ทะลึ่ง : กามที่ 18
ลองทายดูไหมว่าผมได้ของสมนาคุณอะไรจากการ ‘บอกรัก’ สั้น ๆ แค่คำเดียว
ผมกำลังเดินควงกุญแจคู่ขาของรถเลกซัสรุ่นใหม่ป้ายแดงสีเงินเมทัลลิกที่จอดนิ่งยั่วใจโจรอยู่ในลานจอดรถชั้นใต้ดินของคอนโด ทั้งที่ไม่ได้ร้องขออะไรแต่คุณชายมันซื้อมาให้แบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้า พอผมถามว่าทำไมไม่ซื้อให้ตั้งแต่กลับมาจากสุราษฎร์ธานี ดูเป็นเหตุเป็นผลกันมากกว่าเพราะว่าตกลงกันไว้แล้ว แต่คำตอบของไอ้หล่อก็ทำให้ผมได้แต่ยืนอึ้ง
‘ตอนนั้นยังไม่แน่ใจว่าเท็ตรู้สึกยังไง ถ้าซื้อให้แล้วเท็ตขับไปรับผู้หญิงที่ไหน ฉันคงทำใจไม่ได้แน่’
น้ำเน่าเข้าขั้นปรมาจารย์ ใครจะไปคิดว่าท่านตรัส รัตนภูมิเศรษฐผู้เลิศเลอจะเพ้อได้ขนาดนี้ อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีไม่มีวี่แววว่ามันเป็นพวกคิดเล็กคิดน้อย แต่ไหงถึงมาเผยธาตุแท้เอาตอนนี้ ผมเสียทีผู้ชายขี้หึงเข้าให้แล้วไง
การฝึกงานล่วงหน้าผ่านพ้นไปสองสัปดาห์แล้ว อาจดูทุลักทุเลไปหน่อยแต่ก็พอจะกู้หน้าไหว เดี๋ยวป่วยกายเดี๋ยวป่วยใจก็แล้วแต่สถานการณ์จะพาไป ซึ่งปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาค่อนข้างจะลื่นไหลไม่มีปัญหาอะไรเพราะได้คุณสามารถเป็นที่ปรึกษามาตลอด หนักหน่อยก็คงเป็นสัปดาห์หน้าที่ต้องย้ายออกจากแผนกจัดซื้อไปศึกษางานกับคุณนิสาที่เดือนหน้าเธอจะต้องแต่งงานและลาคลอดอย่างเป็นทางการ ไอ้ผมที่โดนบังคับอย่างไม่มีทางเลือกก็ต้องจำใจช่วยงานส่วนนี้แทนไปก่อน ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าจะทำได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า แต่โชคยังเข้าข้างที่ตรัสมันไม่โยนมาเป็นความรับผิดชอบของผมคนเดียวทั้งหมด ได้ยินว่าจะมีพนักงานจากแผนกอื่นมาช่วยเหลือไปพลาง ๆ
สาเหตุหลักที่ผมปฏิเสธไม่ได้คืองานผู้ช่วยเลขานุการเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับรถยนต์ส่วนบุคคลที่ผมได้มา และอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญกว่าก็คือต่อไปนี้ห้องรับรองแขกที่คอนโดจะถูกปล่อยร้างว่างเปล่า เพราะผมต้องย้ายไปนอนห้องเดียวกับคุณชายอย่างไม่มีเงื่อนไข รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดแผกเพราะผมกับมันเกินเลยทางพฤตินัยล่วงหน้าสถานะไปถึงไหนต่อไหนแล้ว มิหนำซ้ำยังหลุดปากบอกความรู้สึกกับคุณชายแบบโจ่งแจ้งชัดเจน ผมก็หมดหนทางจะปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
เสียงพวงกุญแจกุ๊งกิ๊งในมือเงียบไปเมื่อผมก้าวเข้ามาในห้องแล้วพบว่าใครอีกคนกำลังฟุบหลับอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ ผมออกจากคอนโดไปตั้งแต่เช้าแต่เพราะวันนี้เป็นวันหยุดก็เลยขับรถเถลไถลไม่ได้เข้าบริษัท ส่วนตรัสยังคงทำตัวเป็นนักวิชาการ ศึกษานี่นั่นโน่นอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน เข้าใจว่าอยากขึ้นรับตำแหน่งแทนคุณปู่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ แต่แบบนี้มันหักโหมเกินไปหน่อย ผมไม่ค่อยเห็นดีเห็นงามด้วยสักเท่าไหร่เลย
ผมวางกุญแจที่เคาน์เตอร์หน้าห้องครัวเบา ๆ ก่อนจะสาวเท้าไปยืนกอดอกมองเทพบุตรนอนหลับ ตอนตื่นหล่ออย่างไรตอนหลับก็ยังหล่ออย่างนั้น ดวงตาที่ปิดสนิทไม่ได้บั่นทอนเสน่ห์ชวนมองให้ลดลงเลยสักนิด ห้วงหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมออย่างคนหลับลึกทำให้ผมลังเลที่จะปลุกในตอนแรก แต่ดูไปแล้วท่านอนมันไม่ค่อยน่าสบายตัวผมก็เลยส่งมือไปแตะเบา ๆ ที่หัวไหล่
“ตรัส ไปนอนในห้องดิ มานอนอะไรตรงนี้” เห็นไอ้หล่อปรือตาตื่นแล้วก็ได้แต่ยืนลอบยิ้ม น่าเสียดายที่ผ่านมาเวลานอนด้วยกันไม่เคยตื่นก่อนมันเลยสักที ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นภาพประทับใจในทุก ๆ เช้าอย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้
ชีต้าร์ตอนตื่นนอนน่าเอ็นดูแค่ไหน ไอ้หล่อก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่เลย
“กลับมาแล้วหรือ” ตรัสถามพร้อมเอนหลังกับพนักพิง
“อือ ง่วงแล้วทำไมไม่ไปนอนในห้อง”
“รออยู่...ทำไมกลับดึก ไหนว่าไปบ้าน”
“ก็ไปบ้านน่ะสิ” ผมตอบก่อนจะเอื้อมมือไปเลื่อนเมาส์หวังปิดคอมฯ ให้คนที่กำลังนวดหลังคอตัวเองอย่างอ่อนล้า แต่กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นการให้ท่าครั้งมโหฬารก็ตอนที่ถูกรวบเอวจนเสียหลักทิ้งตัวลงไปนั่งแหมะที่ตักคนฉวยโอกาส ยังไม่ทันได้อุทานก็ส่งหางตาค้อนขวับไปแบบลืมตัว
“ปล่อย จะไปอาบน้ำแล้ว เหนียวตัว”
“ไปทำอะไรมา”
“ทำไมต้องบอก”
“ต้องบอกสิ เพราะ...” เพราะมึงใคร่รู้ด้วยความหวาดระแวง วิตกจริต คิดมาก เวิ่นเว้อ หรืออะไรก็ตามแต่ที่มันเข้าข่ายคำว่าหึงหวง ผมขยับตัวหันหน้าเข้าหา หมดปัญญาที่จะลุกเดินหนีเพราะลำแขนไอ้หล่อมันโอบแน่นอยู่รอบเอว จ้องตาชนิดที่ว่าจริงใจสุดชีวิตก่อนจะบอกความจริงไป
“ไปช่วยแม่จัดห้องพระมา ทำเพลิน ๆ คุยเพลิน ๆ จนลืมดูเวลา ได้ทานมื้อเย็นอีกทีก็เกือบสองทุ่มแล้ว กว่าจะได้ออกบ้าน กว่าจะขับรถมาถึงคอนโดก็ดึกดื่นป่านนี้แหละ” หันมองนาฬิกาก็เห็นว่าสี่ทุ่มนิด ๆ ไม่มีอะไรน่าสงสัยในเนื้อความ แถมยังมีพยานรู้เห็นเป็นคุณนายบ้านเกียรติพัชรเมธี ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือกว่านี้อีกแล้ว มองริมฝีปากได้รูปคลายยิ้มอย่างพอใจในระยะประชิดแล้วสายตาเจ้ากรรมก็พาลจะพร่ามัว เบี่ยงหน้าหลบปลายจมูกที่โน้มมาอย่างถือดีทั้งที่เมื่อกี้ยังทำหน้าตึงอยู่เลยแท้ ๆ
“ปล่อยเถอะ อยากอาบน้ำจริง ๆ ง่วงด้วย เมื่อยด้วย”
“ทำไมไม่ใช้แม่บ้าน เก็บเองทำไม”
“แม่กลัวว่าของมีค่าจะหายน่ะสิ เด็กที่บ้านไว้ใจไม่ค่อยได้หรอก ยกเว้นป้าวิ”
“อืม...ท่านน่ารักดีนะ”
“พูดอย่างกับรู้จัก”
“รู้จักสิ คุยกันถูกคอด้วย” ป้าวิภาเป็นแม่บ้านคนเก่าคนแก่ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ เห็นท่านกระฉับกระเฉงแบบนั้นแต่จวนจะหกสิบอยู่อีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่มันน่าแปลกตรงที่คนนอกอย่างตรัสไปสนิทสนมได้ยังไง
คำตอบมันอยู่ในใจของผมอยู่แล้ว...
ความจริงจุดประสงค์ที่ผมอยากกลับบ้านในวันนี้ไม่ได้มีแค่ความคิดถึงที่การคุยโทรศัพท์ก็ไม่ช่วยให้บรรเทา แต่ยังพาความคับข้องใจไปเป็นของฝากให้แม่ด้วย เป็นผมเองที่ชวนท่านคุยเรื่องคุณชาย ก่อนที่แม่จะนึกขึ้นได้ว่าอยากคุยเรื่องนี้กับผมมานานแล้วเหมือนกัน แต่มีเรื่องอื่นให้บ่นจนลืมนึกไปทุกที
‘น้องตรัสมาเยี่ยมพ่อบ่อยมากเลยนะ เท็ตไม่เห็นเคยบอกแม่เลยว่าเพื่อนที่ย้ายไปอยู่คอนโดเดียวกันคือน้องตรัส’
แล้วก็ไม่ผิดกับที่คาดไว้จริง ๆ ตรัสมันไม่ได้โม้เรื่องที่รู้จักมักจี่กับพ่อแม่ผม และสาเหตุที่เดินเข้านอกออกในได้สบายโดยที่ลูกชายไม่จำเป็นต้องเสนอหน้าเลยก็เพราะว่าพ่อเคยร่วมธุรกิจกับคุณฉัตรพันธ์เมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นความน่าเชื่อถือของบุพการีจึงมีผลถ่ายทอดมาถึงทายาทโดยไม่ต้องกังขา
ถามว่ามันบอกแม่ผมไปหรือยังเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคน ไม่ต้องเดาให้เสียเวลา ในเมื่อมันประกาศกร้าวว่าลูกชายคนเดียวอย่างผมจะไม่มีวันได้แต่งงานกับผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น มันคงไม่อมพะนำคำพูดไว้ประดิษฐ์ดอกพิกุลแน่นอน
‘คบกันอยู่ใช่ไหม’
ผมเกือบจะสำลักจนน้ำหูน้ำตาไหลตอนที่แม่ยกน้ำมาให้ดื่มหลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจทำความสะอาดศาสนวัตถุ ไม่รู้ว่าตรัสมันตู่เอาเองว่าผมรักชอบมันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้แม่รู้แล้วว่ามันรู้สึกยังไง ผมกลัวแม่เสียใจ กลัวท่านจะรับไม่ได้ พาลเดือดดาลโกรธเคืองไอ้ตัวต้นเรื่องที่ไม่ไตร่ตรองอะไรให้ดี แต่มันติดตรงที่แววตาของแม่ตอนพูดเรื่องนี้แลดูมีประกายวิบวับ ผิดกับอาการของคนเสียใจยังไงชอบกล
‘แม่ไม่ห้ามนะ สมัยนี้มันไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว สังคมไม่จำกัดแค่หญิงหรือชาย จะเพศไหนก็เป็นคนดีได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเลือกในสิ่งที่ทำให้ลูกมีความสุขนะเท็ต’
ซาบซึ้งน้ำตาแทบไหลแต่นี่มันแปลกเกินไปไหม ทางเดินชีวิตผมคงไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบสวยงามแบบนี้แน่ มันต้องมีตื้นลึกหนาบางมากกว่านี้สิ หลังจากที่ได้ยินผมหรี่ตามองคุณแม่คนสวยแล้วจ้องอยู่อย่างนั้นหวังเค้นความจริง แล้วก็ไม่พลาด สุดท้ายคุณมนรยาก็หลุดปากมาว่าเธออยากได้ลูกสาวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่เพราะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงก็เลยล้มเลิกการวางแผนครอบครัวว่าจะมีลูกสาวอีกสักคน ซึ่งเรื่องนี้ผมรู้ดี มีความภาคภูมิใจอยู่ไม่น้อยที่หน้าตาละม้ายคล้ายเพศที่แม่ต้องการ ประมาณว่าได้ลูกชายแถมลูกสาวอย่างไรอย่างนั้น
จากที่ข้องใจว่าทำไมผู้ชายหน้าตาระดับตรัส รัตนภูมิเศรษฐที่มีดีกรีเป็นทายาทเจ้าของธุรกิจอัญมณีถึงมาเทียวไล้เทียวขื่อ มีของฝากติดไม้ติดมือมาให้ตลอดไม่ขาดสาย คิดจะรักษาระยะห่างไว้ให้แค่เป็นลูกชายของคนรู้จัก แต่สุดท้ายก็คุยกันถูกคอเพราะตรัสมันหัวไว รู้ว่าพ่อผมสนใจเรื่องอะไร มองการตลาดแบบไหน ก็เลยกลายเป็นเพื่อนรักต่างวัยในเวลาไม่นาน แล้วหนหลัง ๆ ที่แวะเวียนไปคุณชายเขาก็เริ่มเผยจุดประสงค์ พูดถึงผมบ่อยขึ้น เล่าเรื่องที่มหาวิทยาลัยด้วยสีหน้าที่แม่บอกว่าฟังไปก็เขินไป เขินทำไม สีหน้าที่ว่ามันเป็นแบบไหน จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจ
เรื่องที่ผมสงสัยมากที่สุดคงไม่พ้นคำพูดที่ตรัสบอกกับแม่ คุณชายเขาโน้มน้าวจิตใจเก่งด้วยความความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่สิ้นเปลืองคำพูด อย่างว่าแหละ แค่หน้าตามันก็กินขาดแล้ว อยากรู้ว่ามันเอาความกล้าที่ไหนมาเปิดปากพูดเรื่องเสี่ยงตาย มั่นอกมั่นใจแค่ไหนว่าจะไม่โดนตอกกลับจนหน้าหงาย ถ้าโดนไล่ตะเพิดออกจากบ้านไปมันจะทำยังไง แต่แม่ไม่ยอมเล่าครับ บอกว่าเป็นความลับระหว่างท่านกับตรัส ขออุบไว้คนเดียว ขี้โกงจริง ๆ
ถึงจะอย่างนั้นแต่แม่ก็เก็บงำความปลื้มปีติเอาไว้คนเดียวไม่ไหว ถึงขนาดโทรไปเล่าให้คุณยายฟังว่าจะได้ลูกเขยแทนลูกสะใภ้ อะไรมันจะกลับตาลปัตรขนาดนี้ ซึ่งประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงหน้าตาของว่าที่ลูกเขย (เป็นคำเรียกที่แม่ตู่เอาเอง) ไม่รู้คุณชายเขาทำบุญมาด้วยอะไร ถึงได้หล่อล้ำประหนึ่งหลุดมาจากเทพนิยาย สาวแก่แม่ม่ายยังไม่ละเว้น โดนมนต์สะกดกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะคุณมนรยา
‘น้องตรัสนี่หล่อจริง ๆ แม่เห็นครั้งแรกถึงกับตะลึงไปเลย’
ผมเชื่อครับแม่ เพราะผมเองก็เหมือนกัน เจอมันครั้งแรกที่ตึกคณะก็แทบจะคุกเข่าศิโรราบเพราะนึกว่าเซฟีรอธตัวเป็น ๆ หลุดออกมาเดินให้ยลโฉม ทำไมมันต้องจู่โจมทั้งแม่ทั้งลูกแบบนี้ด้วย ตอนแม่เล่าไปก็คล้ายจะเพ้อนิด ๆ แต่เพราะเข้าใจดีก็เลยไม่ได้พูดโต้แย้งอะไร จะเถียงได้ไงในเมื่อความหล่อที่ว่าก็ลอยไปลอยมาอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ เป็นการยืนยันว่าหล่อจริงไม่อิงจำนวนเงินในกระเป๋าแต่อย่างใด
“คุยอะไรกับคุณแม่บ้าง” นั่นน่ะ ถือวิสาสะเรียกแม่ว่าคุณแม่อีก พูดอะไรไม่รู้จักคิด ทำกูเขินมาก ๆ เดี๋ยวพ่อต่อยเลือดกบปาก
“หลายเรื่อง”
“เล่าให้ฟังบ้างสิ”
“ไม่เล่า ไม่อยากเล่า”
“นะ” อย่ามานะ ไม่ต้องอ้อน ไม่ต้องทำตาเชื่อม เดี๋ยวกูก็ใจอ่อนกันพอดี
“ไม่ค่อยได้คุยหรอก ตั้งหน้าตั้งตาเก็บของกันมากกว่า”
“อย่าโกหก”
“เปล่าสักหน่อย”
“โกหก” แล้วบทลงโทษของการโกหกก็คือสัมผัสอุ่น ๆ ที่ริมฝีปาก โดนขโมยจูบซึ่ง ๆ หน้าแต่ผมไม่กล้าขัดขืน
ก่อนหน้านี้ที่เคลื่อนรถออกมาจากบ้าน ในใจก็ได้แต่ร่ำว่าเมื่อไหร่จะถึงคอนโดสักทีเพราะความคิดถึงที่ประดังประเดเข้ามาตั้งแต่ก้าวขาออกจากคอนโดเมื่อเช้า อีกทั้งยังดีใจอย่างหาที่สุดไม่ได้เมื่อไม่ต้องสู้รบกับปราการด่านสำคัญอย่างคุณนายมนรยา แค่นี้ก็ไม่รู้จะเอาความสุขไปฝากไว้ที่ไหนแล้ว
“...พอแล้ว” เมื่อระยะห่างริมฝีปากถูกเว้นว่างผมจึงร้องไป “วันนี้เหนื่อยจริง ๆ”
“เหนื่อยก็ลุกสิครับ” เจ้าเล่ห์นัก เหลือบมองก็เห็นว่าอ้อมแขนที่กักตัวผมไว้ในตอนแรกย้ายไปโอบหลวม ๆ ที่ข้างเอว มือข้างหนึ่งส่งมาไล้เบา ๆ ที่ข้างแก้มพร้อมรอยยิ้มบาง เมื่อรู้ตัวว่ากำลังเสียหน้าเพราะเผลอเคลิ้มไปกับจูบของมัน ผมก็ผุดลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องไปทันที มีเสียงหัวเราะไล่หลังจนนึกโมโหขึ้นมาติดหมัด
ต้อนได้ต้อนไป โดนกูต้อนกลับเมื่อไหร่แล้วอย่ามาโอดโอย
ผมทิ้งตัวนอนแผ่คว่ำหน้าหลังจากอาบน้ำอาบท่าจนสบายตัว ผ่อนลมหายใจยาวอย่างโล่งใจที่ได้นอนพักสักที เพราะแข้งขามันอ่อนล้าเกินกว่าจะก้าวเดินไปไหนได้อีก
“โดนคุณแม่ใช้งานหนักเลยหรือ” ตรัสที่นอนเอนหลังอยู่ข้าง ๆ ถามล้อเลียน
“ยกโต๊ะหมู่บูชาไม้สักคนเดียว จากขั้วโลกเหนือไปขั้วโลกใต้ หนักไม่หนักคิดดูแล้วกัน”
“ขนาดนั้นเชียว ถ้าเมื่อเช้าชวนฉันไปด้วยก็คงไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้” หัดกระแนะกระแหนคนอื่นนะ แต่เรื่องอะไรล่ะ ถ้าพามันไปคงไม่ได้ซักไซ้แม่กันพอดี ตอนที่ผมบอกว่าจะกลับบ้าน คุณชายมันจ้องหน้ารอให้ผมชวนอยู่ตั้งนานสองนาน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยปาก ใจจริงก็อยากให้ไป เอาให้เรื่องมันแดงแบบโจทก์จำเลยอยู่กันครบองค์ แต่ผมคงไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ไหน
แล้วเป็นไงล่ะ โดนแม่ใช้ให้ย้ายทั้งหิ้งพระทั้งชั้นวาง แล้วก็พระพุทธรูปจากห้องชั้นล่างขึ้นชั้นสอง คุณนายมนรยาเธอช่วยยกเฉพาะของเบา ๆ อย่างพวกกระถางธูปกับแจกันดอกไม้ เพราะผมห้ามไว้แท้ ๆ ไม่อย่างนั้นแม่คงบ้าพลังยกพระขนาดหน้าตักสิบสองนิ้วเดินขึ้นบันไดคนเดียวแน่ แต่เพราะคุยกันเพลิน ๆ ผมก็เลยลืมเหนื่อย สุดท้ายมานั่งเดี้ยงเป็นหมาหอบแดด หมดสภาพไปตามระเบียบ
“นวดไหม” ตรัสถามพร้อมกับส่งมือมาไล้เบา ๆ ที่ต้นแขน
“เมื่อยขามากกว่า นวดขาให้หน่อย” สั่งเสร็จก็ซุกหน้าลงกับหมอน ได้ยินพนักงานสปาจำเป็นพูดพึมพำว่าค่าบริการแพงนะ แต่ผมขี้เกียจจะต่อรอง นอนรอรับสัมผัสจากฝ่ามืออุ่นเงียบ ๆ
ผลที่ได้จากแรงเฟ้นคลึงคืออาการปวดตึงที่ข้อเท้าเริ่มเบาบางลง รู้สึกว่าพนักงานสปาจะเป็นงานมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ พึงพอใจจนต้องส่งเสียงอืออาในลำคอเป็นการชมเชยแทนคำพูด อีกทั้งแอร์ยังเย็นจัด เตียงนอนก็อุ่นนุ่มนิ่ม สุขใดไหนจะปาน แต่ก่อนที่ผมจะผลอยหลับก็ต้องหายใจสะดุดเพราะฝ่ามือที่เลื่อนขึ้นมาถึงต้นขาด้านใน หันมองก็เห็นไอ้คนลามกยกหลังมือขึ้นปิดปากกลั้นยิ้ม
หล่อ...มึงเล่นแรงเกินไปละ
“บอกว่าเหนื่อยไงตรัส”
“ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ยังมีหน้ามาพูดกลั้วหัวเราะ ผมผลักมือมันออกก่อนจะพลิกตัวหนี แต่แล้วก็มีมือปลาหมึกมาทำยุ่มย่าม บอกว่าเมื่อยแค่ขาแต่ดันมาลูบ ๆ คลำ ๆ อยู่ตรงช่วงเอวเฉยเลย
“จั๊กจี้ พอแล้วน่า จะนอน”
“อย่าเบี้ยวสิ” นึกว่ามันพูดเล่นนะเรื่องค่านวด เงินของตัวเองก็มีเยอะแยะ ไม่รู้มาไถกันทำไม
“พรุ่งนี้เช้าละกัน ให้หมดกระเป๋าเลย” ตอบแบบขอไปทีเพราะตอนนี้สติสตังผมชักไม่ไหวแล้ว ตาปรือใกล้จะปิดอยู่รอมร่อ แต่พอได้ยินเสียงสวบสาบจากเตียงอีกฝั่งผมก็หันมอง เห็นตรัสพลิกตัวนอนหันหลังให้ ผิดวิสัยเกินไปไหม ปกติไม่นอนกอดก็ต้องหันเข้าหา แต่ว่านี่มันไม่ใช่ พ่อมึง...งอนอะไรกูอีก
“ตรัส...” ส่งมือไปสะกิดเบา ๆ ที่หัวไหล่ก่อนจะกระซิบเรียกชื่อ แต่คุณชายเขาเล่นตัว ไม่ยอมขานตอบ “เป็นอะไร”
“เปล่า” ชิชะ กล้าทำเสียงแข็งใส่กู รู้จักไอ้เท็ตคนนี้น้อยไปซะแล้ว ผมทำทีขยับเข้าไปซุกหน้ากับแผ่นหลังก่อนจะสอดแขนโอบไปที่ช่วงอกช้า ๆ แล้วชูนิ้วก้อยใส่หน้ามัน
“ดีกัน”
“ไม่ได้โกรธ”
“ไม่โกรธก็หันหน้ามาดิ” พูดจบก็แตะจูบไปที่หลังใบหู คนอุตส่าห์ง้อแล้วแต่ตรัสมันยังหยิ่ง ทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดอะไรแต่ผมก็กระชับแขนให้แน่นขึ้น ก่อนจะพูดเสียงอ่อนอย่างเอาใจ
“แม่พูดถึงตรัสด้วยนะวันนี้” เว้นช่วงไปนิด หวังว่ามันจะถามกลับแต่ก็เปล่าเลย “แม่ชมว่าตรัสหล่อ”
“ท่านก็สวย” มารยาทดีเลิศ ถูกชมมาก็ชมกลับด้วยเว้ย พอเห็นว่าพูดเรื่องแม่แล้วได้ผล ผมก็นอนนึกอยู่พักใหญ่ว่าจะคุยอะไรดี ทั้งที่ตอนนี้ง่วงแทบไหลตาย ตรัสไม่มีเหตุผลเลยว่ะ โกรธอะไรก็ไม่บอก คิดอะไรก็ไม่พูด น่าโมโหฉิบ
“นอนเถอะ” คุณชายบอกเสียงเรียบหลังจากผมหาววอด ๆ ทั้งที่ยังซบหน้าอยู่กับแผ่นหลัง จะนอนได้ไงในเมื่อยังคิดไม่ตกเลยว่ามันโกรธผมเรื่องอะไร เดี๋ยวก็เดินไปหยิบกระเป๋าตังค์มายื่นให้ซะเลยนี่
“หายโกรธก่อน”
“อืม”
“ง่าย ๆ แค่นี้น่ะนะ”
“อืม”
“ถ้าอย่างนั้นก็หันหน้ามาดิ” มันไม่ตอบและไม่ยอมหันตามคำสั่ง ชักจะเหลืออดก็เลยฝืนสังขารลุกขึ้นนั่งแล้วคลานเข่าข้ามตัวมานอนเผชิญหน้า ตรัสก็หลบตาด้วยการแกล้งหลับทั้งที่เมื่อกี้มันยังเหลือบมองผมอยู่เลยแท้ ๆ
รวนแบบนี้...เจอของจริงหน่อยไหม
ไม้ตายของผมคือการแตะแผ่วไปที่ริมฝีปาก แค่แรงสัมผัสเบา ๆ ก็ต้องมุ่นคิ้วก่อนจะเม้มปากตัวเองซ้ำ ๆ เพราะกลิ่นหอมที่ไม่ค่อยคุ้นเคยเลยต้องยื่นหน้าไปพิสูจน์ให้แน่ใจ ภาพที่เห็นเลยคล้ายว่าผมบังคับให้ตรัสมันจูบปลายจมูกยังไงชอบกล
“กลิ่นอะไรอะ”
“คาโมมายล์” แวบแรกก็แปลกใจว่ามันเอาแป้งเด็กมาทาปากทำไม แต่ก็ฉุกคิดได้ว่า อ๋อ...ชา จะว่าโรคจิตก็แล้วแต่จะคิดเถอะ แต่ผมชอบ ขอแตะจูบอีกสักรอบสองรอบแล้วกัน
“พอใจยัง นอนได้แล้ว” ตรัสพูดพร้อมกับลูบเบา ๆ ที่ต้นแขน
“ก็หอมอะ”
“ไหนว่าง่วง”
“ง่วง แต่นอนไม่หลับ” ใครจะหลับลง ความรู้สึกไม่สบายใจมันมีอิทธิพลมากเกินไป แล้วต่างคนก็ต่างเงียบ เป็นผมเองที่อึดอัดจนทนไม่ไหว โพล่งออกไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “มีอะไรก็พูดสิตรัส ไม่พอใจอะไรก็บอก คิดแล้วเก็บไว้ในใจคนเดียว คนอื่นเขาจะรู้ได้ยังไง ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษมาจากไหนนะ อ่านใจคนอื่นไม่ออก”
“บอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธ...แค่น้อยใจ”
“น้อยใจ เรื่องอะไร”
“ทุกเรื่อง ไม่ยอมพาไปบ้านด้วย ปล่อยฉันอยู่ที่นี่คนเดียวทั้งวัน โทรหากันสักนิดก็ไม่มี พอถามว่าคุยอะไรกับคุณแม่บ้างก็ไม่ยอมเล่าอีก และเมื่อกี้...นวดให้ทั้งทีรางวัลก็ไม่ให้ น่าน้อยใจไหม” โอ้โห กระตุ้นไปนิดเดียวถึงกับพูดน้ำไหลไฟดับเลยเหรอครับพ่อ นี่สรุปว่าที่ทำไปทั้งหมด หวังผลตลอดเลยใช่ไหม
ตรัส...มึงนี่หล่อเลว สเปคสาวมาก ๆ
“อะไรวะ...”
“ห้ามวะ”
“จะพาไปได้ยังไงตรัส ก็ฉันไปคุย...ธุระกับแม่ ที่ไม่โทรมาเพราะกลัวว่าจะกวน เดี๋ยวตอนเย็นก็กลับแล้ว ส่วนเรื่องที่คุยกับแม่ ฉันบอกไม่ได้จริง ๆ” แต่ถ้ามึงยืนยันจะให้กูเล่า กรุณาเอาเครื่องปั๊มหัวใจมาวางไว้ข้าง ๆ ด้วย เพราะกูอาจจะเขินเกร็งจนหัวใจวายเฉียบพลันได้
“แล้ว...”
“แล้ว...เรื่องรางวัล ฉัน...ก็ เอ่อ...เป็นของตรัสอยู่แล้ว ก็ เอ่อ...” ช่างแม่งเหอะ กูระเบิดตัวเองตายดีกว่า
“เป็นของฉันแล้วยังไง...” โอ๊ย มึงจะย้ำคำทำไมวะ
“ช่างเถอะ นอน ๆ” ตบบ่าแปะ ๆ แล้วซุกแก้มเข้าหาความอบอุ่น ก่อนจะรับรู้ได้ว่าความคิดของผมถูกส่งถึงอีกฝ่าย มือข้างหนึ่งที่สอดเข้ามายังแผ่นหลังกับจูบอุ่น ๆ ที่เปลือกตา ทุกอย่างบอกกับผมว่า...ตรัสคือเจ้าของ
“คิดถึงแทบตายรู้ไหม” ไม่ต้องพูดอะไรการกระทำก็บอกชัดเจนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น...เงียบเถอะ
ถ้าทำให้ใจเต้นเร็วกว่านี้ กูคงมีชีวิตรอดไม่ถึงพรุ่งนี้เช้าแน่ ๆ▩▩▩