ทะลึ่ง : กามที่ 23
ทางเลือกที่หนึ่ง...ทัศนัยต้องเดินออกจากงานแต่งคุณปรมัตถ์และคุณนิสาเพื่อขึ้นไปยังห้องพักชั้นสิบห้าที่ฟังมาจากปลายสายโดยลำพังไร้พยานร่วมรู้เห็น สุ่มเสี่ยงและโลดโผนเกินไปไม่น่ารอดกลับมาครบสามสิบสอง
ทางเลือกที่สอง...ทัศนัยควรส่งตัวแทนไป และคนที่ใกล้มือที่สุดเห็นจะเป็นพี่หญิงผู้เด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง กล้าเสี่ยงกล้าลุยทุกสถานการณ์ แต่ก็มีมุมอ่อนไหวอยู่บ้างเพราะยังไงก็เป็นผู้หญิง แล้วเรื่องอะไรจะส่งพี่เขาไปเผชิญภยันตรายกับผู้ชายอย่างกัณฑ์ธร ไม่เอาไม่เข้าท่า
ทางเลือกสุดท้าย...ทัศนัยควรเดินไปบอกท่านตรัส รัตนภูมิเศรษฐให้จัดการกับปัญหาที่ยังคิดไม่ตกเรื่องนี้ ยอมสละโทรศัพท์ตกรุ่นที่ใช้มาตั้งแต่ปีหนึ่ง แหล่งหน่วยความจำหมายเลขโทรศัพท์ของคนรู้จักทั้งหมดในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นครูบาร์อาจารย์ เพื่อนสมัยมัธยมต้น มัธยมปลาย และญาติโกโหติกาอีกมากมายหลายเชื้อชาติ ไม่ต้องไปเสียดงเสียดายอะไรมัน
แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้เลือกสักอย่าง ผมไม่กล้าไปคนเดียวเพราะพรรคพวกของกัณฑ์ธรเยอะเกินไป ไม่ได้กลัวจะถูกกระทำชำเราแต่กลัวโดนฆาตกรรมอำพรางมากกว่า ส่วนพี่หญิงในชุดเดรสสีหวานแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับลูกกวางตัวเล็ก ๆ ที่จะกลายเหยื่ออันโอชะของเสือ สิง กระทิง ไฮยีน่า จะส่งพี่เขาไปเป็นแม่ทัพก็ใช่ที่เพราะผมยังมีมโนธรรมความเป็นลูกผู้ชาย ถึงจะลดน้อยถอยลงไปบ้างตั้งแต่สมยอมท่านตรัสก็เถอะ
ซึ่งทางเลือกสุดท้ายนั้นดูจะเป็นความหวังที่ริบหรี่และไม่มีผลดีอะไรกับผมเลย ถึงจะอย่างนั้นแต่ความเป็นจริงมันโหดร้ายเสมอ อุตส่าห์ทำใจว่าจะบอกตรัสแล้วช่างหัวโทรศัพท์มัน แต่ก็กลายเป็นว่าผมมองหาคุณชายไม่เจอ ทั้งที่ตั้งใจจะบอกทุกอย่างตั้งแต่หนีออกจากงานเลี้ยงไปซัดเตกีล่าซึ่งบังเอิญว่าพี่ชายต่างแม่ของมันตามไปแล้วดันเผอเรอทำโทรศัพท์หาย พี่ชายมันเลยเก็บไว้เป็นตัวประกัน ถึงจะโดนสวดยับก็ยอม
แล้วท้ายที่สุดผมทำยังไงน่ะหรือ ก็บากหน้าไปเอาโทรศัพท์คืนด้วยความเสียดาย แต่ไปแบบแพ็คคู่โดยมีพี่หญิงเป็นฝ่ายดูต้นทางและประสานงาน
“ถ้าผมเข้าไปนานสถานการณ์ไม่น่าจะโอเคก็โทรบอกตรัสเลยนะครับ เดี๋ยวมันมาดูใจไม่ทัน”
“พูดอะไรพิลึก”
“เกินสิบนาทีนี่ถือว่าวิกฤตแล้ว พี่หญิงต้องโทรบอกตรัสทันทีเลยนะ รับปากผมสิ”
“เข้าใจแล้ว ๆ แต่ไม่เห็นจะต้องเข้าไปในห้องเลยนี่ แค่มาเอาโทรศัพท์ไม่ใช่หรือ”
“บอกเผื่อไว้ก่อนไง คุณกัณฑ์ธรไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นหรอกครับ”
ยืนสั่งเสียพี่หญิงอยู่ในลิฟต์ด้วยความพรั่นพรึงเพราะไม่วางใจในสถานการณ์ แต่ที่น่ากลัวมากกว่าเห็นจะเป็นไอ้ตรัสถ้ามันรู้ทีหลังต้องโดนโกรธแน่ แล้วใครใช้ให้มันหายหัวหาจนทั่วงานก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ปกติมันเด่นมากในฝูงชนแท้ ๆ เปล่งประกายพวยพุ่งจนคนรอบข้างกลายเป็นตัวประกอบโดยปริยาย สุดท้ายจึงลงความเห็นเอาเองว่ามันคงไม่ได้อยู่ในงาน เลิกเดินหาให้เมื่อยแล้วหันมายืมพื้นที่สมองของพี่หญิงช่วยคิดว่าจะทำอย่างไรกันดี
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ไม่ได้บอกพี่เขาหรอกว่าช็อกโกแลตหอบใหญ่ที่ให้ไปวันก่อนคืออภินันทนาการจากคุณกัณฑ์ธร กลัวพี่เขาจะมองว่าผมเป็นชายชาตรีที่เนื้อหอมกับเพศเดียวกัน ไม่ได้หลงตัวเองถึงขนาดคิดว่าการเจอคุณธรแค่สองสามครั้งจะทำให้พี่ท่านนึกชอบพอ เพราะไอ้ครั้งที่สองนี่ค่อนข้างสร้างความบาดหมางใจได้ลึกและเจ็บแสบทีเดียว ตั้งแต่เกิดมาไม่ค่อยโดนใครเขม่นซึ่ง ๆ หน้าบ่อยนัก พฤติกรรมของกัณฑ์ธรวันนั้นมันก็เลยฝังใจนิดหน่อย
หลังจากย้ำคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกับพี่หญิงว่าผมจะไม่ยอมสิ้นลมหากไม่ได้พบท่านตรัสเป็นครั้งสุดท้าย พี่เขาก็หัวเราะพร้อมกับผลักผมออกมาจากลิฟต์ ก็แค่ทำเป็นตลกโปกฮาข่มอาการตื่นกลัวที่ชักจะกำเริบหนัก หลังจากมองไปตามโถงทางเดินร้างคนพี่หญิงก็เสนอว่าจะรออยู่บริเวณหน้าลิฟต์ ผมก็เห็นด้วยทันทีเพราะถ้ามีอะไรฉุกเฉินพี่เขาจะได้ปลอดภัย ซึ่งตอนนี้ก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าผมมาเอาโทรศัพท์คืนหรือดวลปืนกันแน่
ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกดออดหน้าประตูห้องพักหมายเลขเดียวกับที่ได้ยินมา รอครู่หนึ่งก็ได้ยินใครบางคนปลดล็อคให้จากด้านในแต่ไม่ยอมดึงประตูเปิด ผมก็เหวอสิครับ ตั้งใจว่าจะมาขอโทรศัพท์คืนโดยปฏิเสธการเชิญเข้าห้องทุกกรณี แต่พี่ท่านดันเล่นไม้นี้ก็เลยผิดแผนอย่างแรง
ผมยืนหวาดระแวงด้วยสติไม่สมประดีอยู่อย่างนั้น ไม่ผลักประตูเข้าไปอย่างที่เจ้าแผนการเขาออกอุบาย เล่นแง่มาก็ขอเล่นกลับสักหน่อยให้สมน้ำสมเนื้อ แต่ยังไม่ทันได้สะใจก็รู้สึกถึงแรงดึงที่ข้อมือจนลอยหวือเข้ามาในห้องอย่างกับภาพลวงตา ยังไม่ทันเห็นด้วยว่าใครเป็นเจ้าของมือ ไม่น่าเลยเท็ต...ไม่น่าซัดโฮกเตกีล่าไปตั้งสามแก้วเลย
“นั่งสิ” ผมมองไปรอบ ๆ หลังจากคนที่ออกคำสั่งเดินเลี่ยงไปรินน้ำ ไม่ยักกะมีลูกสมุนอยู่เต็มห้องเหมือนอย่างที่คิดไว้ ก่อนเขาจะยื่นแก้วน้ำมาให้ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใส่อะไรลงไปหรือเปล่า ยอมถูกมองว่าเป็นคนเสียมารยาทด้วยการวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะใกล้มือทั้งที่ยังไม่ได้ดื่ม ก่อนจะหันไปมองหน้าคุณกัณฑ์ธรตรง ๆ ชนิดตาต่อตา
“ขอบคุณครับแต่ผมอยากได้โทรศัพท์คืนมากกว่า ขอคืนเถอะนะครับแล้วผมจะรีบกลับ”
“กลัวฉันหรือ”
“ครับ” สงสัยจะตอบตรงเกินไปคนฟังจึงจุดรอยยิ้ม
“ฉันไม่มีนิสัยชอบฝืนใจใครหรอกนะ น้ำนั่นก็ไม่ได้ใส่อะไรหรอก ดื่มได้ อย่ากังวลเลย”
“แต่ว่า...”
“คุยกันหน่อยไม่ได้เลยหรือ”
“คือว่าตอนนี้งานเลี้ยงใกล้เลิกแล้วครับ ผมขอโทรศัพท์คืนก่อนได้ไหมเพราะยังติดต่อตรัสไม่ได้เลย”
“อยู่ด้วยกันหรือ ทำไมต้องกลับพร้อมกัน”
“อ่า...ประมาณนั้นครับ” รู้ตัวดีว่าตอนนี้กำลังทำหน้าแหยสุดพิลึกเพราะความเกรงใจที่คุณเขาอุตส่าห์พูดดีด้วย ไม่มีท่าทางจ้องจะวางมวย สุ้มเสียงแววตาก็ติดจะขอร้องตามน้ำคำ โธ่ นี่ผมเป็นโรคแพ้ผู้ชายตระกูลนี้ไปแล้วใช่ไหม ถ้าไม่ติดที่อยู่ด้วยกันลำพังแค่หายใจยังดังสะท้อนไปรอบห้องแบบนี้ก็ว่าจะนั่งคุยด้วยอยู่หรอก พี่หญิงก็ยังรออยู่ข้างนอกนั่นเพราะฉะนั้นรีบกระทำการชิงตัวประกันแล้วถอนกำลังเพื่อหลีกเลี่ยงการวิสามัญน่าจะเวิร์คสุด
ระหว่างที่นั่งเงียบชั่งใจเสียงสั่นครืนของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น คุณธรลุกจากโซฟาไปเปิดลิ้นชักแล้วคว้าต้นตอมาถือไว้ เห็นได้ระยะไกลว่าสิ่งที่อยู่ในมือคือโทรศัพท์ของผม จากที่คิดว่าเขาจะยื้อยุดเล่นตัวไม่ยอมคืนง่าย ๆ แต่กลายเป็นว่าพี่ท่านเดินเอามายื่นให้แบบไม่ลีลาอะไรมากมาย
“โทรมาจนน่ารำคาญ”
“ขอบคุณครับ” ผมรับมาถือไว้แล้วมองที่หน้าจอก็เห็นชื่อคุ้นตาโชว์หรา ไม่แปลกไปหน่อยหรือที่เพิ่งจะโทรมาเอาป่านนี้ แทนที่จะโทรถามตั้งแต่ส่งข้อความไปบอก แต่เมื่อสัญญาณตัดขาดก็เห็นตำตาว่าสิบห้าสายที่ไม่ได้รับมันคือหายนะ คำขอบคุณที่บอกกับคุณธรจึงหมายความรวมถึงการที่เขารำคาญแล้วปิดเสียงไม่ใช่รับสาย ไม่อย่างนั้นคงต้องอัพเลเวลจากหายนะกลายเป็นพินาศย่อยยับแน่นอน
ผมยังมีแก่ใจไหว้ลาคุณกัณฑ์ธรก่อนจะก้าวฉับไปยังประตู นึกโล่งใจที่ไม่เสียเวลาพูดคุยนานนัก หลังจากนี้ต้องรีบโทรกลับหาท่านตรัสก่อนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ยังไม่ทันได้คว้าลูกบิดเจ้าของห้องก็กล่าวทิ้งท้ายด้วยวาจารุกฆาต เดินหมากเนิบ ๆ แต่ไหงมาล้มโต๊ะเอาตอนนี้ล่ะครับพี่
“ฉันไม่ชอบฝืนใจใครก็จริง แต่เสียนิสัยอยู่อย่างหนึ่ง ไม่รู้ทำไม...ถ้าฉันอยากได้อะไรแล้วต้องได้ ยิ่งยากยิ่งท้าทาย ยิ่งต้องขวนขวายเพื่อให้ได้มาเป็นของตัวเอง น่าตื่นเต้นดีใช่ไหม ไว้เจอกันนะ” คืออะไร อยากได้อะไร มาบอกผมทำไม กระแสเสียงเรียบนิ่งแต่มันช่างทำร้ายกล้ามเนื้อหัวใจคนฟังนัก ถามความสมัครใจกระผมบ้างจะได้ไหมว่าอยากเจอหรือเปล่า ให้ตายก็ไม่ขอพบกันในห้องส่วนตัวแบบนี้อีก ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง หลบได้ก็จะหลบ เว้นแต่มีความจำเป็นจริง ๆ อย่างเดินสวนกันในบริษัทอะไรทำนองนี้ ผมไม่ตอบคำแค่จ้ำอ้าวออกจากห้องทันที
เคราะห์หามยามร้ายแท้ ๆ ยังไม่ทันได้โทรหาคุณชายอย่างที่ตั้งใจไว้แต่กลับพบว่าเจ้าตัวมายืนจังก้าด้วยหน้าตาโกรธจัดอยู่ข้างพี่หญิงที่ยืนกะพริบตาปริบ ๆ ผมก็ได้อ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออกนอกจากเอ่อ ๆ อ่า ๆ
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์” เอาแล้ว น้ำเสียงเฉียบเย็นขัดกับรูปลักษณ์ที่โซฮอตอย่างยิ่ง วันนี้ตรัสหล่อแค่ไหนให้ทาย สูททรงไทยกับใบหน้าคมจัดมันช่างเปลี่ยนบรรยากาศรอบตัวให้กลายเป็นดินแดนสุขาวดีได้อย่างง่ายดาย ผิด! นี่ไม่ใช่เวลามาเพ้อเรื่องนี้ว่ะเท็ต มึงควรแก้สถานการณ์ก่อนดีไหมว่าทำอย่างไรไม่ให้โดนสังหารหมู่ แต่ดูท่าว่าตอนนี้จะหัวเดียวกระเทียมลีบ เพราะพี่หญิงผู้ภักดีได้กระทำการตัดช่องน้อยแต่พอตัวก้าวถอยหลังแล้วส่งตัวเองลงชั้นล่างด้วยชักรอกอัตโนมัติโดยไม่บอกลาสักคำ โหดร้ายที่สุด
“เอ่อ...เรื่องมันยาว จะกลับแล้วใช่ไหม ไปกันเถอะ เดี๋ยวเล่าให้ฟังในรถนะ” จับจูงประหนึ่งว่าหลอกเด็ก แต่เด็กมันไม่หลงกลนี่สิ ตรัสขืนข้อมือแล้วจับหมับมาทีต้นแขน โอ๊ยไอ้แรงวัว กูเจ็บ
“ตรัส เจ็บ”
“เท่าที่ฉันเจ็บไหม ไปไหนมา กัณฑ์ธรก็หายไปจากงานเลี้ยงแล้วจะให้ฉันคิดยังไง เมื่อกี้ออกมาจากห้องใคร ทำไมเท็ต ไหนบอกให้ฉันเชื่อใจแล้วทำไมทำแบบนี้” ฟ้าดินเป็นพยาน ท่านตรัสพูดมากที่สุดในรอบสองสัปดาห์ ก็รู้อยู่แล้วนี่หว่าว่านั่นห้องกัณฑ์ธรแล้วจะถามทำเปรตอะไร ขอเปลี่ยนคำถามได้ไหมว่าเป็นไงมาไงถึงมาอยู่ในห้องพี่ท่านได้ มันฟังลื่นหูกว่ามาก เพราะอย่างไรเสียมิจฉาทิฐิก็ยังไม่ครอบงำกูถึงขนาดนั้น ยังไม่ถึงขั้นเห็นกรงจักรเป็นดอกบัว
“ฟังก่อนได้ไหม เมื่อกี้ไปห้องอาหารชั้นใต้ดินมา แล้วบังเอิญเจอ...คุณธร ฉันซุ่มซ่ามทำโทรศัพท์หายแล้วคุณเขาเก็บได้ก็เลยมาเอาคืน นี่ไง” ยกโทรศัพท์ให้ดูประกอบคำเล่า ตรัสมันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนออกแรงดึงแขนผมไปตามทางเดิน “ไปไหน”
“ห้อง”
“ห้อง...ห้องอะไร ไม่กลับบ้านล่ะ” มารู้คำตอบอีกทีตอนที่โดนลากเข้ามาในห้องพักอีกฝั่งหนึ่งที่ห่างจากห้องของกัณฑ์ธรพอสมควร ก็เคยได้ยินอยู่ว่างานเลี้ยงระดับผู้บริหารเขาจะเปิดห้องพักให้กับแขกคนสำคัญที่ถูกเรียนเชิญ แต่ไม่คิดว่าตรัสที่พักอยู่คอนโดที่ห่างจากโรงแรมไม่กี่กิโลเมตรจะได้รับสิทธิ์นี้ด้วย แต่ก็อย่างว่า คุณชายมันว่าที่ท่านประธานอยู่แล้ว ไม่มีข้อยกเว้นแน่นอน
“สรุปว่าเชื่อฉันไหม” ผมออกปากถามทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง
“เชื่อ”
“แล้วโกรธอะไร”
“โกรธที่ไม่ยอมรอ ทีหน้าทีหลังถ้าต้องไปพบใครตามลำพังช่วยบอกฉันก่อนได้ไหม ถ้าหาไม่เจอก็ต้องรอ ห้ามบุ่มบ่ามทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ถ้าเท็ตเป็นอะไรไปฉันจะทำยังไง” ลงแบบนี้พี่หญิงคงโดนสาวไส้ไปหมดยวงแล้วแน่ ๆ ตรัสปล่อยมือก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งที่ปลายเตียง ยกศอกเท้าเข่าแล้วกุมขมับทำเอาบรรยากาศเปลี่ยนโดยเฉียบพลัน แค่นั่งเงียบไปพักหนึ่งโดยไม่พูดอะไรแต่ก็ทำให้กูรู้สึกผิดได้ สามารถนะหล่อ
“คิดมากไปได้ ฉันไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอก” คลานเข่าเข้าไปใกล้เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าเดินไปนั่งข้าง ๆ จะโดนหลังมือสวนกลับมาไหม พอถึงระยะที่กะเกณฑ์ก็วางคางลงกับเข่าคุณชายแล้วช้อนตามองเหมือนเวลาอ้อนแม่ขอเงิน ไม่ได้ทำนานแล้วกลัวฝีมือตก ก็เลยไม่แน่ใจว่าจะได้ผลกับไอ้หล่อด้วยหรือเปล่า
“ทำเป็นเล่นตลอด รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน โทรเท่าไหร่ก็ไม่รับสักที”
“จะรับได้ไงล่ะโทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับตัว แล้วตรัสหายไปไหนมา หาจนทั่วงานก็ไม่เจอ”
“ธุระ” เกลียดคำนี้จริง ๆ ให้ตายเหอะ เอะอะก็ธุระ มันเป็นคำอ้างสุดหรูของผู้ใหญ่เวลาใช้ปกปิดความจริงกับเด็กแส่รู้ แล้วตรัสมันเอามาใช้กับผมทำไม แถมยังใช้บ่อยจนน่าโมโห อย่าให้กูมีโอกาสได้พูดบางนะ จะบอกธุระ ๆ มันทุกงานเลยคอยดู
“ถ้าไม่อยากบอกก็ช่างเถอะ” งอนแม่งเลย ยันตัวลุกขึ้นตั้งใจจะเดินไปอาบน้ำแต่เป็นอันต้องถูกรวบตัวลงมานั่งทับตักคุณชายเต็มแรง หมันแดกเลยไหมมึง
“อย่ารวนสิ ฉันต่างหากที่ต้องงอน” พูดแบบนั้นแล้วมันก็ยื่นปลายจมูกมาตรงมุมปาก เวรกรรม ลืมสนิทเลยว่าก๊งมาก็เลยไม่ทันได้หันหลบ “กลิ่นเหล้า”
“ดื่มมานิดหน่อย พี่หญิงไม่ได้บอกเหรอ”
“บอก” โห ไอ้คนลวงโลก นี่หลอกแต๊ะอั๋งกูใช่ไหม แสดงว่ามันรู้ทุกอย่างตั้งแต่แรกแล้วแต่ทำมึนตีหน้าขึงขังเจ้าบทบาท เมื่อกี้กูก็โดนมึงเค้นแขนฟรีเลยสิ นิสัย
“ขอโทษนะ” เหมือนมันรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรก็เลยแตะจูบอุ่น ๆ ที่ต้นแขนผ่านเนื้อผ้าที่ช่วยให้อาการปวดหน่วง ๆ หายเป็นปลิดทิ้ง นี่อาจเป็นเภสัชศาสตร์ขนานใหม่ที่ท่านตรัสเป็นผู้คิดค้น
“ฉันโมโหจริงแต่ดีที่คุณญาดาห้ามไว้ ไม่อย่างนั้นคงพรวดพราดเข้าห้องกัณฑ์ธรไปแล้ว”
“เลือดร้อนเหลือเกิน” ผมประชดลากเสียงยานคาง
“แค่กับบางคนเท่านั้นเท็ต สาบานได้ว่าถ้าฉันเห็นเสื้อนายกระดุมหลุดแม้แต่เม็ดเดียว เรื่องนี้ไม่จบง่าย ๆ แน่” ท่านตรัสโหมดนักเลงโต นึกหมั่นไส้แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรให้คุณชายมันเดาเอาเอง ชอบนักนี่ตีหน้านิ่งอมพะนำ แต่บทจะพูดก็ทำเอาคนฟังเหมือนโดนควักหัวใจไปทั้งดวง
ผมนั่งเงียบนานพอดูจนกระทั่งตรัสขยับแขนที่โอบรอบเอวมากุมมือไว้ พอไม่มีเรื่องให้คิดและอีกฝ่ายก็ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดจึงมีเวลาสอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ ถือว่าเป็นห้องพักที่หรูหราทีเดียว การตกแต่งแบบไทยแท้ทั้งโอ่อ่าและหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สักทองรวมถึงของแกะสลักลวดลายสวยงาม มองเพลินจนรู้สึกตัวอีกทีตอนที่มีปลายจมูกโด่งมาฉกหอมแก้ม “คิดอะไรอยู่”
“คิดว่า...ถ้ากระดุมหลุดตอนนี้จะผิดไหม” เป็นไงครับพี่ นี่ประโยคเด็ดแห่งปีเลยนะ อึ้งเลยสิ เห็นมันปั้นหน้าไม่ถูกแล้วรู้สึกสาแก่ใจมากที่ได้เอาคืนมันบ้าง แต่ก็ลำพองใจอยู่ได้ไม่นาน...ซวยแล้วไง
ผมถูกพลิกตัวลงมานอนแผ่อยู่บนเตียงก่อนไอ้คุณชายจะทาบทับตามลงมา ถ้าไม่หน้าด้านจริงพูดไม่ได้นะเมื่อกี้แล้วนี่มึงจะเอาอะไรกับคนอย่างกูอีก ล้อเล่นนิดหน่อยต้องถือเป็นจริงเป็นจังขนาดนี้เลยเหรอ กูขอโทษตอนนี้คงไม่ทันแล้วใช่ไหม
“ไม่ผิดหรอก กระดุมของเท็ต...ฉันปลดได้คนเดียว” รับทราบสุดใจ แต่ไม่คิดจะให้กูอาบน้ำก่อนเลยหรือไง แอบไปพี้เตกีล่ามานะ กลิ่นละมุดกำลังกรุ่นได้ที่เลยครับมึง
วันต่อมาเป็นวันหยุดตื่นสายสุดได้สิบโมง เช็คเอ้าท์เที่ยงตรงคิดได้ลงตัวแล้วก็คลานลงจากเตียง...ย้ำว่าคลาน เพื่อไปอาบน้ำแล้วหลังจากนั้นค่อยปลุกท่านตรัสที่กำลังนอนขี้เซา แต่เป็นอันว่าฝันสลายเพราะเมื่อผมเดินออกมาจากห้องน้ำไอ้คุณชายก็ลุกขึ้นมาสูดอากาศอยู่ที่ระเบียงโน่นแล้ว
“เท็ต” ผมที่ยังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำก็เลิกคิ้วถามกลับแทนการขานรับ กำลังจะเดินไปแต่งตัวก็ถูกคุณชายมันกระดิกนิ้วเรียกให้ไปหา ทำปากถามว่าอะไรมันก็บอกว่าเถอะน่าให้ออกมาหน่อย เอาแต่ใจจริงวุ้ย
หลงกลโดนท่านตรัสอ้อนกอดจากทางด้านหลังอยู่ตรงระเบียงพักหนึ่งทั้งที่ยังสงสัยอยู่ว่ามันเรียกมาทำไม มองไปข้างล่างก็ไม่เห็นมีอะไรน่าดูนอกจากตึกรามบ้านช่องและถนนที่รถราบางตาเพราะว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ จนกระทั่งคำพูดที่ตรัสกระซิบข้างหูจะช่วยไขข้อข้องใจ
“ไปอังกฤษด้วยกันไหม”
“อะไรนะ”
“ฉันต้องไปเรียนต่อ อยากให้เท็ตไปด้วย แค่หนึ่งปีครึ่งคุณพ่อกับคุณแม่ไม่น่าจะว่าอะไร”
“พูดจริงพูดเล่น”
“พูดจริงครับ”
“ไม่ไปหรอก”
“ทำไม”
“ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องไป ยังไม่อยากต่อปริญญาโท” ซันเคยบอกไว้แล้วแท้ ๆ แต่ไม่คิดว่าเมื่อถึงเวลาแล้วมันจะน่าหดหู่แบบนี้ ตรัสคืออนาคตของรามานุสรณ์จิวเวลรี่แล้วจะเอาผมติดสอยห้อยตามไปเป็นตัวถ่วงทำไม และที่แน่ ๆ พ่อกับแม่ต้องไม่ยอม ท่านอยากให้ผมมีความเป็นผู้ใหญ่พอที่จะดูแลชีวิตของตัวเองได้ ดูอย่างตอนเลือกที่ฝึกงาน รั้นแทบตายพ่อยังไม่ให้ผมทำที่บริษัทของท่านเลยแล้วนับประสาอะไรกับการตามใครสักคนต้อย ๆ เหมือนเขาเป็นศูนย์กลางอย่างกับดวงจันทร์ที่โคจรรอบโลก นอกจากชีวิตจะไม่รุ่งโรจน์แล้วยังส่อแววรุ่งริ่งอีกด้วย
“ไม่มีฉัน เท็ตอยู่ได้หรือ”
“ได้ สบายมาก”
“แต่ถ้าไม่มีเท็ต...ฉันอยู่ไม่ได้” พูดจาชวนคลื่นไส้ว่ะ ดีนะที่ไม่ได้สบตากันอยู่ ไม่อย่างนั้นคงได้เลื้อยลงไปเป็นเพื่อนพลูด่างข้างลูกกรงนั่นแหง ๆ คุณชายมันทำเป็นคนหลงยุคไปได้ ติดต่อกันทีต้องใช้นกพิราบอะไรเทือกนั้น เงินถุงเงินถังอย่าขี้เหนียวนักเลย ถ้าอยากคุยก็โทรมาสิไม่เห็นยากอะไร
“เว่อร์ตลอด”
“เชื่อเถอะว่าฉันพูดจริงทุกคำ ชักไม่อยากไปแล้วสิ”
“ไร้สาระน่า อย่ามาทำให้คนอื่นรู้สึกผิดดิตรัส หน้าที่ก็คือหน้าที่ ว่าแต่จะไปเมื่อไหร่”
“หลังรับปริญญา”
“ก็อีกตั้งนานเห็นไหม”
“แต่ฉันไม่ไว้ใจกัณฑ์ธร”
“ถ้าไม่เลิกพูดเรื่องนี้ ก็ไม่ต้องมาคุยกันอีกเลย”
ทำเป็นปากดีแล้วนี่มึงมานั่งหน้าม่อยเป็นคนท้องผูกทำไมเท็ต บอกว่าอยู่ได้บอกว่าไม่เป็นไรแต่ไหงมานั่งจิตหลุดทำงานผิดพลาดซ้ำซาก ส่งแฟกซ์ผิดเบอร์บ้างล่ะ จะตอบเมลลูกค้าแต่ดันคลิกตอบด้วยเมลส่วนตัวบ้างล่ะ หนักหน่อยก็ถ่ายเอกสารผิดแฟ้ม มาเห็นอีกทีตอนที่หน้ากระดาษไหลผ่านไปครึ่งเล่มแล้ว ไหวไหมมึง
สี่ปีที่ผ่านมาผมไม่เคยอยู่ห่างจากตรัสเกินหนึ่งเดือน แล้วหนึ่งเดือนที่ว่าก็ไม่ใช่ใครหลบหน้าไปไหน แค่ช่วงปิดเทอมระยะสั้น ถึงจะอย่างนั้นก็ยังนัดแนะกันไปสังสรรค์เฮฮาตามประสา สรุปว่าไม่เคยขาดการติดต่อกันเลยตั้งแต่รู้จักกันมา แล้วจะให้ยิ้มหน้าระรื่นรอมันไปเรียนต่อที่อังกฤษตั้งปีครึ่ง ผิดวิสัยเด็กชายเจ้าอารมณ์
‘อยากไปไหม เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ’ ตรัสมันก็ย้ำถามอยู่ได้ไม่เว้นวัน ถ้าเหลืออดหลุดปากขอตามไปด้วยใครจะรับผิดชอบ พ่อแม่กูไม่ตัดออกจากกองมรดกเลยหรือ น่าหงุดหงิดใจจนต้องโทรไประบายกับไอ้แซนหลังเลิกงาน สุดท้ายก็โดนมันค่อนกลับมา ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่โทรไปปรึกษามัน
(( ถ้าไม่มีเรื่องกลุ้มใจ มึงคิดจะโทรหากูบ้างไหมเท็ต )) โดนสำเร็จโทษทันทีที่ระบายให้มันฟังว่าท่านตรัสกำลังจะอพยพไปเรียนต่อที่เมืองนอกเมืองนา ทิ้งคู่ขาให้ช้ำรักและตรอมใจอยู่สยามประเทศ ซึ่งจุดนี้ก็อยากจะบอกมันด้วยว่ามึงประสบความสำเร็จแล้วที่อุตส่าห์เป็นพ่อสื่อพ่อชักมาตลอด แต่ไม่ดีกว่า ค่อย ๆ สะสางทีละคดีความเพราะยังไงตอนนี้คนหูไว ตาไว จมูกไว ไอ้ตูบเรียกพี่ก็น่าจะเอะใจนิดหน่อยแล้ว
“เอาน่า อย่าน้อยใจไปใย งานที่บริษัทคุณชายมันวุ่นวายไปหน่อย แต่กูก็ยังรักมึงเหมือนเดิมนะแซนคุง”
(( ข้ออ้างล่ะสิ แล้วนี่สรุปยังไง อยากไปกับมันหรือเปล่า ))
“ไม่อยาก ไม่ใช่ไปเที่ยววันสองวันกลับซะเมื่อไหร่ แต่นี่ไปเรียนตั้งปีครึ่งเลยนะครับ พ่อแม่กูก็มี ธุระก็ไม่ใช่ กูไม่ฝักใฝ่การเรียนขนาดนั้นว่ะ นี่ก็ว่าจะลองคุยกับพ่อดูว่าที่บริษัทมีตำแหน่งงานว่างหรือเปล่า ถ้าท่านยินยอมก็ว่าจะสมัครเลย”
(( แล้วมึงไม่สบายใจเรื่องอะไร ))
“ก็ตรัสมันตื้อเอาโล่ บอกว่าไม่เป็นใช่ บอกว่าเออะเป็นเออ สงสัยประสาทกลับ เอะอะก็จะลากกูไปด้วยท่าเดียว ย้ำคิดย้ำทำจนกูกลัวมันจะเป็นโรคจิต”
(( มึงไปทำอะไรไว้ล่ะ )) นั่นน่ะ รู้ใจกันยิ่งกว่าเอ็ดเวิร์ดกับเบลล่าเสียอีก แค่นี้ก็เข้าใจแล้วว่าไม่มีความจำเป็นต้องโทรหาไอ้ตี๋อีกต่อไป ให้มันกับตรัสส่งโทรจิตหากันแหละดีแล้ว จะได้ไม่สิ้นเปลืองเงินทอง (( มึงไปเล่นหูเล่นตากับผู้หญิงที่ไหนอีกหรือเปล่า ปกติตรัสมันมีเหตุผลกว่านี้ ))
“เข้าข้างกันเข้าไป เอาเป็นว่าถ้าเป็นผู้หญิงก็ดี กูจะไม่เครียดแบบนี้เลย”
(( ว่าไงนะ ผู้ชาย! )) ไอ้บ้าเอ๊ย ตะโกนมาได้ ถ้าแก้วหูกูร้าวมึงต้องขึ้นมาจากสุราษฎร์ฯ แล้วพากูไปหาหมออะแซน
“กูก็ยังไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นอะไร ได้แต่ขอว่าอย่าให้เป็นอย่างที่กูสังหรณ์ใจเลย เพราะมันน่าขนลุกมาก”
(( ใครมันช่างหาญกล้ามาจีบมึงวะเท็ต ถ้าถึงขั้นทำให้ท่านตรัสเป็นเดือดเป็นร้อนได้นี่แสดงว่าร้ายกาจพอตัว แต่ตอนจบอาจศพไม่สวย กูฝากบอกหน่อย ))
“กูไม่บอกหรอก เพราะกูยังไม่แน่ใจ”
(( ไม่เป็นไรน้อง เดี๋ยวพี่โทรถามสายสืบเอง )) เกือบลืมไปว่าตี๋หนึ่งกับท่านตรัสเขาไม่เคยมีความลับต่อกัน ตอนอยู่มหาวิทยาลัยเวลาพักเที่ยงปุถุชนอย่างผมก็ทำได้แค่นั่งมองคุณชายทั้งสองเขาเสวนา อย่าถามว่าผมรู้เรื่องที่คุณท่านเขาคุยกันไหม จะเข้าใจได้ยังไงในเมื่อมันไม่ได้คุยกันด้วยภาษาแม่หรือภาษาที่สอง เลา ๆ ว่าน่าจะเป็นภาษาเยอรมันเพราะคุณอ้นเขาก็นั่งยิ้มบางร่วมวงด้วยเสมอ ชิชะ ไอ้พวกชนชั้นสูง ทำเป็นข่มคนอื่นด้วยศัพท์แสงพิลึกพิลั่น นึกย้อนกลับไปแล้วยังโมโหไม่หาย ถ้าผมโดนนินทาซึ่ง ๆ หน้าแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่จะขอสาปแช่งทุกคนที่มีส่วนร่วมรู้เห็นให้หมดเลย
ผมเรียกสติตัวเองได้เร็วกว่าที่คิด ใช้เวลาไม่นานก็ปลงตกเรื่องความไม่แน่นอนในชีวิตได้ การฝึกงานกำลังจะจบลงในไม่ช้า ผมคงไม่ได้พบพี่หญิง พี่นิสา และพี่ณรินทร์อีกนาน แต่ก็ยังดีที่มีเบอร์โทรศัพท์ไว้ติดต่อกันในวันที่คิดถึงมาก ๆ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่น่าเศร้าใจ วันรับปริญญาก็ถูกวางในตารางนักศึกษาแล้ว วันที่ตรัสต้องเดินทางไปเรียนต่อก็ใกล้เข้ามา แต่ผมกำลังโล่งใจด้วยเหตุผลที่ไกลตัวเหลือเกิน...
ลาแล้วลาลับนะครับ คุณกัณฑ์ธร รามานุสรณ์▩▩▩