ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชมกรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่องนี้คือเรื่องสมมุติ
cloud
ตอนที่ 1
สภาพศพที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมในภาพข่าวโทรทัศน์ ของรายการข่าวภาคเที่ยง ทำให้นักศึกษาหลายคนในโรงอาหารทำหน้าตาเหยเก บางคนพูดเสียงดังเผื่อไปถึงโต๊ะอื่น ว่าภาพข่าวแบบนี้ทำให้อาหารมื้อนี้หมดอร่อย แต่มีไม่น้อยเหมือนกันที่ยังกินต่อไปได้ตามปกติ
ขณะที่นิยุต หรือ ไข่ตุ๋นนั่งดูข่าวด้วยความรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ แต่ก็ดูไปจนจบ แล้วหันไปหามะพร้าว หนุ่มแว่นเพื่อนรักที่กำลังละเลียดขนมน้ำกะทิเหมือนกับว่ามันอร่อยมากจนไม่อยากให้หมด
"ไปซื้อมากินอีกถ้วยสิ" ไข่ตุ๋นพูดเรียบๆ
เพื่อนคู่หูตัวกลม เหมือนแว่นกลมที่ใส่อยู่ส่ายหน้า "ที่มันอร่อยเพราะกินถ้วยเดียวนี่แหละ ถ้ามากกว่านี้ก็ไม่อร่อยแล้ว"
ไข่ตุ๋นหัวเราะเหมือนพ่นลมออกจมูก ท่าทางที่ชวนให้คนที่ไม่รู้จักรู้สึกเหมือนกำลังดูถูก แต่สำหรับเพื่อนสนิทอย่างมะพร้าวรู้ว่า มันหมายถึง ตามสบาย อยากทำอะไรก็ทำไป
"มึงไม่กินหรือ"
"ไม่หรอก ตามสบาย"
นั่นแหละ ไข่ตุ๋นมันมักจะมีคำพูดที่ขัดกับการแสดงออกเสมอ
มะพร้าวยิ้มกว้างกินขนมต่อจนแทบขูดถ้วย ไข่ตุ๋นที่นั่งมองก็หัวเราะแปลกๆ เหมือนเดิม "ไปซื้ออีกถ้วยเถอะน่า กูรอได้"
"พรุ่งนี้เหอะ วันนี้ขอบใจนะที่มานั่งดูกูกิน” หนุ่มอารมณ์ดีพูดขำๆ “แล้วพรุ่งนี้มึงจะมาโรงอาหารเป็นเพื่อนกับกูอีกมั้ย"
"ก็ได้" หนุ่มรูปร่างผอมบางรับคำเพื่อน แล้วคว้ากระเป๋าหนังสะพายข้าง
ตอนที่เดินออกมาหลายคนส่งยิ้ม และคำทักทายว่าวันนี้คู่หูเดินข้ามฝั่งมากินข้าวถึงโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย ได้
"กูอยากกินรวมมิตรป้าจิตร ไข่ตุ๋นมันเลยมาเป็นเพื่อน" มะพร้าวตอบทุกคำถามท่าทางเหมือนนักการเมืองหาเสียงเลือกตั้ง ขณะที่ไข่ตุ๋นแค่ยิ้มจางๆ ทั้งต้องเป็นฝ่ายมายืนรอ มะพร้าวคุยกับคนโน้นคนนี้ ระหว่างรอมีสายเรียกเข้า หนุ่มหน้าหวานกดรับสายโดยที่ไม่ได้มองหน้าจอด้วยซ้ำ
"อยู่โรงอาหารกินข้าวเพิ่งเสร็จ" จากนั้นก็ตามมาด้วยประโยคแบบถามมาตอบไป จนมะพร้าวที่มายืนฟังกระทั่งวางสายไปยังไม่เข้าใจสักประโยค เลยต้องถามซ้ำ
"พี่สาวมึงหรือ"
"อือ”
“เขาเป็นอะไร"
"ไปฮ่องกง 3 วัน"
"อ้าว แล้วเขาไม่เรียนหรือไง"
"ก็ขาดเรียนไง" ไข่ตุ๋นตอบย้อนประโยคของเพื่อน ทำให้มะพร้าวขมวดคิ้วนิ่วหน้าท่าทางคิดหนักเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ
"ม.เอกชนเขาไม่นับชั่วโมงเรียนหรือไงวะ พี่สาวมึงขาดเรียนบ่อยขนาดนี้ ทำงานกลุ่มใครจะให้เข้ากลุ่มด้วย"
เลิกเรียนไข่ตุ๋นกลับเข้าห้องพักในคอนโดฯ หรูที่เงียบเหงา เพราะแม้จะอยู่กับพี่สาวกันตามลำพัง 2 คน แต่บรรยากาศระหว่างพี่น้องกลับเต็มไปด้วยความห่างเหิน
ส่วนหนึ่งคือนิสัยของไข่ตุ๋นเองที่มักจะนิ่งเฉยเหมือนไม่สนใจใคร
อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องราวที่หวาน พี่สาวฝาแฝดพบเจอมาในอดีต เรื่องราวที่ไม่ควรจดจำ แผลร้ายที่ควรให้วันเวลาเป็นยารักษาแผลที่เกิดขึ้น แต่ไข่ตุ๋นรู้ดีว่าตัวของพี่หวานเองนั่นแหละ ที่เป็นคนกรีดแผลนั้นไม่ให้หายสักที
เมื่อพระอาทิตย์ตกดินหนุ่มตัวเล็กก็ออกจากที่พักตรงไปที่ร้านเหล้าเล็กๆ เปิดเพลงรุ่นคุณพ่อ ลูกค้าบางตา
"น้าเก้งสวัสดีครับ"
"เออ มาเข้าที่เลย วันนี้มีลูกค้าตั้งแต่ยังไม่หกโมงเย็น กูละเหลือเชื่อ"
ไข่ตุ๋นเข้าประจำที่เค้าน์เตอร์แคชเชียร์ งานที่ทำสัปดาห์ละ 2 วันคืนวันพุธกับพฤหัสบดี เพื่อให้พนักงานประจำได้หยุดงานตามกฎหมายกำหนด
ร้านนี้ เป็นของน้าเก้งน้องชายแท้ๆ ของแม่ ตอนนี้น้าเก้งอายุมากกว่า 40 ปีแล้ว อ้วนพุงพลุ้ยเหมือนคนท้อง 7 เดือน หัวล้านเข้าไปครึ่งหัว ดื่มได้เรื่อยๆ อ้างว่าเป็นเจ้าของร้าน ส่วนน้าสาวที่เป็นน้าสะใภ้ก็จมอยู่ในครัว แต่คนนั้นดื่มแก้วเดียวก่อนเริ่มงาน อ้างว่าถ้าไม่ดื่มจะทำอาหารไม่อร่อย
อาจเรียกได้ว่าน้าเก้งกับน้าสาวเป็นคนที่ไข่ตุ๋นพูดคุยให้ความเคารพและวางใจเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังมากที่สุด แต่ถึงจะบอกว่ามากที่สุด ก็ยังมีหลายเรื่องที่ไข่ตุ๋นไม่ได้เล่าให้ฟังเหมือนกัน
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างน้าทั้งสองคนกับหวานยิ่งห่างออกไปอีกไกล เพราะมาทีไรน้าก็มักจะให้หวานช่วยงาน ไม่ใช่ให้มานั่งดื่มเหล้า ดังนั้นหวานก็เลยเลิกมาที่ร้านนี้
ย้ำอีกครั้งว่านี่คือร้านเหล้าที่มีลูกค้าคือกลุ่มคนอายุมากกว่า 35 ปีไปจนถึงรุ่นเกษียณ
มุมหนึ่งของร้านเป็นตู้หนังสือกำลังภายใน ที่เปิดไฟสว่างให้อ่านหนังสือเสียด้วยซ้ำ
ส่วนเจ้าของร้าน 2 คนชอบทำท่าเหมือนมีลูกค้าแน่นร้านอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่มันค่อนไปทางโหรงเหรง
ที่สามารถดำเนินกิจการอยู่ได้เพราะลูกค้าประจำที่แวะมาดื่มสักคนละแก้ว หรือเบียร์สักขวดก่อนกลับบ้าน
แบบที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ดื่มกันยาวจนปิดร้าน ตั้งแต่ไข่ตุ๋นมาช่วยงานที่ร้านนี้ มันเคยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ก็เอาเป็นว่า ร้านของน้าเก้งอยู่ได้เพราะลูกค้าเก่าแก่ดั้งเดิมนี่แหละ
ลูกค้าโต๊ะใกล้ห้องน้ำร้องตะโกนเรียกน้าเก้งเพื่อสั่งอาหารเพิ่ม ทำให้ไข่ตุ๋นเงยหน้าขึ้นจากสมุดบัญชีเครื่องดื่ม แต่ดวงตากลมๆ กลับมองผ่านลูกค้าที่กำลังสั่งของไปที่ลูกค้าอีกคนที่นั่งดื่มเบียร์อยู่มุมห้อง พิจารณาจากรูปร่างหน้าตา น่าจะอยู่ราว 30 ถือว่าเป็นลูกค้าที่อายุน้อยที่สุดของร้านนี้แล้ว
พอไข่ตุ๋นมองมา ลูกค้าก็ยกมือเรียก หนุ่มตัวเล็กหยิบสมุดโน๊ตเล่มเล็กกับปากกาเดินไปหา
"ครับ"
"เบียร์อีกขวด"
ตากลม ๆ เหลือบมองแก้วเบียร์ที่พร่องไปนิดเดียว แล้วจดข้อความตามที่สั่ง
"ไก่อบเกลือด้วยมั้ยครับ"
ลูกค้าพยักหน้า ขณะที่น้าเก้งเอากระดาษที่จดคำสั่งของลูกค้าอีกโต๊ะมาส่งให้ "ตุ๋น ฝากเอาไปให้น้ามึงในครัวด้วย"
ไข่ตุ๋นรับกระดาษ แล้วหันมาทวนรายการที่สั่ง "เบียร์กับไก่อบเกลือนะครับ"
แต่เมื่อไข่ตุ๋นยกอาหารมาวางให้ เบียร์ในแก้วยังอยู่เท่าเดิม และอาหารก็ไม่พร่องไปแม้แต่นิดเดียว จนกระทั่ง 5 ทุ่มครึ่ง ไข่ตุ๋นเดินมาหาน้าชายที่นั่งคุยอยู่กับลูกค้าขาประจำอีกโต๊ะ
ไม่ต้องพูด แค่หันมาเห็นว่าหลานลุกมาหาน้าชายก็ยกมือ "จะกลับแล้วหรือ ไปบอกน้ามึงด้วย เขาจะได้เริ่มเก็บของในครัว"
หนุ่มตัวเล็กรับคำสั่ง แต่ยังหันไปมองลูกค้าที่มุมร้านอีกครั้ง เห็นว่ามองมาเหมือนเดิม จนกระทั่งเดินออกมาจากครัวจะหยิบกระเป๋าที่เค้าน์เตอร์ ลูกค้าคนนั้นถึงได้เดินมาบอกให้คิดเงิน
ไข่ตุ๋นยื่นบิลให้ รับเงินทอนเงินเสร็จ ก็เดินมาไหว้น้าชายกับน้าสะใภ้ แล้วออกมาที่รถ
เสียงต่ำๆ ทักทายอยู่ใกล้ๆ "รถรุ่นใหม่มันน่าจะเกินฐานะแคชเชียร์ร้านเหล้าทำงานวันละไม่ถึง 6 ชั่วโมง"
ไข่ตุ๋นตั้งท่าเตรียมพร้อม หันมามอง ลูกค้าคนนั้นก้าวเข้ามาหา มือใหญ่แตะที่รถท่าทางเหมือนชื่นชม
"มีธุระอะไร"
เมื่อมองดูใกล้ๆ ชายหนุ่มคนนี้อยู่ในขั้นหล่อมาก เพียงแต่สังหรณ์ในใจมันรุนแรงเกินกว่าที่จะมาชื่นชมคนหล่อ
"เป็นอะไรกับสกาว"
ไข่ตุ๋นไม่ตอบ แต่หันไปจะเปิดประตูรถ คนตัวโตเลื่อนตัวเข้ามายืนพิงประตู
หนุ่มตัวเล็กจิ๊ปาก ท่าทางรำคาญ
"สกาวอยู่ไหน"
"ไม่รู้"
ท่าทางของคนตัวโตไม่ได้เชื่อที่ไข่ตุ๋นพูดเลยสักนิด ทั้งกลับไปถามเรื่องเดิมอีกครั้ง "นี่รถของเธอ หรือของใคร"
"ของผม"
"แล้วสกาวล่ะ"
ไข่ตุ๋นขมวดคิ้วแน่น เหมือนริมฝีปากที่ปิดแน่นสนิท
ท่าทางของคนตัวโตยังคงดูเหมือนเล่นเกม "เอาอย่างนี้ โทรหาสกาว แล้วบอกเขาว่า ชิณณะ...มาถามหาของกับเงินที่ขโมยไป"
สีหน้าของหนุ่มตัวเล็กเปลี่ยนไปเพียงวูบเดียว แล้วก็กลับมาเฉยเมยไม่สนเหมือนเดิม ทำให้คนที่มาทวงเงินพูดต่อ
“รู้มั้ยว่าเงินกับของที่เขาเอาไปน่ะเท่าไหร่”
หนุ่มตัวเล็กยังคงไม่สนใจเช่นเดิม
“2 ล้าน”
ไข่ตุ๋นทำตาโต แต่ปิดปากสนิท ขณะที่คนตัวโตพูดต่อไป "เอามาคืนฉัน ก่อนที่ฉันจะแจ้งความ พรุ่งนี้ฉันจะมาเอาคำตอบ"
คนตัวโตออกคำสั่งแล้วหันกลับไป ไข่ตุ๋นกลอกตาครุ่นคิด "พรุ่งนี้ยังไม่ได้"
"แต่ฉันต้องการคำตอบภายในวันพรุ่งนี้"
ไข่ตุ๋นยังคงขมวดคิ้วแน่น "ไม่ได้ เพราะเขาไม่อยู่"
คนตัวโตเดินกลับมายืนอยู่ข้างหน้า เริ่มเชื่อว่าสกาวไม่อยู่จริงๆ "เขาไปไหน"
"ผมไม่รู้ เขามักจะบอกว่าไปที่หนึ่งแต่มีรูปถ่ายว่าไปเที่ยวอีกที่หนึ่งอยู่บ่อยๆ อาทิตย์หน้าค่อยมาเอาคำตอบ"
คนตัวโตแค่นเสียงหัวเราะ "อาทิตย์หน้า คิดว่าฉันโง่นักหรือไง กว่าจะถึงตอนนั้นเธอก็หนีหายไปไหนแล้วไม่รู้"
หนุ่มตัวเล็กกำหมัด พยายามระงับความไม่พอใจ "ทำไมผมต้องหนี ในเมื่อมันเป็นเรื่องระหว่างคุณกับพี่"
"งั้นเอาที่อยู่ของสกาวมาให้ฉัน"
"ก็บอกอยู่นี่ไงว่า ผมไม่รู้"
"แล้วเขาพักอยู่ที่ไหนในกรุงเทพฯ"
หนุ่มตัวเล็กกระตุกยิ้มมุมปากแบบเหยียดๆ "นี่คุณโง่ถึงขนาดที่โดนคนที่คุณไม่รู้แม้กระทั่งว่า บ้านเขาอยู่ไหน หลอกเอาเงินไปตั้ง 2 ล้าน"
คนตัวโตตอกกลับด้วยประโยคที่ทำให้ไข่ตุ๋นชาไปทั้งตัว "เพราะฉันรู้จักกับสกาวแบบที่ต้องเดินเข้าโรงแรม ถึงจะทำอะไรได้อย่างที่เราอยากทำ แต่ทำที่บ้านไม่ได้ไง”
ทั้งที่ตอนที่รับเบอร์โทรของชิณณะมา อาการตกใจของไข่ตุ๋นจะยังไม่ได้ดีขึ้นสักเท่าไหร่ แต่เพราะนิสัยที่เงียบไว้ก่อนทำให้ชิณณะมองว่า มันคือประหลาดใจที่ไม่ได้มากมาย
...พี่กับน้อง ไม่ต่างกันอย่างภาพที่เห็นภายนอกนักหรอก....
หวานกับสกาวคือคนๆ เดียวกัน เธอคือพี่สาวฝาแฝดหากนับตามเวลาคลอดไข่ตุ๋นเกิดก่อน แต่ตามความเชื่อไข่ตุ๋นคือน้องชายและหวานคือพี่สาว
เธอไม่เคยพอใจกับทุกอย่างรอบตัว ไม่ชอบแม้กระทั่งชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ ถึงกับเปลี่ยนชื่อเป็นสกาวเมื่ออายุ 20 ปี มีเพียงไข่ตุ๋นเพียงคนเดียวที่เรียกเธอว่าหวานแล้วไม่โดนด่ากลับ
บางทีสิ่งเดียวที่หวานพอจะชอบอยู่บ้างคงเป็นน้องชายฝาแฝดคนนี้
2 คนพี่น้องอยู่ด้วยกันตามลำพังที่คอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่เรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพราะไข่ตุ๋นสอบโควต้าได้ ส่วนหวานเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชน
เวลาผ่านไปจนข้ามมาถึงอีกสัปดาห์ หวานก็ยังไม่ติดต่อกลับมา ทั้งไม่กลับบ้าน เหมือนกับคนที่บอกว่าชื่อชิณณะ คนนั้นก็ไม่ได้มาที่ร้านน้าเก้งอีก มันก็พอจะหายใจได้คล่อง เพราะในเวลาที่ยังไม่รู้ว่าพี่สาวเอาเงินเอาของมาจริงหรือไม่ ถ้าเขามาทวงอีก ก็คงได้แต่ผัดผ่อนไปเรื่อย
แบบนี้มันเหมือนคนไม่มีความรับผิดชอบ
แต่จะให้ผลีผลามรีบใช้เงินให้เขา มันก็ไม่ถูกต้องอีก
จนกระทั่งวันหนึ่งที่มหาวิทยาลัย ไข่ตุ๋นเลิกเรียนเดินกลับมาที่รถแล้วเห็นคนๆ นั้นยืนอยู่
"ไง แค่เห็นฉันก็หน้าซีดเลยหรือ"
...ที่จริงสีหน้าของเด็กหนุ่มคนนี้ ไม่ได้ซีด เพียงแต่ดูเหมือนคาดไม่ถึงที่จะมาพบกันที่นี่...
...แต่พอพบกันเป็นครั้งที่ 2 มีความรู้สึกว่า อย่าตีความท่าทางและคำพูดของหนุ่มคนนี้ว่ามันจะตรงกับความรู้สึกที่แท้จริง..
"พี่หวานยังไม่ติดต่อมา" ไข่ตุ๋นบอกทันที
คนตัวโตขมวดคิ้วแน่น เพราะที่ผ่านมารู้จักหญิงสาวในชื่อสกาว แต่หนุ่มหน้าใสคนนี้เรียกเธอว่าหวาน
"มีอะไรหรือ พี่สาวมึงก่อเรื่องอีกแล้วหรือไง" มะพร้าวผู้หวังดียื่นหน้าเข้ามาถาม
มะพร้าวเป็นอีกคนที่รู้ว่า สกาวกับหวานคือคนๆ เดียวกัน
ไข่ตุ๋นไม่อยากให้เพื่อนรู้เรื่องเลยหันไปบอกกับชายหนุ่ม "ขอเบอร์คุณ ถ้าเขาติดต่อมาเมื่อไหร่ ผมจะบอก"
ดวงตาสีเข้มของคนตัวโตมองมาอย่างรู้ทัน รอยยิ้มที่ไม่น่าไว้วางใจฉายชัด ยังไม่ยอมบอกเบอร์โทร แต่กลับบอกชื่อร้านและเวลานัดตอน 2 ทุ่มแล้วหันกลับไปทันที
ไข่ตุ๋นถอนหายใจยาว หันไปบอกเพื่อนรักให้ขึ้นรถ ใจดีวนรถไปส่งเพื่อนถึงหน้าบ้านแล้วถึงได้กลับมาที่คอนโดฯ ตัวเอง เปิดลิ้นชักหยิบสมุดบัญชีมาเปิดดูตัวเลขที่มันมีอยู่ไม่ถึงล้านแล้วถอนหายใจอีกที
ตลอดเวลาของการคิดทบทวนเรื่องทั้งหมดครั้งแล้วครั้งเล่า และยิ่งเข้ามาที่ห้องพักในคอนโดฯ เห็นสภาพแวดล้อมในห้อง
ทุกสิ่งย้ำว่า สิ่งที่ชิณณะบอกคือความจริง
พี่สาวฝาแฝดคนนี้ใช้เงินเกินกว่าที่พ่อแม่ส่งมาให้ใช้ไม่รู้กี่เท่าตัว ทั้งกิน ดื่ม เที่ยว ซื้อของใช้ราคาแพง เป็นความฟุ่มเฟือยที่ทำให้ไข่ตุ๋นเป็นกังวลว่าพี่สาวเอาเงินมาจากที่ไหน แต่ถามไปพี่สาวก็ยักไหล่ไม่แคร์
ทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ช่วงก่อนเข้ามหาวิทยาลัย
เปลี่ยนไปเมื่อไข่ตุ๋นไปเฝ้าพี่สาวที่อยู่ในสภาพร่างกายบอบช้ำที่โรงพยาบาล
และเปลี่ยนไปมากขึ้นเรื่อยๆ นับจากนั้น ....
จอดรถไว้ที่ลานจอดด้านหลังร้านเสร็จ ไข่ตุ๋นพลิกโทรศัพท์ดูหน้าจออีกครั้ง ยังคงไม่มีโทรศัพท์จากพี่สาวคนที่หายไปเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว
อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าน้ำที่กำลังท่วมปาก กำลังไต่ท่วมสูงจนจะถึงจมูก ท่วมหัวอยู่รอมร่อ คือผู้ชายคนที่นัดมาเจอในวันนี้ เป็นคนแรกที่ตามหาหวานมาจนพบ แล้วมันก็คงไม่ยากหากเขาจะตามต่อไปจนถึงพ่อกับแม่
ถ้าเรื่องที่หวานเอาเงินเขาไปถึงหูพ่อกับแม่ มันก็ต้องโยงไปถึงเรื่องอื่นอีกมากมาย
ไข่ตุ๋นใช้กำปั้นเคาะที่หน้าผากของตัวเองก่อนก้าวลงจากรถเดินกลับมาที่ร้าน พบกับชายวัยใกล้เกษียณใกล้ประตูเข้าร้าน ที่หันมาทักทายอย่างคุ้นเคย เพราะเป็นลูกค้าประจำที่ร้านน้าเก้ง
"ไง วันนี้หนีน้ามาเที่ยวหรือไง ไข่ตุ๋น"
ไข่ตุ๋นยิ้มกว้าง ยกมือสวัสดี "ไม่ได้หนีครับ วันนี้วันหยุดผม"
"อย่าบอกนะว่าวัยรุ่นอย่างไข่ตุ๋นนัดกับเพื่อนที่ร้านนี้เหมือนรุ่นแรกอย่างลุง"
ไข่ตุ๋นยิ้มสุภาพ "ไม่เชิงเพื่อนหรอกครับ" หันไปเห็นคนตัวโตที่เดินตรงมาหา ท่าทางเดาได้ยากว่าออกมาจากร้าน หรือเดินมาจากลานจอดรถ
พอชายสูงวัยมองตามสายตาของไข่ตุ๋นไป ก็หันมาตบไหล่ "งั้นลุงเข้าไปก่อนนะ แล้วไว้เจอกันที่ร้าน"
"ครับ สวัสดีครับ"
ดวงตาสีเข้มมองเด็กหนุ่มตัวผอมบางคนที่ยืนรออยู่
เห็นรูปของเด็กหนุ่มคนนี้โดยบังเอิญจากภาพที่ปรากฏหน้าจอโทรศัพท์ ในตอนที่สกาวกดหมายเลขโทรออก ทำให้พอจะรู้คร่าวๆ ว่าสกาวมีน้องชายอยู่คนหนึ่ง แต่ไม่แน่ชัดว่าเป็นน้องชายแท้ๆ หรือลูกพี่ลูกน้อง
เมื่อรู้ตัวว่าโดนหลอก
ชิณณะถึงได้ให้เลขานุการส่วนตัวช่วยตามหาสกาว ทำให้รู้เรื่องมากกว่าที่คิด เพียงแต่ความโกรธที่โดนผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งหลอกเอาเงินเอาของไปเป็นล้านมันมีมากกว่า ถึงกับทำเป็นมองไม่เห็นเรื่องในอดีตของสกาว แล้วสนใจแต่การตามหาตัวให้พบ
โกรธ และไม่อยากเชื่อเลยว่า สกาวจะทำเรื่องแบบนี้ได้
ส่วนน้องชายของสกาวคนนี้ ตั้งแต่เห็นครั้งแรกที่ร้านเหล้าเก่าๆ ร้านนั้น ทั้งหน้าตาผิวพรรณ และลักษณะการพูดแตกต่างจากสกาวอย่างสิ้นเชิง ทำให้สองจิตสองใจว่าจะเป็นคนเดียวกับที่ได้ยินสกาวพูดโทรศัพท์ด้วย ถึงได้ถามไปว่าเป็นอะไรกับสกาว และทิ้งเวลาเพื่อตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งถึงได้รู้ว่านี่คือน้องชายฝาแฝดของสกาวจริงๆ
จนกระทั่งตอนที่เห็นว่ากำลังหัวเราะอยู่กับชายสูงอายุ กลับมีความหงุดหงิดไม่พอใจแผ่เป็นริ้วอยู่ในหัวใจ
ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่ามีสิทธิ์อะไรไปหงุดหงิดเขา
"ลูกค้าหรือ"
ไข่ตุ๋นไม่ตอบคำถาม เพราะน้ำเสียงของคนถามส่อแววไปทางอื่นมากกว่าการถามไปตามมารยาท มือผอมส่งสมุดบัญชีให้ "ผมมีอยู่เท่านี้"
คนตัวโตรับสมุดมาเปิดดูทำให้เห็นทั้งชื่อจริงและนามสกุล...นิยุต...เปิดผ่านไปจนถึงหน้าสุดท้าย มีเงินเก็บอยู่เกือบล้าน ชายหนุ่มผิวปากหวือ
"ใช้ได้สำหรับนักศึกษาที่มีอาชีพเสริม แล้วรถนั่นใครซื้อให้"
เด็กหนุ่มถอนหายใจแรงๆ "ขอหมายเลขบัญชีของคุณ ผมจะได้โอนเงินให้ ส่วนที่เหลืออีกล้านกว่าๆ ผมจะผ่อนคืน"
นิ้วใหญ่สอดคั่นไว้ที่หน้าแรกของสมุดบัญชีเมื่อยกขึ้นสูง
"เป็นอะไรกับสกาว"
"น้อง....เราเป็นแฝดกัน"
โอเค ข้อมูลเบื้องต้นคอนเฟิร์มไม่มีข้อสงสัยเรื่องนี้
"เขาอยู่ที่ไหน"
"ผมไม่รู้"
"แล้วที่ว่าไปเที่ยวล่ะ"
"ยังไม่กลับมา"
คิ้วหนาขมวดแน่น "ยังไม่กลับแล้วพ่อแม่ไม่ว่าหรือไง"
ไข่ตุ๋นเงียบกริบ ทำให้ชายหนุ่มเดาได้
"อยู่กันตามลำพัง 2 คนพี่น้องก็อย่างนี้ ต่างคนต่างหาเงินพิเศษใช้" ชายหนุ่มเน้นคำพูดต่อมา "ไม่รู้ว่าพ่อแม่เลี้ยงมายังไง"
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกับพ่อแม่ผม บอกเลขที่บัญชีคุณมา"
ชายหนุ่มเก็บสมุดบัญชีใส่กระเป๋าเสื้อ
"มันก็ยังขาดล้านกว่าๆ"
"ผมจะหามาใช้คุณไง"
"ให้เธอไปนอนกับคนอื่น หลอกเอาเงินของเขามาใช้ฉันน่ะหรือ" ทั้งสีหน้า ทั้งน้ำเสียงของคนตรงหน้ากำลังทำให้ไข่ตุ๋นอยากร้องตะโกน ว่าเมื่อไหร่จะเลิกคิดไปเอง แต่ที่ทำได้คือกำหมัดแน่น พยายามนับหนึ่งถึงร้อย
"มาทำงานให้ฉันแล้วกัน เริ่มตั้งแต่วันนี้" ดวงตาสีเข้มหันไปมองรถที่จอดอยู่ "เอารถไป 2 คันคงไม่เหมาะ เธอเอารถกลับไปเก็บที่ที่พักของเธอแล้วไปรถฉัน"
"นี่!"
คนตัวโตเดินหลังตรงกลับไปที่รถ ทำให้ไข่ตุ๋นต้องรีบกลับไปที่รถของตัวเองบ้าง
...เอารถไปเก็บบ้านไอ้มะพร้าวได้มั้ยวะ แต่ถ้าเกิดวันหน้า เขาไปดักที่บ้านไอ้มะพร้าว มันก็ต้องรู้แน่ๆ ว่าพี่หวานไปทำอะไรไว้ แต่ถ้าเอาไปเก็บที่คอนโดฯ เขาก็ยิ่งดักได้ถูก ทีนี้ก็จะตามไปถึงห้องพัก เกิดเจอกับพี่หวานขึ้นมาวันไหน คงได้แย่กว่าเดิม
"เฮ้ย สมุดบัญชียังอยู่ที่เขา โธ่โว้ย เจอพ่อกับแม่ละก็เรื่องใหญ่ ซวยที่สุดของที่สุดแล้ว"
=======จบตอนที่ 1=====มันสับสนงุนงง และแสนจะอึมครึมใช่มั้ยครับ
ผมก็ว่างั้น
อยากจะสะ-ปอยตั้งแ่ต่ตอนแรก แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสะ-ปอยอะไรดี เพราะขะมายคนเขียนเขามาลง เพราะเขาไม่อยู่ เขียนเสร็จตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าจะดองไว้ทำอะไร 5555555555555
พบกันอีกครั้งวันอาทิตย์นะครับ
พี่ไจฟ์คนเขียน ทีคนหล่อมากเป็นคนอัพทู๊ยู~~~