ตอนที่ 3 หยางตี้หลง‘จงเข้มแข็งไว้นะตี้หลง มามารักลูกเสมอ ฝากดูแลปาปาและหงส์ขาวน้องเจ้าด้วย มามาต้องไปแล้ว’
“มามา!! มามาอย่าเพิ่งไปอยู่คุยกับผมก่อน ทำไมต้องทิ้งผมไปด้วย มามาผมสัญญาว่าจะดูแลเฟิงหวงและปาปาแทนมามาเอง ผมสัญญา!” ผมตะโกนสุดเสียงเพื่อให้ผู้หญิงที่ผมรักที่สุดได้ยิน เมื่อพยายามตะเกียกตะกายไขว่คว้าเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเอื้อมถึงมามาได้
ผมนั่งทับขาลงกับพื้นยื่นมือค้างกลางอากาศน้ำตาไหลพราก เพราะนึกเจ็บใจที่ไม่สามารถกอดแม่ตัวเองไว้ได้ทั้งๆที่ผมไม่ได้เจอท่านมานานแล้ว ฝ่ามือเล็กกระจ้อยร่อยตรงหน้าค่อยๆขยายขนาดขึ้น สายตาพร่าเลือนจากน้ำตาบวกกับแสงแดดสว่างจ้าที่ลอดผ่านนิ้วทั้งห้าทำให้ผมต้องกระพริบตา และรู้สึกถึงความอบอุ่นจากแสงแดดที่ได้สัมผัสจนรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาในอก ผมพยายามไล่หยาดน้ำตาก่อนไขว่คว้าสัมผัสอุ่นที่ฝ่ามือไว้และกระชับมั่น กระพริบตาอยู่หลายทีก่อนจะปรือตาขึ้นจึงได้พบว่าแสงเจิดจ้าจากดวงอาทิตย์เปลี่ยนเป็นแสงขาวนวลตาจากหลอดไฟซะแล้ว เหลียวมองไปที่เพดานสีขาวไล่ต่ำลงมาที่ผนังสีเดียวกัน ก่อนประสาทสัมผัสรับกลิ่นจะถูกกระตุ้นให้รู้ว่าเป็นกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ จึงทำให้รู้ว่าตัวเองนั้นอยู่โรงพยาบาลผมหลับตาลงอีกครั้งเพื่อลำดับความคิด เหตุการณ์ต่างๆไหลเข้าสู่สมองและภาพใบหน้าถมึงทึงของใครบางคนก่อนที่ผมจะเข้าห้องฉุกเฉินก็ฉายชัดขึ้นจนต้องยิ้มออกมา ก่อนผมจะรู้สึกถึงความอบอุ่นที่กุมกระชับที่ฝ่ามือมาตลอด และนี่เองที่เป็นความอุ่นใจที่เกิดขึ้นขณะที่ผมอยู่ในห้วงฝัน
เจ้าของฝ่ามือที่กุมทับนั้นซบหน้าลงกับเตียง ผมจึงเห็นเพียงกลุ่มผมสีดำยุ่งเหยิงพร้อมเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเจ้าของมัน คนแปลกหน้าที่บังเอิญมาอยู่ร่วมเหตุการณ์เฉียดตายของผม แม้เจ้าตัวเองเกือบจะทำให้เราทั้งคู่ถูกมือปืนจับได้แต่ยังดีที่ผมหาวิธีปิดปากหนุ่มไทยคนนี้ได้ซะก่อน เมื่อนึกถึงวิธีปิดปากของผมแล้วก็อดจะอารมณ์ดีปนแปลกใจในตัวเองไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นการ ‘จูบ’ กับผู้ชายครั้งแรก แต่ทำไมตัวผมถึงไม่ฉุกคิดก่อนที่จะทำหรือแม้แต่นึกรังเกียจสัมผัสนั้นเลย ผมไม่ต้องผ่านกระบวนการคิดให้เสียเวลาด้วยซ้ำและออกจะรู้สึกดีกับจูบครั้งนี้ด้วย ครั้งแรกที่ได้เจอหนุ่มไทยคนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนลูกเสือตัวเล็กๆที่ไร้พิษสง เสียงขู่คำรามก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรออกจะน่าเอ็นดูซะมากกว่า คิดมาถึงตรงนี้ทำไมผมถึงกับต้องยิ้มออกมาด้วย ตั้งแต่พบคนๆนี้ก็มีอะไรให้ผมต้องแปลกใจในตัวเองตลอดเลย
ผม ‘ตี้หลง หรือ ตี้หลง เอ็ดมันด์ หยาง’ ฉายา ‘มังกรดิน’ ตำแหน่งรองหัวหน้าแก๊ง ‘หยางหลงเหยียน’ ที่เร็วๆนี้จะได้รับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งที่อายุน้อยที่สุดตั้งแต่มีมา บวกเข้ากับเป็นแก๊งมาเฟียที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเกาะฮ่องกง การที่ผมจะมาหัวเราะยิ้มร่าเป็นเรื่องที่ผิดวิสัยตัวเองมาก ด้วยความที่ผมอายุน้อยและต้องปกครองคนเป็นพันก็ต้องวางตัวให้น่าเคารพยำเกรง ปกติจะไม่มีใครเห็นผมยิ้มง่ายๆหรอกครับ แต่หนุ่มไทยคนนี้เป็นใครกันถึงทำให้มังกรดินยิ้มยากอย่างผมยิ้มออกมาจากใจได้ง่ายๆแบบนี้
ผมขยับมือออกจากความอบอุ่นอย่างช้าๆเพื่อมาสัมผัสกับเส้นผมสั้นที่ละเอียดนิ่มมือ พยายามทำทุกอย่างให้เชื่องช้าและเบามือที่สุดกลัวว่าคนที่อยู่ในห้วงฝันจะตื่นขึ้นมาโวยวายซะก่อน และให้แปลกใจตัวเองอีกครั้งที่ผมสามารถจดจำรายละเอียดของลูกเสือขี้โมโหตัวนี้ได้ ด้วยหน้าขาวเกลี้ยงเกลาแววตาระยับอย่างเอาเรื่อง คิ้วเข้มขมวดเป็นปม ปากแดงสดแสยะแยกเขี้ยวพ่นถ้อยคำโหวกเหวกโวยวายกระตุ้นประสาทรับเสียงให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แม้ลูกเสือตัวนี้จะดูขี้โมโหแค่ไหนแต่ก็เป็นคนที่มีน้ำใจมาก ขนาดเราไม่ได้รู้จักกันมาก่อนตี๋สยามคนนี้ก็พาผมมาส่งโรงพยาบาลด้วยตัวเอง ทั้งๆที่เขาน่าจะรู้ว่าเรื่องของผมมันต้องชักนำความยุ่งยากมาสู้ตัวเองแท้ๆ จะไม่ให้ผม ‘ประทับใจ’ ในความมีน้ำใจของหนุ่มไทยคนนี้ได้ยังไงกันครับ
นึกมาถึงตรงนี้ผมก็ออกกังวลถึงเรื่องเหตุการณ์ลอบสังหารของตัวเองเข้า หวังว่าคำขอร้องของผมคงได้รับการตอบสนองจากตี๋ไทยคนนี้นะครับ ไม่อย่างนั้นถ้าเรื่องถึงตำรวจแล้วอะไรๆที่น่าจะง่ายมันคงยากกว่าที่คิดไว้เป็นแน่ และผมก็พอจะรู้ต้นตอของคนว่าจ้างแล้วด้วยว่ามันเป็นใคร ขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดถึงแผนการที่จะทำต่อจากนี้สัมผัสนิ่มที่ปลายนิ้วก็ขยับ ทำให้ได้รู้ว่าเจ้าของเส้นผมนุ่มมือเริ่มรู้สึกตัวแล้ว ผมจึงจับจ้องไปที่กลุ่มผมดำที่เจ้าของกำลังพลิกหน้ากลับมาทางสายตาที่ผมจ้องอยู่ ปากแดงขยับเบาๆเหมือนกำลังบ่นอะไรบางอย่าง หัวคิ้วเข้มขยับเข้าหากันแต่ตายังคงปิดสนิท เจ้าตัวคงเพลียมากถึงขั้นหลับไม่รู้เรื่องทั้งๆที่อยู่ในท่าที่ไม่น่านอนสบายแบบนี้ พลันผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าทำไมตี๋ไทยคนนี้ถึงมานั่งกุมมือผมและหลับอยู่ข้างเตียงได้ ผมหวังว่ามันคงไม่ใช่อย่างที่คิดนะครับ และทำไมผมถึงต้องฉีกยิ้มอีกแล้วแค่คิดว่าลูกเสือขี้โวยวายตัวนี้นั้นใจดีแค่ไหน ด้วยผมเองคงยึดมืออุ่นข้างนั้นไว้แบบไม่รู้ตัวพาให้คนที่หลับอุตุต้องลำบากยอมให้ผมกุมมือไว้ และเป็นสาเหตุที่สร้างความอุ่นใจให้ผมเหมือนในฝัน ส่วนตัวเองกลับต้องมานอนซบขอบเตียงหลับไป ทั้งๆที่เขาจะกระชากออกก็ได้ซึ่งผมคงไม่รู้ตัวหรอกครับใช่มั้ย!?
“ไอ้กิ้งกือดิน จั๊บๆ มึงนี่มันน่า จะ.....ลงกระ...ทะให้รู้ฤทธิ์กู.....ม้างงง อืม” เสียงเบากระท่อนกระแท่นสลับเสียงจ๊วบจ๊าบจากตี๋แดนสยามที่ได้ยินทำให้ผมต้องเงี่ยหูฟัง เมื่อจับใจความได้ก็ให้นึกขบขันแม้ผมจะไม่แตกฉานในภาษาไทยนักแต่ก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังละเมอถึงอะไร
“ฮึๆ ฮ่าๆๆๆ” ไม่เคยมีใครกล้าว่าผมเป็นกิ้งกือมาก่อนแถมลูกเสือตัวนี้ยังคิดจะจับพญามังกรอย่างผมลงกระทะอีกด้วย คิดดูสิครับจะไม่ให้ผมหัวเราะเสียงดังจนลืมความตั้งใจที่จะให้คนขี้เซาได้นอนต่อไปเลยได้ยังไงกัน
“โว้ยยย ใครมาหัวเราะในห้องกูวะ” เอาล่ะสิครับลูกเสือขี้โมโหตื่นซะแล้ว น่าตาบูดบึ้งเอาเรื่องน่าดูเชียวล่ะ
ผมต้องคลี่ยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อตี๋ไทยเปลี่ยนจากหน้าตาบูดบึ้งมาเบิกตาโต ก่อนจะจ้องผมเหมือนกำลังเรียบเรียงความคิดว่าตัวเองอยู่ที่ไหนกำลังทำอะไรอยู่ และกลับมาเก๊กหน้านิ่งทั้งๆที่หัวฟูฟ่อง ส่วนผมก็เฝ้ารอและจับจ้องทุกอิริยาบถของลูกเสือตัวนี้ว่าจะมีปฏิกิริยาแบบไหนต่อ ผมนั้นไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้มานานมากแล้ว
“เออ! มึงยิ้มได้แบบนี้ก็ดีแล้ว กูจะได้กลับเสียที กูเสียเวลากับมึงมามากแล้ว” ลูกเสือขี้โมโหกระแทกเสียงใส่ผมด้วยหน้าบึ้งๆตาวาววับก่อนจะหมุนตัวกลับทั้งๆที่ผมยังไม่ได้เอ่ยอะไรด้วยเลย ดูสิครับคนอะไรพูดก็ไม่เพราะมันน่าสั่งสอนนักเชียว
“เดี๋ยว.....โอ๊ยยยยย!!” ใจที่อยากจะรั้งตัวคนที่มีน้ำใจและสร้างความประทับใจไว้ ทำให้ผมลุกขึ้นกะทันหันลืมสังขารของตัวเองไป เป็นผลให้ความเจ็บแล่นพล่านจากหน้าท้องแผ่ขยายไปทั้งตัวจนต้องร้องออกมาและล้มตัวลงนอนตามเดิม ส่วนมือก็ยกมากุมท้องที่มีผ้าพันแผลไว้ ก่อนจะรู้สึกถึงความอุ่นชื้นที่ขยายวงกว้างใต้ฝ่ามือ
“เฮ้ยยย เวรแล้วมึง แผลปริแล้วมั้งเนี่ย ไอ้ตี๋มึงนี่ไม่เจียมสังขารเลยนะ ลำบากกูอีกแล้ว แม่ง” ตี๋หน้าบึ้งที่บ่นไม่หยุดปากและกล้าว่าคนอื่นเป็นไอ้ตี๋ทั้งๆที่หน้าตัวเองนั้นเหมาะกับคำนี้มากกว่าเป็นไหนๆ แต่คนขี้โวยวายก็ยังกุลีกุจอมาดูแผลแถมทำหน้าเจ็บปวดแทนเมื่อเห็นรอยเลือดเป็นวงกว้างที่ผ้าผืนขาว ก่อนจะกมปุ่มหัวเตียงเรียกพยาบาลด้านนอกย้ำๆให้รู้ว่าเจ้าตัวนั้นร้อนใจแค่ไหน
ความรู้สึกอุ่นวาบในอกนี่มันอะไรกันและไอ้อาการฉีกยิ้มกว้างได้ทั้งๆที่เจ็บแผลจนชานี่อีก ‘มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันครับ’ แค่ได้เห็นตี๋ไทยตรงหน้านี้แสดงอาการเป็นห่วงเป็นใยในตัวผมแค่นั้นเอง ผมคว้ามือที่ยุ่งอยู่กับผ้าพันแผลไว้และรับรู้เลยว่าเจ้าของมือชะงักงัน ก่อนตวัดสายตามามองผมด้วยหน้าตาหาเรื่องและพยายามดึงมือออก แต่แล้วแรงดึงรั้งที่มีก็ผ่อนลงปล่อยให้มืออุ่นข้างนี้ตกอยู่ในอุ้งมือของผม ซึ่งผมก็ไม่รู้นะว่าตัวเองมีสีหน้าแววตาแบบไหนลูกเสือแสนดื้อตัวนี้ถึงยอมทำตัวนิ่งๆได้ แววตานิ่งสงบที่ได้สบทำให้ผมอุ่นใจจนอยากทอดเวลาละมุนละไมที่ได้อยู่เงียบๆระหว่างเราแบบนี้ให้อยู่นานๆ
“ขอบคุณที่ช่วยผมไว้” คำพูดผมเหมือนดั่งคำที่คลายมนต์สะกดที่ตรึงเราสองคนได้ ตาตี่กระพริบอยู่หลายทีก่อนหรี่ตาจ้องหน้าผมนิ่งๆและดึงมืออุ่นออกจากการเกาะกุมของผมจนผมนึกเสียดาย
“อืม ไม่เป็นไร” น้ำเสียงจริงจังที่ส่งมาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆประดับใบหน้าขาวทำให้ผมตกตะลึง ก่อนหัวใจจะเต้นรัวเมื่อมีสัมผัสอุ่นมาวางแหมะที่หัวและลูบให้อย่างอ่อนโยน แต่แล้วตัวผมเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างเมื่อได้เห็นรอยยิ้มกว้างและได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำจากคนตรงหน้า
“ฮึๆๆ เจ็บจนเพ้อเลยเหรอเรา ฮึๆ” น้ำเสียงเอื้อเอ็นดูจากตี๋ไทยที่ผมไม่ได้ยินสำเนียงทอดอ่อนแบบนี้มานานแล้ว ยิ่งทำผมจ้องเขม็งและเก็บใบหน้าเปื้อนยิ้มน่าดูนี้ไว้ในหัวใจแบบไม่รู้ตัว ผมคว้าข้อมือที่อยู่บนหัวมากุมไว้อยากจะพูดอะไรสักอย่างออกไป แต่ผมก็สับสนเกินกว่าที่จะถ่ายทอดออกมาได้ และไม่รู้ผมจะดีใจหรือโกรธเคืองคนที่เปิดประตูเข้ามาดีที่เข้ามาขัดจังหวะความสับสนในใจนี้
“คนไข้เป็นอะไรรึเปล่าคะ” เสียงหวานที่ดังขึ้นเรียกสายตาเราทั้งคู่ให้หันไปมอง ก่อนมืออุ่นที่ผมกุมไว้จะผละออกและเจ้าของมันก็หันไปคุยกับพยาบาลที่เข้ามาแทน
ผมนั้นไม่มีสติพอจะรับรู้ว่าทั้งคู่พูดอะไรกันบ้าง เพราะสายตาจับจ้องเพียงแผ่นหลังกว้างและหมกมุ่นกับความคิดของตัวเอง ใบหน้าของคนที่ผมคิดคำนึงถึงหันกลับมามองและเลิกคิ้วให้อย่างแปลกใจ คนๆนี้คงกำลังสงสัยอยู่แน่ๆว่าผมเป็นอะไรถึงจ้องเขาไม่วางตา พลันผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าผมยังไม่รู้จักชื่อเขาเลยแต่ยังไม่ทันที่ผมจะถาม ประตูห้องก็ถูกเปิดอีกครั้งตามมาด้วยพยาบาลสองคนที่เข็นรถเข้ามา ทุกอย่างดูวุ่นวายขึ้นทันตาร่างอรชรอ้อนแอ่นของนางฟ้าชุดขาวปิดบังสายตาผมจากลูกเสือของผม จนผมต้องชะโงกตัวเพื่อดูว่าเขาคนนั้นที่ผมยังไม่รู้จักชื่อยังอยู่ในห้องรึเปล่า จึงโดนนางฟ้าทั้งสองดุเอาก่อนจะแว่วเสียงหัวเราะอย่างถูกใจมาเข้าหู และให้ผมได้สบายใจว่าลูกเสือขี้โมโหยังอยู่ในห้องจนต้องคลี่ยิ้มทั้งๆที่เจ็บแปล๊บที่ท้องอยู่ตลอดเวลา
“คุณชื่ออะไรครับ” ผมถามออกมาดั่งใจคิดไม่ทันประมวลความคิดก่อนเลยด้วยซ้ำ
“คะ เอ่อ ชื่อแววค่ะ / กิ๊กค่ะ” ผมนอนเหวอจ้องหน้าแดงๆของนางฟ้าทั้งสองที่กำลังง่วนทำแผลให้ก่อนหน้านี้ มองหน้าจิ้มลิ้มที่แดงเถือกของคนทั้งคู่สลับไปมา ก่อนจะรู้ตัวจึงส่งยิ้มอ่อนๆให้ทั้งคู่และเสหลบตามามองที่ผ้าม่านสีครีมที่กั้นผมกับคนที่ผมต้องการส่งคำถามเมื่อครู่ให้แทน
“ร้ายนะมึง ทั้งๆที่เจ็บอยู่แท้ๆ” แว่วเสียงกระทบกระเทียบจากคนหน้าตี๋ที่อยู่อีกฝั่ง และนึกขำตัวเองขึ้นมาที่เอ่ยปากทั้งๆที่เจ้าตัวเขาไม่ได้อยู่ต่อหน้า พาลทำให้ถูกเข้าใจผิดคิดว่าผมนั้นอยากรู้ชื่อสาวสวยทั้งๆที่ยังนอนเจ็บอยู่แบบนี้
ตลอดเวลาการทำแผลนั้นผมไม่กล้าจะเอ่ยปากอะไรออกไปอีก กลัวว่าจะสร้างความเข้าใจผิดให้พยาบาลสาวทั้งคู่ เพราะแค่นี้พวกเธอก็อายหน้าแดงจนทำแผลผิดๆถูกๆแล้ว นอกจากชายตาให้ผมแล้วยังมีการเขม่นกันเองอีกด้วย ผมล่ะกลัวไอ้คีมที่คีบสำลีล้างแผลจะทิ่มพรวดเข้ารูที่ท้องจริงๆครับ ผมที่มองนิ่งที่ผ้าม่านสีครีมก็ต้องชะงักกับเสียงนุ่มๆที่คุยเบาๆจากอีกฝั่งหนึ่งและต้องหูผึ่งกับประโยคที่ได้ยิน
“ครับ...ใช่ครับ อีกพักเดียวผมถึงบ้านแน่นอนครับ...[ นี่เธอ! ]..รัก...[ เอ๊ะ! ยังไง]...ที่สุดครับ” ประโยคไม่ปะติดปะต่อที่ผมได้ยินจากคนที่คุยโทรศัพท์หลังม่าน เหตุเพราะสองสาวเค้าเริ่มทะเลาะกันเองแล้ว
ผมพอจับใจความได้ว่าลูกเสือของผมเขาบอกรักคนปลายสาย ทำให้ผมร้อนรนแปลกๆแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน และเริ่มหงุดหงิดกับสองสาวที่ทำแผลไม่เสร็จสักทีเพราะมัวแต่แย่งกันพันแผลให้ผม แต่ก่อนที่ผมจะตวาดออกไปเพราะไม่ได้ดั่งใจก็ต้องหยุดความตั้งใจนั้นลง
“แคว่กกก / เป็นยังไงบ้างครับคุณพยาบาล ทำแผลเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยเอ่ย” คนที่ทำให้ผมร้อนรนเปิดผ้าม่านออกมาพร้อมคำถามที่ใช้น้ำเสียงนุ่มผิดกับแววตานิ่งสนิท จนสองสาวที่โดนถามตกใจเอ่ยเสียงอ่อยๆว่ายังไม่เสร็จ
การทำแผลที่ดูยุ่งยากเหมือนต้องใช้เวลานานผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมีคนหน้าขาวยืนจ้องด้วยสายตาเอาจริงทั้งๆที่คลี่ยิ้มน้อยๆ จนผมที่โดนเหลือบมองเป็นระยะยังต้องเงียบไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอะไร ส่วนสองสาวชุดขาวเอ่ยขอตัวทันทีที่ทำแผลเสร็จ และสายตานิ่งเรียบก็ถูกจับจ้องมาทางผมแทน จนผมเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
‘พญามังกรแบบผมที่ลูกน้องทั้งแก๊งยังต้องเกรงเพียงแค่ผมขยับตัว แต่นี่อะไรแค่ลูกเสือขี้โมโหตัวเดียวจ้องเขม็งที่ยังไม่มีแม้คำพูด ก็ทำให้มังกรดินแบบผมนิ่งเป็นเป่าสากได้แล้วหรือเนี่ย’
..........................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
พญามังกรทำไมหงอกับแค่ลูกเสือขี้โมโหด้วยน้า
แถมยังแอบหวงทั้งๆที่เพิ่งเจออีกแน่ะ ฮึๆๆ
ส่วนเฮียธัชดูภายนอกเหมือนจะใจร้ายปากร้ายเนอะ
แต่จริงๆออกจะอ่อนโยนกับเด็ก(หนุ่ม)และโปรยเสน่ห์
ใส่แบบไม่รู้ตัวอีก งานนี้มังกรจึงตกหลุมพยัคฆ์เข้าให้แล้ว
ใครจะเคะจะเมะจิ้นกันได้เลยค่ะ แต่เราวางไว้แล้วรออีกนิดได้รู้แน่^^
ปล.+1และเป็ดแทนคำขอบคุณที่มาเป็นกำลังใจให้กันนะคะ
เจอเฮียธัชและตี้หลงได้อีกทีวันศุกร์ค่ะ
รวบ
และ
ค่ะ