Unbelievable Love [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ขอฝากหน่อย - ซาวเสียงคนที่อยากให้รวมเล่ม 'เป็นได้แค่ตัวแทน' และ 'ตัวจริงคือเธอ' อีกรอบ

รวมเล่ม
156 (88.1%)
เรื่องไรวะ ไม่รู้จัก 555+ (ดูที่ลายเซ็นคนเขียน)
21 (11.9%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 152

โพลล์

รบกวนโหวตรวมเล่ม Unbievable+Unintentional อีกครั้ง TT_TT ขอโทษๆๆๆ

Unbelievable only
21 (8.5%)
Unintentional only
10 (4%)
Unbelievable + Unintentional
217 (87.5%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 218

ผู้เขียน หัวข้อ: Unbelievable Love [END]  (อ่าน 849650 ครั้ง)

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
Re: Unbelievable Story : Chapter 2 - 12/08/12
«ตอบ #30 เมื่อ14-08-2012 12:32:31 »

สนุกคะ รออ่านตอนต่อไปคะ :pig4:

ออฟไลน์ rainbow67

  • Life is like a rainbow. You need both the sun and the rain to make its colors
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +763/-15
Unbelievable Love : Chapter Three
«ตอบ #31 เมื่อ19-08-2012 22:15:30 »

UNBELIEVABLE LOVE

Chapter Three

 

 

“โอเด้เพื่อนเอ๋ยคือดั่งเคยกันนั้น สังสรรค์กันจั๊กหว่าง… ในเวลาว่างๆมาแกล้มฮ่วมกัน บรรยากาศอยู่นา… หลายคนมาเทิงเล่นลมเย็นๆได้พัดพาเหล้าเด็ดๆอยู่บ้าน…”

เสียงมือถือของผมเองครับ…ใครวะมากวนเวลากิน กำลังอร่อยเลย“ครับ”

[อยู่ไหน] เสียงเฮียแพทนี่หว่า แต่เบอร์นี้ไม่ใช่เบอร์เฮียแก ผมก็แกล้งทำเป็นจำไม่ได้ เพื่อชะลอเวลา หาข้ออ้าง “เอ่อ... ใครครับ”

[นี่มึงจำเสียงพี่มึงไม่ได้รึไง หา]

“โทษครับ ผมเป็นลูกคนโตครับ ไม่มีพี่”

[อย่ามากวนตีน บอกมา อยู่ไหน]

ได้ยินน้ำเสียงหงุดหงิดๆ ของเฮียแกแล้วชักเสียวสันหลัง เลยต้องเลิกเล่นลิ้น “อยู่เซ็นทรัล”

[ไปทำไรเซ็นทรัล]

“ก็... มาเดินเล่น”

[แล้วมึงไม่มีเรียนเหรอวันนี้]

“เอ่อ...”

[มึงโดดอีกแล้วใช่มั้ย]

“ก็วิชามันน่าเบื่อ”

[กูเห็นมึงเบื่อทุกวิชาแหละ มีวิชาไหนมั่งที่มึงไม่เบื่อ]

“ก็วิชานี้มันมีตั้งสามพีเรียดติดๆ กัน ใครจะไปเรียนไหว” คือ ผมเข้าไปแล้วครับ แต่พอเช็คชื่อเสร็จก็ออกมา วิชานี้ไม่มีอะไร อาจารย์ก็บรรยายไป นักศึกษาก็นั่งหาวไป ผมเคยทนเรียนอยู่ในช่วงแรกๆ ไม่เห็นได้ไรเข้าหัวมาสักนิดเดียว เพราะมันเบื่อไง ใจจรดใจจ่อแต่ว่าเมื่อไหร่จะเลิกว้าาา เลยไม่สนใจเรียน

ดังนั้น ถึงจะโดดหรือไม่โดดก็มีค่าเท่ากัน ผมจึงคิดว่าโดดออกมาเดินเล่นยังจะมีประโยชน์ซะมากกว่า…

[ไมจะไม่ไหว คนอื่นเขาก็เรียนกันได้ มีแต่มึงนี่แหละที่เรียนไม่ไหว แม่ง โดดประจำ เดี๋ยวกูจะฟ้องพ่อมึง]

“ฟ้องไม พ่อเขาไม่สนหรอก แค่ไม่ตกก็พอ” เรื่องจริงครับ จะโดดจะเกยังไง พ่อผมไม่เคยว่า ขอแค่อย่าให้ตกหรือโดนเรียกผู้ปกครองเท่านั้น

[เออ ดีเว้ย บ้านนี้] เฮียแกบ่น เห็นอย่างนี้เฮียแพทอะ โคตรจะขยันเลยนะครับ ตั้งใจเรียนมาก ให้กินเหล้าเมามายขนาดไหน ก็ต้องถ่อสังขารไปเรียนจนได้ พอๆ กับพี่พิทเลย พี่ปลายก็ด้วย รายนั้นเกียรตินิยมเห็นอยู่รำไร มีก็แต่ผมที่แหละนอกคอกอยู่คนเดียว...

[แล้วจะกลับกี่โมง]

“อีกสักพักแหละ ว่าจะดูหนังก่อน”

[ดูกับใคร]

“ดูคนเดียว”

[ซื้อตั๋วยัง]

“ยัง”

[งั้นก็อย่าเพิ่งซื้อ เดี๋ยวกูเรียนเสร็จแล้วจะไปดูเป็นเพื่อน]

“แล้วเฮียจะเรียนเสร็จกี่โมง”

[สี่โมง]

“อึ้มม...” ตอนนี้บ่ายสองครับ เฮียแพทเรียนเสร็จบ่ายสี่โมงเย็น กว่าจะออกมาจากห้อง กว่าจะไปเอารถ แล้วกว่าจะขับรถมาอีก คาดว่าน่าจะมาถึงนี่สักห้าโมงเย็น แล้วสามชั่วโมงที่เหลือจะให้ผมไปทำไรล่ะครับ “ผมดูคนเดียวดีกว่ามั้ง เฮียไม่ต้องลำบากหรอก”

[ไม่ลำบาก กูเต็มใจ]

แต่ผมลำบากครับเฮีย สามชั่วโมงจะให้ผมไปรอเฮียตรงไหนล่ะครับ แต่.... “ก็ได้ แล้วรีบมานะ”

 [เออๆ แค่นี้ก่อนนะ ก็ต้องรีบไปเรียนแล้ว] แล้วก็ตัดสายไป โดยไม่รอให้ผมตอบ นิสัยเหมือนไอ้คนที่บ้านผมเลย...

 

ผ่านไปเกือบชั่วโมง เดินเล่นจนปวดขา... ไม่ไหวแล้ว ต้องหาที่นั่งพอดีหันไปเห็นร้านไอศกรีมร้านหนึ่ง ที่เฮียแพทเคยซื้อให้กิน อร่อยดี อร่อยกว่าไอศกรีมทั่วๆ ไป….

ผมไม่รู้หรอกว่ายี่ห้อมันอ่านว่าอะไร ส่วนคนซื้อให้กินบอก อ่านว่า 'แหกก้นแดก'

…ใครจะไปเชื่อวะ ถึงผมจะซื่อ แต่ก็ไม่ได้โง่นะเว้ย

ตอนเฮียแกซื้อให้กินก็อร่อยดี แต่พอมาซื้อเอง.... เชี่ย ไอติมบ้าไรวะ แพงชิบเป๋งมึงจะขายไปสร้างบ้านรึไง

โอเค อร่อย แต่มันต้องแพงขนาดนี้เลยเหรอ จานนี้จานเดียว ผมซื้อไอติมใส่ข้าวเหนียวหนมปังได้หลายสิบเลยอะ เสียดาย...

และขณะที่ผมกำลังนึกบ่นราคาแพงเว่อร์ของไอศกรีม ‘แหกก้นแดก’ อยู่ในใจ เก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ถูกเลื่อนออก… แล้วใครคนหนึ่งก็ถือวิสาสะนั่งลงโดยไม่รอคำเชิญ

ผมเงยหน้าขึ้นมองแขกไม่ได้รับเชิญตาค้าง… อะไรของมัน มีมั้ย ที่จะขอหรือถามหรือพูดอะไรสักอย่างก็ได้ให้เจ้าของโต๊ะเขารู้ว่าอยากนั่งด้วย

แต่ดูมันดิ พอนั่งลงปุ๊บ ก็กดเกมส์ในไอโฟนเล่นปั๊บ ไม่สนใจใคร กระทั่งคนที่นั่งอยู่กับมัน ผมเลยบอก “ครับ อนุญาต”

มันเหลือบตามามองแว๊บเดียว แล้วก็หันไปสนใจเกมส์ต่อไม่พูดอะไร แต่ผมก็ตาไว แอบเห็นมุมปากมันกระตุกขึ้นนิดหนึ่ง... ขำไรวะ

ผ่านไปสักครู่มันก็ชะงักนิ้วที่กำลังกดเกมส์เล่นยิกๆ แล้วเหลือบมองจานไอศกรีมที่อยู่ตรงหน้าผม“ไม่กิน?”

“เฮ้ย!ไอติม” ผมรีบก้มลงมองจาน แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ของเขาดีจริงๆ ครับ ไม่ละลายเลย…

แล้วผมก็ตั้งหน้าตั้งตาตักไอศกรีมเข้าปาก ไม่สนใจเสียงหัวเราะหึๆ ของไอ้คนที่นั่งตรงข้าม เพราะถึงจะดียังไง ก็มีสิทธิ์ละลายได้ มันแพงอะ เสียดาย…

นั่งกินไอศกรีมสลับกับเหลือบมองไอ้คนที่นั่งตรงข้ามไปด้วย… อะไรของมันสรุปมึงจะมานั่งเล่นเกมส์แค่นี้ใช่มั้ย กูงง

พอกินเสร็จผมก็นั่งมองหน้ามัน แต่มันก็เล่นเกมส์เฉย “นาย… มีไรเปล่า”

“อิ่มแล้ว?”

จะอิ่มได้ไง ไม่ใช้ข้าว… แง่ว แค่ความคิดครับ กลัวมันเตะเอา เลยแค่พยักหน้าเฉยๆ

พอผมพยักหน้า มันก็ลุกขึ้นหยิบบิลเดินไปที่เคาน์เตอร์“เฮ้ย เดี๋ยว” วิ่งมาทันตอนที่มันจะยื่นบิลให้พนักงานพอดี เลยรีบคว้าคืนมา แต่มันก็ไวมาก ดึงกลับคืนไป แล้วก็ถามผมงงๆ “อะไร?”

มึงจะงงอะไร กูสิต้องงง อยู่ดีๆ ก็มานั่งด้วย กินไรก็ไม่ได้กิน แล้วยังจะมาจ่ายเงินให้อีก “เดี๋ยวจ่ายเอง”

อีกครั้ง ที่มันทำหน้ารำคาญ ก่อนจะยื่นบิลให้พนักงานพร้อมแบงค์ห้าร้อย แล้วไม่รอตังค์ทอน ลากผมออกมาจากร้านทันที…

 

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”

เสียงหัวเราะของคนอื่นๆ ที่อยู่ในโรงครับ จริงๆ มันเป็นหนังแอคชั่น แต่ก็มีช่วงที่ตัวละครยิงมุกใส่กัน ก็เลยมีเสียงหัวเราะอย่างที่ได้ยินนี่แหละ…

ครับ ผมอยู่ในโรงหนัง โดนไอ้คนที่นั่งกอดอกหลับตาอยู่ข้างๆ ลากมา… มันให้เหตุผลว่า ได้ตั๋วฟรีมา หมดอายุวันนี้ ถ้าไม่ใช้ก็เสียดาย และมันก็ไปนั่งเป็นเพื่อนผมกินไอติมแล้ว ดังนั้นผมก็ต้องมานั่งเป็นเพื่อนมันดูหนังเช่นกัน

แล้วมันก็… มานอนหลับอยู่ในโรง

อะไรของม๊าน!

 

และเมื่อหนังจบ… จนคนลุกออกไปเกือบหมดโรงแล้ว ไอ้คนข้างๆ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ผมเลยต้องเขย่าเรียก “นาย… ตื่นๆ”

มันกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะลืมตางัวเงียๆ “จบแล้ว?”

“จบแล้ว” ผมบอก แล้วรีบยื่นมือไปคว้าแขนมันไว้ เมื่อมันยืนขึ้นแล้วเซหน่อยๆ นี่มึงหลับ หรือเมากันแน่วะเนี่ย

พอออกไปนอกโรง เจอแสงสว่าง… ตามันแดงแจ๋เลย เหมือนคนที่นอนยังไม่เต็มอิ่มอะ ไปทำไรมาวะ

“เข้าห้องน้ำมั้ย” มันถาม แล้วพอผมส่ายหน้า มันก็ยื่นกระเป๋าตังค์กับไอโฟนให้แล้วบอก “รออยู่นี่” ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

ฝากทำไมวะ กระเป๋ากางเกงก็มี งงกับมันจริงๆ

รออยู่ไม่นานมันก็เดินออกมา… หน้าตาสดใส ตามไรผมเปียกชื้นนิดๆ แสดงว่าคงเข้าไปล้างหน้ามา

“สนุกมั้ย” มันถามขณะที่กำลังเดินลงบันใดเลื่อน

“สนุกมาก” ผมบอก เสียดายแทนมัน อุตส่าห์ได้ตั๋วมา “แล้วหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”

“ตั้งแต่โลโก้พาราเมาท์ พิคเจอร์สขึ้น” มันบอกพร้อมกับดึงแขนผมให้หลบคนที่อยู่ข้างหลังซึ่งเอ่ยขอทางเบียดลงมา“โทษครับๆ”

แล้วพอลงไปถึงข้างล่าง พี่แกก็หยุดเดินธรรมดาเหมือนเดิม แล้วกี้นี้จะรีบไปไหนวะ นี่ถ้ามากับไอ้พัน มันจะต้องบอก ‘แม่ยายถูกหวยจะรีบไปขอส่วนแบ่ง’

พอเดินลงมาถึงชั้นจี ผมก็บอก “เอ่อ… งั้นเรา…กลับก่อนนะ”

“ไปกินข้าวก่อน” อารายอีกวะเนี่ย

ผมส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่หิว”

“ไม่หิวก็ไปนั่งเป็นเพื่อนหน่อย”

…แม่ง บังคับกูอีกละ

 

ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าๆ ในการเดินทางไปร้านอาหาร… มาซะไกลเลย ในห้างก็มีทำไมไม่กินว้า

ระหว่างเดินตามพนักงานต้อนรับไปที่โต๊ะ ผมก็กวาดตามองสำรวจรอบๆ ร้านไปด้วย… เป็นบ้านเก่าทรงสเปนที่ถูกนำมาดัดแปลงและทาสีใหม่ สวนรอบๆ ถูกตัดแต่งจนสวย “ข้างนอกก็น่านั่ง”

“ร้อน” คนที่ลากผมมาบอกสั้นๆ ก่อนจะเสริมตอนหลัง“สักเดือนธันวาถึงจะนั่งสบาย”

พนักงานต้อนรับหยุดยืนตรงโต๊ะใกล้หน้าต่างตัวหนึ่งแล้วผายมือเชิญนั่ง ก่อนจะวางเมนูลงตรงหน้าพวกเราคนละเล่ม“ประเดี๋ยวจะมีพนักงานมารับออเดอร์นะคะ”

ผมเปิดเมนูอาหารอ่านเล่นๆ ไม่ได้ตั้งใจจะสั่ง… แต่ละรายการน่ากินๆ ทั้งนั้น

“พุ จะสั่งอะไร?” คนที่นั่งตรงข้ามเอ่ยถามเมื่อมีพนักงานมารับออเดอร์แล้วผมยังเปิดเมนูดูไม่เลิก

ปิดเมนูเข้าหากัน ผมมองคนถามแล้วสั่นศีรษะปฏิเสธ “ไม่กิน”

“ไม่กินก็สั่งให้หน่อยสองอย่าง” บังคับอีกละ

แต่ผมก็ยอม “สั่งอะไรไปบ้างแล้วอะ”

“ไก่ผัดซอสมะขามปลากะพงทอดสมุนไพรกับเต้าหู้ทรงเครื่องครับ” พนักงานเป็นคนตอบแทน

“มีแต่แห้งๆ” ผมเปรยขึ้นมาขณะที่เปิดเมนูดูรายการอาหารใหม่ “งั้นเอานี่ป๊ะ ต้มยำกุ้ง”

เสียงหัวเราะหึๆ ดังมาจากฝั่งตรงข้าม ก่อนเจ้าของเสียงหัวเราะจะว่ายิ้มๆ “เมนูประจำชาติ”

“แล้วจะเอาป่ะล่ะ”

“ถ้าไม่เอาจะโดนต่อยมั้ย” อีกฝ่ายถามยิ้มๆ

เพิ่งจะรู้สึกว่าคำถามตัวเองนักเลงมาก ผมรีบแก้ตัว “เอ้ย หมายถึง ถ้าไม่เอาก็จะได้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น”

“หึๆ เอาต้มยำกุ้งก็ได้”

ไม่สนใจน้ำเสียงกลั้วหัวเราะที่ได้ยิน ผมมองหารายการน่ากินอีกอย่าง “เอาผักมั่งนะ ผัดยอดฟักแม้ว?”

เมื่อคนให้สั่งพยักหน้าอนุมัติ พนักงานก็จดลงไปแล้วขอทวนเมนู ก่อนจะขอตัวเมื่อได้รับออเดอร์เรียบร้อยแล้ว

ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ ไม่อยากนั่งมองหน้ากันเฉยๆ ผมก็ชวนคนที่นั่งตรงข้ามคุยคลายความอึดอัด “นายเรียนคณะอะไร เกษตร?” เดาจากกระถางต้นไม้นานาพันธุ์ที่อยู่ตรงกระบะหลังครับ วันนี้มันไม่ได้เอามอเตอร์ไซค์มา แต่เป็นกระบะมีแคปแทน

อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่พยักหน้าแทน“แล้วมึง?”

“บริหาร”

“บริหารอะไร” อันนี้คือมันกวนหรือว่าอยากรู้จริงๆ วะเนี่ย... และมันคงเห็นผมทำหน้าอึนๆ มึนๆ เลยขยาย “เอกอะไร”

“อ๋อ” เก็ทแล้วครับ “บัญชี”

แล้วหลังจากนั้นผมก็ได้รู้ว่ามันเรียนเกษตร สาขาพืชไร่ เพราะมันมีไร่อยู่ต่างจังหวัด ส่วนเพื่อนมัน ไอ้เกียร์อะครับ เรียนการบิน เพราะอยากออกไปสำรวจอวกาศกับองค์การนาซ่า... พูดแล้วก็ขำเอง แสดงถึงความเชื่อมั่นในตัวเพื่อนมาก

เอิ่ม… นิดหนึ่งครับ ผมบอกหรือยังครับว่าไอ้คนลากผมมาด้วยเป็นใคร

แต่ถึงไม่บอกก็น่าจะเดากันได้เนอะ ว่ามันคือ… ไอ้เล่ย์

รอไม่นาน อาหารที่สั่งไปก็ถูกทยอยลำเลียงมาเสิร์ฟ ไอ้เล่ย์พยักหน้าให้ลงมือ แต่ผมสั่นศีรษะปฏิเสธ “ไม่เป็นไร กินเลย”

“กินด้วยกัน” คนชอบบังคับบอกแล้วตักไก่ผัดซอสมะขามใส่จานให้

ตอนแรกว่าจะชิมพอไม่ให้เสียมารยาทเฉยๆ แต่พอได้ลิ้มรสชาติของอาหาร น้ำย่อยในกระเพาะก็ช่วยกันทำงานอย่างครื้นเครง“อร่อยดี” ผมบอกคนตักหลังจากกลืนไก่ลงคอเรียบร้อยแล้ว

มันยิ้มพอใจ แล้วตักกับข้าวอีกอย่างมาใส่จานให้ “อันนี้ก็อร่อยของขึ้นชื่อร้านเขา”

“อะไร?” เหมือนจะเป็นเนื้อปลา

“ปลากะพงทอดสมุนไพร”

“อ๋อ” ผมพยักหน้า จำได้ว่าพนักงานทวนให้ฟังอยู่เหมือนกัน“ทำไมรู้อะ มาบ่อยเหรอ”

“สองสามครั้ง” อีกฝ่ายบอก แล้วทำท่าจะตักกับข้าวอีกอย่างมาให้ ผมจึงรีบร้องห้าม “เอ้ย พอแล้ว นายกินเถอะ เดี๋ยวเราตักเอง”

แต่ฟังซะที่ไหน ตักมาใส่จานให้จนได้ “นี่ก็อร่อยเต้าหู้ทรงเครื่อง”

“อร่อยก็กินเองบ้างดิ” ผมว่าพร้อมกับตักกับข้าวใส่จานให้มันบ้าง ก็ปลากะพงทอดสมุนไพรที่เจ้ามือเขาบอกว่าเป็นอาหารขึ้นชื่อของร้านนั่นแหละ“อ๊ะ ตักให้”

ไอ้เล่ย์ยกยิ้ม ไม่พูดอะไร แต่ยอมตักอาหารคำแรกเข้าปาก

นั่งกินกันไปคุยกันไปจนอิ่ม จากที่ตอนแรกแค่จะชิมกลายเป็นว่าผมกินเยอะกว่าไอ้เล่ย์ซะอีก เพราะอีกฝ่ายคอยแต่จะตักกับข้าวมาใส่จานให้เรื่อยๆ

และเมื่ออาหารมื้อนั้นผ่านพ้นไป ไอ้เล่ย์ก็ได้รู้อัตถะชีวประวัติของผมไปเรียบร้อย ตั้งแต่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องกี่คน ชื่ออะไรกันบ้าง เป็นคนจังหวัดอะไร เรียนจบมาจากที่ไหน แล้วอนาคตอยากเป็นอะไร บลาๆๆ เยอะแยะมากมาย

แต่ของมัน… ผมก็รู้แค่เท่าที่บอกไปกี้นี้แหละ เพราะส่วนมาก คนที่พูดจะเป็นผม

…เวลาเกร็งหรือประหม่าผมจะพูดเยอะครับ ถามมาคำ ผมตอบไปสิบคำ

 

เมื่ออิ่มหนำสำราญกันแล้ว คนที่ลากผมมากินข้าวด้วยก็ขับรถไปส่งที่หอพักเป็นครั้งที่สามตั้งแต่เจอกัน

“รอแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวขึ้นไปเอาชุดมาให้” ชุดที่ยืมใส่มาวันนั้นอะครับ เกือบลืม

แต่เจ้าของชุดกลับบอก “เก็บไว้ก่อน เดี๋ยวมาเอา”

“อ้าว ไมอะ จะรีบกลับเหรอ?”

“อืม” อีกฝ่ายงึมงำในลำคอเหมือนไม่อยากจะตอบ… ไม่รู้ว่าเหนื่อยหรือรำคาญ

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ผมก็ไม่คิดจะรั้งไว้ จึงกล่าวลา “ขอบคุณนะ” วันนี้ได้มีโอกาสขอบคุณมันแบบเต็มๆ คำซะที ไม่ใช่ว่ามันเปลี่ยนนิสัยหรอกครับ แต่เป็นเพราะผมยังไม่ได้ปิดประตู มันเลยซิ่งหนีไม่ได้ กร๊ากก

นึกว่าปิดประตูแล้วมันจะซิ่งรถออกไปเหมือนทุกที แต่ครั้งนี้มันกลับจอดรอ จนกระทั่งผมเดินเข้าไปในตัวอาคารแล้วหันกลับไปมองก็ยังเห็นว่ายังจอดอยู่… งง แต่ก็ชั่งมันเถอะ ง่วงแล้ว

 

ขึ้นห้องไปอาบน้ำนอน… แต่ก็หลับไม่ลง ในใจเหมือนมีอะไรที่ยังค้างคาอยู่แต่พยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออก

ลืมอะไรว้า….

ลืมอะไร….

รู้สึกกระสับกระส่าย ผมนอนพลิกไปพลิกมา… ก่อนลุกพรวดพราดขึ้นมานั่ง เมื่อนึกออกว่าลืมอะไร

ชิบเป๋งแล้ว

ลืมเฮียแพท!!!

 

+++++unbelievablelove+++++

ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2013 01:59:37 โดย rainbow67 »

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #32 เมื่อ19-08-2012 22:53:02 »

ซวยแน่ลืมเฮียแพทซะได้ 555

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #33 เมื่อ19-08-2012 23:04:17 »

ลืมเฮียแพทได้ไงอ่ะ


ออฟไลน์ naisojill

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #34 เมื่อ19-08-2012 23:17:09 »

ไอ๊ย๊า แล้วแบบนี้เฮียแพทไม่กระโดดทีบเอาเล๊อ

อิอิ รอตอนต่อไปจร้า




ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #35 เมื่อ19-08-2012 23:24:35 »

เฮียแพทเลยเป็นพ่อสายบัวรอเก้อ

ออฟไลน์ cho_co_late

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #36 เมื่อ19-08-2012 23:33:37 »

พุลืมเฮียแพทซะได้ ระวังเฮียจะงอน 5555

พุเสน่ห์แรงแท้ คนชอบเยอะแยะ  :-[

เล่ย์นี้เหมือนจะเจอกับพุบ่อยๆนะ สตอกเกอร์รึเปล่านะเรา 5555


ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #37 เมื่อ20-08-2012 02:10:34 »

ตายละๆ คุณน้องลืมเฮียแพทได้ยังไงเนี่ย
พี่แกนัดก่อนเสียอีก รอเก้อไปเลยเน้อ
นายเล่ย์นี่ยังไงๆนะ คล้ายจะมาถูกที่ถูกจังหวะหลายครั้งละ
เดาออกตั้งแต่เลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งปุ๊กลงไปแล้วล่ะว่าใคร ในเรื่องนิสัยประมาณนี้น่าจะมีฮีคนเดียว
มีไปดูหนัง กินข้าว นั่งเป็นเพื่อนกินติม ไปส่งที่หอ แถมยังจอดรถอยู่รอจนเขาขึ้นอาคารไปปลอดภัย
แหม ทำขนาดนี้มันก็น่าคิดกันบ้างแหละนะ รอติดตามต่อจ้า

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #38 เมื่อ20-08-2012 09:11:53 »

ฮ่าๆเฮียแพทโดนลืม  น่าสงสารเฮีย คนเขียนคราหน้าขอเฮียแพทแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยหน่อยน้าาา
สงสาร  พาร์ทนี้ได้ออกโรงแต่เสียง

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #39 เมื่อ20-08-2012 13:33:22 »

เฮียแพทจะไม่ตามมาคิดบัญชีถึงห้องหรือจ๊ะ :z1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
« ตอบ #39 เมื่อ: 20-08-2012 13:33:22 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ju

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-2
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #40 เมื่อ20-08-2012 13:48:04 »

แอ๋....

ลืมเฮียแพทซะละ

แล้วเล่ย์นี่กำลังจีบอยู่รึเปล่าเนี่ย ?

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #41 เมื่อ20-08-2012 14:06:00 »

กฎสูงสุดบัญญัติไว้ว่า
โทษของการลืมเฮียแพทคือ "หัวหลุดจากบ่า"
55555555+

shockoBB

  • บุคคลทั่วไป
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #42 เมื่อ20-08-2012 21:38:14 »

ลืมเฮียซะงั้น พุจะโดนไรป่าวเนี่ย 5555

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #43 เมื่อ20-08-2012 22:08:26 »

คนทั้งคนลืมได้ไง..ไม่มีใครเข้าทำอย่างง้านนนน ♫  :m27:

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #44 เมื่อ22-08-2012 08:39:07 »

ดูเหมือนเล่ย์จะเป็นพระเอก หุหุ

ออฟไลน์ tay028643904

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #45 เมื่อ23-08-2012 20:56:12 »

จิ้มหนึ่งที!
+1 ((:
มาต่อไวๆน้ะครับ :z2:

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #46 เมื่อ23-08-2012 21:21:04 »

เจอผู้ชายละ ลืมพี่ลืมเชื้อเลยนะ 55

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #47 เมื่อ23-08-2012 22:01:52 »

ฟินน่าเร่ นายเอกน่ารัก

ออฟไลน์ JingJing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 552
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #48 เมื่อ23-08-2012 22:59:12 »

น้องพุน่ารักกกกกกกกกกแต่ลืมเฮียเฉยเลยน้า
เฮียแพท ตกลงเฮียเป็นพระรองเกาหลีใช่มั๊ย สงสารเฮียเบาๆ :m17:


ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
«ตอบ #49 เมื่อ23-08-2012 23:14:49 »

เล่ย์น่าหลง :o8:

ลืมเฮียได้ยังไง
นี่เราอ่านมา ทั้งนั่งกินไอติม"แหกก้นแดก"  ทั้งไปดูหนัง ทั้งไปกินข้าว จนกระทั่งกลับมาถึงหอ
ยังนึกอยู่เลยว่าแล้วไอ้สามชั่วโมงที่จะต้องรอเฮียล่ะ หายไปไหนแล้วว
จะโดนเฮียเฉ่งไหมเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Unbelievable Story : Chapter 3 - 19 Aug 12
« ตอบ #49 เมื่อ: 23-08-2012 23:14:49 »





ออฟไลน์ rainbow67

  • Life is like a rainbow. You need both the sun and the rain to make its colors
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +763/-15
Unbelievable Love : Chapter Four
«ตอบ #50 เมื่อ25-08-2012 00:32:30 »

UNBELIEVABLE LOVE

Chapter Four

 

 

เพราะผมถือคติที่ว่า ลูกผู้ชาย ทำแล้วต้องกล้ารับ… วันนี้ผมจึงตั้งไว้ว่าจะยอมโดนด่า แต่ยังไงก็ต้องมาขอโทษเฮียแพทให้ได้ แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ผมเดินจนทั่วคณะ กระทั่งเลยไปมนุษย์มาด้วยก็ยังไม่เจอตัวแก เห็นแต่พี่รหัสผมที่กำลังกินข้าวอยู่ที่โรงอาหารเท่านั้น“พี่พิท”

พี่พิทเงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าว “ไร?”

“เห็นเฮียแพทป๊ะ”

“เห็น” แล้วไมผมไม่เห็นวะ เดินจนขาลากแล้วเนี่ย “อยู่ไหนอะ”

พี่แพทหยุดกินข้าว แล้วมองหน้าผมตรงๆ “มึงอยากเจอเฮียแพททำไม”

“ก็…อยากคุยด้วย” โทรไปเฮียแกก็ตัดสายทิ้ง เลยต้องตามหาตัวเป็นๆ

“เอาไว้ค่อยคุย ตอนนี้อย่าเพิ่งไปยุ่งกับแกดีกว่า”

“ไมอะ”

“เห็นบอกว่าเมื่อวานนัดหมาไว้ แล้วหมามันผิดนัด”

“เอิ่ม หมาเลยเหรอ” ท่าทางจะโกรธมาก…

เมื่อวานพอผมนึกได้ว่าลืมอะไรก็รีบลุกไปเอามือถือมาดู แต่ปรากฏว่าแบตหมด ไม่รู้เหมือนกันว่าหมดตั้งแต่ตอนไหน ซึ่งจะเป็นตอนไหนก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือมันทำให้เฮียแพทติดต่อผมไม่ได้

แล้วผมก็ดันลืมที่นัดกับเฮียแกไว้ไงวะ… ฮือ อยากจะร้องไห้

พี่พิทมองหน้าผมแล้วก็หัวเราะ “หึ หึ กูว่าแล้วหมาที่ไหน มึงนี่เอง”

“ไม่ได้ตั้งใจ มันลืมจริงจริ๊ง” ผมบอกเสียงอ่อย พยายามหาพวกแม้จะรู้ตัวเองผิดเต็มประตู

พี่พิทหยิบฝาโออิชิขว้างใส่ผม “มึงอายุเท่าไหร่ นัดกันยังไม่ทันข้ามวัน ลืม?”

ผมนั่งลงตรงข้ามกับพี่พิท แล้วยกมือกุมขมับ “เฮ้อ แล้วจะทำไงล่ะเนี่ย”

ได้อ่านข้อความที่เฮียแกส่งมาแล้วโคตรรู้สึกผิด…ฉบับแรกๆ ก็ออกแนวด่าครับ แต่ฉบับหลังๆ เริ่มเครียด ท่าทางแกคงจะห่วงผมมากที่อยู่ๆ ก็ไม่สามารถติดต่อได้

…อ่านข้อความจบ ผมรีบโทรกลับไปหาแกทันที ท่าทางเฮียแพทคงจะดีใจมากที่ได้ยินเสียงผม ทั้งด่าทั้งถามด้วยความเป็นห่วง แต่พอผมบอกว่าลืมเท่านั้นแหละ

‘อะไรนะ’ เสียงเย็นมาก

กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก ผมสารภาพตะกุกตะกัก ‘คะ คือ ผะ ผมไม่ได้เป็นไร คะ แค่ลืมอะเฮีย’

ความเงียบมาเยือน… เฮียแพทไม่พูดอะไรต่อสักคำ แต่ลมหายใจที่ดังลอดเข้ามาทำให้รู้แกกำลังพยายามระงับความโกรธ ก่อนที่สายจะถูกตัดทิ้งเงียบๆ

ผมไม่ได้โทรกลับไป เพราะรู้ว่าเฮียแกคงโกรธจนไม่อยากจะพูดด้วย… แต่ก็เครียดจนนอนไม่หลับ กะว่าวันนี้จะขอโทษอีกฝ่ายซึ่งๆ หน้า กลับหาตัวไม่เจอซะงั้น

โทรไปก็ติด แต่สายถูกตัดทิ้ง… ท่าทางเฮียแกคงจะไม่อภัยให้ง่ายๆ

เฮ้อ… ไอ้พุนะไอ้พุ

“ให้กูแนะนำมั้ย” พี่พิทถาม แล้วยักคิ้วกวนๆ พอผมพยักหน้า พี่แกก็ร่ายต่อ “มีสองวิธีที่จะทำให้เฮียแพทหายโกรธ”

“ทำไงอะ” ผมถามอย่างมีความหวัง

พี่พิทยกนิ้ว “หนึ่ง ไปให้แกสำเร็จโทษ ตบ เตะ ตี รับรองหายโกรธชัวร์”

“ตบ เตะ ตี ผมไม่ตายก่อนเหรอ รองเท้าเฮียแกเบอร์ไร” เซ็งพี่รหัสกูจริงๆ ช่วยได้มากเลย“แล้วอีกข้อล่ะ”

“รอ… เดี๋ยวแกก็หายโกรธเอง อย่าไปเซ้าซี้ เดี๋ยวจะยิ่งโกรธไปใหญ่” พี่พิทบอก แล้วตักข้าวใส่ปาก เป็นการบอกกลายๆ ว่า กูไม่มีอะไรจะแนะนำแล้ว

อีกไม่ถึงอาทิตย์ก็จะสอบไฟนอลแล้ว สอบเสร็จผมก็ต้องกลับบ้านที่พิษณุโลก เกิดเฮียแกยังไม่หายโกรธ กว่าจะเจอกันอีกทีก็โน่นเลย เกือบสามเดือน ผมคงกินไม่ได้นอนไม่หลับแหงๆ “นานไป เกิดเฮียแกโกรธผมสักปี ก็ตายดิ”

“แล้วมึงจะทำไง”

“ผมจะไปขอโทษ” อยากให้เฮียแกรู้ว่าผมเสียใจจริงๆ

พี่พิทถอนหายใจ “เรื่องของมึงเถ๊อะ แล้วอย่าว่ากูไม่เตือน”

 

 

 

ดังสุภาษิตที่ว่า ‘ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ในนั่น’ ในที่สุดผมก็ได้เจอกับคนที่กำลังตามหามาหลายวันตัวสูงๆ หุ่นแมนๆ นั่นน่ะ เฮียผมเองไม่รอช้า ผมรีบวิ่งไปจับแขนแกไว้ “เฮีย...”

เฮียแพทสะบัดแขนออก แล้วมองผมโกรธๆ “อะไร”

“เฮีย ผมขอโทษ วันนั้นผมลืมจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะเบี้ยวนะ” พยายามทำเสียงให้น่าสงสารที่สุด แต่จริงๆ ก็ไม่ต้องทำหรอกครับ เพราะเห็นหน้าเฮียแพทแล้วผมก็ใจเสียไปเยอะเลย “ผมขอโทษนะ”

“แค่นี้ใช่มั้ย ที่มึงจะพูด” เฮียแพทพูดเสียงเย็นชา ก่อนจะเดินหนีไป

ผมรีบวิ่งตามไป“เฮีย ฟังผมก่อน”

เฮียแพทหยุดเดิน แล้วหันมาจ้องหน้าผม “อ๊ะ มึงอยากพูดมากใช่มั้ย พูดมา”

“เอ่อ ผม…มะ ไม่” ตาเฮียแพทน่ากลัวมาก ไม่เคยรู้สึกมาก่อน พอเห็นยังงี้ผมพูดไม่ออกเลย

“หมดแล้วใช่มั้ย เรื่องที่จะพูด กูจะได้ไป” พูดแล้วก็ไม่รอคำตอบ หันหลังเดินหนีไป…

ตอนแรก ผมว่าจะวิ่งตามไปอีกรอบ แต่เปลี่ยนใจ เดินไปนั่งคอตกที่ม้าหินหน้าคณะ

“เป็นไง บอกแล้วไม่ฟัง” เสียงพี่พิทครับ

ผมไม่ตอบ นั่งมองมือตัวเอง กลัวเฮียแพทจะโกรธไม่ยอมหาย ใจเสียอะ คนเลยเล่นเคยหยอกกัน แล้วมาเป็นยังงี้ “เฮ้อ”

“เฮ้ย อย่าซีเรียส เดี๋ยวแกก็หายโกรธเองแหละ” พี่พิทบอก ลูบหัวปลอบใจ แล้วก็ผลักจนผมเซ “เฮ้ย พี่อะ คนยิ่งเครียดๆ ยังจะมาทำงี้อีก”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” กูเซ็งพี่กูจริงๆ เล้ย

 

 

 

ผ่านไปอาทิตย์กว่า เข้าสู่ช่วงเวลาการสอบไฟนอล เฮียแพทก็ยังไม่หายโกรธ ผมก็พยายามง้อนะ เพราะรู้ตัวว่าผิดไง เจอที่ไหนก็ยิ้มให้ ซื้อขนมไปฝากมั่งอะไรมั่ง แต่ก็ยังไม่เป็นผล พี่พิทก็บอก เดี๋ยวเฮียแกก็ใจอ่อนเองแหละ แต่รู้สึกว่าเฮียจะใจแข็งมากเลยนะ ขนาดแค่ยิ้ม ยังไม่ยิ้มให้เลย… เฮ้อ!

“ไอ้พุ รอด้วย...”

ผมหันไปมองคนเรียกที่วิ่งกระหืดกระหอบมาหา เพื่อนคณะเดียวกันครับ ชื่อเอ้ “ว่า?”

“เป็นไงมั่ง ทำได้ป๊ะ” มันถามถึงข้อสอบอะครับ วันนี้สอบไฟนอลวันสุดท้ายแล้ว “ได้มั่ง ไม่ได้มั่ง มั่วๆ ไป...แล้วนายล่ะ”

“ไม่ค่อยได้วะ ที่เก็งมาไม่เข้าเลย” ไอ้เอ้พูดเสียงเซ็ง ก่อนจะแหกปาก “โอ๊ย! เครียดโว๊ย”

“อย่าซีเรียส ยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว ทำไรไม่ได้อยู่ดี”

“มึงก็พูดได้สิ ผ่านฉลุยอยู่แล้วนี่”

“เออ ขอให้เป็นงั้นจริงๆ เถอะ จะขอบคุณมาก” ผมพนมมือสาธุ “แล้วนี่ สอบเสร็จจะกลับบ้านเลยป๊ะ”

“ยังไม่อยากลับว่ะ กูว่าจะอยู่ทำใจอีกสองสามวันแล้วค่อยกลับ... มึงล่ะ”

“ว่าจะกลับเย็นนี้เลย คิดถึงบ้าน”

“กลับแม่งทุกเดือน ยังจะคิดถึงอีกเหรอ อย่าเพิ่งกลับดิวะ ไปกินเหล้าเป็นเพื่อนกูก่อน”

กำลังอ้าปากจะปฏิเสธไอ้เอ้ แต่เหลือบไปเห็นเฮียแพทที่กำลังจะเดินผ่านไปพอดี ผมจึงยิ้มให้ แต่เฮียแพททำไงรู้มั้ยครับ เฮียแพทมองหน้าผมประมาณว่า กูรู้จักมึงด้วยเหรอ แล้วก็เดินผ่านไป โดยไม่พูดอะไรสักคำ

เฮ้อ... รอบนี้เฮียโกรธโคตรนาน

“ลุงรหัสมึงไม่ใช่เหรอ” ไอ้เอ้พยักพเยิดไปยังคนที่เพิ่งเดินผ่าน

ผมพยักหน้ารับเซ็งๆ “อือ...”

“เป็นไร ทะเลาะกันเหรอ”

“เปล่า” ผมตอบ แล้วก็รู้สึกเซ็งมากๆ “อยากกินเหล้าใช่ป๊ะ”

ไอ้เอ้ทำหน้าดีใจ “เออดิ”

“กินก็กิน แต่ต้องไปกินที่ทะเลนะ”

“ห๊ะ?”

“ทะเลอะ พัทยา บางแสน หัวหิน ที่ไหนก็ได้”

“ทะเลกรุงเทพฯ ได้มั้ย” ยังจะเล่นมุก เดี๋ยวปั๊ด ไม่ไปด้วยซะเลย“จะไปไม่ไป ไม่ไปจะได้กลับบ้าน”

“ไปดิไป กี่วันดี”

“วันเดียว กลับพรุ่งนี้”

“มึงบ้าเปล่า เสียเวลานั่งรถไปตั้งไกล แล้วอยู่วันเดียวเนี่ยนะ สักสองวันดิ”

“เออๆ สองวันก็สองวัน แล้วจะไปที่ไหนกันดี”

“พัทยาดิ ไปดูฝรั่งอาบแดด” เชี่ยจริงๆ เมื่อตะกี้ยังบอกว่าเครียดอยู่หยกๆ “ว่าแต่ เราจะไปกันยังไงวะ”

“เออ นั่นดิ” กูเซ็ง อยากซ่าแต่ไม่มีรถ

“ไปรถทัวร์ไง ที่เอกมัยอะ” เสียงใครวะ ผมกับไอ้เอ้หันไปมอง ก็เห็นนักศึกษาปี 1 เหมือนพวกผมที่ไม่คุ้นหน้า ยืนเบื่อๆ กันอยู่สองคน “เดี๋ยวพวกกูไปด้วย เซ็งเหมือนกัน”

ผมมองหน้าไอ้เอ้ ส่วนไอ้เอ้ก็มองหน้าผมเหมือนปรึกษากันว่าจะเอาไง แล้วเราสองคนก็พยักหน้าอารมณ์นี้ อยากกินเหล้าอย่างเดียว ไม่คิดกลัวอะไรทั้งนั้น ถ้าเกิดเขาหลอกพาไปขายที่เรือตังเกก็คงจะไม่รอด

“โอเค งั้นไปจัดกระเป๋าก่อน เจอกันที่เอกมัย กี่โมงดี” ผมถาม แล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู

“จัดทำไม แค่สองวัน ไปชุดนี้แหละ” เอิ่ม ถ้านับวันนี้ด้วยก็สามวัน เสื้อผ้าชุดเดียว มึงไปเข้าค่ายกันเรอะ

“เหอะน่า เสียเวลาวะ อยากเมาแล้ว” มันยังคะยั้นคะยอ

“ว่าไง” ผมถามได้เอ้ ซึ่งคำตอบของมันคือ “เออวะ วันนี้กูจะเมาเว้ย ไม่อาบน้ำ” ทุเรศจริงๆ

“แล้วนายล่ะ” ผมถามไอ้คนที่ยืนเงียบไม่ยอมพูดยอมจา

“เสื้อผ้าเดี๋ยวค่อยไปหาซื้อข้างหน้าก็ได้” มันตอบ

“เออๆ เอาไงก็เอาวะ” เสียงเดียวหรือจะสู้สามเสียง

แล้วเราก็ไปซื้อตั๋วรถทัวร์ที่เอกมัยเพื่อเดินทางไปพัทยา... ซึ่งระหว่างที่รอพวกเราก็คุยกัน ทำให้รู้ที่มาของแต่ละคน...

คนที่ทักพวกผมคนแรก ชื่อ เดียว เรียนวิศวะ เพิ่งจะเลิกกับแฟนมา เสียใจ อยากกินเหล้า

คนที่ไม่ค่อยพูด ชื่อ ซอล เรียนสถาปัตย์ เป็นเพื่อนสนิทของไอ้เดียว รู้จักกันมาตั้งแต่ประถม ไอ้ซอลเจอแฟนเก่าควงแฟนใหม่มาเย้ย เสียใจ อยากกินเหล้า

ไอ้เอ้ ทำข้อสอบไม่ได้ เครียด อยากกินเหล้า

ผม ไอ้พุ โดนลุงรหัสโกรธ เครียด อยากกินเหล้า

เฮ้อ... แต่ละคน

 

เมื่อไปถึงพัทยาพวกเราก็ตรงไปที่หาดก่อนเลย เช่าเก้าอี้ผ้าใบ แล้วก็สั่งอาหารมาสองสามอย่างพร้อมโซดาน้ำแข็ง เหล้าไม่ต้องเพราะซื้อมาเองแล้ว… งบน้อยครับ ต้องประหยัด

นั่งกินกันไป คุยกันไปเพลินๆ แป๊บเดียวตะวันใกล้จะตกดิน ฟ้าเริ่มมืด ผมก็นึกได้ว่ายังไม่ได้เช่าห้องพักเลย เผอิญเด็กเสิร์ฟเอาน้ำแข็งที่สั่งเพิ่มมาให้พอดี จึงถือโอกาสสอบถาม “น้องครับ แถวไหนมีห้องให้เช่าบ้างครับ”

“แถวนี้ก็มีค่ะ พี่จะเอาห้องแบบไหนล่ะ”

“เอาแบบดีๆ ถูกๆ” ผมว่ายิ้มๆ

คิ้วขมวดฉับ น้องมันย้อนกวนๆ “มีค่ะ ดีๆ ถูกๆ แต่มันแยกกันอยู่นะ จะเอาเปล่า”

“แง่ว” โดนเด็กสวน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้เดียวหัวเราะสะใจ... เหมือนไม่ได้มาด้วยกัน

“เช่าไมวะ เสียดายเงิน เอามาซื้อเหล้ากินดีกว่า” ไอ้เอ้มันบ่น

ไอ้นี่ก็ถามแปลก “แล้วจะไม่นอนกันรึไง”

“มากินเหล้าเว้ย ไม่ได้มานอน”

“งั้นมึงไม่ต้องนอน เดี๋ยวพวกกูสามคนนอนเอง” ไอ้เดียวบอก

“ไรวะ รุมกันนี่หว่า” ไอ้เอ้ท้วงเสียงอ่อย

สรุปแล้วเราก็ได้ห้องพักแถวๆ นั้น ซึ่งเด็กเสิร์ฟบอกว่าเป็นเกสเฮ้าส์ แต่ผมว่า มันคือโรงแรมจิ้งหรีดว่ะ ดูยังไงก็ไม่ใช่เกสเฮ้าส์ ห้องเล็กมาก หอที่ผมพักอยู่ยังใหญ่กว่าเลยแต่เพราะดึกแล้ว ห้องพักหายาก และมันก็ถูกด้วยเลยต้องยอม...

เราเช่าแค่ห้องเดียวครับ จริงๆ ห้องหนึ่งจำกัดสองคน ถ้าเกินต้องเพิ่มเงินเป็นรายหัว ซึ่งก็ไม่แพงสักเท่าไหร่... ไอ้เดียวมันให้เหตุผลว่า ยังไงพวกเราก็ตั้งใจมากินเหล้ากันอยู่แล้ว คงไม่ค่อยได้นอน และอีกอย่าง มันบอกว่านอนห้องเดียวกันปลอดภัยกว่า มันไม่ค่อยไว้ใจสถานที่เท่าไหร่ เจ้าของหน้าตาเหมือนแม่เล้า น่ากลัว

...แล้วมึงก็ยังจะมาเช่าเขาอีก

เกสเฮ้าส์ตามที่เด็กเสิร์ฟยืนยันมีทั้งหมดสามชั้นครับ พวกเราได้ห้องพักชั้นสอง...

“ทำไมไม่มีคนไทยเลยวะ” ไอ้ซอลเปรยออกมาระหว่างที่พวกเรากำลังเดินไปห้องพักหลังจากได้คีย์การ์ดมาแล้ว

ฝรั่งเต็มไปหมด ทั้งขาวทั้งดำ ตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น ผู้หญิงก็พอมีบ้างครับ แต่น้อย...

“แล้วที่ยืนอยู่นี่ไม่ใช่คนไทยเหรอ” ไอ้เอ้มันกวน เลยโดนไอ้เดียวโบกไปที... สนิทกันอย่างรวดเร็วเหล้าสร้างมิตรภาพจริงๆ

เมื่อเข้าไปในห้อง ไอ้เดียวก็จัดการล็อคประตูแล้วก็ลากเตียงไปยันประตูไว้ ผมมองมันงงๆ “ทำไรวะ”

“ปลอดภัยไว้ก่อน” มันบอก

ผม ไอ้ซอล ไอ้เอ้ มองหน้ากัน แล้วก็เริ่มเหงื่อตก... กูจะได้นอนมั้ยเนี่ย คืนนี้

“เฮ้ย ไม่ต้องเครียด กูแค่ป้องกันไว้เฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก”

“ถ้ามึงจะไม่ทำแบบนี้ กูก็จะไม่เครียดเลย” ไอ้ซอลบอก ท่าทางมันเครียดจริงๆ

“แต่กูว่ากันไว้ก็ดีนะ เมื่อกี้กูเห็นพวกไอ้หรั่งมันมองมึงกับไอ้พุแปลกๆ ว่ะ” ไอ้เอ้บอก เลยโดนไอ้เดียวโบกไปอีกที “มึงจะพูดให้พวกมันคิดทำไมวะ”

…กูคิดตั้งแต่มึงลากเตียงไปปิดประตูไว้แล้ว

สรุป คืนนั้นพวกเราก็ไม่กล้าหลับครับ ไม่กล้าเมาด้วย เลยนั่งเล่าเรื่องผีกัน

เริ่มวันใหม่ เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พวกเราก็เดินลงไปเช็คเอาท์กัน แล้วก็นั่งรถสองแถวไปที่หาดจอมเทียน... เช่าเก้าอี้ผ้าใบนอนกันครับ ง่วงสุดๆ

ผมตื่นมาอีกทีเกือบเที่ยงแล้ว ลืมตาขึ้นก็เห็นไอ้เอ้กับไอ้เดียวนั่งก๊งเหล้ากันอยู่ ส่วนไอ้ซอลยังไม่ฟื้น

“ได้นอนกันมั่งป๊ะเนี่ย” ผมถามไอ้สองคนที่กำลังก๊งเหล้ากันอยู่ เพราะเห็นตามันแดงๆ คล้ายคนไม่ได้นอน

ไอ้เดียวส่ายหน้า “นอนได้ไง หลับกันหมดก็โดนปล้นสิ”

“แล้วจะนอนป่ะล่ะ เดี๋ยวเฝ้าเอง”

“ไม่ง่วงแล้ว มากินเหล้ากันดีกว่า ผสมไรดี” มันถามพร้อมกับคีบน้ำแข็งใส่แก้วว่าง

ผมยกมือห้าม “อย่าเพิ่ง ขอกินข้าวก่อน หิว”

ไอ้เอ้เอี้ยวไปหยิบเมนูที่วางอยู่ด้านหลังแล้วโยนให้ “อยากกินไร เลือกเลย”

พอเด็กเสิร์ฟมา ผมก็สั่ง “ปูทะเลพริกไทดำ กุ้งกระเทียม ทะเลเผา ยำไข่แมงดา ข้าวเปล่าโถหนึ่ง”

“ส้มตำปูปลาร้าด้วย” ไอ้เอ้ครับ ไม่มีวันไหนที่มันจะไม่กินส้มตำ

“มาทะเล กินส้มตำ” ไอ้เดียวส่ายหน้า แล้วเอื้อมมือไปเขย่าไอ้ซอล “เฮ้ย ตื่นๆ กินข้าว”

ไอ้ซอลงัวเงียๆ ลุกขึ้นมานั่ง แล้วด้วยความเบลอมันก็หยิบโซดาไปล้างหน้า “โอ๊ย เชี่ย!”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไม่มีใครเห็นใจครับ มีแต่คนสมน้ำหน้า

 

เวลาผ่านไปเกือบบ่ายสาม ทั้งเหล้าทั้งโซดากองเต็มโต๊ะ

“น้อง เรดอีกขวด โซดาสาม” ไอ้เดียวสั่ง โซดาสามคือของผมกับไอ้ซอลครับ มันกับไอ้เอ้กินเพียวๆ จริงๆ ตอนแรกผมกับไอ้ซอลกินเบียร์ครับ แต่มันเปลือง เลยต้องหันมากินเหล้าแทน...

นั่งกินกันไปเรื่อยๆ ฟ้าก็เริ่มจะมืด ผมยกนาฬิกาข้อมือดูเวลา เกือบจะหกโมงแล้ว “เฮ้ย จะหกโมงแล้ว กลับยัง”

“มึงอยากกลับแล้วเหรอ” ไอ้เอ้ถามเสียงอ้อแอ้... จะรอดมั้ยเพื่อนกู

“เฮ้ย อย่าเพิ่งกลับดิ กินไปนิดเดียวเอง” ไอ้เดียวครับ คอโคตรแข็ง เหล้าหมดไปเกือบสี่ขวด มันยังนิ่งอยู่เลย

จริงๆ ผมก็เริ่มติดลมแล้วล่ะ ไม่อยากกลับเท่าไหร่ แต่ที่ถามเพราะกลัวพวกมันจะลืม “แล้วจะเอาไง จะอยู่ต่อเหรอ งั้นก็ไปหาที่พักก่อน แบบเมื่อคืนไม่เอานะเว้ย”

ไอ้ซอลยกมือขึ้นกดไลค์ แล้วบอก “ถ้าเป็นแบบเมื่อคืน กูขอนอนที่หาดนี่ดีกว่า”

“เออน่า ไม่เหมือนหรอก” ไอ้เดียวบอก แล้วมองไอ้เอ้ที่นอนหลับตาอยู่บนเก้าอี้อย่างอนาถใจ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสนิทมัน “เดี๋ยวไปเดินดูห้องกัน แถวนี้น่าจะโอเคกว่าเมื่อวาน มึงไปไหวป่ะเนี่ย”

“ไหวดิ” ไอ้ซอลบอก แล้วก็ลุกขึ้นยืนเซๆ

ไอ้เดียวส่ายหน้า แล้วเอานิ้วจิ้มหน้าผากไอ้ซอลแรงๆ จนมันหงายหลังลงนั่งที่เก้าอี้เหมือนเดิม “มึงเฝ้าไอ้เอ้ไปเลย เดี๋ยวกูไปกับไอ้พุเอง”

 

คืนนั้นพวกเราได้นอนในห้องที่สะอาด ปลอดภัย และใหญ่กว่าเดิม ซึ่งดีต่อสุขภาพจิตของพวกเรามาก เพราะไม่ต้องมานั่งเครียดกันทั้งคืน แต่ที่ไม่ดีคือสุขภาพกระเป๋าเงินเราน่ะสิครับ มันดีกว่า มันก็ต้องแพงกว่า จริงมั้ยครับ และที่นี่ก็ไม่ให้นอนเกินห้องละสามคน จึงต้องเปิดสองห้อง แต่สุดท้ายเราก็มารวมกันอยู่ห้องเดียวเหมือนเดิม... เสียดายเงินจริงๆ

“ผู้หญิงแม่งเหี้ย!” ประโยคนี้คุ้นๆ นะ ว่ามั้ย

“ผู้หญิงแม่งเลว!” เสียงไอ้เดียวครับ มันด่าแฟนมัน

“ผู้ชายยิ่งกว่าเหี้ย! แม่งโคตรเลว!” อันนี้เสียงไอ้ซอลครับ สรุปแล้วมันเป็นเกย์ครับ ที่ว่าแฟนเก่าควงแฟนใหม่มาให้เห็นอะ คือผู้ชายที่เป็นแฟนมันควงผู้หญิงมาครับ

“อาจารย์แม่งเหี้ย!”

“ไม่ใช่ละๆ” ผมโบกหัวไอ้เอ้ไปที... นรกจะกินกบาล

“มึงคิดดู กูยอมมันทุกอย่าง ฮึก ฮึก” ไอ้ซอลเริ่มร้อง  “แต่มันก็ยังมาทำยังงี้กับกู ฮือ!!!”

ผมรีบขยับหลบ... แม่ง น่ากลัว

“เฮ้ย ไม่ต้องร้อง มึงยังมีกูอยู่ทั้งคน” ไอ้เดียวโอบเพื่อนมันไว้ แล้วตบหัวปลอบ แต่...“ไอ้เชี่ย เจ็บ!” ไอ้ซอลผลักไอ้เดียวจนล้ม แล้วยกมือคลำหัวตรงที่โดนตบ น้ำตงน้ำตาหายเกลี้ยง

ผมกับไอ้เอ้ทนไม่ไหวต้องปล่อยก๊ากออกมา “ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”

กว่าเหล้าสองกลมจะหมด ก็ปาเข้าไปตีสาม... พวกเราตื่นขึ้นมาอีกทีเกือบบ่ายสอง เลยเวลาเช็คเอาท์ โดนไปสองคืน แถมพอเขาเช็คห้อง ทั้งเบียร์ทั้งน้ำอัดลมในตู้เย็นก็หมดเกลี้ยง โดนชาร์จกระเป๋าแฟบไปตามๆ กัน

“กลับกันเลยป๊ะ” ผมถามไอ้สามคนที่เหมือนจะยังไม่อยากกลับ

“ตังค์มึงเหลือเท่าไหร่” ไอ้เดียวมันถาม

“พันนึง” พันสุดท้ายแล้วครับ หมดนี่ก็ไม่รู้จะกลับบ้านยังไงแล้ว...

“พวกมึงล่ะ”

ไอ้ซอลควักกระเป๋ามาส่อง “เจ็ดร้อย”

“ห้าร้อย” ไอ้เอ้ครับ

ไอ้เดียวควักเงินตัวเองออกมานับ “กูเหลือสองพันกว่า ยังได้อยู่”

“ได้ไรวะ” ผมงง แต่ไม่นาน เพราะมันตรงดิ่งไปนั่งลงที่เก้าอี้ผ้าใบตรงริมหาดแล้วก็สั่งเหล้ากับกับแกล้มมาเรียบร้อยแล้ว

 

ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ไอ้เดียวก็กระดิกมือเรียก “ไอ้พุ เอาตังค์มาดิ๊”

กระดิกนิ้วเรียกเหมือนกูเป็นหมาเลยนะมึง... ผมบ่นในใจ แต่ก็ควักเงินให้ แล้วมันก็หันกระดิกนิ้วเรียกเงินจากคนอื่นๆ ต่อ“ไอ้ซอล มาๆ มึงด้วยไอ้เอ้”

คือ ตอนนี้แอลกอฮอล์มันอยู่ในเส้นเลือดแล้วอะครับ มันก็เลยมึนๆ เบลอๆ คิดอะไรไม่ค่อยทัน ไม่ได้นึกด้วย ว่าหมดพันนี้แล้วผมจะเอาเงินที่ไหนกลับบ้าน หรือ ถ้าตังค์หมดแล้วพวกเราจะกลับกรุงเทพฯกันยังไง

หลังจากนั้นไม่นาน เหล้าขวดที่สามของวันนี้พร้อมกับแกล้มก็หมดไปอีกชุด แล้วอยู่ดีๆ ไอ้เดียวก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินหายไปไหนไม่รู้ เกือบครึ่งชั่วโมงจึงกลับมา

“ไปไหนมาวะ” ไอ้เอ้ถาม

ไอ้เดียวควักเงินออกมาให้ดู “ไปหาเงินมา”

“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่า..” ไอ้ซอลทำตาโต

“อะไร” ไอ้เดียวนั่งลงแล้วยกขวดเหล้าขึ้นกระดกจนหมด

ไอ้ซอลยังทำตาโตอยู่ “มะ มึง.. มึง”

“ผลั๊วะ!” เสียงไอ้ซอลโดนตบครับ แล้วคนตบมันก็ว่า “มึงๆ อยู่ได้ จะพูดไรก็พูดดิ”

ไอ้ซอลยกมือขึ้นคลำหัว ก่อนจะพูดเสียงเศร้า “มึงไปขายตูดมาเปล่า”

“ผลัวะ!!” ดอกนี้แรงกว่าเดิม “สัด กูไปขายทองมาเว้ย”

“เฮ้ย!!!” ผม ไอ้เอ้ ไอ้ซอลครับ “ถึงขั้นขายทองเลยเหรอวะ”

ไอ้เดียวโบกมือไปมาประมาณว่าอย่าตกใจ “ถ้าไม่ขาย กูก็ตั้งใจจะทิ้งอยู่แล้ว”

“หา!!!” นี่มึงรวยมาก หรือว่าบ้ามากวะ จะทิ้งทอง

“ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม เห็นแล้วแสลงใจ” ไอ้เดียวบอก แล้วเรียกเด็กเสิร์ฟมาสั่งเหล้าและอาหารเพิ่ม

ไอ้ซอลทำหน้าเข้าใจ “ของแฟนมึงเหรอ”

“อดีตแฟนเว้ย”

“มึงขายเท่าไหร่”

“สองพัน”

“เฮ้ย! ถูกไปเปล่า” พวกผม

“ช่างแม่ง ดีกว่าไม่มีตังค์กินเหล้า” มึงยังจะกินอีกเรอะ ไม่กลับหรือไงบ้านอะ

 

แล้วเวลาก็ผ่านไป พร้อมกับเงินสองพันที่เหลือเพียงหกสิบบาท...

“ส้มตำไง ซื้อได้” ไอ้เอ้เสนอ ชีวิตมึงจะกินแต่ส้มตำรึไง

“ไม่เอา ถั่วต้มดีกว่า” ไอ้ซอลครับ ไอ้นี่ก็อีกคน มาทะเล จะกินถั่วต้ม

ผมนั่งมองพวกมันมึนๆ เบลอๆ ส่วนไอ้เดียวก็กดโทรศัพท์หาเพื่อน จะให้มารับ...

“เฮ้ย ไอ้ปอม อยู่ไหนวะ....เชียงใหม่? เออ แค่นี้นะ เดี๋ยวแบตหมด” ไอ้เดียวตัดสายเพื่อนมัน แล้วก็กดหาคนอื่นต่อ เป็นแบบนี้อยู่สามสี่คน จนผมทนไม่ไหว “เฮ้ย เดี๋ยวเราโทรเอง”

คนแรกที่คิดถึง เฮียแพทก่อนเลย รอสายนานมาก ก่อนที่มันจะถูกตัดไป ผมโทรอยู่สามรอบก็มีคนรับสาย

[ฮัลโหล] เสียงผู้หญิงครับ

“ครับ ขอสายเฮียแพทครับ”

ปลายสายเงียบไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมา [ไม่อยู่ค่ะ]

“ไปไหน ทราบมั้ยครับ”

[ไม่ทราบค่ะ] นี่มันเครื่องตอบรับอัตโนมัติหรือเปล่าวะ ทำไมเสียงคุณเธอช่างไร้อารมณ์เหลือเกิน เหมือนพูดตามบทเลย [มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีจะได้วาง]

“ครับ งั้น แค่นี้ละกันครับ ขอบคุณมากครับ” เฮ้อจะโกรธอีกนานมั้ยเนี่ย... ผมว่าผมได้ยินเสียงห้าวคุ้นหูแว่วมาตามสายนะ

“ว่าไง?” ไอ้เดียวมันถามอย่างมีความหวัง

ผมไม่ตอบแต่ส่ายหน้า แล้วกดหาพี่พิทเป็นคนต่อไป แต่ก็ไม่ติด สงสัยจะแบตหมด ไม่ก็ปิดเครื่อง... ทำไงดีวะเนี่ย

โทรหาใครก็ไม่ติด เซ็งว่ะ กินเหล้าดีกว่า…

“กูรู้แล้ว ว่าทำไง” อยู่ดีๆ ไอ้เดียวก็โพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสดใส

ไอ้เอ้กับไอ้ซอลยังเถียงกับเรื่องส้มตำกับถั่วต้ม เหลือผมคนเดียวที่สนใจมัน “ทำไง”

ไอ้เดียวทำหน้าเจ้าเล่ห์แล้วเหล่ไปทางไอ้เอ้ “ที่นี่เขามีสนามมวย เอามันขึ้นชก”

ผมอดขำพรืดไม่ได้ ก่อนจะส่ายหัวกับความคิดของมัน ไอ้เอ้มันตัวสูงกว่าผมแค่นิดเดียวเอง น่าจะไม่เกินร้อยเจ็ดห้า แล้วตัวก็ผอมๆ จะตายก่อนมั้ยนั่น “คิดได้ไง”

“มันไม่เจ็บหรอก เมาขนาดนี้”

ไอ้เอ้โบกไอ้เดียวไปที “สัด กูได้ยินนะ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้เดียวหัวเราะขำก่อนจะพ่นลมออกมาอย่างหนักใจ“เอาไงดีวะ โทรหาใครก็ไม่ติด”

ผมก็นึกไม่ออก หยิบมือถือมาดูรายชื่อ เผื่อจะมีใครที่พอจะช่วยได้...

ชื่อที่เจอ นอกจากเฮียแพท กับพี่พิทแล้วก็มี ไอ้เอ้ ซึ่งมันก็อยู่ที่นี่แล้วก็เบอร์ของ แม่ พ่อ ไอ้พัน ซึ่งสามคนนี้ตัดออกไปได้เลย ถ้ารู้เหตุผลที่เงินหมด ผมต้องโดนบ่นเละแน่...ที่เหลือเป็นเบอร์เพื่อนเก่าที่โรงเรียนมัธยมอีกสองสามคนซึ่งถ้าไม่อยู่พิษณุโลกก็อยู่เชียงใหม่กันหมด ผมเลื่อนดูไปเรื่อยๆ “เฮ้ย!!”

“อะไร!” ไอ้สามคนมันสะดุ้ง “ตะโกนทำไมวะ”

ผมมองชื่อในมือถือใหม่อีกครั้ง แปลกใจว่าผมไปได้เบอร์เจ้าของชื่อตั้งแต่ตอนไหน... แต่ก็แค่แปลกใจ ไม่คิดจะโทรหา เพราะไม่ได้สนิทกัน

...แค่คนเคยเจอกันสองสามครั้ง

“เปล่า” ผมส่ายหน้า

“แล้วจะตะโกนทำแป๊ะอะไรวะ” ไอ้สามคนมันบ่น ก่อนจะถอนหายใจออกมา แล้วก็กินเหล้าต่อ... สรุปว่าพวกมึงไม่ทุกข์ร้อนกันเลยใช่มั้ย ที่กลับบ้านไม่ได้

ผมเลื่อนดูรายชื่อในมือถือไปเรื่อยๆ แต่ละชื่อที่เม็มไว้ก็คงไม่มีใครจะสามารถมาช่วยพวกเราได้ในตอนนี้... พี่รหัสที่หวังพึ่ง ก็ปิดเครื่องซะงั้น

…เอาไงดีว้า มองฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้วด้วย

...เอาวะ ลองดูละกัน

ผมเลื่อนกลับมายังชื่อแปลกปลอมที่เพิ่งเห็น ก่อนจะกดโทรออก แล้วรอใจสั่นๆ

[ฮัลโหล?]เสียงคุ้นหูดังมาตามสาย แปร่งกว่าตัวเป็นๆ เล็กน้อยแต่ผมก็จำได้ว่าเป็นเสียงของใคร

“เฮ้ย!” ผมโยนมือถือทิ้งด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรับเร็วขนาดนี้

ไอ้สามคนมองมางงๆ “เป็นไรของมึง”

[พุ?] เสียงดังมาจากมือถือครับ [เป็นอะไร...พุ?]

ไอ้เดียวหยิบมือถือที่ตกอยู่กับพื้นทรายส่งให้ผมงงๆ “จะทิ้งทำไมรับสิ”

ผมรับมือถือมาแนบหู แล้วพูดเสียงสั่นๆ “อะ เอ่อ...เล่ย์ใช่มั้ย”

[แล้วโทรหาใครล่ะ] ตัวจริง เสียงจริงเลยแบบนี้

“เอ่อ... คือ... นาย” โอ๊ยย ไมมันพูดยากงี้วะ

[คืออะไร] มันคงจะเริ่มหงุดหงิดละ

“อยู่ที่ไหนว่างหรือเปล่าช่วยมารับได้มั้ยไม่มีตังค์กลับบ้าน” ผมพูดเร็วปรื๋อ แล้วก็กลั้นใจรอ

มันเงียบไปแป๊บหนึ่ง แล้วบอก [เอาใหม่ซิ ช้าๆ แบบที่คนปกติเขาคุยกัน]

ผมสูดหายใจเข้าปอดสองเฮือก แล้วสารภาพเสียงอ่อย “ตังค์หมด กลับไม่ได้”

[อยู่ที่ไหน]

“พัทยา”

[แล้วได้กินอะไรหรือยัง?]

“กินแล้ว” กินจนตังค์หมดอะ

[อยู่กันกี่คน] ทำไมรู้วะ

“มีเพื่อนอีกสามคน”

[อืม... แล้วอยู่ตรงไหนของพัทยา]

“หาดจอมเทียน”

[โอเค.. รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวไปรับ... ถ้าหิวก็สั่งไรมากินกันก่อน เดี๋ยวถึงแล้วจะไปจ่ายให้]มันสั่งเรียบๆ ไม่มีหงุดหงิดหรือรำคาญ “แค่-”

“เฮ้ย เดี๋ยวๆ” ผมรีบเรียกไว้ ก่อนที่มันจะตัดสายทิ้ง

[ว่าไง]

“เอ่อ… ขอบคุณครับ”

อีกฝ่ายหัวเราะหึ [จดไว้ด้วย กี่ครั้งแล้ว]

ผมทำหน้าแหย “เอิ่ม..”

[หึ หึ... แล้วเจอกัน] พูดจบก็ตัดสายทิ้ง... ทำไมผมถึงรู้จักแต่คนนิสัยแบบนี้วะเนี่ย

เห็นผมวางมือถือลงบนโต๊ะ ผู้ร่วมชะตากรรมทั้งสามคนก็ถามอย่างมีความหวัง “ว่าไงมึง” ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างดีใจเมื่อผมพยักหน้า

“เย้!!!”

 

+++++unbelievablelove+++++

ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2013 02:00:14 โดย rainbow67 »

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
Re: Unbelievable Story : Chapter 4 - 25 Aug 12
«ตอบ #51 เมื่อ25-08-2012 00:58:49 »

นี่ใช่มั้ย นิยามของคำว่า ราชรถมาเกย 5555

ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: Unbelievable Story : Chapter 4 - 25 Aug 12
«ตอบ #52 เมื่อ25-08-2012 02:44:24 »

เฮียแพทดันมาโกรธตอนน้องนุ่งกำลังต้องการความช่วยเหลือพอดี
อดทำคะแนนเลยนะเฮียนะ ปล่อยเล่ย์เค้าขี่ม้าขาวมาช่วย(อีกแล้ว)
แต่เข้าใจที่เฮียโกรธ เป็นเราเราก็โกรธว่ะ
ยิ่งถ้ารู้ว่าเบี้ยวเราแล้วไปหนุกหนานกับชาวบ้านจนลืมเราเสียสนิทมานะ จะโคตรโกรธเลย
ชอบเวลาเล่ย์เรียกชื่อพุ ไม่รู้ทำไม ~

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: Unbelievable Story : Chapter 4 - 25 Aug 12
«ตอบ #53 เมื่อ25-08-2012 04:49:40 »

555 กินกันจนเงินหมด แล้วถ้าหาคนมารับไม่ได้จะทำงัยล่ะนั่น

ออฟไลน์ rainbow67

  • Life is like a rainbow. You need both the sun and the rain to make its colors
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +763/-15
Unbelievable Love : Chapter Five
«ตอบ #54 เมื่อ25-08-2012 05:33:52 »

UNBELIEVABLE LOVE

Chapter Five

 

 

เรานั่งเล่นอยู่ริมหาดอีกแป๊บหนึ่ง เด็กเสิร์ฟก็เดินมาบอก “เอ่อ พี่คะ ไปนั่งในร้านดีกว่ามั้ยคะ ตรงนี้ยุงชุม”

“เอาไง กินต่อมั้ย” ไอ้พวกนั้นหันมาถาม

“อยากกินป่ะละ”

“อยากดิวะ”

“งั้นก็กิน” ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว... เอาไว้กลับไปค่อยใช้คืน

แล้วพวกเราก็ย้ายสถานที่พำนักเข้าไปในร้าน... กินกันอยู่เกือบสองชั่วโมง เสียงเพลงจากมือถือก็ดังขึ้น

เห็นชื่อคนที่โทรมา ผมก็รีบกดรับ “ฮัลโหล”

[อยู่ตรงไหน]

“อยู่ในร้าน AA ที่ข้างหน้ามีต้นมะพร้าวใหญ่ๆ อะ”

“หาดนี้ก็มีแต่ต้นมะพร้าว จะหากันเจอมั้ยเนี่ย” ไอ้เดียวมันแทรกขึ้นมา “มานี่เดี๋ยวกูบอกทางเอง”

คือผมกับการบอกทางเนี่ย ไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไหร่ครับ เลยยืนมือถือให้มัน...

“ฮัลโหล... ฮัลโหล... เอ้า วางไปแล้ว” มันยื่นมือถือคืนให้

“สายหลุดมั้ง” ผมกดโทรออกใหม่อีกครั้ง ฟังเพลงรอสายจนเกือบจะจบเพลงก็ไม่มีคนรับสาย กำลังว่าจะกดใหม่...

“เฮ้ยๆ ของกูๆ” เสียงไอ้ซอลครับ อะไรของมัน

“พลัวะ!” เสียงไอ้เดียวโบกไอ้ซอล “เมาแล้วเสี้ยนนะมึง”

สงสัยครับ เลยหันไปมองตามสายตาของพวกมัน...ฮีโร่ของพวกเราครับ เด่นมาเลยทั้งหุ่น ทั้งหน้าตา มีแต่คนเหลียวมอง

พอเดินมาถึงโต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่ มันก็กวาดตามองขวดเหล้าขวดโซดา และกับแกล้มที่อยู่บนโต๊ะ แล้วยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “พอมั้ย?”

“หะ อะไรนะ?” หูกูเฝื่อนเปล่าวะเนี่ย

“สั่งเพิ่มอีกมั้ย”

แต่ละคนทำหน้าประมาณว่ารู้ผลสอบแล้วผ่านทุกวิชา ดีใจมาก...

“น้อง สั่งเหล้าเพิ่มหน่อย” เสียงไอ้เดียว

“ส้มตำปูปลาร้าด้วย” เสียงไอ้เอ้ครับ

“เฮ้ย!” ไอ้ซอลเอาเท้าสะกิดผม แล้วกระซิบ “เพื่อนมึงเหรอ”

ผมพยักหน้า แล้วก็ส่ายหน้า เพราะไม่รู้ว่าระหว่างผมกับมันจะเรียกว่าอะไรดี แฟนก็ไม่ใช่ เพื่อนก็ไม่เชิง รู้จักกันแบบมึนๆ งงๆ

“อะไรของมึง” ไอ้ซอลส่ายหน้า พลอยงงไปด้วย

แล้วผมก็แนะนำให้ไอ้เลย์และทุกๆ คนรู้จักกัน… ผิดคาดครับ มันเข้ากับคนอื่นๆ ได้ดีเลย แป๊บเดียวก็คุยเหมือนรู้จักกันมานานแล้วงั้นแหละ โดยเฉพาะไอ้ซอลเนี่ย มันชะโงกหน้ามาคุยกับไอ้เล่ย์ จนผมต้องเอนหลบเกือบหงายหลังอะ

เก้าอี้มันเป็นม้านั่งแบบยาวไม่มีพนักพิงครับ นั่งได้ประมาณสามคนถ้าเบียดๆ กันหน่อย แต่จะให้สบายก็ต้องนั่งแค่สองคน ตอนแรกผมนั่งกับไอ้ซอล แล้วพอไอ้เล่ย์มา มันก็มานั่งเบียดด้วย ผมเลยต้องเลื่อนตำแหน่งไปอยู่ตรงกลาง เวลาที่ไอ้ซอลมันจะคุยกับไอ้เล่ย์ มันก็ชะโงกหน้าข้ามมาคุย แล้วด้วยความที่มันมึนๆ เมาๆ อยู่แล้ว มันก็เลยไม่ค่อยจะมีกระดูกเท่าไหร่ เอนมั่วไปหมด ดีแต่ว่าคนที่นั่งข้างๆ จับไว้ทัน ไม่งั้นผมคงได้ไปนอนวัดพื้นแน่ๆ

“ไอ้ซอล นั่งดีๆ สัดนี่ เมาแล้วชอบเลื้อยวะ” ไอ้เดียวด่าเพื่อนมัน แล้วก็ผลักไอ้ซอลให้นั่งตรงๆ ก่อนจะโบกปิดท้าย

“เฮ้ย ไปตบมันมาก เดี๋ยวก็สมองไหลพอดี” คือ ตั้งแต่มาถึงพัทยาเนี่ย ผมเห็นได้เดียวมันตบไอ้ซอลเป็นสิบแล้วอะ

“ไม่เป็นไรหรอก กะโหลกมันหนา” ไอ้เดียวพูดยิ้มๆ

ไอ้ซอลคว้าฝาเหล้าได้ก็ขว้างใส่ไอ้เดียว โดนหน้าผากดังโป๊ก “เป็นไง มึง ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“มากันตั้งแต่เมื่อไหร่” ไอ้เล่ย์ถามผมซึ่งกำลังหัวเราะสะใจแทนไอ้ซอล

“อืม...” มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ… มึนอะ คิดไม่ออก เลยหาตัวช่วย “เรามาตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”

“วันนี้เป็นวันที่สาม” ไอ้เดียวพยายามนึก คงจะมึนไม่ต่างจากผม “สองวันที่แล้ว มาตอนบ่าย”

“แล้วพักที่ไหนกัน” พอผมบอกชื่อที่พักคืนแรก ไอ้เล่ย์ก็ทำหน้าตกใจ “ที่ไหนนะ”

“ที่ X เกสต์เฮ้าส์”

“ทำไมไปนอนที่นั่น” ท่าทางมันจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ “รู้มั้ยมันเป็นอะไร”

ผมกับไอ้เดียวส่ายหน้า ที่ไอ้ซอลกับไอ้เอ้ไม่ได้ส่ายหน้า ไม่ใช่ว่ามันรู้หรอกครับ แต่ไอ้เอ้มันหลับไปแล้ว กรนด้วย ทุเรศจริง... ส่วนไอ้ซอลก็ฟุบลงไปกับโต๊ะแล้ว เลยเหลือแต่ผมกับไอ้เดียวเท่านั้น “ไม่รู้”

“มันเป็น…กึ่งๆ ซ่องกึ่งๆ ม่านรูด”

ผมกับไอ้เดียวมองหน้ากันอึนๆ “กูว่าแล้ว หน้าตาเจ้าของแม่งเหมือนแม่เล้า”

“แล้วทำไมนายรู้?” ผมถามไอ้เล่ย์อย่างสงสัย รู้ดีขนาดนี้ เคยเข้ามาก่อนล่ะสิ

“คิดไปไหน” ไอ้เล่ย์มันถามเหมือนจะหมั่นไส้แล้วดีดจมูกผม

“โอ๊ย!” ถึงจะไม่แรงมันก็เจ็บนะเว้ย ดั้งยิ่งไม่ค่อยจะมีอยู่ด้วย… ผมกุมจมูกหน้ามุ่ย

ไอ้คนซาดิสม์หัวเราะหึๆ แล้วบอก “บ้านเพื่อนกูอยู่แถวนั้น…แล้วเมื่อคืนวานล่ะ”

“แถวนี้แหละ โรงแรม D” ไอ้เดียวบอก ส่วนผมก็ยังนั่งเครียดเรื่องที่พักคืนแรกไม่เลิก…

“เครียดอะไร” ไอ้เล่ย์ถามแล้วก็ยกนิ้วเคาะหัวผมเบาๆ “เรื่องมันผ่านไปแล้ว จะคิดให้ปวดหัวทำไม”

คือ ผมจะเป็นคนที่ความรู้สึกช้าอะครับ ดีเลย์กว่าคนอื่นตลอด อย่างเรื่องที่พักวันแรก ถ้าให้ผมไปเช่าห้องคนเดียวผมก็เฉยๆ นะ ไม่รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย แต่พอไอ้เดียวมันดันเตียงไปปิดประตู ผมก็เริ่มคิดละ แต่ก็ยังไม่เครียดเท่าตอนที่ไอ้เล่ย์บอกว่าเป็นซ่อง ตอนนี้เครียดหนักเลย นึกไปต่างๆ นาๆ ถ้าวันนั้นพวกเราไม่ระวังตัว ถ้าวันนั้นเราแยกห้องนอน บลาๆๆๆ เยอะแยะมากมายครับ

แม่ผมเคยบอกว่า ผมอะเรียนเก่งแต่ไม่ค่อยจะทันคน ส่วนไอ้พันอะเก่งเรื่องคนส่วนเรื่องเรียนก็เอาตัวรอดได้ ทำให้แม่มักจะไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัวของมันเท่าไหร่ มีแต่ผมนี่แหละที่มักจะโดนบังคับโน่นนี่ ตอนเรียนมัธยมแค่ผมไม่กลับบ้านคืนเดียวนะ เรื่องใหญ่ พ่อต้องออกมาตาม แต่ไอ้พันหายไปเกือบอาทิตย์ยังไม่มีใครว่าเลย

ตอนเรียนอยู่ ม.4 มีพี่ ม.6 มาหาผมที่บ้านทุกอาทิตย์ แล้วก็อยู่คุยนานมาก กว่าจะกลับก็ค่ำทุกวัน ผมก็ไม่ได้สงสัยอะไร แค่รู้สึกว่าไม่อยากให้เขามาหา ไม่ได้รังเกียจนะครับ แค่เสียเวลาเล่นเกมส์แต่ก็ไม่กล้าพูดตรงๆ และก็ไม่รู้ด้วยว่าเขามาจีบ บางทีเขาชวนไปดูหนัง ถ้าเป็นเรื่องที่ผมอยากดู ผมก็ไป ถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่ไป แต่ส่วนมากก็มีแต่เรื่องที่ผมอยากดูทั้งนั้น บางทีก็ชวนไปกินข้าว กินไอศกรีม ผมก็ไปและช่วยออกทุกครั้ง ถึงเขาจะออกเยอะกว่าก็เถอะผมเลยไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่าเป็นเพื่อนกัน เคยนึกเหมือนกันว่าพี่เขาก็มีเพื่อน ทำไมไม่ชวนเพื่อนไปวะ แต่ก็แค่คิดไม่กล้าถาม... จนวันหนึ่งไอ้พันมันถามว่าผมกับพี่คนนั้นเป็นแฟนกันเหรอ ผมก็ เฮ้ย ไร ไม่ได้เป็น คิดได้ไง แล้วมันก็ถาม ไม่ได้เป็น แล้วไปเที่ยว ไปดูหนัง กินข้าวกับเขาทำไม ผมบอก ก็เขาชวนไปเป็นเพื่อน ไอ้พันทำหน้าตาประมาณว่าเอือมมากตอนนั้นมันอยู่ ม.2 ครับ แต่มีแฟนแล้ว อยู่ ม.3 แก่แดดจริงๆมันบอก รู้ตัวหรือเปล่าว่าเขามาจีบ ผมก็ หะ? ล้อเล่นใช่มั้ย แล้วมันก็สาธยายไม่มีรุ่นพี่ที่ไหนจะไปเฝ้ารุ่นน้องทุกอาทิตย์โดยไม่หวังผลตอบแทน แล้วกินข้าว ดูหนังเนี่ย ถ้าครั้งสองครั้งยังโอเค แต่นี่แทบจะเรียกได้ว่าทุกอาทิตย์ รุ่นน้องกับรุ่นพี่ที่ไหนเขาทำกัน แล้วพอผมคิดตามก็ เออ จริงๆ ด้วยแล้วไมใช่ไอ้พันรู้คนเดียวนะครับ คนอื่นก็รู้ อย่างพ่อผม แม่ผม เพื่อนผม รู้กันหมด แต่พวกเขานึกว่าผมรู้และเต็มใจเหอะๆ

 

ผ่านไปเกือบสามทุ่ม ไอ้เล่ย์เรียกพนักงานมาสั่งอาหารใส่กล่อง แล้วก็เช็คบิล…

“จะกลับแล้วเหรอ” ไอ้เดียวถามอย่างเสียดาย... จะกินอะไรเยอะแยะวะเนี่ย

“ไปกินต่อที่ห้อง เดี๋ยวขับรถไม่ไหว” ไอ้เล่ย์บอก

“ห้องไหน” ผมถามงงๆ

“ห้องพัก” เอิ่ม บอกแค่นี้ไม่ต้องบอกก็ได้นะ

ผมขี้เกียจเล่นยี่สิบคำถามกับมัน เลยหันไปเขย่าไอ้ซอลให้ลุก “เฮ้ย ซอล ลุก กลับแล้ว”

“เพี๊ยะ!” ไอ้เดียวครับ ตบไอ้เอ้ ที่สะดุ้งขึ้นมานั่งตาขวาง “ไอ้เชี่ย มึงจะตบกูทำไมเนี่ย”

“ลุก จะกลับแล้ว” ไอ้เดียวพูดยิ้มๆ

“สาดดด” ไอ้เอ้ดึงคอเสื้อไอ้เดียวแล้วกำน้ำแข็งใส่ลงไป ส่วนไอ้เดียวก็เต้นเป็นเจ้าเข้า “เชี่ย! เย็นๆๆๆ”

แขกโต๊ะอื่นก็หันมามอง คงจะรำคาญเสียงพวกเราแน่ๆ เลย พอดีเด็กเสิร์ฟเอาอาหารกับเงินทอนมาส่ง พวกเราก็เลยไม่ต้องอยู่ให้ลูกค้าคนอื่นๆ ใช้สายตาพิฆาตนาน…

 

“พุ มานั่งหน้า” ไอ้เล่ย์บอก ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูเข้าไปนั่งกับพวกไอ้เอ้ ตั้งใจจะให้ไอ้เดียวนั่งหน้า เพราะมันตัวสูง “ให้คนขายาวๆ นั่งหน้าดิ”

“มานั่งหน้า” มันพูดเน้นๆ แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่คนขับโดยไม่รอดูว่าผมจะทำตามหรือไม่

แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ นอกจากเปิดประตูด้านหน้าฝั่งผู้โดยสารเข้าไปนั่ง เหลือบมองไปด้านหลัง ท่าทางก็ไม่ลำบากเพราะวันนี้ไอ้เล่ย์มันไม่ได้เอากระบะมีแคบมาอย่างที่ผมคิดครับ เป็นบีเอ็มสีดำคันใหญ่แทน…

มันขับพาเรามาจอดที่โรงแรมระดับห้าดาวแห่งหนึ่งครับ…

“เข้าไปรอที่ล็อบบี้เลย เดี๋ยวเอาของก่อน” ไอ้เล่ย์บอก แต่พอผมจะเดินตามพวกเพื่อนๆ ไป มันก็ดึงแขนไว้ “อย่าเพิ่งไป มาช่วยถือของก่อน”

ผมเดินตามมันไปที่ท้ายรถ “แล้วไม่เปิดกระโปรงล่ะ”

“เดี๋ยวค่อยเปิด” มันบอก แล้วยืนพิงรถไว้ ก่อนจะดึงผมเข้าไปหา “เฮ้ย!”

ตกใจสิครับ อยู่ๆ ก็ถูกดึงไปกอด “ทำไร ปล่อย”

“ชีส์ อย่าเสียงดัง เดี๋ยวคนก็ออกมาดู ไม่อายรึไง” มันพูดเสียงดุ แต่ตานี่เยิ้มเลยครับ

มึงเพิ่งกินไปนิดเดียวเองนะเหล้าอะ

 

 

 

“อ๊วก!!! โอ๊ก!!!!”

เสียงใครอ้วกวะ โคตรดัง... ผมตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด ปวดหัวแทบบ้า ยังจะมาเจอเสียงรบกวนประสาทอีก แต่พอหลับตาลงก็นอนต่อไม่ได้ เพราะรู้สึกผะอืดผะอมจนต้องรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ

เชี่ย ประตูห้องน้ำล็อค สายตาผมสอดส่ายไปเห็นถังขยะเลยคว้ามาแทนก่อน แล้วปล่อยของเก่าที่กินเข้าไปเมื่อคืนออกมา

พอปล่อยออกจนสะใจแล้ว ผมก็มองหาน้ำบ้วนปาก แต่ไม่เจอ มีแต่โซดาที่เหลืออยู่ครึ่งขวดก็เลยเอามาแก้ขัด…แล้วเดินโซซัดโซซาไปล้มตัวลงนอนที่เตียงอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลง

ไม่รู้ว่านอนไปนานเท่าไหร่ แต่ในความรู้สึกผมเหมือนแป๊บเดียวเอง ก็มีคนมาเขย่าเบาๆ “พุ…. ลุกมากินยาก่อน”

“อือ….” จริงๆ ผมจะบอกว่าไม่กิน แต่ทำไมเสียงมันเป็นงั้นก็ไม่รู้

แล้วผมก็ถูกจับให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนที่ยาเม็ดขมๆ จะถูกยัดเข้ามาในปาก “กินน้ำ”

กำลังหิวน้ำอยู่พอดี เลยกินไปซะหมดแก้ว ก่อนที่จะถูกจับให้นอนลง เสียงหัวเราะคุ้นๆ ดังขึ้น “หึ หึ หมดสภาพจริงๆ”

แล้วผมก็หลับไป….

ตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะความผะอืดผะอม รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็อ้วกใส่โถส้วม แต่ไม่มีอะไรออกมานอกจากน้ำกับลม นั่งกอดโถส้วมอยู่สักครู่ ท่าทางจะไม่มีอะไรออกมาจริงๆ ก็ลุกขึ้นจะเดินออกไปจากห้องน้ำ แต่เผอิญสายตาเหลือบไปเห็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างนอนนิ่งอยู่ในอ่างอาบน้ำพอดี “เฮ้ย!!”

“อะไร?” เสียงถามจากไอ้เล่ย์ตรงหน้าประตูห้องน้ำ ผมหันไปมองมัน แล้วก็หันกลับมาพิจารณาผ้าม่านที่หลุดออกมาจากราวเหมือนมีคนกระชากแล้วก็ร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ในอ่างอีกครั้ง ไอ้เอ้นั่นเอง “มะ มันเป็นไรอะ”

ไอ้เล่ย์หัวเราะหึๆ เปิดน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้ผม “แค่เมา ยังไม่ตาย”

พอรู้ว่าเพื่อนยังไม่ตาย ผมก็สบายใจ รับแก้วน้ำจากไอ้เล่ย์มาบ้วนปาก แล้วก็ถือโอกาสล้างหน้าไปด้วย แต่พอเงยหน้าขึ้นจากอ่างล้างหน้า ผมก็ต้องร้องอย่างตกใจอีกครั้ง “เฮ้ย!”

“อะไรอีก” มันคงสงสัย มึงจะร้องอะไรนักหนา... แต่ผมไม่สนใจ มองสำรวจตัวเองที่มีแค่บ๊อกเซอร์ใส่อยู่ตัวเดียว ไอ้เล่ย์ทำท่าว่าเข้าใจ “ไม่ได้ทำอะไรหรอกน่า เห็นนอนไม่สบายก็เลยเช็ดตัวให้”

พอผมมองหน้ามันประมาณว่าแน่นะ มันก็ทำหน้าเอือมๆ เหมือนไอ้พันเด๊ะ “โดนทำหรือไม่ทำเนี่ย ไม่รู้ตัวเองเลยหรือไง”

“แล้วจะรู้มั้ย ก็คนมันไม่เคย” ผมบ่นพึมพำตามหลังไอ้เล่ย์ที่ส่ายหน้าเดินหนีไปแล้ว แต่ก็ยังได้ยินเสียงมันแว่วๆ “ใครจะไปทำลง กลัวโดนอ๊วกใส่”

...แล้วใครจะรู้ล่ะวะ

...ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ผมก็คงจะไม่คิดหรอกครับ

เมื่อคืน… หลังจากที่โดนดุว่าเสียงดังผมก็มองมันตาปริบๆ ใจนี่เต้นตึกตักๆ ดังจนคิดว่ามันก็คงจะได้ยินอะ

ถามว่ากลัวมั้ย กลัวครับ มือที่วางอยู่บนอกของคนที่กอดผมไว้เนี่ย เห็นเลยว่าสั่นแต่มันเป็นความกลัวคนละแบบกับตอนที่รู้ว่าพี่ปลายใส่ยาลงไปในแก้วครับ

…ตอนนั้นผมกลัวและรังเกียจ

แต่ตอนนี้มันเป็นความกลัวผสมตื่นเต้น และไม่รู้สึกรังเกียจสักนิดเดียว

พอมันก้มหน้ามาหา ผมก็พยายามเอนหนี แต่ถูกจับศีรษะด้านหลังไว้ ส่วนแขนข้างที่กอดอยู่ตรงเอวก็รัดแน่นขึ้น... รู้ว่าหนีไม่พ้น ผมก็เลยหลับตาปี๋ ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นๆ จะกดประทับลงมา

จูบแรกของผม!!!

“อ้าปาก” เสียงมันกระซิบสั่ง

ไม่ได้คิดจะทำตามที่มันสั่งหรอกนะ แต่พอรู้ตัวอีกที ลิ้นของมันก็สอดเข้ามาในปากแล้ว

ถามว่ามันจูบเก่งมั้ย… ไม่รู้ครับ เพราะเพิ่งเคยจูบกับมันเป็นคนแรกรู้แต่ว่าตอนที่มันถอนปากออกไป แข้งขามันอ่อนไปหมด ถ้าไม่ใช่เพราะมันกอดไว้ ผมคงทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว

แล้วมันก็บอก “ค่าจ้าง”

แพงไปมั้ยครับ!!

ตอนนี้อยากอาบน้ำมาก แต่ไอ้เอ้มันก็ดันนอนอยู่ในอ่าง เลยไม่รู้จะอาบยังไง เลยต้องเดินออกมาขอความช่วยเหลือจากคนที่นั่งดูทีวีอยู่ “เล่ย์...”

มันไม่ขานรับ แต่หันมองเหมือนถาม…

“ไปช่วยยกไอ้เอ้ออกมาหน่อยดิ อยากอาบน้ำ”

“ไปอาบห้องโน้น” มันพยักหน้าไปทางประตูที่เปิดอยู่ ทำให้ผมนึกได้ว่า ห้องที่พวกเราอยู่มันเป็นห้องแฝดครับ เปิดถึงกันได้ กำลังจะเดินไป ก็มีปัญหาอีกอย่าง แล้วกูจะเอาชุดที่ไหนใส่วะเนี่ย “แล้วเสื้อผ้าเราอะ”

มันชี้ไปที่ถุงกระดาษมันๆ ที่วางอยู่ตรงเก้าอี้ “ชุดเก่าส่งซัก”

ผมเดินไปเปิดดู มีทั้งเสื้อและกางเกงหลายตัว ป้ายราคายังไม่ได้เอาออกเลย “ซื้อมาจากไหน”

“เอาท์เล็ท มอลล์”

“ตอนไหน”

“ตอนบ่าย” มันก็ถามคำตอบคำจริงๆ เลยแต่เมื่อตะกี้นี้มันบอกว่าบ่าย บ่ายเหรอ… ผมรีบมองหานาฬิกาก็เห็นวางอยู่ตรงโต๊ะหัวเตียง “เฮ้ย!”

ไอ้เล่ย์สะดุ้ง แล้วก็หันมามองรำคาญๆ เพราะตั้งแต่ตื่นมาผมเฮ้ยหลายรอบเหลือเกิน“ร้องทำไม”

“ก็มันบ่ายสามแล้วอะ”

“แล้วไง”

“ก็โดนชาร์จสองวันอะดิ”

มันส่ายหน้า แล้วหันไปดูทีวีต่อ “ก็ถูกแล้ว อยู่สองวันจะให้ชาร์จวันเดียวหรือไง”

“แล้ววันนี้จะไม่กลับเหรอ” ถ้าวันนี้ไม่กลับก็กลายเป็นสี่คืนห้าวัน

“ดูสภาพแต่ละคนก่อน”

เออ เอาไงก็เอาวะ ผมคิดปลงๆ แล้วก็หยิบเสื้อผ้าในถุงออกมาดู “แล้วชุดไหนของเรา”

“อยากใส่ตัวไหนก็ใส่ไป” ผมหยิบเสื้อยืดคอวีสีน้ำตาลกับกางเกงขาสั้นแค่เข่าสีดำขึ้นมา เห็นเบอร์ก็รู้ว่าใส่ได้พอดี แล้วก็มีกางกางในด้วยครับอะไรมันจะละเอียดขนาดนั้น

“เอาผ้าเช็ดตัวไปด้วยนะ ห้องโน้นมันเอาไปเช็ดอ๊วกกันหมดแล้ว” ไอ้เล่ย์บอก

แล้วพอผมเดินเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เห็นสภาพแล้วก็ต้องตกใจ... อะไรวะเนี่ย!

เตียงนอนครับ เหลือแต่เตียงจริงๆ ที่นอนถูกยกลงมาข้างล่าง คือ เตียงโรงแรมมันจะมีที่นอนสองชั้นใช่เปล่าครับ มันก็ดึงลงมาหมดเลย ห้องนี้มีที่นอนห้าอันรวมของเตียงเสริมด้วย มันลากลงมาหมด กระจัดกระจายอยู่เต็มห้อง แล้วไอ้เดียวก็นอนอยู่บนเตียงที่ไม่มีที่นอน โดยที่ไม่ได้ห่มผ้าด้วย แอร์ก็เปิดซะเย็นเจี๊ยบ

...แม่งจะเป็นปอดบวมตายมั้ยเนี่ยเพื่อนกู

ผมหยิบผ้านวมไปคลุมให้ไอ้เดียวแล้วก็พยายามมองหาไอ้ซอล แต่ไม่เจอ นึกว่ามันคงจะเข้าไปนอนในอ่างเหมือนไอ้เอ้ แต่ก็ไม่มี เลยเดินกลับมาที่ห้องเพื่อถามไอ้เล่ย์ “ไอ้ซอลล่ะ”

“ก็อยู่ที่ห้องนั่นแหละ”

“ไม่มี” ผมลากเสียงบอกให้รู้ว่าไม่มีจริงๆ

“หาดีหรือยัง”

“ดีแล้ว ไม่มีจริงๆ”

ไอ้เล่ย์ลุกขึ้นยืนเซ็งๆ ประมาณว่าผมไปขัดจังหวะการดูหนังของมันอะ“ถ้าเจอนะ”

“อุ๊ย” ผมยกมือกุมหูข้างที่โดนดีด แล้วก็ผลักไอ้คนที่ทำอย่างแรง แต่เหมือนผลักหินอะ ไม่ขยับสักนิด…

แล้วไอ้หินก็เดินหนีไปพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างสะใจ เออ กูไม่ตัวใหญ่มั่งก็แล้วไป ชิ

ผมเดินตามไอ้เล่ย์ไป เห็นมันเดินไปดึงที่นอนที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ ห้องขึ้นดูทีละอัน ก็แซวขำๆ “หาไร แมงสาบเหรอ”

มันหันมามองเหมือนคาดโทษ ก่อนจะยกที่นอนตรงข้างๆ โซฟาออก ข้างใต้เป็นอะไรรู้มั้ยครับ… ไอ้ซอล!

มันไปทำบ้าอะไรใต้ที่นอนวะ

ผมรีบเดินเข้าไปดูมัน เอานิ้วรองใต้จมูก… โอเค ยังไม่ตาย แต่พอเงยหน้าขึ้นมา “จุ๊บ”

“เฮ้ย!” ผมตกใจ ยกมือกุมแก้ม ส่วนไอ้คนทำก็ยักคิ้วให้แล้วบอก “รางวัล”

ผมเลย… ไปอาบน้ำดีว่า

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมหลุดหัวเราะออกมาเมื่อไอ้เล่ย์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ฟัง

ไอ้เดียวครับ มันเมาแล้วไม่ยอมให้ใครนอน พอใครจะไปนอนมันก็จะลากลงมาจากเตียง แล้วสุดท้ายมันนั่นแหละที่รื้อที่นอนออกมาจากเตียง เพราะจะไม่ให้ใครนอน...

ส่วนผมที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับเขาเพราะหลับครับ ไอ้เล่ย์บอกว่านั่งพิงผนังห้องหลับทั้งๆ ที่มือยังจับแก้วเหล้าอยู่ ตั้งแต่ตอนที่ไอ้เดียวยังไม่ได้ลากที่นอนลงมาแล้ว พอไอ้เดียวเห็นมันก็บอกว่าไม่เป็นไร เพราะยังอยู่ในวงเหล้า จะหลับก็หลับไป แต่ห้ามไปหลับที่เตียง... ชั่วจริงมึง

สุดท้ายไอ้เอ้มันก็ทนไม่ไหวเข้ามาขังตัวอยู่ในห้องน้ำ ตอนแรกที่ผมตื่นมาแล้วได้ยินเสียงอ้วกและเข้าห้องน้ำไม่ได้ก็เพราะมันนี่แหละครับ ส่วนไอ้ซอลมันก็มุดเข้าไปใต้ที่นอนหนีไอ้เดียวครับ... ดีไม่ขาดใจตาย

สรุปเลยเหลือไอ้เล่ย์นั่งกินอยู่กับไอ้เดียวแค่สองคน แต่ด้วยความที่ไอ้เล่ย์มันเพิ่งจะมากิน มันก็เลยไม่ค่อยเมา แต่ไอ้เดียวมันกินติดๆ กันมาหลายวันแล้ว อยู่ได้ไม่นานมันก็ฟุบ…

เดอะวินเนอร์จึงตกเป็นของ…...นายเล่ย์

เย้!!!

 

แล้วประมาณห้าโมงเย็นไอ้เอ้ก็ฟื้น…. ฟื้นขึ้นมาพร้อมเสียงอ้วก“โอ๊ก!!!”

หลังจากนั้นไม่นานไอ้ซอลก็ฟื้นขึ้นมาอีกคน แต่ไอ้เดียวนานหน่อย เกือบทุ่มกว่ามันจะฟื้น…

“อีกซักกรึ๊บมั้ยครับท่าน” ผมล้อไอ้เดียวที่นั่งคอตกกุมแก้วกาแฟอยู่ตรงโต๊ะหน้าทีวีที่มันไม่ยอมให้ใครเปิด... เพราะมันปวดหัว!

“เป็นไงล่ะ เมื่อคืนทำเป็นเสี้ยน กูจะนอนก็ไม่ให้นอน” ไอ้เอ้หัวเราะหึๆ อย่างสะใจมีไอ้ซอลกดไลค์เป็นลูกคู่ “ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ฮ่า ฮะ โอ๊ย!”

ไอ้ซอลโดนไอ้เดียวตบกบาลครับ “เสียงดังทำพ่อมึงเหรอ กูปวดหัว!!”

“กูว่ามึงนั่นแหละ เสียงดังสุด” ไอ้เล่ย์ว่าขำๆ พอดีเสียงมือถือของผมดังขึ้น ชื่อพี่พิทโชว์หรา… ผมเดินเลี่ยงออกมาคุยอีกห้องหนึ่ง... กลัวเสียงจะไปรบกวนไอ้เดียว คึคึ

“โหล”

[มีไร] อารายวะ โทรมาแล้วดันมาถามเราอีก งงนะเนี่ย

“มีไรอะไร?”

[ก็มึงโทรมาหากูไม่ใช่เหรอ]

“โหพี่ ไม่โทรมาปีหน้าเลยล่ะ” นี่ถ้าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ผมคงจะสวดเสร็จไปแล้วล่ะ

[เพิ่งเห็นเว้ย เพิ่งเปิดเครื่อง แล้วมึงมีไร ว่ามา]

“ตอนนั้นน่ะมี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว”

[อะไรของมึง… แล้วตอนนี้อยู่ไหนเนี่ย]

“พัทยา”

[ไปทำไรพัทยา]

“มาปีนเขา” ผมพูดขำๆ

[กวนตีนละ เดี๋ยวกูถีบให้]

“เหอะๆ ไม่กลัว อยู่ไกล”

[เดี๋ยวกลับมาก่อน มึงโดนแน่… แล้วไปกับใคร พัทยาอะ]

“มากับ…  ไอ้เอ้ ไอ้เดียว ไอ้ซอล แล้วก็ไอ้เล่ย์เพิ่งมาเมื่อวาน”

[ไอ้เอ้ กูรู้จัก แต่คนอื่นๆ มันเป็นใคร ทำไมกูไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน]

“อยู่คนละคณะ พี่พิทไม่รู้จักหรอก”

[มึงมีเพื่อนต่างคณะด้วยเหรอ] พี่พิททำเสียงสงสัยอย่างมาก

“ไรอะ เห็นงี้ ผมก็มีมนุษย์สัมพันธ์ดีเยี่ยมนะเว้ย”

[เหรอ…] พี่พิทลากเสียงถาม นึกหน้าออกเลยว่าคงกำลังทำหน้าดูถูกเต็มที่ [เออๆ ถ้ามึงไม่มีไรก็ดีแล้ว งั้นแค่นี้นะ]แล้วพี่แกก็วางไป โดยที่ผมยังไม่ทันได้เอ่ยลา...พี่ใครวะ มารยาทดีจริงๆ

เดินกลับมาที่ห้องเห็นทุกคนมองมาเป็นตาเดียว ผมก็เลิกคิ้วขึ้น“อะไร?”

“พวกกูตกลงกันแล้วว่า…” ไอ้เอ้มันพูดแล้วก็หยุดไปเหมือนต้องการให้ลุ้น และผมก็ลุ้นจริงๆ ครับ “ว่า…”

“พวกกูจะไปเที่ยวบ้านมึง”

ผมรีบส่ายหน้าอย่างเร็ว “ไปไม๊ ไม่ต้องไป”

“ทำไม มึงรังเกียจพวกกูเหรอ” ไอ้เดียวครับ จะไปๆ เนี่ย หายปวดหัวยังเหอะ

“ร่วมชะตากรรมเดียวกันมาตั้งสี่วันแล้ว มึงยังไม่นับพวกกูเป็นเพื่อนอีกเหรอ” ไอ้ซอลครับ ดราม่ามาเลย

ผมเหลือบมองไอ้เล่ย์ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่นอกระเบียง ท่าทางจะไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับพวกนี้ “แล้วจะไปไง มันไกลนะ”

“กลัวไรวะ บ้านมึงไกลมาก อยู่ในป่าหิมพานต์ต้องข้ามทะเลสีทันดรไปรึไง รถทัวร์เยอะแยะ” ไอ้เดียวว่า แล้วก็ยกกาแฟดำขึ้นซด ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไปอ้วกรอบที่ร้อย

“อยากไปก็ไป แต่พาเที่ยวไกลๆ ไม่ได้นะ ที่บ้านมีรถคันเดียว พ่อต้องใช้” พูดขนาดนี้ พวกมึงก็น่าจะเข้าใจนะว่ากูไม่อยากให้ไป

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ไม่รบกวนรถพ่อมึงหรอก รถไอ้เล่ย์ก็มี”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับรถ….” ถามยังไม่ทันจบ ผมก็เก็ทเอง “ห๊ะ เล่ย์ก็ไปเหรอ”

“ก็เออดิ”

จะไปกันทำไม!!!

 

+++++unbelievablelove+++++

ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2013 02:00:51 โดย rainbow67 »

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
Re: Unbelievable Story : Chapter 4 - 25 Aug 12
«ตอบ #55 เมื่อ25-08-2012 05:43:00 »

ลุ้นๆ ว่าใครเป็นพระเอก แล้วทำไรกัน เอิ๊กๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2012 13:06:12 โดย namtarn11 »

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: Unbelievable Story : Chapter 4 - 25 Aug 12
«ตอบ #56 เมื่อ25-08-2012 06:39:23 »

อร๊างงง ค้างง่า :z3:
เลย์ดึงพุไปกอด แล้วต่อนี้คืออะไร จูจุ๊บหรือเปล่า :o8:
ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ยอมขนาดนี้ เริ่มคิดเร็วได้แล้วนะพุ คริๆ :z1:
อยากอ่านอีกค่า :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2012 17:12:22 โดย BeeRY »

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: Unbelievable Story : Chapter 4 - 25 Aug 12
«ตอบ #57 เมื่อ25-08-2012 10:24:46 »

เล่ย์คะแนนนำโด่งแล้ว  เฮียมัวแต่กกสาวจะไม่ทันเอานะ
แต่ตลกดีกินเหล้าจนหมดตัว เฮ้อ จะเอาโล่กันรึหนุ่มๆ

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: Unbelievable Story : Chapter 4 - 25 Aug 12
«ตอบ #58 เมื่อ25-08-2012 10:43:39 »

พี่แพทงอนเกินชายแล้วนะ
เชียร์เล่ย์สุดใจ

ออฟไลน์ JingJing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 552
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
Re: Unbelievable Story : Chapter 4 - 25 Aug 12
«ตอบ #59 เมื่อ25-08-2012 11:27:48 »

อิเฮียแพทนี่กะจะงอนข้ามปีเลยรึไง หักคะแนนด่วนๆ
ยอดชายนายเล่ย์จะทำไรน้องพุน้อย คิดค่ามารับ? :z1: 
อยากอ่านต่ออ่ะ :o11:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด