เส้นสุดท้าย
“ หมอนิค่ะ? เลิกเวรแล้วไปไหนมั้ยค่ะ? ” พี่สาพยาบาลในวอร์ดศัลย์หันมาถามผมหลังจากที่เราเพิ่งออกจากOR มาเมื่อครู่ เมื่อมองดูเวลาแล้วมันก็น่าจะเลิกพอดี
“ นิอยากจะรีบกลับบ้านเลยครับ เดี๋ยวใกล้จะสอบแล้วด้วย”
“ แหม..ขยันจังค่ะหมอนิ นี่ถ้าพี่ไม่รู้นึกว่านิเคยช่วยผ่าอีกนะค่ะ คล่องแคล่วจริงๆ”
พี่สาเอาแฟ้มเคสคนไข้มาตีผมเบาๆ แบบแซวๆ
“ โธ่พี่สา ตื่นเต้นจะตาย ผมเพิ่งเคยได้มีโอกาสเป็นผู้ช่วยผ่าหัวใจครั้งแรกเลยนะ หลังจากที่อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆตั้งแต่ปีสี่ ตื้นเต้นเป็นบ้า ”
“ ฮ่าๆๆๆๆๆ ”
เราสองคนหัวเราะร่วนออกมาพร้อมๆกัน ตอนนี้ผมอยู่ปีหกแล้วครับใกล้จะเป็นหมอเต็มตัว ตอนนี้ก็จะอายุ24 อยู่แล้ว ชีวิตของผมก็ เรียนหนัก ทำงานหนัก มากขึ้นกว่าปี4-ปี5มากพอสมควร ผมยังเป็นเอ็กเทิร์นอยู่โรงพยาบาลเดิม 2เดือนนี้ผมอยู่วอร์ด ศัลยกรรมครับ มีโอกาสได้เข้าไปช่วยหยิบจับอะไรนิดหน่อยในOR แถมตอนราวน์วอร์ดผมมีอำนาจในการสั่งรักษาคนไข้ได้ เหมือนหมอจริงมากๆ ><
แต่มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียครับ บางครั้งผมก็ต้องอยู่เวรดึกๆ ยิ่งเมื่อคืน ไอ้โด้ เพื่อนสนิทผมมันไปธุระผมเลยเข้าสองกะติด ไม่ได้นอน วันนี้เลยรู้สึกหมดอะไรตายอยากในชีวิตมาก พอถึงห้องพักแพทย์ผมก็งีบหลับสักนิดหน่อยก่อนได้มั้ย รอให้เพื่อนที่อยู่เวรกะต่อไปมาปลุก(เลวจริงกู)
.
.
.
.
.
ผมตื่นมาด้วยเสียงโทรศัพท์ปลุกผมในยามเย็นเช่นนี้มีไม่กี่คนหรอกครับ
“ ครับ นิคร้าบบ ”
[ เสียงแบบนี้เพิ่งตื่นเหรอเรา?]
“ ตื่นเพราะเสียงพี่นั่นแหละ ”
หลังจากที่คบหากัน ผมก็ไม่ได้เรียกเขาว่าคุณ เพราะรู้ว่าเขาเป็นพี่ จะเป็นการไม่ดี แต่ใครว่าผมใจง่ายคนคิดผิดแล้ว เพราะผมคบพี่การณ์ ตอนประมาณเกือบคนปี5 เนื่องจากผมอยากลองใช้เวลาศึกษานิสัยใจคอ และอยากรู้ว่าอีกฝ่ายรักผมจริงๆ หรือเปล่า น้ำเน่ามากครับ แต่มันคือเรื่องจริง คนเราต่อให้รักกันมากแค่ไหนแต่ถ้าไม่ลองคบหาดูกันก่อนที่จะคบกันจริงๆ มีน้อยรายที่จะรักกันยืนยาว
[ ด่าพี่ ว่าพี่กวนเราว่างั้น? หึหึ]
น้ำเสียงกวนประสาทบ่นกับมา พร้อมเสียงหัวเราะ หึๆ น่าถีบชิบหาย ถ้ามือถือผมมีระบบ6G ผมคงสอดขาเข้าไปเตะปากเจ้าของเสียงหัวเราะอันกวนตีนนั่น
“ คิดเอาเถอะครับ นิคงชมพี่มั้ง? ”
[ บ้านพี่เรียกประชด ]
“ บ้านนิก็เรียกประชดครับ ”
จบประโยคก็ตามด้วยเสียงหัวเราะของพี่การณ์ส่งกลับมาดังมาก ขำอะไรไม่ทราบ หือ? ผมเลยเงียบไปครับรอว่าพี่เขาจะพูดอะไรต่อ
[ นี่...นิถ้าบ้านเราเรียกเหมือนกัน ทำไมไม่ย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยล่ะ? ]
.
.
.
.
.
.
.
เดี๋ยวนะ .. ขอเวลานอก
หน้าผมจะไหม้ตายกับคำพูดของพี่มัน อยากจะวางสายแล้วร้องว่า อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก แต่ก็ทำไม่ได้นี่มันโรงพยาบาล เลยได้แต่เอามือม้วนผมที่สั้นประๆบ่าของตัวเราแบบเขินอาย

อายมาก ยิ่งอาย ยิ่งม้วน ยิ่งม้วน ยิ่งเงียบ ยิ่งเงียบยิ่งเขิน เอาเข้าไป นี่ขนาดในโทรศัพท์ผมยังจะแดดิ้นตาย เห็นหน้ากันจริงคงได้เกิดโศกนาฏกรรมตายเพราะเขินเป็นแน่แท้

“ ไม่พูดแล้ว แล้วจะกลับจากเชียงรายวันไหน” พี่มันโดนคุณแม่ใช่ให้ไปทำงานที่เชียงรายครับเกือบเดือนแล้วเนี่ยยังไม่กลับเลย
[ พรุ่งนี้ครับ คิดถึงนิจัง อยากเจอเร็วๆ / คุณการณ์ครับของที่สั่งครับ ]
เขินแล้วเขินอีก ผมจะเขินตาย ยิ่งพี่ตอนพี่มันบอกคิดถึง กูจะลอยยยย แต่ระหว่างนั้นมีคนมาถามการณ์ประมาณว่าเอาของวางตรงไหนอะไรอย่างไร ผมก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร ก็คิดว่าคนงานเอาของมาส่ง พี่การณ์มันบอกคนงานประมาณว่า
‘เบาๆหน่อยเดี๋ยวแตกหมด’ เอ๊ะอะไร? อ๋อ...สงสัยของมั่ง
“พี่การ์ณยุ่ง นิวางสายก่อนนะ กำลังจะออกเวรน่ะ”
[ ครับนิ แล้วเจอกันครับ ]
“ ครับ”
ผมแปลกใจกับคำพูดของพี่การณ์นิดหน่อยคือช่วงนี้ เวลาผมเลิกงานพี่การณ์มักจะบอกว่า กลับบ้านดีๆ กินข้าวให้อร่อย หรือว่าเพราะพรุ่งนี้จะเจอกันสินะ
.
.
.
.
.
ตุ๊บ..
อ้าววว เสื้อกาวน์ มันล่วงครับ ผมเลยจะก้มเก็บมัน แต่ตามันไปเห็นอะไรที่นิ้วก้อยก่อน...
‘ ด้ายแดง’
เฮ้... มันมาได้ไง???
มันหายไปเกือบ2ปีแล้วนะ หรือว่ามัน…จะ
ผลั่ก...
“ นิทาน ! นายนี่เอง ..” พลอยเอ่ยขึ้นมา พลอยเป็นเพื่อนที่จะมาอยู่เวรต่อจากผม และข้างๆพลอยมีพี่สา อ้าว? ไหนพี่สาออกเวรไปแล้ว
“ อะไรพลอย?”
“ เปล่า...เออ..คือ อ๋อ พลอยลืม ตุ๊กตาเอาไว้ที่รถ เดี๋ยวไปเอาก่อนนะ”
แล้วพลอยก็...
ฟิววววว

ชิ่งไปอย่างสวยงาม

“ พี่สา เห็นเหมือนผมมั้ย?” ถามพี่สาก็ได้คำตอบเพียงพยักหน้าน้อยๆ
“ พี่จับมาแล้วค่ะ มันแค่ไหมพรมธรรมดา หมอนิไม่ต้องกลัว ”
ห๊ะ...!

.
.
.
.
.
“ เดินตามด้ายแดงไปนะค่ะ คนอีกข้างของปลายด้าย รอหมอนิอยู่”
.
.
.
.
.
.
ผมเดินตามไหมพรมที่ประหนึ่งมันคือด้ายแดงจริง คำๆหนึ่งของใครสักคน เคยบอกผมว่า
"ด้ายแดงล่องหน เชื่อมสองคนไว้ ตามพรหมลิขิต ไม่ว่ากาลเวลา สถานที่ หรือเหตุการณ์ใด ๆ ก็ไม่อาจพรากคนทั้งสองได้
ด้ายแดง เส้นนี้อาจจะถูกดึงให้ตึง (หมายถึงได้พบกันช้า) หรือ ถูกมัดเป็นปม (ได้พบกันเร็ว) แต่มันไม่มีวันถูกตัดขาด"
มันก็คงจะจริง ...
ไม่ช้าก็เร็ว
ตอนนี้ผมได้เจอกับคนที่เขารออยู่อีกปลายข้างหนึ่งของด้ายนั้น ไม่มีคำจำเป็นพี่มันจะชมนกชมไม้ ไม่จำเป็นต้องมอง ต้องสนใคร สิ่งที่ผมสนใจมีเพียงเขา
ด้ายแดงของผม เนื้อคู่ของผม คนรักของผม
.
.
.
.
พี่การณ์ ของผมทันทีที่เรียกชื่อเขาในใจ ขาผมมันก้าวมาถึงชั้นล่าง มีรถสปอตสีแดงคนหนึ่งกับคนๆหนึ่งที่กำลังดึงด้ายไว้อยู่ ผมเดินไปหาเขา เขาเค้าก็ดึงด้ายเข้าใกล้มากขึ้นมากขึ้น
เรายืนห่างกันไม่กี่ก้าว
ผมมองหน้าเขา
เมื่อเขามองหน้าผม
ผมยิ้มให้เขา
เมื่อเขาส่งยิ้มมาราวกับทักทาย
ผมกุมมือเขา
หลังจากที่เขาเอื้อมมาจับมือผม
เรามองตากัน..
“ พี่รักนินะ พี่รู้ว่าเราเป็นผู้ชายเหมือนกัน จะคบกันคงแต่งงานหรือเปิดเผยอะไรไม่ได้มากนัก แต่พี่ก็อยากให้นิอยู่ข้างๆพี่ตลอดไป พี่อยากจะทำให้ถูกต้อง พี่เลยจะบอกนิว่า .... ”
.
.
.
.
.
.
“แต่งงานกันนะ ”
ผมไม่ได้ให้คำตอบอะไร น้ำตาผมไหลออกมา ทันทีที่ผมร้องไห้ พี่การณ์ไม่ได้เช็ดน้ำตาให้ผม แต่พี่เขาดึงผมไปกอด และผมก็กอดเขาแน่นเหมือนกัน
มีคนมุงดูและคอยให้กำลังใจเรานิดหน่อยตามประสาเพราะที่นี่โรงพยาบาล ผมกอดพี่การณ์อยู่นาน จนผมคลายกอดจากพี่การณ์ก่อน
“ พี่สัญญาครับ ว่าจะรักนิตลอดไป ”
“ นิไม่อยากได้คำสัญญาจากพี่”
.
.
.
.
.
“ เพราะแค่ที่แสดงให้นิเห็นมันก็มากพออยู่แล้ว ”
อาจจะดูเวอร์ๆนะครับ เเต่..ผมอยากจะบอกว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผมคือการได้รู้ว่า คนที่อยู่ ณ ปลายด้ายเเดงเส้นเดียวกันกับผม คือ เขา
" รักนิคนเดียวเเละตลอดไป"
พี่การณ์ก้มลงกระซิบที่ข้างหูผม ก่อนจะอวบเอวเเล้วพาผมไปที่รถ
ข้างๆผมคือพี่การณ์ คนที่ผมรักเเละรักผม ตอบโจทย์ทุกอย่างบนโลกนี้ เเละโจทย์ที่เเก้ไม่ออกสักทีอย่าง
'คนที่ไม่ใช่'
ตอนนี้ ผมคือคนที่ ใช่ สำหรับเขา
" ขอบคุณครับ"
" ขอบคุณอะไรนิ"
ขอบคุณที่รักเเละไม่ทิ้งกัน
ผมไม่พูดไปหรอกครับ ไว้สักวัน ผมจะบอก..ด้วยตัวผมเอง..
-END-
[/size][/color]
------------------
รักคนอ่านทุกคนค่ะ ที่ไม่ได้มาต่อนานเพราะเพิ่งสอบเสร็จนะเออ อย่าว่าภัสนะ ><
ติดตามผลงานของภัสต่อได้ ในเรื่อง I ○ sea ○ You. ' รัก' เพียง..ทะเล
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34567.0 เป็นเรื่องของทะเลลูกพี่ลูกน้องของนิทานนั่นเอง
มีความสุขกับปิดเทอมนะค่ะทุกคน !
