ตอนที่ 49 มาต่อแล้วค่ะ ^^" ถ้าไม่ตันหรืองานเข้า จะรีบมาต่อ 50 ให้นะคะ
---------
Miracle Café / 49
“เสร็จแล้ว!” ธีรัชมองเค้กที่แต่งหน้าโย้เย้เบื้องหน้าเขาอย่างพึงพอใจ แต่พอเขาเหลือบดูเวลาก็นึกอดห่วงเชฟหนุ่มไม่ได้ เพราะผ่านไปเกือบชั่วโมง แต่ชานนก็ยังไม่กลับมาถึงบ้านพักเลย
“ไปตามดีกว่า!” ชายหนุ่มตัดสินใจออกตาม หลังจากเก็บเค้กของตัวเองเรียบร้อย ทว่ายังไม่ทันออกจากบ้านพัก เสียงปวีร์ก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“จะไปไหนน่ะธีรัช”
“อ้าว คุณวี ...เอ่อ คือผมจะไปรับคุณนนน่ะครับ ...”
ปวีร์อมยิ้มนิด ๆ แล้วจึงเอ่ยปรามอีกฝ่าย
“ไม่ต้องหรอก สองคนนั่นเขากำลังเดินกลับมาน่ะ แต่ตอนนี้ฉันอยากได้เครื่องดื่มเพิ่ม ช่วยไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม”
ธีรัชฟังแล้วก็พยักหน้ารับรู้ จริง ๆ เขานั้นอยากอยู่รอชานน แต่ก็คงไม่ดีถ้าหากจะปล่อยให้ปวีร์ไปซื้อของคนเดียว
“ได้ครับ...จะไปกันเลยหรือเปล่าครับ”
ปวีร์ส่งยิ้มให้นิด ๆ แล้วจึงพยักหน้าตอบ แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงกระแอมของใครบางคนดังขึ้น
“อย่าเถลไถลนักล่ะ… ฝากนายปราม ๆ ด้วยแล้วกันนะธีรัช”
ราเมศที่ยืนอยู่บนชั้นสองเอ่ยเสียงเข้มนิด ๆ แต่ปวีร์นั้นกลับหันไปยิ้มหวานให้แทน แล้วหันมาทางชายหนุ่มอีกคน
“งั้นเราไปกันเถอะ รีบไปไว ๆ จะได้กลับไว ๆ ไงล่ะ”
บอกแล้วปวีร์ก็ควงแขนธีรัชเดินออกนอกบ้านพัก เรียกเสียงกระแอมไล่หลังอย่างไม่สบอารมณ์จากคนบนชั้นสองดังขึ้นถี่ ๆ จนธีรัชต้องเหลือบมอง
“จะดีหรือครับ ไม่กลัวเขาหึงคุณหรือไง”
“ไม่หรอก ถึงอยากจะให้หึงก็เถอะ...แต่ตอนนี้สำหรับเขา เธอก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวของพวกเราอีกคนหนึ่ง เพราะอย่างนั้นเขาถึงวางใจปล่อยให้เธอไปกับฉันได้สองต่อสองแบบนี้ไงล่ะ”
ธีรัชอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยพึมพำขอบคุณอย่างตื้นตันตามมา ปวีร์เห็นดังนั้นก็ลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู แล้วจึงตรงไปที่รถ ขับออกไปที่ร้านค้าใกล้ ๆ แถวนั้น เป็นเวลาไล่เลี่ยกับที่ชานนและปยุตเดินกลับมาถึงบ้านพักพอดี
“นั่นคุณปวีร์กับคุณธีรัชหรือเปล่าครับ...”
ชานนที่ทันได้เห็นหลังรถเลี้ยวผ่านหน้าไปแวบ ๆ หันไปถามคนข้างกาย ปยุตมองตามแล้วยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ
“คงใช่มั้งครับ...ว่าแต่ผมขอตัวเอาเค้กขึ้นไปเก็บก่อนนะครับ ส่วนคุณนนก็ไปพักผ่อนหรือจะเล่นน้ำกับพวกเด็ก ๆ ก็ดีนะครับ จะได้ผ่อนคลายบ้าง วันเกิดทั้งทีแบบนี้”
“ผมคงเล่นน้ำทะเลกับเขาไม่ไหวหรอกครับ...ว่าแต่คุณปยุตเองเถอะครับ จะอยู่โยงเฝ้าบ้านพักยันเย็น ไม่กลับไปที่โรงแรมจริงหรือครับ”
ชานนย้อนถาม เพราะตอนที่เขาไปรับอีกฝ่าย ทรงพลคนรักของปยุตนั้นมองเขาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ทั้งที่รู้จากพ่อบ้านหนุ่มแล้วว่า เขากับปยุตทำงานให้ปวีร์ด้วยกันมานานแล้วก็ตาม ยิ่งตอนที่เขาเข้าไปในครัวดูปยุตทำเค้กวันเกิดให้ตนเอง ทรงพลก็แทบจะมายืนหน้าบึ้งเฝ้าไม่ไปไหน เล่นเอาพนักงานคนอื่น ๆ พากันหนาว ๆ ร้อน ๆ ไปตามกัน ที่เจ้าของโรงแรมมายืนคุมถึงในครัวแบบนี้
“ก็บอกออกไปแล้วนี่ครับว่าไม่... ขืนกลับคำเดี๋ยวก็โดนหาว่าโลเลพอดี”
ปยุตบอกเชฟหนุ่มพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นิด ๆ ทำเอาคนฟังต้องลอบถอนหายใจ พลางหวนนึกถึงตอนที่ทรงพลตามมาส่งพวกเขาออกจากโรงแรม ซึ่งดูเหมือนชายหนุ่มจะชวนให้ปยุตกลับมากินข้าวเที่ยงที่นี่ด้วย แต่ปยุตนั้นปฏิเสธไป แล้วบอกว่าจะอยู่โยงกินมื้อเที่ยงและเย็นที่บ้านพักตากอากาศ แล้วก็จะตรงกลับกรุงเทพฯ พร้อมทุกคนที่นี่ด้วยเลย ทำเอาทรงพลถึงกับหน้าหงิกและพาลหันมาเขม่นเขาแทนเสียอย่างนั้น
“คุณนี่นะ...ไหน ๆ ก็อุตสาห์คืนดีกันได้ทั้งที ความจริงถึงจะลาพักร้อนยาวตอนนี้ คุณปวีร์ก็คงไม่ขัดอะไรหรอกครับ”
ชานนเปรยเบา ๆ ทำให้คนฟังยิ้มน้อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร จากนั้นเจ้าตัวจึงออกอุบายโน้มน้าว ให้ชานนไปเดินเล่นรับลมทะเลแถวนั้น ส่วนตัวเขาก็นำเค้กขึ้นไปเก็บบนตู้เย็นชั้นสอง แต่เปลี่ยนฝากล่องเค้กที่ติดมาจากโรงแรม ไปคลุมเค้กของธีรัชด้านล่างแทน เพื่อไม่ให้ชานนสงสัย ส่วนธีรัชเขาปล่อยให้ขวัญตาเป็นคนโทรไปบอกว่าเธอได้หากล่องเค้กปิดไว้ เพื่อไม่ให้ชานนรู้ล่วงหน้า ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้สงสัยอะไรเช่นเดียวกัน
แผนการนี้นอกจากพวกปวีร์ ราเมศ ขวัญแก้ว ขวัญตาและปยุตแล้ว คนอื่น ๆ แม้แต่ชานนผู้เป็นเจ้าของวันเกิดเองก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แม้จะแปลกใจอยู่บ้าง เมื่อตอนที่ปวีร์โทรมามือถือของเขา และขอพูดคุยกับปยุตแทนอยู่นานสองนานก็ตามที
จากนั้นสักพักธีรัชกับปวีร์ก็แบกเครื่องดื่มกลับมาเพิ่มเติม หลังวางเครื่องดื่มเก็บเรียบร้อย ธีรัชก็ตรงเข้าไปหาชานนโดยไม่สนใจสายตาใคร ทำเอาปวีร์ต้องมองตามอย่างเอ็นดู ก่อนจะขึ้นไปบนชั้นสองตรงไปหาพ่อบ้านของเขา
“เรียบร้อยหรือยังล่ะ”
ปยุตอมยิ้มแล้วจึงแสร้งตอบกลับไป
“ก็แอบถ่ายรูปสวย ๆ ได้หลายรูปแล้วล่ะครับ”
ปวีร์ขมวดคิ้วยุ่ง แล้วจึงย้อนกลับไปอย่างเริ่มหงุดหงิด
“ฉันหมายถึงเรื่องของนายกับ...แฟนเก่านายต่างหากเล่า! รู้แล้วก็ชอบหลีกเลี่ยงประจำนะ”
ท้ายประโยคชายหนุ่มบ่นอุบ ทำเอาสาว ๆ และราเมศที่มองอยู่นึกขำ
“เรื่องของพวกเราจบลงด้วยดีแล้วล่ะครับ ...ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”
ปวีร์นิ่วหน้า แล้วจ้องอีกฝ่ายนิ่ง ทำเอาปยุตต้องหลุดยิ้มตามมาในที่สุด แล้วเอ่ยต่ออีกหน่อย
“หมายถึงแฮปปี้เอ็นดิ้งกันดีแล้วล่ะครับ”
“นายนี่มัน...” ปวีร์พึมพำกับตัวเองอย่างเอือมระอาแกมหมั่นไส้ ส่วนคนที่มองนั้นพากันนึกขำ เพราะนาน ๆ จะเห็นปวีร์เถียงสู้คนอื่นไม่ได้สักทีแบบนี้
“แล้วจะลาออกจากงานพ่อบ้านตอนไหนล่ะ...” แม้น้ำเสียงจะพยายามบังคับให้ราบเรียบ แต่คนพูดก็ยังมีสีหน้าไม่สบายใจ จนราเมศที่มองอยู่ ต้องเดินมาโอบบ่ากอดคนรักอย่างปลอบโยน
“ลาออก...ทำไมผมต้องลาออกด้วยล่ะครับ”
ปยุตย้อนถามกลับ ทำเอาแม้แต่ขวัญแก้วและขวัญตาที่ฟังอยู่ห่าง ๆ ยังตกใจ
“อ้าว ก็คุณปยุตคืนดีกับแฟน แล้วถ้ายังทำงานอยู่กับวี พวกคุณก็ต้องห่างกันเหมือนเดิม แบบนั้นมันก็แทบไม่แตกต่างจากแยกกันอยู่เหมือนก่อนหน้านั้นสิคะ”
ขวัญแก้วแย้งขึ้น แล้วก็ชะงัก ก่อนจะหลุดขอโทษออกมาเบา ๆ ที่ขัดจังหวะการสนทนา แต่ปยุตกับปวีร์ไม่ได้ถือสาหญิงสาว โดยเฉพาะปวีร์นั้นกำลังอยากถามพ่อบ้านของเขาในประโยคแบบเดียวกันนั่นพอดี
“ก็อย่างที่แก้วบอกนั่นล่ะ ฉันเองก็อยากรู้คำตอบนะ”
ปยุตจ้องมองนายจ้างของเขาด้วยสายตาอ่อนโยน แล้วจึงเอ่ยตอบออกไป
“ความจริงผมก็คิดเรื่องนี้ แต่บอกตามตรงว่าผมยังเป็นห่วงคุณอยู่ ถึงตอนนี้คุณจะมีคุณราเมศอยู่เคียงข้าง คอยดูแลคุ้มครองคุณ ใกล้ชิดกับคุณยิ่งกว่าผม... แต่ผมก็อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยประคับประคองพวกคุณทั้งคู่ให้ก้าวไปข้างหน้า ...อย่างน้อยก็ให้งานร้านของคุณมั่นคงกว่านี้ และถ้าถึงวันนั้น คุณไม่ต้องการผมอีกแล้ว ผมก็จะปลีกตัวออกไปจากคุณเอง”
ปวีร์จ้องมองอีกฝ่ายนิ่ง แล้วก็โผเข้ากอดคนตรงหน้าจนปยุตตกใจ ราเมศเองก็ชะงักชั่วครู่แต่ก็ยิ้มน้อย ๆ ตามมา แล้วหันไปชวนพวกขวัญแก้วและขวัญตาลงไปจากชั้นสอง และปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตามลำพัง
“บอกตามตรงนะปยุต...ฉันไม่อยากให้นายไปไหนเลย อยากให้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนพวกเราแก่เฒ่าไปตาม ๆ กัน ...แต่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้... ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าถ้าฉันขอร้อง นายก็คงไม่จากฉันไปไหนแน่...”
ปวีร์พึมพำกับแผ่นอกของอีกฝ่าย ปยุตนั้นถอนหายใจเบา ๆ แล้วลูบหลังลูบศีรษะของนายน้อยที่เติบโตมาด้วยกันกับเขา ชายหนุ่มเป็นเหมือนพี่เหมือนน้องเหมือนเพื่อนมาโดยตลอด จนกระทั่งถึงวันนี้
“ผมเองก็อยากให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน... แต่ถ้าผมยืนกรานแบบนั้น ผมก็รู้ดีว่าแม้คุณจะดีใจ แต่คุณก็คงต้องรู้สึกผิดต่อผมไม่แตกต่างกัน ...เพราะอย่างนั้นผมถึงรอจนกว่าคุณจะพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า โดยไม่มีผมได้...และผมคิดว่าวันนั้นก็คงจะมาถึงในไม่ช้านี่หรอกครับ... คุณปวีร์ คุณเติบโตมาเข้มแข็ง และสง่างามในแบบที่ผมเคยวาดฝันไว้ ...ผมดีใจที่ในช่วงหนึ่งของชีวิต ได้มีโอกาสเป็นพ่อบ้านรับใช้คุณแบบนี้นะครับ”
ปวีร์น้ำตาซึม เจ้าตัวซบซุกแผ่นอกอันอบอุ่นของอีกฝ่ายอยู่สักพัก แล้วจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มส่งให้พ่อบ้านของเขา ก่อนจะเอ่ยถามสั้น ๆ
“เขาเป็นคนดีไหม...”
“เป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วอุ่นใจครับ”
ปยุตเองก็ตอบไม่ยาวนัก แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้ปวีร์ยิ้มออกน้อย ๆ แล้วดันกายออกมาก่อนจะเตรียมใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา แต่ก็ไม่ทันคนที่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าส่งให้ก่อน
“ขอบใจนะ” ปวีร์รับมาซับน้ำตาแล้วส่งคืนอีกฝ่าย ก่อนจะทำเป็นมองรอบ ๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยแก้เขิน
“พวกนั้นหายไปไหนกันหมดนะ! จริงสิปยุต ถ้าได้ภาพพอสมควรแล้วก็พักได้นะ วันนี้ฉันอยากให้ทุกคนได้พักผ่อนกันอย่างสนุกสนานมากกว่า ...มันจะได้เป็นความทรงจำแสนสุขร่วมกันของพวกเราอีกอย่างยังไงล่ะ”
ปยุตยิ้มรับและให้สัญญาว่าสักพักจะตามลงไปแน่นอน ทำให้ปวีร์ยิ้มออกมาได้ และเลี่ยงลงมาชั้นล่างเพื่อตามหาพวกราเมศต่อไป
และเมื่ออยู่คนเดียว ปยุตก็ยิ้มน้อย ๆ เมื่อหวนถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ผ่านมา เขาหยิบมือถือของตนออกมากดเบอร์ไปหาคนรัก รอเพียงไม่นานปลายสายก็รีบตอบรับอย่างรวดเร็ว
“ปยุต! มีอะไรน่ะ หรือจะแวะมาที่โรงแรม! จะให้ฉันออกไปรับนายเลยไหม!”
ปยุตหัวเราะเบา ๆ ในลำคอแล้วเอ่ยถามไป
“วันนี้นายยุ่งมากไหมพล”
“ก็มีบ้าง แต่ถ้านายมาหาฉันได้ ฉันจะเคลียร์ทุกอย่างให้ว่างเพื่อนายเดี๋ยวนี้เลยล่ะ”
ทรงพลตอบตามตรง ทำให้อีกคนอมยิ้มแล้วจึงเอ่ยต่อ
“ถ้าอย่างนั้นนายจะมากินข้าวเย็นและอยู่ร่วมงานเลี้ยงที่บ้านพักกับฉันและทุกคนได้ไหม...ฉันอยากแนะนำนายให้ทุกคนที่นี่รู้จัก...พวกเขาเป็นครอบครัวที่สำคัญสำหรับฉัน และฉันก็อยากให้นายมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในนั้นด้วย...จะได้ไหม”
ปลายสายเงียบไปนานจนปยุตแปลกใจ แต่พอย้ำถามไป เขาก็ได้ยินเสียงคล้ายสะอื้นนิด ๆ ทำเอาพ่อบ้านหนุ่มต้องเงียบตาม จากนั้นเสียงของทรงพลจึงดังขึ้นอีกครั้ง
“ขอบใจนะปยุต...ฉันจะไปแน่ ๆ ...”
“อืม...แล้วฉันจะรอ ...รักนายมากเลยนะพล”
อีกฝ่ายจะมีสีหน้ายังไงปยุตก็สุดคาดเดา แต่ถ้อยคำที่ทิ้งท้ายก่อนตัดสายไปนั้น ทำให้พ่อบ้านหนุ่มมีรอยยิ้มประดับหน้าอย่างกึ่งขำแกมมีความสุขขึ้นมาทันใด
“....ให้ตายเถอะ! ทำไมถึงทำตัวให้คนอื่นเขารักเขาหลงได้แบบนี้อยู่เรื่อยเลยนะ! โธ่โว้ย! ฉันอยากจะรีบไปหานายเสียเดี๋ยวนี้เลยล่ะ! แล้วเจอกันเย็นนี้นะ!”
ปยุตมองโทรศัพท์มือถือของเขาที่ปลายสายวางได้ไปแล้ว ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่าง และมองไปที่ชายหาดซึ่งมีพนักงานของมิราเคิลคาเฟ่ กำลังเล่นน้ำทะเลด้วยกันอย่างสนุกสนาน
“ถ้าพวกเราสามารถอยู่ร่วมกันทั้งหมดนี่ได้ตลอดไป มันจะดีสักแค่ไหนนะ...”
ปยุตพึมพำกับตัวเอง เมื่อหวนคิดถึงว่าสักวันเขาจะต้องจากพวกปวีร์ไป แม้จะเศร้ามากขนาดไหน แต่เขาก็ยังมีทรงพลคอยอยู่เคียงข้าง แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาว่า จะมีสักวันที่เขาและทุกคนที่เขารัก จะได้กลับมาใช้ชีวิตและอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเช่นนี้ อีกครั้งหนึ่ง...
เวลาเดียวกันนอกบ้านพัก ชานนกำลังนั่งรับลมเย็น ๆ อยู่บนเก้าอี้ชายหาด ข้างกายของเขานั้นมีธีรัชนั่งอยู่ด้วย ชายหนุ่มนั่งเฝ้าอีกฝ่ายโดยไม่คิดไปเล่นน้ำทะเลเช่นเดียวกับคนอื่น จนชานนต้องเอ่ยปากในที่สุด
“มานั่งแบบนี้ไม่เบื่อหรือครับคุณธีรัช”
“ไม่เลยครับ ผมมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้คุณนะ...อ๊ะ หรือว่าคุณนนจะเบื่อที่ผมคอยตามแบบนี้”
ท้ายประโยคเจ้าตัวเอ่ยขึ้นคล้ายนึกได้ และก็มีสีหน้าสลดลง จนเชฟหนุ่มนึกสงสาร
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ อุตส่าห์มาทะเลทั้งที คุณน่าจะไปเล่นน้ำกับเพื่อน ๆ ให้สนุก มากกว่าที่จะมานั่งเรื่อยเปื่อยกับคนแก่แบบผมต่างหากล่ะครับ”
ชานนอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง และพอได้ฟังธีรัชก็มีสีหน้าดีขึ้น
“ผมเล่นน้ำบ่อยแล้วล่ะครับ อย่างทะเลนี่ ถึงไม่ได้มาบ่อยมาก แต่ก็มีโอกาสได้มาอยู่เรื่อย ๆ ...แต่เวลาที่จะได้อยู่เคียงข้างคุณนนแบบนี้สิครับ...มันไม่แน่นอนไม่ใช่หรือครับ ผมก็อยากจะกอบโกยช่วงเวลาดี ๆ นี่ ให้มากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้น่ะครับ...แต่ถ้าคุณนนรู้สึกอึดอัดเมื่อไหร่ ก็บอกผมได้นะครับ”
ธีรัชบอกพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ทำให้คนฟังมีรอยยิ้มน้อย ๆ ตาม และปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งอยู่เคียงข้างเขาต่อไปแบบนั้น นาน ๆ ทีก็คุยเรื่องสัพเพเหระกันไปบ้าง ซึ่งก็น่าแปลกที่ความชอบของเขาและชายหนุ่มต่างวัยนั้น มีอะไรคล้าย ๆ กันอยู่หลายอย่างเลยทีเดียว
จากนั้นพอใกล้ถึงตอนเย็น ปวีร์ก็รับหน้าที่ดึงตัวชานนมา โดยแกล้งทำเป็นนั่งปรึกษาถึงรายการอาหารเมนูใหม่ ๆ ของร้าน ส่วนคนอื่นก็พากันเตรียมตัวสำหรับการจัดเตรียมงานฉลองวันเกิดครั้งนี้
ทันทีที่ปวีร์ได้รับสัญญาณจากคนในบ้านให้พาชานนเข้ามา เชฟหนุ่มก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบว่าทุกคนนั้นยืนรอรับเขาในห้องรับแขกของบ้าน พร้อมกับจุดพลุกระดาษต้อนรับ ด้านในบ้านพักก็ถูกประดับตกแต่งด้วยธงริ้วสี และลูกโป่งหลากสีสันเต็มไปหมด
“เซอร์ไพรส์!!”
“...อะไรกันครับเนี่ย”
เชฟหนุ่มพึมพำ อย่างตกตะลึงระคนงุนงง เมื่อตัวเขาถูกพามานั่งที่โซฟา จากนั้นพนักงานแต่ละคนก็นำเอาของขวัญที่ตนเตรียมไว้ มามอบให้กับอีกฝ่าย แล้วก็กล่าวอวยพรชายหนุ่มราวดังว่าเขาเป็นญาติผู้ใหญ่แท้ ๆ ของพวกตน ทำเอาชานนอดปลาบปลื้มตื้นตันไม่ได้
ทางด้านธีรัชพอเห็นคนอื่นนำของขวัญมามอบให้กับชานน เขาจึงเตรียมจะตรงไปที่ตู้เย็น เพื่อเอาเค้กของตนให้อีกฝ่ายบ้าง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นปยุตเดินนำเค้กที่ทำเองลงมาจากชั้นสอง ทั้งการตกแต่งและรูปทรง มองดูก็รู้ว่าเค้กชิ้นนั้นเป็นระดับมืออาชีพขนาดไหน
“โอ้! เค้ก น่ากินจังเลย!”
กวินอุทานอย่างตื่นเต้น แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อการินที่อยู่ข้าง ๆ หยิกเอวเขาเบา ๆ แล้วสะกิดให้เหลือบมองธีรัชที่ยืนอึ้งอยู่ห่างออกไป ทำให้กวินและคนอื่นนึกขึ้นได้ ว่าธีรัชเองก็เตรียมเค้กมาเหมือนกัน
“ของขวัญวันเกิดเหมือนทุกปีครับ เค้กวันเกิดที่เจ้าของงานต้องมายืนคุมเองอยู่ประจำ”
ปยุตเอ่ยแซว ทำให้ชานนรู้สึกเขินนิด ๆ
“โธ่! คุณปยุตล่ะก็ ยืนคุมอะไรกันครับ ผมก็แค่สนใจและอยากศึกษาการทำเค้กจากคุณเพิ่มเติมก็แค่นั้นเอง”
ปยุตยิ้มน้อย ๆ แล้ววางเค้กลง ก่อนจะเปรยขึ้นเสียงดัง ๆ ได้ยินไปทั่วห้อง
“เค้กก้อนนี้เป็นแค่ของหวานสำหรับงานเลี้ยงเท่านั้น แต่ผมยังมีเค้กที่ควรค่าต่อการประดับเทียนวันเกิดให้คุณอีกหนึ่งก้อนด้วยนะครับ”
ชานนมองคนพูดอย่างแปลกใจ แต่พอเห็นปยุตหันหน้าไปทางธีรัชแล้วยิ้มน้อย ๆ เชฟหนุ่มก็ต้องมองตามและชะงักนิ่งเช่นเดียวกับอีกฝ่าย
“เค้กที่ตั้งใจทำและเต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดีต่อเจ้าของวันเกิด แม้จะไม่ใช่เค้กที่ทำจากมืออาชีพ แต่ก็คู่ควรต่อการประดับเทียนอวยพร ให้กับเจ้าของวันเกิดนั้น ...จริงไหมครับ คุณธีรัช”
ธีรัชนิ่งอึ้ง ยิ่งชานนและทุกคนมองเขาเป็นตาเดียวแบบนี้ เขาก็ยิ่งพูดอะไรไม่ออก
“แต่เค้กของผม มันไม่...” ชายหนุ่มอึกอัก จนบางคนนึกสงสาร แต่บางคนนั้นยังคงยิ้มน้อย ๆ แล้วขยิบตาให้กับคนที่เตรียมจะเอ่ยแย้งไป ให้รอดูสถานการณ์เงียบ ๆ
“คุณธีรัชทำเค้กให้ผมด้วยหรือครับ” ชานนถามอย่างประหลาดใจ เพราะจำได้เมื่อตอนเจอกันใหม่ ๆ อีกฝ่ายเคยบอกเขาว่า ไม่เคยทำของหวานจำพวกเค้กมาก่อนเลยสักครั้ง
“เอ่อ...ครับ” ธีรัชบอกแล้วก็ยังคงยืนนิ่ง ท่ามกลางสายตาให้กำลังใจของทุกคนที่มองมา
“ผมอยากเห็นจังครับ จะได้ไหม...”
ชานนบอกแล้วเดินตรงไปหาชายหนุ่ม ธีรัชอ้ำอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะยอมเดินไปที่ตู้เย็น แล้วหยิบเค้กของเขาออกมาเปิดฝากล่อง ตัวอักษรโย้เย้ที่เขียนอวยพรวันเกิดให้ชานน ทำให้เขารู้สึกอายเมื่อเทียบกับเค้กที่แต่งหน้าสวยงามของปยุต
“...สุดยอดเลยครับ นี่ทำครั้งแรกจริง ๆ หรือครับเนี่ย”
ทว่าชานนกลับมีสีหน้าที่แตกต่างออกไปผิดจากที่เขาคิด อีกด้านหนึ่งปยุตที่มองทั้งคู่อยู่อมยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงเอ่ยขึ้นบ้าง
“ใช่ไหมล่ะครับ ผมเองยังคิดเลยว่า เขามีทักษะการทำขนมที่ดีทีเดียว อย่างนี้คุณนนต้องจับฝึกบ่อย ๆ แล้วล่ะครับ”
ธีรัชมองชานนทีปยุตที อย่างประหลาดใจ เพราะดูจากสีหน้าแล้ว ทั้งคู่นั้นไม่ได้เสแสร้งแกล้งชมหรือเอาใจเขาแต่อย่างใด
“ผมชักอยากชิมเค้กของคุณเสียแล้วสิ ... แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้เป่าเทียนล่ะครับ”
เสียงหัวเราะดังตามมาจากหลาย ๆ คน โดยเฉพาะปวีร์นั้นถูกใจมากที่ได้ยินอย่างนั้น
“ฉันแทบไม่เคยเห็นคุณนนกระตือรือร้นแบบนี้มาก่อนเลย เพราะเธอคนเดียวเลยนะธีรัช”
“แหม! อย่ามัวชมกันอยู่เลยค่ะพี่วี รีบเอาเค้กมาประดับเทียนกันดีกว่า ตาก็อยากกินเหมือนกันนะคะ!”
ขวัญตารีบแทรกขึ้นมา เพราะเธอเองก็อยากชิมฝีมือลูกศิษย์ที่ได้สูตรจากเธอไปเช่นเดียวกัน
“จ้า ๆ เอ้า ธีรัชยกเค้กเธอมาสิ... แก้วขอเทียนหน่อย ...ภูริ เตรียมนั่นมาหรือยังน่ะ”
ปวีร์หันมาทางภูริ ที่พยักหน้ารับ แต่คนอื่นนอกจากขวัญแก้วและขวัญตา ที่ไม่ได้รู้เรื่องนี้มาก่อนพากันขมวดคิ้วอย่างสงสัย ทว่าพอเห็นภูริไปหยิบกีต้าร์โปร่งออกมา ทุกคนก็พากันเซอร์ไพรส์ไปตาม ๆ กัน
“ฉันให้แก้วกับตาเตรียมไว้ล่วงหน้าน่ะ เพราะร้านเรามีทั้งนักร้องนักดนตรีมืออาชีพทั้งทีนี่นะ”
ปวีร์พูดเสร็จก็หันไปยิ้มให้กับธีรัช ชายหนุ่มงุนงงในตอนแรกแต่พอนึกออกเขาก็ยิ้มกว้าง แล้วรีบตอบรับ
“ผมจะร้องให้สุดฝีมือเลยล่ะครับ!”
“อ๊ะ... เดี๋ยวก่อนครับ รอสักครู่นะครับ...”
ปยุตเอ่ยขัดขึ้นมา ทำเอาคนอื่นพากันหันไปมองอย่างงุนงง จากนั้นพ่อบ้านหนุ่มก็เดินตรงไปที่ประตูบ้านพัก แล้วกระแอมเบา ๆ
“มาถึงแล้วทำไมไม่เข้ามาล่ะ ไปยืนเงียบ ๆ อยู่ได้”
ทรงพลที่ยืนแอบอยู่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงยอมเดินเข้ามาในที่สุด
“ก็เห็นกำลังสนุกสนานกัน ก็ไม่กล้าเข้ามาแทรกน่ะสิ”
คนอื่นพากันจ้องมองไปที่ทรงพลเป็นตาเดียว จนชายหนุ่มนึกเกร็ง ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อคนข้างกายเอ่ยบอกกับทุกคน
“เขาชื่อทรงพล เป็นคนรักของผมเองครับ...ผมอยากให้เขามาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของคุณนนด้วย ...ขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า”
ปยุตหันไปบอกกับปวีร์ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ตกตะลึงในตอนแรก แต่ก็ยิ้มแย้มตามมาหลังจากนั้นไม่นาน
“เชิญเลยครับคุณทรงพล ...คนรักของปยุต ก็เหมือนกับญาติพี่น้องของผมนั่นล่ะ ยินดีต้อนรับนะครับ”
ปวีร์เชื้อเชิญชายหนุ่มให้มารวมกลุ่มด้วย พวกเขาแนะนำตัวกันคร่าว ๆ จากนั้นขวัญแก้วก็เอาเทียนมาประดับบนเค้กของธีรัชและจุดไฟ ทางด้านภูรินั้นเล่นกีต้าร์เพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ส่วนธีรัชก็เป็นต้นเสียงนำทุกคนร้องเพลงอวยพรให้แก่ชานน ปวีร์นั้นนึกสนุกขึ้นมาจึงให้ธีรัชและทุกคนร้องเพลงวนไปเกือบสิบรอบ สร้างความสนุกสนานให้ทุกคนยิ่งนัก
“...แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู ....แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู ...แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ... แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู”
จนกระทั่งมาถึงรอบสุดท้าย เมื่อเพลงจบลง ชานนก็เป่าเทียนที่เค้กจนหมด เสียงอวยพรดังขึ้นรอบทิศอีกครั้ง ชานนเอ่ยขอบคุณทุกคน ก่อนจะหันไปยิ้มอ่อนโยนให้กับธีรัช ซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มตอบ จากนั้นพวกเขาก็เข้าสู่กระบวนการตัดเค้กแจกจ่ายกันกิน ทั้งเค้กของธีรัชและเค้กของปยุตนั่นเอง และเมื่อได้ชิมฝีมือของทั้งคู่เสียงชมก็ดังขึ้นไปทั่วบ้านพัก แม้ว่าเค้กของธีรัชจะอร่อยสู้ปยุตไม่ได้ก็จริง แต่เชฟทั้งสองและพ่อบ้านผู้ชำนาญด้านอาหารต่างลงความเห็นว่า ชายหนุ่มนั้นมีพรสวรรค์และสามารถพัฒนาฝีมือไปได้อีกมาก หากเจ้าตัวสนใจเรียนรู้ทางด้านนี้จริงจัง
“เป็นครอบครัวที่อบอุ่น อย่างที่นายเคยเล่าให้ฟังจริง ๆ ด้วยสินะ”
ทรงพลเอ่ยขึ้นกับปยุตหลังจากที่พวกเขาเลี่ยงมานั่งสนทนากันสองต่อสอง ระหว่างที่คนอื่นพากันเฮโลไปเตรียมอาหารทะเลมาเตรียมปิ้งย่างกินกัน โดยหนุ่ม ๆ นั้นอาสาเตรียมอาหารกันเอง และบังคับให้ชานนนั่งเฉย ๆ รอไปแทน
“ใช่...เพราะอย่างนั้นฉันถึงจากไปอยู่กับนายทันทีไม่ได้ไงล่ะ...รออีกสักนิดนะพล แล้วฉันสัญญาว่าจะชดเชยเวลาที่เราจากกันให้นายอย่างคุ้มค่าทีหลังเอง”
ปยุตพึมพำบอกคนรัก ทว่าสีหน้าและแววตาที่มองทุกคนกลับดูเศร้าจนทรงพลสังเกตได้
“อืม...ฉันรอได้ ขอแค่นายกลับมาเป็นเหมือนเดิมแบบนี้... ต่อให้ต้องรออีกกี่ปีฉันก็รอได้”
ทรงพลตอบกลับด้วยถ้อยคำที่กลั่นมาจากใจจริง ทำให้พ่อบ้านหนุ่มต้องยิ้มน้อย ๆ แล้วอิงศีรษะซบกับไหล่ของอีกฝ่าย โดยไม่สนว่าจะมีใครอยู่แถวนี้ด้วยหรือไม่ ทรงพลยิ้มกับตัวเองอย่างมีความสุข ทว่าเมื่อผ่านไปสักพักพอเขาเหลือบมองคนรัก ก็เห็นอีกฝ่ายมีแววตาเศร้าซึมอีกครั้งยามเมื่อสายตาคู่นั้นจับจ้องไปยังร่างของปวีร์ ทำให้ทรงพลต้องลอบถอนหายใจ แล้วลูบไล้เส้นผมอ่อนนุ่มนั่นแผ่วเบาเป็นการปลอบโยน แล้วต่างก็นิ่งเงียบไป จนกระทั่งวาโยเดินมาตามทั้งคู่ให้ไปร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นนี้ ทั้งคู่จึงหันมายิ้มน้อย ๆ ให้กัน แล้วเดินตามไล่หลังอีกฝ่ายไปรวมกลุ่มหลังจากนั้น…
... TBC ...