพี่ที่ผมต้องปิดบังแต่ผมไม่อยากทำให้พี่ไม่สบายใจ

“พี่ครับผมขอนอนกอดพี่นะ” ไม่ต้องรอคำอนุญาตผมก็ซุกลงเข้าที่อกแกร่งทันที มือผมกอดรัดร่างอบอุ่นเอาไว้แน่น มีบางอย่างทำให้ผมรู้สึกกลัวจับใจ ถึงตอนนี้ผมจะไม่รู้แน่ว่าตัวเองเป็นอะไรแต่ลางสังหรณ์บอกผมว่ามันไม่ดีเอาซะเลย

   อ้อมแขนแกร่งเอื้อมมาโอบรัดร่างผมตอบ มือหนาสางที่ผมนุ่มของผมเบาๆความอบอุ่นแผ่ซ่านจนผมอดไม่ได้ที่จะซุกตัวเข้าหาร่างใหญ่มากขึ้น คางสากเกยเข้าที่หัวทุยๆของผม ถ้าวันหนึ่งผมไม่ได้นอนกอดพี่หินอย่างนี้อีกจะเป็นยังไงนะ แค่คิดผมก็ทนไม่ได้แล้ว

“พี่ครับ...ให้ผมเป็นของพี่ได้มั้ยครับ” ผมเอ่ยเสียงแผ่วในอ้อมอกแกร่ง

“ไพน์...พูดอะไรออกมาน่ะ” เจ้าของอ้อมแขนอบอุ่นคลายออก พี่หินดูจะตกใจไม่น้อยกับประโยคเอ่ยขอของผม แต่ผมพูดจริงๆนะ ผมอยากเป็นของพี่หินก่อนที่ผม..อาจจะไม่มีโอกาสได้เป็น

ลางสังหรณ์บางอย่างบอกไว้อย่างนั้น

“ผมพูดจริงๆนะฮะ”

   จบประโยคผมก็เคลื่อนตัวเข้าไปประทับริมฝีปากเบาๆก่อนจะกดแนบสนิทขึ้นวินาทีต่อมาที่อีกฝ่ายตอบรับผมและเริ่มเป็นฝ่ายชักนำแทนมันทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมา

“แน่ใจนะ?” ถอนเรียวปากขึ้น มองตาผมอย่างไม่แน่ใจ

“ครับ”

   เพียงแค่นั้นร่างสูงก็จู่โจมเข้ามา ริมฝีปากหนาบดเบียดรุกล้ำจนผมรู้สึกเสียววาบไปหมด ถึงผมจะเป็นคนเสนอเองแต่พอเอาเข้าจริงๆแล้วผมก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน  กายแกร่งที่เริ่มขึ้นคร่อมทับพร้อมกับจูบอันเร่งเร่าร้อน ลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างลึกล้ำ พร้อมกับมือที่เริ่มเล้าโลมร่างเล็กของผมไม่หยุด มือของผมเริ่มปัดสะเปะสะปะไปที่อกแกร่ง เสื้อผ้าที่ติดตัวเราทั้งสองคนค่อยๆหลุดออก

   ริมฝีปากหนาร้อนผ่าวละมากดจูบขบเม้มที่ซอกคอของผมไล้ลงไปเรื่อยตามไหปลาร้าไหล่ลาดเนียนจนถึงหน้าอกที่มีเม็ดทับทิมสีหวานที่เริ่มแข็งขืนชูชันตามแรงอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นจนปากร้อนอดใจไม่ได้ที่จะเข้าครอบครองมัน มืออีกข้างก็จัดการบดขยี้ตุ่มแต้มสีชมพูอีกข้างไม่ขาดมือจนเสียงครางหวานกระเส่าเล็กลอดหลุดออกมา

“อื้อ พี่หิน อ่า...” เสียงหวานร้องแทบขาดใจเมื่ออีกฝ่ายบดขยี้ลงไปแรงๆซ้ำมืออีกข้างยังลูบไล้ไปตามผิวกายเนียนละเอือดอย่างโหยหา มือหนาบีบเน้นไปตามร่างกายบางอย่างหลงใหล ความอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นตามลำดับ ร่างเล็กกระตุกไหววูบเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสร้อนผ่าวที่ลูบวนผ่านกางเกงชั้นในขาวเนื้อบางกดบีบเน้นย้ำจนมันเริ่มสู้มือ ร่างสูงที่อารมณ์แทบระเบิดออกมาเสียให้ได้ดึงรูดทีเดียวชั้นในบางที่ขัดขวางเขาก็เลื่อนหลุดออกจากกายเล็กทันที

   ใบหน้าหวานที่แดงก่ำช่วยพัดโหมกายดิบเขาให้พุ่งทะยานขึ้นทันที ปากร้อนประกบจูบดูดดื่มกับร่างเล็กข้างใต้ดุเดือด ร่างใหญ่กดทับตัวลงไปถูไถแก่นกายใหญ่ของตนผ่านกางเกงนอนตัวบางเข้ากับแก่นกายเล็กที่เปลือยเปล่าเรียกความรู้สึกเสียวซ่านแปลกใหม่ให้กับร่างบางจนส่งเสียงครางไม่เป็นภาษา

“นะนาย อื้ม กะ กำลังทำให้พี่...คลั่ง” ปากร้อนกระเส่าพรมจูบลงบนหน้าท้องแบนราบหนักขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงมือเล็กที่ช่วยปลดกางเกงให้กับเขาพร้อมลูบวนสัมผัสแก่นกายเขาอย่างที่เขาเคยทำ

“พะ พี่ ก็ทำให้ผม อ๊า แทบบ้าเหมือนกัน” ว่าเสียงกระเส่าเมื่อแท่งรักสีหวานถูกปาหนาครอบครอง มือบางขยุ้มกลุ่มผมหนาของคนด้านบนระบายอารมณ์ที่ลุกโชนขึ้น

   ร่างเล็กกระตุกสองสามทีมือบางกำผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อร่างสูงค่อยๆลากปลายลิ้นไปตามแท่งสีหวานลงไปตามแนวกั้นระหว่างส่วนอ่อนไหวด้านหน้าไปถึงช่องทางด้านหลัง ขาเรียวทั้งสองข้างถูกจับแยกออกกัน เกร็งปลายลิ้นร้อนก่อนจะแทรกสัมผัสเข้าทางช่องทางรักไล้วนแลบเลียราวกับขนมหวานก็มิปาน  นัยน์ตาหวานเยิ้มก้มลงมองท่วงท่าน่าอายด้วยใบหน้าแดงซ่าน

“พร้อมมั้ยครับ” เคลื่อนตัวขึ้นมาถาม ประกบจูบปากบางดูดดื่มพลางจับมือบางให้ไปสัมผัสแก่นกายใหญ่ที่ชูชันของตนเพื่อบอกถึงความต้องการที่มากล้นจนทะลักออกมา มือบางจับเจ้าสิ่งนั้นสั่นระริก ทำใจกล้าจับสิ่งที่อยู่ในมือจ่อเข้ากับช่องทางสีหวานของตน

“เข้ามาเถอะครับ...” ราวกับเป็นเสียงอนุญาตร่างสูงรีบสอดใส่แก่นกายใหญ่เข้าไปทีเดียวจนมิด ใบหน้าหยาดเยิ้มเบ้หน้าด้วยความเจ็บแต่ก็กัดฟันทนเพราะรู้ว่าตัวเองยั่วจนอีกฝ่ายไม่ไหวจะทน ความรู้สึกเจ็บแปลบมากขึ้นเมื่อร่างใหญ่ด้านบนเริ่มขยับตัว มือบางเกาะไหล่หนาไว้แน่น ปากหนาประกบจูบร้อนหวังให้ความเจ็บของร่างเล็กเบาบางลง เมื่อร่างเล็กเริ่มคุ้นชินก็เริ่มเพิ่มแรงกระแทกเข้าไปมากขึ้น

“อ่ะ อ่ะ...อ้า....”

“อ๊า...พี่ฮะ...”

   ร่างเล็กครางร้องไม่เป็นภาษา น้ำเสียงกรีดกรายที่ดังลั่นห้องอย่างทรมานทำให้ร่างใหญ่ด้านบนรู้ว่าอีกคนกำลังใกล้สุดทางเลยเร่งระรัวสอดใส่ เพียงไม่กี่นาทีต่อจากนั้นน้ำเหลวข้นของร่างบางก็พุ่งทะยานฉีดเข้าที่หน้าท้องแกร่ง เสียงหอบแฮกดังก้องไปทั่วห้องคละเคล้าไปกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ยังดังไม่หยุดเนื่องจากร่างที่กำลังกระแทกตัวเข้ามายังไม่ถึงจุดหมาย

“อ้า รักนะครับ...อื้มมม”

   ร่างสูงทิ้งกายใหญ่ลงข้างร่างบางพร้อมทั้งรั้งเอวบางเข้ามากอด มือหนาเช็ดคราบเหงื่อที่ซึมตามหน้าผากและไรผมออกก่อนจะกดจูบที่ขมับบางเบาๆอย่างสุดรัก ยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวานอ่อนเพลีย




ต่อข้างล่างนะคะ

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5

   กลับมาที่ปัจจุบัน


   น้ำตาผมไหลรินหยดลงบนกรอบรูปที่บรรจุภาพผมกับพี่หินกำลังส่งยิ้มให้กล้องอย่างมีความสุข ผมยิ้มออกมาทั้งน้ำตา หลังจากเหตุการณ์ที่เราเป็นของกันและกันโดยสมบูรณ์ผ่านมาอีกไม่กี่วันที่เรามีความสุขกันผมก็ถูกหามส่งโรงพยาบาลผลการตรวจที่ออกมาทำเอาหัวใจผมแทบสลาย

  ผมกำลังจะตาบอด

   ชีวิตผมมันดูน้ำเน่ายิ่งกว่าละครหลังข่าวเสียอีก แต่ผมกำลังจะมองไม่เห็น ผมช็อกมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ต่างอะไรกับพี่หินที่เงียบไปเลยตั้งแต่วันนั้น หมอบอกว่าดวงตาผมมีสารเคมีบางอย่างเข้าไปตกค้างทั้งยังเศษกระจกที่ฝังเข้าไปในเนื้อตาชั้นในเนื่องจากอุบัติเหตุรถคว่ำครั้งนั้น เหตุการณ์ที่ทำให้ผมและพี่ชายสูญเสียพ่อแม่ไป และผมกำลังจะสูญเสียดวงตา...

...ดวงตาที่ใครๆต่างพูดกันว่ามีประกายสุกใส

...แต่อีกไม่นานมันกำลังจะมีแต่ความมืดสนิท

พี่หินร้อนรนถามหมอว่ามีทางจะรักษาไหม

หมอบอกว่าทางเดียวก็คือ....

   ต้องผ่าตัดเปลี่ยนดวงตา

  แต่ปัญหาคือต้องรอคนมาบริจาคหรือไม่ก็รอให้คนที่บริจาคไว้เสียชีวิตลง

   ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

   แล้วอาการผมก็รอถึงตอนนั้นไม่ได้

สารเคมีจะแพร่ไปทำลายเซลล์อื่นด้วย

พี่หินพร่ำบอกให้กำลังใจผมตลอดว่า ไม่เป็นไร...ผมจะไม่เป็นไร...

พี่จะรู้ไหมนะสิ่งที่ผมกลัวที่สุดไม่ใช่โลกที่มืดมิด...

แต่ใบหน้าและรอยยิ้มของพี่ต่างหากที่ผมกลัว...กลัวจับใจว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีก


   แต่น่าแปลกใจคืออีกสองวันต่อมาทางโรงพยาบาลแจ้งข่าวผมว่าผมได้รับการเข้าผ่าตัดได้แล้วเนื่องจากได้ดวงตาแล้วและมันก็เข้ากับผมได้ ถึงผมจะรู้สึกกังวลกับการต้องเข้าผ่าตัดแต่ก็อดที่จะดีใจไม่ได้ ถึงโอกาสรอดจะมีแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นผมก็จะลองเสี่ยงดู เพื่อที่ผมจะได้มีชีวิตที่จะอยู่กับคนที่ผมรักต่อไป...พี่หิน...

   วันรุ่งขึ้นผมต้องเข้ารับการผ่าตัดแล้วแต่ผมยังไม่เห็นพี่หินเลย สายตาที่รางเลือนจนแทบมองอะไรไม่เห็นยังคอยสอดส่องมองหาพี่เขาอยู่ตลอด ทำไมเขาไม่มาเยี่ยมผมเลยล่ะ เขาหายหน้าไปสามวันแล้วนะ ผมจะบอกพี่ว่าผมมีโอกาสรอดแล้ว...หรือว่าพี่จะทิ้งผมไปแล้ว...พี่ไม่รักผมแล้วเหรอ...

   จนกระทั่งผมเข้ารับการผ่าตัดเรียบร้อย จนผมเปิดดวงตาได้ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ล่วงเลยไปถึงวันที่ผมกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ ผมก็ยังไม่เห็นหน้าพี่หินเลยสักครั้ง มีเพียงเซนเพื่อนสนิทของผมที่คอยดูแลผมอยู่ตลอดเวลา มันเอาแต่พร่ำบอกผมว่าให้ผมรักษาตัวเองให้ดีเดี๋ยวพี่หินก็กลับมา

   ถึงผมจะรู้ว่าเป็นแค่เพียงถ้อยคำปลอบใจแต่ผมก็ยอมทำตาม

   หวังอยู่ลึกๆว่าพี่เขาอาจจะกลับมาหาผมจริงๆ

  ผ่านไปอีกหกเดือนผมถึงได้รู้ความจริงว่าทำไมพี่หินเขาถึงไม่กลับมาหาผม เหตุผลที่เขาทิ้งผมไป ไม่ใช่...เขาไม่เคยทิ้งผมไปเลยสักวินาทีเดียว เขาอยู่กับผมตลอดเวลา...เขาอยู่...อยู่เป็นดวงตาให้กับผม...

   ถูกต้อง...ดวงตาที่อยู่ในร่างกายผมเป็นของพี่หิน

เขาคือเจ้าของดวงตาที่บริจาคให้กับผม...

   ครั้งแรกที่ผมรู้เรื่องผมร้องไห้แทบเสียสติ เหมือนโลกทั้งใบทลายลงตรงหน้า แค่คิดว่าต่อไปจะไม่มีพี่อ้อมกอดอบอุ่น ไม่มีคำพูดนุ่มทุ้มน่าฟัง ไม่มีเจ้าของมือที่คอยกอบกุมกันไว้ ผมก็ไม่อยากที่จะใช้ชีวิตอยู่บนโลกอันโหดร้ายใบนี้อีกแล้ว

   ผมคิดที่จะฆ่าตัวตายหลายครั้ง...แต่ก็มีคนมาช่วยไว้ทุกครั้ง

   ครั้งสุดท้ายเซนที่เข้ามาเห็นผมกำลังจะปาดข้อมือตัวเองมันรีบเข้ามาขวางไว้ก่อนจะตบหน้าผมฉาดใหญ่ด้วยน้ำตาที่ไหลรินไปพร้อมๆกับผม


‘แกจะบ้าหรือไง! จะทำร้ายตัวเองไปถึงเมื่อไหร่! แกคิดว่าทำอย่างนี้ดีแล้วเหรอ แกคิดว่าตายไปปัญหาทุกอย่างมันจะจบหรือไง พี่หินเขายอมสละชีวิตเพื่อที่จะให้แกมีชีวิตต่อไป แล้วถ้าแกทำโง่ๆอย่างนี้มันจะมีประโยชน์อะไร! จะให้พี่เขาตายฟรีใช่มั้ย!!!’


   น้ำเสียงตวาดกร้าวกับน้ำตาที่ไหลรินทำเอามือไม้ผมอ่อนแรงทิ้งมีดลงบนพื้น ผมมองหน้าไอ้เซนที่มองผมด้วยสายตาผิดหวังน้ำตาอาบแก้มก่อนจะพุ่งเข้าหาอ้อมกอดมัน  ผมรู้แล้ว...รู้ทุกอย่างแล้ว ผมต้องมีชีวิตต่อไป อยู่...เพื่อใช้ดวงตาคู่นี้มองสิ่งสวยงาม มองโลกที่สดใส มองความเป็นไปในแต่ละฤดูกาล พี่ครับ...มองดูมันไปพร้อมๆกับผมนะครับ

   แล้วเรื่องราวเหล่านั้นก็ผ่านมาได้ปีกว่าๆแล้วตอนนี้ผมกำลังปั่นจักยานยิ้มให้กับเพื่อนบ้านที่ตะโกนทักทาย จุดหมายผมคือสุสานที่ประจำที่ผมจะไปทุกเย็นพร้อมกับดอกทานตะวันสีเหลืองสว่างตรงตะกร้าหน้ารถ แต่เอ๊ะ! ใครมาเยี่ยมพี่หินสุดหล่อของผมตัดหน้าผมอ่ะ  ผมไม่ยอมนะ!

   แต่เอ...หรือเขาจะมาประจำหว่า ก็วันนี้ผมมาก่อนเวลาตั้งสองชั่วโมง

  “คุณครับ มาเยี่ยมพี่ชายผมเหรอ?” ผมหยิบดอกทานตะวันไว้ในมือก่อนจะเดินเข้าไปทัก ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าร่างสูงที่ยืนหันหลังให้ผมดูเกร็งยังไงชอบกล

   แต่จะว่าไปแผ่นหลังเขาคุ้นจัง...

  “อ๊ะ! เดี๋ยวสิครับ!” ผมรีบไปดักหน้าชายร่างสูงไว้ แปลกจัง...ทำไมต้องเดินหนีผมด้วยล่ะ แล้วก้มหน้ายังกับไม่อยากให้ผมเห็นหน้างั้นแหละ มีพิรุธๆ

   เอาอีกแล้ว ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ลอดหมวกใบหนาออกมาคุ้นตาผมอีกแล้ว...

  “กรุณาหลีกทางให้ผมด้วยครับ ผมรีบ”  เบี่ยงตัวหนีไปอีกด้านแต่ผมก็เข้าไปขวางไว้อีก

   อีกแล้ว...น้ำเสียงนี้ก็คุ้นอีกแล้ว

   “คุณมาทำอะไรหน้าหลุมศพพี่ชายผม คุณรู้จักเขาเหรอ?” ผมถามแต่อีกฝ่ายปิดปากเงียบซ้ำยังหาทางที่จะเดินหนีผมให้ได้

  ฟึ่บ!

  ผมดึงหมวกที่ปิดบังหน้าเขาออก

  “…!!!!!”

   ทันทีที่ใบหน้าภายใต้หมวกเด่นชัดขึ้นตัวผมก็นิ่งแข็งค้างทันที ดอกไม้ล่วงลงสู่พื้นดินด้วยเรี่ยวแรงที่หดหาย  ใบหน้านี้ ดวงตานี้ ริมฝีปากนี้...

“พะ พี่ ฮึก หะ หิน...” เสียงผมขาดห้วง ริมฝีปากเริ่มแห้งผากตรงข้ามกับดวงตาที่มีน้ำเหลวใสไหลอาบแก้มไม่ขาดสาย  ผมมั่นใจว่าเขาไม่ใช่ผี ไม่ใช่ภาพหลอน ผมสัมผัสเขาได้ เจ้าของใบหน้าคมเข้มดูเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูกแต่เมื่อเขาเห็นน้ำตาของผมก็ชะงักไป นิ้วเรียวเกลี่ยน้ำตาที่แก้มใสผมออกเบาๆ มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน

   ผมโผเข้ากอดร่างสูงอย่างถวิลหา ความคิดถึงมากมายที่พรั่งพรูล้นทะลักออกมาไม่อาจหยุดความเสียงสะอื้นของผมได้เลย แขนแกร่งโอบร่างผมเอาไว้แน่นและยิ่งแน่นขึ้นเรื่อยๆเมื่อเสียงสะอื้นของผมมากขึ้น

   ถ้ามันเป็นแค่ความฝันก็อย่าให้ผมได้ตื่นขึ้นมาพบกับความจริงอีกเลย....

  “โอ้ย!” เสียงทุ้มร้องลั่นเมื่อผมหยิกเข้าไปที่เนื้อแขนแกร่งเต็มแรง ก็ผมอยากรู้นี่นาว่าเรื่องจริงหรือฝันไป

  “ไม่ได้ฝันจริงๆด้วย”

  “ก็มันเป็นความจริง” ว่าพร้อมกับลูบต้นแขนตัวเองป้อยๆ

  “แล้ว...” ผมมองไปที่หลุมศพที่คิดว่าร่างพี่หินนอนอยู่ในนั้นมาตลอดสลับกับใบหน้าคมที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา

   “คนที่นอนอยู่ในนั้นไม่ใช่พี่หรอก” งั้นที่ผ่านมาผมก็คิดเองเออเองมาตลอดสิ แล้ว...

   “งั้นดวงตาคู่นี้....”

   “ไม่ใช่ของพี่”

   ไม่ใช่...แล้วที่ผ่านมา

   “พี่หลอกผมเหรอ! ไอ้พี่บ้า พี่รู้มั้ยว่าผมเสียใจจนแทบเป็นบ้า ผมร้องไห้ไปกี่โอ่งนี่แน่ะๆๆๆ ฮือๆๆ” ผมรัวฝ่ามือไปที่ร่างสูงที่ไม่ปัดป้องสักนิด น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วไหลอาบแก้มลงมาอีก ตอนนี้ความรู้สึกโกรธ ดีใจ โล่งใจ คิดถึงมันประดังประเดเข้ามาหมด 

   “พอหรือยัง พี่เจ็บแล้วนะ” สองมือหนารวบมือทั้งสองข้างของผมไว้ในมือเดียว อีกข้างก็รวบตัวผมเข้าไปกอด

  “ก็พี่หลอกผม ...ผมเสียใจแค่ไหนรู้บ้างไหม”

   “พี่ขอโทษ พี่ก็ปวดใจไม่แพ้ไพน์หรอก แต่พี่มีเหตุผลที่ต้องทำ”

   “เหตุผลอะไรครับ...มันสำคัญกว่าความรู้สึกของผมหรือไง”

   “เหตุผลก็คือคนที่นอนอยู่ตรงนั้นไง” พี่หินบอกพร้อมกับมองไปที่หลุมศพที่ผมเข้าใจผิดมาตลอด

  ใช่สิ!! แล้วคนนั้นเป็นใคร!!

   “เขาคือคนที่มอบดวงตาให้กับไพน์ เป็นคนที่ทำให้คนโง่ที่คิดจะจัดฉากอุบัติเหตุขึ้นมาเพื่อมอบดวงตาให้กับคนที่พี่รักมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ เขาเป็นคนที่เดินเข้ามาบอกพี่ว่า พี่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อดูแล ปกป้องคนที่เป็นยิ่งกว่าหัวใจของเขา”

   “เขาคือ...”

   “กัน”

   น้ำตาของผมล่วงเผาะลงทันที กัน...นายอีกแล้วเหรอ...เป็นนายอีกแล้ว นายยอมสละชีวิตเพื่อคนอย่างฉันที่ทำร้ายจิตใจนายมาตลอดงั้นเหรอ นายมันคนโง่ ฮึก ฮือ

   “เขารักไพน์มากนะ” พี่หินจูงมือผมมาหยุดยืนที่หน้าหลุมศพที่คุ้นเคยแต่มันต่างจากทุกครั้ง ผมทรุดลงบนพื้นลูบไล้หินอ่อนที่สลักชื่อว่าภูผาด้วยมือที่สั่นเทาก้มลงกดจูบบนหลุมศพอย่างแผ่วเบา ไม่ใช่...ไม่ใช่ภูผา แต่เป็น...กันยพัฒน์

   “ขอบคุณ...ฮึก ทะ ที่...ทำเพื่อฉันขนาดนี้ ฉะฉันรักนายนะ...”

  วูบบบ

   ลมพัดวูบพัดพาผ่านร่างผมไป

   เขารับรู้...และกำลังเช็ดน้ำตาให้กับผม...

   อือ  ฉันรู้แล้ว...ฉันจะไม่ร้องไห้…

   “พี่ครับแล้วพี่หายไปไหนตั้งปีหนึ่ง ทำไมไม่มาหาผมล่ะครับ ” ผมเงยหน้าขึ้นไปถามคนที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่  เสียงยังคงสั่นเครือ พี่หินทรุดร่างลงข้างๆผม

   “กันเขาขอไว้เป็นครั้งสุดท้ายน่ะ เขาบอกว่าเขาขอได้ความรักจากไพน์แค่ปีเดียวระหว่างนี้พี่เลยมาหาไพน์ไม่ได้ แต่พี่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมต้องเป็นหนึ่งปี” มือหนาลูบศีรษะผมเบาๆอย่างอ่อนโยน

   “ฮึก T^T ผมรู้ครับ ผมรู้...”

   “…”

   “เขาเคยบอกผม...”

  ‘ตามตำนานเขาเชื่อกันว่า...คนที่ตายไปแล้ววิญญาณจะวนเวียนอยู่ที่หลุมศพที่ฝังร่างเขาไว้เป็นเวลาหนึ่งปีไม่สามารถไปไหนได้ แต่หลังจากนั้นวิญญาณของคนนั้นถึงจะสามารถล่องลอยไปที่ใจปรารถนาได้’

'ชิ นิทานหลอกเด็กน่ะสิ'

วันนั้นผมเถียงเขาไปแบบนั้น

“นับจากนี้ นายก็ไม่ต้องถูกขังไว้ทีนี่แล้วนะ ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงาแล้ว เพราะนายจะไปอยู่ข้างฉันได้แล้ว...”

“ขอบคุณนะที่ทำให้ฉันได้อยู่กับคนที่ฉันรักอีกครั้ง” พี่หินมองไปที่หลุมศพก่อนเอ่ยขึ้นเบาๆ มือหนาอบอุ่นจับมือผมเอาไว้แน่น

“ขอบคุณนะที่ทำเพื่อฉันมาตลอด...ฮึก ฉันรักนายนะ T^T” ผมยิ้มออกมาทั้งน้ำตา สายลมที่พัดผ่านมาอีกครั้งทำให้ผมรู้สึกว่าเขากำลังโอบกอดผมเอาไว้  ผมรักเขา ถึงไม่ใช่ความรักในแบบของคนรักแต่ใจผมบอกเสมอว่าผมรักเขา...

   พี่หินหันมาโอบกอดผมเอาไว้เราสองคนยิ้มให้กันอย่างสุขใจ หนึ่งปีแล้วสินะที่ใจผมไม่ได้เต้นรัวด้วยความอบอุ่นอย่างนี้

   ขอบคุณนะ  ขอบคุณสักร้อยพันครั้งสำหรับความรักและความหวังดีของนาย ฉันสัญญานะกัน...ถ้าของขวัญที่นายอยากได้คือความสุขและรอยยิ้มของฉัน ฉันก็จะให้นาย...

   หลับให้สบายนะองครักษ์ของฉัน...



THE END




เรียกว่าจบแบบแฮปปี้ได้มั้ยอ่ะ ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่อ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
โถ....กันนี่โคตรพระรองเลยนะเนี่ย

นายจะแสนดีไปไหน  :o12:

(ปล.ฟิคโน่ริทป่ะ ฮี่ๆ)

ออฟไลน์ sinyou

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เศร้า กันแสนดีจัง   :sad4: :o12: :m15:

dolphins

  • บุคคลทั่วไป
กันย์ สินะพี่ชายที่แสนดี เราก็หลงคิดว่าเป็นพี่หินจริงๆ ..จากชื่อเรื่องมันหมายถึงทั้งสองคนเลยใช่ป่ะแต่คนละความหมาย..
 :pig4: ได้ทุกอารมณ์เลยสำหรับเรื่องนี้ ^^

PiaShaRe ^^

  • บุคคลทั่วไป
เรารักเรื่องนี้มากเรยอ่า
เรา แบบ ได้เห็นความรักจริงๆ ความรักที่แค่ให้ก็มีความสุข มันซึ้งน่ะ
ซึ้งมาากกกกกกกกก คนแต่งแต่งดีมากเรยล่ะ เราร้องไห้ตลอดเรย ความรักบ้างที่มันก็ทำให้คนเราเข้าใจยากเนอะ

คนเราสามารถทำไรที่คาดไม่ถึงเพื่อมันจริงๆ เรื่องนี้เป็นอีกมุมของพลังแห่งความรักเรยแหละ เราจะจำเรื่องนี้ไปตลอกเรย

เป็นเรื่องฝังใจไปเรย ขอบคุณ ณ คะ

ออฟไลน์ monsterkim

  • I think therefore I am. = เพราะฉันคิด ฉันถึงมีอยู่
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
โถ่ กัน พระเอกสุดแสนใจดี ยอมสละชีพเพื่อคนรัก

อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยอะคับ :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IöLIKE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-6

ออฟไลน์ yunjae123

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
กันสุดยอดเลยอ่ะ
รักไพน์มากเลย ทำทุกอย่างเพื่อไพน์ตลอด
พี่หินก็รักไพน์มากเหมือนกัน
แต่มีหน้าที่สำคัญที่ต้องดูแลไพน์เลยทำแบบกันไม่ได้
รักกันนาน ๆ นะพี่หินไพน์^^

domino

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย

รักกันจัง

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
รักของกัน ยิ่งใหญ่มาก

ออฟไลน์ Ju

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-2
โถถถถ กลายเป็นรักสามเศร้าซะได้

งือ ชอบอ่ะ  :o12:

ice_spok

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
ขอบคุณที่ชอบเรื่องสั้นเรื่องนี้นะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เก็นความรักที่ดีจัง

polar_light

  • บุคคลทั่วไป
ซึ้งมากๆเลยค่ะ ตอนแรกที่มีการไปหลุมศพว่าจะไม่อ่านต่อเพราะเศร้า
แต่ก็อดใจอ่านต่อไม่ได้ สุดท้ายก็อ่านจบ ไม่ผิดหวังนะ สรุปจบไดดีมากๆ ชอบมากๆ

แต่สงสารกันที่สุด นายเสียสละมากไปแล้ว :sad4:

ออฟไลน์ bew_yunjae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :sad4:แอบน้ำตาท่วม สงสารกัน><
จะดีไปไหน โฮๆๆๆๆๆๆ
  แต่ดีน่ะที่ไพน์ ไม่เป็นอะไร แม้จะฆ่าตัวตายหลายรอบ
ไม่งั้นพี่หินต้องร้องไห้แทนแน่ๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ซึ้งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เรื่องนี้ได้หลากหลายอารมณ์มากเลยค่ะ

อยากมีคนที่รักเรามากๆ แบบกันบ้างจัง  :sad11:

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9

ออฟไลน์ toye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0

rosy

  • บุคคลทั่วไป
ชอบ กัน

แต่พี่หิน ก็เป็นคนดีมากๆๆเลยนะ

ถึงแม้จะทำให้ไพน์เข้าใจผิด แต่

เขาก็รักษาสัญญาต่อสิ่งที่เคยรับปากไป

เป็นคนดีมากๆ  o13


ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
กันแสนดีมากอะ

โอยยย

สตั๊นท์เลย

 :o12:

ออฟไลน์ gneuhp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
ซึ้งกินใจเรยอ่าา T T

ออฟไลน์ kokilolylove

  • รัก ได้ยินหรือเปล่า
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1
 :monkeysad: ซึ้ง TwT
กันนี่สุดยอดเลย
พี่หินก็เป็นคนดี
ไพน์โชคดีมากที่ได้ความรักจากทั้งสองคน :กอด1:

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
เศร้ามากอะ ฮือๆ

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
เหมือนเคยอ่านเรื่องนี้
อ่านกี่สองรอบก็น้ำตาซึมทั้งคู่เลย
รักคือการให้จริงๆ

ออฟไลน์ DoubleBass

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
อ่านจบแล้วโคตรรักกันเลยอะ  :m15:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด