เล่ห์พรางรัก
ตอนที่ ๘ รางวัลพิเศษจากเจ้าหนี้
ช่วงสายของวัน ณ คอนโดมิเนียมหรูของฮิโรยูกิ ภายในห้องนอนที่ปิดม่านกั้นแสงสว่างจากภายนอกทำให้ภายในห้องยังคงมืด
สลัวอยู่ ฮิโรยูกิที่นอนหลับสนิทอยู่ภายใต้ผ้านวมหนานุ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ขยับลุกนั่งแล้วกะพริบตาปรับการมองเห็น ก่อนจะมอง
ไปรอบๆห้อง หัวคิ้วสวยขมวดเมื่อไม่พบสิ่งที่ต้องการ
ชายหนุ่มวาดขาลงจากเตียงนอน เดินไปค้นผ้าขนหนูในตู้มาพันรอบเอว ก่อนเปิดประตูออกไปด้านนอก กวาดสายตามองหาทั่ว
บริเวณก็ยังไม่เห็นวี่แววสิ่งมีชีวิตใดๆในห้องนี้นอกจากตนเอง
“คม... พี่คม อยู่ไหนน่ะ?”
ฮิโรยูกิเรียกหาคนที่อิงแอบมาทั้งคืนนั้น แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบ พอมองหาคมไม่เห็นฮิโรยูกิก็เริ่มใจไม่ดี ใจประหวั่น
เมื่อนึกไปว่าตนเองถูกทิ้งเอาไว้คนเดียวอีกแล้ว ไหนใครกันที่บอกว่าต่อให้พี่ชายเขาเอาปืนมายิงก็จะไม่หยุด มันเป็นเพียงคำพูด
เวลาอยากเท่านั้นหรือ ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่กลางห้อง มันเหมือนเรี่ยวแรงที่ควรมีเหือดหายไปหมด ความสุขสมในค่ำคืนที่ผันผ่าน
ราวกับภาพลวงตา
แกร๊กเสียงประตูห้องเปิดออก คมเดินเข้ามาพร้อมถุงข้าวของในมือ ชายหนุ่มเอาถุงไปวางที่โต๊ะทานข้าว ก่อนจะเดินเข้ามาหาคนที่ยืน
ก้มหน้านิ่ง
“ฮิโระ”
คมเอ่ยเรียก แต่ยังไม่มีการตอบรับจากเจ้าของชื่อ
“เป็นอะไร?”
คมแตะแขนเรียวแล้วลูบเบาๆ ก่อนจะรั้งเอวสอบมาใกล้ตัวมากขึ้น ก้มลงเพื่อมองหน้าคนชิดใกล้
“ผมนึกว่าพี่ไปแล้ว ทิ้งผมไว้คนเดียวอีกแล้ว”
เพียงได้ยินเท่านั้นใจก็เจ็บ เขาคือความทรงจำแสนร้ายของฮิโรยูกิ คาเสะ คมรวบกอดคนขวัญเสียมาแนบชิด ก่อนจะเอ่ยบอก
อย่างให้ความมั่นใจอีกครั้ง
“พี่บอกแล้วไง ต่อให้คุณอลันยิงพี่ให้ตาย พี่ก็จะไม่ยอมหยุดอีกแล้ว”
“ผมตื่นมาไม่เจอพี่”
ฮิโรยูกิบอกเสียงเบา แขนเรียวตอบรับอ้อมกอดของคมกระชับแน่น กลัว... ว่าคมจะหายไปอีก กลัว... ที่ต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มี
คนๆนี้
“พี่ยังอยู่นะ ยังอยู่กับฮิโระ อยู่ตรงนี้ไง”
คมจูบหน้าผากคนในอ้อมกอด ดันตัวฮิโรยูกิให้ผละมามองตา ฮิโรยูกิ คาเสะที่ใครๆเห็นว่าแข็งแกร่ง กลับเป็นเพียงฮิโระผู้อ่อนแอ
และต้องการการปกป้องเมื่ออยู่กับเขา คมก้มลงจูบฮิโรยูกิแผ่วเบา ฮิโรยูกิหลับตาลง ค่อยๆซึมซับตัวตนของอีกคนที่ชิดใกล้ คม
ยังอยู่ เขาไม่ได้ถูกทอดทิ้ง
“พี่จะไม่ไปไหน... พี่สัญญา”
แผลในใจฮิโรยูกิยังมีอยู่ และเขาเองที่เป็นคนสร้างมันขึ้นมา นับต่อแต่นี้ไป คมจะเป็นคนเยียวยารักษามันด้วยตนเอง
++++++++++++
หลังจากวันที่เปียวกับอลันทะเลาะกัน โดยที่เปียวยังไม่ทราบถึงสาเหตุนั้น อลันก็ดูจะยอมเปียวแบบแปลกๆ แต่เปียวก็ไม่ได้ใส่ใจ
มันมากนัก เพราะไม่รู้ว่าวันไหนพายุจะมาอีก มิสเตอร์แอล คนเอาใจยาก
เปียวจะไปที่มูลนิธิของคุณแม่อัญชันตามปรกติ แต่วันนี้อลันกลับขอตามไปด้วย คุณแม่จึงถามว่าไม่ไปทำงานหรือ ชายหนุ่มจึง
บอกว่าเขาเกงานสักวันคงไม่เป็นไร เพราะนี่มันวันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว พอไปถึงมูลนิธิเปียวก็ไม่เห็นก้อยมา รออยู่นานจนอลันถาม
ว่ารอใคร เปียวเลยบอกว่ารอเพื่อน อลันเลยว่าเขาคงไม่มาแล้วล่ะ เปียวถามว่ารู้ได้ไงว่าเขาจะไม่มา อลันจึงทำเฉไฉไปทางอื่น
แอบกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่คนเดียวว่าตนเองสั่งให้บริษัทนั้นห้ามไม่ให้มาเองล่ะ เพราะทางนั้นก็เป็นลูกค้าของบริษัทอลันอยู่ถึงได้มี
ของมาบริจาคที่มูลนิธิของคุณแม่อัญชันบ่อยๆอย่างไรล่ะ ใช้อำนาจในทางที่ผิด แต่ก็จะทำ ดีกว่าปล่อยให้สองคนนี้เจอกันแล้ว
เปียวหลุดมือไป
ช่วงกลางวันเปียวช่วยคนในมูลนิธิตักอาหารใส่ถาดให้เด็กน้อย อลันก็คอยยืนเป็นกำลังใจให้ คอยเช็ดเหงื่อให้อีกด้วย เด็กหนุ่ม
มองอลันอย่างแปลกใจ
“วันนี้มาแปลกนะครับ”
เปียวเปรยขึ้นมาเมื่อกำลังตักอาหารใส่ถาดให้น้องตัวน้อยที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะทานข้าว โดยมีคนของมูลนิธิช่วยยกหม้ออาหารมาวางให้
“ทำไม?”
อลันเอ่ยถามทำให้เปียวหยุดมือแล้วหันมาหาคนถาม เอียงคอทำท่านึกเล็กน้อยก่อนบอก
“ก็... คุณดูแปลกๆ อย่างตอนนี้ที่คอยเช็ดเหงื่อให้ผมน่ะ”
“แล้วไม่ดีหรือ?” อลันถามยิ้มๆ
“ฮึ”
เปียวส่ายหน้า แล้วหันไปตักอาหารให้น้องๆที่มองเขาตาแป๋วต่อ
“แล้วแบบไหนถึงจะดี?”
“แบบไหนก็ไม่ดีทั้งนั้นล่ะครับ... ถอยหน่อยครับ เกะกะ”
เปียวตอบคำถามอย่างขอไปที ก่อนจะบอกให้อลันถอยเมื่อตักอาหารให้น้องคนสุดท้ายแล้ว จะได้เอาหม้อไปเก็บ เปียวเอาหม้อ
ไปเก็บที่โต๊ะกลางอลันก็ยังคงตามมาตอแยไม่เลิก แบบนี้จะไม่ให้บอกว่าแปลกได้อย่างไรกัน
“ใจร้ายนะ”
“ใครกันแน่”
เปียวกระแทกเสียงใส่ ก่อนจะเดินออกไปล้างมือที่อ่างล้างจานด้านข้างโรงอาหาร
“ยังไม่หายโกรธหรือไง?”
“คุณลองโดนใครไม่รู้มาว่าคุณแรงๆโดยที่คุณยังไม่ทันจะทำอะไรให้เขาเลยดูสิ แล้วว่าโดยไม่มีเหตุผลด้วยนะ”
“มีสิ เหตุผลน่ะ”
“เหตุผลอะไร?”
เปียวกอดอกรอคำตอบ แต่อลันก็ไม่ยอมตอบออกมา จะให้บอกได้หรือว่าไม่ชอบให้ไปสุงสิงกับใครเพราะหวงน่ะ บ้าแล้ว
“เห็นไหม สุดท้ายก็แค่ข้ออ้าง” เปียวว่า
“เฮ่ย มากไปหน่อยแล้วนะ กำลังพูดกับใครอยู่รู้เสียบ้าง”
“ผมรู้ว่าคุณคือเจ้าหนี้”
คำพูดกึ่งประชดมาพร้อมสายตาขวางขุ่น ทำให้อลันแทบอยากจะตีปากตัวเองที่ปากพล่อยจนได้เรื่องอีกแล้ว
‘ปากพาซวยแล้วไหมล่ะ’
เปียวเดินหนีคนบ้าอำนาจ ชอบบอกชอบย้ำจริงว่าเขาเป็นใคร กลัวเขาลืมหรืออย่างไรกัน
“เปียว รอด้วย”
เปียวชะงักเท้า หันมามองคนเรียกหน้ามุ่ย อลันเลิกคิ้วเชิงถามว่ามีอะไรหรือ เด็กหนุ่มจึงก้าวเดินต่อ เขาแค่รู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่
มิสเตอร์แอลเรียกชื่อเล่นเท่านั้นเอง
++++++++++++
สถานการณ์ในบริษัทพฤทธาการวันนี้กำลังวุ่นวายได้ที่ เมื่อพนักงานในบริษัทรวมตัวกันประท้วงขึ้นมา เหตุเนื่องมาจากว่าฮิโรยูกิ
นำหลักฐานการฉ้อโกงต่างๆในบริษัทมาให้นายพรต นายพรตก็ได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าเป็นจริงดังที่ว่ามานั้น จึงมีคำสั่งให้ปลด
นายสุรชัยและพรรคพวกที่ร่วมกันกระทำการออกยกชุด และแจ้งความดำเนินคดี ส่วนคนที่ไม่รู้เรื่องตื้นลึกหนาบางพอถูกยุยงก็
ลุกฮือตามเขาไป เพราะคิดว่าบริษัทไม่มีความยุติธรรมให้พนักงานชั้นผู้น้อย ฮิโรยูกิจึงให้พงศกรแสดงศักยภาพที่ว่าแน่จริงออก
มาให้ดูเป็นบุญตาสักหน่อย เสนอแนะให้เรียกหัวหน้ากลุ่มประท้วงนั้นมาเจรจาว่าความ รวมทั้งพนักงานหญิงฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่
ชื่อเกสรด้วย
“ทำไมต้องให้คุณเกสรมาร่วมฟังด้วย ทั้งๆที่เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ”
พงศกรเอ่ยถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ เท่าที่รู้พนักงานหญิงคนนี้เป็นเจ้าแม่ของวงนินทาเลยก็ว่าได้ ให้มารับฟังเรื่องพวกนี้ด้วยมัน
จะดีหรือ ฮิโรยูกิปรายตามองคนถามแล้วยิ้ม ก่อนจะบอกในสิ่งที่พงศกรคาใจ
“มีสื่ออยู่ในมือก็ให้รู้จักใช้งาน มีคุณเกสรคนเดียวกระจายข่าวได้ดีกว่ามีสื่อทุกสื่อเสียอีกนะ มิสเตอร์”
พอได้ฟังเหตุผลแล้วพงศกรบอกได้เลยว่านึกไม่ถึง จะใช้เกสรเป็นหอกระจายข่าวเพราะเธอช่างนินทา หึ กัดเจ็บไม่เบาเลย
ฮิโรยูกิ คาเสะ
เมื่อทุกคนถูกเรียกมารวมตัวกันแล้ว พงศกรจึงชี้แจงเรื่องทั้งหมดให้ได้รับทราบกัน จงใจเว้นเรื่องที่บริษัทกำลังระส่ำระสายเพราะ
ติดหนี้เอาไว้ ทั้งยังให้ความมั่นใจกับพนักงานทุกระดับว่าจะไม่มีการถูกปลดหากมีผลงานดี
การเจรจาพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดี และเป็นไปตามที่ฮิโรยูกิคาด เมื่อข่าวเรื่องฉ้อโกงของนายสุรชัยและพรรคพวกดังไปทั่วบริษัท
อย่างเร็วไวไม่ทันข้ามวันดีด้วยซ้ำ ถือว่าจบเรื่องการประท้วงไปได้อย่างสวยงาม
“ผมต้องขอบคุณมากนะครับมิสเตอร์คาเสะ”
พงศกรที่ทำหน้าที่เดินมาส่งผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่หน้าบริษัทเอ่ยบอก ก็ต้องยอมรับว่าที่เรื่องทุกอย่างมันผ่านพ้นไปได้ก็เพราะผู้ชาย
คนนี้
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก เพราะผมไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อตัวเอง”
ฮิโรยูกิตอบกลับเสียงเรียบ รอยยิ้มยังติดริมฝีปากอย่างที่เคยมี มันเป็นเพียงรอยยิ้มที่ฉาบทาบนใบหน้า ไม่ใช่รอยยิ้มที่มาจาก
ใจจริง บางครั้งพงศกรก็เคยคิดสงสัยว่าคนๆนี้จะมีรอยยิ้มที่แท้จริงกับใครเขาบ้างไหม หรือทำเป็นเพียงยิ้มพลาสติกเช่นนี้
“ขอตัวนะครับ”
ฮิโรยูกิค้อมศีรษะเล็กน้อยตามมารยาทก่อนจะเดินออกจากตัวอาคารมา ตามมาด้วยเลขาฯหนุ่มที่อลันส่งมาทำหน้าที่ติดตาม
ฮิโรยูกิ พงศกรมองตามร่างสูงเพียวที่ดูมาดมั่นนั้นแล้วยิ้มมุมปาก เขาคงต้องมองฮิโรยูกิ คาเสะด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม
เสียแล้ว
+++++++++++++
เมื่อใกล้วันรับปริญญาของเปียว เด็กหนุ่มขออนุญาตมิสเตอร์แอลไปเตรียมตัวฝึกซ้อมพิธีการต่างๆร่วมกับเพื่อนๆ อลันจึงให้คน
ไปตามรับส่ง เมื่อวันนั้นมาถึง เปียวโทรไปย้ำกับพี่ชายอย่างพงศกรอีกครั้ง อยากจะบอกให้พ่อกับแม่และพิชญมาด้วย แต่ไม่
กล้าพอที่จะเซ้าซี้ เพียงแต่ไปที่บ้านแล้วบอกกล่าวว่าตนเองจะเข้ารับปริญญาบัตรวันไหน ถ้าพ่อกับแม่ว่างก็อยากให้ไปเพียง
เท่านั้น
นายพรตกับพงศกรมาร่วมแสดงความยินดีด้วย เปียวนึกไม่ถึงว่าพ่อจะมา เด็กหนุ่มดีใจกว่าอะไรทั้งหมดที่อย่างน้อยพ่อก็ให้ความ
สำคัญกับเขาบ้าง แต่ผู้เป็นแม่อย่างนางวลัยกับน้องชายอย่างพิชญก็ไม่มา พงศกรบอกว่าแม่กับพีติดธุระเลยมาไม่ได้ เปียวรู้ว่า
พี่ชายโกหก แต่ก็เข้าใจและไม่ได้ว่าอะไร แม้ในใจลึกๆแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจ
ส่วนมิสเตอร์แอลนั้น ถึงตัวไม่ได้มาแต่ก็ยังส่งดอกไม้พร้อมเสียงตามสายมาแสดงความยินดี มันคงจะดีกว่านี้ถ้ามันไม่ตามมาด้วย
คำสั่งแสนเผด็จการ ถ้าเสร็จพิธีการอะไรแล้วอลันบอกให้เปียวกลับมาบ้านเลย ไม่ให้ไปเถลไถลที่ไหนอีก ตนเองจะไปรออยู่ที่
บ้าน ถ้าคนที่เขาส่งไปดูแลเปียวอย่างนายวสันต์รายงานว่าเปียวไปไถลที่ไหนต่อจะโดนดีมิใช่น้อย
“คนอะไรเอาแต่ขู่ นึกว่าไม่กลัวหรือไง?”
เหมือนจะท้าทายแต่กลับฟังดูยอมเขาอย่างไรไม่รู้นะ ก็คนมันกลัวจริงๆนี่
“ก็ลองไม่กลัวดูสิ”
อลันข่มขู่แต่น้ำเสียงกลับกลั้วหัวเราะ พูดคุยอะไรกันสักครู่ เปียวจึงเอ่ยตัดบทสนทนา
“แค่นี้ใช่ไหม ผมจะไปถ่ายรูปกับพ่อแล้ว”
“อืม ผมรออยู่นะเปียว”
ก่อนวางสายอลันยังย้ำอีก เปียวมุ่ยหน้ากับคำเรียกขานที่มันเปลี่ยนไป ฟังอย่างไรก็ไม่คุ้นชิน
“รู้แล้วน่า ย้ำจริง”
เปียวคืนโทรศัพท์ให้นายวสันต์ ก่อนจะเดินไปหาพ่อและพี่ชายแล้วถ่ายรูปร่วมกันในวันสำคัญวันนี้
+++++++++++++
หลังเสร็จพิธีการต่างๆแล้ว เปียวไม่ได้ไปฉลองกับเพื่อนที่ไหน แต่เด็กหนุ่มต้องตรงกลับมาที่บ้านของมิสเตอร์แอลตามคำสั่ง
ประกาศิตเลย คนในบ้านร่วมแสดงความยินดีกับเปียวกันเล็กน้อย ตกเย็นคุณแม่ก็ให้จัดงานเลี้ยงเล็กๆให้เปียวอีกด้วย เด็กหนุ่ม
ถึงกับน้ำตาคลอกับสิ่งที่ท่านทำให้ แม้อาจจะดูว่าเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกันแล้วแม่แท้ๆของเขายังไม่สนใจด้วยซ้ำว่าวันนี้คือวัน
สำคัญใดสำหรับเขา แต่คุณแม่ของมิสเตอร์แอลกลับเห็นความสำคัญของมัน มันช่างเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกเลยจริงๆ
เมื่องานกินเลี้ยงเล็กๆผ่านไปแล้ว เปียวกล่าวขอบคุณ คุณตา คุณยาย แล้วก็คุณแม่อัญชัน รวมไปถึงแม่บ้านและคนสวนคนรถ
ทุกคนเลยที่มาร่วมแสดงความยินดีกับเปียวในครั้งนี้ ไม่ได้ลืมมิสเตอร์แอลที่นั่งยิ้มอยู่นั่นหรอก แต่จงใจละไว้ เด็กหนุ่มไปส่ง
คุณตาคุณยายขึ้นห้อง ก่อนที่ตนเองจะเข้าห้องไปอาบน้ำนอนเช่นกัน
พอเปียวอาบน้ำเสร็จ ออกมาจากห้องน้ำมิสเตอร์แอลก็รออยู่ที่เตียงแล้ว เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ก็จำต้องก้าวขึ้นเตียง
นอนไป อลันพลิกกายมานอนตะแคงข้างซ้อนหลังเปียว เมื่อเด็กน้อยของเขาเล่นขี้โกงนอนหันหลังให้กันแบบนี้ ริมฝีปากหยักอ้า
งับใบหูที่เป็นจุดอ่อนไหวไวต่อสัมผัสของเปียวเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป่าลมหายใจรินรดให้สยิวกายเล่น
“จะนอนแล้วหรือ?”
“อืม ครับ วันนี้ผมเหนื่อยมาก”
เปียวตอบรับเสียงไม่พ้นลำคอ อยากจะขอความเห็นใจเหลือเกิน แต่ก็ดูท่าว่าจะไม่ได้ผลเมื่อมือของมิสเตอร์แอลลูบมาที่หน้าขา
แล้ว ไวจริง
“แต่ผมยังไม่เหนื่อยเลย”
อลันกระซิบบอกข้างหู กดจูบไล่มาตามลำคอขาว ไล้ปลายลิ้นตามแนวลำคอขึ้นไปที่ใบหูอีกครั้ง รั้งร่างเพรียวให้เบี่ยงกายมาหา
ตนเอง ครอบครองริมฝีปากสวยอย่างหยอกเย้า เพิ่มความดูดดื่มร้อนแรงมากขึ้น ก่อนผละมาที่ยอดอก ขบเบาๆผ่านเนื้อผ้า ก่อน
จะรั้งชายเสื้อขึ้นจนพ้นอกบางแล้วตวัดลิ้นดูดชิมยอดอกสีหวาน มือหนาลูบไล้ไปตามร่างกาย กดเน้นย้ำคลึงเคล้าใจกลางร่างปลุก
ปั่นอารมณ์ เปียวครางรับในลำคอเมื่ออลันหนักมือขึ้น
“มิสเตอร์แอล…”
เด็กหนุ่มอยากที่จะเอ่ยห้ามปราม แต่ดูจะทำได้ยากเย็นเหลือเกินกับสถานการณ์ที่กำลังตกป็นรองเช่นนี้ ร่างกายเขากำลังตื่นตัว
รับสัมผัส…
“หืม เรียกว่าอะไรนะเด็กน้อย เรียกใหม่ซิ”
เหมือนคำเรียกขานของเด็กน้อยจะไม่เป็นที่พอใจ อลันจึงลงลิ้นกับยอดอกสีหวานตรงหน้านั้นหนักขึ้น เปียวเกร็งยะเยือก กัดปาก
กลั้นเสียงครางเครือ มือเรียวพยายามดันคนที่ทาบทับกายออกห่าง พูดบอกเสียงพร่าแผ่ว
“มิ... อลัน ผมเหนื่อย…”
“อย่างนั้นก็อยู่เฉยไว้ที่รัก ผมจัดการเอง”
แม้จะบอกว่าเหนื่อยแต่คนตัวโตก็ไม่มีเวลานอกให้พัก ยังเสนอแนะแนวทางให้อย่างแสนใจดี
“ไม่...”
อลันรั้งเอวกางเกงนอนของคนใต้ร่างลง เจ้าของเขาจะคว้าตามแต่ก็ไม่ทัน ชายหนุ่มตัวโตครอบริมฝีปากลงไปยังกึ่งกลางร่างที่
ร้อนเร่า ทำให้เด็กหนุ่มเจ้าของร่างกายหลุดเสียงร้องออกมาอย่างสุดกลั้น อลันเตรียมความพรั่งพร้อมให้กับร่างกายขาวเนียนนั้น
เปียวบิดกายเกร็งไปทั้งร่างเมื่อจุดสิ้นสุดใกล้เข้ามา มือเรียวสวยดันศีรษะอลันเอาไว้
“อลัน พอที…”
เปียววอนขอเมื่อทนไม่ไหว ร่างกายเขาร้อนรุ่มราวจับไข้ ลมหายใจหอบหนักเหมือนอากาศไม่พอหายใจกระนั้น อลันมองร่างขาว
เนียนที่บิดส่ายน้อยๆนั้นแล้วอยากที่จะโถมกายเข้าใส่ ชายหนุ่มกลืนน้ำลายเหนียวๆในลำคออย่างยากเย็น สวมใส่เครื่องป้องกัน
ก่อนจะยกสะโพกหนั่นเนื้อเพื่อแทรกกายเข้าหา มองสบนัยน์ตาวาวใสที่คลอคลองหยาดน้ำตานิ่ง เปียวจิกเล็บกับต้นแขนแกร่ง
เกร็งรับการสอดแทรก พยายามผ่อนลมหายใจให้ทุกการเคลื่อนไหวเป็นไปด้วยดี อลันโน้มกายลงหา แนบริมฝีปากประกบจูบ
ค่อยขยับกายถอดถอน ผลักดัน เชื่องช้า กระซิบเสียงพร่าสั่นข้างใบหูบาง
“รางวัลสุดพิเศษสำหรับเด็กดี จะจัดหนักให้ทั้งคืนเลยครับ”
“มิสเตอร์แอล...หื่นกาม อ๊ะ!..” เปียวต่อว่าน้ำเสียงขาดห้วงเมื่อร่างกายถูกครอบครองจนหมดสิ้น
“อันนี้ไม่ปฏิเสธครับที่รัก”
อลันยิ้มพราย จุมพิตริมฝีปากเจ่อบวมของคนใต้ร่าง ค่อยๆจุดไฟรักให้โหมกระพือขึ้นมาอย่างตั้งใจ บรรเลงเพลงรักขับกล่อมเด็ก
น้อยที่น่ารักของเขา จวบจนแทบสิ้นไร้เรี่ยวแรงที่มีบทบรรเลงเพลงนี้จึงจบลง…
TBC
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ จัดบวกไปหนักๆเลยค่ะทุกท่าน
มาช้ามากมายต้องขออภัย พบกันอีกครั้งในวันจันทร์ หากไม่ติดธุระอะไรนะคะ 
วันใหม่ค่ะ 
ขออนุญาตลงอีกรอบ เผื่อพี่ little_nok ไม่ทันเห็นไรว้า
เคืองเขาเองก็ต้องตามมาง้อเอง
โกรธอะไร เจ้าตัวเขายังไม่รู้เรื่องเลย
เวลาอลันคุยกับแม่ ภาษามันแปลกๆ คืออ่านแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจจ๊ะ
^
^
แปลกยังไงบอกได้นะคะ คือใหม่ก็ใหม่สมชื่ออ่ะค่ะ ถ้ามีตรงไหนที่อ่านไม่เข้าใจใหม่จะได้แก้ไขถูกจุด
ขอบคุณพี่ little_nok ที่ช่วยดูให้ด้วยค่ะ 