ตอนที่ 5 หนุ่มในชุดเครื่องแบบนักศึกษาแขนยาวจอดรถที่อาคารจอดรถแล้วถือซองเอกสารมาที่ล็อบบี้ชั้น 1 ของอาคารบริษัทนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ คนที่นัดไว้ชื่อคุณก้อง ชายหนุ่มรูปร่างผอม สูงกว่าไข่ตุ๋นไม่มากนัก สวมสูทเนื้อดี เรียบกริบกับแว่นตากรอบหนา
พอไข่ตุ๋นเดินเข้ามาในล็อบบี้ของแผนกต้อนรับ ก้องก็ลุกขึ้นยืนแล้วส่งซองเงินให้ทันที โดยที่ไข่ตุ๋นยังไม่ทันแนะนำตัวด้วยซ้ำ
รวบรัดจนไข่ตุ๋นสงสัยว่าก้องมีนัดที่ไหนอีกหรือเปล่า
“ขอบคุณครับ แล้วเรื่องโอนรถ”
“อ้อ จริงสินะ” ก้องยังคงดูร้อนรน แต่จู่ๆ ก็กลับยืนนิ่งกระแอมแล้วเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเคร่งขรึม “น้องไข่ตุ๋นเอารถไปใช้ก่อน เพราะตอนนี้ผมยังไม่มีธุระใช้รถ”
“ครับ อะไรนะครับ”
ไข่ตุ๋นไม่เข้าใจอะไรสักนิด ก้องติดต่อผ่านหลายคนมาจนถึงมะพร้าวเพื่อที่จะซื้อรถ แล้วก็นัดให้มาเอาเงิน แต่กลับบอกว่าให้เอารถกลับไปใช้ก่อน
ว่าบุคลิกของก้องแปลกแล้ว ยังคิดอะไรแปลกๆ ด้วย
“แล้วไม่ยึดสมุดไว้หรือครับ” ไข่ตุ๋นเปิดซองเอกสาร หยิบสมุดทะเบียนรถ แต่ก้องรีบเข้ามาจับมือไว้
มีเสียงกระแอมมาจากที่ไหนสักที่ในห้องล็อบบี้ ก้องรีบปล่อยมือเหมือนโดนของร้อน
“ขะ ขอโทษ”
ไข่ตุ๋นงงไม่เลิก ไม่รู้ว่าขอโทษเรื่องอะไร
“เงินน่ะ จะเอาไปให้....เอ่อ จะเอาไปทำอะไรก็ตามนั้นแหละ รถก็เหมือนกัน ตามสบาย ผมหมดหน้าที่แล้ว” ก้องยังคงรีบจนถึงคำสุดท้าย พูดเสร็จก็รีบเดินกลับไปที่ลิฟต์ทันที
หนุ่มตัวเล็กถือซองเงินและซองเอกสารกลับออกมาที่รถ โทรศัพท์หามะพร้าวบอกว่า ได้เงินมาแล้วแต่คนที่ซื้อรถกลับบอกให้เอารถกลับไปใช้ได้ ทั้งไม่ยึดสมุดทะเบียน ไม่มีสัญญาอะไรสักฉบับ
แบบนี้มันเหมือนกับการให้เงินไปใช้ฟรีๆ
“เหรอ~~ แปลกว่ะ” มะพร้าวสรุปเรื่องเมื่อฟังจบ
เสร็จแล้วก็โทรศัพท์หาชิณณะ
“ผมเพิ่งได้เงินจากที่ขายรถ คุณจะให้ผมเอาไปให้คุณที่ไหน”
“วันนี้เรียนเสร็จแล้วหรือ”
“ยังหรอก แต่คุณก้องเขานัดผมมาเอาเงิน”
“งั้นก็กลับไปเรียนก่อน เรียนเสร็จค่อยคุยกัน”
“วันนี้ผมต้องไปทำงานที่ร้านน้าเก้ง ถ้าคุณจะเอาเงิน”
“ไม่ได้บอกว่าจะเอาเงินวันนี้ พี่บอกว่า วันนี้เรียนเสร็จแล้วค่อยคุยกัน”
“ครับ” ไข่ตุ๋นรับคำง่ายๆ แล้วกดวางสายไป
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มคนที่เพิ่งกดวางสายโทรศัพท์หันมาหาก้องที่ยืนอยู่ข้างๆ “แค่ให้เอาเงินให้ ไม่ได้บอกให้จับมือ”
“แหม เจ้านายครับ เขาเรียกว่าแตะเพื่อห้าม ไม่ได้จับมือ”
“แตะก็ไม่ได้โว้ย ทำเกินหน้าที่” ชิณณะชี้หน้าเลขาฯ ส่วนตัว “แล้วเรื่องรายงานว่าไง”
แต่ก้องรีบเดินไปที่โต๊ะทำงาน หยิบซองเอกสารแล้วหันมาบอก “เข้าไปคุยในห้องดีกว่าเจ้านาย คุยตรงนี้ไม่เหมาะ”
เจ้านายตามเข้ามายังไม่ทันนั่งลง เลขาฯ ไฮเปอร์ก็รายงานทันที
“ยังไม่เจอคลิปคุณสกาวนะเจ้านาย แล้วก็ไม่เคยมีใครแจ้งความอะไรที่เกี่ยวกับคุณเล็กกับเพื่อนๆ ด้วย”
ชิณณะถอนหายใจโล่งอก
“แล้วเจ้านายจะแปลกใจที่คลิปลับมีมากกว่า คลิปนักเรียนตบกันแย่งผู้ชายตั้งหลายเท่า”
เจ้านายส่ายหน้า ขณะที่เปิดซองเอกสาร ส่วนก้องก็บรรยายต่อไป
“ถึงจะไม่มีเรื่องแจ้งความของคุณเล็ก แต่มีผลการชันสูตรศพที่ถูกเผาเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนน่ะเจ้านาย เป็นเพื่อนกับคุณเล็ก”
“ใคร”
ชิณณะถามขณะที่กวาดตาอ่านเอกสาร แล้วหันไปกดโทรศัพท์หาโต้ง
“แม่รู้เรื่องเพื่อนเล็กหรือยัง”
“ยัง” โต้งบอกทันที “แค่นี้ก็แทบจะให้กูลางานออกไปตามหาน้องอยู่แล้ว ขืนรู้คงได้ไปกันใหญ่”
“แล้วมึงไปงานศพเขามั้ย”
“ไปสิ แต่ไม่ได้บอกว่าเพื่อนเล็ก บอกว่าเพื่อนกูเอง”
“แล้วผลว่ายังไง”
“ตำรวจก็ยังสืบหาอยู่ นี่ถ้ากูไม่ได้สืบเองนะ กูก็คงคิดลบว่าตำรวจแมร่งอู้งาน หรือจะรอเรียกเงินอะไร เพราะพ่อกูก็นายพล ถึงจะพ่อเจ้าเก่งที่ตายนั่นก็ไม่ใช่ย่อย แต่พอตามไปถึงจุดหนึ่งมันกลับเงียบหายไปเสียเฉยๆ”
โต้งเล่าเรื่องเหมือนตัวเองก็อึดอัดอยากหาคนฟังความทุกข์ใจของตัวเองบ้างเหมือนกัน
“ว่าแต่มึงรู้เรื่องเพื่อนเล็กได้ยังไง”
“ก็ พอดีน้อง...ไข่ตุ๋นน่ะ เดือดร้อนเรื่องเงิน กูก็สงสัยว่า เขาเอาเงินไปทำอะไร ให้ก้องดูให้หน่อย แต่กลับได้รู้เรื่องเพื่อนของเล็กมาด้วย เลยโทรมาหามึงว่าเป็นยังไงกันบ้าง เจอกันทุกอาทิตย์ไม่เห็นเล่าอะไร”
“จะเล่ายังไง แม่ตามติดอยู่ด้วยตลอดเวลาแบบนี้ แล้วกูก็รบกวนมึงกับน้องมากด้วย แทนที่จะได้พักผ่อนกลับต้องตื่นแต่เช้ามาฟังคนแก่เล่าเรื่อง”
“แม่เขาห่วงมึงน่ะแหละ”
“เขากลัวกูจะหายไปเหมือนน้อง” โต้งยอมรับ “แล้วตกลงน้องมึงเอาเงินไปทำอะไรถึงกับต้องขายรถ มึงระวังให้ดีอย่าให้เหมือนเล็กนะโว้ย”
“เออ ก็ระวังอยู่ แต่มึงก็มีน้องมึงก็รู้ว่า บอกซ้ายไปขวา บอกขวาไปซ้าย ห้ามอะไรทำอย่างนั้น”
“ก็แล้วใครเขาจะดีเหมือนมึงกับกูล่ะ” โต้งแซวขำๆ จนทางนี้หัวเราะตามไปด้วย
วางสายไปพร้อมกับรอยยิ้มค้าง ขณะที่จ้องมองเอกสารบนโต๊ะ
ก้องยืนประสานมืออยู่ข้างๆ “ผมไม่ได้อยากขัดใจเจ้านายหรอกนะ แต่เรื่องเงินที่เจ้านายให้ไปง่ายๆ เนี่ย มันจะซ้ำรอยน้องๆ หนูๆ ของเจ้านายนะครับ” ก้องเองก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน ว่าเตือนเจ้านายเรื่องเงินไปกี่ครั้งแล้ว “เด็กคนก่อนๆ ผมก็เห็นเจ้านายให้เป็นพวกกระเป๋า นาฬิกา พอมาถึงคุณสกาวเจ้านายจ่ายหนักกว่าคนอื่นไม่รู้กี่เท่า สุดท้ายเขาก็เชิดของไปหมด พอมาถึงคนนี้ แค่เดือนกว่าๆ เจ้านายจ่ายไปตั้งหลายแสน”
ดวงตาสีเข้มของเจ้านายหันมามอง “อย่าเปรียบเทียบไข่ตุ๋นกับคนอื่น เพราะเขาไม่ได้ขอ แต่ฉันให้เอง”
ก้องทำท่านึกได้ “อ่า จริงสินะ คนนี้ทำเจ้านายผมอาการโคม่า”
“ก้อง” เจ้านายทำเสียงเข้ม
ก้องบ่นงึมงัม “ผมไม่ได้อยากขัดใจ แค่เตือนเพราะไม่อยากให้เจ้านายโดนหลอกอีกเท่านั้นแหละ”
เจ้านายอ่านทวนรายงานข่าวเพื่อนของเล็กอีกครั้ง แล้วเลื่อนรายงานเกี่ยวกับสกาวมาเปรียบเทียบ
“สืบเรื่องคุณสกาวต่อมั้ยเจ้านาย”
“พอก่อน”
...ยิ่งค้นหา เรื่องก็ยิ่งห่างจากจุดเริ่มต้นไปไกล
ใช่ เรื่องนี้เริ่มจากสกาว แต่มันนำไปสู่ไข่ตุ๋น กับเรื่องส่วนตัวของ 2 พี่น้อง แล้วก็ยังมีเรื่องของครอบครัวเพื่อนที่เจตนาดึงเข้ามา เพื่อหาเหตุให้ได้พบกับไข่ตุ๋นมากกว่าเดิม
ใช่แล้ว ยอมรับกันอย่างตรงไปตรงมาว่า นายชิณณะคนนี้กำลังเกิดอาการหลงหนุ่มหน้านิ่งคนนั้น หลงแบบที่ไม่กล้าขัดใจ พร้อมไปกับการที่กลายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองเวลาอยู่กับเขา
แต่พอคัดเลือกเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับสกาวออกมาจากเรื่องราวที่มันกระจัดกระจาย กลับรู้สึกว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงกว่าที่คิดไว้
“เจ้านายครับ” ก้องเรียกเจ้านายดึงความคิดกลับมาที่ห้องทำงานอีกครั้ง “ผมว่า เรื่องรถน่ะ เจ้านายเอามาเก็บไว้บ้าน หรือไม่ก็เอามาฝากจอดไว้ที่สำนักงานนี่ก็ได้ แล้วเจ้านายจะได้ไปตามรับตามส่งไม่ดีกว่าหรือครับ คือผมมานึกดู ถึงเมื่อกี้เขาก็พูดถึงเรื่องโอนรถ เรื่องให้เก็บสมุดไว้ ใจผมยังระแวงก็จริง แต่อีกใจผมก็ว่าเขาเป็นคนดี แล้วถ้าคุณไข่ตุ๋นรู้ขึ้นมาว่าเจ้านายให้เงินเขาไปเป็นแสนๆ เขาจะโกรธเอาได้นะครับ”
“แล้ววันที่ฉันติดงานจะให้เขาขึ้นรถเมล์หรือไง ให้เขาใช้ไปอย่างนั้นแหละ ถ้าโกรธเมื่อไหร่ค่อยคุยกัน”
“แน่ใจหรือครับว่าจะได้คุย” ก้องทำเป็นบ่นให้ได้ยิน “แววฟอร์มดีแต่กลัวเขาโกรธมาแต่ไก่โห่”
รู้ตัวอยู่เหมือนกันว่า เสนอทางเลือก แสดงความเห็นได้ แต่สุดท้ายเจ้านายก็เลือกทางอื่นที่ไม่ได้เสนอเสียทุกครั้งไป
คืนที่ไข่ตุ๋นมาทำงานที่ร้านน้าเก้ง ชิณณะก็แวะมาที่ร้านตอนเกือบสี่ทุ่ม เตรียมคำตอบไว้เสร็จสรรพว่า ถ้าเขาถามก็จะตอบว่า “แวะมา”
แต่ไข่ตุ๋นไม่ได้ถามเรื่องนั้น ที่ถามก็เป็นคำถามของพนักงานร้านอย่าง “ดื่มอะไรดีครับ” “รับกับแกล้มอะไรครับ” พออาหารเสร็จก็ยกมาวาง แล้วก็กลับไปอยู่หลังเค้าน์เตอร์ ไม่ก็หายไปอยู่หลังร้าน
คิดว่าวางมาดเคร่งขรึมน่าเชื่อถือได้เนียนแล้วนะ แต่น้าเก้งที่ผ่านเรื่องราว และพบเจอผู้คนมาทุกรูปแบบกลับมองออก
“มารอไข่ตุ๋นหรือไง” ชายวัยเกือบกลางคน ศีรษะล้านไปครึ่งหัว ถามขณะที่นั่งลงที่เก้าอี้อีกด้าน
“ครับ” ชิณณะตอบยิ้มๆ ขณะที่ในใจกำลังเตรียมคำตอบถ้าโดนท้วงถามเรื่องรสนิยมทางเพศ แต่น้าเก้งกลับเล่าเรื่องของไข่ตุ๋นให้ฟัง
“พ่อแม่มันมีร้านใหญ่อยู่ที่เชียงใหม่ เลี้ยงลูกสบายจนเคยตัวทำอะไรไม่เป็น แต่พอพี่สาวมันเกิดเรื่อง...รู้เรื่องของพี่สาวฝาแฝดมันหรือเปล่า”
“ทราบครับ”
น้าเก้งพูดขรึมๆ “ผิดเป็นครู แต่บางคนผิดกลับยิ่งเตลิดไปไกล ผมเลยต้องเอาไข่ตุ๋นมาทำงานที่ร้าน แม่มันเองก็ไม่สนับสนุนหรอกนะ เพราะนี่มันร้านเหล้า แต่ผมอยากให้มันเห็นคนหลายรูปแบบ ให้มันเลือกเองว่าจะเติบโตไปเป็นอะไร เป็นแค่ตีนตุ๊กแก หรือจะเป็นต้นไทร”
แม้การเปรียบของน้าเก้งจะตรงและชัดเจน แต่ชิณณะก็อดที่จะโต้แย้งไม่ได้ว่า สกาวอาจเป็นเหมือนดอกลำดวนที่สวยงามแต่ซ่อนพิษร้าย
แต่จะว่าไป การเปรียบเทียบของชิณณะอาจจะผิดก็ได้ เพราะยิ่งนับวันยิ่งพบว่า ชิณณะไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นเลย
และในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกเหมือนจะโดนคำพูดของน้าเก้งเข้าไปด้วยเสี้ยวหนึ่ง
ห้าทุ่มครึ่งน้าหญิงเก็บครัว แล้วมาเปลี่ยนที่หน้าเค้าน์เตอร์ ไข่ตุ๋นก็ได้เวลากลับบ้าน
ออกมาจากร้านพร้อมกัน ชิณณะก็ถาม “รถจอดอยู่ที่ไหน”
“ผมไม่ได้เอารถมา”
“อ้าว เสียหรือไง”
หนุ่มตัวเล็กส่ายหน้า “ผมขายรถแล้ว แต่เจ้าของใหม่เขาบอกว่าให้ใช้ไปก่อน ผมกลัวว่ารถจะมีอุบัติเหตุ เดี๋ยวเขาจะว่าใช้ของไม่ระวัง ตอนที่เอารถไปส่ง ก็เลยจอดไว้เฉยๆ ที่คอนโดฯ”
ชิณณะคลี่ยิ้มกว้าง ใจมันพองฟู
...ขอให้คนนี้ไม่เหมือนสกาว หรือทุกคนที่ผ่านมา ที่หวังเพียงเงินเท่านั้น
หนุ่มตัวเล็กหันมาสบตาสีเข้ม แล้วพูดนิ่งๆ ตามนิสัย "เงินมันเยอะ ผมไม่ได้เอามาด้วย ถ้าคุณไม่มีธุระที่ไหน รบกวนแวะไปที่คอนโดฯ ผมครู่หนึ่งได้มั้ย"
ชิณณะเดินนำไปที่รถ "มันแปลกๆ ว่ามั้ย ที่ใช้ภาษาสุภาพขนาดนี้"
แต่ไข่ตุ๋นไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งมาถึงคอนโดฯ แล้วแยกเข้าไปเอาของในห้อง ขณะที่ชิณณะเดินไปหยุดมองภาพของกรุงเทพฯ ผ่านกระจกบานกว้าง
หนุ่มตัวเล็กหายไปร่วม 10 นาทีก็กลับออกมาด้วยใบหน้าซีดเผือด และส่งสมุดทะเบียนรถให้
ชิณณะเลิกคิ้วสูง
"ผมรู้ว่าคุณซื้อรถผม"
ชิณณะล้วงกระเป๋า พยักหน้าช้าๆ แต่ประเด็นที่ทำให้ชิณณะเข้ามาในห้องนี้ได้ ไม่ใช่แค่ไข่ตุ๋นรู้ทันเรื่องซื้อรถเลยพยายามจะให้ยึดสมุดทะเบียนรถแน่นอน
หนุ่มตัวเล็กยังคงดูกระวนกระวาย เหงื่อเม็ดเล็กซึมที่ไรผม ทำให้ชิณณะเดาเรื่องต่อไป
"เงินหายไปใช่มั้ย"
ดวงตากลมมองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า และไม่รับสมุดไปสักที สุดท้ายก็หันหลังให้ "ผมจะกลับไปหาอีกรอบ"
ชิณณะเดินตามเข้ามาในห้องนอนที่ทั้งสะอาดทั้งเก็บของอย่างเป็นระเบียบ ขนาดจะหาของในลิ้นชัก หนุ่มคนนี้ ยังใช้วิธียกของออกมาวางแล้วค่อยๆ หา สุดท้ายก็หันมามองคนที่เดินมานั่งลงบนเตียง
"คิดว่าจะเป็นแม่บ้านหรือเปล่า"
ไข่ตุ๋นส่ายหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าเหมือนหมดแรง
"สกาวรู้ว่าไข่ตุ๋นได้เงินมาแล้ว" ชิณณะถามขณะที่ดึงมือให้ลุกขึ้นมานั่งข้างกัน
เป็นอีกครั้งที่ไข่ตุ๋นไม่พูดแต่ใช้ภาษากายด้วยการพยักหน้า
ชิณณะพลิกข้อมือดูนาฬิกา "ดึกมากแล้ว เธอควรเข้านอน เพราะพรุ่งนี้ยังต้องไปเรียน"
ไข่ตุ๋นเพียงแค่มองตรงๆ ไปที่ประตู แล้วหันมามองเมื่อคนที่อยู่ข้างๆ โอบไหล่ไว้
"แล้วผมจะดูว่ายังพอมีอะไรที่จะขายเอาเงินมาให้คุณ"
มือใหญ่รั้งไหล่บางให้หันมาหา ก้มลงแนบคางที่ข้างหู "หยุดคิดเรื่องนี้ได้มั้ย ให้มันเป็นหน้าที่ของพี่ได้มั้ย"
ไข่ตุ๋นส่ายหน้า
"ไข่ตุ๋น!" น้ำเสียงของชิณณะห้วนขึ้นทันที "คนที่เอาเงินของพี่ไปคือสกาว ไม่ใช่ไข่ตุ๋น"
"ผมรู้"
หนุ่มตัวเล็กบอกแล้วผุดลุกขึ้น เดินนำไปที่ประตูห้องนอน "คุณจะกลับแล้วใช่มั้ย"
ชิณณะเดินตามออกมาจากห้องนอนของไข่ตุ๋น แต่กลับเลี้ยวไปที่ประตูห้องนอนของสกาว
ประตูห้องปิดล็อก
คนตัวโตหันมามองคนที่เดินไปรออยู่ที่ประตูห้องคอนโดฯ
"บอกตามตรง พี่ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย"
"ความรู้สึกอะไร"
ชิณณะยืนขวางประตูห้องของสกาวเหมือนเดิม ขณะที่ไข่ตุ๋นเดินกลับมาหา
....ความรู้สึกที่เหมือนมีกรงเล็บใหญ่ ครอบเด็กหนุ่มคนนี้ไว้....
ชิณณะกอดหนุ่มตัวเล็กไว้ "ตกลงจะใช้หนี้แทนพี่สาวใช่มั้ย"
ไข่ตุ๋นกัดริมฝีปากไว้แน่นขณะที่พยักหน้า
"งั้นสัญญากับพี่ จนกว่าจะใช้หนี้ 2 ล้านหมด ห้ามเจ็บ ห้ามป่วย ห้ามไปไหนโดยไม่บอกพี่ อย่าตัดสินใจทำอะไรตามลำพัง"
====จบตอนที่ 5====
โทนเรื่องชวนให้คิดถึงเรื่อง eye for an eye ใช่มั้ยครับ มันคือเรื่องล่าน่ะแหละครับ ผมก็ระวังอยู่เหมือนกัน
ส่วนหนึ่งของที่มาของเรื่องนี้คือทุกครั้งที่ทีเก็บห้องแล้วเจอซีดีเขาจะเก็บไปทิ้งถังขยะ หรือเห็นผมเปิดคลิปที่ส่งมาทางโทรศัพท์เขามักจะทำเสียงประมาณ "เอียะๆ" (คล้ายๆ แบบนี้นะครับเขียนไม่ถูกเหมือนกัน) แล้วก็ว่ากันตรงๆ ว่า ถ้าในนั้นเป็นคนที่รู้จักผมจะคิดยังไง หรือถ้าเป็นคลิปแบล็คเมล์แบบคลิปดารา ผมก็รู้นะว่าเรากำลังเป็นผู้ร่วมกระทำความผิด แ่ต่ก็นะ หัวข้อบอกว่าคลิปลับ แต่ที่จริงมันคือหนัง xxx ก็มีเยอะแยะ จริงพี่ไจฟ์บอกว่า ภาพมันไม่ชัดแล้วก็กลัวเจอไวรัสต่างหาก
ส่วนเรื่องชิณณะกินไข่ตุ๋น อยู่ตอนก่อนจบเลยนะครับ
เพราะผมลืมเขียน เย๊
เขียนไปจนจบส่งเรื่องให้พี่ปานตรวจภาษาไทยที่แสนจะอ่อนแอของผมแล้ว กลับมาทวนเหมือนผมลืมอะไรสักอย่าง ทีก็ยิ้มๆ บอกว่า เรื่องนี้ไม่มีเอ็นซีดีจัง~~
มีสิครับ เขียนเติมแล้ว เหอะ เราก็คิดว่าเขามาแนวใหม่
ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณทุกความเห็น และทุกคะแนน
พบกันวันจันทร์นะครับ
ไจฟ์กับทีครับ
ps.ตอนนี้ตีสี่ยังไม่ใ่ช่เวลาตื่นของทีแน่นอน แต่ที่มีตัวหนังสือสีฟ้า เพราะเขียนท้ายเรื่องไว้ตั้งแต่เมื่อวานครับ