มาแล้วค่า บทส่งท้ายแบบสมบูรณ์ของเรื่อง เชิญอ่านกันได้เลยค่ะ ^^Miracle Café / บทสรุปส่งท้าย
เช้าวันเสาร์ ไกรสรรีบขับรถมาที่บ้านพักเพื่อรอดูผลงานชุดที่ตัวเองออกแบบ โดยมีขวัญแก้วกับขวัญตาตามติดมาด้วย
“มาแต่เช้าเลยนะพี่ไกร หวังว่าเมื่อคืนคงนอนหลับสบายดีอยู่หรอกนะ”
ปวีร์เอ่ยแซว ทำให้คนฟังยักไหล่นิด ๆ ก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาใครบางคน
“หึ ๆ พวกนั้นพอได้รับชุด ก็ขึ้นไปลองชุดข้างบนแล้วล่ะพี่ ...โดยเฉพาะรุจน่ะ ตอนที่เห็นชุดที่จะต้องใส่ ผมได้ยินเขาพึมพำ มันน่าจะให้ติดลบสักร้อยคะแนนอะไรราว ๆ นี้ด้วยล่ะนะ”
ไกรสรสะดุ้ง พลางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อย่างลืมตัว จากนั้นจึงย้ำถามปวีร์เบา ๆ
“แน่ใจหรือ...ไม่ใช่ว่านายฟังผิดหรอกนะ”
“ไม่รู้สิพี่ หมู่นี้หูไม่ค่อยดีด้วย แต่ที่แน่ ๆ ก็คงไม่ถึงขนาดได้ยินคำว่าลบเป็นบวกหรอก”
ปวีร์แกล้งแหย่ ทำให้ไกรสรมองเขม่นอย่างหมั่นไส้ และเฝ้ารออยู่ข้างล่างอย่างเป็นกังวล จนกระทั่งพนักงานแต่ละคนนั้นเดินลงมาด้านล่าง … ภูริกับกวินนั้นลงมาก่อน จากนั้น วาโย การิน และธีรัช ก็ตามหลังทั้งคู่มาไม่ห่างกันนัก
“คุณไกรสร คุณนี่มัน...!”
การินเตรียมจะโวยวายใส่คนออกแบบชุด ทว่ายังไม่ทันพูดอะไรต่อ เสียงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นชอบใจของสองสาวก็ดังขึ้นเสียก่อน และต่างตรงมารุมล้อมหนุ่มน้อยหน้าสวย จนวาโยที่เตรียมจะต่อว่าเหมือนกันถึงกับเงียบกริบ และรีบขยับตัวไปหลบหลังภูริ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะสองสาวก็ดึงเขาไปพิจารณาพร้อมวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปากทีเดียว
“น่ารักจัง! พี่ไกรก็ช่างคิดได้นะคะ”
ขวัญแก้วหันไปชมพี่ชายของเธอ แล้วหันมามองการินกับวาโยในชุดแบบเจ้าหญิงในนิยายอาหรับราตรีตรงหน้า... วาโยอยู่ในชุดสีฟ้า ส่วนการินอยู่ในชุดสีดำ ยิ่งทั้งคู่มายืนใกล้กัน ก็ยิ่งเสริมความเด่นซึ่งกันและกัน และดูสะดุดตามากยิ่งขึ้น
นอกจากวาโยและการินที่ถูกจับแต่งชุดเจ้าหญิงแสนสวยทั้งคู่โดยปฏิเสธไม่ได้แล้ว ฝั่งหนุ่ม ๆ ก็ถูกจับแต่งตัวในแบบอลังการไม่แพ้กัน โดยกวินสวมบทบาทเป็นสุลต่านหนุ่มผู้หล่อเหลา ชุดที่ใส่นั้นเป็นผ้าสีขาวเหลือบทอง สวมหมวกพร้อมเครื่องประดับที่ทำเลียนแบบของจริงขึ้นมาอย่างสวยงาม ส่วนภูรินั้นรับบทเป็นจอมโจรทะเลทรายในชุดดำ ที่เจ้าตัวก็ใส่ออกมาได้อย่างสง่างาม ไม่น่าผิดหวังแต่อย่างใด
สำหรับธีรัชนั้น ชายหนุ่มอยู่ในชุดกะลาสีเรือ กางเกงผ้าสีดำ มีผ้าผูกเอวสีแดง สวมเสื้อกั๊กสีกรมท่าซึ่งสวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาวคอวีลึกอีกชั้น ผิวสีแทนของชายหุน่มดูเข้ากับชุดที่ใส่ จนขวัญแก้วกับขวัญตา ถึงกับเอ่ยปากชมว่า อีกฝ่ายนั้นมองดูคล้ายกับซินแบดในนิทานปรัมปราเลยทีเดียว
“อุตส่าห์ได้ใส่กางเกงกับเขาแท้ ๆ กลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงไม่รู้”
วาโยพึมพำกับตัวเอง เพราะแม้จะเป็นกางเกงผ้าใยสงเคราะห์ ไม่ใช่ซีทรูบางเซ็กซี่ เหมือนอย่างที่เขาเคยเห็นตามภาพยนตร์แนวนี้ก็จริง แต่เสื้อตัวสั้นที่ต้องโป๊โชว์พุงให้คนอื่นเห็นนี่สิ มันทำเอาเขาเย็นวาบ ๆ ขึ้นมาเลยทีเดียว
“อืม...เป็นหมวกผ้าคลุมแบบล้อมใบหน้าเฉย ๆ สินะ ...นึกว่าจะทำแบบปิดปากครึ่งหน้าเสียอีก แบบนั้นก็เซ็กซี่ดีออก”
ขวัญแก้วที่หันมาสำรวจแทบจะทั่วเรือนร่างของวาโยต่อ หลังจากชมโฉมหนุ่ม ๆ แต่ละคนเรียบร้อย หันไปถามพี่ชายของเธอ ซึ่งไกรสรก็ยักไหล่นิด ๆ
“ทีแรกฉันก็ดีไซน์แบบนั้นล่ะ แต่ปวีร์โทรมาบอกว่าขอเปลี่ยนแบบนิดหน่อย เพราะปิดตลอดแบบนั้น มันหายใจไม่ค่อยสะดวก และต้องพูดต้องรับออเดอร์ลูกค้าด้วย หมวกเจ้าหญิงติดผ้าคลุมโปร่ง ๆ แบบนี้จะสวยกว่า ...ว่าแต่รุจล่ะ ยังไม่ลงมาอีกหรือ”
ไกรสรอธิบายแล้วถามถึงรุจต่อ เพราะยังไม่เห็นชายหนุ่มลงมาสักที แต่พอยังไม่ทันขาดคำ เขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นรุจเดินลงมาสมทบกับคนอื่น ๆ ชายหนุ่มเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เพราะภาพที่เห็นมันดูดีเสียยิ่งกว่าจินตนาการของเขาเสียอีก
ชายหนุ่มผู้มาทีหลังนั้น อยู่ในชุดกางเกงผ้ามันเลื่อมสีดำ มีผ้าคาดเอวสีทอง สวมเสื้อกั๊กสั้นเอวลอยสีดำขลิบขอบทอง อวดแผ่นอกขาวเนียนให้คนมองบางคนต้องเหลียวตาม แถมยังสวมเครื่องประดับเต็มยศ ทั้งตุ้มหู สร้อยคอ กำไลข้อมือ ตบท้ายด้วยหมวกแบบอาราเบียนสีขาวประดับพลอยเทียมเม็ดใหญ่สีแดงด้านหน้า เจ้าตัวยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับเอ่ยทักทายคนสามคนที่เพิ่งได้เจอกันในเช้าวันนี้
“สวัสดีครับคุณแก้ว คุณตา แล้วก็คุณไกรสร ...ชุดคุณนี่เข้าท่าดีนะครับ เหมาะกับใส่เล่นในวันอากาศร้อน ๆ มากเลย”
รุจบอกยิ้ม ๆ แต่ฟังจากน้ำเสียงเรียบ ๆ และนัยน์ตาคมกริบที่ไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยแล้ว ก็ทำให้คนฟังบางคนต้องกลืนน้ำลายลงคอไปตาม ๆ กัน
“...เธอใส่ออกมาดูดีกว่าที่คิดอีกนะ...ดีเกินไปด้วยซ้ำ ... ปวีร์ นายคงไม่ลืมเสื้อกล้ามสีขาวบาง ๆ ที่ฉันให้เผื่อเอาไว้หรอกนะ”
ไกรสรที่ไม่ได้สนใจคำแขวะนั้นเพ้อเบา ๆ ก่อนจะหันไปถามเสียงคาดคั้นกับอีกคนที่กำลังหัวเราะในลำคอ เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
“ผมเตรียมไว้ให้แล้วนะ แต่รุจยืนยันว่าจะใส่แบบนี้ จะได้สมบทบาทจินนี่ ยักษ์ในตะเกียง ที่พี่ไกรดีไซน์ให้ยังไงล่ะ”
“รุจ…” ไกรสรหันมาขอร้องกึ่งอ้อน แต่ดูเหมือนคนฟังจะทำเป็นไม่สนใจ และเดินเลี่ยงไปสบทบกับคนอื่น ๆ แทน
“โอ้…เข้าท่าดีนี่พวกนาย ฉันนึกว่าจะโดนทำโรคจิตใส่คนเดียวแล้วเสียอีก”
รุจหันไปชมวาโยกับการิน ซึ่งพอทั้งคู่เห็นชุดของรุจแล้ว พวกเขาก็เลิกคิดต่อว่าเรื่องชุดของตนเองอีก เพราะพวกเขาโชว์หน้าท้องนิดหน่อย แต่ของรุจนี่แทบจะถอดเสื้อโชว์ครึ่งบนเลยด้วยซ้ำ เพราะเสื้อกล้ามเล็ก ๆ นั่น มันเหมือนของประดับมากกว่าเสื้อนั่นเอง
“ไม่เอาน่า...ฉันก็แค่อยากเห็น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้เธอต้องโชว์หุ่นสวย ๆ นี่ให้คนอื่นดูเสียเมื่อไหร่”
ไกรสรยังคงตามง้อ แต่รุจทำเป็นเมินไม่ใส่ใจ แถมยังบอกปวีร์ว่า เดี๋ยวจะกินข้าวเช้าทั้งชุดนี้อีกด้วยซ้ำ จนไกรสรทนไม่ไหว เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่และบอกกับอีกฝ่าย
“เอาล่ะ! จะหักคะแนนฉันให้ติดลบก็หักไปได้เลย แต่ขอร้องได้ไหม ช่วยใส่เสื้อกล้ามที่ทำให้ไว้ด้วยเถอะนะ”
รุจเหลือบมองคนที่ทุ่มสุดตัว แล้วอมยิ้มน้อย ๆ จะว่าไปเขาก็หายหงุดหงิดตั้งแต่ที่รู้จากปวีร์ว่าไกรสรได้เตรียมเสื้อกล้ามสำหรับเขาไว้ด้วยแล้ว แต่ที่ต้องทำเป็นโมโห เพราะต้องการดัดนิสัยอีกฝ่าย เพื่อจะได้ไม่เผลอดีไซน์อะไรประหลาด ๆ มาให้เขาต้องใส่อีกในอนาคต
“อืม...งั้นก็ได้” รุจแสร้งทำเป็นพึมพำรับคำ ทำให้คนที่กำลังหน้าสลดยิ้มออก แต่สักพักก็เดินเข้าไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามอีกฝ่าย
“แล้วโดนหักสักเท่าไหร่ล่ะ...คงไม่ติดลบจริง ๆ ใช่ไหม”
รุจอมยิ้ม แล้วยักไหล่นิด ๆ ก่อนจะเปรยตอบ
“ก็คุณเป็นคนบอกเองนี่ว่า ติดลบไปเลยก็ได้ ...แต่เอาเถอะ ผมเองก็ไม่ใจร้ายใจดำอะไรนักหรอก...”
รุจบอกแล้วก็ยิ้มหวานให้ ซึ่งคนมองก็ยิ้มตาม แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“เอาเป็นว่าตอนนี้คะแนนของคุณเริ่มมาตั้งต้นใหม่ที่ 0 เหมือนเดิมแทนนะครับ”
“0 คะแนน! แล้วเหลืออีกไม่กี่วันก็จะครบสัญญาของเราแล้วนี่นะ!”
ไกรสรโวยวายอย่างตกใจ แต่อีกคนนั้นทำเป็นเมินไม่ใส่ใจแล้วเปรยต่อ
“ช่วยไม่ได้นี่ครับ...แต่ถ้าเบื่อเล่นเกมกันแล้ว จะยกเลิก ผมก็ไม่ได้ขัดอะไรนี่”
ไกรสรมองคนอายุน้อยกว่าตรงหน้านิ่ง แล้วจึงถอนหายใจหนัก ๆ ตามมา
“ก็ได้ ฉันจะพยายามใหม่ ...ใครใช้ให้ฉันมาหลงรักเด็กร้ายกาจอย่างเธอเองล่ะ”
รุจเหลือบมองแล้วยิ้มน้อย ๆ และพอเห็นคนอื่นไม่ได้มองมาที่พวกเขาแล้ว ชายหนุ่มก็ชะโงกหน้าไปหอมแก้มไกสรเบา ๆ จนคนถูกหอมสะดุ้ง
“เพิ่มแรงจูงใจให้ครับ... ถ้าคุณตั้งใจจริง ผลสำเร็จจะไปไหนเสียล่ะครับ จริงไหม”
ชายหนุ่มบอกแล้วยิ้มหวานให้อีกครั้ง ทำให้ไกรสรที่ยืนอึ้งตามมาอีกสักพัก ต้องยิ้มออก เพราะสีหน้าและคำพูดของอีกฝ่ายนั้น แสดงให้เห็นว่ายอมรับในตัวเขาไปแล้วกว่าครึ่ง ที่เหลือก็แค่เขาพิสูจน์ตัวเองให้ชายหนุ่มได้เห็นว่า เขาพร้อมจะรักและจริงใจกับเจ้าตัวเพียงคนเดียวตลอดไปหลังจากนี้ ก็เท่านั้นเอง
โปรโมชันนำใบเสร็จแลกถ่ายรูปคู่พนักงานจะมีถึงแค่วันเสาร์นี้เป็นวันสุดท้าย ทำให้คนที่หมายมั่นตั้งใจจะมาใช้บริการในวันนี้มีเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงแขกขาประจำในวันเสาร์ที่แวะเวียนมาดูคอสเพลย์เป็นอาหารตาอยู่แล้ว และคนที่ตั้งใจจะมานั่งกินอาหารอร่อย ๆ โดยเฉพาะอีกด้วย
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่มิราเคิลคาเฟ่ครับ”
ภูริและกวินเปิดประตูแล้วโค้งต้อนรับสาว ๆ กลุ่มใหญ่ขาประจำของร้าน ซึ่งแต่ละคนก็แทบจะหลุดกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น แม้จะได้รับรู้คำใบ้กลาย ๆ ผ่านจากทางเว็บไซต์อยู่แล้ว แต่พอมาเห็นจริง ๆ กับตาพวกเธอแบบนี้ ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้อยู่เหมือนกัน
“ทั้งคู่หล่อมากเลยค่ะ จริง ๆ นะคะ” สาวคนหนึ่งบอกแล้วทำตาเคลิ้ม ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกระแอมเบา ๆ ของอีกคนที่ยืนอยู่ห่าง ๆ
“แล้วผมล่ะครับ คุณผู้หญิง พอจะอยู่ในสายตาพวกคุณได้บ้างไหม”
ธีรัชแสร้งเปรยขัดขึ้น ทำเอาสาว ๆ กลุ่มนั้นหันไปมอง แล้วก็อุทานเบา ๆ ด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกัน
“ต๊าย! คุณธี เท่จังค่ะ แต่งเป็นอะไรคะ ซินแบดหรือเปล่า!?”
สาวคนหนึ่งที่เป็นแฟนคลับของธีรัชหลุดถามเสียงแหลมอย่างตื่นเต้น ธีรัชยิ้มหวาน แล้วโค้งเลียนแบบตัวละครให้เจ้าหล่อน
“ผมเป็นเพียงแค่กะลาสีเรือธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น คงเทียบเท่ากับท่านซินแบดผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้หรอกครับ”
สาว ๆ พากันกรีดร้องด้วยความชอบอกชอบใจไปตาม ๆ กัน จนภูริกับกวินต้องสั่นศีรษะอย่างเอือมระอา กับการแอคชันที่เกินไปของเพื่อนร่วมงาน
“ถ้าอย่างนั้นเชิญพวกคุณทางนี้ก่อนดีกว่าครับ”
ภูริยิ้มแล้วโค้งศีรษะนิด ๆ ให้ ทำเอาสาว ๆ ทำตาเคลิ้มฝัน แล้วเดินตามชายหนุ่มไปอย่างว่าง่าย จนวาโยที่ลอบมองอยู่ห่าง ๆ นึกหึงขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ต้องหันไปยิ้ม เมื่อประตูร้านเปิดออก
“อ๊ะ...คุณวาโย...ว้าว สุดยอดเลย สวยจังครับ!”
ลูกค้ากลุ่มขาประจำของวาโยพอเปิดประตูเข้ามา พวกเขาก็ต้องตกตะลึงและหลุดอุทานออกมาดัง ๆ เมื่อเห็นเจ้าหญิงในชุดอาหรับราตรีสีฟ้าสดใสเบื้องหน้าเขา และหนึ่งในนั้นที่ชอบวาโยมาก ๆ ก็ถึงกับหน้าแดง พูดอะไรไม่ออก
“โชคดีใช่ไหมล่ะที่มากินส่งท้ายโปรโมชัน... ยังไงพวกผมต้องขอจองตัวคุณไว้ถ่ายรูปก่อนล่วงหน้าเลยนะครับ”
อีกคนในกลุ่มเอ่ยแซวเพื่อนตัวเอง แล้วหันมาบอกกับวาโย ทำเอาคนถูกขอหน้าแดงนิด ๆ ด้วยความอาย แต่ก็พยักหน้าตอบรับตามมารยาท
“ว่าแต่วันนี้ในร้านคึกคักจริง ๆ สมแล้วกับที่เป็นวันเสาร์ล่ะนะ นี่ขนาดพวกเรามาแต่เช้า ลูกค้ายังเยอะขนาดนี้”
หนึ่งในนั้นเปรยขึ้นก่อนจะสะดุดสายตาไปที่การิน พร้อมกับนิ่งอึ้งไปจนเพื่อนอีกคนแปลกใจ
“เป็นอะไรไปน่ะ ไปนั่งที่กันได้แล้ว จะได้เลือกมุมสบาย ๆ นั่งกินกันนาน ๆ หน่อย”
“ง่า...ได้ ๆ” เจ้าตัวตอบรับ ก่อนจะเหลือบไปมองการินในชุดเจ้าหญิงสีดำอีกครั้ง ใบหน้าเขาแดงระเรื่อนิด ๆ จากนั้นจึงหันมาถามวาโยที่เดินนำพวกเขาไปที่โต๊ะนั่ง
“เอ่อ คุณวาโยครับ...คนชุดดำนั่นใครหรือครับ”
วาโยหันไปตามที่อีกฝ่ายบอก แล้วยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะหันมาตอบคำถาม
“ก็การินยังไงล่ะครับ จำไม่ได้หรือครับ”
“หา! คุณการินน่ะหรือครับ แต่ว่าปกติเขาไม่ได้แต่งชุดผู้หญิงด้วยนี่ครับ”
ชายคนเดิมถามอย่างแปลกใจ เพราะเขานั้นจำได้ดีว่าเมื่อสามเสาร์ที่ผ่านมาการินนั้นแต่งแบบผู้ชายตลอด แม้เสาร์ที่แล้วจะดูน่ารักแต่ก็ยังเป็นกางเกงล่ะนะ
“เพราะเป็นวันพิเศษทิ้งทวนโปรโมชันแรก ก็เลยต้องเต็มที่หน่อยล่ะครับ”
วาโยท่องตอบตามที่ปวีร์บอกพวกเขาในตอนแรกที่แจกชุดมาให้
“ดูสวยมีเสน่ห์จังเลยนะครับ...” ชายคนนั้นเพ้อเบา ๆ ทว่าอีกคนกลับมองมาที่วาโยแทน
“แต่ฉันชอบแบบน่ารักแถวนี้มากกว่า” คนพูดบอกแล้วก็มีแววตาเคลิ้มฝัน จ้องมองไล่หลังคนในชุดฟ้าที่กำลังเดินไปหยิบเหยือกน้ำแร่มาเสิร์ฟพวกตน ทำให้อีกคนที่เหลือมองเพื่อนทั้งสองแล้วสั่นศีรษะไปมาอย่างเอือมระอา
“ถ้าชอบขนาดนั้น วันนี้ก็ต้องสั่งให้เต็มที่แล้วล่ะ!”
ชายผู้นั้นสรุปตัดบท และเมื่อวาโยนำน้ำมาเสิร์ฟพวกเขา ทั้งหมดก็พากันดูเมนูอาหารอย่างจริงจัง และสั่งอาหารชุดใหญ่ออกมาหลายชุดจนวาโยจดตามแทบไม่ทันทีเดียว
“ไม่สบอารมณ์เลย ทำไมวันนี้ลูกค้าผู้ชายมองรินบ่อยกว่าเดิมอีกนะนั่น!”
กวินบ่นอุบเบา ๆ กับตัวเอง หลังจากถอยออกมายืนดูแลลูกค้าที่ส่วนใหญ่สั่งอาหารกันไปแล้วอยู่ห่าง ๆ ข้างกายเขามีภูริที่แอบหน้าหงิกนิด ๆ ไม่แพ้กัน
“ไม่ใช่แต่คนของนายหรอก...คนของฉันนี่สิ โดนหลอกจับมือไปแล้วตั้งหลายหนด้วยซ้ำ”
ภูริพึมพำอย่างหึงหวง ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ลูกค้าก็แค่โดนนิ้วของวาโยตอนยื่นรับเมนูส่งให้กันก็เท่านั้น แต่เพราะความหึงชายหนุ่มจึงมองเห็นอย่างเกินจริงไปสักหน่อย
“ช่วยไม่ได้นี่นะ ทำงานพวกนี้ก็ต้องใจเป็นกลางหน่อย อีกอย่างลูกค้าชอบก็ดีแล้วนี่ เผื่อจะได้ทิปมากขึ้น ...และที่สำคัญ เจ้าของหัวใจเฝ้าดูตลอดแบบนี้ คิดว่าพวกนั้นจะปันใจไปให้ใครได้หรือไง”
ธีรัชเอ่ยขัดขึ้นพร้อมกับยิ้มแย้มร่าเริงปลอบทั้งคู่ ทำเอาทั้งสองต้องลอบถอนหายใจและพึมพำบ่นอุบ
“ก็ลองให้คุณนนออกมาคอสเพลย์ทำอาหารข้างนอกกับเขาบ้างสิ ...อยากรู้นักว่าคนแถวนี้จะยิ้มระรื่นได้ตลอดเหมือนเดิมหรือเปล่า”
ภูริประชดใส่เบา ๆ ทำให้ธีรัชสะดุ้ง และเมื่อหวนคิดตาม เขาก็เริ่มไม่สบอารมณ์นิด ๆ ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
“เฮ้อ! มีแฟนน่ารักก็ต้องปลงหน่อยล่ะนะ” กวินเปรยตามมาหลังจากที่พยายามทำใจอยู่สักพัก จากนั้นจึงรีบตรงไปหาลูกค้าโต๊ะหนึ่งที่ยกมือเรียกเขาเพื่อสั่งอาหารเพิ่ม
“อืม...มันก็จริงล่ะนะ มีแฟนน่ารักแถมยังต้องทำงานบริการด้วยแบบนี้ ก็ต้องปลงสถานเดียว ...แต่ถ้าล้ำเส้นเมื่อไหร่ล่ะก็ อันนั้นมันก็อีกเรื่องนั่นล่ะ”
ภูริพึมพำพร้อมกับทำหน้าเข้มขึ้น จนคนข้าง ๆ นึกกลัวแทนชายผู้เคราะห์ร้ายในอนาคตขึ้นมาตงิด ๆ เลยทีเดียว