แอบมาต่อ ไม่บอกใคร หุหุ
=================================
เอมีนแยกออกมาจากคนกลุ่มนั้นแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะกลับห้องพัก เด็กหนุ่มเผลอน้ำตาซึมระหว่างการเดินทางไปหาเพื่อน เมื่อย้อนคิดไปถึงคำพูดของธีระที่บอกว่าเขาเป็นแค่เพียงเด็กบ้านแตกใครล่ะจะมาสนใจความเป็นอยู่ …..ใช่ไม่มีใครที่จะสนใจเขาเลยจริงๆ…….
“เอมีนอยู่ไหน” น้ำเสียงที่เอ่ยทักทายในขณะที่เขาก้าวลงจากแท็กซี่ทำให้เอมีนรู้สึกดีขึ้นมา เมื่อรู้ว่าคนต้นสายที่โทรเข้ามาคือจัสติน
“มาหาเพื่อนน่ะแล้วนายทำไรอยู่”
“อยู่บริษัทแต่กำลังจะกลับแล้วล่ะ คืนนี้ว่างป่าว”
“ก็ว่างทำไมเหรอ”
“ไปหาได้มั๊ยอยากคุยด้วย”
“อาจจะดึกนะเพราะไม่รู้จะออกจากห้องเพื่อนเมื่อไหร่”
“แถวไหนล่ะให้ไปรับก็ได้นะ”
“ไม่ต้องอ่ะอย่ามาเลยยังไว้ค่อยคุยอีกทีนะ บาย” เอมีนรีบตัดสายทิ้งเมื่อจุดประสงค์จริงๆที่เขาต้องถ่อสังขารมาที่นี่ในสภาพร่างกายที่ไม่เอื้อต่อการเดินทางกำลังยืนอยู่ประจำที่รักษาความปลอดภัยใต้ตึก รปภ….คนนี้ไงที่เขาต้องการเจอ!!!!!!!!
ฟิลิปแยกตัวออกไปจากโปรดิวเซอร์และผู้จัดการเขาก็ไม่ได้กลับบ้านเช่นกัน เด็กหนุ่มขับรถวนไปรอบๆเมืองอย่างเลื่อนลอย ทำไมหนอหัวใจถึงได้คิดห่วงใยคนที่เดินกะเผลกออกจากตึกเมื่อตอนหัวค่ำ แผลที่ข้อเท้าคงไม่ใช่แผลเล็กๆป่านนี้จะไปหกล้มอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
“บ้ากูต้องบ้าแน่ๆ มันไม่มีทางเกิดขึ้นมันไม่มีทางเกิดขึ้น” เด็กหนุ่มบอกกับตัวเอง เขาจะรู้สึกผูกพันกับผู้ชายด้วยกันได้ยังไงมันเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงไม่ใช่เหรอ แต่ถ้าวันไหนที่ไม่ได้เจอเอมีนทำไมถึงได้รู้สึกเซ็งจนไม่มีกะใจที่จะทำอะไร
แม้ตอนที่ได้เจอจะพ่นน้ำลายสาดไฟใส่กันก็เถอะ แต่เขาก็พอใจที่จะเป็นแบบนั้นดีกว่าห่างหายไม่ได้เจอหน้า นี่มันคงไม่ได้หมายถึงคำรักหรอกนะ ฟิลิปนึกแย้งความรู้สึกตัวเองแต่ก็เหมือนฟ้าจะแกล้งเขาอย่างตั้งใจ เมื่อมองเห็นร่างใครบางคนกำลังยืนรอรถอยู่ป้ายข้างหน้าเด็กหนุ่มไม่รอช้าที่จะทำตามความรู้สึกตัวเอง
…ปรี๊นนน… เอมีนมองรถที่จอดเทียบใกล้เขาและบีบแตรเสียงดังมันไม่ใช่คันที่คุ้นตาแต่คนที่นั่งหน้าตึงอยู่ในรถก็ทำให้เขาอดที่จะสบถกับตัวเองไม่ได้
“จะมาหาเรื่องอะไรกูอีกล่ะมึง”
“ขึ้นมาสิไปไหนจะไปส่ง” เอมีนชงักเมื่อฟิลิปเลื่อนกระจกลงแล้วหันมาพูดด้วย
“แค่อยากรู้เรื่องที่นายคุยกับพี่ธี ไม่ได้คิดจะที่มาหาเรื่องหรือพิศวาสอย่าจินตนาการไปไกลขนาดนั้น” เอมีนแทบเต้นไอ้นี่มันยังปากร้ายไม่ต่างจากเดิม
“เร็วดิเดี๋ยวพ่อนายก็แห่มาแจกใบสั่งหรอก” เอมีนรู้ว่าฟิลิปหมายถึงอะไร ก็ถ้าแช่รถไว้ในที่ห้ามจอดนานกว่านี้คงได้ไปโรงพักแน่แต่มันจะเป็นยังไงก็เรื่องของมันสิไม่น่าจะเกี่ยวกับเขา เด็กหนุ่มเลยเลือกที่จะไม่ทำตามคำสั่งนั้น
“กะอีแค่ขึ้นมานั่งบนนี้มันจะตายหรือไง บอกไม่ได้มาหาเรื่องก็ไม่ได้มาหาเรื่องซิวะ เห็นขาน่าจะเจ็บจะไปส่งให้หรือคิดว่าตัวเองกำลังจะดังใหญ่เลยทำเป็นหยิ่งขึ้นมา” เจอไม้นี้เข้าให้เอมีนจึงยอมขึ้นไปนั่งคู่คนพูด ก็ดีที่นายนี่รู้จักมีน้ำใจกับคนอื่นซะบ้าง
ตลอดเส้นทางที่นั่งคู่กันไปไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากคนทั้งสอง เอมีนเองก็เหนื่อยและเจ็บแผลจึงไม่มีอารมณ์ที่จะพูดอะไร แต่ก็ไม่แน่ถ้าคนข้างตัวแขวะมาก่อนเขาก็คงจะย้อนให้เหมือนกัน แต่นี้ฟิลิปไม่ได้ออกอาการกวนใจให้เห็นเลยแม้แต่นิดจนอดที่จะคิดไม่ได้ว่านายนี่คงจะกินยาผิดมาแน่ๆ
“ไปทำอีท่าไหนให้คอช้ำมาขนาดนี้” ฟิลิปชวนคุยในที่สุด เอมีนผ่อนลมหายใจยาวก่อนจะบอก
“เรื่องไร้สาระอย่าสนใจเลย”
“ไร้สาระอะไรข้อเท้าก็เป็นแผลซะจนเลือดไหล ไปทำแผลมาหรือยังไม่รู้” เอมีนก้มมองขาตัวเองใครจะปล่อยให้ตัวเองเลือดซึมได้ตลอดล่ะไอ้บ้า แต่จะว่าไปมันจะมาสนใจทำไมล่ะเนี่ย
“อยู่แถวไหนจะกลับบ้านหรือจะไปไหนต่อ” เหมือนเป็นการดักคอไม่ให้เอมีนคิดอะไร ฟิลิปจึงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยขึ้นมา ก่อนจะรู้ว่าคนที่เขาเคยด่าว่าเสียๆหายๆพักอยู่คนเดียวและใช้ชีวิตอย่างไม่มีใครมาโดยตลอด เออเนาะอยู่ๆเขาก็รู้สึกผิดขึ้นมาเฉยๆเมื่อนึกถึงคำพูดที่เคยเอ่ยกับคนข้างๆ
“ทำไมเงียบไป” เอมีนอดที่จะถามไม่ได้เมื่อเห็นฟิลิปกลับไปนั่งนิ่งเหมือนเดิม
“เปล่า” ฟิลิปตอบสั้นๆก่อนจะหันไปสนใจเส้นทาง ไม่อยากที่จะคิดให้ใจมันวุ่นวายไปมากกว่าที่รู้สึกอยู่ สู้ส่งนายนี่ให้ถึงบ้านแล้วรีบหนีไปให้พ้นเสียดีกว่า ยิ่งอยู่ใกล้ความรู้สึกลึกๆในใจมันยิ่งจะชัดเจน เอมีนเป็นได้มากกว่าคนทั่วไปที่เขาไม่ใส่ใจ