เล่ห์พรางรัก
ตอนที่ ๑๖ เล่ห์รัก กลลวง ดวงใจราชสีห์
ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในยามค่ำคืน ชายหนุ่มลูกครึ่งร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาภายในโรงแรมแห่งนี้ด้วยความมาดมั่น ตามติดมาด้วยลูก
น้องคนสนิทที่เป็นดั่งเงาตามตัวคนเดิม อลันที่เพิ่งได้รับข้อมูลที่อยู่ของใครคนหนึ่งมา ทำให้ยามนี้เขาจำต้องมาที่นี่ เป้าหมายใน
การมาของเขาในครั้งนี้ก็เพื่อเจรจาพูดคุยกับอเล็กซานเดอร์ เฟอร์ริงตัน พี่ชายต่างมารดาของเขา
อลันขึ้นมาบนชั้นที่อเล็กซานเดอร์พักอยู่ เป็นชั้นพิเศษที่มีความเป็นส่วนตัวสูงพอควร สังเกตได้ไม่ยากเลยว่าอเล็กซานเดอร์พัก
อยู่ห้องไหน ก็เล่นให้บอดี้การ์ดเฝ้าหน้าห้องเอาไว้แบบนั้นใครบ้างจะไม่รู้
เมื่ออลันก้าวเข้าไปในรัศมีห้องพักของพี่ชาย บอดี้การ์ดร่างยักษ์หน้าห้องก็ขยับตัวทันที แต่อลันก็ไม่หยุดก้าวเดิน ยังคงเดินเข้า
ไปเผชิญหน้าทั้งที่กระบอกปืนถูกเล็งมาที่ตนเอง คมก้าวไปข้างหน้าเหลื่อมอลันหนึ่งก้าวเพื่อป้องกัน เมื่อมาหยุดยืนหน้าเหล่า
บอดี้การ์ดผู้ภักดีอลันจึงเอ่ยบอกจุดประสงค์ของตนเอง
“ช่วยบอกมิสเตอร์เฟอร์ริงตันด้วย ว่าอเล็กซานเดอร์ แอล เฟอร์ริงตันมาขอพบ”
เมื่ออลันบอกจุดประสงค์ของตนเองออกไปแล้วบอดี้การ์ดของอเล็กซานเดอร์ก็ยังไม่ขยับตัวไปไหน อลันเองก็ยังนิ่งอย่างไว้เชิง
อยู่เช่นกัน บอดี้การ์ดหน้าห้องลดปืนในมือลงแล้วเหลือบมองกันราวกำลังปรึกษา และหนึ่งในนั้นถึงได้ขยับตัวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
ต่อสายถึงบุคคลด้านในห้องพักหรูขณะที่ไม่ได้ละสายตาไปจากผู้บุกรุกตรงหน้าแม้แต่น้อย สักครู่หนึ่งก็เลี่ยงหลีกทางเปิดประตู
ให้อลันเข้าไปด้านในโดยกันคมเอาไว้ด้านนอก อลันเหลือบมองลูกน้องคนสนิท พยักหน้าเป็นสัญญาณว่าไม่ต้องห่วงก่อนเดินเข้า
ไปด้านในเพียงคนเดียว
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในห้องพัก อเล็กซานเดอร์ที่ทราบเรื่องแล้วว่ามีแขกคนสำคัญมาหาก็อยู่รอต้อนรับ เมื่อน้องชายต่างมารดา
ก้าวเข้ามาถึงชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องก็ผายมือเชิญให้นั่งที่โซฟารับแขก อลันนิ่งมองผู้เป็นพี่อยู่ชั่วครู่ อเล็กซานเดอร์โคลง
ศีรษะเล็กน้อยให้น้องนั่งลง อลันถึงได้นั่ง
บอดี้การ์ดอีกคนที่อยู่ในห้องนำน้ำมาเสิร์ฟให้อลัน ชายหนุ่มมองบอดี้การ์ดคนดังกล่าวอย่างแปลกใจ แปลกใจที่อเล็กซานเดอร์
ยอมให้มีใครอีกคนอยู่ในห้องด้วย นั่นทำให้อลันต้องลอบสังเกตปฏิกิริยาของบอดี้การ์ดคนดังกล่าวแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่
ผิดแผกไปสักนิด จนเมื่อบุคคลที่สามก้าวออกไปแล้วอลันถึงได้เข้าเรื่องที่มาหาเจ้าของห้องพักในวันนี้
“ฉันไม่อยากอ้อมค้อมให้มากความนะอเล็กซ์ ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้ วิคเตอร์สั่งให้นายมาทำอะไร?”
คำถามของอลันแสดงให้เห็นถึงจุดประสงค์ในการมาอย่างชัดเจน อเล็กซานเดอร์มองหน้าคนถาม สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใด
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามไร้สาระพวกนี้ และที่ฉันมาที่นี่... ไม่ใช่เพราะวิคเตอร์สั่ง”
อลันหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อน้ำคำสักเท่าไหร่ ก่อนถามกลับไปอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นแล้วนายมาทำไม?”
อเล็กซานเดอร์ไม่ยินดีที่จะตอบคำถามนี้ ชายหนุ่มใช้ความเงียบมากดดันผู้เป็นน้อง แต่อลันก็ยังดื้อรั้นเกินกว่าจะยอมหยุด
อเล็กซานเดอร์ถอนหายใจก่อนลุกขึ้นยืนแล้วว่า
“ฉันไม่ใช่ลูกไล่ของนายนะแอล กลับไปได้แล้ว”
อลันลุกขึ้นมาเผชิญหน้าผู้เป็นพี่ ด้วยความสูงที่ไม่ต่างกันมากนักทำให้ทั้งคู่ไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายด้อยกว่า ถึงแม้อลันจะ
ไม่ได้รูปร่างหนาเท่าผู้เป็นพี่ แต่สายเลือดความเป็นเฟอร์ริงตันในกายก็ไม่ได้ต่างกันแม้แต่น้อย ชายหนุ่มมองประสานสายตา
กับอเล็กซานเดอร์นิ่ง
“ฉันจะไม่วุ่นวายกับนายเลยอเล็กซ์ ถ้านายไม่ยุ่งกับพฤทธาการ”
อลันเอ่ยทิ้งท้าย แต่อเล็กซานเดอร์กลับตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเฉยชาไม่ใส่ใจ
“ฉันคงทำให้นายไม่ได้ กลับไปได้แล้วแอล”
สองพี่น้องมองหน้ากันครู่หนึ่งราวกำลังลองเชิงกันและกัน ก่อนที่อลันจะเป็นฝ่ายผละออกมาเมื่อเห็นแล้วว่าถึงแม้จะดื้อแพ่งเอาให้
ได้อย่างใจก็ไม่มีประโยชน์ เมื่ออเล็กซานเดอร์ไม่มีทางที่จะยอมรอมชอมด้วย เขาจำต้องดูแลระวังภัยคนรอบกายให้ดี แต่ก่อนที่
จะได้ก้าวออกไปเสียงของผู้เป็นพี่ชายต่างมารดาก็ดังแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
“ดูแลคนของนายให้ดี”
เมื่ออลันหันกลับไปมองก็เห็นว่าอเล็กซานเดอร์ก้าวเดินเข้าห้องนอนไปแล้ว คิ้วของชายหนุ่มขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจว่าพี่ชายต้อง
การจะสื่อถึงอะไร หรือจะมีใครมาทำอะไรเปียวอย่างนั้นหรือ?
++++++++++++++
ทางฝ่ายพิชญหลังจากวันที่เกิดเรื่องราวแสนระทึกขึ้นนั้น เปียวที่เทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านมิสเตอร์แอลกับบ้านพฤทธาการก็
ได้เอ่ยถามน้องในวันหนึ่งที่ได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพังว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมนายฝรั่งตัวโตคนนั้นถึงมาฉุดกระชากลากถู
พิชญไปแบบนั้น แต่พิชญก็ไม่ยอมบอกอะไร บอกแค่ว่ามันเป็นโรคจิต เปียวต้องอย่าให้มันเข้ามาในบ้านอีกเท่านั้น
“ถ้าพีไม่บอกความจริงกับพี่ พี่คงช่วยอะไรไม่ได้” เปียวเอ่ยบอก เมื่อน้องไม่ยอมเล่ารายละเอียดอะไรให้รู้เลย
“นี่นายขู่ฉันหรือเปียว?”
“พี่ไม่ได้ขู่ แต่ถ้าจะให้พี่ช่วยก็ต้องแลกกัน”
พิชญหน้างอกับข้อแลกเปลี่ยนของเปียว ลำพังเขาจะไปสู้อะไรอเล็กซานเดอร์ได้กัน ถ้าได้เปียวกับมิสเตอร์แอลมาช่วยด้วยก็
น่าจะดีกว่านี้ แต่มันต้องแลกกับการเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องระหว่างเขากับอเล็กซานเดอร์ พิชญจำต้องตัดสินใจว่าจะปกปิด
เรื่องราวเอาไว้ หรือจะเลือกบอกไปแล้วได้รับความคุ้มครองจากพี่ชายและมิสเตอร์แอล
เมื่อเด็กหนุ่มตัดสินใจได้แล้วว่าถึงอย่างไรก็ต้องยืมมือเปียวจึงจำต้องเล่าให้พี่ฟังอย่างเสียมิได้ พิชญจงใจเว้นบางเรื่องที่น่า
อับอายเอาไว้ ให้เปียวรู้แค่ว่าเฟอร์ริงตันมีจุดประสงค์ใดและอเล็กซานเดอร์คนนั้นเป็นคนอย่างไร เปียวที่ได้ฟังแล้วก็คิดตาม
พี่ชายมิสเตอร์แอลมายุ่งวุ่นวายกับครอบครัวของเขาทำไมกัน แล้วไหนจะพ่อของมิสเตอร์แอลอีก
“ใครจะไปรู้ นายไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจรึเปล่า?” พิชญว่าแล้วเอ่ยถาม หลังจากที่เปียวคิดวนไปมาแล้วไม่ได้คำตอบเสียที
“ไม่นี่” เปียวครุ่นคิดแล้วตอบกลับมาเมื่อไม่เห็นว่าจะมีปัญหาใดๆกับอลันสักนิด
“มิสเตอร์แอลอาจจะพอใจ แต่พ่อเขาอาจจะไม่พอใจก็ได้... ระวังตัวละกัน”
พิชญให้ความเห็น ก่อนจะลงท้ายประโยคราวขอไปที แต่เปียวก็รับรู้ได้ว่าพิชญก็ห่วงตนเองอยู่เหมือนกัน ดูจากปฏิกิริยาหลังการ
พูดที่เมินไปมองทางอื่นนั่นทำให้เปียวเอ่ยขอบคุณน้องด้วยรอยยิ้มบาง
“ขอบใจที่เป็นห่วง”
“เฮอะ!”
ผู้เป็นน้องทำเสียงหึหะในลำคอ แต่เปียวก็ไม่ได้ถือสา หลังจากที่นายพรตล้มป่วยลงแล้วเปียวไม่สามารถให้เลือดผู้ที่ได้ชื่อว่า
เป็นบิดาได้ในครั้งนี้นั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพิชญก็ดูจะดีขึ้นมาในระดับหนึ่ง แม้ไม่ได้เห็นชัดเจนนัก แต่ก็รู้สึกได้ว่าน้อง
อ่อนลงมาก พิชญอาจจะสงสารเห็นใจเขาหรืออะไรไม่ทราบได้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้บรรยากาศระหว่างกันไม่ดูห่างเหินและ
หมางเมินจนเกินไปเหมือนเมื่อก่อนนัก ส่วนผู้เป็นมารดาอย่างนางวลัยนั้นคงต้องใช้เวลามากกว่านี้กระมัง เพราะยังไม่เห็นวี่แวว
ว่านางจะเอื้อเอ็นดูเปียวสักเท่าไหร่เลย
หลังจากได้พูดคุยกับพิชญแล้ว เปียวกับพิชญก็พากันไปเยี่ยมนายพรตที่โรงพยาบาลก่อนที่เปียวจะไปที่บริษัทเป็นอันดับต่อมา
พงศกรที่รักษาการแทนบิดาเมื่อน้องชายคนรองมาหาก็พยายามปั้นสีหน้าให้ดูดีขึ้นมา เพราะไม่อยากให้น้องเป็นกังวลตามตนเอง
ไปด้วย เมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นยังหาทางออกไม่ได้ ชายหนุ่มเข้าเจรจากับทางเจ้าของงาน แต่ยังไม่มีการตอบกลับมาว่าจะให้
พฤทธาการทำงานนี้ต่อหรือไม่ สถานะความมั่นคงช่างคลอนแคลนเหลือเกินในเวลานี้
++++++++++++++
“อลัน”
เปียวเอ่ยเรียกหาเจ้าของชื่อเมื่อคราวนี้เป็นฝ่ายเข้าไปในห้องนอนของอลันเอง ด้วยความร้อนใจอยากรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นเช่นไร
มิสเตอร์แอลกำลังเล่นตลกอะไรกับชีวิตของตนเองอยู่หรือไม่ เปียวมองหาเจ้าของห้องจนทั่วก็ไม่เห็น ก่อนจะไปสะดุดตากับอลัน
ที่ยืนอยู่นอกระเบียง เปียวเดินเข้าไปใกล้เพื่อจะเอ่ยทักอีกครั้ง ได้ยินเสียงพูดคุยโทรศัพท์จึงจะเดินเลี่ยงออกไปก่อน แต่ก็ต้อง
ชะงักเมื่อได้ยินอลันพูดชื่อของตนเอง
“อย่ายุ่งกับเปียว”
“................”
“วิคเตอร์ อย่าทำให้ผมเกลียดคุณไปมากกว่านี้เลย…”
อลันวางสายสนทนาอย่างหงุดหงิด พอหันกลับมาเปียวที่หยุดยืนอยู่ด้านหลังเมื่อครู่ก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว ชายหนุ่มเข้ามาในห้อง
ของตนเองพยายามระงับอารมณ์ก่อนจะเข้าไปหาเปียวอีกห้อง แต่กลับเห็นเปียวยืนอยู่ในห้องของตนเองแทนแล้ว
“อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่?” อลันเอ่ยถามแปลกใจ
“เมื่อกี้... ไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง”
บอกออกไปแล้วเสียงเบาในตอนท้าย อลันมองเด็กหนุ่มที่มีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่ก่อนก้าวเข้าไปจับจูงมือมาที่เตียง รั้งเบาๆให้นั่ง
ลงก่อนถามเสียงนุ่มนวลไม่ชวนทะเลาะเหมือนเคย
“ได้ยินอะไรบ้าง?”
เปียวอึกอัก อลันพยักหน้าให้พูดได้ ไม่มีแววโกรธเคืองใดๆให้เห็น เปียวจึงได้พูดออกมา
“เรื่องคนชื่อวิคเตอร์... เขาจะทำอะไรผมหรือ?”
“ไม่ จะไม่มีใครทำอะไรคุณได้ทั้งนั้น... คุณเชื่อผมไหมเปียว?”
อลันสบตาเด็กหนุ่มที่มีท่าทางสับสน เปียวพยักหน้าเบาๆกับประโยคคำถามนั้น ถามว่าเขาเชื่อไหม เขาเชื่อ เชื่อในคำพูดของ
อลัน เชื่อว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะตอนนี้เขาก็ไม่ได้ต่างจากเด็กที่หลงทางแล้วพบที่พักพิงกับเจ้าของพื้นที่แสนใจดี ทำ
ให้เด็กหลงทางคนนี้พร้อมที่จะเชื่อ และไว้วางใจคนผู้นั้นเสมอ
อลันโน้มตัวไปหา เปียวก้มหน้าลงเล็กน้อยเหมือนจะหลบในทีแรก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผละหนี ชายหนุ่มแตะจุมพิตริมฝีปากบาง
สวย ก่อนเอนกายเพรียวลงนอน เปียวหลับตาลงรับจูบจากอลัน แขนเรียวค่อยเลื่อนไปโอบรอบคอหนา อลันสอดมือเข้าใต้แผ่น
หลังบาง เลื่อนมารั้งลาดไหล่ของอีกคนมาแนบชิดกายมากขึ้น เฝ้าวนจูบไม่รู้เบื่อ ก่อนบอกเปียวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง
“ผมจะปกป้องคุณเอง”
++++++++++++++
เช้าวันต่อมา ฮิโรยูกิมาที่บ้านของอลัน ชายหนุ่มทักทายพูดคุยกับคุณแม่อัญชัน ท่านก็พ้อลูกชายคนโตอย่างอลันว่าใช้งานน้อง
จนไม่มีเวลาพักผ่อน ดูลูกชายคนเล็กของท่านผอมไปเยอะเชียว ฮิโรยูกิเลยว่าตนเองไม่ได้ผอมลงสักหน่อย แต่คุณแม่ที่เห็นว่า
ผอมไปวันนี้จึงจะขุนให้อ้วนกันไปเลย ฮิโรยูกิหัวเราะ หอมแก้มคุณแม่ที่น่ารักของเขา คุยเล่นกับท่านสักพักชายหนุ่มจึงเลี่ยงไป
คุยกับอลัน ไม่อยากให้ท่านรู้ระแคะระคายแล้วกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เวลานี้ แม้จะรู้ว่าปิดท่านไม่มิดหรอก แต่ตอนนี้ก็ยังไม่
อยากให้ท่านรู้สักเท่าไหร่ เรื่องวิคเตอร์ เฟอร์ริงตัน
ฮิโรยูกิเข้ามาคุยกับอลันในห้องทำงานว่าด้วยเรื่องธุรกิจของพฤทธาการมีหนอน
“อีกแล้วหรือ?”
อลันทวนถามเหนื่อยใจ ต่อไปคงต้องให้ฮิโรยูกิสอนสั่งนายพงศกรเรื่องบริหารงานและบริหารคนให้มากกว่านี้ ช่องโหว่เยอะจน
แทบตามปิดไม่หมดแล้วตอนนี้ บ้าชะมัด
“จะทำยังไงอลัน พี่จะให้ผมจัดการเลยไหม?” ฮิโรยูกิเอ่ยถาม เขายังทำอะไรวู่วามไม่ได้ ต้องรอคำสั่งจากพี่ชายก่อนถึงลงมือได้
“เอาไว้ก่อนฮิโระ ดูท่าทีไปก่อน แล้วค่อยตลบหลังมันทีเดียวเลย ระหว่างนี้สั่งคนของเราจับตาดูให้ดีด้วยล่ะ”
“ครับ”
“เอาล่ะ ออกไปข้างนอกเถอะ เดี๋ยวคุณนายอัญชันท่านจะสงสัยเอา”
อลันเปลี่ยนอารมณ์กลับมาเย้าหยอกน้อง ฮิโรยูกิหัวเราะอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ชาย ขืนออกไปช้ากว่านี้มีหวังโดนสายตา
พิฆาตซักจนขาวสะอาดแน่
เมื่อทั้งสองหนุ่มออกจากห้องทำงานมา คุณแม่อัญชันก็ให้เด็กเตรียมตั้งโต๊ะทานข้าว เปียวพยุงคุณตามาที่โต๊ะ โดยมีหัวหน้าแม่
บ้านพยุงคุณยายมาอีกคน อลันเข้าไปรับคุณยายจากหัวหน้าแม่บ้าน เลื่อนเก้าอี้ให้คุณยายนั่งแล้วตนเองจึงไปนั่งข้างๆเปียว คุณ
แม่เอ่ยแนะนำว่าฮิโรยูกิเป็นลูกของท่าน เปียวแปลกใจกับสิ่งที่ได้รับรู้เพิ่มขึ้นมา แต่ไม่ได้พูดว่าอะไรเพียงแต่ยิ้มให้เท่านั้น อลัน
มองเด็กหนุ่มอย่างไม่ค่อยจะสบายใจสักเท่าไหร่ เพราะการที่เปียวเงียบแบบนี้ก็ทำให้เขาเป็นกังวลได้เหมือนกัน แต่ท่าทางของ
เขามันคงออกมากไปคุณแม่อัญชันถึงได้พยักเพยิดให้ฮิโรยูกิดูพี่ชายตนเองหงอย พออลันหันมาทั้งคุณแม่คุณลูกก็ทำไม่รู้ไม่ชี้
แต่แอบขำกันเองในใจสองคน
++++++++++++++
เมื่อทานข้าวเสร็จ สักพักฮิโรยูกิก็ขอตัวกลับ คุณแม่อยากให้นอนค้างที่นี่เลย แต่เพราะสถานะของฮิโรยูกิในเวลานี้ทำให้ค้างด้วย
ไม่ได้ ฮิโรยูกิจึงหยอดว่าถ้างานที่ทำอยู่เสร็จสิ้นลงคงได้กลับมานอนกอดคุณแม่อัญชันแน่นอน คุณแม่ถึงยิ้มได้
ส่วนเปียวกับอลันที่ขึ้นมาบนห้องหลังจากนั้น อลันเอ่ยถามเปียวเรื่องที่โต๊ะทานข้าวว่ารู้สึกอย่างไร โกรธเขาหรือไม่ที่ไม่ยอม
บอกกล่าว เปียวว่าถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างไรเสียก็พึ่งพาอลันอยู่ตลอดเลยแล้วแต่อลันจะเห็นควร อลันจึงยอม
เล่าให้ฟัง ทุกอย่างที่ตนเองกระทำการลงไปเพื่อเปียว และเรื่องที่ฮิโรยูกิทำอยู่ด้วยว่าเพราะอะไร
ในตอนแรกที่เขาให้น้องชายเข้าไปกระทำการใดๆในบริษัทของพ่อเปียว ที่ให้กว้านซื้อหุ้นที่กำลังถูกเทขายในราคาที่ต่ำนั้นก็
เพราะเกรงว่าจะมีคนซื้อไปแล้วยากต่อการที่จะเข้าไปทำอะไรในอนาคต และเหตุผลในขณะนั้นเขานึกเพียงแต่ว่าจะนำมันมา
พัฒนาและส่งคืนเปียวในอนาคต เพราะเปียวกำลังจะมาเป็นคนของเขา แม้จะอยู่ในฐานะคนขัดดอกก็ตามแต่ แต่ทุกคนที่ให้
ความสุขกับเขาได้มักจะได้สิ่งตอบแทนที่เหมาะสมอยู่เสมอ หากเขาจะยกหุ้นในบริษัทคืนให้เปียวก็ไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกอะไร
แต่ ณ ปัจจุบันนี้เขากลับรู้สึกแล้วว่ามันผิดมหันต์ที่คิดเช่นนั้น
“คุณไม่โกรธใช่ไหม?”
เปียวเม้มปากนิ่งเงียบก่อนลุกออกจากห้องไปไม่พูดจา อลันมองตามแล้วใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ใครเขาจะไม่โกรธกันล่ะแบบนี้
เสียงเรียกเข้ามือถือดังขึ้น อลันกดรับ เป็นฮิโรยูกิที่โทรมา บอกว่าวันนี้พี่ชายดูหงอไปเลยเมื่ออยู่กับเปียว อลันถามว่าตอนนี้อยู่
ไหน ฮิโรยูกิหันไปมองคมที่นั่งอิงแอบกันอยู่บนเตียงนอน จูบแก้มหนุ่มหน้านิ่งเบาๆแล้วจึงตอบพี่
“อยู่คอนโดสิ พี่มีอะไรหรือเปล่า?”
พอน้องถามมาอลันก็ไม่กล้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ประเดี๋ยวฮิโรยูกิจะล้อเอาได้อีก เลยเอ่ยตัดบทว่าให้พักเสียแล้วตัดสายไป
ต้องตามง้อเองแล้วอลันเอ๋ย ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินไปเคาะประตูห้องที่เชื่อมต่อกันบานนั้น ทั้งที่ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเคาะมัน มี
แต่เปิดเข้าไปเลยโดยไม่ต้องเอ่ยขอ แต่ตอนนี้กำลังจะมาง้อเจ้าของห้องเขานี่นะ ก็ต้องมีกันบ้าง
รออยู่นานเนิ่นก็ไม่เห็นว่าบานประตูนั้นจะเปิดออกสักที อลันจึงเคาะใหม่อีกรอบ คราวนี้ส่งเสียงตามไปด้วย
“เปียว เปียวครับ เปิดประตูให้ผมหน่อย”
“...........”
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากฝั่งตรงข้าม แต่อลันก็ยังไม่ย่อท้อ ว่าแต่... ทำไมเขาทำเหมือนทำความผิดมาแล้วภรรยาไม่ยอมให้เข้า
ห้องอย่างไรไม่รู้?
“เปียว ผมขอโทษนะที่ทำอะไรไม่นึกถึงใจคุณน่ะ ต่อไปมันจะไม่มีอีกแล้วที่รัก เปิดประตูให้ผมเถอะนะ”
อลันเว้าวอนขอ แต่รอบกายก็ยังคงเงียบอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มตัวโตชักใจฝ่อ นี่โกรธกันจริงจังเลยใช่ไหมนี่
“เปีย…!”
แกร๊ก~
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมเปียวที่โผล่หน้ามา
“เสียงดังอะไรน่ะอลัน?”
อลันมองสำรวจเด็กหนุ่มที่มีผ้าขนหนูผืนเล็กคล้องอยู่ที่คอ เส้นผมที่เปียกหมาดเหมือนเพิ่งจะสระผมมานั่นอีกอย่าง แถมกลิ่นหอม
อ่อนๆของสบู่ที่เปียวชอบใช้อีก เปียวเอียงคอมองอลันที่นิ่งไปก่อนโบกมือไปมาตรงหน้า อลันจับมือเรียวที่โบกไปมานั้นเอาไว้
ก่อนเอ่ยถาม
“นี่คุณ... คุณไปอาบน้ำมาหรือ?”
เปียวพยักหน้ารับ ก่อนถามกลับ “ทำไม?”
“โอ๊ยยย เปียว!” อลันร้องออกมา อยากจะเขย่าคนตรงหน้าให้หัวสั่นหัวคลอนเสียจริง ดูสินั่น ยังมาทำหน้าตาใสซื่อไม่รู้เรื่องอีก
“อะไรของคุณน่ะ?” เปียวเห็นอลันทำท่าทางแปลกๆจึงเอ่ยถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ
“คุณปล่อยให้ผมเพ้อเป็นไอ้บ้าอยู่หน้าประตูนี่ โดยที่คุณไม่รู้เรื่องเพราะเข้าไปอาบน้ำนี่นะ!” อลันโวยวายเพราะทำอะไรไม่ถูก
เสียหน้ามากๆกับการง้องอนโดยที่เขาไม่รู้เรื่องแบบนี้
“แล้วทำไมไม่เปิดเข้ามา บ้าหรือเปล่า?” เปียวยังตอกย้ำซ้ำอีก
“อายตัวเองว่ะ” อลันลูบหน้าตัวเองก่อนวางมือปิดปากท่าทางว้าวุ่นพอดู
“ไม่เห็นต้องอายเลย พูดบ่อยๆก็ได้... ผมอยากฟัง”
“หือ?”
อลันมองคนพูดที่กำลังอมยิ้มแก้มตุ่ยนั่นแล้วถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเสียท่าเปียวเข้าให้อีกแล้ว
“นี่คุณ... หึ แสบนักนะ”
“อ๊ะ! อลัน อย่าสิ”
ชายหนุ่มรั้งร่างเพรียวมากอดแล้วฟัดแก้มตัวแสบหนักๆเป็นการลงโทษ ที่จริงได้ยินที่เขาพูดอยู่ตลอดสินะ แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ได้เนียนมาก เปียวดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวโต ไม่ว่าจะหลบไปทางไหนริมฝีปากของอีกคนก็ยังตามจูบตามหอมไม่เคยพลาด
เป้า จนพอใจนั่นล่ะอลันถึงได้หยุด
เปียวมองหน้าเจ้าของอ้อมแขนที่โอบกอด แตะข้างแก้มสากไรเคราแล้วเกลี่ยเบาๆ สบสายตากับอลันนิ่ง ก่อนบอกความรู้สึกของ
ตนเองให้อีกฝ่ายรับรู้
“อย่าทำแบบนั้นอีกนะอลัน เพราะเพียงเท่านี้มันก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ต่างอะไรกับไอ้ตัวคนหนึ่งอยู่แล้ว”
“ไม่ใช่เปียว…” อลันจะเอ่ยแย้ง แต่ปลายนิ้วเรียวก็แตะริมฝีปากห้ามเอาไว้
“ผมรู้ ไม่ต้องบอกหรอก เราวางสถานะนั้นเอาไว้แล้ว และเราจะไม่ยกมันขึ้นมาเป็นปัญหาอีก”
อลันกุมมือที่แตะริมฝีปากของตนเองแล้วกดจูบปลายนิ้วนั้นแผ่วเบา
“ผมรู้สึกดีมากเมื่อมีคุณอยู่ใกล้ ผมไม่รู้ว่าจะนิยามความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี บางทีมันอาจจะมากกว่าคำว่ารักก็ได้” ชายหนุ่มบอก ไม่
ได้ละสายตาจากอีกคนไปแม้แต่น้อย เปียวยิ้มบางก่อนเอ่ยถาม
“มีด้วยหรือ ความรู้สึกที่มากกว่ารัก”
อลันก้มลงแตะหน้าผากกับอีกคน มองตากันในระยะประชิด ดวงตาวาวหวานตรงหน้าสะกดให้เขาลุ่มหลง กระชับอ้อมกอดมากขึ้น
ก่อนกระซิบบอกถ้อยคำจากใจ
“มีสิ ก็ความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณไงล่ะ”
+++++++++++++++
ต่อด้านล่างค่ะ
