เช้าวันเสาร์ไกรสรนั้นตื่นแต่เช้า เพื่อตั้งใจจะแวะไปหารุจที่บ้านพัก หลังจากที่แทบจะปิดห้องทำงานไม่ยอมรับรู้โลกภายนอก จนขวัญแก้วกับขวัญตามาบ่นอุบให้รุจฟังอย่างเป็นห่วง แต่รุจบอกว่าอีกฝ่ายอาจจะมีงานด่วนต้องจัดการก็ได้ เพราะก่อนหน้านั้นก็ยังโทรมาหาเขาอยู่เลย นั่นจึงทำให้สองสาวเบาใจลงไปได้บ้าง
“ดูพี่ไกรเขาสิตา พอมีแฟนแล้ว น้องสาวอย่างเราก็ไม่มีความหมาย ทำอะไรก็ไม่ยอมบอกเหมือนเคย”
ขวัญแก้วเปรยประชด เพราะลองเลียบเคียงถามเรื่องที่พี่ชายปิดห้องทำงานเมื่อสองวันก่อน ทั้งที่เป็นช่วงพักร้อนของอีกฝ่ายแท้ ๆ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบอะไรจากไกรสรเลย
“ก็บอกแล้วไงว่าบอกไม่ได้ ขืนพวกเธอหลุดปากต่อหน้ารุจ ที่ฉันทนลำบากทำไปเพื่อเซอร์ไพรส์เขา มันก็ไม่มีความหมายน่ะสิ”
ชายหนุ่มบอกกับน้องสาวของเขา อย่างไม่ค่อยใส่ใจอาการงอนนั้นนัก พอได้ยินดังนั้นขวัญแก้วกับขวัญตาก็ถอนหายใจเบา ๆ ไล่เลี่ยกัน แม้จะหมั่นไส้เพียงใด แต่พวกเธอก็ยังดีใจที่พี่ชายยอมหยุดอยู่ที่คนคนเดียว แทนที่จะเจ้าชู้ไปเรื่อย ๆ ได้สักที
“ว่าแต่พวกเธอเตรียมตัวกันเสร็จหรือยังล่ะ เพราะเดี๋ยวพี่จะแวะไปซื้อดอกไม้ให้รุจเขาอีก”
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ! ไปได้เดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ!”
ขวัญแก้วเอ่ยรับคำแบบประชดประชันจนขวัญตาแอบหัวเราะ จากนั้นทั้งสามก็ขึ้นรถไปคันเดียวกัน โดยที่ไกรสรนั้นแวะซื้อกุหลาบส้มช่อใหญ่ไปฝากคนรักของเขา
“กุหลาบส้ม หมายความว่ายังไงหรือคะ”
ขวัญตาถามพี่ชายของเธออย่างสงสัย รุจยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงตอบน้องสาวออกไป
“มันหมายถึงว่า ฉันยังรักเธอเหมือนเดิมน่ะสิ ...เป็นการยืนยันว่าที่หายหน้าไปเพราะไม่ว่างจริง ๆ ไม่ได้หมดรักอะไรเลย เขาจะได้หายน้อยใจสักทียังไงล่ะ”
“แต่แก้วไม่เห็นรุจเขาน้อยใจอะไรเลยนี่คะ ออกจะทำงานได้แฮปปี้ ยิ้มแย้มมีความสุข มากกว่าตอนพี่อยู่ด้วยซ้ำไป”
ขวัญแก้วเอ่ยขัดทำให้คนเป็นพี่ชายชะงักแล้วหันมามองน้องสาวด้วยสายตาเขม่นนิด ๆ
“ใครเขาจะแสดงออกให้คนนอกรู้ล่ะ เอาเป็นว่าพี่รู้กับรุจแค่สองคนแล้วกัน ว่าเขาน่ะเหงาและคิดถึงพี่ขนาดไหน”
ขวัญแก้วลอบถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะรับคำยานคางอย่างยอมแพ้ เพราะไม่คิดเลยว่าพี่ชายของเธอจะหลงตัวเองขนาดนี้มาก่อน นี่ถ้ารุจได้ยินเข้า คงจะรู้สึกเอือมระอาไม่แพ้กับเธอเลยทีเดียว
และเมื่อถึงบ้านพัก ไกรสรก็เจอกับปวีร์เข้าพอดี ชายหนุ่มตรงเข้าไปขอดูชุดที่จะต้องใส่วันนี้ เพราะปวีร์นั้นปิดเขาไม่ยอมบอก แม้กระทั่งยามที่เขาเข้าไปเช็คในเว็บไซต์ที่เจ้าตัวทำไว้ ก็มีเพียงแค่ข้อความบอกให้ลูกค้าลุ้นเอาเอง และเตรียมเซอร์ไพรส์สำหรับเสาร์นี้เท่านั้น
“ใจเย็น ๆ ครับพี่... เดี๋ยวก็ได้เห็นพร้อมกันอยู่ดีล่ะน่า”
ปวีร์แกล้งถ่วงเวลา ทำเอาชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วยุ่ง แม้แต่สองสาวเองก็ถูกปิดเป็นความลับเช่นเดียวกัน ทว่าพวกเธอก็มั่นใจฝีมือของปวีร์ ว่าคงจะไม่ทำให้พวกเธอผิดหวังกับชุดในวันนี้เป็นแน่
“โอ๊ะ ปยุตกับราเมศมาละ วันนี้ชุดค่อนข้างเต็มยศเลยต้องแพคอย่างดีสักหน่อย”
ปวีร์บอกอย่างอารมณ์ดี โดยที่ราเมศได้แต่จ้องมองตอบตาปริบ ๆ เพราะอีกฝ่ายไม่คิดจะช่วยพวกเขาแบกแต่อย่างใด
“อ้าว เด็ก ๆ ลงมากันแล้ว พวกเธอมานี่สิ ชุดเสร็จแล้วนะ”
ปวีร์บอกแล้วก็อมยิ้มนิด ๆ เมื่อเห็นบางคนนิ่วหน้ามาแต่ไกล
“รับรองวันนี้ชุดมิดชิด เรียบร้อย ไม่มีโชว์เซ็กซี่เหมือนอาทิตย์ก่อนหรอกน่า”
แต่ละคนนึกเอะใจเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรไม่ว่าจะเป็นชุดแบบไหน ยังไงพวกเขาก็ต้องแต่งอยู่ดี จึงทำให้ทุกคนรับชุดมาเปิดดูอย่างเสียไม่ได้
“ทักซิโด้สีขาว...อะไรกันครับเนี่ย”
ภูริที่เปิดชุดดูเป็นคนแรกเอ่ยถามอย่างแปลกใจ พลางเหลือบมองเครื่องแบบของกวินที่เปิดเช็คชุดดูบ้าง และก็พบว่าชุดของอีกฝ่ายก็เหมือนกันกับของเขาด้วยเช่นกัน
“ Wedding Theme ยังไงล่ะ เข้าท่าไหม”
ปวีร์บอกพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาคนถามนิ่งอึ้ง แต่พอหันไปมองวาโย แล้วนึกถึงสภาพอีกฝ่ายในชุดเจ้าสาว เขาก็แอบยิ้มน้อย ๆ ตามมา
“อ้าว...ทำไมยังไม่เปิดชุดของตัวเองดูอีกล่ะ โย ริน”
ปวีร์หันไปทางชายหนุ่มผู้น่ารักทั้งสอง วาโยนั้นรูดซิบถุงพลาสติกคลุมเสื้อไปเพียงครึ่งแต่พอเห็นลายลูกไม้ของชุดในถุงแวบ ๆ เขาก็หยุดมือในทันที ยิ่งพอได้เห็นชุดของภูริและกวิน รวมไปถึงธีมที่ปวีร์บอก เขาก็พอคาดเดาได้แล้วว่าชุดของตนเองจะเป็นชุดแบบไหน
“ได้ใส่กางเกงแค่อาทิตย์เดียวเองหรือครับ...”
วาโยโอดครวญ ทำเอาปวีร์ต้องหลุดหัวเราะอย่างเอ็นดู ส่วนการินที่สังหรณ์ไม่ดีเม้มปากนิ่ง เขาเองก็ยังไม่ได้เปิด แล้วมองดูชุดของเพื่อนคนอื่นก่อน แต่พอเจอเข้าแบบนี้เขาก็รู้สึกเสียวไม่แตกต่างจากวาโยเข้าแล้ว
“ริน...เปิดสิ อยากเห็นอะ”
กวินเข้ามาเซ้าซี้ และคาดหวังในสิ่งที่ไม่แตกต่างจากภูริหวังจากวาโยเท่าใดนัก การินจ้องมองคนรักตาปริบ ๆ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะรูดซิบถุงพลาสกติกออก และหยิบชุดในนั้นออกมาดู
“ว้าว! ชุดเจ้าสาวอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ด้วย เยี่ยมไปเลย! อะ...เอ่อ ฉันก็แค่ชมเอง อย่าทำตาดุอย่างนั้นสิ”
คนที่ตะโกนด้วยความยินดีรีบแก้ตัวเมื่อเห็นการินมองเขาด้วยแววตาวาววับ ส่วนวาโยพอเห็นชุดของเพื่อน เขาก็นึกปลงแล้วหยิบชุดตัวเองออกมาดูบ้าง ก่อนจะทำหน้าหงิกไม่แพ้การิน
“ทำไมชุดเจ้าสาวถึงเป็นเดรสสั้นล่ะครับ”
“เพราะถ้าเป็นเดรสยาวมันจะไม่สะดวกกับการเสิร์ฟไงล่ะ”
ปวีร์ตอบทันควัน ทำให้วาโยชะงัก ก่อนจะก้มลงมองชุดของตัวเองอีกครั้ง มันเป็นเดรสขาวเปิดไหล่ข้างหนึ่ง บริเวณริมขอบเสื้อไปจนถึงแขนอีกข้างเป็นระบายจีบรอบ นอกจากนี้ตรงบริเวณอกยังมีฟองน้ำเสริมหน้าอกเย็บติดกับชุด ทำให้เวลาใส่แล้วดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ส่วนกระโปรงถูกออกแบบเป็นระบายชั้น ๆ ซ้อนกันหลายชั้น กระโปรงด้านหลังจะยาวกว่าด้านหน้าเล็กน้อย ทำให้ดูเก๋และหวานขึ้นกว่าชุดกระโปรงแบบปกติที่ชายหนุ่มเคยใส่มา
ส่วนทางด้านการินเองก็เป็นเดรสขาวเหมือนกัน เพียงแต่แบบของชายหนุ่มนั้นจะแตกต่างจากวาโยที่เน้นอ่อนหวาน โดยจะเป็นชุดกระโปรงสายเดี่ยวเกาะอก ตรงบริเวณลำตัวเป็นผ้าลูกไม้โปร่งทำให้ดูเซ็กซี่นิด ๆ ตัวกระโปรงทำเป็นดอกกุหลาบประดับโดยรอบ ด้านหน้าจะสั้นเลยหัวเข่าขึ้นมาเกือบฝ่ามือและด้านหลังยาวกว่าด้านหน้าเล็กน้อย
“แล้วทำไมผมถึงต้องโดนจับแต่งหญิงอีกรอบด้วยล่ะ!”
การินโวยวายตามมา แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของผู้เป็นอาจับจ้องมองมายังตน
“ก็พอรินแต่งหญิงก็ทำให้มีลูกค้าผู้ชายเข้าร้านเยอะขึ้นอีกนี่นา...และที่สำคัญ วินเองก็ชอบให้รินแต่งแบบนี้ด้วยไม่ใช่หรือ เห็นเสาร์ที่แล้วออกจะดีใจเวลาเห็นหลานแต่งตัวสวย ๆ ให้เห็นนี่นะ”
กวินสะดุ้งเฮือกพลางกลืนน้ำลายลงคอ มองปวีร์อย่างไม่แน่ใจว่าเรื่องความรักของเขาและการินจะถูกเปิดเผยแล้วหรือไม่
“ฮึ! ที่ยอมแต่งเพราะมันเป็นหน้าที่หรอกนะ”
การินแสร้งทำประชดเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องระหว่างเขากับกวิน แต่ก็ค่อนข้างแน่ใจว่าผู้เป็นอานั้น น่าจะรู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับความรักของเขามากพอสมควร
จากนั้นทั้งหมดจึงนำเสื้อผ้าไปลองชุดมาให้ปวีร์ดู โดยไกรสรนั้นอยากตามไปช่วยรุจเปลี่ยนเสื้อผ้าถึงที่ห้องแต่ก็เกรงว่าจะโดนไล่ตั้งแต่ที่ขอเสียก่อน เขาจึงได้แต่เพียงมอบดอกกุหลาบช่อโตส่งให้อีกฝ่าย แล้วมองตามตาละห้อยไปจนสองสาวนึกขำ
“โธ่! พี่ชายฉัน เป็นเอามากนะนั่น ...จริงสิ ปกติเมติดวีไม่ยอมห่าง แบบนี้ด้วยหรือเปล่าน่ะ”
ขวัญแก้วหันไปถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ทำเอาคนถูกถามชะงักเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งทำเป็นยิ้มแบบไม่รู้สึกรู้สาให้แทนคำตอบ ทว่าราเมศนั้นทำเป็นลุกเมินเดินหนีไปอีกทางแทน จนขวัญแก้วนึกหมั่นไส้
“ฮึ! ใช่ซิ เรามันคนนอก บอกอะไรไม่ได้นี่นะ”
ปวีร์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เพราะรู้ว่าหญิงสาวไม่ได้โกรธเขาจริงจังแต่อย่างใด เพราะว่าพอพวกหนุ่ม ๆ ปรากฏตัวในชุดธีมแต่งงาน ทั้งคู่ก็หันไปให้ความสนอกสนใจและตื่นเต้นกับพวกเขาเหล่านั้นแทน
อีกด้านหนึ่งไกรสรที่เฝ้ารอคอยรุจอยู่ พอได้เห็นคนรักในชุดทักซิโด้สีขาวแบบนี้ ชายหนุ่มก็ถึงกับตกตะลึง และยืนมองอึ้ง ๆ อยู่สักพักจนรุจต้องเอ่ยทักทายก่อน
“เป็นอะไรไปครับ ผมแต่งออกมาแล้วดูตลกงั้นหรือ”
“อะ...ปะ เปล่า แต่เธอดูดีมากเลย...นี่เป็นครั้งแรกนะ ที่ฉันเห็นผู้ชายใส่สูทแล้วดูดีจนอยากจะตรงเข้าไปกอดแบบนี้น่ะ”
ไกรสรเอ่ยออกไปตามตรง ทำให้คนฟังแย้มยิ้มน้อย ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งคู่สบตากันอยู่อย่างนั้นจนคนรอบข้างรู้สึกตัว เสียงกระแอมจากใครหลาย ๆ คนจึงดังผสมปนเปกันไป จนคนทั้งสองชะงัก
“ขัดจังหวะจริง ...งั้นไว้รอคืนนี้ค่อยมาสวีทกันต่อนะ จะได้ไม่มีพวกก้างขวางคอตามมาขัดอีก”
ไกรสรหันมายิ้มหวานบอกกับรุจ ทำให้คนฟังเกิดนึกขำเสียยิ่งกว่าโรแมนติก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะเกรงว่าคนสูงวัยกว่าตนจะน้อยใจอีก
“เอ้า! มองกันเองจนพอใจแล้ว ก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมากินข้าวกันต่อ เดี๋ยววันนี้ฉันต้องไปคุมคนมาตกแต่งร้านให้เข้าบรรยากาศธีมแต่เช้าด้วย”
คนอื่นมองชายหนุ่มตาปริบ ๆ โดยเฉพาะราเมศนั้นแอบลอบถอนหายใจเมื่อเห็นคนรักฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็นอีกครั้ง
“ไม่ต้องมองกันแบบนั้นหรอกน่า เพราะหลังจากหมดโปรโมชั่นรวมเล่มครั้งแรกของพวกนาย โครงการต่อไปก็คืออัลบั้มรวมเล่มเฉพาะกิจในแต่ละธีมพร้อมบทสัมภาษณ์ในธีมนั้น ๆ แยกขายเป็นเล่ม ๆ ถ้าบรรยากาศร้านไม่เข้ากับชุด มันก็ดูขัดตาใช่ไหมล่ะ”
ปวีร์ขัดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่วนหนุ่ม ๆ แม้จะรู้เรื่องโปรโมชั่นกันก่อนหน้านั้นแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังไม่เห็นอัลบั้มที่ว่าสักที เพราะปวีร์เริ่มเปิดให้นำใบเสร็จมาแลกซื้อกันได้ในวันนี้นั่นเอง
“ฉันพิมพ์เผื่อไว้ 100 เล่ม แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนใช้สิทธิ์แลกซื้อได้หมดนั่นหรอก ก็แค่สั่งเผื่อเอามาลงไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องสั่งพิมพ์ทีละสิบยี่สิบเล่ม มันเสียเวลาไปเอาน่ะ...อย่างวันนี้ขายได้สักยี่สิบเล่มก็ถือว่าทะลุเป้ามากแล้ว เพราะโปรโมชั่นเรามีอีกเป็นเดือน ...อืม ว่าแต่พวกนายสนใจซื้อเก็บไว้ไหมล่ะ ฉันคิดราคาโรงพิมพ์แบบไม่บวกให้เลยนะ เอาไหม”
“ง่า...ต้องจ่ายด้วยหรือครับ” กวินพึมพำถามเบา ๆ ทำให้ปวีร์หันกลับมามองแล้วตอบคำถามของชายหนุ่ม
“ก็ต้องจ่ายสิ ของซื้อของขายนี่ ...อ้อ ของอัลบั้มรวมชุดแรกน่ะ มีภาพตัวอย่างอัลบั้มชุดว่ายน้ำที่สระของคุณอนุชิตแถมท้ายเล่มด้วยนะ ส่วนอัลบั้มชุดว่ายน้ำจะทำมาแบบลิมิเตท ซึ่งมีจำนวนจำกัดแค่ 69 เล่มเท่านั้น หมดแล้วหมดเลย และไม่ได้ใช้สิทธิ์แลกซื้อเหมือนกับอัลบั้มรวม แต่จะใช้เป็นสั่งจอง โอนก่อน แล้วค่อยพิมพ์แจกให้ลูกค้า เพื่อกันเบี้ยวทีหลังน่ะ”
คนฟังคนอื่นเงียบกริบไปตาม ๆ กัน เพราะไม่คิดว่าตนจะโดนแอบถ่ายด้วยแบบนี้ ยกเว้นคนที่รู้เรื่องราวอยู่ก่อนแล้วที่พากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บ้างก็นึกเห็นใจคนถูกแอบถ่ายอยู่ไม่น้อย
“ง่า...แพงมากไหมครับ ทั้งชุดรวมเล่ม กับชุดว่ายน้ำนั่นด้วย”
กวินเลียบ ๆ เคียง ๆ ไปสอบถามปวีร์ พอได้ยินปวีร์บอกราคา ชายหนุ่มก็นิ่งคิดแล้วบอกออกไป
“หักกับเงินเดือนแทนเลยได้ไหมครับ ผมจองไว้ทั้งสองชุดเลยครับ”
พอได้ยินกวินพูดแบบนั้น การินที่อยู่ใกล้ ๆ ก็นิ่วหน้าแล้วย้อนถาม
“นายจะซื้อมาเก็บทำไม ...อย่าบอกนะว่าอยากระลึกความหลังน่ะ”
การินจ้องคนรักเขม็ง เพราะคิดว่าอีกฝ่ายอยากเก็บอัลบั้มไว้เพราะอยากดูรูปของวาโยในชุดว่ายน้ำ ก่อนหน้านั้น
“บ้ารึ! ฉันก็แค่อยากเก็บดูภาพในอดีตของพวกเราทุกคน...แล้วก็นายด้วยน่ะ”
ท้ายประโยคกวินกระซิบกับอีกฝ่าย ทำให้การินหน้าแดงและเลิกซักต่อ ส่วนทางด้านภูริเองก็นิ่งคิด แล้วเดินไปบอกปวีร์หน้าตาเฉยว่าขอเผื่อตนด้วยอัลบั้มละ 1 ชุด ส่วนวาโยนั้นอยากได้เก็บไว้เหมือนกัน แต่แค่หักหนี้แต่ละเดือนเขาก็แทบไม่เหลือเก็บไว้ใช้จ่ายส่วนตัวแล้วด้วยซ้ำ
“หวังว่าคุณไกรสรคงจะไม่สั่งเผื่อไว้แล้วใช่ไหมครับ”
รุจที่เฝ้ามองอยู่หันไปแย้มยิ้มกับคนรักทำเอาไกรสรสะดุ้งแล้วแสร้งยิ้มเจื่อนกลบเกลื่อน ซึ่งก็เรียกเสียงถอนหายใจจากคนถามขึ้นมาทันที
“มีแต่พวกเราหรือครับ ไม่มีรูปแอบถ่ายในครัว หรือแอบถ่ายคุณนนตอนใส่ชุดว่ายน้ำบ้างหรือครับ”
ธีรัชถามปวีร์อย่างจริงจัง จนปวีร์เกือบหลุดหัวเราะออกมา เจ้าตัวจึงดึงแขนชายหนุ่มออกมาห่างคนอื่นแล้วจัดแจงกระซิบบางอย่าง ธีรัชตาโต แล้วพยักหน้าตกลงทันที
“โอเคเลยครับ เดี๋ยววันนี้จัดเต็มให้เอง!”
ธีรัชบอกแล้วก็เดินฮัมเพลงกลับขึ้นไปเปลี่ยนชุดเป็นคนแรก เพราะอยากจะลงมาช่วยชานนเตรียมอาหารต่อ ส่วนคนอื่น ๆ ก็ขมวดคิ้วยุ่งอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้ซักเพราะปวีร์ไม่มีท่าทางจะเปิดเผยความจริงแต่อย่างใด และก็ต่างทยอยกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมากินอาหารเช้าด้วยเช่นกัน
วันนี้ไกรสรหอบสมุดดีไซน์ปึกใหญ่ขึ้นไปที่ห้องของปวีร์ จึงทำให้เจ้าของห้องรับรู้ความจริงเรื่องที่ไกรสรตั้งใจจะขอกลับมาทำงานอยู่เมืองไทยแทน ปวีร์อมยิ้มนิด ๆ ด้วยความชื่นชมและมั่นใจแล้วว่า ไกรสรนั้นจะจริงจังกับพนักงานของเขาจริงอย่างที่เจ้าตัวเคยลั่นวาจาเอาไว้
“วันนี้เห็นว่าจะขับรถไปเดทกันสองต่อสองใช่ไหมล่ะ เอาเป็นว่าผมฝากดูแลเจ้าสาวให้ดี ๆ ด้วยแล้วกัน”
ไกรสรเหลือบมองคนที่แซวเขานิด ๆ แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย
“คงไม่ได้เลือกธีมนี้ เพื่อฉันหรอกใช่ไหม
ปวีร์หลุดหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยย้อนกลับไป
“หลงตัวเองไม่เปลี่ยนเลยนะพี่... อืม แต่มันก็มีส่วนนิดหน่อยน่ะ ผมเห็นคนในครอบครัวแต่ละคนมีความสุข ผมก็อยากจะตอบแทนอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ คืนให้พวกเขาบ้าง... ก็หวังว่ามันจะเป็นกำลังใจให้พวกเขาแต่ละคู่ พร้อมจะสู้เคียงข้างกันและกันต่อไปวันข้างหน้าล่ะนะ”
ไกรสรยิ้มน้อย ๆ ตอบ พลางหวนนึกถึงเรื่องบางอย่างก่อนที่เขาจะขึ้นมาด้านบนชั้นสองนี้
“แต่ฉันว่านายทำร้ายจิตใจลูกค้าเราอย่างรุนแรงเลยนะนั่น ฉันเห็นแต่ละรายทำหน้าเสียดายกันแทบทั้งนั้น ...ถ้าวันนี้นายบอกว่า มีโปรถ่ายรูปคู่ทิ้งทวน รับรองแต่ละคนจะสั่งอาหารกินกันไม่อั้น จนเชฟนายทำไม่ทันเลยล่ะ”
“ฮะ ๆ พี่ก็พูดเกินไป...” ปวีร์พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น และพอเขารับก็เป็นเสียงขวัญแก้วที่โทรมาจากด้านล่างนั่นเอง
“วีจ๋า...รู้ไหมว่าธีมของเธอเสาร์นี้ทำให้พวกเด็ก ๆ โดนลูกค้าบ่นกันแค่ไหน แต่ละคนบอกว่าเสียดายที่โปรโมชั่นเลิกแล้ว ไม่งั้นรับรองสั่งไม่อั้นเพื่อขอถ่ายรูปให้ครบพนักงานทั้งร้านเลยทีเดียว...”
ปวีร์ขมวดคิ้วแล้วหันไปมองไกรสรที่ยักไหล่ พร้อมกับยักคิ้วเป็นเชิงว่าบอกแล้วไหมล่ะส่งมา
“ขนาดนั้นเลยหรือ ฉันคิดว่าเสาร์นี้จะโดนบ่นว่าธีมค่อนข้างเรียบง่ายเสียอีก... งั้นก็ช่วยฝากให้เด็กพวกนั้นปฏิเสธลูกค้าแบบอ่อนโยนนุ่มนวลแทนฉันด้วยแล้วกัน และถ้าช่วยเชียร์โปรใหม่นี้ให้ขายออกเยอะ ๆ ได้ ฉันจะแถมโบนัสพิเศษของเดือนนี้ให้ทุกคนด้วยล่ะนะ อ้อ! ฝากบอกรุจด้วยล่ะ ว่าจะใช้กลยุทธ์อะไรก็เชิญตามสบาย งัดลูกอ้อนแม่ยกที่มาสั่งขนมกลับบ้าน ให้เต็มที่เลยนะ!”
พอปวีร์พูดจบปลายสายก็รับคำด้วยน้ำเสียงร่าเริง ก่อนจะวางสายไป ทำเอาคนฟังมองตาปริบ ๆ พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“นายนี่มันน่ากลัวจริง ๆ ว่ะวี ฉันชักอยากให้รุจลาออกจากร้านนายแล้วล่ะสิ”
ปวีร์มองหน้าคนพูดแล้วยกยิ้มน้อย ๆ อย่างเป็นต่อ
“แต่เพราะเขาไม่ยอมลาออก พี่เลยต้องยอมออกจากที่โน่นมาอยู่เมืองไทยแทนใช่ไหมล่ะ”
“ฮึ! ใช่สิ ก็เขาชอบที่นี่มากจนตัดใจทิ้งลำบาก แล้วถึงเขาจะตามไปด้วยกันได้ แต่ต้องเศร้าเพราะคิดถึงพวกนาย ฉันก็ใจร้ายพรากไปไม่ลงเหมือนกัน สำหรับฉัน อยู่ที่ไหนก็ออกแบบชุดได้ทั้งนั้นล่ะนะ”
ไกรสรตอบอีกฝ่าย ทำให้ปวีร์อมยิ้มนิด ๆ อย่างชื่นชม
“พี่นี่โคตรพระเอกเลย ถ้าผมเป็นรุจก็คงหลงรักเหมือนกันนะนั่น”
ไกรสรยิ้มกว้างก่อนจะชะงัก เมื่อคนที่เปิดประตูห้องเข้ามาและได้ยินเข้านั้นเงียบกริบ และมองทั้งคู่ด้วยแววตาเอาเรื่อง
“แหม! ฉันอยากให้รุจเขาหึงฉันได้ครึ่งสักแฟนนายจังว่ะวี เป็นแบบนั้นฉันคงปลื้มตายเลย”
ไกรสรหันมาบอกกับปวีร์อย่างไม่สนใจราเมศที่ทำตาดุมองพวกเขา ส่วนปวีร์นั้นก็อมยิ้มน้อย ๆ พลางยักไหล่ จากนั้นไกรสรจึงปลีกตัวขอลงไปด้านล่าง และปล่อยให้คู่รักเคลียร์กันเอง โดยที่เขาไม่ขออยู่เป็นก้างขวางคอ
วันนี้ลูกค้าก็ยังคงมากไม่แพ้เสาร์ที่แล้ว จนปวีร์นั้นนึกชมตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิดในการเพิ่มพนักงานใหม่ เพราะขืนปล่อยให้พนักงานประจำทำกันเองต่อไป ไม่ใครก็ใครต้องมีการล้มหมอนนอนเสื่อกันไปก่อนแน่
“วันนี้มีลูกค้าใช้สิทธิ์แลกซื้อไปแล้ว 45 เล่ม แต่เท่าที่ดูนี่คงจะมีมาเพิ่ม เพราะแต่ละคนก็อยากได้เป็นสมบัติส่วนตัว มากกว่าแชร์กันดูเฉย ๆ ล่ะนะ”
ขวัญแก้วรายงานไปตามสภาพที่ได้เห็นตลอดทั้งวัน และวันนี้ที่ทำให้ยอดขายพุ่งกระฉูดเกินกว่าที่ปวีร์คาดคิดไว้ ก็เพราะในช่วงเย็น ธีรัชนั้นออกมาโชว์ร้องเพลงรักโรแมนติกกล่อมลูกค้าที่ทานอาหารกันอยู่ในร้าน จนแฟนคลับของชายหนุ่มโต๊ะหนึ่งที่มีกันสี่คน ถึงกับสั่งอาหารเพิ่ม และแยกกันใช้สิทธิ์แลกซื้ออัลบั้มติดมือไปคนละเล่มเลยทีเดียว
“สงสัยพี่วีต้องพิมพ์เพิ่มแล้วล่ะค่ะ” ขวัญตาเปรยบอกพร้อมรอยยิ้ม ทำให้คนฟังยิ้มตอบ
“พี่ว่ารอใกล้ ๆ หมดก่อนดีกว่า วันพรุ่งนี้อาจจะขายไม่ออกก็ได้นะ ขืนพิมพ์มาก่อน ก็ทุนจมพอดี”
ขวัญตายิ้มตอบอย่างเข้าใจ ส่วนขวัญแก้วไม่ได้คิดอย่างนั้น ดูจากปฏิกิริยาของบางโต๊ะที่ใช้การจับสลากเพื่อแย่งสิทธิ์ในการครอบครองอัลบั้มแล้ว เธอมั่นใจว่าคนที่พลาดไป จะต้องมาที่ร้านอีกครั้งและใช้สิทธิ์แลกซื้อเป็นสมบัติเฉพาะของตัวเองอย่างแน่นอน
“พวกเราจะอยู่กินข้าวมื้อค่ำกับเขาด้วยไหมรุจ”
ไกรสรที่รอจนร้านเลิกหันไปถามคนรักของเขา รุจนั้นยิ้มน้อย ๆ ตอบ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายอยากอยู่กับเขาสองต่อสองมากเพียงใด
“แล้วแต่คุณสิครับ...ผมตามใจคุณอยู่แล้ว”
พอได้ยินอีกฝ่ายตอบชายหนุ่มก็แทบจะยิ้มแก้มปริด้วยความยินดี ทำเอาปวีร์ที่เห็นต้องแอบขำ
“ตามสบาย เอ้า! พวกเรามาส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปขึ้นรถกันหน่อยเร็ว!”
ขาดคำของปวีร์แต่ละคนก็หันมามองกันเป็นตาเดียว ไกรสรยิ้มแป้นหน้าตาชื่นมื่นอย่างไม่อายใคร ส่วนรุจก็ลอบถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะแย้มยิ้มน้อย ๆ อย่างไม่ใส่ใจอะไรมากนัก
“จะไปค้างกันที่ไหนคะพี่ ...เผื่อจะแอบสโตกเกอร์ตามไป”
ขวัญแก้วแกล้งแซวพี่ชายของเธอ ขณะที่นึกสนุกเดินมาส่งทั้งคู่ขึ้นรถเช่นเดียวกับคนอื่น
“ไม่มีทาง รับรองว่าคืนนี้จะไม่ให้ใครขัดตอนเข้าหอแน่”
รุจเหลือบมองคนพูดอย่างเอือมระอา แล้วก็ชะงักนิด ๆ เมื่อเห็นวาโยมองเขาคล้ายจะพูดอะไรสักอย่าง
“มีอะไรหรือโย” รุจถามรุ่นน้องของตน อีกฝ่ายหน้าแดงและมีท่าทางเอียงอาย ก่อนจะเอ่ยตอบออกมาเสียงแผ่ว
“ผม...เอ่อ...ขออวยพรให้คุณรุจมีความสุขในคืนนี้นะครับ”
คนอื่น ๆ เงียบกริบ และก็ต่างหันไปกลั้นหัวเราะ แม้แต่ภูริยังอมยิ้มและดึงร่างเล็กมากอดอย่างเอ็นดู ส่วนรุจนั้นยิ้มอ่อนโยนให้อีกฝ่ายแล้วชะโงกหน้าไปหอมแก้มวาโยเบา ๆ
“ขอบใจ แต่แอบเสียดายนิด ๆ ที่คนเข้าหอด้วยไม่ใช่นายนะ”
แค่นั้นเองวาโยก็หน้าแดงก่ำ ส่วนไกรสรหน้าหงิกและตัดบทสนทนาโดยการดึงตัวว่าที่เจ้าสาวเขาขึ้นรถไปก่อนที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ ส่วนภูริก็กอดวาโยแน่นจนรุจที่หันมาเหลือบมองแอบขำ
“...หวังว่าคืนนี้คงจะมีคนเข้าหอเป็นเพื่อนฉันบ้างนะ โชคดีล่ะ”
รุจเปรยดัง ๆ แล้วโบกมือค่อย ๆ ก่อนจะขึ้นรถจากไป ทำให้คนที่ได้ยินต่างหน้าแดงบ้าง ครุ่นคิดหนักบ้าง ส่วนสาว ๆ ก็หัวเราะคิกคักกันไปมา จากนั้นพวกเขาจึงกลับเข้าไปในร้าน เพื่อทานมื้อค่ำร่วมกันต่อ
... END ...
สงวนสิทธิ์ของฉากเข้าหอ (ในแต่ละคู่) ไว้สำหรับรวมเล่มโดยเฉพาะนะคะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ