เล่ห์พรางรัก
ตอนที่ ๒๑ อ้อนรักคืนใจ
‘อลัน เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?’
เปียวร้องถามตนเองในใจเมื่อเห็นผู้ร่วมเดินทางเป็นคนแสนคุ้นเคย ไม่เพียงแค่เปียวเท่านั้นที่ออกอาการแปลกใจที่เห็นคน
ตรงหน้า แต่อลันเองก็แปลกใจเช่นกันที่มันประจวบเหมาะขนาดนี้ ต้องมีใครเล่นตลกกับเขาแน่ มิน่าถึงได้คะยั้นคะยอให้ไป
พักผ่อนนัก ตอนนี้เขาชักจะรู้สึกว่ามันไม่ตลกเลยสักนิดเดียว
ผู้โดยสารคนอื่นที่ทยอยขึ้นเครื่องมาสะกิดอลันเพื่อขอทาง ทำให้ชายหนุ่มต้องค้อมศีรษะเพื่อเป็นการขอโทษขอโพยก่อน
ขยับเข้ามานั่งลงข้างเปียว เปียวทำหน้าไม่ถูกเมื่อได้มาเผชิญหน้ากันแบบไม่คาดหมายเช่นนี้
“คุณ... กำลังจะไปไหนหรือ?”
อลันทำใจกล้าเอ่ยถามขึ้นมาก่อน เปียวเหลือบมองคนข้างกายก่อนเอ่ยบอกสถานที่ที่ตนเองกำลังจะไป นั่นยิ่งทำให้อลัน
มั่นใจมากขึ้นไปอีกว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญที่ได้มาเจอเปียวที่นี่ ก็ในเมื่อที่ที่เปียวจะไปมันเป็นที่เดียวกับที่เขากำลังจะไปน่ะสิ
อะไรมันจะบังเอิญได้ทุกเรื่องขนาดนั้นจริงไหม?
“แล้วคุณ...”
เปียวกำลังจะเอ่ยถามกลับบ้างว่าอลันกำลังจะไปที่ไหน แต่เสียงกัปตันและพนักงานผู้ให้บริการบนเครื่องบินก็ดังขึ้นเรียกความ
สนใจจากผู้โดยสาร เปียวจึงเงียบเสียงลงแล้วค่อยหันไปให้ความสนใจการอธิบายเรื่องความปลอดภัยจากพนักงานบนเครื่อง
อลันอดเสียดายไม่ได้ เกือบจะได้คุยกันอยู่แล้วเชียว
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มหันไปให้ความสนใจทางอื่นแล้วอลันจึงหันตามบ้าง พอเปียวเหลียวมามองจึงเห็นว่าอลันมองตรงไปด้าน
หน้าไม่ได้มองมาที่ตนเอง เด็กหนุ่มรู้สึกผิดหวังเล็กๆโดยที่ไม่รู้ว่าอลันเองก็ลอบมองมาบ่อยๆ เมื่อเขาหันกลับไปให้ความ
สนใจการอธิบายของพนักงานบนเครื่องบินแล้วเช่นกัน
เมื่อเครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ความเงียบก็กลับมาครอบงำอลันกับเปียวอีกครั้ง เหมือนความห่างจะทำให้ทั้งคู่ดูเก้อ
กระดากที่จะมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน อลันจึงเป็นฝ่ายชวนคุยทั้งที่ตนเองก็ใช่ว่าจะคุยเก่งอะไร พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่โยงเรื่องงาน
มาข้องเกี่ยว ก็เขามีเรื่องพูดอยู่ไม่กี่อย่างหรอกนอกจากเรื่องงานน่ะ
“คุณไปเที่ยวหรือ?”
“อ่า... อ๋อ ครับ แล้วคุณไปทำงานหรือครับ?” เปียวพูดตะกุกตะกักเพราะไม่ทันตั้งตัว ก็คนมันประหม่านี่นา
“เปล่าหรอก คุณแม่ท่านให้ผมไปพักผ่อนน่ะ” อลันแอบยิ้มเมื่อเห็นท่าทางเอ๋อเหรอของเด็กหนุ่ม
“ที่ไหนครับ?”
“ที่เดียวกับคุณนั่นล่ะ”
“หือ?”
เปียวทำเสียงในลำคอเป็นเชิงถาม สีหน้าออกจะฉงนเล็กๆกับสิ่งที่อลันบอก ก่อนเอ่ยถามเพื่อความกระจ่าง
“หมายถึงอะไรน่ะ?”
“คุณคิดว่าไงล่ะ?”
อลันย้อนถามกลับมายิ้มๆ เปียวทำท่านึกตาม สีหน้าไม่ค่อยอยากเชื่อกับสิ่งที่ตนเองคิดได้สักเท่าไหร่
“คุณจะบอกว่าที่ผมกับคุณมาเจอกันเพราะมีคนวางแผน…?”
อลันยักไหล่ท่าว่าก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เปียวบุ้ยปาก กอดอกแล้วเอนตัวพิงเบาะ
“ผมว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า”
เปียวว่าอย่างนั้นแล้วนิ่งไป ก่อนโคลงศีรษะไปมาแล้วเอาหูฟังมาใส่เพื่อฟังเพลงจากเครื่องเล่นขนาดจิ๋ว อลันยิ้มมุมปากกับ
ท่าทีไม่ใส่ใจของเด็กหนุ่ม ก่อนเอนหลังพิงเบาะนั่งในท่าสบายแล้วค่อยๆเลื่อนมือไปกุมมือของเปียว เด็กหนุ่มเจ้าของมือ
เหลือบมอง แต่อลันก็ทำไม่สนใจ และยังไม่สนใจด้วยว่าจะมีใครมองมาที่เขาหรือไม่ เพราะถึงใครจะมองก็ช่างแล้วตอนนี้
เปียวเองก็แค่เกร็งมือเหมือนจะดึงกลับแต่ก็ไม่ได้ทำ เช่นนั้นจึงทำให้ชายหนุ่มข้างกายจับกุมมือของตนเองไปตลอด จนถึง
สนามบินปลายทาง
… … … … … … … …
“มิสเตอร์แอลขึ้นเครื่องบินไปกับลูกชายคนรองของพฤทธาการแล้วครับ”
คำรายงานจากคนของเฟอร์ริงตันทำให้ชายชราอย่างวิคเตอร์ เฟอร์ริงตัน ถอนใจยาว ขณะที่เขายังคงอยู่ที่เมืองไทยนี้เขาก็
ยังคงเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของอลันไม่ได้ขาด สุดท้ายแล้วอลันก็ยังคงไม่ยอมตัดใจจากเด็กคนนั้น แถมยังมีกองหนุนจาก
คนใกล้ชิดคอยผลักคอยดันให้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันเสียอีก
“วางมือได้แล้วกระมังครับคุณวิคเตอร์”
พ่อบ้านมิลเลอร์ผู้รับรู้ความเป็นไปทุกสถานการณ์เอ่ยแนะผู้เป็นนายจ้างของตนเอง ถึงจะเป็นห่วงเป็นใยหรืออะไรก็แล้วแต่
อย่างไรเสียชีวิตของใครคนนั้นก็จำต้องจัดการกับมันเอง ไม่มีใครสามารถเข้าไปจัดการชีวิตหรือบังคับจิตใจใครได้ แม้ว่าคนๆ
นั้นจะเป็นลูกของตนก็ตาม
วิคเตอร์ทอดถอนใจอีกครา ตอนนี้เขาเริ่มเหนื่อยล้ามากขึ้นทุกวัน ก็อย่างที่อดีตภรรยาของเขาว่า เขาควรยอมรับความจริงได้
แล้วว่าอายุอานามที่เพิ่มขึ้นทุกวันนั้น มันทำให้สังขารที่ไม่เที่ยงนี้ถดถอยลงไปทุกทีแล้ว
“พักผ่อนเถอะวิคเตอร์ ปล่อยให้เขาได้เผชิญเรื่องราวต่างๆ ทั้งดีและร้ายด้วยตัวเขาเองเถิด”
“โลกนี้มันโหดร้ายนัก มิลเลอร์”
วิคเตอร์เปรยกับพ่อบ้านเก่าแก่ของตนด้วยความห่วงใยลูกชายทั้งสองคน แต่ต่อให้ห่วงใยเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองสักปาน
ใด หากสักวันหนึ่งไร้ซึ่งวิคเตอร์ เฟอร์ริงตันคนนี้แล้ว สุดท้ายคนที่จะอยู่และดำเนินชีวิตต่อไปก็คือตัวของพวกเขาเองอยู่ดี
+++++++++++++
เมื่อถึงที่หมาย หลังจากที่เปียวกับอลันลงจากเครื่องบินมาแล้ว พนักงานของโรงแรมที่เปียวจะไปพักก็มารับ เปียวเดินตาม
พนักงานคนดังกล่าวเพื่อที่จะไปขึ้นรถ อลันเองก็ตามมาด้วย เปียวหยุดเดินก่อนหันมาถาม ทำให้พนักงานโรงแรมต้องหยุด
ตาม
“คุณจะตามผมมาทำไม?”
“เปล่าสักหน่อย ผมก็พักที่โรงแรมนี้ด้วยต่างหาก”
อลันตอบกลับยิ้มแย้ม เปียวเลิกคิ้วก่อนหันมามองพนักงานโรงแรมที่มารับตนเอง ทางนั้นก็ส่งยิ้มมาให้แล้วบอกว่าเป็นจริง
อย่างที่อลันบอกมา เปียวย่นคิ้ว หันกลับมามองอลัน
“ผมว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า”
อลันยกเอาคำพูดของเด็กหนุ่มมาย้อน เปียวหน้าง้ำ เดินไปขึ้นรถไม่พูดไม่จา อลันยิ้มขำก่อนก้าวตาม พอขึ้นมานั่งบนรถ ชาย
หนุ่มตัวโตก็ขยับมานั่งเบียดเด็กหนุ่มหน้างอ ทั้งที่มีที่ออกกว้าง เปียวนั่งเฉยทำให้อลันรู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกนิด เมื่อเปียว
ไม่ได้ทำท่ารังเกียจหรือขยับหนีไปไหน นับเป็นการเริ่มต้นที่ดี
เมื่อรถนำพาทั้งคู่มาถึงโรงแรมเปียวก็ต้องเหวอไปอีกรอบ เมื่อห้องที่เขาพักมันอยู่ติดกับห้องของอลันอย่างกับจัดวาง
“ผมว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า” อลันว่าอย่างล้อเลียนอีกหน
“คุณน่ะ ล้ออยู่ได้”
“ถ้าไม่รังเกียจ... ย้ายมานอนห้องเดียวกันก็ได้นะครับ”
อลันเอ่ยชวนพร้อมขยิบตาเจ้าชู้ให้ เปียวกลอกตามองสูงแล้วปิดประตูเสียงดัง อลันอมยิ้ม กอดอกมองบานประตูที่ปิดสนิทนั้น
พร้อมคิดในใจแล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ การมาพักผ่อนครั้งนี้ ท่าจะสนุก
หลังจากนั้นไม่ว่าเปียวจะไปเที่ยวที่ไหน อลันก็คอยตามติด ทำให้ได้พูดคุยกันมากขึ้น ทั้งคู่เหมือนเริ่มต้นเรียนรู้กันใหม่ เพราะ
ต่างก็รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา
… … … … … … … …
หน้าห้องพักของเปียว หลังจากที่ทั้งคู่ได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆของโรงแรมกลับมาแล้ว เมื่อกลับมาถึงอลันก็ยืนรอส่งเด็กหนุ่ม
เข้าห้อง รอยยิ้มยังคงแตะแต้มริมฝีปาก เปียวเงยมองอลันยิ้มๆ แต่พอเห็นอลันเอาแต่จ้องก็กลายเป็นยิ้มแบบงงๆไปเหมือนกัน
อลันเอื้อมคว้ามือเรียวมากุม เปียวมองตามมือของตนเองที่อยู่ในอุ้งมือใหญ่ ก่อนเงยมองหน้าเจ้าของมือ อลันสบนัยน์ตาวาว
ใสนั้นแล้วจึงเอ่ยคำที่อยู่ภายในใจ
“เปียว ตอนนี้คุณก็รู้แล้วนะว่าการมาเที่ยวของเราในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ”
“................” เปียวเงียบฟังว่าคนตรงหน้าจะว่าอย่างไรต่อ ก็รู้ล่ะว่าสถานการณ์ที่เหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญจนเกินไปนั้นมัน
ไม่จริง เพราะตนเองได้โทรไปเค้นถามเรื่องนี้จากพี่ชายอย่างพงศกรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พวกเขาคงอยากให้เราคืนดีกัน เพราะฉะนั้น...”
“...............”
“เรามาทำความหวังของพวกเขาให้เป็นจริงดีไหม?”
เปียวยิ้มขำกับท่าทางเหมือนจะไม่ค่อยมั่นใจของมิสเตอร์แอล ก่อนตอบรับง่ายดาย
“ครับ”
อลันเปิดยิ้มกว้างกับการตอบรับนั้น อยากจะคว้าตัวเด็กหนุ่มมากอด แต่กลับถูกดันตัวเอาไว้ เปียวยิ้มแล้วบอกว่านี่มันหน้า
ประตูห้องในโรงแรมแห่งหนึ่ง ไม่ใช่ที่บ้าน อย่าทำรุ่มร่ามเดี๋ยวเสียชื่อมิสเตอร์แอลหมด แม้จะถูกปรามมาเช่นนั้นแต่อลันก็
ยังคงยิ้มอยู่ เมื่อคนตรงหน้ายอมที่จะกลับมาคืนดีกันแล้ว บทจะง่ายก็แสนง่ายปานนี้เชียว
+++++++++++++
สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ของโรงแรม พื้นที่พักผ่อนอีกแห่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาพัก อลันชวนเปียวไปว่ายน้ำด้วยกัน เปลี่ยน
บรรยากาศจากการเที่ยวข้างนอกมาพักผ่อนสบายๆริมสระบ้าง ชายหนุ่มยืนรอเปียวอยู่หน้าห้อง เมื่อเปียวเตรียมตัวเสร็จแล้ว
ทั้งคู่จึงเดินลงมาที่บริเวณสระน้ำด้วยกัน แขกที่มาพักในโรงแรมก็ลงเล่นกันประปราย เมื่ออลันก้าวเข้ามาในบริเวณนั้นก็กลาย
เป็นเป้าสายตาของใครคนหนึ่งในนั้นทันที
“ทากันแดดก่อนไหมเปียว?”
อลันเอ่ยถามเด็กหนุ่มเมื่อทั้งคู่จับจองเก้าอี้ริมสระกันคนละตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ผมทามาแล้ว”
เปียวยิ้มบอก อลันพยักหน้ารับก่อนเอาโลชั่นกันแดดที่ถือติดมือมาทาตัวเอง เปียวเหลียวมองรอบกายไปเรื่อยขณะรอให้อลัน
ทาโลชั่นเสร็จ
“เปียว”
อลันเอ่ยเรียก ทำให้เด็กหนุ่มหันกลับมาให้ความสนใจคนข้างกายอีกครั้ง
“ครับ?”
“ช่วยทาหลังให้หน่อย”
“หา?”
“ทาหลัง ผมทาเองไม่ถึง”
เปียวชี้ที่ตนเองเป็นเชิงถาม อลันพยักหน้าแล้วยื่นขวดโลชั่นให้ เด็กหนุ่มรับขวดโลชั่นกันแดดมาแล้วมองขวดโลชั่นในมือ
สลับกับมองอลัน ก่อนยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ เปียวหันตัวมาทางอลันก่อนบีบโลชั่นใส่มือแล้วลูบไล้ทั่วแผ่นหลังกว้าง มือ
อุ่นๆที่ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังทำให้อลันรู้สึกแปลกๆ ร่างกายเกิดปฏิกิริยาตอบสนองจนชายหนุ่มตกใจ นี่เขาคิดอะไรกันนี่
อาจจะเป็นเพราะห่างหายเรื่องเหล่านี้ไปนานทำให้ควบคุมมันลำบาก อลันหลับตาข่มอารมณ์ สงบใจไว้ลูกพ่อ
“...ลัน อลัน”
“หึ... หืม?”
เสียงเปียวแทรกเข้ามาในความคิด อลันขานรับเด็กหนุ่มทั้งที่สติสตังยังกลับมาไม่ครบ
“เสร็จแล้ว เดี๋ยวผมไปว่ายน้ำก่อนนะ” เปียวเอ่ยบอกขณะที่ยื่นขวดโลชั่นคืนเจ้าของ
“อืม”
เด็กหนุ่มมองอลันอย่างแปลกใจกับท่าทางเหมือนจะเบลอ เมาโลชั่นกันแดดหรือเปล่าน่ะ ก่อนที่จะลุกขึ้นถอดชุดคลุมวางไว้ที่
เก้าอี้ยาวแล้วลงสระน้ำไป อลันผ่อนลมหายใจยาวไล่ความคิดบ้าบอในหัว ก่อนที่จะลุกตามเปียวไปแล้วว่ายน้ำแข่งกัน
หลังจากเล่นน้ำกันจนตัวจวนจะเปื่อยเปียวจึงชวนอลันขึ้น พอขึ้นมาด้านบนแล้วเปียวก็เอาชุดคลุมมาสวมทับก่อนที่จะเดินกลับ
ห้องพัก ขณะที่สองหนุ่มกำลังจะผละไป ผู้ที่คอยเฝ้ามองอลันมาโดยตลอดตั้งแต่ที่ชายหนุ่มก้าวเข้ามา ณ ที่นี้นั้นก็เดินนวย
นาดเข้ามาทายทัก
“อลันคะ”
อลันกับเปียวชะงักก่อนหันกลับไปมองตามเสียงเรียก คคนางค์ หรือ แคนดี้ อดีตคู่ควงของอลันที่เขาเคยพาเธอมาเมื่อครั้งที่
อยากประชดเปียวเมื่อคราวก่อนนั้น โลกมันช่างกลมเสียจริง ชายหนุ่มหันมามองเปียว ขณะที่คคนางค์เดินเข้ามาคล้องแขน
อลัน แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ เปียวปรายตามองตามแขนที่เธอเกาะเกี่ยวอยู่เล็กน้อย
“มาเที่ยวหรือคะ?” หญิงสาวเปิดยิ้มหวานหยด ไม่ได้สนใจอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยแม้แต่น้อย
“ครับ”
อลันตอบรับสั้นๆ ใจหวั่นๆกลัวเปียวจะโกรธเอาอีก เปียวมองทั้งคู่นิ่ง คคนางค์ซบแขนอลันทำให้สถานการณ์ดูจะเลวร้ายลงไป
อลันมองเปียวที่มีสีหน้าเรียบเฉยอย่างเว้าวอน ไม่อยากให้เปียวต้องหมองใจอีก เด็กหนุ่มหันกลับก่อนเดินเข้าไปในตัวตึกของ
โรงแรม ไม่สนใจทั้งคู่อีก พออลันจะตามกลับถูกคคนางค์ดึงรั้งเอาไว้
“ปล่อยครับแคนดี้” อลันเอ่ยบอก น้ำเสียงติดจะหงุดหงิดขึ้นมา
“เดี๋ยวสิคะอลัน เพิ่งเจอกันเอง อยู่เป็นเพื่อนแคนดี้ก่อนนะคะ”
“แคนดี้”
หญิงสาวเอ่ยออดอ้อน แต่อลันไม่มีอารมณ์จะมาตามใจใครในตอนนี้ ทำให้น้ำเสียงที่เอ่ยเรียกหญิงสาวดูเย็นเยียบ คคนางค์
ชะงักกับท่าทางไม่พอใจของอลัน ก่อนจะยอมปล่อยแขนของชายหนุ่มแล้วเดินกระฟัดกระเฟียดหน้างอไปหากลุ่มเพื่อนของ
เธอ
อลันตามเปียวขึ้นไปบนห้อง ชายหนุ่มออกจากลิฟท์แล้วเดินมาหยุดที่หน้าประตู ยกมือขึ้นจะเคาะเรียกแต่กลับยั้งมือไว้ ก่อน
เปลี่ยนใจเดินเข้าห้องตนเองเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ให้เวลากับเปียวและให้เวลากับตนเองสักนิดเพื่อให้ใจเย็นลง แล้วถึง
ออกมาที่หน้าห้องพักของเปียวอีกครั้ง ชายหนุ่มเคาะประตูเรียกเจ้าของห้อง รออยู่นานเปียวก็ไม่ยอมมาเปิดให้ อลันถอนใจ
หนักหน่วงก่อนผละจากหน้าห้องเปียวลงมาด้านล่างเพื่อหาอะไรทาน แล้วเผื่อจะเอาไปฝากเปียวบนห้องสักหน่อย
… … … … … … … …
เมื่อลงมาด้านล่างอลันถึงได้เห็นว่าเด็กหนุ่มลงมาทานข้าวอยู่ที่ห้องอาหารของโรงแรมนี่เอง มิน่า เคาะตั้งนานไม่ยอมมาเปิด
อลันเข้าไปนั่งโต๊ะเดียวกันกับเปียว เด็กหนุ่มที่กำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยเงยหน้าขึ้นมามองผู้ร่วมโต๊ะ อลันที่นั่งอยู่ฝั่ง
ตรงข้ามยิ้มให้คนมอง เปียวเพียงชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะทานอาหารตรงหน้าต่อ
เมื่อรับประทานเสร็จเปียวจึงลุกออกไปเดินย่อยที่ริมหาด อลันเดินตามออกมาห่างๆ เปียวเดินไปได้สักพักก็หยุดเท้าแล้วหัน
กลับมาหาคนที่เดินตามมาเงียบๆนั้น อลันเองก็หยุดเดิน เว้นระยะห่างเอาไว้เท่าที่เดินตามเมื่อครู่
“ผมไม่ได้ติดต่อกับเธอแล้ว”
ชายหนุ่มเอ่ยบอก เขาไม่ได้จะแก้ตัว แต่อยากให้อีกคนเข้าใจตรงกัน เพราะเขากับคคนางค์ไม่ได้ติดต่อเพื่อสานสัมพันธ์ใดๆ
ต่อกันมานานแล้ว เปียวที่หยุดนิ่งอยู่กับที่เบือนสายตาจากคนตรงหน้า ก่อนจะหมุนกายเปลี่ยนทิศแล้วก้าวเดินฉับๆไม่รั้งรอ
อลันพอเห็นว่าเด็กหนุ่มก้าวหนีเขาไปก็ชักฉุน ทำไมเป็นเด็กเข้าใจยากแบบนี้ แล้วนี่มันเรื่องอะไรถึงได้มาเดินหนีเขาเช่นนี้กัน
ชายหนุ่มตัวโตก้าวตาม ด้วยช่วงขาที่ยาวกว่าทำให้ถึงตัวเปียวอย่างรวดเร็ว มือใหญ่นั้นคว้าแขนเปียวเอาไว้ก่อนที่จะได้หนีไป
ไหนไกล กระตุกให้ร่างเพรียวที่เสียหลักจากการดึงของเขาเมื่อครู่ให้เซมาหา
“โอ๊ะ!”
ท่อนแขนแข็งแรงโอบรอบเอวเปียวเป็นหลักกันเปียวล้ม เด็กหนุ่มตวัดสายตามามองหน้าอลันอย่างไม่พอใจ และพร้อมจะ
ผลักไสให้ไกลห่าง แต่คนตัวโตนั้นกลับไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย แถมยังรัดร่างเพรียวนั้นแน่นเข้าไปอีก ใบหน้าหล่อ
เหลาโน้มลงหาจนแทบชิดคนในอ้อมกอด เปียวขืนตัวไว้แล้วยืดตัวออกห่าง แต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้นเมื่อตกอยู่ในอ้อมแขน
ของอลันแบบนี้
“ทำไมต้องทำท่ารังเกียจกันเสียขนาดนั้นล่ะเปียว ไหนยังท่าทีห่างเหินนี่อีก?”
“ผมไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่มันฝืนใจตัวเองนี่ครับ”
“อยู่ใกล้ชิดผมนี่คุณฝืนใจมากเลยว่างั้น?”
เปียวเงียบ อลันถอนฉุนกับความดื้อดึงของเด็กหนุ่ม เขาไม่เคยต้องตามงอนง้อใครมากเท่าเด็กคนนี้เลยให้ตาย มีแต่คนที่จะ
ยอมศิโรราบต่อเขาทั้งนั้น แต่นี่... ใช่สิ เพราะนี่คือปฏิญญา พฤทธาการอย่างไรล่ะ เพราะเป็นลูกไก่น้อยแสนดื้อดึงคนนี้
อย่างไรล่ะ มันถึงได้เป็นเช่นนี้ นึกแล้วก็ให้หงุดหงิดหัวใจเหลือกำลัง
“มันยากมากหรือไงเปียว กับการที่เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม?”
“.................”
“คุณอยากรู้อะไร คุณข้องใจตรงไหน ผมพร้อมจะอธิบาย หรือหากคุณไม่ชอบใจในสิ่งที่ผมทำ ผมก็พร้อมที่จะปรับปรุงมัน”
“...................”
“ต้องทำยังไงคุณถึงจะพอใจ ต้องทำยังไงคุณถึงจะกลับมา!!”
อลันเอ่ยถามแทบเป็นตะคอก แต่ทุกคำที่เอ่ยถามออกไปมีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบกลับมา อลันพยักหน้าเร็วๆหลายๆที
ก่อนยกยิ้มมุมปากเยาะหยันตนเอง ปล่อยเด็กหนุ่มออกจากอ้อมแขนช้าๆ เมื่อเป็นอิสระแล้วเปียวก็ก้าวเดินเร็วๆจากไป เพราะ
ไม่อยากมองสีหน้าเจ็บปวดของอลัน
ยิ่งเห็นอลันเจ็บเขาก็ยิ่งเจ็บ แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ดื้อดึงไม่ยอมรับฟังอะไรเช่นนี้ ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้ แย่จริงๆเลยเปียว
อลันยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเมื่อเปียวเดินจากไป อีกครั้งแล้วที่เปียวหันหลังให้เขา ที่เคยคิดว่าเปียวไม่มีใจให้มันคงจะจริง
เปียวไม่เคยรักเขาจริงๆสินะ ไม่เคยรัก...
++++++++++++++
“ในฐานะที่เราเป็นพี่น้องกัน ฉันขอถามนายตรงๆนะ และนายก็ช่วยตอบกลับมาให้ตรงกับใจของนายด้วย โอเคไหม?”
พิชญเอ่ยกับเปียวขึ้นมาในวันหนึ่ง หลังจากที่ผู้เป็นพี่กลับมาจากการไปเที่ยวพักผ่อนที่เขาเป็นคนส่งไปนั้นแล้วอาการทางใจดู
จะหนักขึ้นกว่าเดิม เมื่ออดรนทนไม่ไหวพิชญจึงต้องออกโรงมาพูดเองเช่นนี้ มันอึดอัดแทนเข้าใจไหม!
เปียวที่นั่งปล่อยอารมณ์อยู่ริมสระว่ายน้ำในยามเย็นย่ำหลังจากเลิกงานมาแล้วนั้น มองน้องชายที่มานั่งลงข้างกันแล้วเอ่ย
ข้อเสนอท่าทางจริงจังด้วยความแปลกใจก่อนพยักหน้ารับ ฝ่ายนั้นจึงเอ่ยถามออกมา
“นายรักมิสเตอร์แอลใช่ไหม?”
เปียวถึงกับนิ่งอึ้งกับคำถามที่แสนตรงของน้องชาย ก่อนเฉหลบสายตาไปมองน้ำในสระที่กระเพื่อมไหวตามแรงลมที่พัดโชย
“แล้วยังไง ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะเปียว นายรักเขา ชอบเขา แล้วไม่ต้องถามเลยนะว่าเขารักนายหรือเปล่า เพราะสิ่งที่เขาทำ
มันก็พอจะบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาเองก็รักชอบนายอยู่ไม่น้อยเลย แล้วทำไมอ่ะ ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะเปียว?”
พิชญกระหน่ำถาม มีแต่คำว่าทำไมอยู่เต็มไปหมด ก็เขาอยากรู้นี่ว่าทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้ไปได้
“พี่ก็ไม่รู้”
“โอ๊ย! เลิกได้ไหมไอ้คำว่าไม่รู้น่ะ ทำไปโดยไม่รู้สาเหตุแล้วจะทำไปทำไมวะ!” พิชญเริ่มเสียงดัง เพราะเริ่มรำคาญท่าทาง
อ้อยสร้อยของพี่ชาย
“ตกลงจะมาถามเขา หรือจะมาหาเรื่องเขากันแน่นายพี?”
พงศกรเดินออกมาหาน้องชายทั้งสอง ก่อนเอ่ยเย้าน้องชายคนเล็กอย่างพิชญ ให้สองคนนี้คุยกันคงได้เรื่องแน่ คนหนึ่งก็ดื้อ
ดึง มีอะไรก็ไม่ค่อยพูดค่อยบอก อีกคนก็ใจร้อนจะเอาให้ได้อย่างใจ ช่างเป็นพี่น้องที่เข้ากันได้ดีเสียจริงๆ
“ก็พีหงุดหงิด เบื่อคนดีแถวนี้ ไปแล้ว!”
พิชญว่ากระทบเปียวก่อนลุกเดินหนีไป พงศกรจึงเข้ามานั่งข้างเปียวแทน
“เป็นไงล่ะเรา นั่งซึมเชียว”
ผู้เป็นพี่เอ่ยถาม เปียวเพียงแต่ยิ้มเจื่อนตอบกลับไปเท่านั้น พงศกรมองท่าทางเหม่อลอยของน้องชายคนรองแล้วถอนใจ ก่อน
ที่จะโอบบ่าน้องแล้วเอ่ยแนะ
“ถ้ารักเขาแล้วทำไมไม่บอกเขาล่ะเปียว ทำไมไม่คุยกัน มันมีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ?”
พงศกรเอ่ยถามน้องด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน กับเปียวใช้การบังคับไม่ได้ ยิ่งบังคับให้พูดเด็กดื้อย่างเปียวก็จะยิ่งไม่ยอมพูด ต้อง
ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกันแล้วจึงค่อยตะล่อมถาม นั่นล่ะ มีอะไรเปียวยอมบอกหมด พงศกรเข้าใจถึงจุดนี้ดี เพราะฉะนั้น
จึงทำให้เปียวชอบเรียกพงศกรว่า พี่ชาย มากกว่าจะเรียกว่า พี่พงศ์ อย่างที่พิชญเรียก เพราะพี่ชายคนนี้รู้จักที่จะเอาใจน้องชาย
แสนดื้อเงียบคนนี้อย่างไรล่ะ
“ผม... ไม่รู้สิพี่ชาย บางทีผมอาจจะงี่เง่าไปเอง แต่ผมก็ไม่อยากให้ใครมาดูถูกได้ว่าเกาะเขากินไปวันๆ”
“แต่ตอนนี้เปียวก็ยืนได้ด้วยตัวเองแล้วนี่ ไม่มีใครสามารถดูถูกน้องของพี่ได้แล้วนะ ยังกังวลอะไรอีก?”
เปียวเงียบไปเมื่อพี่ชายเอ่ยถาม สิ่งที่พี่พูดมามันก็ถูก ณ ตอนนี้ไม่มีใครสามารถมาว่าเขาได้แล้วว่าคอยแต่จะเกาะอลัน แล้วสิ่ง
ที่เขากำลังกังวลจริงๆมันอยู่ที่ตรงไหนกัน
“ผมไม่คู่ควรกับเขา” เปียวเอ่ยบอกเสียงหงอย
“เฮ้อ ถ้าเป็นพี่นะ ได้ฟังคำนี้จากคนที่ตัวเองรักคงเจ็บน่าดู มันแย่ยิ่งกว่าการบอกมาตามตรงว่าไม่รักเสียอีก”
“...............” เด็กหนุ่มหันมามองพี่ชาย
“หรือที่จริงแล้วเปียวไม่ได้รักเขา…”
“รักสิ!”
เปียวเอ่ยแย้งแล้วก็ชะงักไป ทำหน้าไม่ถูกเมื่อพี่ชายมองมายิ้มๆ
“บอกกับพี่ก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ” พงศกรโยกศีรษะน้องไปมาก่อนว่า
“เขาช่วยเหลือเราหลายอย่าง” เปียวบอกเสริมน้ำเสียงอุบอิบ
“คนรักกันช่วยเหลือกันบ้างก็ไม่แปลกหรอกเปียว มิสเตอร์แอลเขาช่วยด้วยใจบริสุทธิ์ เปียวเองก็รับมันมาด้วยใจบริสุทธิ์
เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว คนจะมองยังไงก็ช่างเขา แค่เราที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไรก็พอแล้วนี่ ใช่ไหม?”
“ใช่!” พิชญโผล่มาด้านหลังแล้วเอ่ยตอบแทนเปียว
“อ้าว ยังอยู่อีกเรอะ?”
พี่ชายทั้งสองหันไปมองตามเสียง เด็กหนุ่มก้าวฉับๆเข้ามา นั่งลงข้างเปียวอีกด้านแล้วเอ่ยถาม
“ตกลงเอาไง?”
“เอาไงอะไร เรื่องตัวเองอ่ะ เอาให้รอดก่อนเถอะ” เปียวลอยหน้าบอก
“เรื่องอะไร อย่ามามั่ว”
“ก็เรื่องนายเบ...”
“เฮ้ยๆๆๆๆ”
พิชญรีบดีดตัวผลุงขึ้นยืนเมื่อพี่ชายคนรองกำลังจะพูดเรื่องต้องห้าม
“อะไรจะเฮ้ยเยอะขนาดนั้นพี?”
พงศกรเอ่ยเย้าน้องชายแล้วยิ้มขำ พิชญหันซ้ายหันขวาลนๆ ก่อนเดินหนีเอาดื้อๆเมื่อสถานการณ์มันเข้าตัว
“ไปดีกว่า”
“อ้าว กลับมาคุยกันก่อนสิ ไม่อยากรู้แล้วเหรอ?” เปียวเอ่ยแซวน้องชาย
“ไม่อยากรู้เว้ย!”
พิชญตอบกลับเสียงดัง ไม่แม้แต่จะหันมา เปียวหัวเราะขำผู้เป็นน้อง ก่อนสีหน้ายิ้มแย้มนั้นจะเจื่อนลงเมื่อหันมาหาพี่ชายคนโต
“พี่ชายรู้สึกไม่ดีหรือเปล่าที่ผมกับพี...”
“กังวลอีกแล้วนะเราน่ะ” พงศกรเขกหัวเด็กคิดมากไปที
“โอ๊ย!” เปียวร้องอุทานแล้วลูบหน้าผากของตนเองป้อยๆ
“อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะ ถึงเปียวกับพีจะเป็นอะไร ไม่ว่ายังไงทั้งสองคนก็ยังคงเป็นน้องของพี่อยู่ดีนั่นล่ะ”
พงศกรเอ่ยบอกกับน้องชาย ถึงแม้น้องจะเป็นอะไรเขาก็ไม่เคยคิดจะรังเกียจรังงอน เพราะเขาเข้าใจดีถึงความรู้สึกที่น้องมี ไม่
สามารถที่จะต่อว่าอะไรน้องได้ในเมื่อเขาเองก็เคยมีใจกับเพศเดียวกัน
“แล้วกับน้องวินนี่ของคุณแม่เป็นไงบ้างครับ?” เปียวเอ่ยถามไถ่พี่ชายคนโตถึงเรื่องว่าที่คู่หมั้นของพี่บ้าง
“รายนั้นน่ะซ่ากว่าที่คิดเสียอีก เจอครั้งแรกนึกว่าจะเป็นคนหงิมๆเสียอีก ที่ไหนได้ แสบน่าดู” ถึงจะบอกว่าแสบ แต่แววตาคน
พูดกลับมีแววเอ็นดู
เปียวหัวเราะ พงศกรเองก็อดขำตามไปด้วยไม่ได้เช่นกันเมื่อนึกถึงวีรกรรมของว่าที่คู่หมั้นสาว เธอเคยแม้กระทั่งปีนรั้วบ้าน
เพื่อที่จะหนีหน้าเขามาแล้ว ลงทุนน่าดู แต่สุดท้ายก็มาจุดไต้ตำตอ เพราะคนที่เจอเธอเป็นคนแรกก็คือเขาอยู่ดี ชายหนุ่มนึก
ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วก็ยิ้ม ถึงแม้จะพลาดหวังจากใครคนนั้นมาแล้ว แต่คนที่เข้ามาในชีวิตของเขาตอนนี้ก็ทำให้ชีวิตของ
เขามีสีสันขึ้นจมเลยทีเดียว สุวิญชา
สองพี่น้องคุยกันอีกเล็กน้อยพงศกรก็ลุกไป เมื่อพี่ชายลุกออกไปแล้วเปียวก็นั่งคิดคนเดียวแล้วถอนใจ เฮ้อ เขาคิดมากจริงๆ
นั่นล่ะนะ
++++++++++++++
“ไม่ได้เรื่องเล้ย!”
เสียงฮิโรยูกิต่อว่าพี่ชายที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ที่โต๊ะทำงานพลางส่ายหน้า เมื่อพี่ชายอย่างอลันกลับมาพร้อมความผิดหวัง ทั้งที่
อุตส่าห์หาโอกาสให้ได้อยู่ด้วยกันแล้วแท้ๆ
“พี่มัวทำอะไรอยู่อลัน?” คนเป็นน้องเอ่ยถามพี่ชายมาอีก ราวจะเยาะเย้ยกระนั้น
“ถ้ามันง่ายฉันคงได้เขากลับมาแล้วล่ะฮิโระ” อลันว่า น้ำเสียงหงุดหงิด
“ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย ถ้าง้อยากนัก... ฉุดเลย!”
“เฮ้ย!!”
เสียงอุทานสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน อลันหันไปมองคมที่อุทานเสียงดังกว่าเขาอีก เจ้าของความคิดอย่างฮิโรยูกิหัวเราะขำ
ก่อนยักคิ้วให้พี่ชาย คมส่ายหน้าขำกับความคิดนั้นของฮิโรยูกิ ส่วนอลันหรี่ตาคิดตามน้อง นั่นสินะ ง้อยากนักดักฉุดเลยเป็นไร
++++++++++++++
ต่อด้านล่างค่ะ 